ความคิดเห็นที่ 1 ใครที่ถามแบบนี้ถือว่าเป็นการตั้งคำถามที่ถูกต้องครับ เพราะมุสลิมไม่กินหมู แต่ถ้าใครถามว่า “ทำไมมุสลิมกลัวหมู?”  แบบนี้ถือว่าตั้งคำถามผิดนะครับ เพราะมุสลิมไม่ได้กลัวหมู แต่คนไทยเรามักเข้าใจผิดๆโดยไปจดจำมาจากหนังตลกว่ามุสลิมกลัวหมู และต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเมื่อเห็นหมู! ส่วนคำตอบที่ว่าทำไมมุสลิมไม่กินหมูก็คือพระเจ้าสั่งห้ามนั่นเองครับ และสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในบางเรื่องนั้นมนุษย์ก็ไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำ หรือในบางเรื่องมนุษย์ก็สามารถค้นพบหาเหตุผลได้ด้วยกระบวนการศึกษาธรรมชาติหรือที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์   ยุคปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ก็พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมีพยาธิตัวเล็กๆที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้มมันอยู่ ซึ่งความร้อนจากการหุงต้มไม่สามารถทำลายมันได้  พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทำอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น มุสลิมในยุคก่อนเขาไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ(กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน)ซึ่งพระเจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก(นะญิส) ก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่กินหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ดังนั้นถึงแม้ในอนาคตจะสามารถทำให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้าม   ...แล้วถามว่าทำไมต้องห้ามน่ะหรือครับ? ก็เนื่องจากเป็นการพิสูจน์ความศรัทธาครับ มนุษย์ที่ศรัทธาในพระเจ้าเขาก็จะน้อมรับกฎระเบียบที่พระเจ้าบัญญัติไว้ เขาจะไม่กินตามปากอยาก แต่เขาจะเลือกกินโดยพิจารณาว่าพระเจ้าอนุญาตให้กินหรือไม่ ...และอาจมีบางคนตั้งคำถามว่า ในเมื่อไม่ให้กินหมูแล้วพระเจ้าจะสร้างหมูมาทำไม? คืออย่างนี้ครับ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิด จะถูกสร้างมาเพื่อเป็นอาหารสำหรับมนุษย์นะครับ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทำหน้าที่ซับน้ำ, ผลิตออกซิเจน, รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ทำนองนี้เป็นต้นครับ  ดังนั้นเราจึงต้องเลือกครับว่าสิ่งใดพระเจ้าอนุญาตให้กิน สิ่งใดพระเจ้าไม่อนุญาตให้กิน ซึ่งในเรื่องของอาหารแล้ว สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้บัญญัติห้ามสิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้กินได้โดยปริยายครับ ส่วนสิ่งอื่นที่พระเจ้าบัญญัติห้ามกิน ได้แก่ 1.)สิ่งมึนเมาทุกชนิด 2.)เลือด  3.)สัตว์บกที่ตายโดยไม่ได้ถูกเชือด 4.)สัตว์บกที่ไม่ได้กล่าวนามพระเจ้าขณะเชือด 5.)สัตว์บกที่ใช้กรงเล็บหรือเขี้ยวล่าสัตว์กินเป็นอาหาร 6.)เนื้อลา 7.)สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น หมา 8.)อาหารใดก็ตามที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม เช่นขโมยมา หรือซื้อมาด้วยทรัพย์สินที่ได้มาโดยผิดหลักการศาสนา (เช่นเงินดอกเบี้ย เป็นต้น)  ซึ่งทั้งหมดถูกบัญญัติในอัล-กุรอานและหะดีษทั้งสิ้น   เห็นไหมครับว่าที่ว่ากันว่ามุสลิมไม่กินหมูนั้น ไปๆมาๆไม่ใช่แค่หมูนะครับที่มุสลิมไม่กิน ดังนั้นคงหายสงสัยแล้วสินะครับว่าทำไมมุสลิมจึงมักจะหาแต่ร้านที่เป็นร้านอาหารอิสลาม แต่เห็นกฎระเบียบเยอะอย่างนี้คุณคงว่าสิ่งที่ศาสนาอิสลามบัญญัติห้ามนั้นมีเยอะเหลือเกิน แต่ที่จริงหากคุณนับถือศาสนาพุทธน่าจะลองเปิดพระไตรปิฎกดูมั่งนะครับว่า จริงๆแล้วศาสนาพุทธห้ามกินอะไรบ้าง? http://www.mureed.com/ ตกลงในพระไตรปิฏกห้ามทานอะไรมั้งเหรอครับ ?? เท่าที่ทราบตอนเพื่อนผมบวชก็ห้ามหลายอย่างนะ เอาเหตุผลด้วยนะครับ แค่ผลไม้ลูกใหญ่ก็ไม่ให้ทานแล้ว ?? หรือเป็นแค่ความเชื่อ ครับถาม จขกท หน่อย เรื่องที่พระเจ้าห้ามย่อมมีประโยชน์ เช่น ห้ามกินสัตว์ที่ตายเองแล้ว เห็นแอนแทรคไหมครับ เห็็นหวัดนกไหมครับ ?? นี่ละครับความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ถึงท่านจะบอกว่า อัลเลาะห์ สั่งว่าห้ามก็ห้าม ยังแถมด้วยการ ห้ามสงสัย ห้ามถาม ห้ามแย้ง อีก..>>>>>>ใครบอกครับ ?? รู้สึกว่าคุณน้ำปลา ชอบใส่ความไม่รู้ตัวเองประจำเลยนะครับ ในอัลกรุอ่าน พระเจ้้้้าได้ใช้ให้ใช้ปัญญา พิจารณา และการเรียนการสอนอิสลามก็ได้สนับสนุนให้ถาม เพื่อจะได้เกิดความเข้าใจและความศรัทธา มากยิ่งขึ้น ารห้ามกินหมูหรือสัตว์กินเนื้อ(สัตว์ที่มีเขี้ยวเล็บ) มีมาก่อนมนุษย์จะรู้จัก เชื้อโรคเป็นพันปี ดังนั้น หากจะบอกว่า รู้ว่ามีเชื้อโรคมาตั้งแต่พันปีที่แล้ว อิสลาม คงไม่กินเนื้อสัตว์เลย(มังสวิรัติ) แต่ นี่ยกเว้นสัตว์บางอย่างเท่านั้น แต่เน้นไปที่หมู >>>>>>เพราะเชื่อโรคในหมู มันต้องฆ่าด้วยความร้อนสูงกว่า (100 องศา) สัตว์ชนิดอื่น มันจึงเป็นการลำบาก ในความปลอดภัยกับคนสมัยก่อน นะสิครับ จากคุณ : beckmee - [ 8 พ.ย. 49 06:51:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ๋อเห็น ในโรงพยาบาล ห้ามคนเป็นโรค อ้วน กับ คอเรสเตอรอล ทานเนื้อหมูด้วยนะ อืมม ทำไมนะ จากคุณ : beckmee - [ 8 พ.ย. 49 06:57:04 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเคยเปรียบเทียบว่ากินหมูก็เหมือนกินแมลงสาบ หมูถูกสร้างมาให้เป็นสัตว์ที่กินแต่ของสกปรกเน่าเหม็น แมลงสาบก็เช่นเดียวกัน ถูกกำหนดให้เป็นเช่นนั้น หากทำเนื้อหมูให้สะอาดไม่มีเชื้อโรคแล้วกินเข้าไป เราก็สามารถทำแมลงสาบให้สะอาดแล้วทอดกินได้ หากฟาร์มเลี้ยงหมูที่สะอาดที่สุดในโลกให้หมูกินแต่ของสะอาด แต่เมื่อมันอึออกมา พฤติกรรมมันก็ไม่เปลี่ยน มันก็กินอึตัวเองได้ หากวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าสูงสุดยอด ผมขอแนะนำแหล่งโปรตีนที่สำคัญ เพาะพันธุ์ง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม เรามาทำฟาร์มแมลงสาบกินกันเถอะครับ... แต่อิสลามคงทำไม่ได้ครับ 2.57 ...พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดี ๆ เถิด และพวกเขาหาได้อธรรมแก่เราไม่ แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 07:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ประชุมสงฆ์ทรงสอบถาม             [๕๙] ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปไหน ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปปิยา.             เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้แล้ว ภิกษุรูปนั้นได้ทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคว่า ข้าพระ- *พุทธเจ้า ได้ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปปิยา พระพุทธเจ้าข้า             พ. เขานำมาถวายแล้วหรือ ภิกษุ             ภิ. เขานำมาถวายแล้ว พระพุทธเจ้าข้า             พ. เธอฉันแล้วหรือ ภิกษุ             ภิ. ฉันแล้ว พระพุทธเจ้าข้า             พ. เธอพิจารณาหรือเปล่า ภิกษุ             ภิ. มิได้พิจารณา พระพุทธเจ้าข้า ทรงติเตียน             พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า ดูกรโมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงไม่ได้พิจารณา แล้วฉัน เนื้อเล่า เธอฉันเนื้อมนุษย์แล้ว การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน ที่ยังไม่เลื่อมใส .... ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อมนุษย์             ดูกรภิกษุทั้งหลาย บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย อนึ่ง ภิกษุยังมิได้ พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อช้าง             [๖๐] ก็โดยสมัยนั้นแล ช้างหลวงล้มลงหลายเชือก สมัยอัตคัตอาหาร ประชาชน พากันบริโภคเนื้อช้าง และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อช้าง ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉัน เนื้อช้างเล่า เพราะช้างเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัวทรงทราบคงไม่ทรงเลื่อมใสต่อพระสมณะ เหล่านั้นเป็นแน่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติ ห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อช้าง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อม้า             สมัยต่อมา ม้าหลวงตายมาก สมัยอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้อม้า และ ถวายแก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อม้า ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อม้าเล่า เพราะม้าเป็นราชพาหนะ ถ้าพระเจ้าอยู่หัว ทรงทราบ คงไม่เลื่อมใสต่อพระสมณะเหล่านั้นเป็นแน่ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มี พระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามแก่ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉัน เนื้อม้า รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อสุนัข             สมัยต่อมา ถึงคราวอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้อสุนัข และถวายแก่พวก ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้อสุนัข ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้อสุนัขเล่า เพราะสุนัขเป็นสัตว์น่าเกลียด น่าชัง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามแก่ภิกษุทั้งหลาย ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อสุนัข รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้องู             สมัยต่อมา ถึงคราวอัตคัดอาหาร ประชาชนพากันบริโภคเนื้องู และถวายแก่พวกภิกษุ ผู้เที่ยวบิณฑบาต ภิกษุทั้งหลายฉันเนื้องู ประชาชนจึงเพ่งโทษ ติเตียน โพนทะนาว่า ไฉน พระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงได้ฉันเนื้องูเล่า เพราะงูเป็นสัตว์น่าเกลียดน่าชัง แม้พระยานาค ชื่อสุปัสสะก็เข้าไปในพุทธสำนักถวายบังคมพระผู้มีพระภาคแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ส่วนข้างหนึ่ง ได้กราบทูลคำนี้แด่พระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า บรรดาที่ไม่มีศรัทธา ไม่เลื่อมใสมีอยู่ มันคงเบียดเบียนพวกภิกษุจำนวนน้อยบ้าง ของประทานพระวโรกาส พระพุทธเจ้าข้า ขอพระ- *คุณเจ้าทั้งหลายโปรดกรุณาอย่าฉันเนื้องู ลำดับนั้นพระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้พระยานาคสุปัสสะ เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา ครั้นพระยานาคสุปัสสะอันพระผู้มีพระภาค ทรงให้เห็นแจ้งสมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้วถวายบังคมพระผู้มีพระภาคทำ ประทักษิณกลับไป             ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุ แรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้องู รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อราชสีห์             สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าราชสีห์แล้วบริโภคเนื้อราชสีห์ และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อราชสีห์แล้วอยู่ในป่า ฝูงราชสีห์ฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อ ราชสีห์ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุ ทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อราชสีห์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือโคร่ง             สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือโคร่งแล้วบริโภคเนื้อเสือโคร่งและถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเสือโคร่งแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือโคร่งฆ่าพวกภิกษุเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อ เสือโคร่ง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้าม ภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือโคร่ง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือเหลือง             สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือเหลือง แล้วบริโภคเนื้อเสือเหลืองและถวายแก่พวกภิกษุ ผู้เที่ยวบิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อเสือเหลืองแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือเหลืองฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่นเนื้อเสือเหลือง ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือเหลือง รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อหมี             สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าหมีแล้วบริโภคเนื้อหมี และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาต พวกภิกษุฉันหมีแล้วอยู่ในป่าเหล่าหมีฆ่าพวกภิกษุเสียเพราะได้กลิ่นเนื้อหมี ภิกษุทั้งหลายกราบทูล เรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อหมี รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อเสือดาว             สมัยต่อมา พวกพรานฆ่าเสือดาวแล้วบริโภคเนื้อเสือดาว และถวายแก่พวกภิกษุผู้เที่ยว บิณฑบาต พวกภิกษุฉันเนื้อเสือดาวแล้วอยู่ในป่า เหล่าเสือดาวฆ่าพวกภิกษุเสีย เพราะได้กลิ่น เนื้อเสือดาว ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค. พระผู้มีพระภาค ทรงบัญญัติ ห้ามภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อเสือดาว รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ. สุปปิยภาณวาร ที่ ๒ จบ. ----------------------------------------------------- พระไตรปิฎก เล่มที่ ๕  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๕ มหาวรรค ภาค ๒ อุบาสิกาสุปปิยาถวายเนื้อขา แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 08:18:19 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 08:15:22 จากคุณ : Chuck - [ 8 พ.ย. 49 08:09:51 ]

