ความคิดเห็นที่ 8
ก็ข้ออื่นๆ (๒ ๓ -๑๑) นั้น
..ถ้ามีสัมมาทิฏฐิในองค์มรรคแล้ว ก็เป็นอันว่า ย่อมตรงกันข้าม กับที่เสนอว่า ..>>> ไม่ทั้งนั้น มีบางพวกซึ่งแม้จะปฏิบัติดีสักเท่าไร ก็ไม่มีโอกาสที่จะได้บรรลุ
............มิใช่หรือครับ
คุณปราชญ์ขยะ กระทำในใจอย่างไรอยู่ครับ เมื่อผัสสะ ที่ผมเสนอในคคห 6 จึง ปรุงแต่งให้เกิด ข้อความใน คคห 7 โดยเฉพาะตรง ..คุณโชตินี่ในใจคิดอะไรอยู่น้า...:)
คุณปราชญ์ขยะ นั่นแหละครับ กำลัง ???? อะไรอยู่ เมื่อเสนอว่า..พิจารณาให้ดี ข้ออื่นมีนัยะสำคัญทั้งนั้น เพราะต่อให้มีสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นบุคคลในข้อ ๓ , ๖ , ๗ , ๘ ก็ไม่สามารถบรรลุได้
แสดงว่า สัมมาทิฏฐิ ที่คุณปราชญ์ขยะ กำหนด ต่างกับ ที่ผมเสนอ+อ้าง..เอาแค่ข้อนี้ข้อเดียวก็พอ เพราะตรัสว่า สัมมาทิฏฐิในองค์มรรค เป็นอรุณรุ่ง ที่ต้องตามมาด้วยเที่ยงวัน (คือ บรรลุมรรคผล ขั้นสูง)
ผมเสนอ สัมมาทิฏฐิในองค์มรรค นะครับ ไม่ใช่ สัมมาทิฏฐิเฉยๆ ตามที่คุณปราชญ์ขยะ เสนอ (เพราะต่อให้มีสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นบุคคลในข้อ ๓ , ๖ , ๗ , ๘ ก็ไม่สามารถบรรลุได้ )
เห็นความต่างไหมครับ ผมเสนอว่า จะกี่ข้อมันอยู่ที่สัมมาทิฏฐิในองค์มรรค คุณเสนอว่า จะเอากี่ข้อ มันไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้นะ...ขอรับ
เห็นความต่างไหมครับ (ตรง ...เพราะต่อให้มีสัมมาทิฏฐิ แต่เป็นบุคคลในข้อ ๓ , ๖ , ๗ , ๘ ก็ไม่สามารถบรรลุได้)
เห็นความต่างแล้วนะครับ
จากคุณ :
เซนเถรวาท (F=9b)
- [
วันสิ้นปี 00:30:35
]
|
|
|