ความคิดเห็นที่ 1 ต้องชมมาร์เก็ตติ้งจริงๆ ว่า เข้าใจคิดดีแท้ๆ ยิ่งเน้นสโลแกนว่า " เปิดปุ๊บ นึกถึงบุญออกปั๊บ "                        " ได้บุญเพิ่มขึ้นทันที"     แบบนี้ ผมขอชมจริงๆนะ ว่า คิดสโลแกน ได้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า คือ คนธรรมกายที่หลงในตัวบุญ อยากจะได้บุญมากๆ แบบถึงใจจริงๆ ทำให้ต้องจริต คนโลภบุญ แบบนี้ ไม่ทราบคิดออกมาได้อย่างไร เก่งจริงๆ..... จากคุณ : nameonics - [ 18 พ.ค. 50 21:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 2 พอผมคิดแบบนี้ เดี๋ยวจะต้องมีคนธรรมกายร้อนตัว หาว่า ผมคิดไม่ดีไปซะงั้น.... เอาเป็นว่า จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ก็ไม่เป็นไร เรื่องของการทำให้บุญ เป็นรูปธรรม จับต้องได้ จะได้รู้สึกว่า สามารถ"ลงทุน"ในบุญได้แบบนี้น่ะ ก็ไม่ต้องดูอะไรมาก วันเกิดคุณ ธัมมชโย วันที่ 22 ที่ผ่านมา มาดูคนธรรมกาย เค้าจั่วหัวบทความของสำนักเค้ากันเองก็แล้วกัน เค้าเขียนไว้ว่า  Big BOON สุดคุ้ม!!  แบบนี้ ถ้าคนธรรมกายคนไหนจะเข้ามาเถียงว่า ไม่ได้สอน ไม่ได้มองว่า การทำบุญของสำนักนี้ เป็น "การลงทุน" ก็คิดให้ดีๆนะครับ ว่า ก็สำนักคุณออกหนังสือ สอนให้เห็นว่า การทำบุญ เป็นเรื่องที่ต้อง ทำให้คุ้ม แบบ "สุดคุ้ม" แบบนี้ ผมก็ไม่เห็นว่าที่วัดไหนเค้าจะสอนกันแบบนี้นี่นา ถึงบอกไงครับ ว่า ประหลาดดีแท้ ทำให้ บุญ เป็นเรื่องของการ ลงทุน ก็ทำได้ ด้วยหรือ? แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 21:12:24 จากคุณ : nameonics - [ 18 พ.ค. 50 21:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 3 คราวนี้ออกนอกหนังสือหน่อย มาดูกันสักนิดว่า ทำไม สำนักนี้ถึงสอนให้เน้น ลงทุน หรือ สะสม บุญ แบบที่จะทำทั้งที ต้องทำให้มัน สุดคุ้ม ก็เพราะสำนักนี้ เค้าไม่ชอบไปนิพพานเร็วๆ คุณ ธัมมชโย ถึงพูดว่า ที่พักของพันธ์หนีวัฏฏะ คือ นิพพาน แบบนี้น่ะ ที่ธรรมกายเค้าไม่ชอบกันครับ (ทั้งๆที่ชาวพุทธเราไม่ว่าใครที่ไหน ก็ล้วนแต่อยากจะไป นิพพานเนี่ยนะ คุณ ธัมมชโย?) * มาดูกันครับว่า สำนักนี้เค้าชอบอะไร มีใครตอบได้บ้างครับ? นั่นไง ผมว่าต้องมีคนตอบได้แน่ๆ สำนักนี้ เค้าไม่ไปนิพพานครับ เค้าจะไป ดุสิตบุรี เค้าเรียกคนพันธุ์นี้ว่า ชาวพันธุ์รื้อวัฎฎะ ชาวธรรมกายเค้าถึงต้องอดในชาตินี้ เอาเงินมาทุ่มบุญ เพื่อจะได้ เป็นอย่างที่เจ้าสำนักเค้า คุณ ธัมมชโย ได้สอนไว้ ( แต่ไม่รู้ว่า สอนแบบนี้ ตรงกับในพระไตรปิฏกหรือไม่นะ...) แบบนี้นี่ไงครับ จากคุณ : nameonics - [ 18 พ.ค. 50 21:18:29 ]

ความคิดเห็นที่ 4 โอ้ว โปรโมชั่นสุดคุ้ม.... จากคุณ : campaign - [ 18 พ.ค. 50 21:33:44 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่แปลกครับ ชั่วๆกว่านี้ก็มี "โยมไม่มีสตางค์มาทำบุญ หลวงพี่ก็แนะให้โยมไปกู้เขามาทำบุญก็ได้" เวงจริงๆ โตแต่ตัวแต่สมองไม่โต พอสมองไม่โต ก็เที่ยวๆกินๆๆๆ เพื่อรักษาตัวให้รู้จักอิ่ม ตลอด พอตัวเล้กลงน้ำหนักลดลง เลยทุกข์ ไม่อยากทุกข์ ก็ต้องหาวิธีหาตัง มาเพื่อรักษาขนาดตัว พอดิบพอดีบ้างเถอะคุณ วัดธรรมกาย ถ้าไม่มีปัจจัยเข้าวัด ปีละหลายพันล้านบาท ก็ไม่ต่างอะไรกับป่าช้าวัดดอน เล็ก แถมกรุงเทพ นั่นเอง ทำอะไรควรทำให้พอดิบพอดี พออยู่พอกิน จากคุณ : หมื่นปี - [ 18 พ.ค. 50 21:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 6 บุญของชาวธรรมกาย ก็เลยต้องทำ เพื่อเป็นการลงทุน สะสมเสบียง ให้มันวุ่นวายไปอีกสักหน่อย เช่น ปีนึงๆ ก็ต้องเรียกให้สมาชิกมาทำบุญเก็บไว้ สะสมพลังงาน เพื่อจะนำไปรื้อวัฏฏะ บางแคมเปญ ก็ต้องเล่นแบบสะสมบุญทุกวัน ผ่อนส่งบุญกันก็ทำได้ ก็แหม วัฏฏะสงสารนี้น่ะ พระพุทธเจ้าทรงตรัสเปรียบไว้แท้ๆว่า เสมือนหนึ่งไม่เห็นต้น ไม่เห็นปลาย คุณ ธัมมชโย เล่นอยากจะเป็นคนรื้อวัฏฏะ ขอตัดวัฏฏะเป็นคนสุดท้าย ของโลกแบบนี้ ก็เท่ากับ ต้องการทำเรื่อง ขัดกับ คำตรัส ขององค์ พระศาสดา หรือเปล่า? ก็ไม่ว่ากัน ความอยากของคนเราไม่เหมือนกัน อยากจะไปทำแบบนั้น ก็รับฟังอยู่ ว่า มันแปลกดีแท้ๆ แถม ไปคนเดียวก็ไม่เอานะ ต้องมีบริวารไปด้วย จะทำอย่างไรล่ะ ก็ต้องทำแบบที่ทำอยู่นี้นั่นเอง คือ เอาเรื่อง บุญ มาทำเป็นเรื่อง นามธรรม ให้ ทุกคนคิดว่า ใช้เงินซื้อ บุญ สิ เป็นการสะสมบุญไว้ แล้ว ก็อธิษฐานตาม คุณ ธัมมชโย กันไปนะ ข้ามภพ ข้ามชาติ ไปนัดเจอกันที่ดิสค๊อฟเวอรี่ เอ๊ย ที่ดุสิตบุรี   รอไปตัดวัฏฏะที่เสมือนไม่เห็นปลาย กัน   แต่จะตัดได้จริงไหม หรือ วันไหน คุณ ธัมมชโย เกิดเปลี่ยนใจ ไม่ไปแล้ว ลอยแพชาวธรรมกายขึ้นมา ก็ตัวใครตัวมันนะ (นี่ยังไม่รวมข้อเท็จจริง ที่ว่า ชาตินี้ ปาราชิกไปแล้ว ยังแสดงตน เป็นพระ จะไปได้หรือเปล่า อีกนะเนี่ย) เพราะท้ายสุดของวัฏฏะน่ะ มันเมื่อไร ไม่รู้ล่ะ แต่ เอาเงินมา ซื้อ บุญ สะสมไว้ก็พอ จะทำแบบนี้น่ะ เอาไหม? ก็เลยเป็นที่มา ที่ต้องมีการจูงใจ ว่า พอเอาเงินมาซื้อบุญแล้ว อานิสงฆ์ของการทำดังกล่าว จะส่งผล ให้เกิดอะไรขึ้นครับ ชาวธรรมกายตอบได้ไหม....? น่าน เก่งมากครับ เอาเงินมาทำบุญ ก็ได้บุญ นั่นเอง แต่ที่ธรรมกายทำ ให้มันเหนือชั้นขึ้นไปอีกนิด คือ การนำ หลักการลงทุนแบบเศรษฐกิจทุนนิยม มาใช้ในการทำบุญ นั่นคือ ทำมากได้มาก ทำเสร็จแล้ว เหมือน เงินต่อเงิน แต่ เรียกว่า บุญต่อบุญ คือ ถ้าทำกับธรรมกาย แล้ว บุญนี้จะช่วย ดูดทรัพย์  ให้คุณรวยขึ้นไปอีก พูดง่ายๆ สำนักนี้เน้น ความรวย (มิน่าล่ะชอบถ่ายแต่รูปลูกศิษย์กระเป๋าหนัก) แบบนี้ถึงจะไม่อิงหลักเศรษฐกิจพอเพียงสักเท่าไร แต่ก็โอ้โฮ  อึ้งไหมล่ะครับ ที่วัด วัดหนึ่ง (ไม่ใช่ องค์กรธุรกิจนะครับ) จะมีความเข้าใจลึกซึ้ง เข้าถึงหัวอกหัวใจของคนอยากมีเงิน อยากรวย ได้ถึงแก่นถึงเพียงนี้ สามารถนำเอาเรื่อง เงิน การลงทุน มาเปลี่ยนเป็น ตัวบุญ และ วิชา ดูดทรัพย์ ต่อทรัพย์ ได้แบบนี้ ผมว่า ไม่ย่อยจริงๆ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 21:59:46 จากคุณ : nameonics - [ 18 พ.ค. 50 21:36:59 ]

ความคิดเห็นที่ 7 ดังนั้น ผมฟันธงไว้เลยก็ได้ ว่า กิจกรรมการดูดทรัพย์ของธรรมกาย จะไม่หยุดแน่นอน เพราะ เจ้าสำนัก จากที่เคยเน้นๆ บอกว่า "จะทำนิพพานให้แจ้ง" แต่พอ เจออัยการสรุปว่า ยักยอกเงินวัดไปจริง จนต้องนำมาคืน สอดคล้องกับ ความตามพระลิขิต ระบุว่า คุณ ธัมมชโย อาบัติ ปาราชิก ไปแล้ว ก็เลยต้องหาทางออกมาในแนว "ไปตัดวัฏฏะ" กันดีกว่า เลื่อนจุดหมาย ให้มันไกลไปอีกสักนิด ใครจะได้มาตรวจสอบไม่ได้ พอบอกว่า จุดหมาย (ที่ขัดกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้) มันไกล ก็เลยต้องสะสมเสบียง ต้องมีการสร้างโปรเจ็คหมื่นล้าน แสนล้าน ต้องทำให้ธรรมกายมีสมาชิกมากๆ ถึงต้องมีดาวเทียม ต้องอิงการเมือง เพราะเห็นแล้วว่า การเมืองก็เอื้อประโยชน์ให้ธรรมกาย ดังนั้น โปรเจ็คสร้างนู่นสร้างนี่ จะไม่จบแน่นอน เราจะยังคงเห็นชาวธรรมกาย ออกมาจุดพลุกันตามงาน ในวันงานของธรรมกาย ที่มีปฏิทินประจำปี ให้ทุกคนได้เตรียมลงทุนกันอยู่เสมอ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียนี่กระไร   ใครที่ศรัทธาธรรมกายก็ไม่ต้องร้อนใจอะไรนะครับ ที่ผมเขียนแบบนี้ เพราะที่ผมเขียนมาทั้งหมดข้างบนนี้ ผมแค่หลับตาฝันในฝันเป็นตุเป็นตะ แล้วตื่นขึ้นมาเขียนเรื่องในฝันของผมทั้งน้าน.... แหม... ไม่น่าไปกินข้าวร้านนั้นเลย สงสัยจะกินเยอะไป เลยเก็บเอาเรื่องธรรมกายในหนังสือ ไปฝันเป็นตุเป็นตะไปด้าย :-) ใครใคร่จะทำบุญก็ทำเถิดครับ ถ้ามีหลักและจุดมุ่งหมายที่ถูกต้อง อย่าเผลอไปทำบุญกับพวกทุศีล ยักยอกวัด หรือ พระปลอมอะไรแบบนั้น ก็แล้วกัน..... ผลบุญมันจะได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย เดี๋ยวไม่ได้ บุญ แบบ เนื้อๆ เน็ตๆ แบบที่ธรรมกายโฆษณาไว้ แล้วจะมาว่า ผมไม่ได้นา...... จากคุณ : nameonics - [ 18 พ.ค. 50 21:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เสกให้วิศวะกร อนาคต สดใจ กลายเป็นคนกวาดลานวัด มาแล้ว ทำได้ทุกอย่างจริงๆ เสียได้อนาคต ของชาติ จากคุณ : หมื่นปี - [ 18 พ.ค. 50 21:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ที่นี่มีหญ้าุบุญจำหน่าย กินหญ้าบุญแล้วจะทำให้บุญเพิ่มมหาศาล มีทรัพย์สินเพิ่มพูนเหมือนต้นหญ้า.. หากวันใดออกแผนการตลาดแบบนี้มาละก็ รับรองต้องมีคนกินหญ้าเป็นแน่..อิอิ จากคุณ : zakai - [ 18 พ.ค. 50 22:10:49 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ระบบ marketing ของเค้าดีจริงจริง!!!!!! เสามั่นคง(เสาแก้ว) ต้นละแค่ 1 S ( 1 S= 100,000) ใครทำแล้วชีวิตจะได้มั่นคงและมั่งคั่ง จากใจจิงจิง....รับไม่ได้้้้้้้้้้้้้.. จากคุณ : amtaurus - [ 18 พ.ค. 50 22:13:16 ]

ความคิดเห็นที่ 11 กินหญ้าแล้วจะร้อง มอ...มอ... ด้วยปะ คุณซาไก จากคุณ : campaign - [ 18 พ.ค. 50 22:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13 จากที่ได้อ่าน จขกท. คงยังไม่เข้าใจจริงๆในเรื่องของบุญ ผมขอถามตรงๆเลยนะครับว่า คุณหรือทุกๆคน เชื่อหรือไม่ว่า บุญมีจริง ?  ขอให้ตอบตรงๆไม่อ้อมค้อมนะครับ มีหรือไม่มี ส่วนผมเชื่อว่าบุญมีจริงและให้ผลจริง ถ้าคุณคิดว่า บุญมีจริงและให้ผลจริง คุณคงไม่ออกมาพูดแบบนี้มั่งครับ ผมจะบอกอะไรให้นะครับว่า คุณมาเกิดเป็นมนุษย์ได้นั้นเพราะคุณมีบุญมากพอ ดวงบุญในตัวคุณนะทำให้คุณมาเกิดเป็นมนุษย์ได้และได้หล่อเลี้ยงตัวคุณให้เจริญเติบโตอยู่ได้ ถ้าเมื่อไหร่หมดบุญก็คือ ตาย ครับ บุญนั้นมีจริง มีลักษณะเป็นดวงสว่างใส อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7ภายในตัวของมนุษย์ทุกๆคน ถ้าเมื่อไหร่ทำใจให้เป็นสมาธิได้ก็จะเห็นได้เอง ฯลฯ เมื่อไหร่ที่ดวงบุญภายในตัวดับวูบลง เมื่อนั้นจิตก็จะถอนออกมาจากร่างกาย หัวต่อที่ต่อกัน(เปรียบได้กับตู้รถไฟที่หัวต่อหลุดจากกันตู้ก็จะแยกจากกัน)ของกายทิพย์กับกายมนุษย์ก็จะแยกจากกัน ซึ่งจะทำให้ร่างกายนั้นตายลงไป กายทิพย์ก็จะไปตามกรรมที่ได้ทำเอาไว้ บุญเป็น ธาตุสำเร็จ ที่จะดึงดูดสิ่งที่ต้องการได้ให้เป็นไปตามที่ได้อธิฐานมาได้ครับ บุญจะดึงดูดทรัพย์ คน โอกาส สิ่งต่างๆ ฯลฯ ที่เราปรารถนาให้ได้สำเร็จตามที่ต้องการ ส่วนที่สงสัยว่าการนึกถึงบุญแล้วจะทำให้บุญเพิ่มนั้น ก็ถูกต้องแล้วครับ เป็นการอนุโมทนาบุญ ตามหลักของการทำบุญกริยาวัตถุ10ข้อ ซึ่งขอให้คุณไปอ่านและศึกษาให้ดีก่อนนะครับ แล้วจะเข้าใจ ขอบคุณมากครับ http://d-club.bloggang.com อย่าลืมวันวิสาขบูชาใกล้จะถึงแล้วนะครับ จากคุณ : วันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก (กรรไกรรัตนะ) - [ 18 พ.ค. 50 23:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คุณกรรไกรรัตนะ ดวงบุญที่คุณบอก มีในพุทธพจน์ หรือพระไตรปิฎกหรือไม่ ขอหลักฐานด้วย ขอให้คุณไปอานและศึกษาให้ดีก่อนครับ ว่าที่คุณกล่าวมา เป็นคำสอนพระพุทธเจ้าหรือไม่ จากคุณ : campaign - [ 18 พ.ค. 50 23:30:53 ]