ความคิดเห็นที่ 5 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ เรื่องทรงห้ามฉันมะม่วง ........ สมณกัปปะ ๕ อย่าง            [๒๕] สมัยต่อมา สัปบุรุษหมู่หนึ่งถวายภัตตาหารแก่สงฆ์ เขาไม่ได้ฝานมะม่วงเป็นชิ้นๆ ในโรงอาหารล้วนแล้วไปด้วยผลมะม่วงทั้งนั้น ภิกษุทั้งหลาย รังเกียจไม่รับประเคน ...             พระผู้มีพระภาค ... ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงรับประเคน ฉันเถิด เราอนุญาตให้ฉันผลไม้โดยสมณกัปปะ ๕ อย่าง คือ                          ๑. ผลไม้ที่ลนด้วยไฟ                          ๒. ผลไม้ที่กรีดด้วยศัสตรา                          ๓. ผลไม้ที่จิกด้วยเล็บ                          ๔. ผลไม้ที่ไม่มีเมล็ด                          ๕. ผลไม้ที่ปล้อนเมล็ดออกแล้ว             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราอนุญาตให้ฉันผลไม้โดยสมณกัปปะ ๕ อย่างนี้ ฯ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 08:39:33 จากคุณ : Chuck - [ 8 พ.ย. 49 08:37:38 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ท่าน เบค มี ครับ คนที่ไม่กินเนื้อ หรือ ห้ามกินผลไม้ที่ยังติดกับต้นนั้น ก็คือ "พระสงฆ์" หรือว่า "นักบวช" ครับ เพราะ นักบวช นั้น ต่างกัน คนศาสนิกธรรมดาครับ วิธีการดำรงค์ชีวิต ก็ต่างกัน การแต่งกาย วิธีการคิด ก็ต่างกัน ดังนั้น การกินก็ต่างกันด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้น หาก นักบวช จะต้องยึดถือในคำสอนเคร่งดรัดมากกว่า คนธรรมดา ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่ครับ คริสต์ ก็มีบาทหลวง คุณพ่อ สาธุคุณ ที่ดำเนินชีวิตอยู่ในศาสนาเคร่งครัดกว่าคนธรรมดาทั่วไป ดังนั้น......การกินการอยู่ของ นักบวช จึงต้องมีระเบียบมากมายครับ แต่ ในอิสลาม ได้บอกว่า ทุกคนคือนักบวช นั่นก็แปลว่า..... สมมุตินะครับ สมมุติ....... สมมุติว่า อิสลามบังเอิญมี "คนธรรมดา" กับ "นักบวช" แยกกันอย่างชัดเจนแล้ว หากนักบวช จะไม่กินหมู คงไม่แปลกเท่าไหร่ ผมคงไม่ถาม........แต่........นักบวชในศาสนาอื่นๆ จะไม่อยู่รวมปะปนกับศาสนิกทั่วไป จะแยกตัวออกไปยังศาสนสถาณต่างหาก จึงทำให้การดำรงค์ชึวิต ค่อนข้างจะแบ่งได้ชัดเจน ไม่ปะปน และ ไม่สร้างความลำบากให้ผู้ร่วมอยู่ซักเท่าไหร่นัก เมื่อก่อนผมเคยเชื่อว่า อิหม่าม คือ นักบวช นะครับ .......-*- (ในตอนเด็กๆ)  คิดว่า อิหม่าม เป็นคนสอนศาสนา เหมือน พระสงฆ์ น่ะแหละ แต่พอภายหลังได้มารู้ว่า อิสลาม ทุกคน คือ นักบวช ก็ยิ่งแปลกใจใหญ่......... จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 8 พ.ย. 49 08:45:17 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช นั่นแหละเน้อ เพราะทุกคนเท่าเทียมกันหมดแต่ต่างหน้าที่ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 09:01:51 ]

ความคิดเห็นที่ 8 จริงแฮะ ... หากทุกคนคือ "นักบวช" ก็คือ ไม่มีนักบวช เพราะ จะ "มี" ได้ ก็เมื่อ มีความ "ไม่มี" มาเปรียบเทียบ - -" คิดได้ไงเนี่ย ............ ศาสนาทุกศาสนา ย่อมต้องการให้ศาสนิกของตนอยู่ในโอวาทแน่นอนครับ ในปัจจุบัน มุสลิมดูจะเป็นประชาชาติที่ อยู่ในคำสอน เคร่งครัดที่สุด เมื่อเทียบกับศาสนาอื่นๆ (พวกผู้ก่อการร้ายไม่ถึงหนึ่งเปนร์เซ็นต์หรอกครับ) จขกท.แอบอิจฉาอยู่รึเปล่าครับ จากคุณ : SA Student - [ 8 พ.ย. 49 09:11:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อบทบัญญัติห้ามกินหมูได้ถูกประทานให้แก่มุสลิมในยุคต้นประวัติศาสตร์  ผู้คนในยุคนั้นไม่รู้เหตุผลว่า เหตุใด? พระเจ้าทรงห้ามเช่นนั้น เพราะเหล่าผู้ศรัทธารู้แต่เพียงว่า เขาเป็นมุสลิม ผู้นอบน้อมและยอมจำนนต่อคำสั่งของพระเจ้าโดยสิ้นเชิง  เมื่อพระเจ้าทรงบัญชาใช้สิ่งใด แน่นอนที่เขาจะปฏิบัติตามบัญชานั้น   โดยไม่มีคำถามว่า “ทำไม” เมื่อโลกวิวัฒนาการขึ้น  ทำให้มนุษย์ต้องการจะรู้เหตุผลที่อยู่เบื้องหลังคำสั่งของพระเจ้า แม้จะมีการพัฒนาเลี้ยงหมูให้สะอาดขึ้น แต่ธรรมชาติของหมู  ก็ยังเป็นหมูอยู่วันยันค่ำ ขอตอบแบบวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ ธรรมชาติและนิสัยของหมู โดยธรรมชาติหมูมีนิสัยขี้เกียจ หมกมุ่นอยู่กับการสืบพันธุ์ ไม่ชอบแสงอาทิตย์ เป็นสัตว์ขี้กลัว ชอบกินและนอน มีนิสัยตะกละในบรรดาสัตว์ทั้งหมด หมูเป็นแหล่งของตัวพยาธิที่เป็นพิษแหล่งใหญ่ที่สุด แพทย์จีนแต่โบราณ ในสมัยราชวงศ์ถัง มีหมอคนหนึ่ง ชื่อ ซุนซีเหมา เป็นหมอผู้ยิ่งใหญ่ เมื่อ2000 ปีมาแล้ว และเป็นนักอนามัย ได้เขียนไว้ในหนังสือ “เฉเฉนลู” (บันทึกสุขภาพ) “ เนื้อหมูอาจทำให้การป่วยไข้เก่าๆกลับมาอีก มันนำไปสู่การเป็นหมัน โรคไขข้อกระดูกอักเสบ และโรคหืด ” ลองเอาเนื้อหมู เนื้อแพะ เนื้อวัว อายุเท่าๆกันมาวางแตกแดด จะเห็นว่า เนื้อหมูเน่าเร็วที่สุด ตามด้วยเนื้อแพะและวัว เนื้อวัวนั้น จะแห้ง และไม่เน่า จากการค้นคว้าทางการแพทย์ วัว แพะ หมู    วัวและแพะ เมื่อบริโภคเข้าไป จะใช้เวลาย่อยสลาย ประมาณ 3 ชม. หมู 4 ชม. และเนื้อหมู ปรุงสุกช้าที่สุด และไม่รับประกันว่า สุกแล้วเชื้อโรคทั้งหลายจะอยู่หรือไม่ การทานเนื้อหมู จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยและใช้เวลารักษาที่ยาวนาน เมื่อมีคนไข้ แพทย์จะงดอาหารประเภทหมู เนื่องจากมีผลต่อการรักษา ในสมัย สงครามยุโรป  พวกเติร์กและอาหรับที่บาดเจ็บนั้น หายป่วยเร็วกว่าทหารเยอรมันที่รักษาตัวแรมเดือน แพทย์นั้น จึงสั่งห้ามเนื้อเนื้อหมู ระหว่างรักษาตัว แผล ฝี หนอง นั้นยากที่จะรักษา และทำให้อาการเลวลง ปริมาณ ไขมัน หมู  91 % วัว 35  % แพะ 56 % หมูติดมัน 60 % วัวติดมัน 20 % แพะติดมัน 35 % หมูไม่มีมัน  29% วัวไม่มีมัน  6 % แพะไม่มีมัน 14 % แฮม 51 % จากคุณ : นะ(รก) - [ 8 พ.ย. 49 09:24:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 พระเจ้าห้ามกินหมู ก่อนที่มนุษย์จะเจ็บไข้ได้ป่วย..... เมื่อไม่ดี การทานมัน มันก็เข้าสู่ร่างกายล่อเลี้ยงกาย และใจเราไปด้วย ศาสนานั้น ต้องมาด้วยความศรัทธาจากหัวใจ ที่พร้อมนอบน้อมถ่อมตน ต่อพระผู้เป็นเจ้า การที่ไม่เคารพ หรือเชื่อในศาสนาอื่นใด  ก็ควรจะมีขอบเขต และให้เกียรติเช่นกัน ด้วยความเคารพค่ะ แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 10:25:49 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 09:40:16 จากคุณ : นะ(รก) - [ 8 พ.ย. 49 09:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 12 #9 การห้ามอะไรต่อมิอะไร เพื่อแสดง Absolute Power ครับ คงไม่ต้องบอกต่อน่ะครับว่าเพื่ออะไร ... จากคุณ : SA Student - [ 8 พ.ย. 49 09:31:21 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระเจ้าของท่าน ก็เปนพระเจ้าของท่าน พระเจ้าของเรา ก็เปนพระเจ้าของเรา ท่านไม่กินหมู ก็เรื่องของท่าน เรากินหมู ก็เรื่องของเรา มุสลิมบางคน ออกนอกชุมชนตัวเอง ยังกินเหล้ากินหมู หน้าตาเฉย จากคุณ : นายบรรหาร - [ 8 พ.ย. 49 10:24:01 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่กินหมูก็ไม่ตายนะครับ แต่ป่วยเป็นโรคนี่อาจจะตายได้   เป็นเรื่องน่าคิด...... จากคุณ : เหนือสายรุ้ง - [ 8 พ.ย. 49 10:59:34 ]

