ความคิดเห็นที่ 1 เชิญเข้าไปในเวปนี้เลย น๊ะจ๊ะ   www.muslimthai.com ทุกท่านยินดีที่จะให้ความรู้แก่คุณจ้า..   เดือนนี้เป็นเดือนรอมอฎอน  (เดือนถือศิลอด) เหลืออีกประมาณ 8 หรือ 9 วัน จากคุณ : **/\** (ยัยชา) - [ 13 ต.ค. 49 20:40:06 ]

ความคิดเห็นที่ 2 หินดำ กับกะบะคือคนละอย่างกันนะครับ กะบะห์คือ สี่เหลี่ยมที่คลุมผ้าไว้ ครับ ส่วนหินดำจะถูกประดับไว้ที่มุมของกะบะห์เพื่อเป็นจุดเริ่มของการเดินเวียนหรือตอวาฟ อัลลอฮฺได้ทรงเลือกกะบะฮฺให้เป็นจุดกำเนิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมุสลิมทั่วโลก กะบะฮฺเป็นบ้านหลังแรกของการทำการเคารพภักดีอัลลอฮฺบนโลกนี้ อัลลอฮฺ(ซ.บ.) ได้สั่งให้อดัมและเฮาวาอ์ทำการสร้างกะบะฮฺ โดยส่งมลาอิกะฮฺญิบรีลลงมาเพื่อบอกวิธีการและช่วยพวกเขาสร้างกะบะฮฺ                บรรดามุสลิมทั่วทุกมุมโลกได้รับความโปรดปรานโดยอัลลอฮฺ ด้วยการให้กะบะฮฺกลายเป็นจุดกำเนิดของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในการทำละหมาดวันละ 5 เวลา  กะบะฮฺยังเป็นจุดกำเนิดความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในระหว่างการทำฮัจญฺ กะบะฮฺได้ทำให้บรรดามุสลิมได้รำลึกถึงอดัมและเฮาวาอ์ รวมทั้งศาสนฑูตท่านต่อมาคือ นบีอิบรอฮีมและบุตรชายของท่านคือนบีอิสมาอีล ผู้ซึ่งได้ทำการบูรณะกะบะฮฺขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนหินดำนักวิชาการบางส่วนมีทัศนะ(เท่าที่ผมทราบ)ว่าหินดำนั้นเป็นหินจากสวรรค์ที่นบีอาดำเอาลงมาจากสวรรค์ด้วย นะครับ อาจจะมีทัศนะอื่นด้วยรอท่านอื่นมาเสริมละกันนะครับ แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 21:17:49 แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 21:15:15 จากคุณ : beckmee - [ 13 ต.ค. 49 21:14:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 หากมุสลิม มองสิ่งเคารพของศาสนาอื่นว่าเป็นเพียงเจว็ตอย่างหนึ่ง ผู้คนในศาสนาอื่นก็ย่อมสามารถมองว่า หินดำ และกาบะฮ ของมุสลิมนี้ ก็ไม่ต่างกัน หมายเหตุ ไม่ได้ตำหนินะครับ ความเห็นนี้ตั้งอยู่บนสันนิษฐานที่ว่า ถ้ามุสลิมมองสิ่งเคารพของศาสนาอื่นว่าเป็นเจว็ต ก่อนนะครับ ดังนั้นคนในศาสนาอื่นก็ย่อมมีความเห็นเช่นนั้นกับ สิ่งเคารพของมุสลิมได้ หากมุสลิมไม่ได้มองสิ่งเคารพของศาสนาอื่นเช่นนั้น ศาสนาอื่นก็ย่อมไม่สิทธ์ไปมองสิ่งเคารพของมุสลิมอย่างนั้นเช่นกัน หรือใครจะแย้ง จากคุณ : Harald (Harald) - [ 13 ต.ค. 49 22:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ก็ไม่ได้เคารพกะบะห์และหินดำนี่ครับ ??ไม่ได้เป็นสิ่งศักสิทธ์ด้วยนะครับ แต่ศาสนาอื่น เคารพที่เคารพเจว็ดเพราะเคารพจริงๆหรือว่าไม่จริง ใครจะแย้งครับ?? จากคุณ : beckmee - [ 13 ต.ค. 49 23:15:35 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เผอิญหินดำกับเจว็ดต่างกัน เจว็ดเป็นวัตถุบูชา เอาไว้กราบไว้เพื่อศิริมงคล ไม่เหมือนกับหินดำ อ่านที่คุณ beckmee นะครับ ว่า "ส่วนหินดำจะถูกประดับไว้ที่มุมของกะบะห์เพื่อเป็นจุดเริ่มของการเดินเวียนหรือตอวาฟ" มุสลิมไม่ได้กราบไหว้หินดำ ส่วนเจว็ดจุดประสงค์คือเอาไว้กราบไหว้ตัวเจว็ดเอง ผมยังไม่เคยเจอเจว็ดอันไหนเอาไว้เป็นจุดเริ่มต้นในการเวียนรอบวิหารของเจว็ดนะ จากคุณ : Carroth - [ 13 ต.ค. 49 23:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หินดำของมุสลิมจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์หรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นที่ผมถาม ประเด็นที่ผมถามก็คือ มุสลิมมองสิ่งเคารพในศาสนาอื่นว่าเป็นเจวต หรือไม่ เท่านั้น ถ้ามองเป็นเช่นนั้น ผู้คนในศาสนาอื่นก็ย่อมมีสิทธ์จะมองว่าหินดำของมุสลิก็ไม่ต่างกัน ไม่ได้อยู่ที่ตัวหินดำครับ  อยู่ที่การมองของมุสลิมเองที่มีต่อสิ่งเคารพของผู้อื่นต่างหาก จากคุณ : Harald (Harald) - [ 13 ต.ค. 49 23:30:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ถ้างั้นจะมองไงก็เรื่องของเขา ถือว่าได้อธิบายถ้ายังมองแบบนั้นอีก ช่วยไม่ได้ จากคุณ : Carroth - [ 13 ต.ค. 49 23:39:12 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ขอตอบตามที่ท่านเจ้าของกระทู้สงสัย..... และเสริมจากท่าน beckmee ,Carroth Kaaba คืออาคารทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่ตรงกลางมัสยิดอัล-ฮะรอม มหานครเมกกะ ซาอุดิอาระเบีย กะฮฺบะฮฺเดิมถูกทำลายเพราะน้ำท่วมโลก แต่อัลลอฮฺทรงให้นบีอิบรอฮิม(อับราฮัม)กับลูกชายอิชมาอิล(อิชมาเอล)สร้างกะฮ์บะฮ์ขึ้นมาใหม่เพื่อเป็นสถานะที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮฺ และเชิญชวนให้มาสักการะเอกองค์อัลลอฮ์ ก็มีคนมาจากทุกสารทิศเดินทางมาไม่ขาดสาย กะฮฺบะฮฺสร้างด้วยหินธรรมชาติ มีความกว้างประมาณ 40 ฟุต สูง 50 ฟุต ไม่มีหน้าต่าง แต่มีประตูอยู่หนึ่งบาน มุมทั้ง 4 มีชื่อ 1.ทิศเหนือ มุมอัรรุกนุลอิร็อก(มุมอิรัก) 2.ทิศตะวันตก มุมอัรรุกนุชชามี(มุมชาม) 3.ทิศใต้ มุมอัรรุกนุลยะมานี(มุมเยเมน) 4.มุม อัรรุกนุลอัสวัด(มุมหินดำ) คลุมผ้าสีดำและปักลายตัวอักษรภาษาอาหรับสีทอง เป็นคำสรรเสริญแห่งอัลลอฮ์   กะฮฺบะฮฺ  มัสยิด อัล ฮะรอม ซาอุดิอาระเบีย กะฮฺบะฮฺ ถือเป็นศูนย์รวมของมุสลิมทั่วโลก เป็นที่ที่อัลลอฮ์กำหนดให้เป็นที่สักการะพระองค์ เป็นทิศกิบลัตสำหรับการนมาซ (ละหมาด)ของชาวมุสลิม   ฮัญจรัล อัสวัด หรือหินดำ (Hajaral Aswad)   เป็นหินสีดำที่ถูกติดตั้งไว้ตรงมุมหนึ่งของกะฮฺบะฮฺเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นและจุดครบรอบการเดินเวียนรอบกะฮฺบะฮฺ(ตอวาฟ) ท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "หินดำถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ซึ่งความขาว (ของหินดำนั้น), ขาวยิ่งกว่า (ความขาวของ) น้ำนมเสียอีก, (แต่ที่เปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจาก) ความผิดต่างๆ ของลูกหลานอาดัมทำให้หินดำนั้นเป็นสีดำ" บันทึกโดยติรฺมิซีย์ ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นะ(รก) - [ 13 ต.ค. 49 23:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 9 มันขึ้นอยุ่กับว่าเคารพจริงหรือเปล่าต่างหากครับ ที่มุสลิมมองศาสนาอื่น เพราะมันจริง ที่ศาสนาอื่นเคารพเจว็ด แต่ที่คนอื่นมอง มุสลิม ว่าเคารพหินดำ แต่มันไม่จริง ครับ? ไม่มองความจริงละครับ ไปมองความคิดคน ทำเพื่อ?? แก้ไขเมื่อ 13 ต.ค. 49 23:49:53 จากคุณ : beckmee - [ 13 ต.ค. 49 23:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่มีบทไหนบอกว่าให้เคารพหินดำครับ ทั้งหมดที่คนทำ เพราะเปนการระลึกถึงแค่ไหน เจว็ดในความหมายของศาสนาอื่นคือกราบไหว้และบูชาตัวเจว็ดเอง แต่มุสลิมไม่ได้กราบไหว้หรือนับถือหินดำแทนพระเจ้าครับ จากคุณ : NiGht pRincE - [ 14 ต.ค. 49 01:15:42 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พวกคุณอย่าโกหกตัวเองเลย ว่าไม่ได้มองหินดำ และ กาบะฮ เป็นสิ่งเคารพ มีความเชื่อของชาวมุสลิมที่ว่าในชีวิตหนึ่งจะต้องหาทางเดินทางไปสักกการะ กาบะฮ ที่นครเมมกกะ ให้ได้อย่างน้อยหนึ่งครั้ง และถ้าใครได้ไปแล้ว ถือเป็นการทำที่ยิ่งใหญ่ พระเจ้าจะอวยพรยินดีรับเขาเข้าสวรรค์ ทุกคนที่ไปที่กาบะฮ ล้วนมีความหวังอยู่ในใจ ว่าจะได้รับการอวยพรจากพระเจ้า จะได้รับการปกป้องจากความชั่วร้าย ก็ไม่ต่างอะไร กับชาวบ้านชาวเขาในต่างจังหวัดที่เอารูปปลัดขลิกบ้าง เอาผ้าแดงบ้าง มาเคารพ ด้วยหวังว่า จะช่วยให้พวกเขาได้รับพร จะช่วยให้พวกเขารอดจากผีแม่หม้าย นอกจากว่าทุกคนที่ไปที่กาบะฮ แล้วบอกว่า ฉันเพียงแต่มาดู หินแปลกประหลาด ไม่ได้มีความรู้สึกเคารพอะไร เหมือนมาดูของโชว์ตามพิพิธพันธ์ หรือตามห้าง มันเป็นอย่างนั้นหรือเปล่าเล่าครับ อย่าหลอกตนเองต่อไปเลย หมายเหตุ ย้ำว่า ไม่ได้เป็นการดูหมิ่นสิ่งเคารพใดๆของมุสลิม เพราะขึ้นกับเงื่อนไขที่ได้บอกไว้ข้างต้นนั้นแล้ว จากคุณ : Harald (Harald) - [ 14 ต.ค. 49 07:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ฮาๆ มุสลิมเค้าไปทำฮัจย์ครับไม่ได้ไปสักการะ กะบะหรือหนดำ ไม่รู้ก็อย่ามั่วครับ มุสลิมไม่ได้โกหกตัวเองครับ เพราะการเคารพสิ่งอื่นนอกจากพระเจ้า ดังที่คุณยกตัวอย่างมาเนี่ย เรียกว่าชิริค เป็นบาปใหญ่นะครับ ตกนรกครับ ผมถึงกล้ายืนยันว่ามุสลิมไม่ได้เคารพ หรือสักการะ กะห์บะห์ หรือหินดำครับ ขอร้องละ ถ้าเถียงไม่ได้ก็อย่าแถครับ เห็นมาหลายกระทู้ละครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 09:00:49 จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 08:49:34 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วทำไมผู้คนที่ทำฮัจจ์จึงเชื่อกันว่าไปแล้วจะได้รับพรจากพระเจ้า จะได้รับการเข้าสวรรค์ แล้วที่มาของกาบะฮ์เองนั้น ไม่ใช่เริ่มจากแท่นบูชาพระเจ้าในยุคของอิชมาเอลหรือครับ (อ่านจากที่มุสลิม ท่านหนึ่งในที่แห่งนี้เคยแสดงความเห็นไว้) ถ้ามีการสร้างเป็นแท่นบูชาก็ไม่ต่างอะไรกับสิ่งเคารพหรอกครับ ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ แล้วทำไมต้องไปประกอบพิธีฮัจจ์จนมีคนเหียยบกันล้มตาย ในที่ตรงนั้น อมหินดำมาพูดก็ไม่เชื่อครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 14 ต.ค. 49 09:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 14 แล้วที่มาของกาบะฮ์เองนั้น ไม่ใช่เริ่มจากแท่นบูชาพระเจ้าในยุคของอิชมาเอลหรือครับ (อ่านจากที่มุสลิม ท่านหนึ่งในที่แห่งนี้เคยแสดงความเห็นไว้) >>>>>>>>>>แท่นบูชา ?อิสลามไม่มีแท่นบูชาครับ?ไปเอามาจากไหนครับ ที่ทำฮัจย์ก็เพราะเป็นการปฏิบัติตามที่พระเจ้า บัญญัติครับ ดังนั้น การที่พระเจ้าจะตอบแทนสวรรค์ให้ก็ไม่แปลกครับ ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ แล้วทำไมต้องไปประกอบพิธีฮัจจ์จนมีคนเหียยบกันล้มตาย ในที่ตรงนั้น อมหินดำมาพูดก็ไม่เชื่อครับ >>>มั่วอีกแล้วนะครับ ฮาๆ ตรงที่เหยียบกันตายอยู่ที่อำเภอมินา ที่ขว้างเสาหินครับ ไม่ใช่ตรงที่กะบะห์ หรือหินดำ แหม อมพระมาพูดหรือเปล่าเนี่ยท่าน??ฮาๆ จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 09:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้างจาก คห.8 กะฮฺบะฮฺเดิมถูกทำลายเพราะน้ำท่วมโลก แต่อัลลอฮฺทรงให้นบีอิบรอฮิม(อับราฮัม)กับลูกชายอิชมาอิล(อิชมาเอล) สร้างกะฮ์บะฮ์ขึ้นมาใหม่ .......เพื่อเป็นสถานะที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮฺ .............. และเชิญชวนให้มาสักการะเอกองค์อัลลอฮ์ ก็มีคนมาจากทุกสารทิศเดินทางมาไม่ขาดสาย ------------------------------------------------------------------------------ ผมอ่านแล้วเข้าใจว่า กะฮฺบะฮฺ ก็คือเจว็ดแทนองค์อัลลอฮ์ มีใครแปลได้เป็นอย่างอื่นอีกหรือ? นอกเสียจากว่าอิสลามให้คำจำกัดความคำว่าเจว็ดใว้แคบกว่าผู้อื่น ฯ................และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ <คำแปลอัลกุรอาน 4:36> ฯ................และพวกท่านอย่าตั้งพระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ <คำแปลอัลกุรอาน 51:51> หมายความว่า .........พระเจ้าอื่นใดเป็นภาคีกับอัลลอฮ.....นับเป็นเจว็ดไปหมด แต่ถ้าเป็น.....สถานะที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮฺ.....ก็ไม่นับว่าเป็นเจว็ด ใช่หรือไม่? สรุปแล้ว ...... สถานะที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮฺ........ นี่ต่างจากศาลพระภูมิเจ้าที่ตรงไหนหรือ? ที่ผมคิดสงสัยและตั้งคำถามแบบนี้ คงไม่เห็นว่าเป็นการจาบจ้วง จนรับไม่ได้หรอกนะครับ................ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 14 ต.ค. 49 09:54:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ไม่จาบจ้วงครับ ผมก้ยินดีอธิบาย ผมว่าตอบชัดเจนแล้วนะครับ สถานที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮ์ ไม่ได้เคารพสักการะสถานที่ครับ มีคนขึ้นไปเหยียบอยู่บ่อยๆนะครับ กะบะห์เนี่ยครับ จะแสดงเป็นสิ่งที่เคารพ จะขึ้นไปเหยียบเหรอครับ? อิสลามไม่ได้เห็นว่ากะบะห์เป็นตัวแทนพระเจ้านะครับ ไม่ได้ให้ความเคารพบูชาด้วย ดังนั้นจะว่าเป็นเจว็ดตัวแทนพระเจ้าคงมิได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับศาลพระภูมิ ต่างจากศาลพระภูมิมากละครับ คนกราบไหว้ เคารพสักการะศาลพระภูมิ เทวดา เจ้าของที่นะครับ และเคารพพระภูมิด้วย??  ถ้าเหมือนกันต้องถามว่า มีคนกล้าขึ้นไปเหยียบหรือเปล่า?? แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 10:25:40 จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 10:19:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 อิสลามไม่เคารพสิ่งที่เป็นรูปธรรมอื่นนอกจากพระเจ้า(ถ้าพระเจ้ามีรูป)ครับ ถ้าจะมีรูปใดทางศาสนาก็เพื่อให้ระลึกถึงพระเจ้า เหมือนพุทธศาสนิกที่ไหว้พระพุทธรูปทองแต่จิตระลึกถึงคุณของพระพุทธองค์(ไม่ได้ระลึกถึงทองที่หล่อเป็นพระพุทธรูป) แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 10:42:28 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 10:41:35 จากคุณ : collocalia - [ 14 ต.ค. 49 10:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ....ก็แค่เป็นทิศทาง ในการหันหน้าไปสำหรับทำการ ละหมาด และเป็นจุดเร่มต้นในการตอวาฟ เท่านั้น ไม่ได้จุดธูป กราบไหว้ และอีกอย่างก็เพื่อแสดงถึงการเป็นเอกภาพเดียวกันทั่วโลก  ก็เท่านั้น จากคุณ : เพื่อนร่วมทาง - [ 14 ต.ค. 49 10:54:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/01/Y4034006/Y4034006.html ...................... กุรอ่านจำแนก เจว็ด เอาไว้ว่า... (กุรอ่าน7:191) "พวกเขา(เหล่าผู้ปฎิเสธชาวมักกะฮ์) จะให้สิ่งที่บังเกิดอันใดมีหุ้นส่วน (กับพระเจ้า) ทั้ง ๆ ที่พวกมันถูกบังเกิดขึ้น กระนั้นหรือ ?" ...พวกบูชาเจว็ดเชื่อว่า เจว็ดของตนสร้างทุกสิ่ง เช่นเดียวกับ พระเจ้า ที่สร้างทุกสิ่ง ทั้งๆที่มันเองก็ถูกปั้นขึ้นมา >>>มุสลิมไม่ได้มองกะอ์บะฮ์ว่าเป็นเช่นนั้น<<< (กุรอ่าน7:192) "และพวกมัน(เหล่าเจว็ด) ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่พวกเขา(ผู้ที่บูชส) และทั้งไม่สามารถช่วยเหลือตัวของพวกมันเองด้วย" ...พวกที่บูชาเจว็ด เชื่อว่า เจว็ดของตน นำความสุข ความเจริญ และความมีศิริมงคลมาให้แก่ตนเอง >>> มุสลิมเชื่ออย่างสนิทใจว่า ผู้ที่ประทานความสุข ความเจริญ และศิริมงคล คืออัลลอฮ์เท่านั้น<<< ................... ผมไม่ทราบว่าศาลพระภูมิจริงๆแล้วตั้งเพื่ออะไร แต่ตามที่เข้าใจคือ เป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญานบางลักษณะ หากเป็นเช่นนี้ วิหารกะอ์บะฮ์ ไม่เป็นที่สิงสถิตย์ของวิญญานตนใดๆ ในลักษณะใดๆทั้งสิ้นครับ จากคุณ : SA Student - [ 14 ต.ค. 49 12:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อืมครับ ได้ความรู้ๆ ^o^ จากคุณ : bas'cate'ball - [ 14 ต.ค. 49 14:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ Sa ครับ ศาลพระภูมิเป็นความเชื่อของพราหมณ์ครับ ไม่ใช่พุทธ......หลายท่านยังสับสน คิดว่า ศาลพระภูมิเจ้าที่ คือเรื่องของพุทธ คนไทยรับเอาวัฒนธรรม มามากมายครับ ทั้ง เขมร จีน ลาว พรามหมณ์ ผี ฯลฯ กลายเป็นวัฒนธรรมผสมไปแล้ว เรื่องศาลพระภูมิไม่เป็นเรื่องของพุทธ ดังนั้น อย่าคิดว่า พุทธสอนให้ไหว้ศาลพระภูมิ ไม่แน่ใจว่า เคยอ่านหนังสือว่า พระพุทธเจ้า ก็มิได้ต้องการให้สร้างรูปเคารพเช่นกัน แต่ เหล่าผู้ศรัทธา อยากจะสร้างไว้เพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณคำสอนของท่าน คนแรกที่สร้าง น่าจะเป็น พระเจ้าอโศกมหาราช (ไม่แน่ใจ) ที่สร้างพระพุทธรูปขึ้นมา เหมือนดังเช่น อนุเสาวรีย์เหล่าบรรพกษัตริย์ของไทย ที่เราไหว้ เพราะเรารำลึกถึงพระคุณ ไม่ได้ไหว้ เหล็ก หรือ ไหว้ปูนที่เอามาทำ ครับ ถ้าเรียกพระพุทธรูปว่า เจว็ด ...........ถ้าเช่นนั้น..... หินดำ ที่คนไปจูบ ไปลูบคลำ ไปดู ก็คือ เจว็ดเช่นกัน ลองไปดูว่าที่มองของ หินดำ กับ อาคาร กะบะห์ มาจากไหน ?? แล้วทำไมต้องเป็นหินสีดำ และ อาคาร กะบะห์ ต้องเป็นสี่เหลี่ยมลูกบากศ์คลุมผ้าสีดำ......???? มุสลิมหลายท่านบอกว่าผม ขาย แพะ กับ แกะ อิอิ.. http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4724205/Y4724205.html แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 14:54:26 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 14:50:03 จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 14 ต.ค. 49 14:47:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ^  |  | ขอบคุณนะ  พลาดกระทู้ไปนั้นได้ไงไม่รู้ เกือบไม่ได้อ่านซะแล้ว จากคุณ : analog modem - [ 14 ต.ค. 49 15:34:10 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ตอบครับ ทุสิ่งที่มุสลิมทำนั้น ถูกระบุไว้ในคัมภีร์ และในแบบฉบับของท่านนบีครับ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำฮัจย์ ไม่ว่าจะเป็นการจูบหินดำ ไม่ว่าจะเป็นการละหมาดที่ทั่วโลกต้องหันไปทางนั้นเพียงที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่าง หากมีระบุไว้ในคัมภีร์ และแบบอย่างท่านนบีแล้ว มุสลิมจะทำ และถ้าหากทำนอกเหนือจากนั้น เป็นสิ่งที่ผิด และขอยกข้อความของคุณbeckmee มานะครับ ซึ่งมีความชัดเจนมาก หากอ่านแล้วลองไตร่ตรองตามครับ _________________ สถานที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮ์ ไม่ได้เคารพสักการะสถานที่ครับ มีคนขึ้นไปเหยียบอยู่บ่อยๆนะครับ กะบะห์เนี่ยครับ จะแสดงเป็นสิ่งที่เคารพ จะขึ้นไปเหยียบเหรอครับ? อิสลามไม่ได้เห็นว่ากะบะห์เป็นตัวแทนพระเจ้านะครับ ไม่ได้ให้ความเคารพบูชาด้วย ดังนั้นจะว่าเป็นเจว็ดตัวแทนพระเจ้าคงมิได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับศาลพระภูมิ ต่างจากศาลพระภูมิมากละครับ คนกราบไหว้ เคารพสักการะศาลพระภูมิ เทวดา เจ้าของที่นะครับ และเคารพพระภูมิด้วย??  ถ้าเหมือนกันต้องถามว่า มีคนกล้าขึ้นไปเหยียบหรือเปล่า?? _______________________________ เหล่านี้แหละคือสิ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า กะบะฮฺ ไม่ใช่ที่บูชาครับ จากคุณ : hamzah (hamzah) - [ 14 ต.ค. 49 17:56:51 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อืมม...อ่านดูแบบมึนๆและรู้สึกจะพยายามอธิบายแบบเฉไฉกันไปมาอยู่เรื่อยๆว่าจะเป็นที่เคารพสักการะหรือไม่ใช่ เอางี้ดีไหม ลองจินตนาการดู สมมติว่าอเมริกายิงขีปนาวุธผิดพลาดแล้วไปโดนหินดำนี้เข้าจนระเบิดแตกเป็นจุณ ต่อจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นตามมา 1. ชาวมุสลิมจะอยู่อย่างสงบเพราะเห็นว่าที่ถูกทำลายไปเป็นแค่หินก้อนหนึ่งไม่ใช่วัตถุมีไว้เคารพสักการะ หรือว่า 2. ชาวมุสลิมทั่วโลกจะลุกขึ้นมาประท้วงเผาบ้านเผาเมืองเข่นฆ่าผู้คนเพราะเห็นว่าหินดำถูกทำลายยอมไม่ได้เด็ดขาด ท่านว่าจะเกิดเหตุแบบข้อไหน? ตอบให้ชื่นใจหน่อยซิ คำตอบของท่านคือบทสรุปว่าหินดำมีไว้เคารพสักการะหรือไม่นั่นเอง จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 14 ต.ค. 49 20:13:39 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ในการไปประกอบพิธีฮัจจ์ที่บริเวณดังกล่าว จะมีการเดินรอบกาบะฮ์นี้ด้วย ใช่หรือไม่ พวกคุณไม่ทราบหรือว่าในสมัยโบราณนั้น เขาแสดงความเคารพต่อสิ่งเคารพของพวกเขาด้วยการเดินวนรอบ โดยทั่วไปก็มี สามรอบบ้าง ห้ารอบบ้าง แล้วแต่ความเชื่อ การเดินวนรอบนี้ คือการแสดงออกของการเคารพเทอดทูนต่อสิ่งนั้น อย่างยิ่ง โดยส่วนใหญ่จะใช้กับสถานที่ บางครั้งก็จะมีการนำมาใช้กับบุคคล ถ้าบุคคลนั้นเป็นที่เคารพรักอย่างยิ่ง ถ้าไม่ได้ไปเดินวนรอบเพื่อแสดงความเคารพ แล้วไปเดินวนรอบทำอะไร ไปเล่น รีรี ข้าวสาร เหรอ หมายเหตุ ไม่ได้เป็นการดูหมิ่นนะครับ แต่เป็นการแสดงความเห็นแย้งกลับ ตามตรรกะ ความเห็นแย้งข้างต้น หมายเหตุ  มีการเหยียบกันตายหลายครั้งแล้วครับ บริเวณกาบะฮืนั้น  แต่ที่มีบ่อยคือบริเวณที่เสาขว้างหิน ลองไปตรวจทานดูให้ดีนะครับ มีอยู่ปีหนึ่งที่เกิดเหตุขั้น ตอนนั้นมีคนไทยที่ไปร่วมพิธีอยู่ในเหตุการณ์ดว้ย ยังออกมาเล่าออกทีวีเลย จากคุณ : Harald (Harald) - [ 14 ต.ค. 49 20:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ก็ลองบอกมาสิครับว่าปีไหน??? การเดินวนหรือ ตอวาฟเป็นอิบาดะห์ อย่างนึงที่พระเจ้าสั่งให้กระทำ ฉะนัน้ที่กระทำคือการสักการะพระเจ้าครับ ไม่ใช่สักการระกะบะห์หรือหินดำ อย่าเอาการเวียนเทียนรอบอุโบสถมา เปรียบเทียบสิครับ มันไม่เหมือนกันครับ อีกอย่างถึงจะมี มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับการสักการะอะไรเลยครับ มันเป็นอุบัติเหตุ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เอางี้ดีไหม ลองจินตนาการดู สมมติว่าอเมริกายิงขีปนาวุธผิดพลาดแล้วไปโดนหินดำนี้เข้าจนระเบิดแตกเป็นจุณ ต่อจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นตามมา>>>ปัญหาคือเมริการยิงขีปนาวุธมาทำอะไรต่างหากครับ  ท่านก็ยกตัวอย่างคิดหน่อยก็ดีครับ ผมขำ  ไม่ว่าประเทศไหน ใครยิงขีปนาวุธเข้าไปมีปัญหาทุกประเทศละครับไม่ว่าจะไปโดน อะไร เพราะมันเรียกว่าเปิดสงครามแล้วครับ สมมติว่าเป็นแบบนั้นจริง ปัญหาคือ อเมริกายิงไปโดนจะไปทำลายมัสยิด ฮะรอม เข้าไปด้วย นั้นแหละปัญหาใหญ่เพราะ มัสยิดทุกแห่งพระเจ้าให้เกียรติเป็นบ้านของพระเจ้านะครับ !!! อืมม...อ่านดูแบบมึนๆและรู้สึกจะพยายามอธิบายแบบเฉไฉกันไปมาอยู่เรื่อยๆว่าจะเป็นที่เคารพสักการะหรือไม่ใช่>>>>>>>>>>>ไม่ทราบวาเฉไฉตรงคำพุดไหนครับ ผมยืนยันอีกที่ว่ากะบะห์กับหินดำไม่ใช่รูปเคารพ สักการะ ผมเองก็เคยไปทำฮัจย์มาในใจคิดแต่เรื่องเคารพสักการะพระเจ้าครับ +++++++++++++++++++++++++++++++++++ ถ้าเรียกพระพุทธรูปว่า เจว็ด ...........ถ้าเช่นนั้น..... หินดำ ที่คนไปจูบ ไปลูบคลำ ไปดู ก็คือ เจว็ดเช่นกัน >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>การจูบ ลูบคลำเป็นไปตาม สุนนะห์หรือแบบอย่างของท่าน นบีมูฮัมมัดครับเพื่อระลึกถึงความเมตตาของพระเจ้า ครับ ไม่ทราบว่าเหมือนพระพุทธรูปตรงไหนครับ เพราะ ทุกวันจะมีทหารขึ้นไปเหยีบ 2 คน บนขอบแงง ของหินดำเพื่อกันคน ผมว่าพระพุทธรูปคงไม่มีคนพุทธคนไหนขึ้นไปเหยียบมั้งครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 21:33:30 จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 21:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 27 มันก็ไม่ต่างกันหรอกครับ ในขณะที่คุณไปเดินวนรอบกาบะฮ์แล้วคุณระลึกถึงพระเจ้าของคุณ แล้วบอกว่านี่คือการสักการะพระเจ้าของคุณ ก็ไม่ต่างกับ คนที่เขาไปเดินรอบอุโบสถ ก็ดี เดินรอบ วิหารก็ดี เดินรอบพระประธาน เพื่อระลึกถึงคุณของศาสดาของเขา มันจะต่างกันตรงไหน ถ้าคุณไปมองว่าของเขาเป็นเจวต ของคุณเองก็ไม่ต่างไปหรอกครับ เขาก็ย่อมมีสิทธืมองเช่นนั้นได้บ้าง นอกจากว่าคุณจะบอกว่า เวลาไปเดินรอบกาบะฮ์ ตอนนั้นคุณระลึกถึง ไมเคิล แจคสัน ไม่ได้ระลึกถึงพระเจ้า ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป จากคุณ : Harald (Harald) - [ 14 ต.ค. 49 21:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 28 # 24               "ลองพิจารณาดู"             ถ้า  คุณ  วิพิธวิสสุดา มีของที่รักและหวงแหนอยู่ 1อย่าง       ( ผมสมมุติให้เป็น  รถยนต์คันหรู    ก็แล้วกัน)   วันหนึ่งมีคนมาทุบ    รถยน์คันหรู     ของคุณทิ้ง   ด้วยความไม่ตั้งใจ   จนรถยนต์คันหรู    ที่คุณหวงแหน  เสียหายยับเยิน   ต่อหน้าต่อตาคุณ  จนไม่สามารถใช้การได้ และ   เละเป็นจุณ     ต่อจากนั้นอะไรจะเกิดขึ้นตามมา                              1.  คุณ  วิพิธวิสสุดา  จะอยู่อย่างสงบเพราะเห็นว่าที่ถูกทำลายไปเป็นแค่รถยนต์คันหนึ่ง    ไม่ใช่วัตถุมีไว้เคารพสักการะ หรือว่า                      2.    คุณ  วิพิธวิสสุดา   จะลุกขึ้นมาปกป้องและทำร้ายหรือฆ่าคน ๆนั้น  เพราะเห็นว่า  รถยนต์คันนั้น     ถูกทำลายยอมไม่ได้เด็ดขาด               คุณ : วิพิธวิสสุดา      คิดว่า    จะเกิดเหตุแบบข้อไหน? ตอบให้ชื่นใจหน่อยซิ  คำตอบของคุณ    คือบทสรุปว่ารถยนต์คุนหรูมีไว้เคารพสักการะหรือไม่นั่นเอง จากคุณ : มาซู - [ 14 ต.ค. 49 21:38:14 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คือผมไม่ทราบว่า ชาวพุทธ ถือว่า อุโบสถคือรูปเคารพไหมละครับ ไหว้หรือเปล่า??  ถ้าไม่ไช่มันก้ไม่ใช่รูปเจว็ด แต่ที่ เจว็ดแน่ๆคือ พระพุทธรูปครับ คือเถียงกันไปมา แยกกันหรือเล่าครับ ศาสนาสถานกับ รูปเคารพเนี่ย รู้สึกจะปนกันมั่วไปหมด ฮาๆ คือจะมองอย่างไรก็มองไปเถอะครับ มุสลิมไม่แคร์อยู่แล้วครับ ผมแค่อธิบายให้เข้าใจว่ามันไม่จริง และความจริงคืออะไร เท่านั้นครับ แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 21:54:04 แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 21:43:59 จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 21:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 30 คุณbeckmee ถูกต้องแล้วครับ  มันอยู่ที่ว่าในขณะที่เราทำความเคารพนั้น เราไม่ได้เคารพที่ตัว หิน ตัว วัตถุสิ่งของ แต่เราระลึกถึง คุณความดีงาม ของศาสดา ในขณะนั้น แม้ว่า ผู้คนพุทธ เขาจะใหว้พระพุทธรูปก็ตาม เขาก็ไม่ได้ใหว้ที่ตัวปูน ตัวหิน ตัวทองเหลือง ทองเปลวอะไร เขาใหว้ด้วยจิตระลึกถึงคุณความดีของศาสดาของเขา เหมือนๆกับที่คุณระลึกถึงคุณของพระเจ้าของคุณในขณะเดินวนรอบกาบะฮ์ ไม่มีสิ่งใดวัตถุใด ถือว่าเป็นเจวต หรอกครับ หากศาสนิกนั้นๆเขาทำความเคารพ ด้วยระลึกไปถึงคุณของศาสดาของเขา ไม่ว่าจะเป็นคาทอลิค ที่ใหว้รูปปั้นพระแมมารี ไม่ว่าจะเป็นชาวคริสต์ที่ใหว้รูปปั้นพระเยซูบนไม้กางเขน ไม่ว่าจะเป็นชาวพุทธที่ใหว้พระประธานในอุโบสถ และไม่ว่าจะเป็นชาวมุสลิมที่ทำความเคารพพระเจ้าของเขาขณะเดินวนรอบกาบะฮ์ ดังนั้น คุณจงควรระลึกไว้เสมอว่า เมื่อใดก็ตามที่คุณมองว่าสิ่งเคารพของศาสนาอื่นเป็นเพียงเจวต เมื่อนั้น หินดำ และ กาบะฮ์ ของคุณ ก็ไม่ต่างกัน เช่นกันครับ คุณจะปฏิเสธว่าไม่ใช่เจวตอย่างไรก็ได้ แต่ผมบอกคุณได้ว่า จะใช่ หรือ ไม่ใช่ อยู่ที่ เมื่อคุณ มองของคนอืนอย่างไร นั่นแลครับ ถ้าคุณรู้จักมองของคนอื่นว่าไม่ใช่ ของคุณ ก็ไม่ใช่ ครับ ขอสันติสุข จงมีแด่คุณนะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 14 ต.ค. 49 21:56:01 ]

