Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    สติปัฏฐานสูตร (๑) : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ

    กัณฑ์ที่ ๔๓   สติปัฏฐานสูตร


    ๓ ตุลาคม ๒๔๙๗


    นโม  ตสฺส  ถควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส นโม  ตสฺส  ถควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส    นโม  ตสฺส  ถควโต  อรหโต  สมฺมาสมฺพุทฺธสฺส ฯ

    อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเย กายานุปสฺสี วิหรติ.

    อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย  โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ
    เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ.

    อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย  โลเก  อภิชฺฌาโทมนสฺสํ จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ.

    อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย   โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ ธมฺเมสุ ธมฺมานุปสฺสี วิหรติ.

    อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย  โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ




           ณ บัดนี้ อาตมาภาพจักได้แสดงธรรมิกถา แก้ด้วยเรื่อง  ธรรม  ที่ทำให้เป็น ธรรมกาย เป็นธรรมที่แน่แท้ในพระพุทธศาสนา  จะแสดงตามคลองธรรมของ สติปัฏฐานสูตร ที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคทรงแสดงไว้เป็นหลักเป็นประธานมหาสติปัฏฐานสูตรนั้นเป็นโพธิปักขิยธรรม  เป็นไปในเรื่องฝ่ายเครื่องตรัสรู้ของพระพุทธเจ้าพระอรหันต์เหมือนกันหมดปรากฏดังนี้


    เหตุนั้นตามวาระพระบาลีแห่งมหาสติปัฏฐานสูตรที่ได้ยกขึ้นไว้ในเบื้องต้นว่า  


    อิธ ภิกฺขเว ภิกฺขุ กาเย กายา นุปส ฺสี วิห รติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย  โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ  
    ว่าดูกรภิกษุทั้งหลายผู้ศึกษาพระธรรมวินัยของพระตถาคตเจ้านี้


    กาเย กายานุปสฺสี เห็นกายในกายเนือง ๆ อยู่  
    อาตาปี มีความเพียรเป็นเครื่องเผายัง กิเลสให้เร่าร้อน
    สมฺปชาโน รู้สึกตัวพร้อมอยู่เสมอ สติมา มีสติไม่เผลอ
    วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌา-โทมนสฺสํ พึงกำจัดความดีใจเสียใจในโลกเสียให้พินาศ  


    เวทนาสุ เวทนานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌาโทมนนสฺสํ  เห็นเวทนาในเวทนาเนือง ๆ อยู่
    มีความเพียรเป็นเครื่องเผายังกิเลสให้เร่าร้อน
    มีความรู้สึกตัวพร้อมอยู่เสมอ มีสติไม่เผลอ
    พึงจำกัด อภิชฌาโทมนัสในโลกเสียให้พินาศ


    จิตฺเต จิตฺตานุปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺย โลเก อภิชฺฌา  โทมนสฺสํ เห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่
    มีความเพียรเป็นเครื่องเผายังกิเลสให้เร่าร้อน
    มีความรู้สึกตัวพร้อมอยู่เสมอ  
    มีสติไม่เผลอ พึงกำจัด อภิชฌาโทมนัส ในโลกเสียให้พินาศ  


    ธมฺเมสุ ธมฺมานฺปสฺสี วิหรติ อาตาปี สมฺปชาโน สติมา วิเนยฺยํ โลเก อภิชฺฌาโทมนสฺสํ เห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่
    มีความเพียรเป็นเครื่องเผากิเลสให้เร่าร้อน
    มีความรู้สึกตัวพร้อมอยู่เสมอ มีสติไม่เผลอ
    พึงกำจัดความเพ่งอยากได้ ความเสียใจในโลกเสีย



    -->>  นี้เป็นเนื้อความของวาระพระบาลีในมหาสติปัฏฐานสูตร แสดงหลักไว้ตามจริงดังนี้รับรองหมดทั้งประเทศไทยว่าเป็นข้อที่ถูกต้องแน่นอนแล้ว

    ต่อแต่นี้จะอรรถาธิบายขยายความเป็นลำดับไป พิจารณาจะแสดง ธรรม ที่ทำให้เป็น ธรรมกาย นี้เป็นข้อที่ลึกซึ้งของยาก ได้ไม่ยากแต่ว่าไม่ง่าย ไม่ยากแก่บุคคลที่ทำได้ ไม่ง่ายสำหรับบุคคลที่ทำไม่ได้



    ตำราได้กล่าวไว้ว่าเห็นกายในกายเนืองๆ อยู่ เห็นเวทนาในเวทนาเนืองๆ อยู่เห็นจิตในจิตเนืองๆ อยู่ เห็นธรรมในธรรมเนืองๆ อยู่ ๔ ข้อ