ความคิดเห็นที่ 15 แล้วทำมั่ยพระเจ้าถึงไม่สร้างให้มนุษย์กินเนื้อหมูไม่ได้ละ?? หรือว่าข้อกำหนดดังกล่าว กำหนดขึ้นโดยมนุษย์ แต่แอบอ้างพระเจ้าเพื่อให้คนเชื่อ!! -------------------------- ถ้าอย่างนั้น... - คงต้องทำให้มนุษย์มีเพศสัมพันธ์ไม่ได้...เพื่อจะได้ไม่ทำผิดประเวณีกัน - ห้ามไม่ให้มนุษย์ผลิตหลอดฉีดยาได้...จะได้ไม่เอามาฉีดผง - ห้ามไม่ให้เราผลิตไฟฟ้าได้...ไฟฟ้าจะได้ไม่ช๊อตกัน - ไม่สร้างยูเรเนียมขึ้นมา...เพื่อเราผลิตระเบิดไม่ได้ - ฯลฯ     (คนที่มีสติปัญญาอ่ะ ไม่จำเป็นต้องโดนบังคับหรอกถึงจะเป็นคนดีได้) .....แต่พระองค์ได้บอกไว้แล้วว่า พระองค์สร้างทุกอย่างอย่างสวยงาม และมีจุดประสงค์ของมัน บางทีหมูอาจจะมีหน้าที่บนโลกนี้คล้ายนกแร้ง หรือแมลงสาป หรือสัตว์ประมาณนั้น เพื่อกินซากสัตว์และสิ่งสกปรก หรือเพื่อทำความสะอาดโลก ดังนั้นพวกที่ประหลาดหนะไม่ใช่มุสลิมหรอกครับ...แต่คือคุณ!!! ที่ทึกทักกันเองว่าหมูกินได้...เป็นเรื่องปกติดีและเป็นเกณฑ์ที่ถูกต้อง แล้วทำไมล่ะถึงไม่กินไฮยีน่า กินนกแร้ง กินแมลงสาป กินไส้เดือนดิน แมลงกุ๊ดจี่ แมลงกลิ้งขี้ ปลิงทากดูดเลือด...บ้างละครับ ...สงสัยอะไรกันนักหนาเนียะ... แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 11:25:48 แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 11:14:52 จากคุณ : ...ฮุ่ยยยย... (jordanKNIGHT) - [ 8 พ.ย. 49 11:10:14 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คุณbeckmeeครับ.. ข้อ 7.)สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น หมา   แล้วสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส)มีอะไรอีกครับ? จากคุณ : Chuck - [ 8 พ.ย. 49 11:37:25 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เดี๋ยวเย็นๆจะเข้ามาตอบเพิ่มครับ จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 8 พ.ย. 49 12:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ผมไม่ใช่อิสลาม แต่พอบอกได้ในเหตุผลทางคนยิว หมูเป็นสัตว์  มีกีบ  แต่ไม่เคี้ยงเอื้อง ...  เชื้อโรคไม่ไชเท้ามัน แต่ว่า เพราะมันไม่เคี้ยวเอื้อง  เลยกินของสกปรก  แพะเป็นสัตว์เคี้ยงเอื้อง และมีกีบ แต่ว่าเดิม การฆ่าหมูในสมัยก่อน ทำให้เกิดเลือดคั่งในหัวของมัน เป็นอันตรายครับ รวมทั้งเหตุผลบางอย่าง ด้านการบูชาเทพเจ้าของชาติคานาอัน ---------------------------------------------------- ก่อนหน้านั้น ในสมัย โนอาห์  พระเจ้าให้มนุษย์ทานสัตว์ได้หมดครับ แต่ว่า สัตว์เองก็โดนคำสาป  ก็เลยมีสัตว์ที่สกปรกบ้าง ก็ไม่ควรทาน ผมว่าเราควรทานปลา  เพื่อสุขภาพที่ดีครับ ถ้าตามเลวีติโกที่ยกมา ปลาก็ควรเป็นปลามีเกล็ดด้วยครับ  พวกปลาดุก นี่ก็ไม่เหมาะ  แต่ผมก็กินทุกทีเวลากินส้มตำ -------------------------------------------------------- จากคุณ : Elshaddai - [ 8 พ.ย. 49 13:08:02 ]

ความคิดเห็นที่ 19 อ้างจาก คห 7,8 หากทุกคนคือ "นักบวช" ก็คือ ไม่มีนักบวช เพราะ จะ "มี" ได้ ก็เมื่อ มีความ "ไม่มี" มาเปรียบเทียบ - -" ------------------------------------------------- ถ้าอย่างนั้น หากทุกคน เชื่ออัลลอฮ ก็คือ ไม่มีอัลลอฮ น่ะีซี เพราะ จะ "มี" ได้ ก็เมื่อ มีความ "ไม่มี" มาเปรียบเทียบ - -" ถ้าคิดด้วยตรรกะแบบนี้ อิสลามก็คงต้องขอบคุณกาเฟรให้มากเลยทีเดียว จริงไหม ? ............. ................. .................... .......................คิดได้ไงเนี่ย !!!!!! ^ ^ ^ ^ ^ ^ ^ ก็อย่าคิดมากกันนักล่ะ ผมก็แค่ลองคิดตามเท่านั้น ....... อย่าถือสา ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 8 พ.ย. 49 13:41:52 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ถึงความคิดเห็นที่ 15 แล้วทำไมล่ะถึงไม่กินไฮยีน่า กินนกแร้ง กินแมลงสาป กินไส้เดือนดิน แมลงกุ๊ดจี่ แมลงกลิ้งขี้ ปลิงทากดูดเลือด...บ้างละครับ --------------------------------------------------- ที่คุณพูดมาทั้งหมดนี่ ผมก็เห็นว่ามีคนกินนะ...... แล้วเราซึ่งไม่กิน ก็มองว่าคนที่กินของเหล่านี้ เป็นคนแปลก เป็นคนพิศดาร แต่ถ้าคิดว่า กินเพื่อยังชีพ อย่างนี้ก็คงลดความแปลกลงไปได้บ้างกระมัง... ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 8 พ.ย. 49 13:48:24 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไมล่ะถึงไม่กินไฮยีน่า กินนกแร้ง กินแมลงสาป ที่คุณพูดมาทั้งหมดนี่ ผมก็เห็นว่ามีคนกินนะ ---------------------------------------------------- ใช่ครับ คุณฤทธี จริงครับสิ่งเหล้านั้นมีคนกิน...(เพียงแต่อาจไม่ใช่คุณ) ส่วนหมูเอง...ผมก็เห็นว่ามีคนกินเหมือนกันนี่ ผมเองก็ไม่ได้แปลกใจซักหน่อย จากคุณ : jordanKNIGHT - [ 8 พ.ย. 49 14:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 23 "ก็ในเมื่อพระเจ้าสร้างให้มนูษย์กินเนื้อหมูได้..มันก็ไม่มีเหตุผลอะไร ที่พระเจ้าจะต้องฝากบอกคนอื่นมาอีกว่า ห้ามมนุษย์กินเนื้อหมู" ----------------------------------------------- เช่นกันครับคุณ NO goD ถ้าอย่างนั้นพระองค์คงต้องสร้างกระเพราะที่ย่อยเหล้าไม่ได้ด้วย เพื่อมนุษย์จะได้กินเหล้าไม่ได้ แล้วก็ต้องสร้างมนุษย์ให้เป็นไปในแบบที่ทำชั่วไม่ได้ด้วย เพื่อเค้าจะได้ไม่ทำความชั่ว .....มันก็คงกลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกนั่นแหละครับ .....เพราะโลกนี้คือบททดสอบของผู้ศรัทธา แก้ไขเมื่อ 08 พ.ย. 49 15:14:16 จากคุณ : jordanKNIGHT - [ 8 พ.ย. 49 15:10:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 มีความสามารถในการสรรหาเรื่องขี้ปะติ๋วมาทะเลาะกัน จากคุณ : เชษฐา - [ 8 พ.ย. 49 16:21:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 2.57 ...พวกเจ้าจงบริโภคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากสิ่งดี ๆ เถิด และพวกเขาหาได้อธรรมแก่เราไม่ แต่ทว่าพวกเขาอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองต่างหาก ผมว่าชัดเจนนะครับ จะกินหมูก็กินไปเหอะ อย่ามาชวนมุสลิมกิน อย่างน้อยมุสลิมก็ไม่แย่งชาวพุทธกิน หมูมันจะโดนเชือดหมดโลกก็ไม่เกี่ยวกับมุสลิม แปลกใจ ทำไมมีคนเดือดร้อนแทน ส่วนอันนี้พิจารณาเอาเอง หากทุกคนคือ "ทหาร" ก็คือ ไม่มีทหาร หากทุกคนคือ "ครู" ก็คือ ไม่มีครู หากทุกคนคือ "หมอ" ก็คือ ไม่มีหมอ หากทุกคนคือ "นายก" ก็คือ ไม่มีนายก ในเมื่อทุกคนเป็นอยู่แล้ว แล้วจะมี ทหาร ครู หมอ นายก ทำไมอีกอ่ะ หากทุกคน เชื่อสัจธรรม ก็คือ ไม่มีสัจธรรม หากทุกคน เชื่อความดี ก็คือ ไม่มีความดี หากทุกคน เชื่ออัลลอฮ ก็คือ ไม่มีอัลลอฮ ไม่เห็นต้องขอบคุณกาเฟร ในเมื่อทุกอย่างมันมีอยู่ เทียบอะไรก็ให้มันเหมือน ๆ กันหน่อยสิครับ ไม่ใช่ถามว่าสูงเท่าไหร่ ตอบ 50 กิโลกรัม ไมตอบงั้นอ่ะ ก็มันเป็นหน่วยวัดเหมือนกัน ... -_- ... จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 16:23:23 ]