ความคิดเห็นที่ 31 อ่านแล้วงง  นึกว่าจะได้รู้ว่าหินดำที่เมกกะมาจากไหนซะอีก  กลับมีแต่เถียงกันไปมาเรื่องเจวด จากคุณ : migoto - [ 14 ต.ค. 49 22:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 32 # 30  Harald                                  ขออนุญาติเสริมนิด               กะบะห์ และ หินดำ  มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก                        แต่สิ่งเคารพสักการะ  อย่าง เช่น พระพุทธรูป มีมากมาย   จนไม่รู้ว่ารูปไหนของจริง ของปลอม              ( แล้วคุณ Harald   จะสนิทใจในการกราบไหว้หรือเปล่า    ถ้าเป็น   ของปลอมไม่ได้ผ่านการปลุกเสกหรือพิธีเบิกเนตร) จากคุณ : มาซู - [ 14 ต.ค. 49 22:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 33 คือเอาอย่างงี้ละกันะครับ ที่มุสลิมมองพระพุทธรูปว่าเป็นเจว็ด ถึงแม้ว่า ชาวพุทธจะบอกว่า เป็นการระลึกถึงพระพุทธเจ้า เพราะมีการแสดงการกราบและการไหว้ นั้นละครับ ซึ่งต่างจาก อิสลามที่ไม่ได้กราบ ไหว้ กะบะห์ หรือหินดำ เพื่อระลึกถึงพระเจ้า แต่เรากราบ สักการะพระเจ้า หินดำเป็นเพียงจุดเริ่มการเดินเวียน หรือตอวาฟ  กะบะห์เป็น ทิศที่ให้มุสลิม หันหน้าไปทางเดียวกัน ถ้าหากจะเถียงกันเรื่องเจว็ดคงต้อง นิยามกันให้ชัดกระมั้ง ขอความสันติจงมีแด่ทุกท่านครับ จากคุณ : beckmee - [ 14 ต.ค. 49 22:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 34 สาเหตุแห่งการปฏิเสธเจว็ดของท่านมะหะหมัดเกิดจากการที่ท่านเห็นว่า เจว็ดนำมาซึ่งความตกต่ำทางศีลธรรมจริยธรรม รวมทั้งความแตกแยกทางสังคมด้วย ซึ่งด้วยบริบททางสังคมในขณะนั้น ก็ไม่นับว่าแปลกอะไรที่จะต้านการบูชาเจว็ด เช่นเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าต่อต้านการนับถือพระเจ้าในชมพูทวีป ก็ด้วยเหตุ ที่พระเจ้า(ในชมพูทวีป)นำมาซึ่งความตกต่ำทางศีลธรรม คุณภาพชีวิตที่เสื่อมโทรม ความแตกต่างของบริบททางประวัติศาสตร์สังคมของทั้งสองกรณีก็คือ 1) การปฏิเสธพระเจ้าของศาสนาพุทธ คือรากฐานที่สำคัญในการอภิวัฒน์ สังคมทาสในยุคนั้นเพื่อเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมศักดินาที่ก้าวหน้ากว่า และเกื้อกูลมหาชนได้มากกว่า 2) แต่การปฏิเสธเจว็ดที่มีอยู่มากมายเพื่อที่จะให้หันมานับถือพระเจ้าองค์เดียว ของท่านมะหะหมัด แม้จะเป็นการปฏิบัติไปในทางตรงข้าม แต่กลับให้ผลอย่างเดียวกัน คือสามารถยกระดับ คุณภาพชีวิต ศีลธรรมและจริยธรรมของสังคมให้สูงขึ้น รวมทั้งสามารถลดความแตกแยกทางสังคมอันเนื่องมาจากความหลากหลาย ทางเชื้อชาติ(ชนเผ่า)และลัทธิความเชื่อ เหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะสภาพสังคมของอาหรับยังคาบเกี่ยวอยู่ระหว่าง สังคมยุคบุพกาลกับสังคมยุคทาส ซึ่งแตกต่างจากชมพูทวีป ที่สังคมยุคทาส ได้ก้าวมาถึงจุดที่สุกงอมอย่างเต็มที่ พร้อมที่จะก้าวไปสู่สังคมแบบใหม่ ได้ตลอดเวลา........... ก็อย่างที่หลายๆท่านได้พูดใว้ ก็คือโดยเนื้อแท้แล้วในศาสนาพุทธเองก็ไม่ เคยมีเจว็ด หรือรูปพระพุทธเจ้าแต่อย่างใด พระพุทธองค์เองก็ทรงตรัส อย่างชัดเจนเช่นกันว่า .........ให้พระธรรมเป็นศาสดาแทนพระองค์ ในสมัยพระเจ้าอโศกทรงใช้รูปสถูปแทนพระพุทธองค์ ใช้รูปธรรมจักร แทนการแสดงธรรม สมัยนี้ก็ยังไม่มีธรรมเนียมการสร้างพระพุทธรูป การสร้างพระพุทธรูปน่าจะเกิดขึ้นในสมัยพญามิลินท์ซึ่งนี่ก็เป็น วัฒนธรรมแบบกรีก มิได้เป็นวัฒนธรรมของชาวชมพูทวีปแท้ๆ อีกทั้งนี่ ก็มิได้เป็นจุกประสงค์ของชาวพุทธมาแต่เดิม ซึ่งก็แน่นอนอีกเช่นกันที่ชาวพุทธบางหมู่บางเหล่าที่ยังไม่สามารถเข้าใจในบรมธรรมได้อย่างเพียงพอ ก็ย่อมจะยึดติดอยู่ในพระอิฐพระปูนเป็นธรรมดา..........อย่างนี้พระท่านก็ว่า เป็นภูเขาแห่งวิถีพุทธรรม............... แต่ผมถามว่าแม้โดยหลักการ อิสลามย่อมไม่ติดในเจว็ดทั้งปวง แต่คุณ สามารถที่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในบรรดาศาสนิกด้วยกัน จะไม่มีที่เห็น กะบะฮ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งแม้จะมีบัญญัติห้ามใว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม หวังว่านี่จะเป็นการซักซ้อมความเข้าใจซึ่งกันและกัน ด้วยความนับถือ ฤทธี แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 22:54:30 จากคุณ : Ritti Janson - [ 14 ต.ค. 49 22:52:30 ]

ความคิดเห็นที่ 35 แลกเปลี่ยนกับพี่ฤทธีหน่อยนะครับ ความรู้สึกและการกระทำต่อวิหารกะบะห์และหินดำ ความรู้สึกต่อวิหารกะบะห์ 1.เราไม่เคยขอพรกับตัววิหารหรืออธิษฐานอะไรกับวิหารนั้น 2.สำหรับเราเราคิดว่ามันเป็นจุดที่เอาไว้หมายสำหรับการผินหน้าเวลาละหมาด 3.อย่างที่ว่ามีคนขึ้นไปยืนบนหลังคาด้วยซ้ำไป 4.แต่แน่นอนเราจะไปหยาบคายหรืออะไรแถวนั้นได้ไหม คนมีสติก็ต้องบอกว่าไม่ทำอย่างนั้น ความรู้สึกต่อหินดำ 1.เวลาละหมาดไม่เคยหลับตานึกถึงหินสีดำๆก้อนไหน 2.ถ้าเอาหินดำที่ว่ามาไว้ที่บ้านผม ก็ไม่ได้รู้สึกว่าจะทำให้บ้านผมเจริญขึ้นตรงไหน 3.มันคือหินก้อนนึงที่อยู่ในวิหารกะบะห์มานานแล้ว 4.เป็นจุด"มาร์ก"จุดนึงสำหรับเริ่มต้นพิธีทางศาสนา จุดที่อาจทำให้คนต่างศาสนิกเข้าใจผิด 1.เวลาละหมาดจะต้องหันหน้าไปทางกะบะห์ ครับพระเจ้าบัญญัติให้หันหน้าไปยังสถานที่นั้น ก็เท่านั้นเอง หมายถึงฟังชั่นค์ของมันคือที่หมาย แต่ตัววิหารและตัวหินเราไม่ได้รู้สึกว่ามันจะมีอิทธิฤทธิ์อะไร 2.ท่วงท่าการละหมาดมีการกราบ มันจึงดูเหมือนว่าเรากำลัง กราบหินดำ เหมือนหินดำเป็นตัวแทนพระเจ้า สำหรับเราไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นตัวแทนพระเจ้า พูดเปรียบเทียบให้เข้าใจง่ายๆ เหมือนคนพุทธเวลาก่อนนอน(ผมไม่แน่ใจนะ) ต้องสวดมนต์ สวดเสร็จแล้ว ก็กราบลงบนหมอน แปลว่าบูชาหมอนไหม ไม่ใช่ใช่ไหม หมอนเป็นเพียงแค่ที่รองเวลากราบใช่ไหม ในใจคุณไม่ได้คิดว่าหมอนจะศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม ครับ แต่ถ้าคนที่ไม่รู้จักและไม่เข้าใจชาวพุทธเลย(มีคนแถวบ้านเป็นคนแก่แล้วทุกวันนี้เค้าเห็นแล้วยังเข้าใจว่าชาวพุทธบูชาหมอนเลยคิดดู) เวลาเราละหมาดและหันหน้าไปทางกะบะห์เช่นกันเราคิดว่ามันเป็นจุดที่เอาไว้หมาย เท่านั้นครับ ดังนั้นถ้าท่านคิดว่าเราบูชามัน เกรงว่าจะเหมือนกับที่คนต่างศาสนิกเค้าใจว่าชาวพุทธบูชาหมอน 3.ขอย้ำอีกทีว่าพระเจ้าในทรรศนะของมุสลิมไม่มีเอเย่นต์ แต่มีเมสเสจเจอร์(ศาสดา) ประเด็นส่งท้าย 1. ถึงแม้ว่าอิสลามจะปฏิเสธเรื่องรูปเคารพหรือรูปตัวแทนของพระเจ้าและศาสดา ผมก็คิดว่าการรณรงค์ให้ศาสนิกไม่เคารพรูปบูชานั้น ไม่ควรเป็นประเด็นให้เกิดความหม่นหมองกับคนศาสนิกอื่น ซึ่งอาจมีมุมมองหรือความเห็นต่อเรื่องนี้ต่างกันไป 2.อ่านจากข้างบนมีการถกกันเรื่องพระพุทธรูปเป็นรูปบูชาหรือไม่ ผมคิดเป็นเรื่องของมุมมองซึ่งต่างคนต่างมีฐานความเชื่อไม่เหมือนกัน ถ้าพยายามจะถกกันให้ได้ว่า "เป็น"หรือ"ไม่เป็น" เกรงว่าเราจะแก่ตายกันก่อนได้ข้อสรุป หรือไม่อาจจะทะเลาะกันโดยไม่เกิดประโยชน์อันใด สู้พยายามเข้าใจกันดีกว่าว่า แต่ละฝ่าย เค้าคิดอย่างไร มีมุมมองอย่างไร เพื่อความเข้าใจกันและกัน จากคุณ : น้องจั้ง (น้องจั้ง) - [ 15 ต.ค. 49 01:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อีกประเด็นครับ เรื่องเรื่องรูปบูชานี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและเราควรให้ความเห็นอย่างไร ผมขอยกขึ้นมาสักสามสี่เคสนะครับ กะบะฮ์ในความรู้สึกของมุสลิมทั่วไป -จุดที่เอาไว้หมายเวลาละหมาด สถานที่หนึ่งที่ต้องไปประกอบศาสนกิจ ฯลฯ คนต่างศาสนิกมองพฤติกรรมของมุสลิมต่อกะบะฮ์ -กราบไหว้บูชา เป็นตัวแทนของพระเจ้า ฯลฯ นี่นึงอันนะเดี๋ยวจะเปรียบเทียบให้ดู อีกเคส เป็นพระพุทธรูป ชาวพุทธ -เป็น(ไม่รู้สิถ้าผิดขออภัยอย่างยิ่ง) สัญลักษณ์ ไว้ระลึกถึงพระธรรมของพระพุทธองค์ ฯลฯ มุสลิม -เป็นรูปบูชา ชาวตะวันตก -เป็น ART OBJECT รูปปั้นพระเยซู+พระแม่มารีย์ มุสลิม -เป็นรูปเคารพ พุทธ -???? คริสต์(เฉพาะแคทอลิกใช่ไหม) -เป็นที่ระลึกถึงพระเจ้า เท่านั้น อื่นๆ -SCULPTURE รูปปั้น ซูส วีนัส มุสลิม -ART OBJECT +รูปบูชา ชาวกรีก+โรมันก่อนคริสตกาล - ตัวแทนเทพเจ้า ชาวกรีก+โรมัน+คริสตเตียน ปัจจุบัน -ART OBJECT ชาวพุทธคงอึดอัดใจใช่ไหมครับที่ใน มุมมองของตะวันตกพระพุทธรูปเป็นเพียงART OBJECT และถูกนำไปไว้ในสถานที่ไม่เหมาะสมหลายครั้ง ชาวมุสลิมก็อึดอัดใจเหมือนกันที่คนอื่นเข้าใจว่าเราบูชา "กะบะฮ์" (ทั้งๆที่เราไม่ได้คิดอะไรกับมันแบบนั้นจริงๆ) ผมคิดว่าเราน่าจะทำความรู้จักกันและกันนะ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 02:28:54 จากคุณ : น้องจั้ง (น้องจั้ง) - [ 15 ต.ค. 49 01:54:49 ]

