ความคิดเห็นที่ 20
คุณ แอร์ ครับ ข้อมูลผมมั่วตรงไหนครับ งง
ฮาเร็มที่ชาวโลกรู้จักและเข้าใจไม่ใช่เป็นวังหลวงนะครับ ที่ห้ามผู้ชายเข้า มีพระญาติอยู่ในวัง แล้วมีข้าราชบริภารหญิงอยู่ .....อันนั้นผมก็รู้ครับ พื้นที่ที่ห้ามผู้ชายภายนอกเข้าไป ของไทยก็มีเป็นวังของมเหสี หรือ ราชธิดา เท่านั้น แม้แต่ทหารก็เป็นหญิง นั่นก็คือเพื่อป้องกันผู้ชายอื่นครับ
แต่ฮาเร็มของจริงๆ(ในประวัติศาสตร์) ก็คือ สถาณที่ที่มีไว้สำหรับ ผู้ครอบครอง เสาะหาหญิงสาวมาไว้ที่เดียวกัน จากทั่วสารทิศ เอาไว้เพื่ออะไร ผมคงไม่ต้องอธิบายครับ มันคนละเรื่องกับ วังหลวง นะครับ
เรื่องนี้ ไปหาในกูเกิ้ลหรือวิกิฯ ก็ได้ครับว่า ฮาเร็ม แปลว่าอะไร และ ในประวิติศาตร์โลกจารึกไว้ว่า ฮาเร็ม ไว้ทำอะไร
ดูจากวิกิพีเดีย ก็คือ สถาณที่ที่ ผู้ครอบครอง มีไว้ให้เมียหรือ ญาติผู้หญิง และ ลูกชายที่อายุไม่เกิน 16 ปีอาศัยอยู่ ถ้าเกินแล้วก็ให้ออกไปข้างนอก (ออกไปเพื่ออะไร ทำไมไม่ให้อยู่ต่อ ลองไปคิดดูต่อ) แล้วผู้หญิงที่เข้ามาอยู่ ก็มาจากการไปหามาจากข้างนอก ไม่ว่าจะวิธีใดๆ ก็ตาม ซื้อมา,รบชนะยึดมา,สมัครใจเข้ามา ฯลฯ
แต่ที่แน่ๆ เป็นสถานที่ห้ามผู้ชายคนอื่นอยู่ ยกเว้น สุลต่าน แม้แต่ลูกตัวเองที่เป็นผู้ชายก็ห้ามเข้า แบบนี้ไม่ใช่วังแล้วครับ เป็น ฮาเร็ม จริงๆ ถ้าใครได้ดู อเล็กซานเดอร์ ตอนบุกกรุงบาบิโลนของ กษัตริย์ดาริอุส ก็จะเห็นฮาเร็มอยู่ครับ
http://en.wikipedia.org/wiki/Harem
ข้อความบางส่วนครับ
It is claimed that harems existed in Persia under the Ancient Achaemenids and later Iranian dynasties (The Sassanid Chosroes II reportedly had a harem of 3,000 wives, as well as 12,000 female slaves) and lasted well into the Qajar dynasty. The women of the royal harem played important though underreported roles in Iranian history, especially during the Iranian Constitutional Revolution. However this claim is disputed by some Persian historians
ช่วงประโยคนี้กล่าวคร่าวๆว่า สุลต่าน คนนี้ มีภรรยา 3000 คน ทาสหญิงอีก 12,000 คน ครับ ถ้าฮาเร็มมีไว้เพื่อให้ญาติตัวเองอยู่ จะบันทึกทำไมว่ามี ภรรยา 3 พัน บอกว่ามีแค่ 4 ก็พอครับ ที่เหลือเป็นทาสหมด แต่ทาสทำไมต้องเป็นหญิงทั้งหมด ทำไมต้องไล่ลูกชายที่อายุเกิน 16 ออก.......
จับประเด็นเหล่านี้มารวมๆกัน ก็มองออกแล้วครับ ว่าฮาเร็ม มีไว้ทำอะไร
While some Muslims assert that Islam never proscribes the use of harems, and that they (re)emerged rather as part of Ottoman culture, the institution pre-dates Islam and even Christianity (obviously under other names), but the Prophet Muhammad and his followers practiced slavery, accumulating women (and prisoners of war) as war booty. The Qur'an allots these captured women, married or not, as property "of the right hand," and calls sexual relations with them halal (lawful) as a mean of setting the woman free[2]; while they were not always kept in harem-style sections of the household, the tradition existed from the start in Islamic slavery, which was an improvement on ancient slavery, more akin to the fate of a domestic servant in feudal Europe
ส่วนประโยคนี้แปลไม่แตกเท่าไหร่ครับ รบกวนผู้ชำนาญแปลให้ด้วยครับ
ผมมิได้โจมตีศาสนา เพียงแค่ถามเรื่อง ผู้นำหลายๆคน ทำไมกล้าทำผิดได้อย่างหน้าตาเฉย เหมือนเป็นเรื่องปรกติ
ส่วนคุณ ชวลิต คห.12 ครับ..... ถ้าเมืองพุทธ กษัตริย์ ฆ่าคนเป็นว่าเล่น(ทำผิดศีล) ชาวเมืองจะไม่ก่อกบฏยึดอำนาจหรือครับ ไปดูประวัติไทย ก็มีอยู่ถมเถไปเรื่อง กษัตริย์ โดนยึดอำนาจเพราะไม่ตั้งตนอยู่ในศีลธรรม
เพราะในพุทธ ก็กล่าวไว้แล้วว่า กษัตริย์ ต้องอยู่ใน ทศพิศราชธรรม ไม่งั้นก็จะโดนยึดอำนาจจากประชาชน
หรือคุณชวลิตจะบอกว่า ผู้นำของอิสลาม ทำอะไรก็ได้ ที่ผิดจากศาสนาไปเลยเถิด ในขณะที่ชาวบ้านอยู่ในศาสนาอย่างเคร่งครัด ...........
โต้แย้งกันด้วยเหตุผลครับ.....
จากคุณ :
น้ำปลาเดือนห้า
- [
13 ธ.ค. 49 16:09:49
]
|
|
|