ความคิดเห็นที่ 26 น้ำปลาเดือนห้า เป็น กิ๊ก กับ นาย ปลง ฯ ที่ถูกยึดใบขับขี่ เป็นครั้งที่ นับไม่ถ้วย แล้วหรือเปล่าครับ อย่างนี้ ลองไปหาท่าน พิเชษฐ ที่สำนักกรรมการอิสลามให้ท่านช่วยอธิบาย เหมือนตาแอ๊ด หน่อยเป็นไง เผื่อจะตาสว่าง มีสติ กับเขาบ้าง จากคุณ : Air Nanas - [ 8 พ.ย. 49 16:41:49 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หากทุกคนเป็นหมู ก็คือไม่มีหมู หากทุกคนเป็นกาเฟร ก็คือไม่มีกาเฟร หากทุกคนเป็นอิสลาม ก็คือไม่มีอิสลาม อย่างนี้ เหมือนกับ...... ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช หรือยังล่ะ !!!!! เพียงแต่ อิสลามไม่มีนักบวช ...... ก็เท่านั้น.......ใช่ป่ะ? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 8 พ.ย. 49 17:09:25 ]

ความคิดเห็นที่ 28 แม่นแล้ว จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 17:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จากเรื่องหมู เป็นนักบวช อีกละ ไม่จบซะที ทำไมหลงประเด็นกันจัง จากคุณ : nan_utd - [ 8 พ.ย. 49 17:30:57 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เหตุผล ทางวิทยาศาสตร์ต่างๆ ที่ว่ามา บอกตรงๆว่า คนรุ่นใหม่จับไปโยง เข้ากับ ข้อห้ามหรือ คำสอนทั้งนั้น เพื่อให้ดูดีมีเหตุผล ตอนนั้นคงไม่รู้จักเชื้อโรคหรอกรู้แค่ความสกปรก แม้แต่ทฤษฎิกำเหนิดโลกที่เขาพึ่งค้นพบ ก็เอาไปโยงได้เลย จากคุณ : ฟูนัน - [ 8 พ.ย. 49 17:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 32 beckmeeครับ.. ข้อ 7.)สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น หมา แล้วสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส)มีอะไรอีกครับ?>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>หมูครับ ตอบ คห 6 คุณน้ำปลา ก็แปลกนะครับ ทีเป็นเรื่องศาสนาตัวเองเรื่องพระกับไม่ต้องการเหตุผลมากมาย อิสลามถือว่าทุกคนเท่าเทียมกัน ทุกคนสามารถเข้าถึงธรรมะได้เหมือนกัน หากขวนขวายที่จะกระทำ ดังนั้น ศิลหรือกฏเกณฑ์ทุกอย่าง ทุกคนต้องทำเหมือนกันครับ จากคุณ : beckmee - [ 8 พ.ย. 49 19:19:28 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช ทุกคนคือผู้ปฏิเสธศรัทธา ก็ไม่มีผู้ปฏิเสธศรัทธา ทุกคนคือผู้ปฏิเสธศรัทธา ก็ไม่มีผู้ปฏิเสธศรัทธา ทุกคนคือชาวนรก ก็ไม่มีชาวนรก ทุกคนคือชาวนรก ก็ไม่มีชาวนรก ทุกคนคือชาวนรก ก็ไม่มีชาวนรก......... อย่างนี้ถูกไหมล่ะ !!!!!! อย่างนี้ถ้าโลกนี้ไม่มีอิสลาม ในโลกก็คงจะไม่มีชาวนรกจริงไหม???????? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 8 พ.ย. 49 19:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 34 แล้วถ้าสัตว์ทุกตัวเป็นหมู ก็ไม่มีหมู แล้วถ้าสัตว์ทุกตัวเป็นหมู ก็ไม่มีหมู แล้วถ้าสัตว์ทุกตัวเป็นหมู ก็ไม่มีหมู แสดงว่าก็มีโอกาสที่อิสลามจะกินหมูได้เหมือนกัน คือถ้าสัตว์ทุกตัวเป็นหมู เพราะมันจะเท่ากับ ไม่มีหมู........ใช่ป่ะ???? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 8 พ.ย. 49 19:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ได้กลิ่นหมู ก็จะอ้วกแตกแล้ว...!(พูดถึงสัตว์ ที่เรียกว่าสุกร ไม่เกี่ยวกับคน อิอิ) จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกนี้ - [ 8 พ.ย. 49 20:03:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 กระทู้นี้ตลกดีนะคะ เข้าใจหาเรื่องมาถกกันจริงๆ เราว่าเค้าห้ามมันก้อต้องมีเหตุผลอยูแล้ว ใครจะไปห้ามเพราะอยากโชว์พาวกันล่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 8 พ.ย. 49 20:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 37 แค่สงสัยกว้างๆนะ ไม่ได้ว่า จขกท แต่เห็นบางคนเดือดร้อนกันจัง  เรื่องมุสลิมไม่กินหมูเนี่ย ถึงพวกเราไม่กิน ก็ไม่เคยไปบังคับให้คนศาสนาอื่นอดกินหมูด้วยซะหน่อย นายจะกินก็ไปไปสิฟระ ก็ฉันไม่กินนี่หว่า ยุ่งอะไรกะฉันล่ะ แล้วจะเดือดร้อนกันทำไมนักหนา มันสิทธิส่วนตัวนะว้อย ฉันจะเลือกตักอะไรเข้าปาก มันเรื่องของฉันอ้ะ นายชอบกินก็เรื่องของนาย  ฉันไม่ชอบ จะด้วยเหตุผลอะไรมันก็เรื่องของฉัน สิทธิส่วนบุคคลน่ะ เข้าใจป่าว จากคุณ : sukh - [ 8 พ.ย. 49 21:22:45 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ^ ^ ฮ่าๆ จริงด้วย จากคุณ : ~ Jenny B. Good ~ - [ 8 พ.ย. 49 21:57:55 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าบังแปลกหน้าเจอสาวสวยชื่อหมูแล้วนายจะเปลี่ยนใจมาชอบหมู :) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 8 พ.ย. 49 21:59:52 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้าใจมั้ยครับว่าเป็นบัญญัติของพระเจ้า คำว่า"หากทุกคน เชื่อสัจธรรม ก็คือ ไม่มีสัจธรรม หากทุกคน เชื่อความดี ก็คือ ไม่มีความดี หากทุกคน เชื่ออัลลอฮ ก็คือ ไม่มีอัลลอฮ พระเจ้าอยู่เหนืออื่นใดไฉนท่านเอามาพูดเปรียบเที่ยบเช่นนี้ พระเจ้ามีอยู่จริงเป็นความเชื่อของชาวมุสลิม ความเชื่อมาจากศรัทธา...ทุกคนมีสิทธิที่จะเชื่อ มีสิทธิที่จะศรัทธา อย่าเอาประเด็นหมูมาโต้กันเลยครับ สรุปง่ายๆดีก..ว่า..มุสลิมเห็นว่าหมูไม่ดีก็เลยไม่กินเหมือนพวกคุณชอบหรือไม่ชอบเนื้ออะไรก็เป็นสิทธิที่จะเอาเข้าปาก แล้ววันพิพากษาท่านจึงไปถามพระองค์เอาเองว่าทรงบัญญัติไว้ทำไม อินนาลิลลา ฮิวะอินนาอิลัย ฮิรอญิอูน จากคุณ : ลูกน้ำกลอย (tinglung) - [ 8 พ.ย. 49 23:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คุณฤทธี ยังไปไหนมาสามวาสองศอก เหมือนเดิม แต่มันพอไปวัดวาได้ สรุปว่าแม่นหมดครับ ทุกคนคือนักบวช ก็ไม่มีนักบวช <<< แม่น หมายความเป็นนักบวชเหมือนกันหมด แล้วจะมีนักบวชไว้ทำไม?? ทุกคนคือผู้ปฏิเสธศรัทธา ก็ไม่มีผู้ปฏิเสธศรัทธา <<< แม่น เพราะไม่มีผู้ศรัทธาให้เปรียบกับผู้ปฏิเสธ แล้วใครจะเรียกว่านั่นผู้ปฏิเสธ ทุกคนคือชาวนรก ก็ไม่มีชาวนรก <<< แม่น เพราะไม่มีชาวสวรรค์ให้เปรียบกับชาวนรก แล้วถ้าสัตว์ทุกตัวเป็นหมู ก็ไม่มีหมู <<< แม่น แต่ว่าสัตว์ทุกตัวไม่ใช่หมู อย่างนี้ถ้าโลกนี้ไม่มีอิสลาม ในโลกก็คงจะไม่มีชาวนรกจริงไหม? <<< แม่น แต่ว่าโลกนี้มีอิสลาม จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 23:18:32 ]

