ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าผิดต้องขออภัยนะครับ เท่าที่ทราบ ถ้าจะหย่า แยกเป็น 2 กรณี 1. ถ้าฝ่ายหญิงบอกเลิก ให้บอกกับฝ่ายชาย 3 ครั้ง ถึงจะเลิกได้ 2.ถ้าฝ่ายชายบอกเลิกก็เลิกได้เลยไม่ต้องครบ 3 ครั้ง จากคุณ : CariPo - [ 30 ธ.ค. 49 13:57:56 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ++++ฟังดูเหมือนจะเอาเปรียบ ฝ่ายหญิงจังเลยนะคะ++++ จากคุณ : รักหนุ่มเวียงจัน - [ 30 ธ.ค. 49 15:06:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เรื่องการหย่า เป็นเรื่องทางรัฐศาสตร์อิสลาม ซึ่งมีความละเอียดอ่อนมากครับรอผูรู้ดีกว่า แต่ถ้าผมหาได้จะเอามาให้...หรือท่านใดหาได้ก่อนก็นำมาได้เลยครับ จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกนี้ - [ 30 ธ.ค. 49 19:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ตอบป้ากบ ข้อ1. ผมไม่ทราบ รายละเอียด (รอผู้รู้มาตอบ) 2. งานประเพณีท้องถิ่น ที่ไม่ขัดกับหลักศาสนาสามารถร่วมได้ครับ 3. การทำร้ายผู้อื่นผิดหลักศาสนาเต็มๆเลยครับ ไม่มีกรณีไหน แต่มันคนละประเด็นกับสภาวะสงคราม ซึ่งมีกฎหลักๆที่ค่อนข้างเคร่งครัดซึ่งพอจะนึกได้บางข้อเช่น -ห้ามทำร้ายนักบวชไม่ว่าศาสนาใดก็ตาม -ห้ามทำลายศาสนสถานและสิ่งปลูกสร้าง -ห้ามทำลายต้นไม้ -ห้ามทำร้ายเด็ก สตรี และเชลยศึก ปล.ป้ากบถามมุสลิม ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม กรุณาอยู่ เฉยๆครับ (ด้วยความเครพ) แก้ไขเมื่อ 30 ธ.ค. 49 19:26:06 จากคุณ : Air Nanas - [ 30 ธ.ค. 49 19:24:55 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณมากนะคะ ป้ากบยังรออยู่นะคะ จากคุณ : ป้ากบ - [ 30 ธ.ค. 49 21:35:39 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ได้หาว่าบิดเบือนนะคะแต่กำลังสงสัยว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นผู้หญิงมุสลิมถึงยอมคะ ไม่นาจะเป็นไปได้สงสัยว่าคงมีบางสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจน่ะค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 08:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 9 คุณสมพรกรุณาบอกชื่อหนังสือและร้านที่พอจะหาซื้อได้ให้ป้ากบหน่อยซิคะ เอาที่อ่านเข้าใจง่ายๆนะคะ ที่ห้องสมุดอ่านไม่ค่อยเข้าใจเลยค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 08:21:04 ]