ความคิดเห็นที่ 37 มีเรื่องเล่าจากประสบการณเคยไปหมู่บ้านแห่งหนึ่งริมทะเลสาบสงขลา ชื่อตำบลท่าหิน อ.สทิงพระ จ.สงขลา มีศาลเจ้าที่ชาวบ้าน(เป็นชาวพุทธ) สร้างไว้ มีตัวอักษรอาหรับเขียนว่า มูหัมหมัด และ อัลลอฮ์ และมีรูปภาพของกะบะฮ์  มีการจุดประทัด ขอพร มีจุดธูป.... ไต่ถามได้ความว่าที่นี้เคยเป็นมัสยิดเก่ามาก่อน(หมายถึงเคยมีชุมชนมุสลิมที่นี่) พอชาวพุทธมาอยู่ก็เลย"พยายาม"ให้เกียรติ ตามความคิดของเขา ตอนนั้นผมเห็นก่อนที่จะฟังชาวบ้านอธิบายให้ฟังก็งงๆ ออกจะเสียความรู้สึกนิดๆ พอฟังอธิบายแล้วก็แอบอมยิ้มไม่ได้ แสดงว่า เหมือนเค้ามีมุมมองของชาวพุทธที่คิดไปว่ามุสลิมต้องเคารพกะบะฮ์แบบนั้น(หมายถึงขอพร หรือคิดว่าจะต้องดลบันดาลอะไร) เหมือนกับที่คนแก่ๆ(มุสลิม)แถวบ้านผม มองเด็กๆ ชาวพุทธ ไหว้พระก่อนนอน แล้วเข้าใจไปว่าเค้าบูชา"หมอน" คงจะดีกว่าใช่ไหม ถ้าชาวบ้านที่ ตำบลท่าหิน เข้าใจความรู้สึกของมุสลิม คงจะดีกว่าใช่ไหมถ้า คนแก่แถวบ้านผมเข้าใจเจตนาของคนพุทธ จากคุณ : น้องจั้ง (น้องจั้ง) - [ 15 ต.ค. 49 02:17:36 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ตอบพี่ฤทธีนิดนึงครับ "สามารถที่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในบรรดาศาสนิกด้วยกัน จะไม่มีที่เห็น กะบะฮ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งแม้จะมีบัญญัติห้ามใว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม" ครับ ผมยืนยันได้ว่ามุสลิมไทยทั่วไป หรือมุสลิมมลายู ไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ จากคุณ : น้องจั้ง (น้องจั้ง) - [ 15 ต.ค. 49 02:22:28 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เสริมแล้วกัน สำหรับผู้ที่คิดว่า กะบะห์มีไว้กราบไหว้บูชา นะครับ  คุณทราบหรือไม่ว่า  ก่อนหน้านี้ (ก่อนพิชิตเมกะห์)  การกำหนดทิศทางในการละหมาดนั้น  มุสลิมถูกใช้ให้หันหน้าไปทาง  บัยตุล มักดิส  ในกรุงเยรูซาเล็ม  แทนที่จะเป็นกะบะห์ เพราะตอนนั้น กะบะห์เต็มไปด้วยรูปเคารพมากมาย 1.ถ้ากะบะห์ถุกใช้ในความหมายของการเคารพบูชา เหมือนเจว็ดอื่น ๆ ทำไมอัลเลาะห์ถึงใช้ให้มุสลิมหันไปทางอื่นแทน   2.ถ้ากะบะห์คือตัวแทนของพระเจ้าแล้ว  ทำไมตอนนั้นพระเจ้าต้องใช้ให้มนุษย์หันไปทางอื่นแทนในเวลาละหมาด 3.ถ้ากะบะห์คือ สิ่งกราบไหว้  ทำไมอัลเลาะห์จึงอนุญาตให้มุสลิมหันไปทิศใดก็ได้ ในเวลาละหมาด  (ในกรณีไม่รู้ว่า ตัวเองอยู่ ณ จุดใด และ กะบะห์อยู่ที่ใด) 4.ถ้ากะบะห์คือ สิ่งเคารพบูชา คือตัวแทนพระเจ้า  ทำไมหินดำจึงถูกทำลายแตกเป็นเสี่ยง ๆ ทำไมกะบะห์จึงมีประวัติว่า เคยถูกรื้อ  ถูกทุบ ถูกยิงด้วยปืนใหญ่ มาแล้ว  ในสมัยสงครามกลางเมือง ฝากไว้ให้คิดนะครับ จากคุณ : Zeno of Elea - [ 15 ต.ค. 49 05:39:46 ]

ความคิดเห็นที่ 40 ชาวพุทธกราบไหว้รูปปั้นแม้จะคิดถึงคุณความดีของศาสดาหรือระลึกถึงศาสดาก็ตาม แต่รูปปั้นนั้นก็ทำเป็นตัวแทนของสิ่งที่ตัวเองเคารพแบบนี้ก็หมายความว่า ได้เอารูปปั้นเป็นเครื่องเคารพบูชาแล้ว แต่วิหารกะบะห์กับหินดำไม่ใช่กรณีนั้น ทั้งสองสิ่งไม่ใช่สิ่งที่เอาไว้แทนตัวใคร มุสลิมจึงไม่ได้กราบไหว้บูชาทั้งสองสิ่งนี้ครับ ส่วนเอาไว้ทำอะไรคงมีข้อมูลเยอะแล้วละมั๊ง จากคุณ : Carroth - [ 15 ต.ค. 49 06:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณ น้องจั้ง  คห.37  พูดได้ดี สงสัยต้องเรียก พี่จั้ง แล้วมั้ง จากคุณ : หนุ่มไทยไร้นาม - [ 15 ต.ค. 49 07:20:25 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อ้างจาก คห38 ตอบพี่ฤทธีนิดนึงครับ "สามารถที่จะมั่นใจได้อย่างไรว่า ในบรรดาศาสนิกด้วยกัน จะไม่มีที่เห็น กะบะฮ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่งแม้จะมีบัญญัติห้ามใว้อย่างชัดเจนแล้วก็ตาม" ครับ ผมยืนยันได้ว่ามุสลิมไทยทั่วไป หรือมุสลิมมลายู ไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ -------------------------------------------------------------------------------- อันนี้ผมคงจะไม่เชื่อน้องจั้งนะครับ............... เพราะในความเป็นจริงก็คือ นักศึกษาศาสนาที่ไปศึกษามาจากต่างประเทศ เมื่อกลับมาที่เมืองไทยแล้ว ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาว่า ศาสนิกในประเทศไทยมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไปจากพระคัมภีร์หลายอย่าง ...........เป็นอย่างนี้มาทุกรุ่น ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่พอจะแก้ไขความคิดความเชื่อได้ ก็แก้ไขกันไป ชุมชนไหนแก้ไขกันไม่ได้ ก็ถึงกับสร้างมัสยิดขึ้นมาใหม่ แยกกันละหมาดเลยทีเดียว ที่พูดนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย.............กับที่อื่นคงจะไม่พูดถึง เพราะว่าธรรมชาติของศาสนา เมื่อเผยแพร่ไปถึงที่ใด ก็มักจะไม่พ้นที่จะ ถูกปลอมปนด้วยความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่นนั้นๆเสมอ ศาสนาพุทธไม่ถือ สากับเรื่องแบบนี้ แต่อิสลามโดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษามาจากต่างประเทศ จะถือสามากว่าผิดไปจากพระคัมภีร์ ........... ผมพูดอย่างนี้ ก็ขอให้เพื่อนๆชาวอิสลามช่วยยืนยันหน่อยว่าจริงหรือเท็จ หวังว่าการพูดคุยนี้คงจะไม่มีเหตุให้ขัดแย้งเคืองใจกัน ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 08:55:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ที่แยกมัสยิดกันเขาขัดแย้งกันเรื่องปลีกย่อยอ่ะครับ จริงๆคนที่ไปเรียนต่างประเทศมาเนี่ย จบต่างที่มาก็ขัดแย้งกันก็มีด้วย ที่เห็นๆ ก็เป็นเรื่องการละหมาดบ้าง การขอพรบ้าง การกำหนดวันเข้าและออกเดือนรอมฎอนบ้าง เนี่ยอ่ะครับที่เขาแยกมัสยิดกัน ส่วนเรื่องกะบะห์นั้น ยังไม่เคยเจอนะครับว่าขัดแย้งกันเรื่องอะไร จากคุณ : Carroth - [ 15 ต.ค. 49 09:21:02 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ประเด็นมันอยู่ตรงนี้ ฯ.......เมื่อกลับมาที่เมืองไทยแล้ว ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาว่า ศาสนิกในประเทศไทยมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไปจากพระคัมภีร์หลายอย่าง.............ฯ อ้างจาก คห43 ...ส่วนเรื่องกะบะห์นั้น ยังไม่เคยเจอนะครับว่าขัดแย้งกันเรื่องอะไร..... ผมไม่ได้พูดนี่ว่าขัดแย้ง(??????????) แต่ผมพูดถึงประเด็น ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนต่างหาก................(?????????) นี่ผมพูดถึงภาพรวมของศาสนิก คุณจะเอาตนเองมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ มิเช่นนั้น ถ้าผมเอาตนเองเป็นปทัฏฐาน ผมก็คงพูดว่า ชาวพุทธมีความรู้ ความเข้าใจในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ไม่เคยมีเลยที่จะเข้าใจผิดใน หลักธรรมของตน แม้ว่าในดินแดนสยามจะมีความคิดความเชื่อดั้งเดิมของ ท้องถิ่นมาก่อนก็ตาม คุณคิดว่าคำพูดนี้ของผมพอจะเชื่อถือได้หรือไม่? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 09:58:15 ]

ความคิดเห็นที่ 45 #  44  คุณ : Ritti Janson                  ขออนุญาตแทรกนิด         คุณ : Ritti Janson  อยากพิสูจน์ให้เห็นจริงไหมละ  มุสลิมเขาไม่ได้คิดอย่างที่คุณคิด    ( พระผู้เป็นเจ้าองค์เดียวที่สักการะ และศาสดาคือ นบีมูฮำมัด  .)                  คุณ : Ritti Janson       ทำแบบสอบถาม      แจกให้กับชาวมุสลิม แล้วคุณกับมานั่งทำการวิเคราะห์    โดยใช้หลักสถิติ      "สรุปผลออกมา"      ผมว่าจะสร้างความเข้าใจให้คุณมากขึ้นนะ                  ในเมื่อคุณไม่เชื่อ      คุณก็ต้องพิสูจน์ซิ จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 10:35:27 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อันนี้ผมคงจะไม่เชื่อน้องจั้งนะครับ............... เพราะในความเป็นจริงก็คือ นักศึกษาศาสนาที่ไปศึกษามาจากต่างประเทศ เมื่อกลับมาที่เมืองไทยแล้ว ล้วนแล้วแต่เกิดปัญหาว่า ศาสนิกในประเทศไทยมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไปจากพระคัมภีร์หลายอย่าง ...........เป็นอย่างนี้มาทุกรุ่น ตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ที่พอจะแก้ไขความคิดความเชื่อได้ ก็แก้ไขกันไป ชุมชนไหนแก้ไขกันไม่ได้ ก็ถึงกับสร้างมัสยิดขึ้นมาใหม่ แยกกันละหมาดเลยทีเดียว ที่พูดนี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทย.............กับที่อื่นคงจะไม่พูดถึง เพราะว่าธรรมชาติของศาสนา เมื่อเผยแพร่ไปถึงที่ใด ก็มักจะไม่พ้นที่จะ ถูกปลอมปนด้วยความเชื่อดั้งเดิมของท้องถิ่นนั้นๆเสมอ ศาสนาพุทธไม่ถือ สากับเรื่องแบบนี้ แต่อิสลามโดยเฉพาะผู้ที่มีการศึกษามาจากต่างประเทศ จะถือสามากว่าผิดไปจากพระคัมภีร์ ...........>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>เรื่องการแยกมัสยิดคงไม่ได้เกี่วกับกะบะห์ครับ เกี่ยวกับ ด้านมัซฮับ(ต่างทัศนะในเรื่องปลีกย่อย)มากกว่าครับเพราะระดับผู้รู้ด้านศาสนาหรืออิหม่ามที่อยู่ประจำมัสยิดแทบจะไม่มีเรื่องการเข้าใจคลาดเคลื่อนเรื่องคัมภีร์ครับ  ส่วนเรื่องจะมองว่าคนที่ไปเรียนต่างประเทศมองว่ามุสิมบางส่วนเข้าใจคัมภีร์คลาดเคลื่อน เป็นมุสลิมกลุ่มที่ไม่ได้เรียนศาสนามากกว่า ส่วนเรื่องที่มีความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจากคัมภีร์นั้น จริงๆ มุสลิมที่ไม่ได้ศึกษาศาสนาก็มี   ยิ่งเป็นเรื่อง เห็นว่าหินดำหรือกะบะห์เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยิ่งเป็นส่วนน้อยเข้าไปใหญ่เพราะขัดต่อคำสอนหลัก  จะเอาไปเปรียบเทียบกับเรื่อง คำสอนในรายละเอียด คงไม่ได้ครับ จากคุณ : beckmee - [ 15 ต.ค. 49 10:41:54 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ดูเหมือนจะพยายามพูดว่า มุสลิมเข้าใจในทุกเรื่องตรงกันหมดทั้งโลก พูดอย่างนี้เหมือนกับอยู่ในโลกอุดมคติ มิใช่โลกแห่งความเป็นจริง อย่าหาว่าก่อกวน หรือหาเรื่องกันเลย มันเป็นไปไม่ได้หรอก พูดและคิดแบบนี้ เหมือนจะไม่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ แต่ก็เอาเถิด ถ้าอยากจะให้เชื่ออย่างนั้น ก็ไม่เป็นไร เพราะพอมีศาสนิกที่ทำใน สิ่งที่คนโดยส่วนใหญ่ยอมรับไม่ได้ คุณก็กล่าวว่า เขาผู้นั้นไม่ถือว่าเป็นศาสนิก ฉนั้น ถ้ามีหลักคิดกันอย่างนี้ ก็คงจะมีความเป็นไปได้อยู่บ้างที่คุณจะกล่าวกันว่า ศาสนิกของพวกคุณมีความเข้าใจในศาสนาตรงกันเป็นส่วนใหญ่.......... นี่เป็นความคิดเห็นของผมนะ......... ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 11:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 48 # 47         ไม่มีใครบังคับคุณ     คุณไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของคุณ     แต่คุณจะให้มุสลิมเชื่อแบบคุณมัน  เป็นไปไม่ได้                              ทุกอย่างที่คุณ Ritti Janson     แสดงความคิดเห็นออกมา     มันเป็นความรู้สึกของคุณคนเดียว       (มุสลิมส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดเหมือนคุณ )        คุณRitti Janson   คิดอย่าง     มุสลิม  คิดอย่าง      คุณRitti Janson   คิดว่าใครน่าเชื่อถือกว่ากัน   ช่วยตอบหน่อย จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 12:30:43 ]

ความคิดเห็นที่ 49 "    ต่ออีกนิด   "                      ศาสนาอิสลาม   มีความสมบูรณ์ ในหลักการคำสอน     แต่ มุสลิม  มิใช่ว่าจะดีหรือมีความเข้าใจในหลักคำสอนทุกคนก็หาไม่      ( ต้องศึกษาและเรียนรู้พร้อมปฏิบัติตามหลักคำสอน )                 ดังนั้น คุณ Ritti Janson    ต้องแยกให้ออก ว่า  อะไรคือความจริง  และ   อะไรคือ  ความเท็จ จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 12:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อ้างจาก คห49 .....แต่  มุสลิม  มิใช่ว่าจะดีหรือมีความเข้าใจในหลักคำสอนทุกคนก็หาไม่...... อ้างจาก คห 48 ......ทุกอย่างที่คุณ Ritti Janson     แสดงความคิดเห็นออกมา     มันเป็นความรู้สึกของคุณคนเดียว       (มุสลิมส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดเหมือนคุณ )....... -------------------------------------------------------------------------------- ผมขอความกรุณาอย่างมากๆเลยนะครับ กลับไปคิดทบทวนใหม่อีกครั้ง แล้วค่อยกลับมาบอกผมใหม่ ว่าจริงๆแล้วคุณต้องการจะพูดอะไรกันแน่ สิ่งใดที่ผมพูดแล้วคุณไม่เห็นด้วย .......... สิ่งใดที่คุณเห็นว่าเป็นจริงตามคำผม    (??????) กรุณาระบุให้ชัดเจนกว่านี้ เพราะผมดูแล้วคุณพูดจากำกวมวกวน เหมือนจะจับต้นชนปลายไม่ถูก บอกตามตรงว่า อ่านไม่รู้เรื่อง............. ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 14:13:41 ]

ความคิดเห็นที่ 51 # 50          ผมว่าคนมี    สติปัญญา   อย่าง คุณ Ritti Janson     ไม่น่าจะไม่รู้เรื่องนะ                  ผมไม่ชอบไร้สาระ คุยกันตรง ๆประเด็นเลยดีกว่า ว่าคุณต้องการรู้อะไร    ผมจะอธิบายให้                 ถามจริงๆ คุณคิดเองไม่เป็นบ้างเลยหรือ   แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 14:43:11 จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 14:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 52 # 50       คุณ : Ritti Janson  อย่าตัด  ข้อความสำคัญ    ของ ผมทิ้งออกไปซิ        (เท่ากับบิดเบือนคำพูดของเลยนะ)                                                      เห็นตอนท้าย ของ   # 49   ไหม ผมบอกว่า     อะไรคือความจริง  และ   อะไรคือ  ความเท็จ                       เพราะผมต้องการให้คุณใช้สติปัญญาของคุณคิด                               อย่างนี้ไงที่ทำให้คุณงง....... จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 15:11:42 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คุณควรพูดให้ชัดว่า 1) แต่  มุสลิม  มิใช่ว่าจะดีหรือมีความเข้าใจในหลักคำสอนทุกคนก็หาไม่ หรือว่า 2) ทุกอย่างที่คุณ Ritti Janson     แสดงความคิดเห็นออกมา     มันเป็นความรู้สึกของคุณคนเดียว       (มุสลิมส่วนใหญ่เขาไม่ได้คิดเหมือนคุณ ) เพราะผมไม่เชื่อว่า   1) มุสลิมเข้าใจในทุกเรื่องตรงกันหมดทั้งโลก 2) รวมทั้งความเข้าใจในกาบะฮ ด้วย ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 15:58:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 # 53                         ในความเป็นจริง     ผมตอบคุณไม่ได้หรอกว่า    "มุสลิมเข้าใจในทุกเรื่องตรงกันหมดทั้งโลก"                        แต่ ผมจะอธิบายเฉพาะเรื่อง กะบะห์กับหินดำ ตามที่คุณถาม                               มีหลักการอิสลามอยู่ 5 ข้อ ที่มุสลิม  ทุกคนต้องเรียนรู้ และ ปฏิบัติ                               ผมสรุปสั้น ๆ    การทำ ฮัจย์ เป็นข้อที่ 5 สำหรับผู้ที่มีความสามารถ   (  แต่ไม่ได้บอกว่าให้ไปทำความเคารพสักการะ กะบะห์กับหินดำ)                  หลักการอิสลาม 5 ข้อ  เป็นหลักการ        พื้นฐาน      ของมุสลิมทุกคนที่ต้องเข้าใจและเรียนรู้  และปฏิบัติ   และ     ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม   ถ้าจะเข้ารับ  อิสลาม  ก็จะต้องเรียนรู้ ใน 5 ข้อนี้ก่อน ถึงจะเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์   เพราะแต่ละข้อมีความสำคัญมากในการเป็นมุสลิม                   เช่นคุณเป็นชาวพุทธคุณก็ต้องรู้จัก ศีล 5 แล้ว                   ดังนั้น หลักการอิสลาม  5 ข้อนี้ มุสลิมทุกคนต้องมีประจำตัว และใช้ในชีวิตประจำวัน  ทุกๆวัน                     ส่วนเรื่องความรู้ของศาสนาอิสลามทียากกว่านี้     ผมก็ตอบคุณไม่ได้ว่า     มุสลิมจะรู้เหมือนกันหมดทุกคนหรือไม่                                           ต่อไปคุณ    Ritti Janson คิดเอาเองนะ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 16:40:53 จากคุณ : มาซู - [ 15 ต.ค. 49 16:31:44 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อ้างจาก คห54 ในความเป็นจริง     ผมตอบคุณไม่ได้หรอกว่า     "มุสลิมเข้าใจในทุกเรื่องตรงกันหมดทั้งโลก" ------------------------------------------------------------------------------------ ผมจะถือว่านี่เป็นคำตอบของคุณ มีใครจะเห็นต่างไปจากนี้หรือไม่ ? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 15 ต.ค. 49 20:14:04 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ด้วยมีความสนใจเรื่องหินดำที่กล่าวว่าป็นอุกกาบาตตกลงมาจากฟ้า จึงได้ทราบว่าที่เพื่อนมุสลิมในนี้  ได้ให้ความเห็นเรื่องหินดำตามหลักศาสนาอิสลามเป็นเช่นนั้นจริง ๆ แต่เคยอ่านพบว่ามีชาวอิสลามบางกลุ่มบางคณะนับถือหินดำว่าเป็นหินศักดิ์สิทธิ์     ไม่ใช้เป็นเพียงเครื่องหมายหรือจุดเริ่มต้นและกำหนดเดินรอบอาคาร(เฏาะวาฟ) ๗ รอบ  ตามหลักศาสนาอิสลาม ยิ่งกว่านั้นยังพบว่าชาวอิสลามบางแห่งยังเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดด้วย    ถ้ามีเวลาว่างพอจะค้นคว้ามาให้อ่านกัน หวังว่าชาวอิสลามที่ประพฤติปฏิบัติตนตามหลักศาสนาอิสลามจริง ๆ คง ไม่ว่ากันนะ แก้ไขเมื่อ 15 ต.ค. 49 20:58:24 จากคุณ : CALAVERITE - [ 15 ต.ค. 49 20:56:56 ]