ความคิดเห็นที่ 42 คำว่า"หากทุกคน เชื่อสัจธรรม ก็คือ ไม่มีสัจธรรม หากทุกคน เชื่อความดี ก็คือ ไม่มีความดี หากทุกคน เชื่ออัลลอฮ ก็คือ ไม่มีอัลลอฮ เข้าใจผมผิดหมดเลย ขยายความหน่อยครับ ผมกล่าวไว้แล้วว่านี่คือตรรกะคนละอย่างนะ หากทุกคนคือ กับหากทุกคนเชื่อ ความหมายมันคนละอย่างอยู่แล้ว ซึ่งผมได้กล่าวไปแล้ว ไม่เห็นต้องขอบคุณกาเฟร ในเมื่อทุกอย่างมีอยู่ ~ก็ได้ขยายความแล้วนะ~ เทียบอะไรก็ให้มันเหมือน ๆ กันหน่อยสิครับ ไม่ใช่ถามว่าสูงเท่าไหร่ ตอบ 50 กิโลกรัม จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 8 พ.ย. 49 23:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมก็ไม่ชอบกินแพะครับ ระหว่าง สกปรก เหมือน หมู กับ สกปรก เหมือน แพะ ลองทำโพลล์ดูสิครับ ว่าคนจะตอบสกปรกเหมือนอะไรมากกว่ากัน จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 9 พ.ย. 49 00:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 45 you are what you eat จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 9 พ.ย. 49 00:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คนอืสลามกินผักมั้ยครับ - ผักรดด้วยขี้นะครับ ขี้คนแท้ๆ แต่มีมั้ยครับ ที่คนเลี้ยงหมูด้วยขี้คน - - อยากรู้ว่าจะแยกแยะยังไงครับว่าผักที่ไหนไม่รดด้วยขี้มนุษย์ - หรืออิสลามต้องปลูกผักกินเอง(อันนี้ไม่ทราบจริงๆ) - -เพราะถ้าซื้อผักกิน ก็ฟันธงว่า อิสลามสกปรกแน่นอน เพราะผักก็ราดด้วยขี้มนุษย์ จากคุณ : อาจารย์แมว - [ 9 พ.ย. 49 01:09:03 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ไม่กินหมูก็ทำคนอื่นเดือดร้อนได้ด้วยแฮะ ตูละกลุ้ม จากคุณ : Carroth - [ 9 พ.ย. 49 01:38:44 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เนื้อหมูบางทีทำไม่ดีก็เม๊นนเหม็น อยากอ้วก เนื้อวัวอร่อย แต่สงสารมัน เนื้อปลาใช้ได้ แต่ไม่ได้ใจ จืดไปนิด แต่ทั้งหมดทั้งมวลมันก็เบียดเบียนชีวิตคนอื่นทั้งนั้นแหล่ะ อยากกินมังสวิรัตตลอดชีวิต แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ อีกอย่าง ติดรสอยู่หน่อยๆ จากคุณ : แสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยอมยิ้ม - [ 9 พ.ย. 49 02:02:20 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ทุกคนคือชาวนรก ก็ไม่มีชาวนรก <<< แม่น เพราะไม่มีชาวสวรรค์ให้เปรียบกับชาวนรก อย่างนี้ถ้าโลกนี้ไม่มีอิสลาม ในโลกก็คงจะไม่มีชาวนรกจริงไหม? <<< แม่น แต่ว่าโลกนี้มีอิสลาม ูููู^ ^ ^ ^ ^ ^ อย่างนี้ก็ไม่ยาก.......ถ้ากาเฟรทั้งโลกไม่อยากตกนรกของอิสลาม ก็รวมตัวกันคิดอ่านว่าทำอย่างไรโลกนี้จึงจะไม่มีอิสลาม........ อย่างนี้ก็ไม่ต้องตกนรกแล้วล่ะซี......ใช่ป่ะ ??????? ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 9 พ.ย. 49 02:35:47 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ แต่กินยากไป คนเขาก็รำคาญ ^ ^ ^ ^ ^ ข้อความได้ใจ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 9 พ.ย. 49 02:38:00 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ความคิดเห็นที่ 37 ไม่ต้องตอบก็ได้นี่ ...... ถ้าลำบากมากนัก คนที่เขาอยากรู้เหตุผลข้อเท็จจริง ก็ตอบเขาไปตามจริง มันก็แค่นั้น เขาอยากรู้แล้วกล้าถามก็ดีอยู่แล้ว ดีกว่าเข้าใจผิดแล้วไม่ถาม จากนั้นก็เอาไปพูดแบบผิดๆเป็นไหนๆ...... หรือไม่ใช่ ?????? ถึงเขาจะถาม เมื่อถามแล้วเขาก็ไม่ได้บังคับให้ใครกินเช่นกัน...... แล้วจะทำเป็นเดือดร้อนไปทำไม ????   อันนี้ดูจะเกินงามไปหน่อยนะ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 9 พ.ย. 49 02:46:22 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เฮ้ย นี่ๆ กระทู้นี้ผมเข้าข้างฝ่ายมุสลิมนะ คือออกตัวว่าปัจจุบันผมกินทุกอย่างที่ขวางหน้า แต่ถ้าวันนึงผมเกิดนับถือเจ้าแม่กวนอิมขึ้นมาแล้วถือศีล ไม่กินวัวหรือสัตว์ใหญ่ ก็ไม่หนักหัวใครใช่ปะ หรือถ้าผมอยากทำบุญโดยการกินเจขึ้นมา มันก็เป็น เรื่องของผมอีกเหมือนกัน อาหารผมก็ทำเอง เงินที่หา ซื้ออาหารก็เป็นเงิน ที่ผมประกอบสัมมาชีพหามา ตราบใดที่เขาไม่ได้ทำอะไรให้หนักหัวคุณ จะไปยุ่มยาก ให้มันมีเรื่องทะเลาะกันเล่นๆทำไมฟะ จากคุณ : เชษฐา - [ 9 พ.ย. 49 06:03:32 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เอ่อ จะว่าไป เราก้อไม่กินเนื้อวัวเพราะนับถือเจ้าแม่กวนอิมเหมือนกัน ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษ แค่นับถือ ก็ไม่กินแค่นั้น ไม่เห็นจะแปลก จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 9 พ.ย. 49 07:22:30 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ความคิดเห็นที่ 53  แมวเก้าแต้ม คุณเป็นคนดีมากๆครับ คุณไม่กินวัว คุณก็บอกตรงๆเลยว่านับถือเจ้าแม่ เพราะในนิทานพ่อของเจ้าแม่ ต้องไปเกิดเป็นวัวทุกๆชาติ - คุณไม่กินคุณก็บอกเลยว่าเพราะนับถือ ไม่ใช่ไม่กิน แล้วบอกว่ามันสกปรกดั่งแมลงสาบ ทั้งๆที่คนอื่นๆเค้ากินกันเกือบทั้งโลก จากคุณ : อาจารย์แมว - [ 9 พ.ย. 49 09:28:50 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทำไมมุสลิมไม่กินหมูก็คือพระเจ้าสั่งห้าม และสิ่งที่พระเจ้าสั่งห้ามก็ย่อมเป็นประโยชน์แก่มนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งในบางเรื่องนั้นมนุษย์ก็ไม่รู้เหตุผลด้วยซ้ำ หรือในบางเรื่องมนุษย์ก็สามารถค้นพบหาเหตุผลได้ด้วยกระบวนการศึกษาธรรมชาติหรือที่เรียกว่าวิทยาศาสตร์   ยุคปัจจุบันมีการใช้กล้องจุลทรรศน์ส่องดูเนื้อสัตว์ก็พบว่าเนื้อสัตว์ทุกชนิดมีพยาธิตัวเล็กๆที่ตามนุษย์มองไม่เห็นอยู่มากน้อยต่างกันไป แต่ในเนื้อหมูมีพยาธิบางชนิดซึ่งมีเกราะที่เกิดจากไขมันในเนื้อหมูห่อหุ้มมันอยู่ ซึ่งความร้อนจากการหุงต้มไม่สามารถทำลายมันได้  พยาธิเหล่านี้จะเข้าไปฝังอยู่ในร่างกายมนุษย์หลังจากที่กินเนื้อหมูเข้าไป และรอฟักตัวออกมาทำอันตรายร่างกายมนุษย์ เช่น ประสาทตาและประสาทสมอง เป็นต้น มุสลิมในยุคก่อนเขาไม่ทราบถึงเหตุผลเหล่านี้ แต่เขาน้อมรับและปฏิบัติตามข้อบัญญัติที่มาจากพระเจ้า และหมูเป็นสัตว์ที่น่ารังเกียจ(กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ของมัน)ซึ่งพระเจ้าระบุไว้ว่าเป็นสัตว์สกปรก(นะญิส) ก็เท่านั้น เพราะฉะนั้นไม่ใช่ว่ามุสลิมไม่กินหมูเพราะเหตุผลที่ว่าหมูมีพยาธิ ดังนั้นถึงแม้ในอนาคตจะสามารถทำให้เนื้อหมูปลอดจากพยาธิชนิดนี้ได้ หรือจะเลี้ยงหมูอย่างดีไม่ต้องให้กินขี้และนอนคลุกอยู่กับขี้ แต่มุสลิมก็จะยังคงไม่กินหมูอยู่ดีเนื่องจากเป็นสิ่งที่พระเจ้าบัญญัติห้าม   ...