ความคิดเห็นที่ 12 การแต่งงานมิสยาร์ซึ่งเหมือนภรรยาเช่า เป็นอย่างไรคะ กรุณาเล่าให้ป้ากบฟังจะได้มั้ยคะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 10:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณสมพรกรุณาอธิบายให้ชัดกว่านี้ได้มั้ยคะ ป้ากบตามไม่ทันค่ะเอาเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายกว่านี้ได้มั้ยคะ ป้ากบงงค่ะ ทำไมมีการแต่งงานหลายแบบจัง แล้วคนปกติทำเช่นนี้ได้หรือเปล่าคะ ขอบคุณนะคะที่กรุณา จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 13:25:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 หมายความว่าการแต่งงานมี2แบบ 1.มุตอะฮ, คือแบบที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิอะไร และคงสภาพจนกว่าฝายชายจะบอกเลิก สามารถมีกี่คนก็ได้หรือคะ 2.มิสยาร์ คือแบบการแต่งงานปกติใช่มั้ยคะ และมีได้ไม่เกิน4ใช่มั้ยคะ เป็นเช่นนี้จริงๆหรือคะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 13:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ... ขอความสันติสุขจงมีแด่ป้ากบครับ ... ๑. มุตอะฮ์ เป็นการแต่งงานที่ต้องห้ามครับ หมายถึง การที่สองฝ่ายได้วางเงื่อนไขไว้ก่อนแต่งงานว่า "หากวันนั้น วันนี้มาถึง หรือ หากเป็นอย่างนั้น อย่างนี้ขึ้น เราจะแยกทางกัน" คล้ายๆกับภรรยาเช่าแบบเติมเงินสมัยนี้น่ะครับ ท่านนบีเคยให้อนุญาตไว้ครั้งหนึ่งในสงครามที่คอยบัรเฉพาะแก่ผู้ที่เข้าร่วม แต่เป็นการอนุญาตแบบชั่วคราว เมื่อหมดศึกครั้งนั้นแล้ว ท่านได้ยกเลิกข้ออนุญาตนั้นเสีย (นาซิค มันซูค) ๒. เป็นการแต่งงานที่ต้องห้ามเช่นกัน แต่รูปแบบแตกต่างออกไป คือ สามีจะไม่จ่ายค่าเลี้ยงดูให้แก่ภรรยา แต่สามารถหลับนอนร่วมกับเธอได้ เป็นภรรยาแบบเติมเงินอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเองครับ ...การแต่งงานทั้งสองแบบ ถือเป็นโมฆะทั้งคู่... .......................... ที่ค้างไว้จากต้นกระทู้ครับ ๑. การหย่าของอิสลามมามารถทำได้โดยการตกลงกันทั้งสองฝ่ายครับ ไม่มีข้อห้ามเรื่องนี้ แต่ท่านนบีได้กล่าวถึงการหย่าว่า "ในบรรดาสิ่งที่อนุญาต เป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุด" มีวจนะบางบทกล่าวถึงการหย่าว่า "เมื่อสามีได้หย่าร้างกับภรรยาของเขา สมุนของซาตานทั้งหลายจะดีใจ บัลลังค์ของพระเจ้าสั่นสะเทือน" เมื่อมีปัญหา อิสลามสอนให้หันหน้าเข้าปรึกษากันก่อน ท่านนบีได้ให้คำตักเตือนแก่สาวกท่านหนึ่งเมื่อสาวกท่านนั้นต้องการหย่าภรรยาของเขาว่า "จงอยู่ร่วมกับนางเถิด หากท่านไม่ชอบบางสื่งจากนาง เป็นได้ว่าท่านชอบสิ่งที่เหลือทั้งหมดของนาง" อิสลามยกย่องคนที่ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างสามีภรรยาไว้ วจนะบทหนึ่งแสดงถึงข้ออนุญาตในการโกหกต่อสามี หรือภรรยาของบุคคลที่สาม ที่หวังไกล่เกลี่ยขอพิพาทของทั้งสอง