ความคิดเห็นที่ 57 5555 คนนอกศาสนาตัดสินแทนมุสลิมแฮะ กับประเด็นป้ายกำหนดทิศว่า ป้ายนั้นมาจากไหน ก็มีคนเอาป้ายมาตั้ง บอกว่าหันมาตามป้ายนี้นะ พระเจ้าของท่านสั่งไว้ ก็เพียงแค่ป้ายบอกทาง เพิ่งรู้ว่ามีคนอยากสักการะลูกศรชี้ทางด้วย อย่าบรรทัดฐานที่ตัวเองใช้อยู่ มาเที่ยวตัดสินคนอื่นสิครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 16 ต.ค. 49 02:11:37 ]

ความคิดเห็นที่ 58 #26 ............ไม่ทราบว่าเหมือนพระพุทธรูปตรงไหนครับ เพราะ ทุกวันจะมีทหารขึ้นไปเหยีบ 2 คน บนขอบแงง ของหินดำเพื่อกันคน ผมว่าพระพุทธรูปคงไม่มีคนพุทธคนไหนขึ้นไปเหยียบมั้งครับ........... มีครับ...แต่คงจะเป็นกรณีการทำความสะอาดหรือบูรณะครับ...เมื่อสมัยมัธยมพระอาจารย์ในวัดข้างโรงเรียนผมยังเคยใช้ให้ผมและเพื่อนๆปีนขึ้นไปบนตักองค์พระประธานเพื่อขัดทำความสะอาดเลยครับ...ผมถามพระอาจารย์ว่าไม่บาปหรือครับ...ท่านถามผมคืนว่าแล้วเธอทำอะไรที่ผิดจากหลักคำสอนหรือไม่...คิดเอาเองนะครับสำหรับกรณีการไหว้รูปเคารพของชาวพุทธ(แท้) # 35,36,37 ผมชอบอ่านการแสดงความเห็นแบบคุณนะ ไม่ใช่เอะอะก็จะยืนกรานแต่ของตัวเองอย่างเดียวโดยไม่เหลียวซ้ายแลขวาบ้าง ส่วนประเด็นที่เถียงกันอยู่นั้นเค้าก็แค่กำลังจะบอกว่า "คุณมอง/คิดกับคนอื่นยังไง...คนอื่นเค้าก็สามารถมอง/คิดกับคุณอย่างนั้นได้เช่นกัน" เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกมาก...แค่เปรียบพระพุทธรูปซึ่งเป็นตัวแทนพระศาสดาว่า "เจว็ด" แค่นี้ผมก็รู้สึกแย่แล้วละ...ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าท่านศาสดาท่านทำอะไรผิดหรืออย่างไร จากคุณ : nathorn - [ 16 ต.ค. 49 02:21:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คห. 55 ลองทำแบบสอบถามดูซิครับว่า ว่ามุมมองของมุสลิมกับหินดำ กับมุมมองของชาวพุทธที่มีต่อพระพุทธรูปต่างกันอย่างไร   เช่น ถามชาวพุทธ   คุณกราบพระพุทธรูปเพื่ออะไร ? ถ้าจะให้ผมเดาคำตอบคงออกมาในแนวว่า    เพื่อ 1..2..3... บลา ๆๆ แต่ถามมุสลิม   คุณกราบหินดำเพื่ออะไร ? คำตอบเป็น    ไม่ได้กราบ  หินดำมีไว้เพื่อ 1...2...3.. บลา ๆๆ โปรดพิจารณา แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 07:44:57 จากคุณ : murot - [ 16 ต.ค. 49 07:48:20 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หินดำ - เป็นที่รู้จักกันดี ทั้งมุสลิมและผู้ไม่ใช่มุสลิม...แต่ก็มีอีกหลายคนที่เข้าใจว่า หินดำคือวัตถุบูชาในศาสนาอิสลาม เพียงเพราะเห็นว่า มุสลิมนับล้านคนไปร่วมพิธีฮัจญ์แล้วมีการเวียนรอบวิหารกะบะห์นั้น นั่นคือความเข้าใจที่ผิด...เราควรทำความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับหินดำใหม่ดังนี้ หินดำ หรือในภาษาอาหรับ คืออัลฮฺยา อัล อัสวัต นั้นเป็นศิลา ที่มีสัณฐาน เป็นรูปครึ่งวงกลม กว้างประมาณ 10 นิ้ว สูง 12 นิ้วจากการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์จาก สหรัฐฯ พบว่า หินดำเป็นวัตถุนอกโลก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นก้อนอุกกาบาต ที่มาจากที่อื่น ซึ่งองค์ประกอบและธาตุบางชนิดที่พบ เป็นสิ่งที่ไม่มีในโลก หรือในกาแลคซี่เรานี้ โดยประวัติของหินดำ จากบันทึกทางประวัติศาสตร์ และอายุที่พิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์นั้น พบว่ามีอายุยาวนานมาก และสีดำของหินนั้นไม่ใช่สีที่มีมาแต่แรกเริ่ม ซึ่งตรงกับหะดิษที่ว่า - จากท่านอิบนุอับบาสเล่าว่า ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า "หินดำถูกประทานลงมาจากสวรรค์ ซึ่งความขาว (ของหินดำนั้น), ขาวยิ่งกว่า (ความขาวของ) น้ำนมเสียอีก, (แต่ที่เปลี่ยนเป็นสีดำเนื่องจาก) ความผิดต่างๆ ของลูกหลานอาดัมทำให้หินดำนั้นเป็นสีดำ" บันทึกโดยติรฺมิซีย์ ...ซึ่งจากบันทึกประวัติศาสตร์ เข้าใจได้ว่า หินเปลี่ยนเป็นสีดำเพราะ การที่ชาวอาหรับในสมัยก่อนนั้นชอบนำสัตว์ไปเชือดบูชายัญบนหิน และเอาเลือดสัตว์ชโลมลงบนหิน พอนานเข้าหินจึงมีสีดำ ...ถ้าอ้างอิงหลักฐานจากกุรอาน จะพบว่า หินดำนั้นเป็นเครื่องหมายกำหนดตำแหน่งการสร้างวิหารกะบะห์(วิหารทรงลูกบาศก์ อยู่ตรงกลางมัสยิดอัล -ฮะรอม) ในสมัยท่านนบีอาดัม...ต่อมาในสมัยนบีอิบรอฮีม (อับราฮัม) หินดำก็มีส่วนในช่วยในการบูรณะวิหารกะบะห์ เนื่องจากมีหลักฐานว่า หินดำลอยจากพื้นได้ และท่านนบีอิบรอฮีมก็ขึ้นไปเหยียบบนหินนั้น เพื่อบูรณะวิหาร ...ในช่วงเวลาต่อมาแห่งการตั้งถิ่นฐานของชาวอาหรับ หินดำถูกถือเสมือนว่าเป็น สมบัติของแผ่นดิน (คล้ายตราประทับแผ่นดิน) คืออาหรับเผ่าไหนได้ครอบครอง ก็ถือว่าเผ่านั้นมีอำนาจในการปกครอง และเป็นเผ่าที่มีเกียรติ หินดำจึงกลายเป็นศักดิ์ศรี และเป็นสัญลักษณ์แสดงอำนาจแห่งการปกครองคาบสมุทรอารเบีย ในต้นศตวรรษที่ 7 เกิดไฟไหม้วิหารกะบะห์ทำความเสียหายให้ตัววิหารเป็นอันมาก อาหรับแต่ละเผ่าจึงพร้อมใจกันบูรณะวิหารใหม่จนเสร็จเรียบร้อย แต่ปัญหาคือ ใครจะเป็นผู้ได้รับเกียรติให้ยกหินดำกลับไปไว้ที่เดิม...จากความขัดแย้งนี้ ได้ส่งผลให้เกิดข้อสรุปที่ทุกฝ่ายเห็นชอบคือ ให้ท่านนบีมูฮัมมัด(ศ.ล.) เป็นผู้ยกกลับไปไว้ที่เดิม เนื่องจากในตอนนั้นท่านยังไม่ได้เผยแพร่ศาสนาอิสลาม ประกอบกับเป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องจากทุกฝ่ายว่าเป็นคนมีคุณธรรมและเป็นกลางที่สุด ...ต่อมาเมื่อท่านนบี ประกาศศาสนาแล้ว จนกระทั่งพิชิตเมกกะฮ์ได้ ท่านก็ได้ทำความสะอาดและปรับปรุงวิหารให้กลับมาอยู่ในสภาพเรียบร้อยอีกครั้ง หินดำก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม ...ในปี ค.ศ.682 เกิดความขัดแย้งในคาบสมุทรอาหรับ มีการกรีฑาทัพเข้าตีนครเมกกะฮ์จนวิหารได้รับความเสียหายอีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มีผลทำให้หินดำแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ประชาชนได้ทำการซ่อมแซมหินดำหลังจากสงครามจบลง โดยนำลวดเงินมารัดไว้ ...หินดำในปัจจุบันจึงมีสภาพที่เหมือนนำเศษหินมาประติดประต่อกัน และรัดไว้ด้วยวงแวนเงิน ถูกวางไว้มุมผนัง อยู่เหนือพื้นดินประมาณ 3 ฟุต ดังนั้นหากเราพิจารณาด้วยใจเป็นกลาง อาจตั้งข้อสังเกตว่า หากหินดำเป็นสิ่งน่าเคารพ สักการะ หรือเป็นสิ่งบูชาจริง 1.เหตุใด มุสลิมจึงไม่ปกป้องหินดำให้รอดพ้นจากการทำลาย ทั้ง ๆ ที่เขาสามารถปกป้องอาคารหรือมัสยิดที่มีขนาดใหญ่กว่าได้ กับแค่หินก้อนเดียว ทำไมเขาไม่ปกป้อง 2.หากหินดำเป็นสิ่งเคารพ สักการะ เหตุใด ในสมัยที่ท่านศาสดาอพยพไปมาดีนะห์ ท่านจึงสั่งให้ผู้คนหันทิศกิบลัต (ทิศทางที่หันเวลาละหมาด) ไปทางบัยตุลมักดิส ที่เยรูซาเล็ม แทนที่จะเป็น ที่มัสยิด อัลฮะรอม ซึ่งเป็นที่ตั้งของกะบะห์และหินดำ 3.หากวิหารกะบะห์ หรือหินดำคือสิ่งสักการะบูชาจริง เหตุใด อิสลามจึงอนุญาตให้มุอัซซิน (ผู้ป่าวประกาศ เวลาละหมาด) ปีนขึ้นไปตะโกน ป่าวประกาศบนหลังคากะบะห์ได้ เพราะนั่นคือการขึ้นไปเหยียบอยู่เหนือหินดำชัด ๆ 4.หากหินดำคือสิ่งสักการะบูชาจริง เหตุใดท่านอุมัรฺ (ผู้เป็นตัวแทนท่านศาสดาคนที่ 2 ) จึงกล่าวว่า “แท้จริงฉันรู้ว่าเจ้า (หมายถึงหินดำ) คือหินธรรมดาก้อนหนึ่งเท่านั้น เจ้าไม่ให้โทษและไม่ให้คุณ, หากว่าฉันไม่เห็นท่านรสูลุลลอฮฺจูบเจ้าแล้วละก้อ ฉันก็จะไม่จูบเจ้าหรอก" (บันทึกโดยบุคอรีย์ และมุสลิม) 5.หากหินดำเป็นสิ่งสักการะบูชาจริง เหตุใดในหลักปฏิบัติ หรือหลักการศรัทธาในอิสลาม จึงไม่มีข้อใดใช้หรือสั่งให้มุสลิมสักการะหินดำ ...ดังนั้นจึงหวังว่า เราจะเข้าใจหินดำกันใหม่เสียทีว่า มันไม่ใช่สิ่งสักกการะ หรือเคารพบูชา...เพราะอิสลามนั้นมีหลักการที่แน่นอนว่า ห้ามเคารพบูชาสิ่งใด นอกไปจากอัลเลาะห์ พระองค์เดียว ด้วยจิตคารวะ kheedes จาก http://www.bloggang.com/viewblog.php?id=kheedes&group=4 แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 08:52:05 จากคุณ : นะ(รก) - [ 16 ต.ค. 49 08:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เราเข้าใจท่าน ท่านเข้าใจเรา จบ!!! อย่ามัวเถียงกันอยู่เลย จากคุณ : nan_utd - [ 16 ต.ค. 49 09:10:38 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อย่างนี้น่ะเหรอครับ คุณดาบฯ วิหารกะอ์บะ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 16 ต.ค. 49 09:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 63 หินดำ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 16 ต.ค. 49 09:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 64 #55 มุสลิมไม่คิดเหมือกันทั้งโลก แต่หลักการอิสลามมีเพียงหนึ่ง ไม่มีมุสลิมคิดว่า "กราบไหว้หินดำ" หรอกครับ จากคุณ : SA Student - [ 16 ต.ค. 49 09:48:27 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ที่ตั้งกระทู้นี้คือ การถามว่าหินดำคืออะไรใช่หรือเปล่า เมื่อตอบก็มีปัญหาในการเคารพหินดำว่าอิสลามเคารพหรือไม่ คุณนี่ก็แปลกนะคะ ถามมุสลิม พอมุสลิมตอบคุณก็ไม่เชื่อ แล้วจะถามทำไม ?????????????? มุสลิมหลายท่านตอบไปหลายหน คุณไม่ได้อ่านหรือคะ หรือพวกคุณต้องให้เรายอมรับว่าเราเคารพเจว็ด ทั้งที่เราไม่ได้เคารพ อย่างนี้หมายความว่ายังไงหรือคะ ????? จากคุณ : Kala99 - [ 16 ต.ค. 49 10:05:53 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขออนุญาตถาม   คุณ: kheedes ว่าที่ว่า  “ หิน.........จากการตรวจสอบโดยนักวิทยาศาสตร์จาก สหรัฐฯ พบว่า หินดำเป็นวัตถุนอกโลก สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นอุกกาบาต ที่มาจากที่อื่น ซึ่งองค์ประกอบและธาตุบางชนิดที่พบ เป็นสิ่งที่ไม่มีในโลก หรือในกาแลคซี่เรานี้” ขอถามว่า   มีเอกสารฉบับไหนยืนยันว่านักวิทยาศาสตร์สหัฐเอาไปตรวจสอบ  เพราะว่าที่ศึกษาจากเว็บต่าง  ๆ    ไม่เคยพบว่าได้มีการนำชิ้นส่วนของหินดำไปศึกษาวิจัยที่ไหน   และจากเว็บหนึ่งจำชื่อเว็บไม่ได้      บอกว่าเนื่องจากไม่เคยมีการตรวจวิจัยหินดำ     ดังนั้นจึงไม่อาจทราบว่าหินดำว่าประกอบด้วยแร่ธาตุอะไร   หรือเป็นอุกกาบาตชนิดไหน   ขอขอบคุณล่วงหน้า    ถ้าคุณจะกรุณาแนะนำเอกสารฉบับนั้นให้ทราบ   อยากแนะนำให้ดูรูป หินดำในเว็บต่อไปนี้คือ Black Stone of Mecca - Crystalinks Islam: Meteorite Worship of the black stone แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 23:44:07 จากคุณ : CALAVERITE - [ 16 ต.ค. 49 13:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 67 โอ้ คุณคลื่นแทรก คิดได้ไงเนี่ย  แต่ก็สื่อเข้าใจได้ง่ายดีแฮะ /////////////////// #66 หินดำเท่าที่รู้ ไม่เคยมีใครเอาไปตรวจสอบครับ  แต่เคยมีนักวิทยาศาสตร์  ออกมาให้ข้อสันนิษฐานครับ ว่า หินดำ น่าจะเป็นอุกกาบาต ที่มาจากนอกโลก เมื่อนานมาแล้ว  จากคุณสมบัติ เท่าที่เห็นได้จากรูปและ เกร็ดประวัติศาสตร์บางส่วน เขาสันนิษฐานว่า แร่ธาตุที่ประกอบขึ้นเป็นหินดำนั้น ไม่น่าจะมีในโลก  เพราะมีบางเกร็ดที่เล่าว่า หินดำนั้น แต่เดิมไม่สัมผัสพื้น คือ ลอยอยู่บนพื้น ก็เลยว่า น่าจะมีคุณสมบัติที่เป็นสนามแม่เหล็กอยู่ อันนี้ ผมฟัง คนเก่าแก่เล่ามาอีกทีครับ  ถ้าจำไม่ผิด มีต่วยตูน ฉบับนึงเคยเอาเรื่อง หินดำ มาลงให้อ่านครับ  ซึ่งก็อ้างว่ามีนักวิทยาศาสตร์ ออกมากล่าวทำนองนี้ไว้เหมือนกัน   แต่ไม่มีใครได้ตรวจสอบ กับตัวหินดำจริง ๆ เพราะ ทางซาอุฯ เขาไม่อนุญาตให้คนต่างศาสนาเข้าไป  หรือ ไปสัมผัสหินดำ เข้าใจว่า พี่ คีเดส คงไม่ได้หมายถึง เอาหินดำไปตรวจสอบในห้องแล็บหรอกครับ แก้ไขเมื่อ 16 ต.ค. 49 21:48:11 จากคุณ : Zeno of Elea - [ 16 ต.ค. 49 21:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ ขอโทษนะครับ ไม่ได้คิดลบหลู่ เป็นเพียงการสันนิษฐาน ถ้ามุสลิมไม่ได้ถือว่า กาบะฮ์ และ หินดำ คือ สิ่งเคารพ ถ้ามีคนเอารูปแบบนี้ ไปออกแบบทำเป็นห้องส้วม จะได้ไหมครับ อ้าวอย่าโกรธซี่ ไหนว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพไง ห้ามเคืองน๊า ก็ พวกคุณบอกอยู่เองว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพ นี่นา New design by Americo standardo จากคุณ : Harald (Harald) - [ 16 ต.ค. 49 23:29:23 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ ขอโทษนะครับ ไม่ได้คิดลบหลู่ เป็นเพียงการสันนิษฐาน ถ้ามุสลิมไม่ได้ถือว่า กาบะฮ์ และ หินดำ คือ สิ่งเคารพ ถ้ามีคนเอารูปแบบนี้ ไปออกแบบทำเป็นห้องส้วม จะได้ไหมครับ อ้าวอย่าโกรธซี่ ไหนว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพไง ห้ามเคืองน๊า ก็ พวกคุณบอกอยู่เองว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพ นี่นา New design by Americo standardo จากคุณ : Harald (Harald)  - [ 16 ต.ค. 49 23:29:23 ] ------------------------------------------------------------ คุณน่าจะรู้แก่ใจนะค่ะว่าคุณต้องการสื่ออะไร ลบหลู่หรือเปล่า คุณรู้แก่ใจคุณดี ขอตอบคำถามของคุณค่ะ มุสลิมทุกคนไม่ถือว่าหินดำและกะบะฮ์คือสิ่งเคารพ แต่เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนรักค่ะ  พวกเรามุสลิมคงไม่ยอมให้ใครดูถูก หรือดูหมิ่น สิ่งที่เรารักหรอก เช่นเดียวกันค่ะ และคิดว่ามุสลิมทุกคนในประเทศไทยก็เป็นเช่นนี้ เราทุกคนรักในหลวงค่ะ ถ้ามีใครเอาพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงไปกระทำไม่บังควร เรามุสลิมก็พร้อมจะปกป้องและไม่ยอมให้ใครทำเช่นนั้นแน่ หรือว่าคุณจะอยู่เฉยๆ ถ้ามีคนเอาสิ่งที่คุณรัก ไปกระทำในทางไม่เหมาะสม แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 08:18:53 จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 08:17:31 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อ้างจาก คห69 ฯ..........มุสลิมทุกคนไม่ถือว่าหินดำและกะบะฮ์คือสิ่งเค้ารพ แต่เป็นสิ่งที่มุสลิมทุกคนรักค่ะ .....ฯ ------------------------------------------------------------------------------- ใครก็ได้ช่วยอธิบายที ผมว่ายิ่งพูดไปนานๆจะยิ่งเพี้ยนเข้าไปใหญ่ กับคำที่ว่า เคารพ กับ รัก ......... สองคำนี้มันหมิ่นเหม่ต่อความหมายและความเชื่อเต็มที ถ้าอธิบายกันไม่ชัดเจนก็เท่ากับว่า มุสลิมเข้าใจในกาบะฮไม่ตรงกันนะ ตัวผมเห็นว่า ข้อความในคัมภีร์อาจเที่ยงตรงดุจไม้บรรทัดได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์ไม่เป็นอย่างนั้น การกล่าวว่า ศาสนิกมีความเข้าใจ ตรงกันหมด จึงเป็นสิ่งที่ผมไม่อาจเชื่อว่าเป็นจริงได้ ด้วยเหตุที่ มนุษย์มีความ หลากหลาย ทั้งเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ ความเชื่อท้องถิ่น ระดับการศึกษา ฐานะทางสังคม อคติส่วนตัว ..ฯ ใครอยากจะอธิบายก็เชิญ ผมจะรอฟัง.................... ด้วยความนับถือ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 17 ต.ค. 49 08:32:58 ]