แล้วถามว่าทำไมต้องห้ามน่ะหรือ? ก็เนื่องจากเป็นการพิสูจน์ความศรัทธาครับ มนุษย์ที่ศรัทธาในพระเจ้าเขาก็จะน้อมรับกฎระเบียบที่พระเจ้าบัญญัติไว้ เขาจะไม่กินตามปากอยาก แต่เขาจะเลือกกินโดยพิจารณาว่าพระเจ้าอนุญาตให้กินหรือไม่ ...และอาจมีบางคนตั้งคำถามว่า ในเมื่อไม่ให้กินหมูแล้วพระเจ้าจะสร้างหมูมาทำไม? คืออย่างนี้ พระเจ้าสร้างสิ่งมีชีวิตมาหลากหลายชนิด แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ทุกชนิด จะถูกสร้างมาเพื่อเป็นอาหารสำหรับมนุษย์ สัตว์บางชนิดเกิดมาเพื่อรักษาความสมดุลของระบบนิเวศน์ สัตว์บางชนิดถูกสร้างมาเพื่อกินสัตว์กินพืช ไม่เช่นนั้นแล้วสัตว์กินพืชก็จะกินใบไม้หมดป่า ซึ่งป่าไม้และพืชนั้นก็ทำหน้าที่ซับน้ำ, ผลิตออกซิเจน, รักษาชั้นบรรยากาศของโลก และยังเป็นอาหารให้มนุษย์ด้วย ทำนองนี้เป็นต้น  ดังนั้นเราจึงต้องเลือกครับว่าสิ่งใดพระเจ้าอนุญาตให้กิน สิ่งใดพระเจ้าไม่อนุญาตให้กิน ซึ่งในเรื่องของอาหารแล้ว สิ่งใดที่พระเจ้าไม่ได้บัญญัติห้ามสิ่งนั้นถือว่าอนุญาตให้กินได้โดยปริยาย ส่วนสิ่งอื่นที่พระเจ้าบัญญัติห้ามกิน ได้แก่ 1.)สิ่งมึนเมาทุกชนิด 2.)เลือด  3.)สัตว์บกที่ตายโดยไม่ได้ถูกเชือด 4.)สัตว์บกที่ไม่ได้กล่าวนามพระเจ้าขณะเชือด 5.)สัตว์บกที่ใช้กรงเล็บหรือเขี้ยวล่าสัตว์กินเป็นอาหาร 6.)เนื้อลา 7.)สัตว์ที่พระเจ้าระบุว่าเป็นสิ่งสกปรกน่ารังเกียจ(นะญิส) เช่น หมา 8.)อาหารใดก็ตามที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม เช่นขโมยมา หรือซื้อมาด้วยทรัพย์สินที่ได้มาโดยผิดหลักการศาสนา (เช่นเงินดอกเบี้ย เป็นต้น)  ซึ่งทั้งหมดถูกบัญญัติในอัล-กุรอานและหะดีษทั้งสิ้น  ..และนอกจากสิ่งที่กล่าวมาแล้วนี้รวมทั้งสัตว์น้ำทั้งหมดก็เป็นที่อนุญาตให้กินได้ จากคุณ : ไม่กินแล้วจะทำไม (Kala99) - [ 9 พ.ย. 49 09:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 อะไรที่มาจากทางมุสลิม มันก็จะเป็นประเด็นร้อนหนะครับคุณ แมวเก้าแต้ม อย่าไปว่าเค้าเลย จากคุณ : jordanKNIGHT - [ 9 พ.ย. 49 09:58:10 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ก็พระเจ้าห้ามก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ หมู อาจจะ ดี หรือไม่ดีผมไม่ทราบ แต่ในฐานะผู้ศรัทธา การที่เจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง ห้ามเรื่องใด ผมก็ต้องไม่ทำอันนั้น ถึงหมูจะวิเศษขนาดกินแล้ว อายุยืนสิบปี แต่ไม่มีประโยชน์ เพราะจุดมุ่งหมายของมุสลิม ไม่ได้มองแค่ปัจจุบัน เราเล็งเห็นแล้วว่า โลกนี้คือทางผ่าน เพื่อไปสู่โลกหน้าที่ถาวร ก็แค่อายุยืนแต่มันทำให้โลกหน้าลำบากก็ไม่คุ้ม ดังนั้น ถ้าการห้ามจากหมู เป็นบทบัญญัติผมก็ถือว่านั่นเป็นการทดสอบ ทั้งทางการ และจิตใจให้เข้มแข็งครับ และผมต้องทำหน้าที่ด้วยการผ่านการทดสอบนี้ไปให้ได้ ถือเป็นการฝึกตนอย่างหนึ่งก็ได้ ว่าจะมีสติมี การละเว้นสิ่งต้องห้ามได้มั๊ย ไม่ใช่อยากก็อะไรก็ซัดแหลกแบบนั้น การที่ปฏิบัติตามเฉพาะที่ถูกใจ แต่ถ้าอยากกินอะไรก็หาคำอ้างมาเพื่อจะกิน เช่นล้าสมัยแล้ว หรือทำไปเพื่อเข้าสังคม แบบนี้ ไม่ใช่การใช้ปัญญานะครับ แบบนี้ เรียกว่าตะแบง เพราะอิสลามไม่ได้บังคับให้รับเชื่อ ก่อนจะรับอิสลามก็ต้องพิจารณาแล้วว่าพระเจ้ามีจริงมั๊ย คำสอนมาจากพระเจ้าจริงมั๊ย ถ้าเห็นว่าจริงก็ มารับศาสนา จากนั้น ก็ปฏิบัติตามคำสอนไปครับ ค้นหาว่าคำสอนสอนแบบนี้ประโยชน์อยู่ตรงไหน แต่ไม่ใช่โต้แย้ง ทำตนไม่เห็นด้วย เพราะถ้าทำแบบนั้นก็เท่ากับ อธรรมกับตนเองแล้วเนื่องจาก ให้โอกาสพิจารณาแล้วว่า พระเจ้ามีจริงไหม และยอมรับแล้ว ถ้ายังไม่เห็นด้วยก็เท่ากับ ปฏิเสธพระเจ้านะครับ เป็นการทำตนว่าเก่งเหนือพระเจ้าถึงกล้าละเมิดคำสอน เรื่องแบบนี้มันต้องพิจารณาลึกๆ ครับ จากคุณ : Carroth - [ 9 พ.ย. 49 12:16:11 ]

ความคิดเห็นที่ 59 คนสมัยใหม่ คนทันสมัย.....ไม่กิน หมูมูมูมูมู......... อยากเป็นคนทันสมัย คนสมัยใหม่ ต้องไม่กินหมูนะครับ...อิอิ อ้าว...คัท คัท โฆษณาของคนรุ่นใหม่..... จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกนี้ - [ 9 พ.ย. 49 14:13:15 ]

ความคิดเห็นที่ 60 อ่านมาเรื่อยๆ  ถึง คห.24 แล้วตลกดี "มีความสามารถในการสรรหาเรื่องขี้ปะติ๋วมาทะเลาะกัน" ก็เพราะความสามารถอย่างนี้แหละ ห้องนี้ถึงมีสีสันกะเค้ามั่ง  ก็เลือกๆ เอาละกัน เรื่องที่มีประโยชน์ก็มี เรื่องไร้สาระก็มี  เรื่องตลกๆ ก็มี จากคุณ : ขนมสด - [ 9 พ.ย. 49 15:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ยังไม่มีใครมาตอบได้เลยครับ เเบบชัดเจน - - คนอืสลามกินผักมั้ยครับ - ผักรดด้วยขี้นะครับ ขี้คนแท้ๆ แต่มีมั้ยครับ ที่คนเลี้ยงหมูด้วยขี้คน - - อยากรู้ว่าจะแยกแยะยังไงครับว่าผักที่ไหนไม่รดด้วยขี้มนุษย์ - หรืออิสลามต้องปลูกผักกินเอง(อันนี้ไม่ทราบจริงๆ) - -เพราะถ้าซื้อผักกิน ก็ฟันธงว่า อิสลามสกปรกแน่นอน เพราะผักก็ราดด้วยขี้มนุษย์ -หรือพระเจ้าไม่ได้บอกว่าผักที่รดด้วยขี้สกปรกครับ จากคุณ : อาจารย์แมว - [ 9 พ.ย. 49 16:27:06 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมว่า..ไม่กินหมูเพราะพระเจ้าสั่งห้ามไว้ ยังดูมีเหตุผลกว่า ไม่กินหมูเพราะมันสกปรก จากคุณ : NO goD  - [ 9 พ.ย. 49 12:43:15 ] ------------------------------------------------- เพราะเป็นเรื่องของมุสลิมไงค่ะ ถ้าแค่ตอบว่าเพราะพระเจ้าห้าม เดี๋ยวก็ต้องมาถามว่าห้ามทำไม แล้วก็พูดอีกว่า อิสลามห้ามถาม  ห้ามสงสัย เป็นงั้นไป พอบอกเหตุผลก็บอกว่าแค่พระเจ้าสั่งห้ามก็มีเหตุผลแล้ว ตกลงว่า พวกคุณต้องการอะไรจากคำถาม แล้วคำตอบแบบไหนค่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ จากคุณ : nan_utd - [ 9 พ.ย. 49 17:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อาจารย์ภาควิศวกรรมเคมีนับถือพุทธยังบอกเหมือนกันเลย ว่ามีเชื้อโรคเยอะ และ สกปรก แต่เขาก็กิน....มันก็เรื่องของเขา หมอก็รู้ว่าสูบบุหรี่ไม่ดีแต่ก็ยังสูบ... มันก็เรื่องของเขาอีกนั่นแหละ ไอ ม้าย กิน หมู ... มันก็เรื่องของไอ ถึงคุณจะเอาอะไรมาเปรียบกะอาหารที่พวกเรากินได้ มันก็เรื่องของคุณ ตู จา กีน ... จากคุณ : Daffie - [ 9 พ.ย. 49 20:45:34 ]

ความคิดเห็นที่ 64 พระธรรมคำสอนดั้งเดิมทุกศาสนากล่าวว่า ผู้ใดที่มีเลือดเนื้อของชีวิตผู้อื่นติดกายสังขารผู้นั้นจะไม่เข้าถึงนิพพาน(สวรรค์ อัลเลาะห์) แต่เพราะมนุษย์เปลี่ยนไป คิดเข้าข้างตนเอง เห็นแก่ตัวการกินเนื้อจึงมีมากขึ้นจนกลายเปนเรื่องปกติในโลกปัจจุบัน แท้ที่จริงแล้วเปนเรื่องผิดศีลเช่นกัน จากคุณ : i guess i need u - [ 9 พ.ย. 49 21:59:04 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ความคิดเห็นที่ 3 ------------------------------------ หากวิทยาศาสตร์เจริญก้าวหน้าสูงสุดยอด ผมขอแนะนำแหล่งโปรตีนที่สำคัญ เพาะพันธุ์ง่าย ทนทานต่อสภาพแวดล้อม เรามาทำฟาร์มแมลงสาบกินกันเถอะครับ... ------------------------------------ ผิดแล้วครับ แมลงสาบไม่มีอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็น โปรตีนที่คุ้มค่าขนาดนั้น สิ่งที่น่าจะเป็นที่สุดคือการทำ ฟาร์มยีสต์ และสาหร่ายเซลเดียว และสาหร่ายหลายเซล เพื่อเป็นอาหารต่างหากครับ.. อีกอย่างหนึ่งคือ ถ้าจะต้องสังเคราะห์เนื้อสัตว์ขนาดนั้น น่า จะเป็นการวิจัยเพื่อเลี้ยงเซลในถังขนาดใหญ่ มากกว่าเป็น สัตว์เป็นๆครับ จริงๆไม่ต้องรอความก้าวหน้าที่มากกว่านี้หรอก ตอนนี้ทำ ได้มานานแล้ว ถ้าคุณตามข่าว แต่มันไม่คุ้มทุนเท่านั้นละ ครับ ปัจจุบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ถูกคุมด้วยพวกนัก ธุรกิจ นักเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง นักการตลาดอีกที ครับ นักวิทยาศาสตร์เอง ซึ่งเป็นผู้รับทุนเขามา ไม่มีอิสระ ในการกระดิกกระเดี้ยไปไหนได้สักเท่าไรหรอกครับ ก็คน หาเช้ากินค่ำเหมือนกันนั่นแหละ จากคุณ : DigiTaL-KRASH!!! - [ 10 พ.ย. 49 00:05:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ไก่บ้านก็กินหนอนที่ขึ้นตามซากศพหรือพวกไส้เดือนและแมลงที่กินซากสัตว์ ขี้ไก่ก็มีพวกหนอน ไก่บ้านก็ไปคุ้ยขี้ไก่หาหนอนกิน มุสลิมกินไก่บ้านได้ป่ะ หรือ ต้องกินไก่ CP และ ฮาลาล เท่านั้นถึงจะปลอดภัยที่สุดเพราะเลี้ยงด้วยรำข้าวหรือกากถั่ว แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 49 03:24:43 แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 49 03:24:08 จากคุณ : ยิ้มใส - [ 10 พ.ย. 49 03:21:25 ]

ความคิดเห็นที่ 67 เออนะ...คิดได้ไง มีใครฉีกน่องไก่แล้วเจอซากศพมั่งหละ แล้วมีใครกัดต้นคะน้าแล้วเจอขี้ไหมละ จากคุณ : Daffie - [ 10 พ.ย. 49 11:15:20 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ^ ^ ^ ^ ^ แปลกใจค่ะ สำหรับจขกท. ก็ได้ทราบไปแล้วว่าทำไมมุสลิมถึงไม่กินหมู แต่คุณยิ้มใส นี่ต้องการเถียงเพื่ออะไรคะ งง เข้ามาหารับทราบความรู้จากอิสลาม หรือเข้ามาหาเรื่องคะ จากคุณ : Kala99 - [ 10 พ.ย. 49 11:20:39 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ถามเอาความรู้ง่ะ ไม่ได้หาเรื่อง เห็นวินิจฉัยว่า สัตว์ที่กินของสกปรก มุสลิมจะไม่กิน แต่นิสัยของสัตว์ถ้าไม่ได้เลี้ยงในระบบ มันก็กินของสกปรกอยู่แล้ว ที่ถามนี่คือสงสัย เพื่อหาความรู้ ถ้าถามหาเรื่อง เราจะถามว่า ถ้าพระเจ้าทรงอำนาจจริงๆ บันดาลทุกสิ่งได้ ทำไมไม่สร้างให้โลกนี้มีแต่มุสลิม ไม่ต้องสร้างหมู จะได้ไม่ต้องสั่งไม่ให้มนุษย์กินหมู สร้างให้มนุษย์เป็นคนดี จะได้ไม่ต้องสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี แบบนี้ น่าจะเรียกว่า ถามหาเรื่องน่ะ ซึ่งเราไม่ถามหรอก คำถามแบบนี้ เพราะ คุณตอบไม่ได้ และ คุณห้ามถาม อันนี้เรารู้อยู่แล้วอ่ะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 49 11:52:01 จากคุณ : ยิ้มใส - [ 10 พ.ย. 49 11:47:57 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ความคิดเห็นที่ 69   ถามเอาความรู้ง่ะ ไม่ได้หาเรื่อง เห็นวินิจฉัยว่า สัตว์ที่กินของสกปรก มุสลิมจะไม่กิน แต่นิสัยของสัตว์ถ้าไม่ได้เลี้ยงในระบบ มันก็กินของสกปรกอยู่แล้ว ที่ถามนี่คือสงสัย เพื่อหาความรู้ ถ้าถามหาเรื่อง เราจะถามว่า ถ้าพระเจ้าทรงอำนาจจริงๆ บันดาลทุกสิ่งได้ ทำไมไม่สร้างให้โลกนี้มีแต่มุสลิม ไม่ต้องสร้างหมู จะได้ไม่ต้องสั่งไม่ให้มนุษย์กินหมู สร้างให้มนุษย์เป็นคนดี จะได้ไม่ต้องสอนมนุษย์ให้เป็นคนดี แบบนี้ น่าจะเรียกว่า ถามหาเรื่องน่ะ ซึ่งเราไม่ถามหรอก คำถามแบบนี้ เพราะ คุณตอบไม่ได้ และ คุณห้ามถาม อันนี้เรารู้อยู่แล้วอ่ะ แก้ไขเมื่อ 10 พ.ย. 49 11:52:01 จากคุณ : ยิ้มใส  - [ 10 พ.ย. 49 11:47:57 ] ------------ ถ้าเป็นอย่างนี้จริง คงน่าเบื่อ และก็ไม่มีใครมาถาม หรือตอบในห้องนี้หรอกค่ะ จากคุณ : Kala99 - [ 10 พ.ย. 49 12:05:39 ]

ความคิดเห็นที่ 71 มนุษย์มีความต้องการที่ไม่มีวันสิ้นสุดจริงๆ จากคุณ : nan_utd - [ 10 พ.ย. 49 12:17:57 ]

ความคิดเห็นที่ 72 อยากจะตอบทุกความเห็นที่บอกว่า ไม่กินหมูก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนได้ด้วย ว่า.. น้าแอ๊ดไม่เชื่อในพระเจ้า ก็ทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นไฟได้เหมือนกัน จากคุณ : idolation - [ 11 พ.ย. 49 11:43:28 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ^ ^ ถ้า อ่วม คาราบวม ไม่เชื่อว่ามีพระเจ้าก้ไม่มีใครว่าอะไร แต่ อ่วม คาราบวม นำมาอ้างอิงเรื่องอื่นๆอีก ไปอ่านบทความที่ นายอ่วม ให้สัมภาษณ์มาก่อนนะ อิอิ 555 อ้อ..อ้อ..มีอยู่กระทู้ข้างล่างอะ Y4850339 จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกนี้ - [ 11 พ.ย. 49 21:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 74 อาจารย์แมว ถามว่า >>> ยังไม่มีใครมาตอบได้เลยครับ เเบบชัดเจน >>> คนอืสลามกินผักมั้ยครับ มาตอบแล้วนะ 1 กินผักสิ >>> ผักรดด้วยขี้นะครับ ขี้คนแท้ๆ >>> แต่มีมั้ยครับ ที่คนเลี้ยงหมูด้วยขี้คน มาตอบแล้วนะ 2 ผักมันกินขี้ยังไง อธิบายหน่อย มันมีฟันเรอะไง แต่หมูอ่ะมันกินขี้ตัวเองแล้วเคี้ยวด้วยนะคับ >>> อยากรู้ว่าจะแยกแยะยังไงครับว่าผักที่ไหนไม่รดด้วยขี้มนุษย์ >>> หรืออิสลามต้องปลูกผักกินเอง(อันนี้ไม่ทราบจริงๆ) >>> เพราะถ้าซื้อผักกิน ก็ฟันธงว่า อิสลามสกปรกแน่นอน เพราะผักก็ราดด้วยขี้มนุษย์ >>> หรือพระเจ้าไม่ได้บอกว่าผักที่รดด้วยขี้สกปรกครับ สรุปแล้วมันเคี้ยวขี้ยังไงอ่ะ อยากรู้ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ 12 พ.ย. 49 05:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ผมมีเพื่อนเป็นอิสลามหลายคน  เวลาออกทริปต่างประเทศ บางแห่งไม่มีเนื้ออย่างอื่นนอกจากเนื้อหมู  ผมจะเป็นคนสั่ง อาหารเอง  แล้วพวกเราก็กินด้วยกัน ผมก็ไม่ได้บอกพวกเขาว่าเป็นเนื้ออะไร  เขาก็ไม่ถามผมว่าเป็นเนื้ออะไร ต่างคนต่างกิน  กินอิ่มแล้วก็ออกจากร้านไป ไม่มีการถามเรื่องอาหารว่าเป็นเนื้ออะไร   ก็สบายดีครับ พวกเขาก็กินง่าย ผมก็ไม่ปวดหัวเลือกร้านอาหาร จากคุณ : p_warat - [ 12 พ.ย. 49 14:26:26 ]

ความคิดเห็นที่ 76 เราอยู่เมืองแขก อาจารย์เป็นแขกมุสลิม อาจารย์บอกว่า ถ้าจะถามว่า ทำไมมุสลิมไม่กินหมู ก็ต้องตอบว่า เพราะพวกเค้าไม่กิน!! นักเรียนก็นั่งงง แล้วอาจารย์ก็บอกว่า หากใช้กล้องจุลทรรศน์มาส่องดูเนื้อหมู จะเห็นเชื้อโรคมากมาย สกปรกมาก... ฟังตอนนั้นก็นึกค้านอยู่ในใจ ว่าสัตว์ประเภทอื่นไม่มีเชื้อโรคเหรอ? --------------------------- แต่ไม่เป็นไร หากเค้าไม่กินหมู ไม่กินลิง ไม่กินผัก มันก็เป็นเรื่องของเค้า เรามีชีวิตอยู่ร่วมกัน แบ่งปันกัน... ก็โอเคนะคะ ^___^ จากคุณ : มะเขือเทศน้อย - [ 14 พ.ย. 49 17:45:02 ]