ความคิดเห็นที่ 15 อ้อ แล้ว ถ้าบุญมีจริง คนขายบุญไดเรกเซลล์ ก็ต้องมีจริงใช่ไหมครับ มีโปรโมชั่น Big Boon เสียขนาดนี้   ไหน คุณกรรไกรรัตนะ ลองควักดวงบุญสว่างใส ที่คุณว่า ถ่ายรูปออกมาให้ดูหน่อยไ้ด้หรือเปล่า ไม่แน่นะคุณ เผื่อจะเอาไปประมูลขายในอีเบย์ได้ด้วย ถ้าผลิตได้เยอะ ขายได้เยอะในอีเบย์ ก็อย่าลืมคนออกไอเดียอย่างผมเสียหละ จากคุณ : campaign - [ 18 พ.ค. 50 23:37:42 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต้องมีเพลงประกอบโฆษณาด้วยป่ะเนียะ  เดี๋ยวจัดให้ นี่เลย... Big Boon ,Big Boon  You're Big Boon.... (ใช้ทำนองเพลง Sex Bomb) จากคุณ : campaign - [ 18 พ.ค. 50 23:40:13 ]

ความคิดเห็นที่ 17 น่าเป็นห่วงคุณกรรไกรรัตนะ อย่ามาตอบให้เสียเวลาเลยครับ พวกนี้มิจฉาทิฐิดิ่ง มองความดีคนอื่นไม่ออก คอยจับผิดคนทำความดี ปล่อยเขาไปทางใครทางมันดีกว่า ตราบใดคนทำชั่วยังไม่ได้รับวิบากกรรม ก้อยังคึกคะนองแบบนี้แหละ นางวิสาขบูชาเป็นพระโสดาบันแล้วยังไม่กล้าวิจารณ์พระอุทายีและพระฉัพพัคคี ที่ไม่สำรวมในศีล นี่นับประชาอะไรกับเสียงเห่าหอน อย่าเสียเวลามาตอบกระทู้แบบนี้เลย อีกไม่นานวิบากรรมก้อคงตามทัน ไม่ซาตินี้ก้อซาติหน้า นรกขุมไหน ที่อยู่ลึกกว่าอเวจีมหานรก? จากคุณ : somch - [ 18 พ.ค. 50 23:50:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 น่าเป็นห่วงคุณsomch คนอื่นเขาอุตส่าห์เสียเวลามาตอบให้คุณเกิดปัญญา พวกนี้มิจฉาทิฐิดิ่ง(ไม่เคยดูพระไตรปิฎก) มองความบิดเบือนของคนบางประเภทไม่ออก คอยเข้าข้างคนทำความชั่ว ปล่อยเขาไปทางใครทางมันดีกว่า ตราบใดคนทำชั่วยังไม่ได้รับวิบากกรรม ก้อยังหลงระเริงเผยแพร่ผิดๆแบบนี้แหละ ชาวบ้านมากมาย เป็นห่วงและคอยดูแลพุทธศาสนา ติเตียนพระที่ไม่สำรวม จึงได้มีบัญญัิติพระวินัยมากมาย นี่นับประชาอะไรกับเสียงเห่าหอนของพวกโง่ๆ ที่มาช่วยแต่พวกเดียวกัน อย่าเสียเวลามาแก้ัตัวกระทู้แบบนี้เลย อีกไม่นานวิบากรรมก้อคงตามทัน ไม่ซาตินี้ก้อซาติหน้า นรกขุมไหน ที่อยู่ลึกกว่าอเวจีมหานรก? หรือไปอยู่รวมกับอลัชชีปราชิกสองเด้ง แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 00:29:03 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 00:26:44 จากคุณ : campaign - [ 19 พ.ค. 50 00:26:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ธรรมการสายไหนเนี้ย จากคุณ : (@_@) (นู๋แตงกวา) - [ 19 พ.ค. 50 00:42:28 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อนุโมทนาบุญกับทุกท่านในวันคุ้มครองโลกค่ะ ในมงคลชีวิตบอกว่าควรทำบุญบ่อยๆ ดีใจที่มีปูชนียาจารย์ท่านแนะนำให้เราได้มีโอกาสร่วมบุญและทำบุญกับท่านโดยเฉพาะวันคุ้มครองโลกที่มีพุทธบุตรมาร่วมถึง50,000รูปและได้ร่วมหล่อองค์พระด้วย ดีใจที่มีครูบาอาจารย์ที่สอนให้ทำบุญอย่างถูกต้อง ดีใจอย่างมากที่ท่านสอนให้นั่งสมาธิอย่างใสๆสบายๆ และดีใจที่ครูบาอาจารย์สอนให้อ่อนน้อมตั้งแต้ก้าวเท้าก้าวแรกเข้าวัด ข้อสำคัญท่านไม่เคยจาบจ้วงใคร สาธุค่ะ จากคุณ : อารยา (arayab2001) - [ 19 พ.ค. 50 00:43:14 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อย่างว่าล่ะคุณ campaign อย่าไปว่าเค้าเลย เค้าอยากไปดุสิตบุรีก็ช่างเขา  ยิ่งไปแบบนั้นโอกาสห่างไกลพระธรรมก็ยิ่งมากโอกาสไปอบายก็มากด้วยเช่นกัน เรื่องของเขาครับ อย่าไปยุ่งก่ะเขาเลย คนเราชอบอะไรไม่เหมือนกัน บางคนยังบูชาปีศาจซาตานเลยเอาอะไรมากครับ เราทำของเราดีกว่าดูกายดูใจดีกว่าครับ จากคุณ : FrogPrince - [ 19 พ.ค. 50 01:16:52 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ขอบคุณ คุณ FrogPrince จากคุณ : campaign - [ 19 พ.ค. 50 01:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ใครกำลังสนุกกับการกล่าวว่าคนอื่นอย่างเมามัน....ระวังนะครับ.... เข้ามาเตือนเฉยๆ วาสนาใครวาสนามันนะจ๊ะ จากคุณ : Go2Better - [ 19 พ.ค. 50 01:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 24 555 เข้ามาดู xxx  กxx กัน จากคุณ : lucifer777 - [ 19 พ.ค. 50 01:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 แปลกดี xxx หัวเราะได้ด้วย แถมยังเล่นอินเตอร์เน็ตเป็นอีก จากคุณ : campaign - [ 19 พ.ค. 50 02:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ผมแนะนำ www.larndham.com , www.watpa.com สำหรับบุคคลต้องการหลุดพ้นเข้าสู่พระนิพพาน เป็น web สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ปฏิบัติสติปัฏฐาน 4 ซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสว่าเป็นทางสายเดียวแห่งความหลุดพ้น หรือ FM 89.25 ,FM 103.25 อันนี้ดีครับ ---------------------------------------------------------------------------- ปล.ผมก็ศึกษาพระธรรมมาพอสมควรไม่เคยเจอคำสอนของใครบ้าบออย่างนี้มาก่อนในเรื่องของการทำบุญ จากคุณ : ChiTipaT - [ 19 พ.ค. 50 02:01:07 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การระลึกถึงบุญที่ได้ทำนั่นเป็นกุศลจริงๆ ครับ  ใน 1 ในบุญกริยาวัตถุ 10   ในวิมานวัตถุ ก็มีเรื่องของคนที่คิดจะทำบุญ  แต่ตายเสียก่อน  แล้วไปสวรรค์ก็มีครับ ลองอ่านดูใน   เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๖ บรรทัดที่ ๑๖๔๓ - ๑๖๖๕. หน้าที่ ๖๗. http://84000.org/tipitaka/pitaka_page/?book=26&page=67&pages=1&pagebreak=1 เป็นเรื่องของ เทพธิดา ซึ่งกำลังจะนำดอกบวบขม ไปถวายพระบรมธาตุของพระบรมศาสดา แต่ตายเสียก่อน  ก็ไปเกิดเป็นเทพธิดาครับ   การที่ไปเกิดบนสวรรค์ได้ นั่นก็แปลว่าเป็นบุญถูกต้องไหมครับ  ^^ .. แล้วที่ผมมาบอกว่า การอนุโมทนาบุญเป็นบุญเนี่ย ผมแค่อยากให้เข้าใจว่า   การอนุโมทนาบุญ  การระลึกถึงบุญ ที่ได้กระทำมาเป็นบุญกุศลครับ   คุณจะไปไหนก็ตามแต่ความปรารถนาของคุณ  จะไปสวรรค์ก็ไป  นิพพานได้ก็ดี ตาำมกำลังใจของคุณๆ ทั้งหลาย --------------------------------------- ส่วนเรื่อง ธรรมกาย  ผมไม่ขอออกความคิดเห็นครับ จากคุณ : goddance - [ 19 พ.ค. 50 03:07:04 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 20   อนุโมทนาบุญกับทุกท่านในวันคุ้มครองโลกค่ะ ในมงคลชีวิตบอกว่าควรทำบุญบ่อยๆ ดีใจที่มีปูชนียาจารย์ท่านแนะนำให้เราได้มีโอกาสร่วมบุญและทำบุญกับท่านโดยเฉพาะวันคุ้มครองโลกที่มีพุทธบุตรมาร่วมถึง50,000รูปและได้ร่วมหล่อองค์พระด้วย ดีใจที่มีครูบาอาจารย์ที่สอนให้ทำบุญอย่างถูกต้อง ดีใจอย่างมากที่ท่านสอนให้นั่งสมาธิอย่างใสๆสบายๆ และดีใจที่ครูบาอาจารย์สอนให้อ่อนน้อมตั้งแต้ก้าวเท้าก้าวแรกเข้าวัด ข้อสำคัญท่านไม่เคยจาบจ้วงใคร สาธุค่ะ จากคุณ : อารยา (arayab2001)  - [ 19 พ.ค. 50 00:43:14 ] ************************************************ สอนยังไงล่ะ ถึงมีแต่เงิน เงิน เงิน ตลอดเวลา มาเป็น 10 ปีแบบนี้ จากคุณ : Demeter - [ 19 พ.ค. 50 08:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ nameonics การอ่านหนังสือ เสบียงบุญ และทำให้มีบุญเกิดขึ้นนั้น เป็นไปได้จริงครับ ถือเป็นหนึ่งในบุญกิริยาวัตถุ 10  ข้อ ปัตตานุโมทนามัย คือยินดี ในความดีของผู้อื่น บุญกิริยาวัตถุ คือ สิ่งที่เป็นที่ตั้งแห่งการทำบุญ, เรื่องที่จัดเป็นการทำบุญ, ทางทำความดี,       หมวด ๓ คือ           ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้           ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี           ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา ;       หมวด ๑๐ คือ           ๑. ทานมัย ทำบุญด้วยการให้           ๒. สีลมัย ทำบุญด้วยการรักษาศีลและประพฤติดี           ๓. ภาวนามัย ทำบุญด้วยการเจริญภาวนา           ๔. อปจายนมัย ด้วยการประพฤติอ่อนน้อม           ๕. เวยยาวัจจมัย ด้วยการช่วยขวนขวายรับใช้           ๖. ปัตติทานมัย ด้วยการเฉลี่ยส่วนความดีให้ผู้อื่น           ๗. ปัตตานุโมทนามัย ด้วยความยินดี ความดีของผู้อื่น           ๘. ธัมมัสสวนมัย ด้วยการฟังธรรม           ๙. ธัมมเทสนามัย ด้วยการสั่งสอนธรรม           ๑๐. ทิฏฐุชุกัมม์ ด้วยการทำความเห็นให้ตรง พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=บุญกิริยา http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%BA%D8%AD%A1%D4%C3%D4%C2%D2 เมื่อเราเปิดหนังสือ จะเห็นบุญเราด้วย บุญคนอื่นด้วย ตรึกระลึกในบุญนั้น ยินดีในบุญนั้น จึงตกอยู่ในข้อนี้เองครับ ถือว่าจิตเป็นกุศล ผ่องใส อยู่ในสิ่งที่ดีงามครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 19 พ.ค. 50 08:40:26 ]

ความคิดเห็นที่ 30 แต่คุณ nameonics ได้เสนอสิ่งหนึ่งซึ่งสำคัญกว่า และสำคัญมาก ออกมาอีก ซึ่งผมคิดว่า ไม่ถูกต้อง และมีความรุนแรงในเนื้อหาที่สุด ของกระทู้นี้ คือเรื่องนี้ครับ เรื่อง หนีวัฏฏะ เป็นคำที่ไม่สมควร และเป็นความเข้าใจผิด พระพุทธองค์ ไม่เคยทรงสอนให้ใครหนี วัฏฏะ แม้แต่พระองค์เองก็ไม่ได้หนีวัฏฏะ แต่พระพุทธองค์ทรงสอน และนำ คนอื่น ให้หักกงล้อแห่งวัฏฏสงสารของเขาเอง ซึ่งไม่มีใครหักได้ นอกจากตัวเอง ถ้ามีคนหักกงล้อ และรื้อวัฏฏะได้ ทำแทนคนอื่นได้จริง จะขัดกับพุทธพจน์จำนวนมาก และหลักแห่งศาสนา ที่ว่า ผู้ใดทำกรรมใดไว้ย่อมต้องได้รับกรรมนั้น คือเราไม่ต้องรับ มีคนมาหัก กฏแห่งกรรมให้ อีกอย่างมีพุทธพจน์ อีกว่า วัฏฏสงสารไม่มีสิ้นสุด ถ้ามีคนหักได้ พุทธพจน์ก็จะบอกว่า จะสิ้นสุดในพระพุทธเจ้า นามว่า .... ในอีก.. .ปี แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 10:09:00 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 19 พ.ค. 50 08:49:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ยิ่งดูยิ่งเศร้า หลายประเด็นทีเดียว ผมคิดว่า น่าจะรวบรวมความเห็นจากผู้รู้หลายท่าน เผื่อผมจะเข้าใจผิดไป และยกไปเป็นกระทู้ใหม่แล้วครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 10:10:15 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 19 พ.ค. 50 08:52:14 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ปัญญาไม่เท่ากัน กรรมเวรต่างกัน ในหนังสือหลวงปู่ฝากไว้หน้า13 ท่านหลวงปู่ดูลย์กล่าวไว้ว่า "ที่เราสร้างนี่ก็สร้างเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ประโยชน์สำหรับโลก สำหรับวัดวาศาสนาเท่านั้นแหละ ถ้าพูดถึงเอาบุญเราจะมาเอาบุญอะไรอย่างนี้" ประเสริฐจริงจริงครับ ของแท้ ของแท้ จากคุณ : ศิษย์ปู่หมอ - [ 19 พ.ค. 50 09:25:07 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๖  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค [๔๒๕] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ... แล้วได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย สงสารนี้กำหนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ ฯลฯ พวกเธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน น้ำตาที่หลั่งไหลของพวกเธอผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะประสบสิ่งที่ไม่พอใจ เพราะพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนานนี้ กับน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ สิ่งไหนจะมากกว่ากัน ฯ             ภิกษุเหล่านั้นทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ ย่อมทราบธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงแล้วว่า น้ำตาที่หลั่งไหลออกของพวกข้าพระองค์ ผู้ท่องเที่ยวไปมา คร่ำครวญร้องไห้อยู่ เพราะการประสบสิ่งที่ไม่พอใจเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่พอใจ โดยกาลนานนี้แหละ มากกว่า ส่วนน้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ไม่มากกว่าเลย ฯ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ [๒๘๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย สมัยใด พวกโจรมีกำลัง สมัยนั้นพระเจ้าแผ่นดินย่อมถอยกำลัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น พระเจ้าแผ่นดินย่อมไม่สะดวกที่จะเสด็จผ่านไป เสด็จออกไป หรือจะออกคำสั่งไปยังชนบทชายแดนในสมัยเช่นนั้น แม้พวกพราหมณ์และคฤหบดีก็ไม่สะดวกที่จะผ่านไป จะออกไปหรือเพื่อตรวจตราการงานภายนอก ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฉันนั้นเหมือนกัน สมัยใดพวกภิกษุเลวทรามมีกำลัง สมัยนั้น พวกภิกษุที่มีศีลเป็นที่รักย่อมถอยกำลัง ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในสมัยเช่นนั้น ภิกษุพวกที่มีศีลเป็นที่รัก เป็นผู้นิ่งเงียบทีเดียว นั่งในท่ามกลางสงฆ์ หรือคบชนบทชายแดน ข้อนี้นั้นย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก เพื่อความฉิบหาย เพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย [๕๓๒] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรกัสสป ข้อนั้นเป็นอย่างนี้คือ เมื่อหมู่สัตว์เลวลง พระสัทธรรมกำลังเลือนหายไปสิกขาบทจึงมีมากขึ้น ภิกษุที่ตั้งอยู่ในพระอรหัตผลจึงน้อยเข้า สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป และสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นในโลกเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ทองเทียมยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นทองคำธรรมชาติก็ยังไม่หายไป และเมื่อทองเทียมเกิดขึ้น ทองคำธรรมชาติจึงหายไป ฉันใด พระสัทธรรมก็ฉันนั้น สัทธรรมปฏิรูปยังไม่เกิดขึ้นในโลกตราบใด ตราบนั้นพระสัทธรรมก็ยังไม่เลือนหายไป เมื่อสัทธรรมปฏิรูปเกิดขึ้นเมื่อใด เมื่อนั้นพระสัทธรรมจึงเลือนหายไป ฯ [๕๓๓] ดูกรกัสสป ธาตุดินยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ก็ยังพระสัทธรรมให้เลือนหายไปไม่ได้ ที่แท้โมฆบุรุษในโลกนี้ต่างหาก เกิดขึ้นมาก็ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป เปรียบเหมือนเรือจะอัปปาง ก็เพราะต้นหนเท่านั้น ... ฯ พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ทีฆนิกาย   มหาวรรค     มหาปรินิพพานสูตร ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้ว แก่พวกเธอ ธรรมและวินัยอันนั้น จักเป็นศาสดาของพวกเธอ โดยกาลล่วงไปแห่งเรา พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒ทีฆนิกาย   มหาวรรค     มหาปรินิพพานสูตร เพราะไม่เห็นอริยสัจ ๔ ตามเป็นจริง เราและพวกเธอ จึงท่องเที่ยวไปในชาตินั้น ๆ สิ้นกาลนาน เราได้เห็นอริยสัจ ๔ เหล่านั้นแล้ว เราถอนตัณหาอันจะนำไปสู่ภพเสียได้แล้ว มูลแห่งทุกข์เราตัดได้ขาดแล้ว บัดนี้ ภพใหม่ไม่มี ดังนี้ ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด ฯ ดูกรภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงเป็นผู้ไม่ประมาท มีสติ มีศีลอันดีเถิด จงเป็นผู้มีความดำริตั้งมั่นดีแล้วตามรักษาจิตของตนเถิด ผู้ใด จักเป็นผู้ไม่ประมาท อยู่ในธรรมวินัยนี้ ผู้นั้นจักละชาติสงสาร แล้วกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ ดังนี้ ฯ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 09:41:33 จากคุณ : oor_dt - [ 19 พ.ค. 50 09:38:17 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผู้มีปัญญาสัมมาทิฏฐิจงเร่งความเพียรเถิด พระสุตตันตปิฎก   เล่ม ๑๑ สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค ...การได้ความเป็นมนุษย์เป็นของยาก พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าจะอุบัติในโลกเป็นของยาก ธรรมวินัยที่พระตถาคตประกาศแล้วจะรุ่งเรืองในโลกก็เป็นของยาก ความเป็นมนุษย์นี้เขาได้แล้ว พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลกและธรรมวินัยที่ตถาคตประกาศแล้วก็รุ่งเรืองอยู่ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้นแหละเธอทั้งหลายพึงกระทำความเพียรเพื่อรู้ตามความเป็นจริง... ไปล่ะจ้ะ จากคุณ : oor_dt - [ 19 พ.ค. 50 09:59:23 ]