ความคิดเห็นที่ 71 หินดำ กับกะบะคือคนละอย่างกันนะครับ กะบะห์คือ สี่เหลี่ยมที่คลุมผ้าไว้ ครับ ส่วนหินดำจะถูกประดับไว้ที่มุมของกะบะห์เพื่อเป็นจุดเริ่มของการเดินเวียนหรือตอวาฟ ------------ นี่คือข้อความของคุณ beckmee คุณอ่านหรือยัง การเดินเวียน หรือการตอวาฟ คือการสักการะพระผู้เป็นเจ้า ส่วนที่จะเอาหินดำไปทำห้องน้ำนั้นคิดได้ไง คุณบอกว่าพระพุทธรูปไม่ใช่เครื่องสักการะของศ่าสนาพุทธ ถ้าฉันจะเอาไปทำอะไรก็ได้หรือเปล่า ลองเอาใจเขามาใส่ใจเราบ้างก็ดี อิสลามทุกคนแม้จะต่างนิกาย แต่สิ่งที่ยึดมั่นที่สุดคือ พระเจ้า ไม่มีอะไรเทียบเคียงพระองค์ได้ หินดำเป็นจุดเริ่มของการเดินเวียนเพื่อสักการะพระเจ้า ต่อให้คุณถามยังไงมันก็เป็นอย่างนั้น จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 09:31:02 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อย่าเลยครับ เอาไปทำเป็นห้องน้ำ ผมว่า ถึงไม่ใช่สิ่งเคารพ แต่เป็นตัวแทน หรือ "ความหมายเชิงสัญลักษณ์" ของศาสนาไปแ้ล้ว กะบะอ์ คือ อิสลาม หรือ หินดำ คืออิสลาม หรือการทำฮัจญ์ หากสัญลักษณ์โดนดูถูกเหมือน อิสลาม โดนดูถูก ผมคิดว่าอย่างนั้้น เหมือนกับกรณีธงชาติ คงไม่มีใครเคารพผืนธงชาติสีแดงขาวน้ำเงิน แต่มันเป็นสัญลักษณ์ ของชาติ หรือแค่ป้ายคำว่า Thailand ไปตั้งอยู่ในที่ไม่ควร มันก็ไม่ดี ผมเคยถามว่าทำไมนบีมูฮัมมัดต้องจูบหินดำ นั่นคือการเคารพหรือไ่ม่ มีคนตอบว่า คล้าย ๆ กับกรณีถ้วยรางวัล สมมติว่าเป็นถ้วยบอลโลก แต่มันคือความภาคภูมิใจ มันเป็นตัวแทนของความสำเร็จ ไม่มีใครกราบไหว้ ถ้ามีโรนัลดิลโญ่จูบมันล่ะผิดมั้ย แน่นอนไม่ผิด เขาภาคภูมิใจมันคือเกียรติยศที่มองไม่เห็น แต่มันถูกแสดงให้เห็นเป็นกายภาพ และคนอื่นรับรู้ได้ ส่วนกรณีหินดำมันเป็นโบราณวัตถุสำคัญ เป็นตัวเชื่อมประวัติศาสตร์ของศาสนา ตั้งแต่สมัยอดัม สมัยอับราฮัม สมัยอิชมาเอล เป็นสัญลักษณ์ที่มีเกียรติของเผ่าในอาหรับ (เหมือนถ้วยรางวัล) นบีจูบมันก็คงภูมิใจว่าถ้วยรางวัลของอาหรับ เป็นสัญลักษณ์ที่มีเกียรติ แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 09:47:56 จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 17 ต.ค. 49 09:38:36 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เหมือนการเดินจงกลมนั่นแหล่ะ คุณกำหนดจุดหนึ่งไปจุดหนึ่ง ตรงจุดที่คุณกำหนดคุณต้องเคารพหรือเปล่าคะ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 09:39:30 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอยืนยันตามคหของคุณ  Kala99 และคุณ beckmee และดิฉันคิดว่า หลายๆท่านที่กล่าวมาข้างต้น ได้อธิบายไว้พอสมควร คำว่าเคารพ กับ รัก มันต่างกันนะค่ะ สมมติค่ะ (ตามความคิด) ถ้าคุณรักแฟนคุณ คุณอาจจะรักในตัวเธอ หรืออื่นๆ แต่คงไม่ถึงกับคุณเคารพเธอ ถึงกับการกราบไหว้เธอใช่ไหมค่ะ ในความคิดของเรา รักกับเคารพ มีความต่างกันค่ะ มันขึ้นอยู่กับว่าคุณเห็นเส้นบางๆของความต่างนี้หรือเปล่า เราคิดว่าคุณฤทธี เป็นคนเก่งและฉลาดค่ะ น่าจะเข้าใจได้ดี ยังไงก็ขอบคุณสำหรับคำถามและข้อท้วงติงนะค่ะ ถ้าไม่เข้าใจสามารถถามเพื่อหาความรู้ได้ค่ะ คิดว่ามุสลิมทุกท่านพร้อมที่จะชี้แจงทุกท่านค่ะ (แต่ขอเป็นเพื่อความรู้จริงๆนะค่ะ ไม่ใช่เพื่อลบหลู่และจับผิด) ยินดีเสมอค่ะ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 09:47:29 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ไม่หรอกครับ #67 คุณดาบฯ อธิบายมาว่ามันคือป้ายอันนึง ไม่มีใครกราบลูกศรชี้ทาง ผมก็เลยเข้าใจอย่างนั้น จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 17 ต.ค. 49 09:52:05 ]

ความคิดเห็นที่ 76 #  คุณ : Ritti Janson   คุณ : Harald                            "  เอาอย่างนี้ก็แล้วกันจะได้จบเสียที "     คุณ Ritti Janson   คุณHarald (Harald     จะคิดอย่างไรก็คิดไปเถอะ        ถ้าพวกคุณรู้แล้วไม่ต้องถาม                                      ในเมื่อพวกคุณมี     สติปัญญา     ก็คิดเอาเองบ้างซิ แล้วก็สรุปเองก็ได้ มาถามทำไมให้เสียเวลาอันมีค่าเปล่า ๆ                     พวกคุณเหมือนคนไทย แต่ไปคุยเรื่องของคนชาติอื่น     แถมยังอวดรู้ดีกว่าเขาอีก              อยากรู้  แต่ไม่เชื่อ     อยากถามแต่เวลาเขาตอบกลับไม่ฟัง                   ปล.   ไปลงนรกเสียเถอะ ไป ไป้  (ผมร้องเพลงนะ ไม่ได้แช่งใคร) จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 10:04:06 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ของพวกคุณจะใช่เจวตหรือไม่ใช่ ไม่ได้มีใครเขาสนใจหรอกครับ ผมถึงบอกไง ถ้าตราบใดที่คุณไปมองของคนอื่นไปตัดสินของคนอื่นว่าเป็นเจวต เมื่อนั้นของๆคุณก็ไม่ต่างอะไร เช่นกัน แล้วคุณจะไปเคืองอะไรก็ไม่ได้ด้วย เพราะว่า มันก็มีลักษณะเป็นสัญญลักษณ์ เกี่ยวกับการแสดงความเคารพ อยู่ดี แม้คุณจะพยามอธิบายว่าเป็นเสมือนป้ายบอกทาง เป็นเพียงสัญญลักษณ์อย่างหนึ่ง แต่มันก็เป็นสัญญลักษณ์ที่แฝงการแสดงว่าเป็นสิ่งเคารพอยู่ด้วย ถ้าคุณไม่มองของคนอื่นว่าเป็นเจวต เมื่อนั้นของคุณก็ไม่ได้เป็น ครับ ผมถึงบอกไง ว่าการแสดงความเห็นนี้ไม่ได้เป็นการลบหลู่ แต่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปมองของคนอื่นเขาอย่างไร จำไว้นะครับ #76 ถ้าไม่ต้องการ และไม่ยินดี เวลาคนอื่นเขาหาว่าของคุณก็เป็นเจวตเหมือนกัน ก็จงอย่าไปมองของคนอื่นเขาว่าเป็นเจวต แล้วของคุณก็จะไม่ถือว่าเป็นเจวต ครับ ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ design ใหม่ก่อนนะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 11:06:12 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ขอตัวไปเข้าห้องน้ำ design ใหม่ก่อนนะครับ ถ้ามุสลิมไม่ได้ถือว่า กาบะฮ์ และ หินดำ คือ สิ่งเคารพ ถ้ามีคนเอารูปแบบนี้ ไปออกแบบทำเป็นห้องส้วม จะได้ไหมครับ New design by Americo standardo จากคุณ : Harald (Harald)  - [ 16 ต.ค. 49 23:29:23 ] ----------------------------------------------- ถ้าdesign ตามกระทู้ข้างบนที่คุณบอก ขอให้คุณได้รับผลตอบแทนจากการกระทำของคุณค่ะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็ขออภัยด้วย แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 11:20:29 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 11:18:05 จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 11:16:24 ]

ความคิดเห็นที่ 79 จบกับการพูดแบบนี้ไม่อ่าน คุณ Harald แปลว่าคุณไม่อ่านเลยนี่คะ หลายคนพูด คุณกับเถียง เออก็แล้วแต่คุณแล้วกัน อิฐกับคืออิฐ หินก็คือหิน ไม่มีอะไรที่จะต้องเกรงกัวหรือต้องเคารพ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 11:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 #72 ในสมัยนั้น การจูบถือเป็นการทำความเคารพอย่างหนึ่งนะครับ ถ้าจะสังเกตุให้ดี ธรรมเนียม ของผู้คนในแถบนั้น ในสมัยโบราณ จะมีการแสดงความเคารพ โดยการจุมพิตหลังมือ สำหรับ บ่าว หรือ ผู้ต่ำกว่า แสดงความเคารพ นาย หรือถ้าเป็นตำแหน่งสูงๆ บางทีใช้การจุมพิตหลังเท้าก็มี ปัจจุบันที่เห็นมีการทักทายกัน โดยการ กอดกันเบาๆ แล้วเอาแก้มมาชนกัน แกล้งทำปากจู๊บๆ นั่นก็เป็นการทักทายแสดงความเคารพกันอย่างหนึ่ง ซึ่งค่อยแปลงเปลี่ยน มาจากการจุมพิตแบบในสมัยโบราณ ถ้าคุณไปอ่านประวัติศาสตร์ของพวกยิว คุณจะเห็นว่า บ่าวผู้หญิงจะแสดงความเคารพโดยการจุมพิตที่เท้าของนาย บ่าวผู้ชายจะจุมพิตที่หลังมือของนาย ในสมัยนั้น ธรรมเนียมของเผ่ายิวกับเผ่าอาหรับ ไม่ต่างกันหรอกครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 11:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ถ้าไม่ต้องการ และไม่ยินดี เวลาคนอื่นเขาหาว่าของคุณก็เป็นเจวตเหมือนกัน ก็จงอย่าไปมองของคนอื่นเขาว่าเป็นเจวต แล้วของคุณก็จะไม่ถือว่าเป็นเจวต ครับ หวังว่าคงจะเข้าใจ แล้วนะครับ ก็แค่นี้แหละครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 11:47:48 ]

ความคิดเห็นที่ 82 เอาอย่างนี้ดีไหมค่ะคุณ Harald (Harald) คุณต้องการให้พวกเราตอบคำถามคุณใช่ไหม แล้วถ้าเราตอบกรุณาทำความเข้าใจได้ไหม หรือถ้าไม่เข้าใจ กรุณาถามอย่างสุภาพ หรือปัญญาชนได้ไหม หรือถามปราศจากการต่อต้าน หรือโจมตี หรือดูหมิ่นอย่างเช่นความเห็นเรื่องห้องน้ำของคุณ เราว่าศาสนาของคุณคงไม่สอนให้คุณเป็นแบบนี้ ถึงดิฉันจะไม่ค่อยพอใจ หรือเข้าใจคำถามของคุณฤทธี หลายๆครั้ง แต่ดิฉันขอชื่นชมคุณฤทธี ที่ไม่เรื่องศาสนาไปเปรียบเทียบกับเรื่องห้องน้ำ ของชื่นชมค่ะ แต่สำหรับคุณในวันนี้ทำให้ดิฉันเห็นถึงพื้นฐานจิตใจของคุณได้อย่างเด่นชัด คงไม่ต้องบอกมั้งค่ะว่าเราเห็นอะไรในตัวคุณ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 11:50:07 ]

ความคิดเห็นที่ 83 แล้วคุณจะไปเคืองอะไรก็ไม่ได้ด้วย เพราะว่า มันก็มีลักษณะเป็นสัญญลักษณ์ เกี่ยวกับการแสดงความเคารพ อยู่ดี แม้คุณจะพยามอธิบายว่าเป็นเสมือนป้ายบอกทาง เป็นเพียงสัญญลักษณ์อย่างหนึ่ง แต่มันก็เป็นสัญญลักษณ์ที่แฝงการแสดงว่าเป็นสิ่งเคารพอยู่ด้วย มีตรงไหนแฝงถึงการเคารพบอกหน่อยซิ มีแต่คุณคิดไปเองทั้งนั้นว่ามันสิ่งเคารพบูชา ศาสนาก็ไม่ได้บอก เมื่อถูกยัดเยียดโดยไร้หลักการแบบนี้ ทำไมต้องยอมรับล่ะ ถ้าคุณไม่มองของคนอื่นว่าเป็นเจวต เมื่อนั้นของคุณก็ไม่ได้เป็น ครับ ผมถึงบอกไง ว่าการแสดงความเห็นนี้ไม่ได้เป็นการลบหลู่ แต่ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปมองของคนอื่นเขาอย่างไร จำไว้นะครับ #76 ถ้าไม่ต้องการ และไม่ยินดี เวลาคนอื่นเขาหาว่าของคุณก็เป็นเจวตเหมือนกัน ก็จงอย่าไปมองของคนอื่นเขาว่าเป็นเจวต แล้วของคุณก็จะไม่ถือว่าเป็นเจวต ครับ การมองคนอื่นอย่างไร ไม่ใช่เหตุให้เราต้องเป็นเหมือนคนอื่น การที่รูปปั้นของศาสนาคุณถูกมองเป็นเจว็ดไม่ใช่เพราะผมไปยัดเยียดให้เป็น แต่พวกคุณทำกันเอง มีการเคารพกราบไหว้ขอพร การจะทำพระพุทธรูปได้ต้องมีพิธีเบิกเนตร ไม่ทราบว่าถ้าเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งบูชาจะมีพิธีที่ว่ามั๊ยครับแถมพระเองที่เป็นผู้สืบทอดศาสนาก็ไม่ได้ห้ามปรามอีกด้วย หรือถ้าคุณไม่ได้กราบไหว้ รูปปั้นเหล่านั้น จะมีใครมีสิทธิไปเรียก รูปปั้นคุณว่าเจว็ดได้ละครับ? ซึ่งคนละเรื่องกับวิหารกะบะห์ เลยลองไปถามมุสลิมสิว่า คุณกราบไหว้ทำความเคารพบูชาหินดำ หรือวิหารนี้มั๊ย หรือไปถามใครก็ได้ว่า มีพิธีสมโพชหินดำ และวิหารหรือเปล่า งั้นตัวอย่างที่แสดงให้ชัดๆอีกอย่างคือ ผมเป็นมุสลิม ผมเห็นคนนุ่งเหลืองห่มเหลืองผมก็มองว่านี่พระ แล้วพระจะมองผมว่าเป็นพระด้วยเหมือนกันได้เหรอ ? เจว็ดก็คือเจว็ด ถ้าคุณไม่อยากให้ใครมองว่าของคุณมีลักษณะเหมือนเจว็ด ก็ไปปรับปรุงสังคมของพวกคุณสิครับ หรือมาอธิบายให้เข้าใจกันว่าจริงๆแล้วพระพุทธรูปมีไว้ทำไม เหมือนมุสลิมที่มุสลิมมาอธิบาย ไม่ใช่คอยมาห้ามคนอื่น ผมว่ามันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุนะครับ ถ้าพวกคุณมาอธิบายซะแต่แรกว่า พระพุทธรูปคืออะไร และพิธีที่มีทั่วไปที่ทำกัน คืออะไรผิดเพี้ยนไปจากคำสอนมั๊ย แค่นี้ก็กระจ่าง คงไม่มีใครมากเรียก รูปปั้นของคุณว่าจะเจว็ดแล้วล่ะครับ ไม่ยอมอธิบายไม่ยอมชี้แจงแต่คอยจะมายัดเยียดให้คนอื่นทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอธิบายก็ไม่ฟัง แบบนี้ก็วุ่นสิครับ จากคุณ : Carroth - [ 17 ต.ค. 49 12:01:03 ]

ความคิดเห็นที่ 84 อ้าวอย่าโกรธซี่ ไหนว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพไง ห้ามเคืองน๊า ก็ พวกคุณบอกอยู่เองว่า ไม่ได้เป็นสิ่งเคารพ นี่นา ผมก็เขียนเอาไว้ในความเห็นข้างบนแล้วนี่ครับ มาโกรธเคืองผมไม่ได้นะครับ ถ้ามาโกรธเคือง ผม ก็เท่ากับว่าคุณยอมรับว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งเคารพจริง ใช่ไหมครับ ถ้าไม่ต้องการ และไม่ยินดี เวลาคนอื่นเขาหาว่าของคุณก็เป็นเจวตเหมือนกัน ก็จงอย่าไปมองของคนอื่นเขาว่าเป็นเจวต แล้วของคุณก็จะไม่ถือว่าเป็นเจวต ครับ ครับ ถ้าคุณเข้าใจตามประโยคข้างบนแล้ว แบบห้องน้ำนั้นก็ไม่มีใครเอาไปสร้างจริงหรอกครับ เป็นเพียงการสมมติขึ้นมา หวังว่าคุณคงจะเข้าใจ และด้วยความเข้าใจนี้ จงอย่าไปมองของคนอื่นว่าเป็นเจวต เพราะเวลาที่คนอื่นเขามองว่าของคุณก็เป็นเจวตเหมือนกัน แล้วคุณรับไม่ได้ ไม่พอใจ มันก็แสดงพื้นฐานในจิตใจของคุณด้วยเช่นกัน คงไม่ต้องบอกมั้งครับว่าคุณต่างหากเองที่มองไม่เห็นอะไรในตัวคุณ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 12:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบอกอีกครั้งค่ะ ว่าไม่ใช่สิ่งเคารพ แต่เป็นสิ่งที่รักและหวงแหน เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้เป็นของมุสลิมทุกคนเท่านั้น ครับ ถ้าคุณเข้าใจตามประโยคข้างบนแล้ว แบบห้องน้ำนั้นก็ไม่มีใครเอาไปสร้างจริงหรอกครับ เป็นเพียงการสมมติขึ้นมา+++++ สำหรับเรื่องห้องน้ำเป็นการสมมติที่เกินไปค่ะ แล้วหนซำ คุณยังขอตัวไปเข้าห้องน้ำ designใหม่ด้วยใช่ไหมค่ะ แล้วห้องก็คงไม่มีใครสร้างอย่างที่คุณบอก แต่สิ่งที่คุณสื่อ มันไม่ใช่อย่างนั้น เอาเถอะค่ะ ขอให้คุณไตร่ตรองด้วยค่ะว่าคุณเปรียบเทียบอะไรเกินไปไหม ขอย้ำอีกครั้งค่ะ ว่าหินดำและกะบะฮ์ ไม่ใช่สิ่งเคารพ เป็นสิ่งที่มุสลิมรักและหวงแหนค่ะ เพราะเจ้าของทั้งสองสิ่งนี้คือมุสลิมเท่านั้นค่ะ และฉันก็คงยอมไม่ได้ที่จะให้คุณนำสิ่งที่ดิฉันรักไปเปรียบเทียบกับห้องน้ำ design ใหม่ของคุณ ปล. ไม่ได้โกรธเลยค่ะ พยายามชี้แจงแบบใจเย็ยและมีสติค่ะ มั่นใจได้ว่าที่พิมพ์ไปข้างต้นไม่ได้โกรธคุณเรื่องคำถาม แต่ไม่ชอบที่ให้คุณเอาของรักไปเปรียบเทียบกับห้องน้ำ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 12:26:36 ]

ความคิดเห็นที่ 86 แล้วแต่คุณจะคิดค่ะ คุณ Harald ฉันคงบังคับให้ใครคิดแบบฉันไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำมันเกินทนค่ะ เอาแบบนี้นะคะลองนึกง่าย ๆ รูปภาพเล่าประวัติในวัด ถ้านำมาวาดในห้องน้ำ คุณจะรู้สึกยังไง   เพราะจริง ๆ คุณก็ไม่ได้ศรัทธารูปวาดนั้น จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 12:32:43 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #     77  Harald    โปรดทำความเข้าใจ               มุสลิม    มอง วัตถุที่คุณกราบไหว้เป็น  " เจว็ต"                           คุณ : Harald       มองกะบะห์กับหินดำ    ก็   เป็น   "เจว็ต" ( ตามความคิดของคุณ)                                ผมจะวิเคราะห็ความรู้สึก ของ  มุสลิม     กับความรู้สึกของ  คุณ  Harald                       ความรู้สึกของมุสลิม     ที่มีต่อมุมมองของ     คุณHarald       มุสลิมรู้สึกเฉย ๆ     ที่คุณ Harald  คิดว่า กะบะห์กับหินดำ ก็เป็น "เจว็ต"         เพียงแต่ว่าอยากจะอธิบายให้คนต่างศาสนาเข้าใจ            แต่     ความรู้สึกของ คุณ  Harald     ที่มีต่อมุสลิม  คุณ  Harald รู้สึกว่ารับไม่ได้    ที่มุสลิม บอกว่า สิ่งที่คุณกราบไหว้นั้นเป็น  "เจว็ต"                                                           แล้วคุณ  Harald  ยอมรับ    หรือไม่ว่า สิ่งที่คุณกราบไหว้   นั้นเป็น   "เจว็ต"      ถ้า     ไม่ยอมรับ      ก็ บอกมุสลิมเขาไปว่า    ไม่ไช่   "เจว็ต"    ก็จบกัน                 ส่วนมุสลิมเขาตอบไปแล้ว ว่ากะบะห์กับหินดำ     ไม่ใช่  "เจว็ต"                                   คุณ  Harald อย่าไปเปลี่ยนความคิดใครเลย   แม้กระทั่งความคิดคุณเองคุณยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้เลย                                ในมุมมองเดียวกัน  มุสลิม  ก็อย่าไปเปลี่ยนความคิด คุณ  Harald เลย  เปล่าประโบชน์ และเสียเวลา                            ดังนั้นคุณ  Harald ก็จงกราบไหว้ในสิ่งที่คุณกราบไหว้   ต่อไป  ไม่มีใครเขาไปห้ามคุณหรอก              ส่วนมุสลิมเขาก็ไปทำฮัจย์ แต่มุสลิมเขาไม่ไปกราบหรือ สักการะ กะบะห์  กับหินดำหรอก                                                                   " เดือนรอมมาฎอน คือเดือนแห่งการ อดทนทำความดีของมุสลิม" แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 14:55:48 แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 12:55:05 จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 12:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ก็คงประมาณว่า ปากบอกว่าไม่ได้เคารพ แต่ลึกๆแล้วก็เคารพอยู่ภายใน เพราะถ้าไม่ได้เป็นสิ่งเคารพ แล้วจะมาเดือดร้อนทำไม เพราะถ้ามันเป็นเพียงป้ายสัญญลักษณ์จริงแค่นั้นอย่างที่บอก คนอื่นเขาจะเอาไปทำอะไร เอาไปออกแบบเป็นอะไร ก็ต้องไม่เดือดร้อนสิ คุณ มาซู เชิญใช้บริการครับ ไม่หวงห้ามครับ แต่เสร็จกิจแล้ว อย่าลืมใช้น้ำล้างด้วยนะครับ เดี๋ยวจะเป็นบาปติดตัว ผิดบัญญัติกับพระเจ้านะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 13:02:50 ]