    เห็นกายในกาย น่ะเห็นอย่างไร บัดนี้กายมนุษย์ที่ปรากฏอยู่ นั่งเทศน์อยู่นี่ นั่งฟังอยู่นี่ นี่กายมนุษย์แท้ๆ แต่ว่ากายมนุษย์นี่แหละเวลานอนหลับฝันไปก็ได้ พอฝันออกไปอีกกายหนึ่ง เขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด นี่รู้จักกันทุกคนเชียวกายนี้
    เพราะเคยนอนฝันทุกคน รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไร เป็นเหมือนมนุษย์คนนี้แหละ คนที่ฝันนี่แหละ นุ่งห่มอย่างไร อากัปกิริยาเป็นอย่างไร สูงต่ำอย่างไร ข้าวของเป็นอย่างไร ก็ปรากฏเป็นอย่างนั้น ก็ปรากฏเป็นคนนี้แหละแบบเดียวกันทีเดียว คนเดียวกันก็ว่าได้ แต่ว่าเป็นคนละคน เขาเรียกว่า กายมนุษย์ละเอียด
    เวลานอนหลับสนิทถูกส่วนเข้าแล้ว ก็ฝันออกไป ออกไปอีกคนหนึ่งก็เป็นกายมนุษย์คนนี้แหละ  รูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างนี้แหละ ถึงได้ชื่อว่าเป็นกายมนุษย์ละเอียด

    กายมนุษย์คนที่ฝันออกไปนั่นแหละเขาเรียกว่า กายมนุษย์ในกายมนุษย์ นี่แหละ กายในกาย หละ เห็นจริงๆ อย่างนี้ ไม่ใช่เห็นตามเหลวไหลเห็นอย่างนี้ก็เป็นหลักเป็นพยานได้ทุกคน เพราะเคยนอนฝันทุกคน นี่เห็นในกายเห็นอย่างนี่นะ เมื่อเห็นกายในกายอย่างนี้แล้ว


    เห็นเวทนาในเวทนา ล่ะ ก็ตัวมนุษย์คนนี้มีเวทนาอย่างไรบ้าง สุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เวทนาเป็นอย่างนั้นมิใช่หรือ ก็ส่วนกายที่ฝันออกไปนั้นก็มีสุข ทุกข์ ไม่สุข ไม่ทุกข์ ดีใจ เสียใจ เหมือนกันแบบเดียวกันกันกายมนุษย์คนนี้แหละ ไม่ต่างอะไรกันเลย


    จิตล่ะ เห็นจิตในจิต ก็แบบเดียวกันกับเวทนาในเวทนา เห็นจิตในจิตนี่ ต้องกล่าว “เห็น”นะ ไม่ใช่กล่าว “รู้” นะ เห็นจิตในจิต ดวงจิตของมนุษย์นี้เท่าดวงตาดำข้างนอก อยู่ในเบาะน้ำเลี้ยงหัวใจ ตำรับตำรากล่าวไว้ว่า หทยคูหา จิตฺตํ สรีร จิตฺตํ เนื้อหัวใจเป็นที่อยู่ แล้วก็กล่าวไว้อีกหลายนัย เนื้อหัวใจเป็นที่อยู่ แล้วก็กล่าวไว้อีกหลายนัย

    ปกติมโน ใจเป็นปกติ ภวงฺคจิตฺตํ ใจเป็นภวังคจิต ตํ ภวงฺคจิตฺตํ อันว่าภวังคจิตนั้น ปสนฺนํ อุทกํ วิย จิตเป็นดังว่าน้ำ จิตนั่นแหละเป็นภวังคจิต เวลาตกภวังค์แล้วใสเหมือนกับน้ำที่ใส จิตดวงนั้นแหละเป็นจิตของมนุษย์ ที่ต้องมีปรากฏว่า จิตในจิตนั่นแหละอีกดวงหนึ่งคือ  จิตของกายมนุษย์ละเอียด ที่ฝันออกไปนั้นเรียกว่า จิตในจิต


    ธรรมในธรรม เห็นธรรมในธรรมเนืองๆ เป็นฉไนเล่า ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ มีอยู่ในศูนย์กลางกายมนุษย์ ขนาดเท่าฟองไข่แดงของไก่ติดอยู่ในกลางกายมนุษย์ นี่เห็นธรรมในธรรมหละ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดมีอยู่ ไม่เท่าฟองไข่แดงของไก่ สองเท่าฟองไข่แดงของไก่ อยู่ในกลางดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียดนี้แหละ สองเท่าฟองไข่แดงของไก่ นั่นเป็นดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ละเอียด นั่นอีกดวงหนึ่ง

    นั่นเห็นอย่างนี้ เห็น หรือรู้ ล่ะ รู้กับเห็นมันต่างกันนะ เห็นอย่างหนึ่ง รู้อย่างหนึ่ง นะ ไม่ใช่เอารู้กับเห็นมาปนกัน ไม่ได้

     
     

    จากคุณ : สมถะ - [ 23 มี.ค. 50 11:32:48 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom