Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom


    --->>> สติปัฏฐาน 4 กับวิชชา 3

    สติปัฏฐาน 4 กับวิชชา 3  



    ก่อนที่จะอ่านเนื้อหาต่อไป ขออธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์ทั่วๆ ไป เสียก่อน เพราะว่า ถ้าเข้าใจหลักธรรมชาตินี้แล้ว ก็จะเข้าใจมนุษย์ผู้อื่นมากขึ้น โดยปกติแล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่จะรู้สึกดูถูกคนอื่นที่คิดว่ามีคุณสมบัติด้อยกว่าตัวเอง เป็นต้นว่า ตนเองเก่งกว่า ดีกว่า หล่อกว่า รวยกว่า ฯลฯ ถ้าเป็นคนที่คุณสมบัติดีกว่าก็มักจะไม่นิยมไปเปรียบเทียบด้วย คือ ทำไม่รู้ไม่เห็นซะ



    เมื่อมนุษย์เหล่านั้น นับถือศาสนาด้วย ศาสนามันเป็นเรื่องของความเชื่อ ไม่มีเหตุผล ไม่มีหลักฐานใดๆ เมื่อใครนับถือศาสนาไหนแล้ว ก็ต้องคิดอยู่เสมอมา ศาสนาของตนเองดีกว่าศาสนาอื่น บางทีก็พยายามชักชวนคนอื่นให้หันมานับถือศาสนาแบบตนด้วย



    เฉพาะในศาสนาพุทธด้วยกัน สายปฏิบัติธรรมต่างๆ นั้น ผู้ปฏิบัติก็ต้องมีความเชื่ออยู่ก่อนแล้วว่า “ดีกว่า” สายอื่นๆ ไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่ปฏิบัติตามให้เสียเวลา แต่ยกเว้นบางกรณีที่ผู้ปฏิบัติกำลังเสาะหาสายปฏิบัติธรรมอยู่ อาจจะมีใจเป็นกลางๆ แต่ถ้าปักใจชอบสายปฏิบัติไหนไปแล้ว ก็ต้องว่าของตนดีกว่าของคนอื่น



    นี่รวมถึงพวกไม่ปฏิบัติธรรมด้วย คือ เป็นพวกปริยัติอย่างเดียว ก็จะมีหลวงพ่อที่ตนเองชื่นชอบอยู่ ถ้ามีใครมา “แตะต้อง” อาการหลวงพ่อฉันห้ามแตะ ก็จะเกิดขึ้น ลักษณะนี้พบอยู่ทั่วไปในสังคมของเมืองไทย



    แต่อย่างไรก็ดี คนที่ชอบนำเอาการปฏิบัติธรรมของตนไป “ข่ม” สายปฏิบัติธรรมอื่นๆ นั้น ส่วนใหญ่ไม่ใช่เจ้าสำนัก แต่จะเป็นลูกศิษย์หรือหลานศิษย์หรือบางทีก็เป็นพวกที่นิยมชมชอบ โดยไม่ได้เป็นศิษย์ใกล้ชิดแต่อย่างใด



    การที่ยกตนข่มท่าน ว่าของกู ของพวกกูที่ดีสุดทำนองนั้น เจ้าสำนักจริงๆ แล้วไม่ค่อยทำในที่สาธารณะ ในกรณีนี้หมายถึงว่า เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ตอนที่สอนลูกศิษย์ในสำนักนั้น มีการวิพากษ์วิจารณ์การสอนของคนอื่นหรือไม่ แต่ในที่สาธารณะนั้น เจ้าสำนักมักไม่ทำกัน



    ดังนั้น เมื่อพบว่า บุคคลใดบุคคลหนึ่งที่ชอบเอาวิธีการปฏิบัติธรรมของกลุ่มตนมาอวดอ้างว่าดีกว่าของคนอื่นนั้น ผู้อ่านก็ควรที่จะเข้าใจว่า เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของคน ถ้ารับฟังกันได้ ก็จะสามารถเสวนากันในทางศาสนาได้ ถึงแม้จะพูด-คุยกันคนละศาสนา แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยได้เป็นอย่างนั้น



    การที่ผู้เขียนต้องการเขียนเรื่องนี้ก็เพราะเห็นว่า หลายๆ คนเน้นสายปฏิบัติธรรมของตนเองจนเกินไป จนกระทั่งไปดูถูกวิชชา 3 ซึ่งจัดอยู่ในอภิญญา 6 ทั้งๆ ที่วิชชา 3 นั้นเป็นวิชชาสูงสุด สามารถทำให้พุทธศาสนิกชนบรรลุอรหันต์ได้



    การกระทำทุกอย่างจะมีวัตถุประสงค์หรือจุดหมายปลายทางกันทั้งนั้น สำหรับจุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธศาสนิกชนก็คือ ไปนิพพาน ถ้าไปอย่างพระพุทธเจ้าก็ต้องค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง ถ้าไปแบบพระอรหันต์สาวกก็ต้องรอให้มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ก่อน แล้วเมื่อได้รับฟังคำสอนแล้ว ปฏิบัติแล้วก็จะบรรลุพระอรหันต์ตาม ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดของพุทธศาสนิกชนก็คือ วิชชาที่จะทำให้บรรลุพระอรหันต์ ซึ่งก็คือ วิชชา 3 และวิปัสสนาญาณ 10  ดังนี้

    จากคุณ : ปราชญ์ขยะ - [ 18 พ.ค. 50 16:44:58 ]

 
 


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com | Torakhong.org | GameRoom