ความคิดเห็นที่ 89 #  88                 ผมไม่เช็ด   ผมไม่สะบัดแล้วเก็บ  ผมล้างทุกครั้งคุณไว้ใจได้                  เพราะผมกลัวบาปอย่างที่คุณว่า  และผมเกลียดความสกปรก จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 13:09:59 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ผมว่าคุณ Carroth เค้าเคืองคุณ Harald ที่พูดไม่รู้เรื่องมากกว่า เพราะผมว่าคำตอบของมุสลิมชัดเจนมากแล้ว แต่ทำไมมุสลิมจะไม่มองว่าการกราบไหว้พระพุทธรูป รูปปั้นเป็นเจวด เพราะไม่ได้รับคำตอบใดๆ หรือข้อแก้ต่างใดๆ ที่จะนำไปสู่ความเข้าใจได้เลยว่านั่นไม่ใช่เจวด กลับกัยมุสลิมล้วนแล้วแต่อธิบายได้ว่าทำไมจึงไม่ใช่เจวด คุณ Harald ก็ได้แต่คิดเองเออเองว่ามันเป็นเจวด แต่ไม่สามารถอธิบายได้เหรอว่าพวกคุณไม่ได้เจวด ถ้าเช่นนั้น ก็เท่ากับว่าคุณยอมรับว่า สิ่งนั้นเป็นเจวดจริงๆ ใช่ไหมครับ อธิบายด้วยเหตุผลนะครับ ไม่ใช่อธิบายจากความคิดและความไม่พอใจของตัวเอง มิเช่นนั้น มันก็แสดงพื้นฐานในจิตใจของคุณด้วยเช่นกัน คงไม่ต้องบอกมั้งครับว่าคุณเองต่างหากที่มองไม่เห็นอะไรในตัวคุณ(copy) จากคุณ : 1001ทิวาราตรี (พันหนึ่งทิวาราตรี) - [ 17 ต.ค. 49 13:14:22 ]

ความคิดเห็นที่ 91 #   คุณ : Harald                               ในมุมมุมองมุสลิม  " เจว็ต"   หมายถึง   รูปปั้น หรือรูปหล่อ ของบุคคลที่ตัวเองนับถือ      แล้วนำมาเคารพและสักการะ                              แล้วในมุมมองของ      คุณ : Harald    ตอบหน่อยซิ  ว่า   " เจว็ต"    หมายความอย่างไร                                      ตอบ  ไทย  เป็น ไทย นะ   อย่าตอบเป็น  ยวน   เดี่ยวคุยกันไม่รู้เรื่อง แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 13:41:27 จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 13:31:46 ]

ความคิดเห็นที่ 92 # 89 เรื่องความสะอาดสกปรก นั่นก็เป็นเรื่องหนึ่ง ว่าแต่ว่า คุณเชื่อจริงๆหรือครับว่า ถ้าไม่ใช้น้ำล้างแล้วจะเป็นบาปติดตัว ผมหมายความเพิ่มอีกว่า คนที่ปัสสวะแล้วไม่ล้าง...ด้วยน้ำ จะมีบาปติดตัวเขา คนที่อุจจาระ แล้ว ไม่ได้ล้างน้ำ จะมีบาปติดตัวเขา จริงหรือถ้าขี้ติดก้น แล้วจะเป็นบาปติดตัว Halo จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 13:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ตอนนี้ยังคงรอฟังคำว่า เจว็ดในความหมายของคุณอยู่ค่ะคุณ Harald (Harald) อยากรู้จริงๆค่ะ จะได้เข้าใจคุรเสียที โปรดชี้แจงสิ่งที่เราอาจเข้าใจผิดด้วยค่ะ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 13:47:42 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จริง ๆ แล้่ว พระพุทธรูปก็ไม่ใช่เจว็ดนะครับ 1. ค้น :  เจว็ด คำ :  เจว็ด เสียง :  จะ-เหฺว็ด คำตั้ง :  เจว็ด ชนิด :  น. ที่ใช้ :   ที่มา :   นิยาม :  รูปเทพารักษ์ที่ประดิษฐานไว้ในศาลพระภูมิหรือศาลเจ้า มักทำเป็นรูปเทวดาถือพระขรรค์, โดยปริยายหมายความว่า ผู้ที่ได้รับยกย่องให้เป็นประธานหรือเป็นใหญ่ แต่ไม่มีอำนาจ เช่น ตั้งเป็นเจว็ดขึ้นไว้, ใช้ว่า ตระเว็ด หรือ เตว็ด ก็มี. ภาพ :   อ้างอิง :   ปรับปรุง : จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 17 ต.ค. 49 13:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 95 #   คุณ : Harald               " เจว็ต"        ไม่ใช่คำหยาบคาย      ไม่ได้หมายความว่า   ไม่ดี     "เจว็ต"     เป็นคำนิยามสั้น ๆ   เพื่อให้เป็นที่รู้เข้าใจง่ายในการใช้ภาษา                   คุณ : Harald     ช่วยอธิบายความหมายของคำว่า   "เจว็ต"    ในมุมมองของคุณให้ผมฟังหน่อย จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 14:00:34 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ขอบคุณสำหรับความรู้นะค่ะคุณคลื่นแทรก แต่นิยามของมุสลิมคือ ในมุมมุมองมุสลิม  " เจว็ต"   หมายถึง   รูปปั้น หรือรูปหล่อ ของบุคคลที่ตัวเองนับถือ    แล้วนำมาเคารพและสักการะ(ขออนุญาตก็อปปี้นะค่ะ) ขอขอบคุณสำหรับความรู้ที่เราอาจเข้าใจผิดในทัศนะของชาวพุทธ แต่เราเข้าใจถูกในทัศนะของมุสลิมค่ะ (ขอย้ำในทัศนะของมุสลิม) และดิฉันยอมรับได้ในคำชี้แจงของคุณค่ะคุณคลื่นแทรก ขอบคุณอีกครั้งสำหรับความรู้ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 14:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 97 สำหรับคำอธิบายของผมนะครับ ซึ่งผมได้เคยกล่าวไว้ก่อนแล้ว ตั้งแต่แสดงความเห็นตอนต้นๆ  ว่า ผมเองก็มองว่า หินดำ และ กาบะฮ์ นี้ ก็เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพอย่างหนึ่ง ในศาสนาอิสลาม ดังนั้นหาก มุสลิมท่านใด มองสิ่งเคารพ ในศาสนาอื่นว่าเป็นเจวต ผมก็ย่อมบอกได้ว่า ของคุณก็ไม่ต่างกัน เราไม่ต้องไปหานิยามหรอกครับ ว่าเจวต หมายความว่าอย่างไร ถ้าคุณมองว่า สิ่งเคารพของศาสนาอื่น เป็นเพียงเจวต คนศาสนาอื่นก็ย่อมมีสิทธ์มองได้ว่า สิ่งเคารพของพวกคุณนั้น ก็เป็นเจวต เหมือนกัน ตามมาด้วยการพยามอธิบายว่า ไม่ใช่ สิ่งนั้นไม่ใช่สิ่งเคารพ  คือไม่รับว่าเป็นสิ่งเคารพ ผมถึงได้สมมติ ไงครับว่า โอเคนะ  ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ ก็อย่ามาเคืองกันนะ ถ้าจะมีคนเขาเอารูปแบบสิ่งนั้นไปออกแบบห้องพิเศษ ที่พวกคุณมาตื้อ ถามผมไห้ได้ แสดงความไม่พอใจอยู่นี่ ก็แสดงว่าพวกคุณเคือง ถูกไหมครับ ก็แล้วทำไมไม่ยอมรับล่ะ ว่า สิ่งนั้นก็เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพอย่างหนึ่งของพวกคุณเหมือนกัน จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 14:37:04 ]

ความคิดเห็นที่ 98 #   คุณ : Harald                  ได้  คำตอบ   หรือยัง    รอฟังอยู่   เรากำลังจะเข้าใจกันแล้วนะ  ในคำว่า  "เจว็ต"       คุณอธิบายก่อนแล้วผมจะตอบคำถาม คุณใน # 92  อย่างละเอียด  ในเรื่องที่คุณถาม จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 14:42:14 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เจว็ด สะกด ด้วย ด.เด็ก นะครับ พิมพ์ผิดกันหลายคนเลยครับ ผมว่ามุสลิมเห็นพระพุทธรูปในแง่ของรูปบูชา หรือ idol ครับ จากคุณ : คลื่นแทรก - [ 17 ต.ค. 49 14:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 100 #   คุณ : Harald                 เขาให้อภัยคุณ  หมดแล้ว    คุณ : Harald    อธิบายหน่อยซิ    ทำไมนิ่งเงียบไปละ           ผมอยากรู้            " เจว็ด คือ อะไร"    ในมุมมองของคุณ จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 15:05:47 ]

ความคิดเห็นที่ 101 /me เฮ้อ จนใจ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 15:08:14 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ผมก็มีงานต้องทำนะครับ ไม่ได้ว่างมาตอบกระทู้ตลอดเวลาหรอกครับ หรือพวกคุณกำลังจะบอกกับผมว่า มุสลิม ไม่ได้มอง พระพุทธรูป ว่าเป็นเจว็ด คิดให้ดีก่อนตอบนะครับ ว่าไงครับ ตกลงว่า มุสลิม ไม่ได้มอง พระพุทธรูป ว่าเป็นเจว็ด     ใช่อย่างนั้นหรือเปล่าครับ ไปเตี๊ยมกันให้ดีก่อนค่อยมาตอบนะ เพราะไม่ว่า จะตอบว่า ใช่ หรือ ไม่ใช่ ก็เข้าตัวทั้งสองคำตอบนะครับ Ha  Ha  Ha Lo จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:37:29 ]

ความคิดเห็นที่ 103 เอ้า ทำไมเงียบไป หาคำตอบไม่ได้ล่ะสิ นี่แหละน้า  ตอบแบบไม่มีหลักเกณฑ์ ก็แบบนี้แหละ ตอบไปตอบมา ขัดแย้งกันเองวุ่นวาย คนในศาสนาเดียวกัน แต่มีหลักเกณฑ์พิจารณาบัญญัติ ไม่เหมือนกัน ถ้าตอบไม่ได้ ผมยินดีให้อภัยครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ถ้าตอบคำถามผมไม่ได้ ก็ย้อนกลับขึ้นไปอ่าน คห ที่ 47 ของคุณ ฤทธี อีกครั้งนะครับ เพราะนั่นเท่ากับตอกย้ำว่า ความเห็นของเขานั้นเป็นจริง จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 105 คุณ : Harald                   ผมอยากรู้            " เจว็ด คือ อะไร"    ในมุมมองของคุณ จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 15:46:20 ]

ความคิดเห็นที่ 106 สุดท้ายคุณ Harald ก็ไม่มีคำตอบให้ มีแต่คิดไปเอง ดีแต่พูด ปล่อยคุณ Harald ไปเล็มหญ้าเถอะ ไม่ต้องซีสอให้ฟังแล้ว เสียเวลา จากคุณ : 1001ทิวาราตรี (พันหนึ่งทิวาราตรี) - [ 17 ต.ค. 49 15:46:50 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณ : Harald     และ ผมอยากรู้            " อะไรคือ  เจว็ด""    ในมุมมองของคุณ จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 15:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ตกลงตอบไม่ได้ใช่ไหมครับ คำถามใน #102 เอ้า ตกลงว่า มุสลิม มองว่า พระพุทธรูป เป็นเจว็ด หรือเปล่า ขอเสียงดังๆ หน่อย คำถามง่ายๆ ไม่เห็นมีใครกล้าตอบแฮะ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:51:56 ]

ความคิดเห็นที่ 109 เอ้า  มองก็บอกว่า มอง ไม่มอง ก็บอกว่า ไม่มอง มองหรือ ไม่มอง ว่าไง จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:53:41 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เอ้า คุณมาซู รู้จักคำว่า เจว็ด ดี ไม่ใช่หรือครับ ตกลงว่า มุสลิม มองพระพุทธรูปว่า เป็น เจว็ด หรือเปล่าครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เจว็ด นั้น คือ รูปเคารพ หรือ สิ่งเคารพ ก็ได้ หรือจะมีความหมายตามแบบ คหที่ 94 ก็ได้ เอาล่ะ ได้คำตอบผมแล้วนะครับ คุณ มาซู มาตอบสัญญา เสียดีๆ และอย่าลืม คำถาม ใน 102 ด้วย จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 15:59:49 ]

ความคิดเห็นที่ 112 แล้วคุณตอบคำถามง่ายๆที่พวกเราถามได้ไหม ว่าเจว็ดในความคิดของคุณคืออะไร เอาแบบไม่ลอกใคร ความคิดของคุณ หรือจะอิงหลักใดๆก็ได้ขอให้ตอบเถอะ แล้วเราจะตอบเสียงดังให้เต็มภาคภูมิเลยว่าเราคิดอย่างไร เชิญเลยค่ะ จะรอคำตอบ อย่านอกเรื่องนะ เพราะเราถามคุณมาหลายคห.แล้ว จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 16:03:37 ]

ความคิดเห็นที่ 113 คุณ มาซู where are you. Yoo Hoo Yoo Hoo.... จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:03:28 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คุณ nan อย่างกับว่า คำว่า เจว็ด ผมเป็นคนบัญญัติ ความหมายมันขึ้นอย่างนั้นแหละ ถ้าใน หนังสือ ที่เป็นที่ยอมรับกัน เขานิยามไว้อย่างไร ก็ต้องเป็นอย่างนั้นสิครับ  ผมไม่ได้บัญญัติคำนี้ขึ้นเองเสียหน่อย ทำไมหรือครับ  โดยความเข้าใจทั่วไป เจว็ด คือ รูปเคารพ หรือ สิ่งเคารพ แต่ถ้าจะเอาแบบเป็นนิยามอย่างเป็นทางการ ก็ต้องตาม คห ที่ 94 หรือคุณจะให้ผมไปนิยามขึ้นใหม่เอง  ไม่เอาน่า จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เอาล่ะ  ผมตอบพวกคุณแล้วนา ไหนล่ะ หายไปไหนกัน เอ้า ตกลงว่า มุสลิมมองพระพุทธรูปว่าเป็นเจว็ด หรือเปล่าคร๊าบบบบบบบบบบ จากคุณ : Harald - [ 17 ต.ค. 49 16:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 116 Yoo hoo Mazoo Where are you. Do you wash your... with water already? then come and answer as your promises. จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:12:41 ]

ความคิดเห็นที่ 117 ถ้าไมมา ผมจะไปทำงานต่อละนะ เฮ้อ  ทำเป็นมาถาม พอโดนถามกลับ ไม่กล้ามาตอบ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:14:15 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณ : Harald          อยากได้จากความคิด   และ   นิยาม  ของคุณ : Harald   เอง      ( คือ บัญญัติความหมายตามที่คุณคิด)     เพราะคุณย่อมเข้าใจตัวคุณเองดีมากกว่าคนอื่น  ในคำว่า            " เจว็ด"                  I am here. จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 16:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ตอนนี้ผมไม่ติดค้างคำถามคุณแล้วนะครับ คุณล่ะไหนสัญญาว่าจะมาตอบคำถามผมไง อะไรกัน เมื่อกี้ เสียงเต็มไปหมด ตอนนี้หายหัวกันไปไหนนี่ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 120 ในมุมมุมองมุสลิม  " เจว็ต"   หมายถึง   รูปปั้น หรือรูปหล่อ ของบุคคลที่ตัวเองนับถือ      แล้วนำมาเคารพและสักการะ (ขอยืมอีกทีค่ะ) จากคหที่111  จากคำตอบของคุณเองนะค่ะ ไม่ได้ปรุงแต่ง เจว็ด นั้น คือ รูปเคารพ หรือ สิ่งเคารพ ก็ได้ (คุณพูดเองนะ) ดิฉันมองพระพทุธรูปว่าเป็นเจว็ดค่ะ เพราะ เป็นรูปเคารพ หรือสิ่งเคารพค่ะ (ตามความหมายของคุณด้วยค่ะ) จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 16:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณ มาซู เจว็ด ในความเข้าใจของผมคือ รูปเคารพ หรือ สิ่งเคารพ ครับ แต่ถ้าคุณจะเอานิยามโดยละเอียดก็ต้องไปเปิด พจนานุกรม (เรียกไม่ถูก) มาตอบคุณนะครับ คุณจะให้ผมบัญญัตินิยามคำว่าเจว็ดขึ้นใหม่เลยหรือ ไม่เอาน่า ก็ชัดเจนอยู่แล้วที่ผมตอบ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ครับคุณ แนน ก็อย่างที่ผมบอกไง ผมก็มองว่า หินดำและกาบะฮ์นั้น เป็นสิ่งแสดงความเคารพอย่างหนึ่งของมุสลิม ดังนั้น เมื่อคุณมองว่า พระพุทธรูป เป็นเจว็ด โดยนิยามของคำว่าเป็นรูปเคารพหรือสิ่งเคารพ ก็ทำไมผมจะมองว่า หินดำและกาบะฮ์นี้ เป็นเจว็ด โดยนิยามเดียวกันไม่ได้ล่ะครับ นอกจากคุณจะแย้งว่าของคุณไม่ใช่สิ่งเคารพ ซึ่งผมก็ได้สมมติdesign แล้วบอกว่าอย่ามาเคืองกันน๊า ก็อย่ามาเคืองผมสิครับ ถ้าไม่ใช่สิ่งเคารพ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 123 มาซู ยังไม่มาตอบอีก จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 124 คุณ : Harald           I  don't  understand  english . Could you speak Thai ? จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 16:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 125 คุณ : Harald   ผมสัญญาอะไรกับคุณไว้  คุณย้อนกลับไปดู   แล้วผมจะตอบที่ผมสัญญา           มั่วนีหว่า จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 16:37:06 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คุณ มาซู คำถามผม เป็นภาษาไทยครับ ที่เป็นภาษาอังกฤษน่ะคือ Yoo hoo เรียกคุณครับ คุณไม่รู้ภาษาอังกฤษ ยังตอบว่า i'm here ได้ เอา ตอบมาสะทีคุณ มาซุ ตกลงตัวคุณเองนั้น มองพระพุทธรูปว่าเป็นเจว็ด หรือไม่ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:37:51 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ง่ะ ฮือๆ เมื่อไหร่จะเข้าใจหนอว่าไม่ได้เคารพกะบะฮ์กับหินดำ แต่เป็นสิ่งที่รักและหวงแหนเพราะมุสลิมเป็นเจ้าของทั้งหินดำและกะบะฮ์ค่ะ และที่เคืองคุณนะ เพราะคุณเอาสิ่งที่เอารักและเคารพไปเปรียบเทียบกับห้องน้ำค่ะ สมมตินะค่ะ อย่างเช่นธงชาติไทยนี่ คุณเห็นเป็นสิ่งเคารพไหมค่ะ คงไม่เป็นเช่นนั้นแน่ เพราะคนไทยส่วนใหญ่ถ้าไม่เป็นสถานที่ราชการ ไม่ค่อยหยุดยืนตรงตอนเพลงชาติออกเลย หรือว่าคุณยืนตรงเคารพธงชาติทุกครั้งที่ได้ยิน (ถามจริงๆนะค่ะ) แต่เท่าที่เจอส่วนใหญ่ไม่ค่อยหยุดยืนตรงค่ะ แต่ทุกคนรักชาติไทย ธงชาติไทย ประเทศไทยใช่ไหมค่ะ แล้วถ้าชาวต่างชาตินำธงชาติไทยไปเหยียบย่ำคุณจะรู้สึกอย่างไรค่ะ จะปกป้องหรือว่าปล่อยเขาดูถูกเหยียบย่ำต่อไป ตอบให้ชื่นใจในฐานะคนไทยหน่อยค่ะ ว่าคุณจะทำเช่นไรถ้าธงชาติไทยถูกกระทำเยี่ยงนั้น (ขออนุญาตคห.ก่อนที่ยกเรื่องธงชาติมาอธิบายค่ะ) แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 16:40:42 จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 16:38:07 ]

ความคิดเห็นที่ 128 เอาเป็นว่า คุณมาถามผม ผมก็ถามคุณกลับ ทำไมโดนถามกลับแล้วไม่กล้าตอบ ทำไมตอนถามทำเย้วๆ ถามเอาถามเอา ส่วนเรื่องที่คุณสัญญาว่าจะตอบ คหที่ 92 นั้น คุณพูดของคุณเอง ผมไม่ได้ขอให้คุณต้องตอบอันนั้น แต่ถ้าคุณสัญญาไว้คุณก็ควรจะตอบ แล้วทำไมคำถามง่ายๆ เช่น ตัวคุณเอง มองว่าพระพุทธรูปเป็นเจว็ดหรือไม่ ทำไมตอบไม่ได้ล่ะ คุณแนนยังตอบได้เลยอ่ะ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:41:15 ]

ความคิดเห็นที่ 129 คุณแนนครับ กาบะฮ์ นี้เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้า หรือเปล่าครับ คิดให้ดีก่อนตอบนะครับ เพราะเดี๋ยวจะขัดแย้งกับความเห็นเพื่อนๆของคุณ ก่อนหน้านี้ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:44:29 ]