ความคิดเห็นที่ 35 การมีบุญมากๆ เหลือเฟือในการเดินทางเป็นสิ่งที่ดี ดีกว่า สบายกว่าคนเดินทางที่ต้องโบกรถสิบล้อ แต่ต้องมีมากเหมือนขับเฟอรารี่ไปเองเลยหรือครับ แค่ไปรถประจำทางแอร์ หรือขับรถปิคอัพไปก็น่าสบายพอ ที่สำคัญคืออย่าแบกบาปติดตัวไปมากๆพอๆกับบุญก็แล้วกัน จากคุณ : ทิคัมพร (sueki) - [ 19 พ.ค. 50 10:06:55 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมชักสงสาร พี่ไม่สูดไม่ดื่ม ของผมแล้วแฮะ กร๊ากกกกก ขำให้กับความสงสาร จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 19 พ.ค. 50 10:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ความคิดเห็นที่ 36   ผมชักสงสาร พี่ไม่สูดไม่ดื่ม ของผมแล้วแฮะ กร๊ากกกกก  ขำให้กับความสงสาร จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 19 พ.ค. 50 10:09:01 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ น้องดับบี้เป็นห่วงพี่จริงๆ พี่ก็ดีใจ ส่วนเรื่องที่จะชี้แจงก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับหลักธรรมปฎิบัติ เนื่องจากมีเพื่อนสมาชิกหลายท่านยังไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับเรื่อง ทาน ศีล ภาวนา ส่วนสงสารนี่ น้องดับบี้คงต้องสงสารตัวเองนะครับ เพราะศาสนาพุทธเรายังไม่เคยโดนตั้งเว็บโจมตีแบบเป็นกิจจะลักษณะ เรื่องที่ชี้แจงก็แค่ความเข้าใจเรื่องการปฎิบัติตามคำสอนเท่านั้นเอง ไม่ได้เป็นเรื่องเกี่ยวกับฆ่าคนตาย ตัดหัวคน ก่อการร้าย ศาสนาพุทธเราพ้นจากเรื่องนั้นไปนานแล้วครับ ส่วนเรื่องต่างๆก็ชี้แจงไปแล้ว จุดประสงค์การตั้งกระทู้ก็ไม่ได้คิดจะเอาคำตอบเป็นเรื่องเป็นราวอะไร ด่ากันไปมาก็เท่านั้น ทำบุญมันต่างกับไล่ฆ่าคนนะครับ แยกแยะอะไรไม่ออกก็เที่ยวไปขำเสริมชาวบ้านก็แค่นั้น ไม่ได้ดูตัวเองเลย เฮ้อ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 11:08:35 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เรียน คุณ กรรไกรรัตนะ ผมเชื่อสิครับว่า บุญ มีจริง แล้วผมก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำบุญด้วยครับ แต่ผมกำลังบอกว่า ให้ระวังพวกที่เอาบุญมาทำเป็นสินค้า ต่างหาก แล้ว บุญ ในความเชื่อของผมคงไม่เหมือนกับ บุญ ตามที่ คุณ กรรไกรรัตนะ ไปเรียนรู้จากสำนักธรรมกายแต่อย่างใด เพราะในการทำบุญนั้น ผมคิดว่าพุทธเราคงไม่เน้นให้เกิด ความละโมภในทรัพย์ต่อเนื่อง แบบที่ใครทำมากได้มาก ทำแล้วอานิสสงฆ์ของบุญจะช่วย คุณ กรรไกรรัตนะ ดูดทรัพย์แบบนั้นน่ะ ผมว่า มันออกจะมาร์เก็ตติ้งจ๋าจนน่าเกลียดไปหน่อย ไม่เห็นด้วยหรือครับ ที่วัดจะออกเอกสารมาเชื้อชวนให้คนอยากรวย เห็นแก่ทรัพย์ ด้วยการลงทุนในบุญเช่นนั้น แถมบุญแบบที่ใช้เงิน ซื้อหาได้ แล้วก็มีที่สถิตย์ อยู่ ดังที่คุณเขียนไว้ตามที่ยกมาข้างล่างนี้น่ะ ผมก็ว่า ชาวพุทธคงหาไม่ได้ที่อื่นหรอก นอกจาก ที่ธรรมกาย ใช่ไหมครับ... "บุญนั้นมีจริง มีลักษณะเป็นดวงสว่างใส อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่7ภายในตัวของมนุษย์ทุกๆคน ถ้าเมื่อไหร่ทำใจให้เป็นสมาธิได้ก็จะเห็นได้เอง ฯลฯ จากคุณ : วันวิสาขบูชา วันสำคัญของโลก (กรรไกรรัตนะ)   - [ 18 พ.ค. 50 23:16:42 ] " ผมถึงอึ้ง ทึ่ง ที่ธรรมกาย จับเอาบุญมาทำเป็นเรื่อง รูปธรรม.... ได้ชัดเจนเสียนี่กระไร ของที่เป็นนามธรรม นำออกมาเป็นสินค้าขายได้แบบนี้ แปลกดีสมที่ผมเขียนถึงไหมล่ะ? จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 11:31:42 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณ คุณ จักรแก้ว ที่เขียนถึงนะครับ เรื่องการอนุโมทนาบุญแล้วได้ร่วมบุญกับผู้อื่นนั้น ผมทราบดีครับ แต่ที่เล่นสโลแกน โฆษณาว่า " เปิดปุ๊บ นึกถึงบุญออกปั๊บ " " ได้บุญเพิ่มขึ้นทันที" ยิ่งกระบวนการทางการตลาดทั้งหมด มันสอดคล้องเป็น imc - สอนกันว่า มาทำกับคุณ ธัมมชโย สิ "ได้บุญเนื้อๆ เน็ตๆ" (ทั้งๆที่ คุณ ธัมมชโย ปาราชิกไปแล้วเนี่ยนะ ทุศีลทำบุญด้วยได้เนื้อๆ เน็ตๆ จริงๆหรือ ชาวธรรมกาย ถามหน่อย?) -ทำบุญกับธรรมกายแล้ว "สุดคุ้ม" แบบนี้ -เปิดปุ๊บ ได้บุญเพิ่มขึ้นทันที แบบนี้ -แล้วไงครับ ย้ำปิดการขาย ให้ซื้อซ้ำกันอีกที ด้วยการเอาความรวย มาล่อลูกค้า เพราะ บุญทั้งหมดนี้ จะช่วยคนซื้อ "ดูดทรัพย์" เห็นไหมครับ ว่า ที่ตั้งใจออกมาโฆษณากันเป็นขบวนการขายบุญแบบนี้ เจตนา คือ เพื่อสนองกิเลสของพวกอยากจะรวย ไปกระตุ้นต่อมความอยากจะมี อยากได้นู่น อยากได้นี่ อย่างเป็นระบบ..... เรียกได้ว่า ถ้าธรรมกาย หาประโยชน์จากคำสอนใดของพระพุทธเจ้าได้ สำนักนี้ ไม่ลังเล ที่จะนำมาใช้ เพื่อดูดทรัพย์จากสมาชิกที่มีความเชื่อแบบ ธรรมกายๆ แม้แต่น้อย..... แต่ ถ้าคำสอนใดของพระพุทธเจ้าเป็นภัยต่อเจ้าสำนักนี้ ผมเห็นดีแต่เลี่ยงบาลี ยักยอกเงินวัด มีหลักฐานจากอัยการชัดเจน พระลิขิตก็ระบุความผิด ดั๊นปฏิเสธไม่ยอมรับผิดตามหลักพระธรรมวินัย แถม สำนักนี้ก็ดูเอาสิครับ นิพพานยังไม่เอา อยากจะไปรื้อวัฏฏะแบบนั้น ผมถึงทึ่งไง ว่า สอนกันแบบนี้ ก็ทำได้หรือ..... สอนกันเพื่อเป็นไปเพื่อหลักเจตนาใด ?? คนธรรมกายคงต้องตอบตัวเองให้ได้นะครับ สังเกตมาให้อ่านให้พิจารณากันก็เท่านั้นเอง จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 11:48:53 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แบบนี้ ก็สุดยอดเลยสิครับ สมมติว่า ทำบุญและอนุโมทนาบุญกับผู้อื่น รวมแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้น 1 บาท สมมุติว่าได้บุญ 10 หน่วย ถ้าใครมีหนังสือเสบียงบุญไว้ครอบครอง ดูรูปแล้วนั่งนึก มันเข้าไป ว่า ได้ทำบุญทั้งหมดไว้ 1 บาท จะส่งผลให้ได้บุญเพิ่มเป็น 20 หน่วย 30 หน่วย เช่นนั้นได้จริงๆหรือ น่าสนใจดีแท้ๆ จากคุณ : nameonics  - [ 18 พ.ค. 50 21:00:50 ]   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:41:31 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ความคิดเห็นที่ 1   ต้องชมมาร์เก็ตติ้งจริงๆ ว่า เข้าใจคิดดีแท้ๆ ยิ่งเน้นสโลแกนว่า " เปิดปุ๊บ นึกถึงบุญออกปั๊บ "                       " ได้บุญเพิ่มขึ้นทันที"     แบบนี้ ผมขอชมจริงๆนะ ว่า คิดสโลแกน ได้เหมาะกับกลุ่มลูกค้า คือ คนธรรมกายที่หลงในตัวบุญ อยากจะได้บุญมากๆ แบบถึงใจจริงๆ ทำให้ต้องจริต คนโลภบุญ แบบนี้ ไม่ทราบคิดออกมาได้อย่างไร เก่งจริงๆ..... จากคุณ : nameonics  - [ 18 พ.ค. 50 21:04:22 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ความคิดเห็นที่ 3   คราวนี้ออกนอกหนังสือหน่อย มาดูกันสักนิดว่า ทำไม สำนักนี้ถึงสอนให้เน้น ลงทุน หรือ สะสม บุญ แบบที่จะทำทั้งที ต้องทำให้มัน สุดคุ้ม ก็เพราะสำนักนี้ เค้าไม่ชอบไปนิพพานเร็วๆ คุณ ธัมมชโย ถึงพูดว่า ที่พักของพันธ์หนีวัฏฏะ คือ นิพพาน แบบนี้น่ะ ที่ธรรมกายเค้าไม่ชอบกันครับ (ทั้งๆที่ชาวพุทธเราไม่ว่าใครที่ไหน ก็ล้วนแต่อยากจะไป นิพพานเนี่ยนะ คุณ ธัมมชโย?) * มาดูกันครับว่า สำนักนี้เค้าชอบอะไร มีใครตอบได้บ้างครับ? นั่นไง ผมว่าต้องมีคนตอบได้แน่ๆ สำนักนี้ เค้าไม่ไปนิพพานครับ เค้าจะไป ดุสิตบุรี เค้าเรียกคนพันธุ์นี้ว่า ชาวพันธุ์รื้อวัฎฎะ ชาวธรรมกายเค้าถึงต้องอดในชาตินี้ เอาเงินมาทุ่มบุญ เพื่อจะได้ เป็นอย่างที่เจ้าสำนักเค้า คุณ ธัมมชโย ได้สอนไว้ ( แต่ไม่รู้ว่า สอนแบบนี้ ตรงกับในพระไตรปิฏกหรือไม่นะ...) แบบนี้นี่ไงครับ จากคุณ : nameonics  - [ 18 พ.ค. 50 21:18:29 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:43:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 การนำ หลักการลงทุนแบบเศรษฐกิจทุนนิยม มาใช้ในการทำบุญ นั่นคือ ทำมากได้มาก ทำเสร็จแล้ว เหมือน เงินต่อเงิน แต่ เรียกว่า บุญต่อบุญ คือ ถ้าทำกับธรรมกาย แล้ว บุญนี้จะช่วย ดูดทรัพย์  ให้คุณรวยขึ้นไปอีก พูดง่ายๆ สำนักนี้เน้น ความรวย (มิน่าล่ะชอบถ่ายแต่รูปลูกศิษย์กระเป๋าหนัก) แบบนี้ถึงจะไม่อิงหลักเศรษฐกิจพอเพียงสักเท่าไร แต่ก็โอ้โฮ  อึ้งไหมล่ะครับ ที่วัด วัดหนึ่ง (ไม่ใช่ องค์กรธุรกิจนะครับ) จะมีความเข้าใจลึกซึ้ง เข้าถึงหัวอกหัวใจของคนอยากมีเงิน อยากรวย ได้ถึงแก่นถึงเพียงนี้ สามารถนำเอาเรื่อง เงิน การลงทุน มาเปลี่ยนเป็น ตัวบุญ และ วิชา ดูดทรัพย์ ต่อทรัพย์ ได้แบบนี้ ผมว่า ไม่ย่อยจริงๆ แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 50 21:59:46 จากคุณ : nameonics  - [ 18 พ.ค. 50 21:36:59 ] จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:46:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 จาก................... จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:46:42 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ความคิดเห็นที่ 3   คราวนี้ออกนอกหนังสือหน่อย มาดูกันสักนิดว่า ทำไม สำนักนี้ถึงสอนให้เน้น ลงทุน หรือ สะสม บุญ แบบที่จะทำทั้งที ต้องทำให้มัน สุดคุ้ม ก็เพราะสำนักนี้ เค้าไม่ชอบไปนิพพานเร็วๆ คุณ ธัมมชโย ถึงพูดว่า ที่พักของพันธ์หนีวัฏฏะ คือ นิพพาน แบบนี้น่ะ ที่ธรรมกายเค้าไม่ชอบกันครับ (ทั้งๆที่ชาวพุทธเราไม่ว่าใครที่ไหน ก็ล้วนแต่อยากจะไป นิพพานเนี่ยนะ คุณ ธัมมชโย?) * มาดูกันครับว่า สำนักนี้เค้าชอบอะไร มีใครตอบได้บ้างครับ? นั่นไง ผมว่าต้องมีคนตอบได้แน่ๆ สำนักนี้ เค้าไม่ไปนิพพานครับ เค้าจะไป ดุสิตบุรี เค้าเรียกคนพันธุ์นี้ว่า ชาวพันธุ์รื้อวัฎฎะ จากคุณ : nameonics  - [ 18 พ.ค. 50 21:18:29 ] จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:48:19 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ก็เลยต้องหาทางออกมาในแนว "ไปตัดวัฏฏะ" กันดีกว่า เลื่อนจุดหมาย ให้มันไกลไปอีกสักนิด ใครจะได้มาตรวจสอบไม่ได้ พอบอกว่า จุดหมาย (ที่ขัดกับสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงสอนไว้) มันไกล ก็เลยต้องสะสมเสบียง ต้องมีการสร้างโปรเจ็คหมื่นล้าน แสนล้าน ต้องทำให้ธรรมกายมีสมาชิกมากๆ ถึงต้องมีดาวเทียม ต้องอิงการเมือง เพราะเห็นแล้วว่า การเมืองก็เอื้อประโยชน์ให้ธรรมกาย ดังนั้น โปรเจ็คสร้างนู่นสร้างนี่ จะไม่จบแน่นอน เราจะยังคงเห็นชาวธรรมกาย ออกมาจุดพลุกันตามงาน ในวันงานของธรรมกาย ที่มีปฏิทินประจำปี ให้ทุกคนได้เตรียมลงทุนกันอยู่เสมอ ช่างน่าอัศจรรย์ใจเสียนี่กระไร   ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จาก............... จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 48 การสร้างเจดีย์................. จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 49 จาก............ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 12:51:14 ]