ในขณะที่วจนะบทอื่นได้กล่าวห้ามอย่างชัดเจนถึงการโกหก(เพื่อหวังล่อลวงผู้อื่น) ... แต่เมื่อไม่สามรถปรับความเข้าใจกันได้แล้ว การหย่าจึงเป็นทางออกสุดท้ายครับ ... สิทธิการกล่าวคำหย่า(ศัพท์เทคนิกเรียกว่า "ฎอล๊าก") เป็นของฝ่ายชาย เนื่องจากเขาเองเป็นผู้กล่าวคำขอแต่งงาน(เรียกว่า "อีญ๊าบ-นิกะฮ์") อีกรูปแบบหนึ่งคือฝ่ายหญิงสามารถจ่ายเงินบางส่วนเพื่อให้ฝ่ายชายกล่าวคำหย่าออกมาได้(เรียกว่า "คุลูอ์") ถือเป็นการคืนค่าสินสอดแก่ฝ่ายชาย แต่ต้องไม่เกินครึ่งหนึ่งจากที่ฝ่ายชายให้ไว้ หลังการหย่า ภรรยาจะต้องรอให้ครบสามเดือน(การรอช่วงนี้เรียกว่า "อิดดะฮ์") เพื่อให้มดลูกของนางสะอาด ในระหว่างนี้ ฝ่ายชายจะต้องเลี้ยงดูฝ่ายหญิงเหมือนกับครั้งก่อนการหย่าทุกประการ ... หากฝ่ายหญิงตั้งครรถ์อยู่(การหย่าในระหง่าที่ภรรยาตั้งครรถ์ อิสลามถือเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ) ช่วงเวลาการรอจะเปลี่ยนเป็นหลังการคลอดบุตร จะเป็นกี่เดือน หรือกี่วันก็ตาม ... ด้วยจิตคาราวะครับ จากคุณ : SA Student - [ วันสิ้นปี 14:47:17 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ถ้าเป็นการหย่าที่ผู้หญิงไม่ต้องการหย่า แต่ผู้ชายต้องการหย่า ผู้ชายบอกเลิกก็ต้องหย่าหรือคะ.. แล้วลูกๆใครเป็นฝ่ายได้สิทธิในการเลี้ยงดูคะ ไม่ถามดีกว่าคุณกำลังพักผ่อนอยู่ไม่ใช่หรือคะ เอาไว้ปีใหม่ถ้าว่างค่อยตอบนะคะ เกรงใจจริงๆค่ะ    ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 15:05:31 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ข้าน้อยไม่ใช่มุสลิม แต่บ้านเดิมเคยอยู่ติดกับมุสลิม และยังมีเพื่อนเป็นมุสลิม ตามมาอ่านได้รับความรู้ความเข้าใจดี จึงขอคารวะ อาจารย์ทั้งหลายที่ตอบ       Happy New Year 2007 จากคุณ : NJ & อิกคิว - [ วันสิ้นปี 15:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 21 บ้านป้ากบอยู่ใกล้มัสยิสค่ะ เวลาป้ากบขับรถผ่านเด็กๆยังสาดน้ำใส่เลยค่ะ แต่ผู้ใหญ่นี่ไม่ทราบว่าเล่นหรือเปล่าไม่เคยเห็นค่ะ เคยถามเรื่องหลักศาสนากับครูฝึกว่ายน้ำก็ไม่เคยได้คำตอบที่เข้าใจได้เหมือนในห้องนี้ ครูฝึกบ่อกให้ไปถามโต๊ะครูป้ากบก็ไม่กล้าเราเป็นเด็กกลัวท่านจะดุเอา เข้ามาในนี้ได้ความรู้ดี จริงๆแล้วสังคมอย่างที่คุณสมพรกล่าวถึงยังหาได้แถวบ้านป้ากบค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 15:58:57 ]

