ความคิดเห็นที่ 8
นอกจากนี้ในอปรอัจฉราสังฆาตวรรค พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๓๘๒ หน้าที่ ๔๖ ได้พูดถึงผลแห่งจิตที่เป็นสมาธิแม้ได้ฌานชั่วขณะนิดหน่อยก็มีอานิสงค์มาก ดังนี้ว่า
...พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ถ้า ภิกษุเจริญปฐมฌานแม้ชั่วขณะเท่าดีดนิ้วมือครั้งเดียว ภิกษุนี้เราเรียกว่า ผู้อยู่ไม่ห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ปฏิบัติตามโอวาทของพระศาสดา ฉันบิณฑบาตของ ชาวบ้านอย่างไม่สูญเปล่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงภิกษุผู้ เจริญปฐมฌาณให้มากเลย
ถ้าภิกษุเจริญทุติยฌาน...ตติย...จตุตถฌานแม้ชั่ว ดีดนิ้วมือครั้งเดียว ภิกษุนี้เราเรียกว่า ผู้อยู่ไม่ห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ปฏิบัติตามโอวาทของพระศาสดา ฉัน บิณฑบาตของชาวบ้านอย่างไม่สูญเปล่า ไม่จำเป็นต้อง พูดถึงภิกษุผู้เจริญ...จตุตถฌาณให้มากเลย
ถ้าภิกษุผู้เจริญปฐวีกสิณ... เจริญอาโปกสิณ... เจริญเตโชกสิณ... เจริญวาโยกสิณ... เจริญนีลกสิณ... เจริญปีตกสิณ... เจริญโลหิตกสิณ... เจริญโอทาตกสิณ... เจริญอากาสกสิณ.. เจริญวิญญาณกสิณ...ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า ผู้อยู่ไม่ห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ปฏิบัติตามโอวาทของพระศาสดา ฉันบิณฑบาตของ ชาวบ้านอย่างไม่สูญเปล่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงภิกษุผู้เจริญ ทำให้มากซึ่ง...วิญญาณกสิณเลย
ภิกษุผู้ได้ฌานล่วงเลยการกำหนดรูปไปแล้วดับ ความแค้นเคืองใดๆ ได้แล้ว ไม่นึกถึงความทรงจำอื่นๆ ทั้งหมด กำหนดอยู่ที่อากาศ อากาสา...วิญญาณัญ...อา กิญจัญ...เนวสัญญา...สัญญาเวทยิตนิโรธ...ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุนี้เราเรียกว่า ผู้อยู่ไม่ห่างจากฌาน ทำตามคำสอน ปฏิบัติตามโอวาทของพระศาสดา ฉันบิณฑบาตของ ชาวบ้านอย่างไม่สูญเปล่า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงภิกษุ ผู้ทำสัญญาเวทยิตนิโรธให้มากเลย
อนึ่งในอาเนญชสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ ข้อที่ ๑๑๗ หน้า ๓๕๙ ได้พูดถึงผลแห่งความแตกต่างระหว่างของบุคคลปุถุชนหรือฤาษีนอกพระพุทธศาสนาที่สำเร็จฌานสมาบัติ กับพระสาวกของพระองค์ที่สำเร็จฌานสมาบัติว่า มีความแตกต่างกัน ดังนี้
บุคคลบางคนในโลกนี้สำเร็จอรูปฌานขั้นกำหนด อากาศ คือ อากาสานัญจายตนฌาน ซึ่งล่วงผ่านรูปสัญญา ไปแล้ว ไม่มีความแค้นเคืองใจใดๆ ไม่นึกถึงความทรง จำอื่นๆ เขาชอบใจ ติดใจ ปลื้มใจกับฌานนั้น ดำรงอยู่ ในฌานนั้น น้อมใจไปในฌานนั้น ชอบอยู่กับฌานนั้น เป็นส่วนใหญ่ อย่างไม่เสื่อมคลาย หลังจากตายแล้ว เขาจะได้เกิดร่วมกับพวกพรหมชั้นอากาสานัญจายตนะ มีอายุประมาณ ๒๐,๐๐๐ กัป
คนปุถุชน(หรือฤาษี)ที่เกิดในชั้นอากาสานัญยตนะนั้น เมื่อสิ้นอายุขัยแล้ว จะไปเกิดในนรกบ้าง เป็นสัตว์ เดรัจฉานบ้าง เป็นเปรตบ้าง ส่วนสาวกของพระผู้มี พระภาคเจ้าดำรงอยู่ในพรหมโลกชั้นอากาสานัญจายตนะ นั้นจนสิ้นอายุขัย เมื่อกำหนดเวลาอายุนั้นหมดหมดไปแล้ว จะปรินิพพาน(ดับอย่างสนิท)ในภพนั้นแล นี้แหละเป็นความแตกต่างกัน ระหว่างอริยสาวกผู้ได้สดับ คำสอนของพระพุทธเจ้ากับปุถุชน(ฤาษี)ผู้ไม่ได้สดับ ในเวลาที่ความเป็นไปและการเกิดยังมีอยู่
นอกจากนี้ในคัมภีร์ยังได้พูดถึง ผู้ที่ได้อรูปฌานขั้นวิญญาณัญจายตนะ ว่าจะมีอายุประมาณ ๔๐,๐๐๐ กัป และผู้ที่ได้ขั้นอากิญจัญญายตนะ จะมีอายุประมาณ ๖๐,๐๐๐ กัป เมื่อสิ้นอายุแล้วปุถุชนหรือฤาษีจะกลับมาเกิดในนรกบ้าง สัตว์เดรัจฉานบ้าง เปรตบ้าง ส่วนพระสาวกของพระพุทธเจ้าเมื่อสิ้นอายุขัยแล้วจะปรินิพพาน(ดับอย่างสนิท)ในภพนั้นเลย
--->>> นี่แหละคือความแตกต่างกันของผู้ที่ได้ฌานในพระพุทธศาสนากับนักพรตนอกพระพุทธศาสนา
จากคุณ :
ปราชญ์ขยะ
- [
11 เม.ย. 50 20:02:41
]
|
|
|