ความคิดเห็นที่ 130 คุณ : Harald                        ตกลงคุณอยากให้ผมตอบตรงไหนก่อน จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 16:47:59 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เอาอันนี้เลยครับ คุณมาซู มอง พระพุทธรูปว่าเป็นเจว็ด หรือไม่ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 132 คุณHarald...ครับ... เรื่องของ...เจว็ด...คุณถามหาคำตอบในมุมของ...อิสลาม...แล้ว...เจว็ด...ทั้งนี้รวมถึงเทวรูป...และ..รูปปั้นอื่นๆ...กล่าวรวมคือ...รูปปั้นทุกอย่างที่มนุษย์นั้นสร้างขึ้น...โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ...บูชา...กราบไหว้...ขอความคุ้มครอง...กับสิ่งถูกสร้างนั้น...โดยหวังผลจากพลังอำนาจ...หรือ...อิทธิปาฏิหาริย์...ที่สิ่งถูกสร้างนั้น...ให้ช่วยดลบันดาล...ตามสิ่งที่ตนนั้นต้องการ ฉะนั้น...เจว็ด...หากตีความตามความหมายตามพจนานุกรมแล้ว...ก็พิจารณาดูเอานะครับว่า...อะไรที่เข้าข่ายบ้าง... ตามหลักการอิสลามแล้ว...ได้บัญญัติว่า...ห้ามมุสลิม...บูชา...กราบไหว้...สิ่งอื่นใด...นอกจาก...พระผู้เป็นเจ้าเพียงองค์เดียว...และ...ห้ามการกำหนดสิ่งอื่นใด...มาเป็นสัญลักษณ์...หรือ...สิ่งแทน...พระผู้เป็นเจ้า... ตามหลักการดังกล่าว..อิสลามได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนแล้วครับ...ดังนั้น...การที่มุสลิม...ไปประกอบพิธีฮัจญ์...หรือ...การละหมาดที่ผินหน้าไปยัง...กะอฺบะห์...นั้น...มิใช่เป็นการกำหนดว่า...กะอฺบะห์...คือ...สัญลักษณ์...หรือ...สิ่งแทนของพระผู้เป็นเจ้า... ซึ่ง...หากพิจารณาตามหลักการนี้แล้ว...จะเห็นอย่างชัดเจนว่า...มีความแตกต่างจากศาสนิกอื่นที่...มีรูปปั้น...หรือ...สิ่งแทนต่างๆ...เพื่อสื่อแทน..พระเจ้า...หรือ...ศาสดา...ที่ศาสนิกชนในศาสนานั้นๆ...เคารพบูชา... มุสลิม...มิได้...ถือว่า...กะอฺบะห์...หรือ...หินดำ...เป็นสื่อแทน...พระผู้เป็นเจ้า...แต่...กะอฺบะห์...คือ...จุดกำหนดทิศ...ในการที่จะผินหน้าสำหรับทำการละหมาด...สำหรับมุสลิมทั่วทุกมุมโลก...ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน...ทั้งนี้...เพื่อแสดงถึง...ความเป็นเอกภาพ...และ...ภราดรภาพเดียวกัน...ของประชาชาติมุสลิม... หินดำ...ก็เช่นกันครับ...ผมว่า...รูปของคุณคลื่นแทรก...ได้อธิบายได้ชัดเจนแล้ว...(ต้องขอขอบคุณครับ...สำหรับภาพประกอบที่ชัดเจน)...จุดที่เริ่มต้นของการ...ฏอวาฟ...หรือ...การเดินวนซ้ายรอบ 7 รอบ...กะอฺบะห์...ซึ่งจุดเริ่มต้นอยู่ที่...หะญะรัลอัสวัด...หินดำ...เพื่อแสดงความภักดี...ต่อ...พระผู้เป็นเจ้า... และอีกเรื่องหนึ่งที่ส่วนใหญ่จะเข้าใจผิด...คือ...การประกอบพิธีฮัจญ์...นั้น...จุดสำคัญของฮัจญ์...มิใช่ที่...ฮารอมมักกะห์...แต่เป็น...การวุกุฟ...ที่ทุ่งอารอฟะห์...ครับ และ...คุณHarald ที่คุณกล่าวว่า...ถ้ามุสลิมไม่ได้ถือว่า กาบะฮ์ และ หินดำ คือ สิ่งเคารพ ถ้ามีคนเอารูปแบบนี้ ไปออกแบบทำเป็นห้องส้วม จะได้ไหมครับ... ความคิดคุณก็ไม่สูงไปกว่า...หรือ...(บางทีอาจจะต่ำกว่า)...ฝรั่งบางคน...ที่ชอบนำเศียรพระพุทธรูป...ไปเป็นที่วางเท้า...ที่แขวนรองเท้า...หรือ...ที่แขวนหมวก...หรอกครับ...เพราะคนเหล่านั้น...ก็คิดไม่ต่างไปจากคุณเท่าไหร่หรอก...(แต่ก็มีบางคนทำไปโดยไม่มีเจตนา)... แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 17:04:26 จากคุณ : Crescent ) - [ 17 ต.ค. 49 16:53:01 ]

ความคิดเห็นที่ 133 คุณแนนเอากาบะฮ์ ไปเปรียบเทียบกับธงชาติ มันคนละเรื่องกันนะครับ เอาเป็นว่า ถามคุณแนน กาบะฮ์ เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้าหรือเปล่าครับ หรือว่าไม่เกี่ยวอะไรเลยกับพระเจ้าครับ ไม่มี link ไม่มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องใดๆกับการแสดงความเคารพพระเจ้า ตอบให้ผมชื่นใจทีได้ไหมครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 16:56:06 ]

ความคิดเห็นที่ 134 ง่ะ เอาอีกละ ตอบอีกทีนะจ๊ะ (หวานแล้วนา darling ) หวานกว่านี้มดวิ่งหนีแน่เลย ฮือๆ กะบะฮ์ ใช้เป็นทิศกิบลัตสำหรับละหมาดค่ะ ใจเย็นๆหนา ค่อยๆอ่านทำความเข้าใจหนา ถ้าไม่เข้าใจจะไปเข้าฝันเลยเชียว คิคิ จากที่ข้างบนได้อธิบายไปค่ะ และมุสลิมทั่วโลกจะหันหน้าไปทางนี้ในการละหมาด ไม่ใช่เพื่อเคารพนะค่ะ แต่เป็นศูนย์รวมค่ะ และที่มุสลิมไปทำฮัจญ์(ถ้ามีความสามารถ)ไม่ได้บังคับนะค่ะ เขาไม่ได้ไปเคารพกะบะฮ์นะค่ะ เขาไปทำตอบที่ศาสนาบัญญัติไว้ เอาอย่างนี้นะไม่เข้าใจถามดีมานะค่ะ จะตอบให้ แต่ถ้าถามเพื่อพยายามจะให้ยอมรับว่ากะบะฮ์กับหินดำเจว็ด ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไง ในเมื่อเปลี่ยนความคิดคุณไม่ได้ ปล. ถ้ายังงงอยู่ห้ามจุดธูปเรียกนะ ไม่งั้นไม่ไปจริงด้วย เอิงเอย จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 16:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ไม่ใช่หรอกครับคุณ Crescent ที่ฝรั่งเขาทำเช่นนั้นเป็นเพราะตัวเขาเองไม่ได้มีความเคารพอะไรเช่นนั้น แต่ที่ผมเปรียบเทียบว่าdesignห้องพิเศษ มันขึ้นอยู่กับเงื่อนไข ของพวกคุณเองนะครับ ก็พวกคุณบอกเองว่า ไม่ใช่สิ่งเคารพ ไม่ใช่หรือครับ แต่ถ้าพวกคุณบอกว่าเป็นสิ่งเคารพ ผมก็คงไม่มีความคิดเช่นนั้นได้อย่างแน่นอนครับ อย่าลืมว่าผมได้ หมายเหตุไว้ก่อนแล้วนะครับบบบบบ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:02:02 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ตอบให้ผมชื่นใจทีได้ไหมครับ++++ จะเอาให้ชื่นใจขนาดไหนอ่า ก็คุยกันทั้งวันแล้วหนอ ยังไม่ชื่นใจอีกหรือ บอกแล้วไงจะไปเข้าฝันอ่า ตามที่อธิบายข้างต้นจากหลายๆคนนั่นแหละค่ะ ถ้าไม่ให้เปรียบเทียบกับธงชาติ ตอนแรกจะเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกี่ยวกับศาสนา แต่ไม่อยากจะให้เป็นประเด็นขัดแย้งอีก เราคิดว่าธงชาติไทยในแง่ของคนไทย กับหินดำในแง่ของมุสลิมก็เป็นสิ่งที่รักและหวงแหนนะ เราเข้าใจผิดหรอ โปรดชี้แจง ยินดีรับฟังค่ะ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 17:04:48 ]

ความคิดเห็นที่ 137 คุณแนน ตอบผมตรงๆได้ไหม เหมือนกับที่ผมตอบตรงๆตอนที่พวกคุณถาม กาบะฮ์ เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้าหรือเปล่าครับ หรือว่าไม่เกี่ยวอะไรเลยกับพระเจ้าครับ ไม่มี link ไม่มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องใดๆกับการแสดงความเคารพพระเจ้า คำตอบสั้นๆก็ได้ครับ ไม่ต้องเปรียบเทียบไปอย่างอื่น จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:05:15 ]

ความคิดเห็นที่ 138 กาบะฮ์ เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้าหรือเปล่าครับ ------------- ไม่ใช่ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 17:08:43 ]

ความคิดเห็นที่ 139 เอาชัดๆอีกทีนะ ไม่ใช่ค่ะ darling!!! จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 17:09:46 ]

ความคิดเห็นที่ 140 คุณ : Harald             พรุ่งนี้คุยกันใหม่ดีกว่า อยากจะกลับแล้ว  ต้องรีบไป ละ  ศีลอด  เดือนนี้ เป็นเดือนรอมมาฎอน  มุสลิมมีภาระหน้าที่ที่จะต้องความดี เผื่อไว้มาก ๆ  เพื่อพระผู้เป็นเจ้า  เพื่อสังคม   เพื่อสิ่งแวดล้อม                  แต่ก่อนจะกลับ  ผมจะตอบ ตามที่ผมสัญญาไว้  ใน # 92 คือ                                 อิสลามสอนไว้ว่า   "ความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา"                        อิสลามกำหนดไว้ว่า  ปัสสาวะ   และ     อุจจาระ     เป็นของสกปรก        ดังนั้นถ้าเราจะมีศรัทธาที่สมบูรณ์ เราจะต้องทำความสะอาด  ปัสสาวะ  และ อุจจาระ  ตามที่ศาสนาบัญญัติไว้                                  อิสลามเป็นศาสนาที่สมบูรณ์   ดังนั้น     คำสอนจึงครอบคลุมถึงการดำเนินของวิถีชีวิต ที่อยู่บน ความดีงาม  สะอาด    ปลอดภัย      ดังนั้นที่  คุณHarald    ถามว่าบาปด้วยหรือ ในฐานะ มุสลิม  ตอบว่า   ใช่  เพราะเป็นคำสั่ง ห้ามและใช้ของศาสนา                              มุสลิมที่ดีต้อง    มีความศรัทธาในความดีและความชั่ว  และเชื่อในคำสอนอิสลาม              ถ้ามุสลิมทุกคนทำตามหลักอิสลาม แล้ว      จะไม่เป็นโรคหลาย ๆ    ที่เกิดกับสังคมไทย        (  เป็นวิชาการทางการแพทย์)        ถ้าคุณ : Harald  อยากรู้หาศึกษาอ่านเอาเอง       ผมไม่บอกคุณหรอก    เพราะ    บอกอย่างไรคุณก็ไม่เข้าใจและไม่เชื่อ    เอาไว้เจอกับตัวเอง จริง ๆ เมื่อไหร่ แล้วค่อยถามอีกทีก็ได้          Good Night จากคุณ : มาซู - [ 17 ต.ค. 49 17:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ตกลงว่า กาบะฮ์นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพระเจ้านะครับ พวกคุณไปเดินวนรอบกันที่นั่น ก็ไม่ได้ไปแสดงความเคารพพระเจ้านะครับ เวลาพวกคุณเดินวนรอบกาบะฮ์ พวกคุณก็ไม่ได้ระลึกถึงพระเจ้า ใช่ไหมครับ ก็คุณเพิ่งจะตอบอยู่เองว่า กาบะฮ์นี้ ไม่ใช่สิ่งแสดงความเคารพต่อพระเจ้า ไม่มีการเชื่อมโยงเกี่ยวข้องใดๆกับพระเจ้า หมายเหตุ อย่าเรียกผมว่า darling เลยครับคือเดี๋ยวผมจะไม่กล้ามาที่กระทู้นี้น่ะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:14:11 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ตอบแบบฝรั่งเน้อ Good night and sweet dream ค่ะ คุณมาซู จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 17:15:16 ]

ความคิดเห็นที่ 143 คุณ มาซู Goodluck คำถามนั้นผมไม่ค่อยอยากได้ยินคำตอบหรอก กลัวจะมีกลิ่นติดมาด้วย :-) จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:16:21 ]

ความคิดเห็นที่ 144 ตกลงว่า กาบะฮ์นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพระเจ้านะครับ พวกคุณไปเดินวนรอบกันที่นั่น ก็ไม่ได้ไปแสดงความเคารพพระเจ้านะครับ เวลาพวกคุณเดินวนรอบกาบะฮ์ พวกคุณก็ไม่ได้ระลึกถึงพระเจ้า ใช่ไหมครับ ถ้าคุณแนนยืนยันว่า เป็นไปตามข้อความข้างต้นนี้ ผมก็ยินดี ถอนคำว่า เจว็ด ที่ใช้ กับ หินดำ และ กาบะฮ์ ขอให้ยืนยันให้ชัดเจนนะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:19:01 ]

ความคิดเห็นที่ 145 การแสดงความเคารพกับพระเจ้าคือการปฏิบัติศาสนากิจ เช่น 1.ละหมาด 2.ถือศีลอด 3.จ่ายซะกาต 4.การทำฮัจย์ นี่คือตัวอย่าง ซึ่งจะเห็นได้ว่าการกระทำนั้น มาจากร่างกายกับใจ ส่วนกะบะฮ์นั้น มุสลิมก็ตอบไปแล้วหลายคน หรือคุณไม่สามารถอ่านภาษาที่เราพิมพ์ได้ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 17:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 146 ไม่ตอบละ เบื่อ เข้าใจอะไรยากมาก เราก็ไม่มากระทู้นี้ละ อธิบาย100รอบก็เหมือนเดิม กลับบ้านดีกว่า ไม่ตอบอะไรแล้วหนา ปล. ก็ไม่ได้อยากเรียกคุณอย่างนั้นหรอก บางทีคิดว่าอาจจะทำให้อะไรที่มันดูตึงๆได้ผ่อนลงบ้าง มีอะไรเล่นๆกันบ้างคงจะดี แต่คิดผิดค่ะ ขอโทษด้วย เพราะเราคิดผิดเองที่มาคุยกับคุณเสียนานหวังว่าคุณคงเข้าใจอะไรบ้าง เปล่าเลย ไร้ประโยชน์ เสียเวลา กลับบ้านแล้วหนา วัสลามทุกท่าน จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 17:22:05 ]

ความคิดเห็นที่ 147 อ้างจาก คห127 ง่ะ ฮือๆ เมื่อไหร่จะเข้าใจหนอว่าไม่ได้เคารพกะบะฮ์กับหินดำ แต่เป็นสิ่งที่รักและหวงแหนเพราะมุสลิมเป็นเจ้าของทั้งหินดำและกะบะฮ์ค่ะ และที่เคืองคุณนะเพราะคุณเอา.................สิ่งที่เอารักและเคารพ............. ไปเปรียบเทียบกับห้องน้ำค่ะ ---------------------------------------------------------------------------------------- ผมเห็นว่าคุณ nan_utd ไม่ควรตอบอะไรอีก ดูแล้วยิ่งตอบยิ่งแย่นะ!!! แล้วตกลงคุณเคารพ หรือไม่เคารพกันแน่ (ฮา) ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 17 ต.ค. 49 17:29:35 ]

ความคิดเห็นที่ 148 เอ่อคุณฤทธี ขอโทษค่ะ ผิดเอง มึนค่ะ พยายามอธิบายคำว่า รัก หวงแหน เคารพ จน พิมพ์ผิดไปเอง แต่ยืนยันค่ะ ว่าไม่ใช่สิ่งเคารพ ถ้าผิด ผิดที่พิมผิดค่ะ ขออภัยมา ณที่นี่ ถ้าดิฉันผิด ยินดีแก้ไขค่ะ มีอะไรบอกกล่าวได้ ยินดีรับฟังนะค่ะ ขอบคุณคุณฤทธี อีกครั้งสำหรับ comment ค่ะ ยืนยันอีกค่ะ ว่าพิมพ์ผิด คงจะไม่หาความกับการพิมผิดของดิฉันนะค่ะ เพราะ นักปราชย์ยังรู้พลังค่ะ แต่ความเข้าใจและความรู้สึกของดิฉันไม่ผิดพลังแน่ๆค่ะ ขอบคุณสำหรับ comment อีกที ยินดีแก้ไขค่ะ จากคุณ : nan_utd - [ 17 ต.ค. 49 17:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 149 เพราะคำตอบของพวกคุณมันขัดแย้งกัน น่ะสิครับ คุณตอบว่า กาบะฮ์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้า (ก่อนหน้านี้มีหลายครั้งนะครับ ที่มุสลิมท่านอื่นๆแสดงความเห็นในกระทู้อื่น ว่ากาบะฮ์เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้า) ทีนี้เมื่อผมถามต่อว่า ถ้าเช่นนั้น กาบะฮ์นี้ ก็ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพระเจ้า เวลาพวกคุณไปเดินก็ไม่ได้เอาไว้ระลึกถึงพระเจ้า คุณกลับตอบตรงนี้ไดไม่เคลียร์ สำหรับที่คุณ kala บอกว่า การแสดงความเคารพต่อพระเจ้า เช่น การละหมาด ผมขอถามว่า คุณไปทำละหมาดกันที่ไหนครับ สถานที่นั้น ก็มีความเชื่อมโยงกับพระเจ้าของคุณ ถูกไหมครับ เพราะคุณใช้สถานที่นั้นเพื่อระลึกถึงพระเจ้าของคุณเวลาคุณทำละหมาด แล้วถ้าคนพุทธเขามีพระพุทธรูปเพื่อใช้ระลึกถึงพระศาสดาของเขาเวลาประกอบศาสนกิจ เช่นเดียวกับที่คุณมี หินดำและกาบะฮ์เพื่อใช้ระลึกถึงศาสดาของคุณเวลากระทำฮัจจ์ (ประกอบศาสนกิจ อย่างหนึ่ง) แล้วมันจะต่างกันตรงไหนครับ ภาษาไทยนะครับ เป็นคำถามที่อ่านไม่ยากเลยนะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:36:01 ]

ความคิดเห็นที่ 150 .....ก็ในเมื่อไม่ได้นับถือ ก็ในเมื่อไม่ศรัทธา แล้วใยจะมาโกรธเคืองว่า สิ่งที่ตนเองนับถือ คือ "เจว็ด" เหล่า ....ถ้าคุณคิดว่า ศาสนาที่คุณนับถือ คือทางที่ถูกต้อง ทางถูกที่ดีที่สุดแล้ว ก็ไม่เห็นจะต้องมาร้องเป่า ว่าของตนเองไม่ใช่  "เจว็ด"  นะ เพื่ออะไร ?   เพื่อที่จะชนะในการเสวนากระนั้นหรือ  ไม่มีใครชนะในตอนนี้หรอกครับ  แต่เมื่อวันนั้นมาถึง วันแห่งการพิพากษา  คงจะเป็นคำตอบสุดท้าย เพื่อยืนยันความถูกต้องทุกอย่างเอง  หรือถ้าไม่มีวันพิพากษาเกิดขึ้น คุณชนะ มุสลิม ก็รับในสิ่งที่ก่อขึ้น ก็เท่านั้น   ....และถ้า อิสลาม มองว่า รูปปั้น ทุกๆอย่างคือ "เจว็ด" แต่ศาสนาคุณบอกไม่ใช่ ก็จบครับ ไม่มีใครไปว่าคุณได้ครับ สรุปแล้ว คุณไม่ งง แล้วนะ  Harald จากคุณ : เพื่อนร่วมทาง - [ 17 ต.ค. 49 17:41:42 ]

ความคิดเห็นที่ 151 ก็เช่นเดียวกันครับ คุณเพื่อนร่วมทาง ก็ผมถึงบอกไงว่า ถ้าคุณมองว่าสิ่งเคารพของศาสนาอื่นคือเจว็ด  ของคุณก็ไม่ต่างไปเช่นกัน ถ้าคุณไม่มองว่าของคนอื่นเป็นเจว็ด ของคุณก็ไม่ได้เป็นเจว็ด แล้วคุณจะมาเดือดร้อนทำไม ผมเองหมายเหตุตรงนี้ไว้ตั้งหลายหน ความเห็นของคุณเหมือนกับเอาของผมมาอธิบายให้กับตัวเองเลยนะ คงหายงง แล้วนะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:46:41 ]

ความคิดเห็นที่ 152 คุณ Harald ครับ... คำว่า...เคารพ...นั้น...หมายถึง...เราให้เกียรติ...ต่อสถานที่นั้น...ซึ่งสถานที่นั้น...เป็นที่...เราเข้าไปร่วมกัน...สักการะ...กราบไหว้...ต่อ...พระผู้เป็นเจ้า... เหมือนคุณเข้าไปในวัด...คุณแต่งตัวเรียบร้อย...รักษากิริยาให้สำรวม...ให้ความเคารพ...ให้เกียรติต่อสถานที่...แต่...คุณไม่ได้สักการะ...หรือ...กราบไหว้...ต่อ...อาคาร...หรือ...ตัวโบสถ์...วิหาร... ภาษาไทย...เป็นภาษาที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน...การใช้คำบางครั้ง...ใช้ไม่ถูกต้อง...ทำให้ความเข้าใจ...คลาดเคลื่อน...หรือ...ความหมายเปลี่ยนไปได้ครับ... จากคุณ : Crescent ) - [ 17 ต.ค. 49 17:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 153 ผมไม่ได้มีเจตนาจะดูหมิ่นใดๆนะครับ เพียงแต่พวกคุณตอบกันได้ไม่เคลัยร์เอง เลยทำให้มีคำถามตามมาและในท้ายสุด คำตอบของพวกคุณก็กลับแย้งกับความเห็นเดิมที่เคยตอบ ว่ากันด้วยเหตุผลนะครับ อย่าใช้อารมณ์นะครับ จากคุณ : Harald (Harald) - [ 17 ต.ค. 49 17:49:24 ]

ความคิดเห็นที่ 154 ...สงสัยไม่ จบ !!!  ต้องขออภัย ผมคงไม่มานั่งอ่านทุกความเห็นนะครับ แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องลอก คำกล่าวของคุณมา ตอบ ถามว่ามันเป็นผลดีกับผมตรงไหน ...คุณ จะนับถือศาสนาอะไรก็แล้วแต่ ถ้าคุณ ได้ทำการ กราบไหว้ สักการะ กับสิ่งนั้นๆ แล้ว สิ่งนั้น คือ "เจว็ด" ในมุมมองของ อิสลาม ...ส่วน อิสลาม จะละหมาดหันหน้าไปทาง กะอฺบะห์ หรือพิธีกรรมต่างๆ ที่จะเกี่ยวข้องกับ กะอฺบะห์ แล้วคุณ มองว่า เป็น "เจว็ด" นั้นก็มุมมองของคุณ ...สรุปไปแล้ว ทั้ง มุมมอง ของ อิสลาม และ มุมมอง ของคุณ ที่นี้ คุณต้องการอะไร หน่อยลองบอกหน่อยซิครับ - ต้องการชนะ - ต้องการเหตุผล - ต้องการให้ กะอฺบะห์ เป็น "เจว็ด" - ต้องการให้ สิ่งที่คุณ สักการะอยู่ ไม่ใช่ "เจว็ด" ...ลองนึกดีดี แล้วแจ้งมาได้นะครับ เพื่อที่จะได้ ตรงใจคุณได้มากที่สุด แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 18:08:45 จากคุณ : เพื่อนร่วมทาง - [ 17 ต.ค. 49 18:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 155 คุณ Harald เวลาละหมาดที่บ้านก็ได้ค่ะ หรือที่สาธารณะเมื่อมีเวลา แต่ไม่สกปรก ลองอ่านความคิดเห็นของคุณ ก็เหมือนอ่านภาษาที่พิมพ์ออกนี่คะ แล้วทำไมเข้าใจยากจัง ทำอย่างกับศาสนาคุณไม่มีจุดบกพร่องนี่ จะให้จี้นะคะ จะตอบไม่ได้ซะเปล่า แก้ไขเมื่อ 17 ต.ค. 49 18:30:10 จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 18:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 156 พูดอีกทีนะคะ กะบะฮ์ และ หินดำ ไม่ใช่เจว็ด เราไม่ได้ใช้เชื่ยงโยง และไม่ได้เป็นตัวแทนพระเจ้า เหมือนกับ ................. (คิดเอาเอง) เป็นจุดศูนย์กลางในการ เดินวน เข้าใจไหมคะ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 18:33:13 ]

ความคิดเห็นที่ 157 ความคิดเห็นที่ 5   เผอิญหินดำกับเจว็ดต่างกัน เจว็ดเป็นวัตถุบูชา เอาไว้กราบไว้เพื่อศิริมงคล ไม่เหมือนกับหินดำ อ่านที่คุณ beckmee นะครับ ว่า "ส่วนหินดำจะถูกประดับไว้ที่มุมของกะบะห์เพื่อเป็นจุดเริ่มของการเดินเวียนหรือตอวาฟ" มุสลิมไม่ได้กราบไหว้หินดำ ส่วนเจว็ดจุดประสงค์คือเอาไว้กราบไหว้ตัวเจว็ดเอง ผมยังไม่เคยเจอเจว็ดอันไหนเอาไว้เป็นจุดเริ่มต้นในการเวียนรอบวิหารของเจว็ดนะ จากคุณ : Carroth  - [ 13 ต.ค. 49 23:17:55 ] -------------- คำตอบที่ 1 ไม่อ่าน -------------- ความคิดเห็นที่ 10   ไม่มีบทไหนบอกว่าให้เคารพหินดำครับ ทั้งหมดที่คนทำ เพราะเปนการระลึกถึงแค่ไหน เจว็ดในความหมายของศาสนาอื่นคือกราบไหว้และบูชาตัวเจว็ดเอง แต่มุสลิมไม่ได้กราบไหว้หรือนับถือหินดำแทนพระเจ้าครับ จากคุณ : NiGht pRincE  - [ 14 ต.ค. 49 01:15:42 ] ------------- มองไม่เห็นหรือคะ ---------------- ความคิดเห็นที่ 16   ไม่จาบจ้วงครับ ผมก้ยินดีอธิบาย ผมว่าตอบชัดเจนแล้วนะครับ สถานที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮ์ ไม่ได้เคารพสักการะสถานที่ครับ มีคนขึ้นไปเหยียบอยู่บ่อยๆนะครับ กะบะห์เนี่ยครับ จะแสดงเป็นสิ่งที่เคารพ จะขึ้นไปเหยียบเหรอครับ? อิสลามไม่ได้เห็นว่ากะบะห์เป็นตัวแทนพระเจ้านะครับ ไม่ได้ให้ความเคารพบูชาด้วย ดังนั้นจะว่าเป็นเจว็ดตัวแทนพระเจ้าคงมิได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับศาลพระภูมิ ต่างจากศาลพระภูมิมากละครับ คนกราบไหว้ เคารพสักการะศาลพระภูมิ เทวดา เจ้าของที่นะครับ และเคารพพระภูมิด้วย??  ถ้าเหมือนกันต้องถามว่า มีคนกล้าขึ้นไปเหยียบหรือเปล่า?? แก้ไขเมื่อ 14 ต.ค. 49 10:25:40 จากคุณ : beckmee  - [ 14 ต.ค. 49 10:19:13 ] ---------------- นี่ก็อีกคำตอบ ที่คุณยังไม่ได้อ่าน ------------------ ความคิดเห็นที่ 23   ตอบครับ ทุสิ่งที่มุสลิมทำนั้น ถูกระบุไว้ในคัมภีร์ และในแบบฉบับของท่านนบีครับ ไม่ว่าจะเป็นการไปทำฮัจย์ ไม่ว่าจะเป็นการจูบหินดำ ไม่ว่าจะเป็นการละหมาดที่ทั่วโลกต้องหันไปทางนั้นเพียงที่เดียว ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่าง หากมีระบุไว้ในคัมภีร์ และแบบอย่างท่านนบีแล้ว มุสลิมจะทำ และถ้าหากทำนอกเหนือจากนั้น เป็นสิ่งที่ผิด และขอยกข้อความของคุณbeckmee มานะครับ ซึ่งมีความชัดเจนมาก หากอ่านแล้วลองไตร่ตรองตามครับ _________________ สถานที่ที่แสดงถึงการเคารพสักการะอัลลอฮ์ ไม่ได้เคารพสักการะสถานที่ครับ มีคนขึ้นไปเหยียบอยู่บ่อยๆนะครับ กะบะห์เนี่ยครับ จะแสดงเป็นสิ่งที่เคารพ จะขึ้นไปเหยียบเหรอครับ? อิสลามไม่ได้เห็นว่ากะบะห์เป็นตัวแทนพระเจ้านะครับ ไม่ได้ให้ความเคารพบูชาด้วย ดังนั้นจะว่าเป็นเจว็ดตัวแทนพระเจ้าคงมิได้ครับ ถ้าเปรียบเทียบกับศาลพระภูมิ ต่างจากศาลพระภูมิมากละครับ คนกราบไหว้ เคารพสักการะศาลพระภูมิ เทวดา เจ้าของที่นะครับ และเคารพพระภูมิด้วย??  ถ้าเหมือนกันต้องถามว่า มีคนกล้าขึ้นไปเหยียบหรือเปล่า?? _______________________________ เหล่านี้แหละคือสิ่งที่ทำให้เห็นได้ชัดว่า กะบะฮฺ ไม่ใช่ที่บูชาครับ จากคุณ : hamzah (hamzah)   - [ 14 ต.ค. 49 17:56:51 ] ---------------- นี่ก็ยังไม่เห้น สงสัยจะต้องเปิดหน่อยนะคะ เปิดใจ ----------- นี่อุตสาห์หาที่สั้น ๆ ใจความง่าย ๆ ที่เด็กอ่านก็น่าจะเข้าใจ แต่คุณไมเข้าใจก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ จากคุณ : Kala99 - [ 17 ต.ค. 49 18:46:26 ]

ความคิดเห็นที่ 158 อุตส่าห์บอกว่ามันคือ "ป้าย" ให้เข้าใจง่าย ๆ ยังโง่ไม่เข้าใจ ก็จนปัญญาอธิบาย จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 17 ต.ค. 49 21:07:11 ]

ความคิดเห็นที่ 159 หากมีมุสลิมคนนึง อยู่บนเรือกลางมหาสมุทรแปซิฟิก พอถึงเวลาละหมาด คนนั้นไม่รู้ทิศทาง (ไม่เห็นป้าย) เค้าสามารถหันไปทางไหนก็ได้ หากเค้าจะละหมาด นั่นก็คือละหมาด คิดว่าใจเค้าจะคิดถึงอะไร แน่นอนไม่ใช่ทิศทาง (ป้าย) แน่ ๆ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 17 ต.ค. 49 21:12:21 ]

ความคิดเห็นที่ 160 กะบะห์ ก็คือ สถานที่ ที่มุสลิมทั่วโลกหันหน้าไปหาเมื่อเวลาละหมาด เพื่อความเป็นเอกภาพ และเป็นข้อก€หนด และหินด€ ก็ถูกก€หนดเหมือนกันว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการตอวาฟ ก็เหมือนกับไฟจราจร สีแดง ที่คนทั่วโลกเห็น ก็หมายความว่า หยุด มันก็คือข้อก€หนด เช่นเดียวกัน มันไม่ได้วิเศษที่สั่งรถให้หยุดได้ซะหน่อย แล้วไง มีใครเอาธูปไปปักไว้ที่ฐานไฟจราจรบ้างมั้ย จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 17 ต.ค. 49 21:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 161 หากผมจะโพสต์รูปบรรดา "เจว็ด" พร้อมเครื่องเซ่น และธูปเทียนปักไว้ข้างหน้า ลองมาเปรียบเทียบดู ใครจะว่าอะไรมั้ยครับ เจว็ดบางตัวต้องถวายเหล้าด้วย เอาเข้าไปสิครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 17 ต.ค. 49 21:28:18 ]

ความคิดเห็นที่ 162 เท่าที่อ่านมา กระทู้นี้เค้าถามว่าหินมาจากไหน ไม่เกี่ยวกับเจว็ดหรือไม่ แต่ความงี่เง่าเรื่องเจว็ดของกระทู้นี้มาจากความคิดเห็นที่ 3 ที่ร้อนตัว ขณะที่ตัวเองกราบไหว้เจว็ด เลยยกเจว็ดมาเผื่อแผ่ให้อิสลามบ้าง ไม่เป็นไรครับ ไม่รับครับ เอาเจว็ดของคุณกลับไปกราบไหว้ตามเดิมเหอะครับ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 17 ต.ค. 49 21:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 163 คุณตอบว่า กาบะฮ์นั้น ไม่ใช่สิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้า (ก่อนหน้านี้มีหลายครั้งนะครับ ที่มุสลิมท่านอื่นๆแสดงความเห็นในกระทู้อื่น ว่ากาบะฮ์เป็นสิ่งที่ใช้แสดงความเคารพต่อพระเจ้า) ทีนี้เมื่อผมถามต่อว่า ถ้าเช่นนั้น กาบะฮ์นี้ ก็ต้องไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับพระเจ้า เวลาพวกคุณไปเดินก็ไม่ได้เอาไว้ระลึกถึงพระเจ้า คุณกลับตอบตรงนี้ไดไม่เคลียร์ สรุปแล้วคุณกำลังคิดว่า ถ้าสิ่งหนึ่งไม่ได้ใช้เป็นที่เคารพพระเจ้าก็จะต้องไม่เกี่ยวกับพระเจ้า เหรอครับ เป็นความคิดที่แปลกมากนะ ถ้ามองแบบนี้ผมก็เกี่ยวกับพระเจ้าครับ เพราะพระเจ้าสร้างผม มีใครเคารพผมหรือเปล่า? มัสยิดทุกมัสยิดเกี่ยวกับพระเจ้าเพราะใช้สักการะพระเจ้า ถามว่ามีใครเคารพตัวมัสยิดมั๊ย? มุสลิมเนี่ยถ้าถึงเวลาละหมาดเดินทางอยู่ ละหมาดข้างๆถนนก็ได้ นั่นก็เป็นสถานที่ระลึกถึงพระเจ้าได้เหมือนกัน ถามว่ามีใครเคารพบูชาถนนมั๊ย?  ก็ไม่นี่ครับ ไม่มีความจำเป็นต้องเคารพบูชาเลย ตัววิหารนี้ก็เหมือนกัน วิหารนี้เป็นวิหารที่ใช้ในการทำฮัจญ์ก็ย่อมเกี่ยวกับพระเจ้า แล้วจำเป็นตรงไหนที่ต้องเคารพบูชาตัววิหาร ตอบจนไม่รู้จะตอบยังไง ยังจะว่าไม่เคลียร์อีก แต่ไม่ทราบว่าพระพุทธรูปที่ใช้ระลึกถึงพระศาสดาเนี่ย ทำไมต้องมีการเช่าบูชา? ทำไมพระต้องทำพิธีปลุกเสก? ทำไมต้องเอาพวงมาลัยไปวาง? พิธีอุ้มพระดำน้ำ นั่นทำเพื่อพระพุทธรูปหรือทำเพื่อระลึกถึงศาสดา? พิธีอาบน้ำพระเวลาสงกรานต์นั่นเพื่อบูชาพระพุทธรูปหรือทำเพื่อระลึกถึง พระศาสดา?  มีอีกมายประเพณีพุทธทั้งนั้น ที่เอาไว้เคารพพระพุทธรูป ถามว่าพวกคุณทำกันแบบนี้จะไม่ให้ผมคิดว่านี่เป็นเจว็ด จะไม่ให้คิดว่าพวกคุณบูชารูปปั้น แล้วจะให้คิดว่าอะไร ซึ่งเรื่องเหล่านี้ ชัดเจนเลยว่าไม่มีในอิสลาม แบบนี้ต่างมั๊ยล่ะ โอเคถ้าคุณไม่อยากให้ผมคิดว่าพระพุทธรูปของคุณเป็นเจว็ดก็อธิบายมา ถึงหลักคำสอนและประเพณี ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่มายัดเยียดแบบไร้หลักการอย่างนี้ จากคุณ : Carroth - [ 17 ต.ค. 49 21:59:08 ]

ความคิดเห็นที่ 164 อ้างจาก คห163 แต่ไม่ทราบว่าพระพุทธรูปที่ใช้ระลึกถึงพระศาสดาเนี่ย ทำไมต้องมีการเช่าบูชา? ทำไมพระต้องทำพิธีปลุกเสก? ทำไมต้องเอาพวงมาลัยไปวาง? พิธีอุ้มพระดำน้ำ นั่นทำเพื่อพระพุทธรูปหรือทำเพื่อระลึกถึงศาสดา? พิธีอาบน้ำพระเวลาสงกรานต์นั่นเพื่อบูชาพระพุทธรูปหรือทำเพื่อระลึกถึง พระศาสดา?  มีอีกมายประเพณีพุทธทั้งนั้น ที่เอาไว้เคารพพระพุทธรูป ถามว่าพวกคุณทำกันแบบนี้จะไม่ให้ผมคิดว่านี่เป็นเจว็ด จะไม่ให้คิดว่าพวกคุณบูชารูปปั้น แล้วจะให้คิดว่าอะไร -------------------------------------------------------------------------------- แล้วถ้าผมบอกว่า สิ่งที่คุณกล่าวถึงนี้ มิใช่สิ่งที่เรียกว่าพุทธที่แท้ล่ะ !!! คุณจะว่าอย่างไร? อ้างจาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัย อันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ หมายความว่าพระพุทธเจ้าตรัสใว้ชัดเจนว่า ให้ถือเอาพระไตรปิฎกเป็น ศาสดาแทนพระองค์ ซึ่งก็คือให้คำสอนของพระองค์เป็นศาสดานั่นเอง ซึ่งก็ตรงกับ หลักศรัทธา 6 ประการ ของอิสลามคือ ศรัทธาในบรรดาคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์ โดยอิสลามถือว่า คัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุดและเป็นคัมภีร์สุดท้ายคือ คัมภีร์อัล-กุรอาน ในขณะที่ชาวพุทธย่อมถือว่า พระไตรปิฎกเถรวาท เป็นคัมภีร์ที่สมบูรณ์ที่สุดเช่นกัน ในขณะที่ อิสลามบอกให้ ศรัทธาในบรรดานบี (ศาสดา) ทั้งหลาย และ ศรัทธาในบรรดามลาอีกะฮ ชาวพุทธก็ศรัทธา ในพระพุทธเจ้า และพระอริยสาวกเช่นกัน.......... แล้วรูปเคารพต่างๆนั้นมาจากไหน? ตอบอย่างลวกๆก็ต้องบอกว่ามีที่มาหลายทาง แต่ก็ล้วนเกิดจากอิทธิพลความเชื่อดั้งเดิมที่มีมาก่อนจะมานับถือ พระพุทธศาสนทั้งสิ้น............. ถ้าถามว่า แล้วทำใมไม่จัดการให้ถูกต้องเรียบร้อยตามหลักการของพระพุทธศาสนา ขอตอบว่า นี่คือความแตกต่างของวิธีคิดของสองศาสนา อิสลามอาจเห็นว่าประเด็นนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะชนเผ่าในทะเลทรายมีความแตกแยกกันมากทั้งทางความคิดความเชื่อ และในทางการเมือง อันนำไปสู่ความตกต่ำทางศีลธรรมจริยธรรม แต่สถานการณ์การเผยแผ่ศาสนาของพุทธมิได้เป็นเช่นนั้น........... พุทธศาสนาแพร่หลายไปในบ้านเมืองต่างๆในขณะที่บ้านเมืองดี และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ศาสนาในการแก้ปัญหาทางการเมือง ศาสนาพุทธจึงเผยแผ่เข้ามาในบ้านเมืองต่างๆในลักษณะที่ยืดหยุ่นและอลุ่มอล่วย นี่ผมพูดจากลักษณะทางประวัติศาสตร์ ถ้ามองในแง่หลักธรรม พุทธธรรมมีลักษณะที่เน้นเมตตาธรรมเป็นหลัก ฉนั้นพุทธจึงคาดหวังแค่ว่าขอให้ศาสนิกเป็นคนดี แต่ถ้าจะมีความคิด ความเชื่อที่ผิดเพี้ยนไปบ้าง ก็จะไม่ถือสา ตราบเท่าที่ไม่ผิดหลักการสำคัญ ของศาสนา เช่นการฆ่า(???)เพื่อบูชายัญ.......ถ้าเป็นเรื่องอย่างนี้พุทธจะไม่ยอม แต่ถ้าเป็นการเชื่อเรื่องผีสางเทวดา แบบนี้พุทธไม่ว่า ตราบเท่าที่ผีสางเทวดา จะไม่ทำให้ศาสนิกไปทำผิดคิดชั่ว.................. เพราะเหตุที่มีภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างนี้ เราจึงได้เห็นการคลี่คลายตัวของ ศาสนาที่แตกต่างกัน............. อิสลามอาจจะมองว่า คนที่ผิดหลักการของศาสนาเป็นคนบาป แต่พุทธไม่คิดอย่างนั้น ตราบใดที่ศาสนิกไม่กระทำการอันใดที่ผิดต่อ หลักการแห่งการเป็นมนุษย์(ที่ดี) แต่อาจจะมีความคิดความเชื่อที่ผิดหลักศาสนาไปบ้าง พุทธก็จะไม่ตำหนิติเตียน หรือเห็นว่าเป็นความผิดบาปแต่อย่างใด......... อธิบายดังนี้ก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะเข้าใจได้ตามสมควร........... แต่ประเด็นของผมที่เสนอในกระทู้นี้ก็คือ ผมไม่เชื่อว่า มุสลิมจะมีความเข้าใจในศาสนาของตนตรงกันหมด รวมทั้งเรื่องกาบะฮด้วย เพราะผมเห็นว่า การกล่าวอย่างนี้เป็นการกล่าวโดยยึดคัมภีร์เป็นหลัก เป็นการคิดเหมือนอยู่ในโลกอุดมคติ แต่ถ้ามองที่ศาสนิกคือมองคนเป็นหลักแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะได้ภาพที่ต่างออกไป ผมเห็นว่า เมื่อศาสนาได้มีการเผยแผ่ออกไป ก็ย่อมจะหลีกเลี่ยงการผสมผเส กับความคิดความเชื่อในท้องถิ่นเดิมไปไม่พ้น ไหนจะเรื่องความแตกต่างของมนุษย์อีก ผมจึงเห็นว่าคำกล่าวอ้างของคุณมุสลิมในประเด็นนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ เพราะดูจะค้านต่อธรรมชาติของมนุษย์ไปสักหน่อย............. ด้วยความนับถือ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 17 ต.ค. 49 23:24:39 ]

ความคิดเห็นที่ 165 แต่ประเด็นของผมที่เสนอในกระทู้นี้ก็คือ ผมไม่เชื่อว่า มุสลิมจะมีความเข้าใจในศาสนาของตนตรงกันหมด รวมทั้งเรื่องกาบะฮด้วย เพราะผมเห็นว่า การกล่าวอย่างนี้เป็นการกล่าวโดยยึดคัมภีร์เป็นหลัก เป็นการคิดเหมือนอยู่ในโลกอุดมคติ แต่ถ้ามองที่ศาสนิกคือมองคนเป็นหลักแล้ว ผมเชื่อว่าเราจะได้ภาพที่ต่างออกไป ------------- อะไรคือโลกอุดมคติ มีอะไรที่อิสลามอธิบายแล้วไม่เครีย์ ------------- เพราะเหตุที่มีภูมิหลังที่แตกต่างกันอย่างนี้ เราจึงได้เห็นการคลี่คลายตัวของ ศาสนาที่แตกต่างกัน............. อิสลามอาจจะมองว่า คนที่ผิดหลักการของศาสนาเป็นคนบาป แต่พุทธไม่คิดอย่างนั้น ตราบใดที่ศาสนิกไม่กระทำการอันใดที่ผิดต่อ หลักการแห่งการเป็นมนุษย์(ที่ดี) แต่อาจจะมีความคิดความเชื่อที่ผิดหลักศาสนาไปบ้าง พุทธก็จะไม่ตำหนิติเตียน หรือเห็นว่าเป็นความผิดบาปแต่อย่างใด......... ----------- ในเมื่อบอกว่าแตกต่าง แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาตัดสินว่ามุสลิมคิดอย่างไร คิดหรือยังคะ ว่าที่พยายามว่าจุดโหว่ทั้งที่มันไม่มีเพราะอะไร -------------- ส่วนคำถามของคุณนั้น ขอไม่ตอบ เพราะมุสลิมตอบเป็น 10 ๆ กระทู้แล้ว จะให้ตอบเป็น พัน ๆ ถ้าคุณไม่เปิดใจ มัวแต่จับผิด ก็คงไม่มีประโยชน์อะไรที่จะตอบหรอกค่ะ สลาม แก้ไขเมื่อ 18 ต.ค. 49 03:16:54 จากคุณ : Kala99 - [ 18 ต.ค. 49 03:15:23 ]

ความคิดเห็นที่ 166 ที่จริง  ถ้าเอาตามที่คุณ Ritti กล่าวมาว่า แล้วถ้าผมบอกว่า สิ่งที่คุณกล่าวถึงนี้ มิใช่สิ่งที่เรียกว่าพุทธที่แท้ล่ะ !!! คุณจะว่าอย่างไร? ...คำตอบมันก็มีอยู่แล้ว  คนที่คิดว่า กะบะห์เป็นพระเจ้า กะบะห์คือสิ่งสักการะบูชา  ก็มิใช่  อิสลามแท้  เช่นกัน ก็ได้คำตอบแล้ว  ไม่ทราบว่า จะต่อประเด็นจับผิด หรือยัดเยียดว่า กะบะห์เป็นสิ่งสักการะบูชา ในศาสนาอิสลามทำไม? ในเมื่อ ไม่มีพุทธแท้ คนไหน ไหว้ต้นไม้ จอมปลวก หรือ วัว 2 หัว...ก็ไม่มี  มุสลิม แท้คนไหน กราบไหว้ สักการะบูชา  บวงสรวง กะบะห์เช่นกัน โอเค  เข้าใจตรงกันรึยังครับ ///////////////////////////////// ส่วนคุณ Harald ก็เลิกเถียง เรื่อง เจว็ดได้แล้วนะครับ  เพราะความหมายของเจว็ดก็มีคนเอามาให้ดูแล้ว ถ้าคุณยังคิดว่า  พระพุทธรูป คือ สิ่งสักการะ  มีไว้เคารพบูชา บวงสรวง  ก็ไปอ่าน ความคิดเห็นของคุณ Ritti #164 นะครับ อ้างจาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ ทีฆนิกาย มหาวรรค ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกท่านพระอานนท์มารับสั่งว่า ดูกรอานนท์ บางทีพวกเธอจะพึงมีความคิดอย่างนี้ว่า ปาพจน์มีพระศาสดาล่วงแล้ว พระศาสดาของพวกเราไม่มี ก็ข้อนี้ พวกเธอไม่พึงเห็นอย่างนั้น ธรรมและวินัย อันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็น ศาสดาของพวกเธอ หมายความว่าพระพุทธเจ้าตรัสใว้ชัดเจนว่า ให้ถือเอาพระไตรปิฎกเป็นศาสดาแทนพระองค์ ซึ่งก็คือให้คำสอนของพระองค์เป็นศาสดานั่นเอง ในเมื่อ ความคิดของคุณ ไม่ใช่ความคิดของพุทธแท้  สนทนาไปก็ไม่มีประโยชน์ จากคุณ : Zeno of Elea - [ 18 ต.ค. 49 04:42:20 ]