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่องการหย่าเดี๋ยวเรามาคอยฟังคำตอบพร้อมกันนะคะ คุณSA student บอกป้ากบตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่ายังไม่ว่างต้องหลังปีใหม่ก่อน คอยก่อนนะคะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 16:06:34 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขอความสันติสุขจงประสบแด่ท่าน ขอให้รอผู้รอมาตอบจะดีกว่านะ  เดี๋ยวคุณป้ากบ จะเข้าใจอะไรผิดๆ ฝากถึงคุณสมพร ....หลักการยังไงก็เป็นหลักการ เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงใจคุณ หรือไม่เมคเซ๊นส์ก็เถอะ เราต้องยอมรับในหลักการ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกกันว่า "ความศรัทธา" ------------------------------------- อาภรณ์ที่มีเกียรติ ขออัลอฮฺจงชี้นำแนวทางที่ถูกต้องเที่ยงตรงด้วยเถิด จากคุณ : Hilal (hilal) - [ วันสิ้นปี 22:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ไม่ต้องห่วงค่ะป้ากบรอค่ะ รูปเด็กน่ารักจังค่ะ ขอบคุณค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันสิ้นปี 22:43:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขอความสันติสุขจงมีแด่ทุกท่าน ขออภัยป้ากบค่ะ ที่ปล่อยให้รอคำตอบนานๆ เนื่องจากช่วงนี้เป็น ช่วงอิดิ้ลฮัฏฮา ของมุสลิมทั่วโลก +กับ ปีใหม่ ที่หยุดยาวๆ ทุกท่านเลยหายจากหน้ากระทู้ ขอเพิ่มเติมจากท่าน SA ค่ะ การหย่า การหย่านั้น อิสลามไม่ส่งเสริมในการหย่า การหย่ามีเงื่อนไขหลายประการ เช่น ห้ามหย่าระหว่างมีครรภ์ มีประจำเดือน  ห้ามหย่าเมื่อมีอารมณ์โมโห โกรธ   ขาดสติ สัมปชัญญะ ละเมอ เช่นนี้ การหย่าใช้ไม่ได้และ ส่วนสามีนั้น  หากถูกบังคับให้ หย่ากับภรรยานั้น ก็เป็นโมฆะเช่นกัน การขอหย่านั้น โดยพื้นฐานของอิสลามไม่อนุญาตให้ภรรยาหย่าสามี หรือหากนางพูดคำว่าหย่าสามี ก็ถือว่าเป็นโมฆะ แต่ศาสนาก็อนุญาตให้ภรรยาขอยกเลิกการแต่งงานกับสามีของตนเองได้ แต่มีเงื่อนไขว่า สาเหตุที่จะขอยกเลิกการแต่งงานจะต้องเป็นเรื่องของศาสนาเท่านั้น เช่น สามีไม่มีความรับผิดชอบต่อครอบครัว,สามีไม่นมาซ, สามีทำซินา, สามีดื่มสุรา, สามีเล่นการพนัน หรือความผิดอื่นๆ เช่นนี้เราจึงขอยกเลิกการแต่งงานกับเขา และในกรณีที่ สามีไม่เคยส่งเสียเลี้ยงดู เลย(นะฟะเกาะฮฺ ) จำเป็นที่สามีต้องจ่ายชดใช้หากทำการหย่าด้วยค่ะ   งานประเพณี มุสลิมไม่สามารถร่วมงานประเพณีใดๆที่เกี่ยวข้องกับพิธีกรรมทางศาสนาอื่นได้   คำตอบคือ ท่านรสูลุลลอฮฺ กล่าวว่า  "บุคคลใดที่เลียนแบบชนกลุ่มใดเขาก็เยี่ยงชนกลุ่มนั้น" (บันทึกโดยอะหฺมัด)   สาเหตุเพราะว่า การร่วมกิจกรรมนั้นทำให้ห่างไกลจากหลักศาสนา และทำให้จิตใจไม่หนักแน่น  ไม่มีจุดยืนของศาสนา ทำให้ การปฏิบัติหลักศาสนาศรัทธาก็ อ่อนแอลงไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็จะออกห่างจากศาสนานั่นเอง   " สำหรับพวกท่านคือศาสนาของพวกท่าน และสำหรับฉัน คือศาสนา (ของฉัน)" (สูเราะฮฺอัลกาฟิรูน : 6) ฉะนั้นเรื่องการไปร่วมพิธีกรรมของต่างศาสนาจึงไม่อนุญาตสำหรับมุสลิม ส่วนกรณีที่เราไปเยี่ยมญาติพี่น้องของผู้ตาย (ซึ่งไม่ใช่มุสลิม) ไปปลอบใจเขา หรือใส่ซองให้แก่เขา เราสามารถกระทำได้เพราะนั่นถือว่าเป็นเรื่องสังคม ไม่ใช่เรื่องศาสนา แต่เรื่องเดียวเท่านั้นที่เรากระทำไม่ได้คือ การร่วมพิธีกรรม อะไรก็ตามที่เป็นพิธีกรรมของศาสนาอื่น นั่นไม่อนุญาตให้มุสลิมกระทำโดยเด็ดขาด ไม่ว่า ประเพณีนั้น จะสนุกสนานสาดน้ำ ลอยกระทง..... ดังนั้นวันรื่นเริง สนุกสนาน ของมุสลิมจะมีอยู่ด้วยกันแค่ 2 วัน คือ 1. อีดิ้ลฟิตรฺ และ อีดิ้ลอัฏฮา (ไทยกลาง เรียก อีดเล็ก,อีดใหญ่, มาลายูเรียก รายอเล็ก,รายอใหญ่ นั้นเอง ยังมีต่อ...... จากคุณ : นะ(รก) - [ วันปีใหม่ 11:34:55 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การทำร้ายผู้อื่น อัลกรุอาน (22:526) การอนุญาตให้ต่อสู้นั้น เฉพาะบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่ ไม่ว่าจะศึกสงคราม หรือเหตุการณ์ใดๆ อิสลามนั้น จะต้องไม่ระรานให้ผู้อื่นเดือนร้อน แต่ต้องรักษาไว้ ซึ่ง ความอดทน มารยาท และการมีน้ำใจ แต่อนุญาตให้ลุกมาเรียกสิทธิคืนได้ในกรณีที่ถูกกดขี่ ข่มเหง ตัวอย่างเช่น ** กรณีที่มีคนร้ายมาขโมยทรัพย์สินในบ้านของเรา โดยเขาเองก็ไม่มีอาวุธ เช่นนี้เมื่อเราเห็นเขาเราก็ยิงเขาทันที ถือว่าเป็นการฆ่าเกินกว่าเหตุ เช่นนี้ถือว่าผู้ยิงมีความผิดในแง่ของศาสนา เพราะเนื่องจากเขามิได้มาทำร้ายร่างกายของเรา หรือมิได้จะทำอันตรายเราจนถึงแก่ชีวิต ** หรือกรณีที่ผู้ขโมยมีอายุมากแล้วบุกเข้าบ้านเพื่อขโมยสิ่งของ แต่พอเราเห็นเขาเราก็ยิงเขาทันที ทั้งๆ ที่หากเราผลักเขา เขาก็ล้มแล้ว เช่นนี้หากเรายิงเขาเสียชีวิตก็ถือว่าเรากระทำเกินกว่าเหตุเช่นกัน ส่วนประเด็น อาทิเช่นเป็นโจรที่บุกเข้ามาปล้นทรัพย์สินในบ้านของเรา, ทำชำเราเมียและลูกสาวของเรา ซึ่งเราก็ต่อสู้ป้องกันตนเอง และคนในครอบครัว เช่นนี้ถือว่าเป็นป้องกันตนเอง เนื่องจากมีผู้ที่เข้ามาทำอันตรายแก่ตัวเรา และครอบครัวของเราถึงแม้ว่าต่อสู้จนกระทั่งโจรเสียชีวิต เราก็ไม่มีความผิด หรือไม่มีบาปแต่อย่างใด แม้นว่าโจรเหล่านั้นจะเป็นมุสลิม ก็ตาม ** หรือ ยกพวกตีกัน เพราะเพื่อนถูกทำร้าย แล้วเอาคืนเช่นนี้ก็ไม่ถูกต้องเช่นกัน  เพราะทำให้คนอื่นเดือนร้อน และเป็นความผิดระหว่างมนุษย์ 2 คนที่มีเรื่อง ขุ่นข้องใจกันเอง ต้องมาคุยกัน  ขอโทษชดใช้ยอมความกันไป คุณสมพร ก็คงเช่นเดิม