ความคิดเห็นที่ 50                               มาขำบรรดาธัมมชโยสาวก   ไม่รู้ว่าหลงหัวปักหัวปำอยู่ได้ไง ฤาษีแปลงสารพระไตรปิฎก เป็น Big Boon สุดคุ้มไปซะแล้ว 1.)  ชัดเจนว่า ธัมมชโยบิดเบือนพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์   แม้กระทั่งวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดแห่งวัดปากน้ำภาษีเจริญ ก็ถูกบิดเบือนเช่นกัน  ศิษย์วิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดที่ไม่ใช่สายคลองสามย่อมประจักษ์ชัดแจ้งว่าแตกต่างกันมาก   นับประสาอะไรกับพระไตรปิฎกของพระพุทธองค์จะไม่ถูกบิดเบือน วิชชาธรรมกายได้รับการเผยแพร่ไม่เกิน 100 ปี  ยังถูกบิดเบือนแปลงสารได้ขนาดนี้   แล้วพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ได้รับการเผยแพร่มาร่วม 2,600 ปี  จะไม่ถูกบิดเบือนจากธัมมชโยคนนี้ได้ยังไง 2.) ชัดเจนว่า อวดอุตริฯ อาทิเช่น กลั่นอาหารทิพย์ถวายพระพุทธเจ้าในแดนนิพพาน  อุตริที่ ธัมมชโยบอกว่า เป็นสถานที่รวมพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า และพระอรหันต์   เพราะมันไม่มีจริงน่ะสิ   ถ้าหากมีจริงตามที่ธัมมชโยกล่าวอ้าง   พระพุทธองค์ย่อมที่จะบอกกล่าวต่อพุทธสาวกทั้งหลายและย่อมที่จะถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก   หากจะมีใครโต้แย้งว่า เป็นเรื่องไร้สาระพระพุทธองค์จึงไม่สั่งสอนเรื่องแดนนิพพาน  ผมก็มีข้อโต้แย้งว่า เรื่องที่พระองค์จะสถิตย์อยู่ในแดนนิพพานภายหลังปรินิพพาน  กับเรื่องที่พระพุทธองค์เสด็จไปเทศนาธรรมโปรดพระพุทธมารดาและเหล่าเทพบุตร เทพธิดา เทวดาทั้งหลายบนดุสิตบุรี เอ้ยสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น  มีความสำคัญพอ ๆ กัน  พระพุทธองค์ย่อมที่จะแสดงธรรมทั้งสองกรณี     และที่สำคัญ  ก่อนปรินิพพาน  พระพุทธองค์คงจะตรัสแก่พุทธสาวกว่า ภายหลังปรินิพพานแล้ว  หากมีธรรมใด ๆ ที่ไม่เข้าใจ  หรือหากมีธรรมใด ๆ ที่เป็นข้อถกเถียง/พิพาท ก็ให้พุทธสาวกที่สำเร็จอรหัตผล เข้าไปหารือ/ปรึกษาธรรมกับเหล่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย/พระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย และพระอรหันตเจ้าทั้งหลายในแดนนิพพาน เพราะมันไม่มีจริงอ่ะสิ  พระพุทธองค์จึงไม่กล่าวถึง ซ้ำร้าย  ธัมมชโยยังไม่บรรลุอรหัตผล(เพราะปรารถนาพุทธภูมิ-จึงยังไม่บรรลุอรหัตผลจ้ะ)  จะเดินทางเข้าไปถวายข้าวพระพุทธเจ้าในแดนนิพพาน(ถ้ามีจริง)ได้ยังไง 3.)  ชัดเจนว่า ยักยอกทรัพย์ตามลิขิตพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช  และตามที่ตนเองยอมรับโดยดุษฎีด้วยการโอนเงินและที่ดินคืนให้กับวัดพระธรรมกาย   ดังคำแถลงของอัยการเมื่อเดือนสิงหาคม 2549 4.)  ชัดเจนว่า  ธัมมชโยพ้นจากการเป็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายไปแล้ว   ทั้งตามลิขิตพระบัญชาของสมเด็จพระสังฆราช  และทั้งตามหลักฐานทางศาลที่แม้กระทั่งอัยการก็ระบุไว้ในคำฟ้องว่า  "พระธัมมชโย  หรือพระไชบูลย์ สิทธิผล  หรือนายไชยบูลย์ สิทธิผล   อ ดี ต เ จ้ า อ า ว า ส วั ด พ ร ะ ธ ร ร ม ก า ย" 5.)  ชัดเจนว่า  ภายหลังเสร็จสิ้นคดี  ธัมมชโยยังคงสำแดงตนเป็นพระสงฆ์ สำแดงตนเป็นเจ้าอาวาสวัด  หลอกลวงพุทธศาสนิกว่าตนเองเป็นพระสงฆ์/เป็นเจ้าอาวาส  ทั้งที่ตนเองนั้นหมดความชอบธรรมด้วยประการทั้งปวงไปแล้ว 6.)  ชัดเจนว่า ธัมมชโยกระทำตัวเป็น "ฤาษีแปลงสาร"  ด้วยการแปลงสาร "วันคุ้มครองโลก"  เป็น  "วันมหาสังฆทาน"    ทั้งนี้ เพราะวันที่ 22 เมษายน เป็นวันคล้ายวันเกิดของธัมมชโย   และบังเอิญตรงกับ "วันคุ้มครองโลก" ตามประกาศขององค์การสหประชาชาติ   จึงฉวยจังหวะ ฉวยโอกาส  แปลงสาร "วันคุ้มครองโลก"  เป็น "วันมหาสังฆทาน" ==>>  http://www.dhammakaya.or.th/events/480422_th.php ต่อไปนี้เป็นข้อความส่วนหนึ่งจากเวบไซด์ธรรมกาย ==>> "......ทั้งนี้ เพื่อเป็น การกระตุ้นเตือนชาวโลก เกิดจิตสำนึก หันมาดูแลโลกของเรา ให้รอดพ้น จากภัยพิบัติ อันเกิด จากน้ำมือ ของมนุษย์ โดยเฉพาะ อย่างยิ่ง ปัญหาสิ่งแวดล้อม ที่ถูกทำลายล้าง อย่างรวดเร็ว เช่น การตัดไม้ ทำลายป่า และการทิ้ง กากสารเคมี อันเป็นผลพวง จากสงคราม และกระบวนการ อุตสาหกรรม ที่เป็นเหตุให้ ผืนดิน และ ผืนน้ำ ถูกปนเปื้อน ด้วยมลพิษ ซึ่งนับจากวันนั้น เป็นต้นมา กิจกรรม วันคุ้มครองโลก ก็ได้ขยาย ขอบข่าย ไปทั่วทุกมุมโลก ตราบกระทั่งทุกวันนี้ ......" ข้อความดังกล่าวนี้ คือสาเหตุที่แท้จริงของการประกาศและจัดกิจกรรม "วันคุ้มครองโลก" ของสหประชาชาติ แต่ข้อความต่อไปนี้  ฤาษีแปลงสารให้เข้ากับบรรยากาศการจัดมหาสังฆทาน ".....อย่างไรก็ตาม เท่าที่ผ่านมา จากอดีตถึงปัจจุบัน แม้ชาวโลกจะพยายามรณรงค์เรื่องนี้มากเพียงใด แต่ก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก การทำลายล้าง ทรัพยากรธรรมชาติ และ ทรัพยากรมนุษย์ ยังคงดำเนินต่อไป อย่างไม่หยุดยั้ง ตราบเท่าที่ มนุษย์ยังคงไม่เข้าใจว่า ต้นตอของปัญหา ทั้งหมด ในโลกนี้ ล้วนเกิดขึ้น จากใจของมนุษย์ ทั้งสิ้น ดังนั้น หากชาวโลก หันมาแก้ไขปัญหา ที่ต้นเหตุ คือ  ใ จ ข อ ง ม นุ ษ ย์  ย่อมนำไปสู่ การคุ้มครองโลก ที่สัมฤทธิผล ได้อย่างแน่นอน ...." เห็นหรือยังว่า ฤาษีแปลงสารกันอย่างไร  ? ? ? ซ้ำร้าย  ดูข้อความต่อไปนี้  เป็นการอวดอ้าง  และอุปโลกน์เอาความดีเข้าตัว ว่า ตัวแทนของมูลนิธิวัดพระธรรมกายเป็นผู้เสนอให้วันที่ 22 เมษายน เป็นวันคุ้มครองโลก  ไปดูกัน "....และ ใ น ท่ า ม ก ล า ง  ป ร ะ ช า ค ม โ ล ก  หลายองค์กร ได้ให้ความสำคัญ กับกระแส ของการรณรงค์ ดังกล่าว รวมถึงองค์กร ทางศาสนา ก็ได้ให้ความสำคัญ กับกิจกรรมนี้ด้วยเช่นกัน ในส่วนของพระพุทธศาสนานั้น องค์การยุวพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก (ยพสล.)  โดยการนำเสนอ ของผู้แทน มู ล นิ ธิ ธ ร ร ม ก า ย   ไ ด้ มี ม ติ ใ ห้ วั น ที่   ๒ ๒   เ ม ษ า ย น ข อ ง ทุ ก ปี   เ ป็ น วั น คุ้ ม ค ร อ ง โ ล ก  ภายใต้คำขวัญว่า “Clean the World Clean the Mind” เพราะตระหนักดีว่า ทรัพยากร และสิ่งแวดล้อม ที่ทรงคุณค่าที่สุด คือ ใจของมนุษย์ ซึ่งควรจะได้รับ การปกป้อง คุ้มครอง รักษา ด้วยธรรมะ ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้เป็นใจที่สะอาดบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส คือ ความโลภ โกรธ หลง ที่คอยชักใย ให้มนุษย์ เกิดความคิด คำพูด และการกระทำ ที่เบียดเบียน ซึ่งกันและกัน ทำให้ได้รับความทุกข์ร้อน อย่างไม่รู้จักจบสิ้น ....." เพราะในความเป็นจริงแล้ว  วันคุ้มครองโลกมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505 ดู  ===>>  http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81 ดู  ===>>  http://www.aksorn.com/document/day_detail.asp?id=178 ดู  ===>>  http://search.yahoo.com/search?ei=utf-8&fr=slv8-&p=%e0%b8%a7%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%84%e0%b8%b8%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b9%82%e0%b8%a5%e0%b8%81 ดู  ===>>  http://www.google.com/custom?q=วันคุ้มครองโลก&sa= แต่ ฤาษีแปลงสาร เพิ่งสร้างวัดพระธรรมกายเมื่อราว พ.ศ. 2519-20  นี่เอง เห็น กระบวนการของ ฤาษีแปลงสารวันคุ้มครองโลกแล้วยังครับ ทั่วทั้งโลกมีวัดพระธรรมกายแห่งเดียวล่ะครับที่จัดกิจกรรม  "มหาสังฆทาน 20,000 วัด"   ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับสภาวะแวดล้อมธรรมชาติแต่อย่างใด   หากแต่เกี่ยวข้องที่เป็นวันเกิดของธัมมชโยล้วน ๆ     มิหนำซ้ำกิจกรรมดังกล่าว  เป็นกิจกรรมที่เร่งเร้าสภาวะแวดล้อมโลกอีกต่างหากด้วยซ้ำไป   ทั้งขบวนรถจากทั่วสารทิศ เผาผลาญน้ำมันไม่รู้ว่าเท่าไร ไหนจะเศษกระดาษ เศษอาหาร วัสดุเหลือใช้จากการตกแต่งสถานที่  วัสดุเหลือใช้จากการโฆษณา ฯลฯ   มันตรงกันข้ามกับการคุ้มครองโลกอย่างสิ้นเชิง                                                               พระปลอม  /  แต่งกายเลียนแบพระสงฆ์ จากคุณ : ทวนทอง - [ 19 พ.ค. 50 13:05:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 "โยมไม่มีสตางค์มาทำบุญ หลวงพี่ก็แนะให้โยมไปกู้เขามาทำบุญก็ได้" *********** เฮ้ย เอากันขนาดนี้เลยเรอะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 19 พ.ค. 50 13:14:59 ]

ความคิดเห็นที่ 52 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๒ อังคุตตรนิกาย เอก-ทุก-ติกนิบาต ภิกษุทั้งหลาย ปฏิปทา ๓ อย่างนี้แล ฯ             [๕๙๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ต้อง ตกนรก เหมือนกับถูกนำเอาไปฝังไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ ฆ่าสัตว์ ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจในการฆ่าสัตว์ ๑ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องตกนรก เหมือนกับ ถูกนำเอาไปฝังไว้ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการขึ้นสวรรค์ เหมือนกับเชิญเอาไปวางไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ เว้นขาดจากการฆ่า สัตว์ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ พอใจในการงด เว้นจากการฆ่าสัตว์ ๑ ... ลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการลักทรัพย์ ๑ พอใจในการลักทรัพย์ ๑ ... งดเว้นจากการลักทรัพย์ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่น ในการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการลักทรัพย์ ๑ ... ประพฤติผิดในกามด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจ ในการประพฤติผิดในกาม ๑ ... งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ ชักชวนผู้ อื่นในการงดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม ๑ พอใจในการงดเว้นจากการประพฤติ ผิดในกาม ๑ ... พูดเท็จด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการพูดเท็จ ๑ พอใจใน การพูดเท็จ ๑ ... งดเว้นจากการพูดเท็จด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้น จากการพูดเท็จ ๑ พอใจในการงดเว้นจากการพูดเท็จ ๑ ... กล่าวคำส่อเสียดด้วย ตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในคำส่อเสียด ๑ พอใจในคำส่อเสียด ๑ ... งดเว้นจาก คำส่อเสียดด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากคำส่อเสียด ๑ พอใจใน การงดเว้นจากคำส่อเสียด ๑ ... กล่าวคำหยาบด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในคำ หยาบ ๑ พอใจในคำหยาบ ๑ ... งดเว้นจากคำหยาบด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่น ในการงดเว้นจากคำหยาบ ๑ พอใจในการงดเว้นจากคำหยาบ ๑ ... กล่าวคำเพ้อ เจ้อด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในคำเพ้อเจ้อ ๑ พอใจในคำเพ้อเจ้อ ๑ ... เว้น ขาดจากคำเพ้อเจ้อด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในการงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อ ๑ พอ ใจในการงดเว้นจากคำเพ้อเจ้อ ๑ ... เป็นผู้ละโมภด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นใน ความละโมภ ๑ พอใจในความละโมภ ๑ ... ไม่มากด้วยความละโมภด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในความไม่ละโมภ ๑ พอใจในความไม่ละโมภ ๑ ... มีจิตพยาบาท ด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในความพยาบาท ๑ พอใจในความพยาบาท ๑ ... มี จิตไม่พยาบาทด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในความไม่พยาบาท ๑ พอใจในความ ไม่พยาบาท ๑ ... มีความเห็นผิดด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นผิด ๑ พอใจในความเห็นผิด ๑ ... ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ ต้องได้ขึ้นสวรรค์ เหมือนกับเชิญเอาไปวางไว้ ธรรม ๓ ประการเป็นไฉน คือ มีความเห็นชอบด้วยตนเอง ๑ ชักชวนผู้อื่นในความเห็นชอบ ๑ พอใจในความ เห็นชอบ ๑ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการนี้แล ต้องได้ ขึ้นสวรรค์ เหมือนกับเชิญเอาไปวางไว้ ฯ             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๐  บรรทัดที่ ๗๘๘๖ - ๗๙๒๐.  หน้าที่  ๓๓๙ - ๓๔๐. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=20&A=7886&Z=7920&pagebreak=0             อ่านโดยใช้เครื่องหมาย [เลขข้อ] เป็น เกณฑ์แบ่งข้อ ที่ :- http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=20&item=598&items=1&preline=1&mode=[]             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=596             สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่ ๒๐ http://84000.org/tipitaka/read/?สารบัญพระไตรปิฎกเล่มที่_๒๐ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/mean_reverse.php?text=20&Aindex=%CA%D2%C3%BA%D1%AD จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 19 พ.ค. 50 13:20:49 ]

ความคิดเห็นที่ 53 161 ฆราวาสก็มีหวังได้ลิ้มรสนิพพาน ปัญหา เท่าที่ได้ฟังมานั้น การที่จะได้บรรลุมรรคผลนิพพาน รู้สึกว่าเป็นกิจที่ทำได้ยากมาก จะต้องสละโลกออกบวช ไปอยู่ในป่าบำเพ็ญศีลสมาธิปัญญาอย่างเคร่งครัด ซึ่งน้อยคนจะกระทำได้ สำหรับฆราวาสที่ยังต้องอยู่ครองเรือนมีหน้าที่ในการเลี้ยงครอบครัว จะปฏิบัติอย่างไรจึงจะมีโอกาสได้ลิ้มรสแห่งนิพพานสุขบ้าง ? พุทธดำรัสตอบ “.....สาวกของพระอริยเจ้าในศาสนานี้ย่อมพิจารณาเห็นว่า เราปรารถนาชีวิตไม่คิดอยากตาย ปรารถนาแต่ความสุขสบายเกลียดหน่ายต่อความทุกข์ บุคคลผู้ใดจะพึงปลงเราเสียจากชีวิต ข้อนั้นจะไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แล ถ้าเราจะพึงปลงผู้อื่นเสียจากชีวิต ถึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้นั้น ธรรมอันใดที่ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราธรรมอันนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของคนอื่น....... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้วตนก็เว้นเสียจากปาณาติบาต แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากปาณาติบาต และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากปาณาติบาต...... “บุคคลใดจะพึงถือเอาสิ่งของที่เราไม่ให้ซึ่งนับว่าเป็นขโมย ข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แล เราจะถือเอาสิ่งของที่ผู้อื่นไม่ให้ ถึงขอนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากอทินนาทานและชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากอทินนาทาน และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการอทินนาทาน... “บุคคลใดจะประพฤติละเมิดในภรยาของเรา ข้อนั้นไม่ถึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะถึงประพฤติละเมิดในภรรยาของผู้อื่น ถึงข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากกาเมสุมิจฉาจาร และชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากกาเมสุมิจฉาจาร และพรรณนาคุณของการเว้นจากกาเมสุมิจฉาจาร.... “บุคคลใดจะพึงทำลายประโยชน์ของเราเสียด้วยการพูดปด ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงทำลายประโยชน์ของผู้อื่นเสียด้วยการพูดปด ถึงข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นดังนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากการพูดปด แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นเสียจากการพูดปดแลกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการพูดปด.... “บุคคลใดจะพึงทำให้เราแตกจากมิตรด้วยการกล่าวส่อเสียด ข้อนั้นก็ไม่พึงเป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงทำผู้อื่นให้แตกจากมิตรด้วยการกล่าวส่อเสียด ถึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้ว ตนก็เว้นเสียจากกการกล่าวส่อเสียด และชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าวส่อเสียด และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าวส่อเสียด “บุคคลใดจะพึงร้องเรียกเราด้วยคำหยาบ ข้อนั้นก็ไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลเราจะพึงร้องเรียกคนอื่นด้วยคำหยาบเล่า พึงข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... พิจารณาเห็นอย่างนี้แล้วตนก็เว้นเสียจากการกล่าวว่าจากหยาบ และชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าววาจาหยาบ และกล่าวพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าววาจาหยาบ.... “บุคคลใดจะพึงร้องเรียกเราด้วยการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ ข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของเราเลย ก็แลจะพึงร้องเรียกผู้อื่นด้วยการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ ข้อนั้นก็จะไม่เป็นที่รักใคร่ชอบใจของผู้อื่น.... แลชักชวนผู้อื่นให้เว้นจากการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ และพรรณนาคุณของการเว้นจากการกล่าววาจาปราศจากประโยชน์ “สาวกของพระอริยเจ้านั้น ประกอบด้วยความเลื่อมใสในพระพุทธเจ้า ไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยความเลื่อมใสมั่นในพระธรรมไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยความเลื่อมใสมั่นในพระสงฆ์ ไม่หวั่นไหว... ประกอบด้วยศีล ทั้งหลายอันพระอริยเจ้ารักใคร่ไม่ให้ขาด ไม่ให้เป็นท่อน ไม่ให้ด่างพร้อย เป็นไทย (ไม่เป็นทาสแหงตัณหา) อันผู้รู้สรรเสริญอันตัณหาแลทิฐิไม่ครอบงำได้เป็นไปเพื่อสมาธิ “เมื่อใด สาวกของพระอริยเจ้า ประกอบด้วยสัทธรรมความชอบเหล่านี้แล้ว... ก็จะพึงพยากรณ์ได้ด้วยตนเองว่า เรามีนรกสิ้นแล้ว เรามีกำเนิดเดียรัจฉานเปรตวิสัย อบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราเป็นผู้ถึงต้นกระแสแห่งพระนิพพานแล้ว ไม่มีทางที่จะตกไปในอบายทั้งสี่อย่างแน่นอน เป็นผู้เที่ยงต่อพระนิพพาน เป็นผู้มีอันจะได้ตรัสรู้ในเบื้องหน้า” ดังนี้ เวฬุทวารสูตร ม. สํ. (๑๔๕๙-๑๔๖๗) ตบ. ๑๙ : ๔๔๓-๔๔๖ ตท. ๑๙ : ๔๐๓-๔๐๖ ตอ. K.S. V : ๓๐๘-๓๑๑ จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 19 พ.ค. 50 13:23:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ทำบุญหวังบุญมันจะบุญจริงเหรอ มันเป็นไปเพื่อการสะสม ไม่ได้เป็นไปเพื่อลดกิเลสเล๊ย มีแต่เพิ่มๆๆๆ แล้วไปสอนว่าทำมากๆจะได้บุญทันในชาตินี้ยิ่งตาโตไปกันใหญ่ เข้าใจแล้วว่าทำไมบางคนถึงได้ทุ่มทำบุญสุดตัว แล้วก็มาบ่นว่า ไม่รวยซักที สงสัยต้องทำเพิ่มอีกๆๆ  เอาบ้านไปขายมาทำบุญ บุญต้องช่วยให้รวยแน่ๆ ต้องได้สิๆ(ก็หลวงพ่อสอนไว้นี่นา) หลายครั้งเห็นคำสอนของธรรมกายแล้วชอบนึกว่ นี่มันศาสนาอะไรสกันเนี่ย จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 19 พ.ค. 50 13:34:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ศาสนาพุทธครับเผยแผ่ไปทั่วโลกแล้ว จะอนุโมทนารึป่าว จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 19 พ.ค. 50 14:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 56 พระปลอม  /  แต่งกายเลียนแบพระสงฆ์ จากคุณ : ทวนทอง  - [ 19 พ.ค. 50 13:05:32 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 15:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ?? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 15:33:20 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ความคิดเห็นที่ 54   ทำบุญหวังบุญมันจะบุญจริงเหรอ มันเป็นไปเพื่อการสะสม ไม่ได้เป็นไปเพื่อลดกิเลสเล๊ย มีแต่เพิ่มๆๆๆ แล้วไปสอนว่าทำมากๆจะได้บุญทันในชาตินี้ยิ่งตาโตไปกันใหญ่ เข้าใจแล้วว่าทำไมบางคนถึงได้ทุ่มทำบุญสุดตัว แล้วก็มาบ่นว่า ไม่รวยซักที สงสัยต้องทำเพิ่มอีกๆๆ  เอาบ้านไปขายมาทำบุญ บุญต้องช่วยให้รวยแน่ๆ ต้องได้สิๆ(ก็หลวงพ่อสอนไว้นี่นา) หลายครั้งเห็นคำสอนของธรรมกายแล้วชอบนึกว่ นี่มันศาสนาอะไรสกันเนี่ย จากคุณ : แมวเก้าแต้ม  - [ 19 พ.ค. 50 13:34:34 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 15:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ..... จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 15:36:18 ]

ความคิดเห็นที่ 60 :) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 15:37:03 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ความคิดเห็นที่ 56   พระปลอม  /  แต่งกายเลียนแบพระสงฆ์ จากคุณ : ทวนทอง  - [ 19 พ.ค. 50 13:05:32 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม   - [ 19 พ.ค. 50 15:32:56 ] ************** ไม่สูบไม่ดื่ม ทำอะไรอยู่จ๊ะ...... คุณ ทวนทอง น่ะ เค้าพูดถึงกรณีคุณ ธัมมชโย ที่อยู่ในเมืองไทย วันและเวลา ก็ วันที่ 22 เมษายน หน้าร้อนของไทยเราดีๆนี่เอง แต่ คุณ ธัมมชโย เลือกที่จะใส่ "เสื้อแขนยาว" และ "ใส่ถุงน่องสีขาว" แบบนี้ เค้าถามว่า กำลังแต่งตัวเลียนแบบสงฆ์หรือไม่? ไม่สูบไม่ดื่ม แต่ มั่ว ดันไปเอารูปพระที่ท่านอยู่ในเมืองหนาว อนุโลมให้ใส่จีวรที่รักษาความ อบอุ่นได้ ( ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครกังขา ) มามั่วนิ่ม เพื่อช่วย คุณ ธัมมชโย แบบนี้ เค้าเรียกว่า เจตนาไม่บริสุทธิ์ นี่นา รู้อยู่แก่ใจว่า รูปที่คุณนำมาเป็นภาพจากไหนแท้ๆ ดันทำแบบนี้ สมแล้วที่เป็นศิษย์ธรรมกาย เล่นแร่แปรธาตุเก่งจริงๆ จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 16:57:10 ]

ความคิดเห็นที่ 62 แล้วนี่น่ะ ที่เค้าถามกันมาโดยตลอด ว่า ใส่ทำไม ถุงน่องกับเสื้อแขนยาวนี้น่ะ จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 17:05:42 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ไม่สูบไม่ดื่ม ก็บอกเองแท้ๆ ว่า "รู้" ว่าทำไมถึงใส่ถุงน่อง เสื้อแขนยาว แต่กระทู้ที่คุณพูดไว้ ผ่านไป 68 ความเห็น คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่เห็นออกมาตอบเสียที ว่า เหตุใด คุณ ธัมมชโย ถึงต้องใส่ เสื้อแขนยาว กับ ใส่ถุงน่อง (นี่ไม่รวมที่มีคนตั้งข้อสังเกตุว่า คุณ ธัมมชโย แต่งหน้าด้วย หรือเปล่า ) จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 17:08:51 ]

ความคิดเห็นที่ 64 ทำแบบนี้ ไม่ดีนะจ๊ะ คุณ ธัมมชโย ไม่ได้สอนไว้หรือ? แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ดีว่าคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นคนซับซ้อน มีต่อหน้า ลับหลัง เช่นเดียวกัน กับที่คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ได้กระทำไว้ ต่อหน้าพระธรรมยุต คุณอ้างว่า "คุณดีใจ คุณไม่ติดใจ" และเป็นที่นิยมของพระธรรมยุตรูปนั้น เนื่องจาก คุณ ธัมมชโย สอนให้ใช้ปิยวาจา กับพระ แต่พอลับหลัง เพื่อช่วยกรณี คุณ ธัมมชโย มีการกระทำอันเป็นเรื่องปาราชิก คุณ ไม่สูบ เลยแต่งเรื่องขึ้นมาด่าพระธรรมยุตรูปนั้น ว่า ปาราชิกไหม -ที่เอาเงินคุณไม่สูบไม่ดื่ม (หรือเปล่าก็ไม่รู้?? ) เพราะคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่รู้จริงๆ แต่ก็เลือกที่จะคิดให้โทษพระรูปนั้น โดยไม่มีหลักฐาน -แล้วก็ด่าพระท่านนั้น ว่า เอาเงินคุณไปฉัน "เป็นค่าบำรุงความสุขสนองปาก" แถม ยังต้องมี "ค่ารถ" อีก จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 17:18:19 ]

ความคิดเห็นที่ 65 แล้ว พฤติกรรมของคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม แบบที่ไปนำธรรมของหลวงตามหาบัว มาโพส เพื่อช่วยเหลือคุณ ธัมมชโย แบบที่เห็นกันบ่อยๆ นี้ ผมถามว่า จริงใจ แค่ไหน หว่า? ก็ตัวคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม เอง ขนาดอ้างว่า "ตั้งใจ" ถวายเงินให้พระ 5000 บาท แต่ลับหลังเอาพระมาด่าชุ่ยๆ ได้ถึงขนาดที่เห็นกันอยู่จะๆแบบนี้ ถามว่า คุณไม่สูบไม่ดื่ม เคารพ ในธรรมะของหลวงตามหาบัวจริงๆหรือ? เพราะไอ้ที่อ้างว่า ถวายเงินพระห้าพัน แต่เอาพระมาด่าแบบ "ทึกทักไปเอง" เพื่อช่วยคุณ ธัมมชโย แบบนั้น คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม เป็น "นักเสียสละ" ตัวจริง ตามธรรมะของหลวงตา แล้วหรือยัง ลองตรวจสอบตัวคุณไม่สูบไม่ดื่มเองเสียหน่อยดีไหม.... จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 17:24:02 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ยิ่ง "เรื่องตัวอย่าง" ที่มี"เจตนา"ตั้งใจ"กุ"ขึ้นมาด่าพระธรรมยุต เพื่อให้ "เข้าทาง" คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม จะได้กล่าวหาว่า พระท่านปาราชิก เหมือนกับ คุณ ธัมมชโย ไหม ทำแบบนี้ก็ทำได้หรือครับ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม แล้ว ธรรมะของหลวงตา ที่คุณไม่สูบไม่ดื่ม ยกมา ที่ท่านสอนไว้ว่า "อย่าปากเปราะ นินทาชาวบ้านเขา" แต่ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม นอกจาก "ปากเปราะ" ใช้จิตใจที่อยากจะช่วย คุณ ธัมมชโย สมมติเรื่องขึ้นมาด่าพระ ว่า ใช้เงินของคุณเป็น "ค่าบำรุงสนองความสุขบำรุงปาก" โดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ เข้าข่าย ปากเปราะ ขี้นินทา เพราะ ไม่ได้มีหลักฐานว่าเป็นเรื่องจริงไหมครับ? ดังนั้น พฤติกรรมซ้ำซาก ของคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ที่ชอบยกเอารูป หรือ ธรรมะของพระท่านอื่น ที่ไม่ได้เกี่ยวกับกรณีที่ มีการพูดถึง แต่ ชอบนำธรรมะ หรือ รูปของท่านอื่น มาอ้างข้างๆคูๆ โดยมีเจตนา เพื่อช่วยให้คุณ ธัมมชโย รอด นั้น ผมว่า มันเก่าไปแล้วครับ แล้วก็น่าละอายมาก เพราะ ธรรมะที่คุณยกมานั้น คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ยังปฏิบัติเอง ทำเองไม่ได้เสียด้วยซ้ำ เกิดเป็นคน จะทำอะไร ผมว่า น่าจะมีศักดิ์ศรี แล้ว ก็มีความตั้งใจ และ เจตนา ที่ดีกว่านี้สักหน่อย ไหมครับ คุณไม่สูบไม่ดื่ม ที่เตือนมานี้ ไม่ใช่เพราะไม่ชอบ หรือ โกรธ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม เป็นการส่วนตัว แต่เป็นเพราะ เห็น พฤติกรรมที่ไม่น่านิยม ที่คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ทำบ่อย แบบผิดฝาผิดตัว (เช่นเอาธรรมะของหลวงตาที่ท่านเน้นให้อยู่ในศีลในธรรม มาช่วย คนยักยอกเงินวัดจน อาบัติ ปาราชิก แบบนี้) หรือ ดันทะลึ่งไปเอารูปพระในเมืองหนาว มาใส่ ? เพื่อช่วย กรณีคุณ ธัมมชโย ใส่เสื้อแขนยาว กับ ถุงน่อง แบบนี้ ผมว่า คนดีๆ มีศีลมีธรรม ก็น่าจะละอายแก่ใจ รู้ตัวเองว่า กำลังทำการด้วย เจตนาเช่นใด ไม่ใช่หรือ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม..... ทีหลัง ถ้าสำนึกแล้ว ก็อย่าทำนิสสัยไม่ดี แบบนี้อีกนะจ๊ะ อยากจะช่วย คุณ ธัมมชโย ก็เอาเลย เอาเหตุผล ที่คุณมี หรือ นำสิ่งที่คุณ ธัมมชโย สอนคุณไว้ มาพูดกัน ไอ้ที่เล่นไปเอาเรื่องดีๆ ของพระท่านอื่น มาช่วย คุณ ธัมมชโย แบบไปน้ำขุ่นๆแบบนี้ ขอทีเถอะ เพราะ "มันเก่าแล้ว" หามุขใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์กว่านี้ มาหากินเถิด ไม่เชื่อผม ก็อายตัวเองบ้างนะ หวังว่า ความดีที่น่าจะยังมีอยู่บ้างในตัวคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม คงพอจะสะกิด ให้คุณได้สำนึก ไม่กระทำเรื่องที่น่าละอาย แบบที่ผ่านมาในอดีตนะครับ โอเคมะ จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 17:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ความคิดเห็นที่ 64   ทำแบบนี้ ไม่ดีนะจ๊ะ คุณ ธัมมชโย ไม่ได้สอนไว้หรือ? แต่ก็นั่นแหละ ผมรู้ดีว่าคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ก็เป็นเช่นนี้เอง เป็นคนซับซ้อน มีต่อหน้า ลับหลัง เช่นเดียวกัน กับที่คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ได้กระทำไว้ ต่อหน้าพระธรรมยุต คุณอ้างว่า "คุณดีใจ คุณไม่ติดใจ" และเป็นที่นิยมของพระธรรมยุตรูปนั้น เนื่องจาก คุณ ธัมมชโย สอนให้ใช้ปิยวาจา กับพระ แต่พอลับหลัง เพื่อช่วยกรณี คุณ ธัมมชโย มีการกระทำอันเป็นเรื่องปาราชิก คุณ ไม่สูบ เลยแต่งเรื่องขึ้นมาด่าพระธรรมยุตรูปนั้น ว่า ปาราชิกไหม -ที่เอาเงินคุณไม่สูบไม่ดื่ม (หรือเปล่าก็ไม่รู้?? ) เพราะคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่รู้จริงๆ แต่ก็เลือกที่จะคิดให้โทษพระรูปนั้น โดยไม่มีหลักฐาน -แล้วก็ด่าพระท่านนั้น ว่า เอาเงินคุณไปฉัน "เป็นค่าบำรุงความสุขสนองปาก" แถม ยังต้องมี "ค่ารถ" อีก จากคุณ : nameonics  - [ 19 พ.ค. 50 17:18:19 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 22:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 68 แต่ คุณ ธัมมชโย เลือกที่จะใส่ "เสื้อแขนยาว" และ "ใส่ถุงน่องสีขาว" แบบนี้ เค้าถามว่า กำลังแต่งตัวเลียนแบบสงฆ์หรือไม่? +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 22:04:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ไม่สูบไม่ดื่ม แต่ มั่ว ดันไปเอารูปพระที่ท่านอยู่ในเมืองหนาว อนุโลมให้ใส่จีวรที่รักษาความ อบอุ่นได้ ( ไม่มีใครสงสัย ไม่มีใครกังขา ) มามั่วนิ่ม เพื่อช่วย คุณ ธัมมชโย แบบนี้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ คงจะไม่เคยเห็นพระใส่เวลาอาพาธ โธ่ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 22:06:27 ]

ความคิดเห็นที่ 70 แล้วนี่น่ะ ที่เค้าถามกันมาโดยตลอด ว่า ใส่ทำไม ถุงน่องกับเสื้อแขนยาวนี้น่ะ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ :))) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 22:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คราวหลังหาข้อมูลเองบ้างก็ได้นะ nameonics จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 22:09:39 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ก็เอวัง ด้วยประการ ฉะนี้ สัตว์โลก ย่อมเป็นไปตามกรรม จากคุณ : เถลิงเกียรติ - [ 19 พ.ค. 50 22:16:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โอ๊ย ขำ ถามกันมากระทู้เก่า 68 ความเห็น ก็อมพระนำ ไม่พูดไม่จา คนเค้าอยากรู้ ว่า คุณ ธัมมชโย ใส่ เสื้อแขนยาว กับ ถุงน่อง ทำไม ตอนหน้าร้อน  กลางเดือนเมษา แบบนี้ ไอ้เราก็ว่า แปลก  เพราะแทนที่จะตอบ ว่า ธัมมชโย ป่วย ไม่สูบไม่ดื่ม ดันไปเอารูปพระในเมืองหนาว มาโพสแก้เขินให้คุณ ธัมมชโย ทำเอา งง ว่า เออ.... มันคนละเรื่องกันเลยนี่หว่า..... ท่านนึงอยู่ในเมืองหนาว ใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่นน่ะเข้าใจได้ แต่ คุณ ธัมมชโย ทั้งร้อนตับแลบ ทั้งออกมากลางแดด มันเกี่ยวยังไงหว่า ทีหลังก็ตอบให้มันง่ายๆ ไม่ต้องมีฟอร์มมาก ว่า ป่วย ใครเค้าจะไปว่าอะไร ไม่สูบไม่ดื่ม 5 5 5 เฮ้อ ทำเป็นฟอร์มไม่เข้าท่าไปได้.... ตอบให้รู้เรื่องทำง่ายๆ ดันไม่ทำ 5 5 5 *** ปล. ไอ้รูปที่โพสมาแก้ตัวว่า ไม่ได้ด่าพระน่ะ โพสมาใหม่ให้อ่านรู้เรื่อง หน่อยนะ ไม่สูบไม่ดื่ม อ่านไม่รู้เรื่องเรย....... โอเค๊ จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 22:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เอ๊า กลับมาเรื่อง  ทำบุญ ให้เป็น สินค้า ต่อ หน่อย... วิสาขบูชานี้ ธรรมกายก็ออกสินค้าใหม่มาอีกแล้วครับท่าน.... เช่นเคยครับ ทำบุญเพื่อความดี คงไม่พอดี ธรรมกายเลยต้องเน้น เอาความมั่งมี อยากจะเป็นเศรษฐี มาผูกติด กับพิธีกรรม ซึ่งผมเดา ว่า ตอนท้ายของงาน ถ้าเป็นตอนเย็น เดี๋ยวจะต้องมีรูปชุด จุดพลุ ( ที่เอาเงินทำบุญของคุณไม่สูบไม่ดื่ม ไปบริจาค นั่นแหละ เอามาจุดพลุแบบนั้น   ก็ไม่ทราบ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม จะไม่ลองไปถามคุณ ธัมมชโย หน่อยหรือครับ ว่า ทำแบบนั้น ไม่ทราบ เอาเงินคุณไม่สูบไป "สนองความสุข บำรุงสายตา ความจำเริญทางใจ" แบบนั้น หรือเปล่า? ) แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 22:53:24 จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 22:50:20 ]

ความคิดเห็นที่ 75 มาดูกันนะครับ ว่า มีระบบขั้นบันได เศรษฐีแบบไหน ให้ ชาวธรรมกายที่อยากรวย ได้เลือกกันบ้าง ทุนนิยมดีแท้ๆ จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 22:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 76 รูปต่าง ๆ ที่คุณไม่สูบเอามาให้ดู ล้วนแต่เป็นพระเถระผู้ใหญ่/อาวุโส ทั้งยังเป็นผู้อาพาธอีกด้วย ส่วนพระหนุ่มที่เอามาเสนอเป็นพระหนุ่มที่อยู่เมืองหนาว ทั้งหลายเหล่านั้น  ล้วนแต่มีเหตุให้บรรเทาเรื่องการห่มจีวร/สังฆาฏิบ้าง แต่ธัมมชโยใส่เสื้อยืดแขนยาวเวลากลางวันแดดเปรี้ยง ๆ ออกปานนั้นน่ะนะ  แถมยังสวมถุงเท้า/Makeup หน้าทาปากแดงอีกต่างหาก  ท่ามกลางพระสงฆ์ที่ห่มจีวรปกติร่วม 50,000 รูปเนี่ยะนะ ศีลขาดตั้งแต่ศีล 8 อันเป็นศีลระดับของอุบาสกอุบาสิกาแล้วหรือนี่ เพราะธัมมชโยยังไม่เข้าใจศีล 8  แล้วจะเข้าใจข้อห้ามอันยิ่งยวด 4 ประการที่นำไปสู่การปาราชิกได้ยังไงล่ะครับ มิน่าถึงได้กระทำการฝ่าฝืนลิขิตพระบัญชาสมเด็จพระสังฆราช ทั้งยังทนทู่ซี้อยู่อย่างไม่ละอายต่อบาป  ที่ตนเองได้ยอมรับในชั้นศาลไปแล้วว่า ยักยอกทรัพย์ของวัดพระธรรมกายไปจริง นั่นเท่ากับยอมรับว่าตนเองได้ปาราชิกขาดจากการเป็นพระสงฆ์ไปแล้ว แต่ก็ยังเก้อยากอยู่ดี จากคุณ : ทวนทอง - [ 19 พ.ค. 50 23:00:55 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ใครอยากได้อะไร อย่างไร ธรรมกายเค้าประกาศชัดเจน ระบุไว้เลย ราคาเท่าไร ก็ไม่รู้ทำไมหนอ จะต้องใช้สัญลักษณ์ให้มันวุ่นวาย ชอบทำอะไรให้มันวุ่นๆเข้าไว้ เหมือน ไม่สูบเลยแฮะ แปลกดี จะบอกมันไปตรงๆว่า 1M คือ 1 ล้าน 1S คือ 1 แสน 1m คือ 1 หมื่น หรือเปล่าหว่า แบบนี้ก็ไม่กล้า ต้องทำมาเหนียมอาย เหมือนกับที่ ไม่สูบไม่ยอมบอก ว่า ธัมมชโย ป่วย ก็แค่นั้น เรื่องง่ายๆ สำนักนี้เค้าไม่ทำครับ เก่งกันจริงๆ.... จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 23:01:02 ]

ความคิดเห็นที่ 78 มีเข็มกลัดเพชรแบ่งระดับด้วย อย่างกับลัทธิขายตรง Amway เลยแฮะ ขณะที่มีบางคนสละเงินที่จะซื้อ laptop เพื่อให้คณะบุคคลเอาเงินไปหมุนเวียนขับเคลื่อนจานบิน หุหุหุ น่าสงสารจัง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 19 พ.ค. 50 23:10:16 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ความคิดเห็นที่ 77   ใครอยากได้อะไร อย่างไร ธรรมกายเค้าประกาศชัดเจน ระบุไว้เลย ราคาเท่าไร ก็ไม่รู้ทำไมหนอ จะต้องใช้สัญลักษณ์ให้มันวุ่นวาย ชอบทำอะไรให้มันวุ่นๆเข้าไว้ เหมือน ไม่สูบเลยแฮะ แปลกดี จะบอกมันไปตรงๆว่า 1M คือ 1 ล้าน 1S คือ 1 แสน 1m คือ 1 หมื่น หรือเปล่าหว่า แบบนี้ก็ไม่กล้า ต้องทำมาเหนียมอาย เหมือนกับที่ ไม่สูบไม่ยอมบอก ว่า ธัมมชโย ป่วย ก็แค่นั้น เรื่องง่ายๆ สำนักนี้เค้าไม่ทำครับ เก่งกันจริงๆ.... ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 23:17:37 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ?? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 23:18:23 ]

ความคิดเห็นที่ 81 แหม คุณ ทวนทอง ไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยว คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม แกก็ไม่มีทางออกหรอก..... เค้าว่าป่วย เราก็ว่าป่วยไปเถอะ ท่าทางจะแย่แล้วครับเนี่ย ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ ( อันนี้ผมชมจริงๆนะ ก็ดูคุณ ธัมมชโย สิ หน้านี้ ยัง ใส เชียว) ต้องมาใส่เสื้อแขนยาว กับ ถุงเท้า ตลอดเวลาแบบนี้ ไอ้บ้านเราก็ร้อนๆ คงร้อนตัวแย่เลย ไหนจะเหงื่อ ไหนจะอบอ้าว แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 23:23:13 จากคุณ : nameonics - [ 19 พ.ค. 50 23:22:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ความคิดเห็นที่ 78   มีเข็มกลัดเพชรแบ่งระดับด้วย อย่างกับลัทธิขายตรง Amway เลยแฮะ ขณะที่มีบางคนสละเงินที่จะซื้อ laptop เพื่อให้คณะบุคคลเอาเงินไปหมุนเวียนขับเคลื่อนจานบิน หุหุหุ น่าสงสารจัง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 19 พ.ค. 50 23:10:16 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ คงจะห่างไกลความเจริญจัด เลยยังใช้ laptop อยู่ เด๋วนี้เขาใช้โน๊ตบุ๊คกันจ้ะน้องดับบี้ คงมีแต่คนล้าหลังมัวแต่ละเมอเชียร์อิรักว่าทำให้เมกาบลี้ดดิ้ง โธ่ เขาฮั้วกันหมดแล้ว เฮ้ย ตื่นๆ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 23:26:02 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ความคิดเห็นที่ 81   แหม คุณ ทวนทอง ไปพูดอย่างนั้น เดี๋ยว คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม แกก็ไม่มีทางออกหรอก..... เค้าว่าป่วย เราก็ว่าป่วยไปเถอะ ท่าทางจะแย่แล้วครับเนี่ย ยังหนุ่มยังแน่นแท้ๆ ( อันนี้ผมชมจริงๆนะ ก็ดูคุณ ธัมมชโย สิ หน้านี้ ยัง ใส เชียว) ต้องมาใส่เสื้อแขนยาว กับ ถุงเท้า ตลอดเวลาแบบนี้ ไอ้บ้านเราก็ร้อนๆ คงร้อนตัวแย่เลย ไหนจะเหงื่อ ไหนจะอบอ้าว แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 50 23:23:13 จากคุณ : nameonics  - [ 19 พ.ค. 50 23:22:32 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ท่านอายุหกสิบสามแล้วนะครับ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 19 พ.ค. 50 23:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 84 #82 แล้ว laptop กับ notebook มันต่างกันตรงไหนหว่า แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 50 01:48:31 จากคุณ : mangnoon - [ 20 พ.ค. 50 01:47:51 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ธมก ก็ยังงีแหละ รู้ๆกันอยู่ ต่อหน้าบอกอย่างนึงแล้วมาทำเป็นอธิบายอีกอย่างนึง  อย่างคำ "ฝันในฝัน"  พระพุทธเจ้าเป็น "พันธุ์หนีวัฏฏะ" ตอบอะไรตรงไปตรงมาไม่ค่อยได้ อ้ำๆอึ้งๆ บางทีเราถามเพราะสงสัยจริงๆ แต่ตัวเองไม่กล้าตอบตามที่คิดที่เชื่อจริงๆ  ก็มากระแนะกระแหนเราอีก เล่นเอาฮา แล้วเข็มกลัดรุ่น อภิมหึมามหาเศรษฐี มีป่าวเนี่ย จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 20 พ.ค. 50 02:35:44 ]

ความคิดเห็นที่ 86 โอ๊ย ขำอีกแล้ว น้อง ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่ตอบให้ตรงประเด็น เนี่ย..... ไม่นึกจริงๆว่า จะมาปล่อยไก่ ให้ขำกันตอนดึกๆแบบนี้ ไม่รู้หรือครับว่า laptop กับ notebook มันก็ portable เหมือนกัน ไอ้ที่ น้องไม่สูบ ไปค่อนแคะ คุณ ดาบเสี้ยว เค้าน่ะ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้อง ต้องเรียกว่า desktop นะจ๊ะ.. เขินไหมเนี่ย ไปหาว่า คนอื่นเค้าอยู่ห่างไกลความเจริญจัด แต่ ตัวเองดันปล่อยไก่ออกมานอกเล้าตัวโตซะขนาดนี้.... อ่านแล้วสงสัยจริงๆ ว่าใครยังไม่ตื่นกันแน่ อุอุอุ นิสัยแบบนี้ ไม่น่ารักน่าเอ็นดูยังไงไหว ใช่ไหม คุณ ไม่สูบ ไม่รู้แล้วยังปล่อยไก่ แบบนี้เนี่ย ยั๊งทำไปด๊าย.... เริ่ดซะไม่มีอ่ะ 5 5 ****** ความคิดเห็นที่ 83 คงจะห่างไกลความเจริญจัด เลยยังใช้ laptop อยู่ เด๋วนี้เขาใช้โน๊ตบุ๊คกันจ้ะน้องดับบี้ คงมีแต่คนล้าหลังมัวแต่ละเมอเชียร์อิรักว่าทำให้เมกาบลี้ดดิ้ง โธ่ เขาฮั้วกันหมดแล้ว เฮ้ย ตื่นๆ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม   - [ 19 พ.ค. 50 23:26:02 ] จากคุณ : nameonics - [ 20 พ.ค. 50 02:55:35 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อ้อ เรื่องหน้าใส รู้สึกคุณ ไม่สูบ จะติดใจ 63 แล้วยังไงหรือครับ ก็ผมชมว่า คุณ ธัมมชโย หน้าใส จริงๆ ยิ่งถ้าเทียบกับรูปของพระเถระรูปอื่นๆ ที่สูงอายุกว่า คุณ ธัมมชโย 63 แล้ว ยัง "หน้าใส" ขนาดนี้ ผมพูดผิดตรงไหนหรือ? แล้วที่บอกว่า เห็นใจต้องใส่ชุดออกงาน ท่ามกลางแดดในหน้าร้อนเนี่ย คงร้อนตัวร้อนกาย เพราะอากาศมันร้อน เหงื่อก็คงไหล อบในชุดแบบนั้น ผมพูดผิดตรงไหนหรือ ไม่สูบไม่ดื่ม อยากจะตั้งประเด็นอะไรอีกล่ะเนี่ย?  งง จ๊ะ? ?? ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบรูปดูสิ  คุณ ธัมมชโย หน้าใส จริงๆ หรือเปล่าล่ะ? จากคุณ : nameonics - [ 20 พ.ค. 50 03:00:35 ]

ความคิดเห็นที่ 88 แล้ว laptop กับ notebook มันต่างกันยังไง ไม่เข้าใจ http://en.wikipedia.org/wiki/Laptop ที่ต่างกันชัดเจนคือ ไม่สบายเลยใส่เสื้อกันหนาวตอนเดือนเมษายน คนหนาวตอนเดือนเมษายน ผมว่าควรนอนอยู่บนเตียงมากกว่ามาเดินจัดงานวันเกิด เพราะดูแล้วอาการท่าจะหนักหากหนาวสั่นถึงหัวแม่เท้าขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ก็คงจะเป็นเทรนด์ใหม่มั้ง เหมือนพวกแร็บเปอร์ติงต๊องที่สวมชุดหนา ๆ แสดงตัวตนแต่ลืมมองสภาพภูมิอากาศ เดินไปมาในเมืองร้อนให้ฝรั่งมันขำ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 20 พ.ค. 50 08:07:56 ]

ความคิดเห็นที่ 89 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5402887/Y5402887.html จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 20 พ.ค. 50 08:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 90 หลงเข้ามาจริงๆนะ เห็นคำว่า บิ๊ก บุน แล้วก็ อึ้ง... สักพักก็ขำก๊าก ออกมา เนี่ยะเพิ่งหยุด สมน้ำหน้าอิชั้นไปเถอะค่ะ พวกคุณ สมเพชอิชั้นไปก็ได้ ไม่แคร์ แต่ไม่เอาด้วยอ่ะ บิ๊ก บุน อุจาดตามากๆ อิชั้นเป็นคนไม่มีศาสนามั้ง ความอดทนต่ำอ่ะ แต่ก็เห็นบางคนชัดๆเลยนะ ความอดทนต่ำกว่าเรามากเลย ทั้งๆที่ได้ บิ๊ก บุน ไปเยอะมาก จากคุณ : แดงเร็กเก้บาร์ - [ 20 พ.ค. 50 15:57:23 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ทั้งธัมมชโยและสาวกถูกนิมิตผีหลอกเอาเลยเพี้ยนออกจากพุทธศาสนา   ฟันธง จากคุณ : แกก - [ 20 พ.ค. 50 18:39:06 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ความคิดเห็นที่ 88   แล้ว laptop กับ notebook มันต่างกันยังไง ไม่เข้าใจ http://en.wikipedia.org/wiki/Laptop +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ รุ่นพี่มีแค่กระดาษกับปากกาก็สร้างตึกอยู่ได้เป็นร้อยปี แต่รุ่นเอ็งถึงมีซุปเปอร์คอมบวกออโตแค็ทคงสร้างได้แค่ระเบิดปิงปอง คงเป็นเพราะมุสลิมรุ่นใหม่มีแต่ผลิตผลอย่างนัองดับบี้นี่เอง ถึงได้รบแพ้ทหารนัศรอนีย์ในทุกสนาม จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:13:10 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ที่ต่างกันชัดเจนคือ ไม่สบายเลยใส่เสื้อกันหนาวตอนเดือนเมษายน คนหนาวตอนเดือนเมษายน ผมว่าควรนอนอยู่บนเตียงมากกว่ามาเดินจัดงานวันเกิด เพราะดูแล้วอาการท่าจะหนักหากหนาวสั่นถึงหัวแม่เท้าขนาดนั้น ถ้าไม่ใช่ก็คงจะเป็นเทรนด์ใหม่มั้ง เหมือนพวกแร็บเปอร์ติงต๊องที่สวมชุดหนา ๆ แสดงตัวตนแต่ลืมมองสภาพภูมิอากาศ เดินไปมาในเมืองร้อนให้ฝรั่งมันขำ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 20 พ.ค. 50 08:07:56 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ พระท่านอาพาธก็แต่งกายสมควรแก่สมณภาพ ไม่ได้มีจุดประสงค์อื่น น้องดับบี้ถามพี่แล้วพี่ก็ถามน้องดับบี้บ้างนะครับ อากาศร้อนๆอย่างนี้แล้วมุสลิมพวกนี้ทำไมแต่งตัวอย่างนี้ล่ะครับ? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 94 ร้อนๆอย่างนี้ ลูกเล็กเด็กแดงลำบากแย่เลย พี่สงสารเด็กน่ะครับ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:18:02 ]

ความคิดเห็นที่ 95 โอ้โห น้องดับบี้ครับ ตกลงมุสลิมนี่แต่งกันเหมือนกันได้ทั้งชายหญิงหรือเปล่าครับเนี่ย ทำไมผู้ชายพวกนี้แต่งตัวห่มฮิญาบได้ด้วยล่ะครับ พี่อยากรู้จริงๆเลย น้องดับบี้ตอบพี่หน่อยสิครับ แล้วเวลาน้องดับบี้ไปเรียนที่ลาดกระบังนี่น้องดับบี้คลุมฮิญาบหรือเปล่าครับ? [คลิกเพื่อชมภาพขนาดจริง] จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 96 โทษที ภาพใหญ่ไปนิด แหมน้องดับบี้นี่ เข้ามาได้จังหวะพอดีเลย พี่ๆเขากำลังคุยเรื่องศาสนาพุทธอยู่พอดี โผล่มาพี่เลยขอถามกลับบ้างนะครับ ไม่ร้อนเหรอเนี่ย เดือนเมษายนเหมือนกันอีก โห ท่าทางจะเครียดๆยังไงไม่รู้นะครับเนี่ย จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:22:20 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ความคิดเห็นที่ 87   อ้อ เรื่องหน้าใส รู้สึกคุณ ไม่สูบ จะติดใจ 63 แล้วยังไงหรือครับ ก็ผมชมว่า คุณ ธัมมชโย หน้าใส จริงๆ ยิ่งถ้าเทียบกับรูปของพระเถระรูปอื่นๆ ที่สูงอายุกว่า คุณ ธัมมชโย 63 แล้ว ยัง "หน้าใส" ขนาดนี้ ผมพูดผิดตรงไหนหรือ? แล้วที่บอกว่า เห็นใจต้องใส่ชุดออกงาน ท่ามกลางแดดในหน้าร้อนเนี่ย คงร้อนตัวร้อนกาย เพราะอากาศมันร้อน เหงื่อก็คงไหล อบในชุดแบบนั้น ผมพูดผิดตรงไหนหรือ ไม่สูบไม่ดื่ม อยากจะตั้งประเด็นอะไรอีกล่ะเนี่ย?  งง จ๊ะ? ?? ไม่เชื่อลองเปรียบเทียบรูปดูสิ  คุณ ธัมมชโย หน้าใส จริงๆ หรือเปล่าล่ะ? จากคุณ : nameonics  - [ 20 พ.ค. 50 03:00:35 ] ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ :))))))))))))))))))))))) คนตั้งประเด็นคือ nameonics นี่ครับ ไม่ใช่ผม :) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 20 พ.ค. 50 21:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 98 พออธิบายไม่ได้ก็เริ่มโจมตีคนอื่นเข้าแล้ว โฮ่ๆๆๆๆๆ จากคุณ : siranuchit - [ 20 พ.ค. 50 23:20:13 ]

ความคิดเห็นที่ 99 คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่ติดใจ ผมก็ไม่ติดใจอะไรหรอก....5 5 5 หน้าใสจริงๆ ก็ นั่นน่ะสิ เนอะ แต่ไอ้ที่จะมาใช้กระทู้ผม ไปกระทบกระเทียบเพื่อนคนไทยต่างศาสนา ทั้งๆที่ ชุดแต่งกายตามประเพณีของเค้าเป็นแบบนั้นแต่เดิมมาอยู่แล้ว แล้วเอามาเปรียบกับ การแต่งกายใส่เสื้อแขนยาว ใส่ถุงน่องของคุณ ธัมมชโย ที่ต่างไปจาก การแต่งกายของสงฆ์ไทยที่เป็นมาโดยทั่วไปนี้ ผมว่า อย่ามา"รอด รั๊กแร้" ผม ไปกระทบกระเทียบเพื่อนต่างศาสนาเค้าเลย จะดีกว่าไหมครับ? กระทู้นี้ ธรรมกาย ล้วนๆ ขอให้เข้าใจสักนิด ไม่งั้นมันจะเลยเถิด ที่ผ่านมา "ยกให้" เข้าใจน่ะว่า คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ก็เป็นซะแบบนี้ ผมน่ะรู้ดี เพราะเห็นบ่อย ว่า คุณพูดอะไรไว้ ไม่เคยทำได้จริง  นานๆไปก็เมายาหม่อง ลืมที่ตัวเองพูดไว้ นิสัยหน้าไหว้หลังหลอก แบบที่หลอกด่าพระแบบนั้น ทำบ่อยจนเลิกไม่ได้ ใช่ป่ะ? วันนี้ถึงอดเหน็บแนม ศาสนาอื่นไม่ได้ ทั้งๆที่กระทู้นี้เป็นเรื่องธรรมกายแท้ๆ อันนี้ไม่ได้พูดลอยๆนา มีหลักฐานอีกแล้ว หลายวันก่อน คุณเพิ่งออกมาเชียร์ ให้เขียนว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ยกเอามติ 7 องค์กรมาโชว์ให้ว่อนเว็บไปหมด มติ 7 องค์กร บอกไว้ว่าอะไรครับ บอกว่า ให้ใช้วิธีสันติวิธี และไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา แต่ ทั้งคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม และ ธรรมกาย ที่ส่งเงินส่งคนไปประท้วง ล้วนทำไม่ได้ ทั้ง 2 ข้อตามมติ 7 องค์กรนี้เลย พอจะจำการกระทำของสำนักธรรมกายและตัวคุณไม่สูบได้ไหมครับ? ดังนั้น กระทู้นี้หยุดสร้างความแตกแยกกับคนไทยต่างศาสนา มาคุยกันเรื่องธรรมกายก็พอนะ   หรือถ้าทำไม่ได้ ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่คุยกับคุณดาบเค้าเลยก็ได้ ผมไม่ว่าคุณหรอก..... โอเคนะ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม จากคุณ : nameonics - [ 21 พ.ค. 50 01:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ส่วนอันนี้ ยกมติ 7 องค์กรที่คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม นำมาโพสเองแท้ๆ อย่าบอกว่า เชื่อคุณ ธัมมชโย สนับสนุนให้ไปประท้วงกันแบบนั้น ทำได้ แต่ ไม่ขอเชื่อมติ 7 องค์กรนี้ ( หรือ เชื่อ แต่ถ้าหมดหน้าประท้วง แล้วอะไรๆที่สัญญาไว้  ก็ไม่ทำตามนะ) จากคุณ : nameonics - [ 21 พ.ค. 50 01:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 101 ผมกล้าด่ามุสลิมพวกนั้นว่าเสร่อใส่ มีที่ไหนธรรมดาก็เปิดหน้าคลุมฮิญาบปกติ แต่ประท้วงกลับปิดหน้าปิดตาแสดงภาวะซ่อนเร้น ทำผิดข้อกำหนดทางศาสนาในเรื่องเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่งกายเลียนแบบผู้หญิงเป็นบาปอันหนึ่ง ไม่สูบกล้าด่าหัวหน้าว่าเสร่อใส่บ้างรึเปล่า เอ... หรือว่าไม่สูบไม่ดื่มเห็นดีเห็นงามกับมุสลิมเจตนาไม่บริสุทธิ์เช่นนั้น ก็เพราะคุณธัมมชโยก็เจตนาไม่บริสุทธิ์มีภาวะซ่อนเร้นอยากดังอยากเด่นเช่นเดียวกัน เลยนำมาเปรียบเทียบทดแทนกันได้ ส่วนประเด็น notebook กับ laptop ลองพิมพ์ค้นหาคำว่า notebook computer ใน wiki ดูซิมันจะ redirect ไปที่ไหน ถ้า laptop มันเป็นคำเก่าเลิกใช้แล้วจะไม่ว่า แต่นี่คนทั่วไปเค้าใช้กันอยู่มันไม่แตกต่างหรอก อย่าแสดงความเง่าเหมือนกับการเอารูปพระสงฆ์เมืองหนาวเดือนธันวาออกมาเทียบกับคุณธัมมชโยเมืองร้อนเดือนเมษาเลยนะ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 21 พ.ค. 50 06:59:25 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ความคิดเห็นที่ 99   คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ไม่ติดใจ ผมก็ไม่ติดใจอะไรหรอก....5 5 5 หน้าใสจริงๆ ก็ นั่นน่ะสิ เนอะ แต่ไอ้ที่จะมาใช้กระทู้ผม ไปกระทบกระเทียบเพื่อนคนไทยต่างศาสนา ทั้งๆที่ ชุดแต่งกายตามประเพณีของเค้าเป็นแบบนั้นแต่เดิมมาอยู่แล้ว แล้วเอามาเปรียบกับ การแต่งกายใส่เสื้อแขนยาว ใส่ถุงน่องของคุณ ธัมมชโย ที่ต่างไปจาก การแต่งกายของสงฆ์ไทยที่เป็นมาโดยทั่วไปนี้ ผมว่า อย่ามา"รอด รั๊กแร้" ผม ไปกระทบกระเทียบเพื่อนต่างศาสนาเค้าเลย จะดีกว่าไหมครับ? กระทู้นี้ ธรรมกาย ล้วนๆ ขอให้เข้าใจสักนิด ไม่งั้นมันจะเลยเถิด ที่ผ่านมา "ยกให้" เข้าใจน่ะว่า คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ก็เป็นซะแบบนี้ ผมน่ะรู้ดี เพราะเห็นบ่อย ว่า คุณพูดอะไรไว้ ไม่เคยทำได้จริง  นานๆไปก็เมายาหม่อง ลืมที่ตัวเองพูดไว้ นิสัยหน้าไหว้หลังหลอก แบบที่หลอกด่าพระแบบนั้น ทำบ่อยจนเลิกไม่ได้ ใช่ป่ะ? วันนี้ถึงอดเหน็บแนม ศาสนาอื่นไม่ได้ ทั้งๆที่กระทู้นี้เป็นเรื่องธรรมกายแท้ๆ อันนี้ไม่ได้พูดลอยๆนา มีหลักฐานอีกแล้ว หลายวันก่อน คุณเพิ่งออกมาเชียร์ ให้เขียนว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ยกเอามติ 7 องค์กรมาโชว์ให้ว่อนเว็บไปหมด มติ 7 องค์กร บอกไว้ว่าอะไรครับ บอกว่า ให้ใช้วิธีสันติวิธี และไม่ก่อให้เกิดความแตกแยกทางศาสนา แต่ ทั้งคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม และ ธรรมกาย ที่ส่งเงินส่งคนไปประท้วง ล้วนทำไม่ได้ ทั้ง 2 ข้อตามมติ 7 องค์กรนี้เลย พอจะจำการกระทำของสำนักธรรมกายและตัวคุณไม่สูบได้ไหมครับ? ดังนั้น กระทู้นี้หยุดสร้างความแตกแยกกับคนไทยต่างศาสนา มาคุยกันเรื่องธรรมกายก็พอนะ   หรือถ้าทำไม่ได้ ก็ไปตั้งกระทู้ใหม่คุยกับคุณดาบเค้าเลยก็ได้ ผมไม่ว่าคุณหรอก..... โอเคนะ คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม จากคุณ : nameonics  - [ 21 พ.ค. 50 01:23:44 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โอว รับไม่ได้ อะไรกันครับ มากล่าวหาว่าผมไปกระทบกระเทียบมุสลิมอย่างน้องดับบี้เหรอ? โธ่ ผมไม่เคยด่าว่าอะไรน้องเขาเลยนะครับ มีแต่ตักเตือนด้วยความหวังดี ไม่เข้าใจอะไรก็ถามน้องเขา เอ nameonics ช่างเป็นคนเข้าใจอะไรในทางลบเสมอเลยนะครับเนี่ย ผมไม่เคยกล่าวคำหยาบคายใดกับน้องเขาเลยนะครับ จะบอกให้:) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 13:05:04 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ความคิดเห็นที่ 101   ผมกล้าด่ามุสลิมพวกนั้นว่าเสร่อใส่ มีที่ไหนธรรมดาก็เปิดหน้าคลุมฮิญาบปกติ แต่ประท้วงกลับปิดหน้าปิดตาแสดงภาวะซ่อนเร้น ทำผิดข้อกำหนดทางศาสนาในเรื่องเจตนาไม่บริสุทธิ์ แต่งกายเลียนแบบผู้หญิงเป็นบาปอันหนึ่ง ไม่สูบกล้าด่าหัวหน้าว่าเสร่อใส่บ้างรึเปล่า เอ... หรือว่าไม่สูบไม่ดื่มเห็นดีเห็นงามกับมุสลิมเจตนาไม่บริสุทธิ์เช่นนั้น ก็เพราะคุณธัมมชโยก็เจตนาไม่บริสุทธิ์มีภาวะซ่อนเร้นอยากดังอยากเด่นเช่นเดียวกัน เลยนำมาเปรียบเทียบทดแทนกันได้ +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ น้องดับบี้ทำไมว่าพี่อย่างนั้นล่ะครับ พี่เองถามน้องดีๆ ไม่เห็นต้องมากล่าวหาพี่เลย จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 13:07:13 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ส่วนประเด็น notebook กับ laptop ลองพิมพ์ค้นหาคำว่า notebook computer ใน wiki ดูซิมันจะ redirect ไปที่ไหน  ถ้า laptop มันเป็นคำเก่าเลิกใช้แล้วจะไม่ว่า แต่นี่คนทั่วไปเค้าใช้กันอยู่มันไม่แตกต่างหรอก อย่าแสดงความเง่าเหมือนกับการเอารูปพระสงฆ์เมืองหนาวเดือนธันวาออกมาเทียบกับคุณธัมมชโยเมืองร้อนเดือนเมษาเลยนะ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 21 พ.ค. 50 06:59:25 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ คำว่า งี่เง่าเป็นคำหยาบคายไม่สุภาพครับ ผิดหลักคำสอนครับ น้องดับบี้ จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 13:08:26 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ทำสิ่งที่เป็นหะรอมบ่อยๆ ถือเป็นการล้อเล่นกับพระเจ้าครับ มีสิทธิตกศาสนาเป็นกาเฟร โธ่น้องดับบี้เอ๋ย ไม่น่าเลย จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 13:10:15 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ส่วนประเด็น notebook กับ laptop ลองพิมพ์ค้นหาคำว่า notebook computer ใน wiki ดูซิมันจะ redirect ไปที่ไหน  ถ้า laptop มันเป็นคำเก่าเลิกใช้แล้วจะไม่ว่า แต่นี่คนทั่วไปเค้าใช้กันอยู่มันไม่แตกต่างหรอก อย่าแสดงความเง่าเหมือนกับการเอารูปพระสงฆ์เมืองหนาวเดือนธันวาออกมาเทียบกับคุณธัมมชโยเมืองร้อนเดือนเมษาเลยนะ จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 21 พ.ค. 50 06:59:25 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โธ่ อุตสาห์ชมว่ามีซุปเปอร์คอมกับออโตแค้ทก็สร้างระเบิดปิงปองได้ ตอนนี้เหลือแค่พับกระดาษเป็นรูปจรวดก็พอแล้ว เอ็งน่ะ เขาอนุโลมให้ใช้ได้ทั้งสองคำเพราะคนสมัยนี้มันลวกๆ แต่จริงๆมันมีความต่างกันในรายละเอียดทั้งขนาด และน้ำหนัก น้องดับบี้จะเอาไอ้ที่ใช้ๆกันลวกๆมาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้ครับ อ่านเสียใหม่................................................ ไม่เข้าใจก็ไปถามอาจารย์คอมเก่งๆที่นั่น ลาดกระบังมีใครมั่งฟะเนี่ย ไม่รู้อาจารย์ยืนแกไปสอนที่นั่นมั่งหรือเปล่า? จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 13:14:52 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ผมไม่เคยกล่าวคำหยาบคายใดกับน้องเขาเลยนะครับ จะบอกให้:) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม   - [ 21 พ.ค. 50 13:05:04 ] ผมก็ไม่ได้บอกว่า คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ใช้คำหยาบกับคุณดาบนี่นา.. (จะมีก็แค่ตอนด่าพระว่าเอาเงินคุณไปสนองความสุขบำรุงปากแบบนั้น อ่านดูก็รู้เช่นกันว่า เป็นพฤติกรรมปากเปราะ พูดพล่อยๆ ไม่มีหลักฐาน ตามวิสัยของคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม นั่นเอง) ผมบอกว่า ให้คุณเลิกพฤติกรรมเหน็บแนมเพื่อนคนไทยต่างศาสนา เพราะ ถ้าไม่เลิก ก็เท่ากับเป็นการกลืนน้ำลาย ไม่รักษามติของ 7 องค์กร ที่บอกให้ผู้ร่วมสนับสนุนให้กำหนดคำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องระวังไม่ให้เกิดความแตกแยกแก่คนไทยต่างศาสนา คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ ภาษาไทยด้วยหรือครับ? ถ้าจะมาเปิดประเด็นคุยเรื่องศาสนาอื่น ผมว่า คุณก็ไปที่กระทู้อื่นได้ ดังนั้น โตๆแล้ว น่าจะเข้าใจแล้วนะครับ.... หรือยังเป็นเด็กอยู่ ถึงพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่องครับ? แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 50 15:19:48 จากคุณ : nameonics - [ 21 พ.ค. 50 15:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 108 จากมหาปรินิพพานสูตร "ดูก่อนอานนท์ ธรรมก็ดี วินัยก็ดี ที่เราได้แสดงไว้ และบัญญัติไว้ด้วยดี นั่นแหละจักเป็นพระศาสดาของพวกท่าน สืบแทนเราตถาคต เมื่อเราล่วงไปแล้ว" -------------------------------------------------------------------------- เท่าที่ทราบ ไม่ว่าหนังสือใดที่เขียนขึ้นภายหลังก็อ้างอิงถึง พระไตรปิฎกทั้งสิ้น อย่างนั้นแล้ว เราควรจะยึดถือเอาพระธรรมวินัย ในพระไตรปิฏกเป็นเบื้องต้นก่อนหรือไม่ สิ่งใดที่ไม่มีในพระไตรปิฏกก็ไม่ควรจะเชื่อมากกว่าหรือไม่ อย่างน้อยคนที่อ่านหนังสือที่แต่งโดยพระอาจารย์รุ่นหลังๆควรจะ อ่านพระไตรปิฏก (หรืออย่างน้อยพระสูตร) ให้จบและเข้าใจก่อน หรือไม่ ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว คนก็จะยึดเอาสิ่งที่เขียนแต่งขึ้นภายหลัง ซึ่งเป็นประสบการณ์ในการปฏิบัติบ้าง ซึ่งแต่ละคนก็มีผลต่างๆกันไป และถ้าหากอาจารย์ท่านไหนปฏิบัติผิด แล้วนำมาสอนต่อผิดๆ ก็แย่สิ การเอาคำแปลกๆมาเพิ่มเติมจากพระไตรปิฏก เป็นการสมควรหรือไม่ เพราะคิดขึ้นเอาเองทีหลังทั้งนั้น สำหรับส่วนตัวผมนั้น คิดว่าพระไตรปิฏกเป็นเอกสารที่มีความพร้อมสมบูรณ์ อยู่ในตัวแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของพระวินัยของพระ (ซึ่งในปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีอยู่กี่รูปที่ประพฤติตามวินัยที่พระพุทธเจ้าบัญญัติไว้) พระสูตรที่ ได้อธิบายถึงแนวทางการปฏิบัติ(แบบกว้างขวาง)และผลสุดท้ายหรือแก่น ของพระพุทธศาสนาที่ทุกคนควรจะเข้าถึง นั่นคือ นิพพาน สรุปคือ ควรจะยึดเอาพระไตรปิฏกเป็นที่ตั้งก่อน เพื่อเทียบเคียงกับ สิ่งที่คุณปฏิบัติอยู่ เพื่อจะได้รู้ว่าถูกหรือผิด (ถึงแม้ว่าในการปฏิบัติจริง จะเกี่ยวข้องกับนามธรรมค่อนข้างมาก เพราะเป็นเรื่องของจิต แต่ก็ เกี่ยวเนื่องกับรูปธรรมอยู่ดี) ถ้ามีสติหน่อยก็จะได้ปรับปรุงวิธีปฏิบัติของ ตัวเองได้ แต่ไม่น่าจะเอาสิ่งที่ตัวเองปฏิบัติผิด ไปเปลี่ยนพระไตรปิฏกนะ ------------------------------------------------------------------------- ข้างบนนี่เป็นความเห็นแบบกว้างๆที่เกี่ยวกับการคำสั่งสอนของ พระพุทธเจ้านะครับ คราวนี้ มีคำถามสั้นๆเกี่ยวกับวัดธรรมกายครับ คือผมสงสัยว่า ท่านเจ้าอาวาสหรือพระอาวุโสของวัดนี้ เคยตอบคำถามทางธรรมให้กับลูกศิษย์ลูกหาบ้างหรือไม่ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับการทำสมาธิหรืออะไรก็แล้วแต่ (แต่ไม่เกี่ยวกับการหาเงินทำบุญนะ เพราะอุตส่าห์จะทำสมาธิแล้ว คงไม่ต้องพกเงินไปด้วยกระมัง) เพราะเท่าที่ผมดู DMC เปิดทีไรก็จะเจอพระรูปหนึ่งอ่านหนังสือหรือ นิทานให้ฟัง ทุกที จริงๆแล้ว ถ้าท่านสามารถตอบคำถามที่เกี่ยวข้อง กับการปฏิบัติธรรมได้ ก็จะดีครับ เพราะคำถามที่ผมจะถามก็คือ "แล้วยังไงต่อ" เพราะการปฏิบัติธรรม สุดท้ายแล้วก็ควรจะมีจุดสิ้นสุด คือนิพพาน และเมื่อถึงจุดนี้แล้วก็ไม่ ควรที่จะต้องมีการดิ้นรนทำอะไร เพื่ออะไรหรือเพื่อใครอีก นี่คือตามนิยามของนิพพาน ในพระไตรปิฏก เป็นสภาพดับสิ้นทั้งกิเลส อวิชชาที่สั่งสมมา ผมว่าการตอบคำถามของพระในวัดธรรมกายน่าจะเป็นการเสริมสร้าง ปัญญาแก่ผู้เข้าวัดได้ดีกว่าการไปนั่งฟังเฉยๆ แล้วควักเงินสร้างนู่นสร้างนี่ นะครับ จากคุณ : สังขาราอนิจจา - [ 21 พ.ค. 50 16:02:26 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ความคิดเห็นที่ 107   ผมไม่เคยกล่าวคำหยาบคายใดกับน้องเขาเลยนะครับ จะบอกให้:) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม   - [ 21 พ.ค. 50 13:05:04 ] ผมก็ไม่ได้บอกว่า คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม ใช้คำหยาบกับคุณดาบนี่นา.. (จะมีก็แค่ตอนด่าพระว่าเอาเงินคุณไปสนองความสุขบำรุงปากแบบนั้น อ่านดูก็รู้เช่นกันว่า เป็นพฤติกรรมปากเปราะ พูดพล่อยๆ ไม่มีหลักฐาน ตามวิสัยของคุณ ไม่สูบไม่ดื่ม นั่นเอง) ผมบอกว่า ให้คุณเลิกพฤติกรรมเหน็บแนมเพื่อนคนไทยต่างศาสนา เพราะ ถ้าไม่เลิก ก็เท่ากับเป็นการกลืนน้ำลาย ไม่รักษามติของ 7 องค์กร ที่บอกให้ผู้ร่วมสนับสนุนให้กำหนดคำว่าพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ต้องระวังไม่ให้เกิดความแตกแยกแก่คนไทยต่างศาสนา คุณ ไม่สูบไม่ดื่ม อ่านแล้ว ไม่เข้าใจ ภาษาไทยด้วยหรือครับ? ถ้าจะมาเปิดประเด็นคุยเรื่องศาสนาอื่น ผมว่า คุณก็ไปที่กระทู้อื่นได้ ดังนั้น โตๆแล้ว น่าจะเข้าใจแล้วนะครับ.... หรือยังเป็นเด็กอยู่ ถึงพูดแล้วฟังไม่รู้เรื่องครับ? แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 50 15:19:48 จากคุณ : nameonics  - [ 21 พ.ค. 50 15:07:50 ] +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ โอ้ว ตายจริง รับไม่ได้เลยอ่ะครับ nameonics มากล่าวหาผมเหน็บแนมเพื่อนต่างศาสนา ทำไมว่าผมอย่างนี้ล่ะครับ ผมไม่เห็นจะเหน็บแนมอะไรอะไรนี่ครับ nameonics มองหาในทู้นี้ดูสิครับ ถ้าไม่มีแสดงว่าคุณกล่าวหาผมมั่วน้า ;) จากคุณ : ไม่สูบไม่ดื่ม - [ 21 พ.ค. 50 21:43:25 ]