คุณไม่ใช่มุสลิมขอบคุณที่ช่วยหาคำตอบ..... ยอมรับว่า คุณเก่งในการหาข้อมูล แต่ คุณได้รับมาแล้วตีความเองโดยขาดพื้นฐานความเข้าใจที่ชัดเจน เข้าข่ายที่ว่า ฟังไม่ได้ศัพท์...... และเจตนาขอบคุณคือกล่าวหาว่า อิสลามเป็นนิทาน เลย ขยันตั้งกระทู้  และแวะไปแจมกระทู้มุสลิมท่านอื่นๆ  โดยมีเจตนาแอบแฝง มีคนตอบคำถามคุณหลายๆท่าน แต่ตอนนี้ เขาไม่ตอบแล้ว ปล่อยให้คุณ ตั้งอยู่เรื่อยๆ สุดท้าย สิ่งที่ทำจะหันกลับมาหาคุณเอง กรุณารักษาอมยิ้มไว้นานๆ เพราะคุณกำลังทำผิดกฎกติกามารยาท ข้อ 6. ของเวป พันทิป "คนนอกศาสนา"หรือ "ผู้ปฏิเสธพระเจ้า" อันนี้หมายความว่าอย่างไร อิสลามแบ่งมนุษย์ออกเป็นสองประเภทใหญ่ๆ คือ 1.ผู้ศรัทธาในพระเจ้า 2.ไม่ศรัทธา แต่ถึงกระนั้น อิสลามก็ถือว่าเรื่องของศาสนาเป็นเรื่องสิทธิส่วนบุคคล พระเจ้าจะทำให้มนุษย์ทั้งโลกนี้เป็นมุสลิมหมดทั้งโลกก็ทำได้ แต่พระองค์ก็ไม่กระทำ เพราะให้สติปัญญาและเจตนารมณ์เสรีมาแล้ว มนุษย์จะต้องตัดสินใจเองและรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองเลือก ดังนั้น อิสลามก็สอนมุสลิมมิให้เข้าไปก้าวก่ายหรือล่วงเกินคนอื่นในเรื่องของการนับถือศาสนา เรื่องนี้คัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ชัดเจนว่า "ศาสนาของท่านก็ศาสนาของท่าน ศาสนาของฉันก็ศาสนาของฉัน" ต่างคนต่างปฏิบัติกันไปและไปรับผิดชอบกันอีกที่ต่อหน้าพระเจ้าหลังจากวิญญาณของแต่ละคนกลับไปหาพระองค์ เหตุการณ์ที่ท่านนบีทำงานรูปเจว็ดรอบกะบะฮฺ เดิมทีนั้น นครมักกะฮฺ นับถืออิสลาม แต่กาลเวลาผ่านไป พ่อค้าทั้งหลายที่เดินทางมาค้าขายได้ ริเริ่มสร้างรูปเจว็ด 360 รูปปรอบกะบะฮฺ แล้วขอความช่วยเหลือจากรูปปั้นโดยให้รูปปั้นไปขอต่อพระเจ้าอีกทีหนึ่ง  ยุคนั้น เด็กผู้หญิงที่เกิดจะถูกฝังทั้งเป็น มีการบนบานกับรูปปั้น มีการบูชายันต์ ซึ่งไม่ถูกต้องกับหลักของอิสลาม หมายความว่า นับถืออิสลาม แต่ก็ยังมีรูปปั้นที่สร้างขึ้นมาแล้วเพื่อขออีกทอด  เรียกว่า ชิริกฮฺ ดังนั้น เพื่อความถูกต้องของอิสลามจำเป็นต้องทำลาย ทำศาสนาอิสลามให้ถูกต้อง และกลับมาเคารพต่อพระเจ้าองค์เดียวไม่สร้างรูปปั้นขึ้นมาบูชาอีก นี่คือเหตุ  และผล ที่คุณสมพรนำมากล่าวอ้าง  โดยขาดความรู้ที่ถูกต้อง..... ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นะ(รก) - [ วันปีใหม่ 11:40:47 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ป้ากบต้องขอโทษนะคะ ที่ถามโดยไม่ดูว่าเป็นช่วงเทศกาลรู้สึกผิดจริงๆค่ะ คำตอบที่ได้รับทำให้เข้าใจแล้วค่ะ เหลืออีกข้อเดียวในเรื่องนี้คือ การหย่าหากหญิงไม่ต้องการหย่าแต่ชายต้องการหย่าสามารถทำได้มั้ยคะ แล้วหากหย่าแล้วลูกๆใครจะได้สิทธิในการเลี้ยงดูคะ. จากคุณ : ป้ากบ - [ วันปีใหม่ 12:04:44 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เป็นไรค่ะ ป้ากบ  ช่วงนี้เป็นอย่างนี้กันจริงๆ ขอโทษด้วยเช่นกันค่ะ เข้าประเด็นต่อ.... -  หากไม่ต้องการหย่า ต้องพิจารณาดูว่า มีเหตุสิ่งที่ที่ทำให้ถูกขอหย่า  นำมาพิจารณาแล้วปรับปรุงตัว หาก มีการกำหนดเงื่อนไขและตักเตือนกัน  ซึ่ง การหย่านั้น การหย่าต้องมีการตักเตือน พูดคุยกันก่อน จะหย่าเพราะอารมณ์โมโหโกรธ ไม่ได้ -  หากแต่ชายต้องการมีภรรยาใหม่เองนั้นศาสนากำหนดให้มีได้ 4 คน อันนี้ หญิงขอหย่าไม่ได้ นอกจากว่า เขาไม่เลี้ยงดูส่งเสียเราละเลยหน้าที่ครอบครัว ตามที่กล่าวไปแล้วข้างบน อย่างนั้นหญิงสามารถขอหย่าได้ค่ะ -  กรณีที่เราหย่าขาดกับภรรยาของเรา ภายหลังหมดกำหนดระยะเวลาแล้ว  ถือว่าไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าเรื่องนะฟะเกาะฮฺก็ไม่ต้องให้แล้ว -  ส่วนในกรณีที่มีบุตรกับนางจะกี่คนก็ตาม หลักการของศาสนาระบุว่าความเป็นพ่อลูกไม่สามารถแยกขาดกันได้, อย่างไรก็ตามลูกที่เกิดกับนางก็คือลูกของเราด้วยตราบจนวันกิยามะฮฺ -  ประการถัดมา หากลูกของเราที่เกิดกับนางยังไม่บรรลุศาสนภาวะ (หมายถึงผู้ชายยังไม่ฝันเปียก และผู้หญิงยังไม่มีรอบเดือน) วาญิบ (จำเป็น) สำหรับเราซึ่งเป็นพ่อของเด็กจะต้องจ่ายนะฟะเกาะฮฺ (ค่าเลี้ยงดู) ให้แก่ลูกของเราต่อไปจนกระทั่งลูกๆ ของเราบรรลุศาสนภาวะ (กรณีที่ลูกของเราอยู่กับภรรยาที่หย่าร้างมา) ส่วนหากเราไม่จ่ายนะฟะเกาะฮฺให้ในระหว่างก่อนบรรลุศาสนภาวะ ถือว่าเรามีความผิด -  อีกประการหนึ่ง หากลูกของเราบรรลุศาสนาภาวะ ลูกๆ เหล่านั้นมีสิทธิเลือกที่จะอยู่กับแม่ หรือกับพ่อก็ได้ เรื่องครอบครัวนั้น จะให้ดีต้องเลือกคู่ดังนี้ เป็นการลดปัญหาและ มีศาสนาที่ถูกต้อง ดังนั้นการเลือกเป็นคนที่มีอีมาน เคร่งครัดอยู่ในหลักการของศาสนา ประเด็นนี้ตรงกับสิ่งที่ท่านรสูลุลลอฮฺสั่งใช้ให้มุสลิมทุกคนเลือกคู่โดยเลือกบุคคลที่มีศาสนาเป็นอันดับแรก เมื่อสตรีและบุรุษ ที่มีศาสนาแล้วอย่างอื่นก็จะติดตามมาโดยง่าย เพราะเมื่อเขามีศาสนา  ปัญหาต่างๆ ก็จะไม่เกิดตามมาเพราะทุกอย่างมีศาสนากำหนดไว้แล้ว  นอกจาก เป็น นิสัยลึกๆ(สันดาน)ของเขาเอง     แต่เมื่อเกิดปัญหาต้องหันหน้ามาคุยกัน ตักเตือนกันว่าผิดถูกเช่นไร ศาสนาว่าไว้เช่นไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องข้อกำหนดของศาสนาเขายิ่งต้องตอบรับอย่างแน่นอน ฉะนั้นจึงไม่ต้องถามถึงเรื่องการบ้านการเรือน หรือเรื่องมารยาทบางอย่างที่นางบกพร่อง เพราะเราสามารถสอนหรือหัดให้นางทำได้เช่นกัน   เมื่อชายละเลย ก็พูดคุยกัน ปรึกษากัน แก้ไขปัญหากัน ศาสนาคือการตักเตือนกันค่ะ ขอตัวไปเยี่ยมเยียนญาติพี่น้องก่อนค่ะ ด้วยความเคารพและด้วยจิตคารวะค่ะ จากคุณ : นะ(รก) - [ วันปีใหม่ 13:03:07 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณมากค่ะ เข้าใจทั้งหมดแล้ว ดีจังเลยค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันปีใหม่ 13:09:05 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขออัลลอฮ์ตอบแทนคุณนะ(รก)ครับ ^^ ยินดีที่ได้สนทนากับคุณป้ากบครับ จากคุณ : SA Student - [ วันปีใหม่ 17:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ขออัลลอฮ์ตอบแทนคุณนะ(รก)ครับ ^^ จากคุณ : คนแปลกหน้าในโลกนี้ - [ วันปีใหม่ 19:27:56 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขออัลลอฮ์ตอบแทนคุณนะ(รก)ครับ ^^ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ วันปีใหม่ 19:38:50 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ญะซากัลลอฮุ ค็อยร็อน ท่าน SA Student ด้วยครับ ^^ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว - [ วันปีใหม่ 19:41:03 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ขอบคุณทุกท่านค่ะ จากคุณ : ป้ากบ - [ วันปีใหม่ 21:19:12 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณทั้งหมดเช่นกันค่ะ อิอิ  (งงไหมเนี่ย) จากคุณ : ลมหนาวกับดาวเดือน - [ วันปีใหม่ 22:19:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เอ๋า ขอบคุณ ทุกท่านด้วยค่ะ ขอบคุณกันใหญ่... เขิลเลย ^^"   ด้วยความเคารพค่ะ จากคุณ : นะ(รก) - [ 2 ม.ค. 50 19:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ถ้าผิดต้องขออภัยนะครับ เท่าที่ทราบ ถ้าจะหย่า แยกเป็น 2 กรณี 1. ถ้าฝ่ายหญิงบอกเลิก ให้บอกกับฝ่ายชาย 3 ครั้ง ถึงจะเลิกได้ 2.ถ้าฝ่ายชายบอกเลิกก็เลิกได้เลยไม่ต้องครบ 3 ครั้ง ที่ถูก  1. ถ้าฝ่ายหญิงบอกเลิก ต้องฟ้อง โดยมีเหตุผลสมควร  2.ถ้าฝ่ายชายบอกเลิกก็เลิกได้เ โดยบอกให้ครบ 3 ครั้ง หมายถึงให้กับไปตัดสินใจ 3 ครั้ง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลสมควร อยู่ที่จิตใจของฝ่ายชาย แล้วอย่าหาว่าบิดเบือนนะ นี่คิอสิ่งที่ได้รับรู้ ถ้าคุณได้รับรู้มาอย่างไรก็บอกมา รู้มาไม่เหมือนกันอย่าหาว่าอีกฝ่ายบิดเบือน กระดานเสวนาความรู้นะครับ >>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ถ้าไม่รู้ถามก่อนดีไหมครับ ไม่ใช่ มากล่าว พล่อยๆ แล้วขอโทษ ร่ำไป ก่อให้ผู้อื่นเข้าใจผิดได้นะครับ จากคุณ : beckmee - [ 2 ม.ค. 50 23:16:23 ]