ความคิดเห็นที่ 110 เล่นกับ ไม่สูบไม่ดื่ม มาพอแระ มาดูกันต่อดีกว่าว่า เอา"บุญ" มาทำเป็นสินค้า แล้วผลลัพธ์เป็นอย่างไร? ผลก็คือ ธรรมกาย ก็ติดภาพลบ กลายเป็นสำนักดูดเงิน ที่แม้แต่ ธรรมกายเอง ก็รู้สึกได้ ถึง ภาพลบ ของสำนักตน จนต้องออกเอกสาร มาแก้ไขภาพลบในเรื่องเงิน ของตัวเอง จากคุณ : nameonics - [ 21 พ.ค. 50 23:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เรื่องแบบนี้ ธรรมกาย ทำออกมาบ่อย ผมเห็นแล้วก็ขำ ที่เอกสารของวัด แทนที่เนื้อหาจะเป็นเรื่องดีๆ กลับกลายเป็นเรื่อง คนธรรมกาย ออกมาแก้ตัว ให้กับภาพมัวหมอง ในเรื่องเงินของธรรมกายเองแท้ๆ ก็ช่วยไม่ได้จริงๆ ก็ขนาดเงินวัด ยังโดนยักยอกออกไปได้ ที่จับกันจะๆ ก็ 35 ล้าน อย่างไร ความผิดเรื่องเงินนี้ ก็คงเป็นด้านมืด ของธรรมกาย ที่สลัดไม่หลุดไปได้ ตราบเท่าที่ คนยักยอกเงินวัด ยังไม่ออกมารับผิด เลิกทำตัวเป็นพระนั่นเอง..... จากคุณ : nameonics - [ 21 พ.ค. 50 23:45:08 ]

ความคิดเห็นที่ 113 คุณ : nameonics ดูข้อ 5 ..ให้ดีดี จากคุณ : maneomicz - [ 21 พ.ค. 50 23:45:46 ]

ความคิดเห็นที่ 114 คนติเตียนพระพุทธเจ้า หรือติเตียนบรรพชิตหรือคฤหัสถ์สาวกของพระพุทธเจ้า พึงรู้ว่าเป็นคนถ่อย วสลสูตร จากคุณ : maneomicz - [ 21 พ.ค. 50 23:50:13 ]

ความคิดเห็นที่ 115 บุรุญเข็ญใจ ไม่มีศรัทธา เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น มีความดำริชั่ว เป็นมิจฉาทิฐิ ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ย่อมด่า ย่อมบริภาษสมณะหรือพราหมณ์ หรือวณิพกอื่นๆ เขาเป็นคนไม่มีประโยชน์ เป็นคนมักขึ้งเคียด ย่อมห้ามคนที่กำลังจะให้โภชนาหารแก่คนที่ขอ คนเหล่านั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงนรกอันร้ายแรง นี้ชื่อว่าผู้มืดแล้วคงมืดต่อไป ปุคคลสูตร จากคุณ : maneomicz - [ 21 พ.ค. 50 23:51:17 ]

ความคิดเห็นที่ 116 คนติเตียนพระพุทธเจ้า หรือติเตียนบรรพชิตหรือคฤหัสถ์สาวกของพระพุทธเจ้า พึงรู้ว่าเป็นคนถ่อย วสลสูตร จากคุณ : maneomicz - [ 21 พ.ค. 50 23:54:30 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คุณ : maneomicz   ช่วยกลับไป อ่านสิ่งที่คุณโพสมาให้ดีๆ นสพ.สยามรัฐ เค้าขอโทษที่ไปเอารูปคุณ ธัมมชโย ไปตัดหัวแล้วเอารูปตัวชีเปลือยมาใส่ให้ ผมก็ไม่ได้สนับสนุนให้ใครไปตัดต่อภาพคุณ ธัมมชโยให้เป็นนู๊ดแบบนั้นนี่นา เค้าขอโทษกันตรงนั้นก็ถูกแล้ว แต่ ที่คุณ ธัมมชโย ยักยอกเงินวัด 35 ล้านนั้นผิดจริงไปแล้ว ความผิดอันนี้ มันคนละเรื่องกับที่ นสพ.ขอโทษเลย อย่ามั่วครับ อย่ามั่ว ส่วนที่จะมายัดเยียดให้ผมเป็นคน พาล เพราะเพ่งโทษคุณ ธัมมชโย อันนี้ก็ไม่แปลกหรอก เพราะมันเป็นท่ามาตรฐาน ที่ชาวธรรมกาย ทำบ่อยๆ ผมก็ได้แต่แปลกใจ ว่า ทีคนชั่วยักยอกเงินวัด หรือ ทุศีล ทำสัทธรรมปฏิรูป แบบนั้น ทำไมคนธรรมกายไม่ไปลงโทษบ้าง ดีแต่กราบไหว้กันปะหลกๆ ไม่ได้อายพระพุทธเจ้า พระธรรมวินัย ที่พระองค์ทรงสอนไว้ กันเสียบ้างเลย ที่ไปสนับสนุนคนยักยอกวัดแบบนั้น พอผมเอาเรื่องจริงมาพูด มีหลักฐานทั้งนั้น กลับมาหาว่าผมเป็นคนพาล ก็แปลกดีนะ คนโกง ไม่ว่า ดันมาว่า คนนำมาเล่าให้ฟังว่า โกงอย่างไร แล้ว โกงแล้วต้องรับโทษ ผิดศีลธรรม ผิดหลักศาสนาอย่างไร สุดยอดไหมครับ กระบวนการล้างสมองของสำนักนี้ เจ๋งจริงๆ 5 5 5 จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 00:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ทำไมมีคนชื่อเลียนแบบคุณ nameonics เยอะจัง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 22 พ.ค. 50 00:08:27 ]

ความคิดเห็นที่ 120 Laptop is a small mobile computer ดังนั้น computer notebook เป็น subset ของ laptop ครับ โฮะโฮะ เรื่องแค่นี้เอามาเป็นประเด็น งั้นขอเล่นกับมันหน่อยซิ จะคอยดูเหมือนกันว่าแผลเรื้อรังที่เท้าคุณธัมมชโยเมื่อไหร่จะหาย จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes) - [ 22 พ.ค. 50 00:13:58 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ความคิดเห็นที่ 114   คนติเตียนพระพุทธเจ้า หรือติเตียนบรรพชิตหรือคฤหัสถ์สาวกของพระพุทธเจ้า พึงรู้ว่าเป็นคนถ่อย วสลสูตร จากคุณ : maneomicz  - [ 21 พ.ค. 50 23:50:13 ] ผมติเตียน - พฤติกรรมของ คนยักยอกเงินวัด - ที่ละเมิดพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า - คนที่เอาหลักธรรมของพระองค์ มาหากิน ใช้ประโยชน์ - คนที่ทำสัทธรรมปฏิรูป คุณ maneomicz พอจะรู้จักไหมล่ะครับ คนชั่วที่เข้าข่ายที่ผมยกมาให้ฟัง พอเป็นสังเขปนี้   ส่วนติเตียนคนเลวๆแบบนี้ แล้วจะทำให้ผมดูไม่ดีไปบ้าง ผมไม่ค่อยแคร์หรอก เพราะคนเลวบางจำพวก พูดดีๆก็ยิ่งได้ใจ พูดให้เจ็บๆคันๆไปบ้าง คงไม่เลวเท่าความเลวที่คนพวกนี้ได้ทำไว้ กับศาสนาหรอกกระมัง จริงไหมครับ คุณ maneomicz? จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 00:22:06 ]

ความคิดเห็นที่ 122 ทำไมมีคนชื่อเลียนแบบคุณ nameonics เยอะจัง จากคุณ : ดาบจันทร์เสี้ยว (Hermes)  - [ 22 พ.ค. 50 00:08:27 ]   พวกเลียนแบบ คงไม่ได้ใช้สมองคิดเท่าไร กระมังครับ ถึง ออกมา หงิก มั่ง มิ่ก มั่ง 5 5 5 ถ้ามีสมองมากกว่านี้ คงไม่เลียนแบบ หรือถ้ามีปัญญามากขึ้นไปอีก เห็นคนโกงวัด คงไม่เข้ามาบอกว่า ไม่ได้โกง จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 00:26:34 ]

ความคิดเห็นที่ 123 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5432572/Y5432572.html จากคุณ : maneomicz - [ 22 พ.ค. 50 00:52:33 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ไม่ชอบวัดนี้เลย..!! พระที่นี่เป็นอยู่สบาย..อยู่กันบนคอนโดฯ แถมทำบุญวัดนี้ ยังต้องแย่งกันเข้าแถวทำบุญ อีกทั้งยังต้องทำบุญที่ละเยอะๆ รู้สึกว่าคนมาวัดนี้ งมงายหนักมาก ทำไมไม่เดินทางสายกลาง..."                                                                                                     รู้สึกกับวัดพระธรรมกาย ไม่ดีตั้งแต่ทำหน้าที่รับ-ส่งแฟนมาวัดนี้ ตอนจีบกันใหม่ๆ ตอนนั้นผมต้องเอาใจแฟน เพราะเขาศรัทธาวัดนี้มากตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษา แต่บอกตรงๆ ตอนนั้น ผมทั้งฝืนใจ ทั้งจำใจมาส่งเขามากๆ ต่อมาภายหลังจากแต่งงานกันแล้วไม่นาน ผมก็ปฏิเสธที่จะมาส่ง และไม่ยอมมาวัดนี้อีกเลย ปล่อยให้ภรรยามาวัดคนเดียว และเรามักจะทะเลาะกัน เรื่องวัดบ่อยมาก เพราะทิฏฐิเราไม่ตรงกันเลย ผมคิดเสมอว่า.. ภรรยางมงาย ถูกหลอก ถูกล้างสมอง บ้าทำแต่บุญ ทำทีละมากๆ ไปแต่วัดถี่ๆ เหมือนกับคนติดอะไรสักอย่าง ไม่รู้จักเดินทางสายกลาง ตอนนั้นเราไม่เข้าใจกันรุนแรงมาก เหมือนมีชีวิตกันคนละขั้ว คือ ภรรยาเอาแต่บุญไปแต่วัด ผมก็เอาแต่กินเที่ยว ตามประสาผู้ชาย เมามันในชีวิตสุดเหวี่ยง ลองอบายมุขทุกรูปแบบ จนต้องตัดสินใจแยกกันอยู่ กับภรรยาระยะหนึ่ง แล้วหันไปทำธุรกิจเป็นของตัวเอง แต่เราก็ไม่ได้เลิกกันนะครับ...                 จนกระทั่งผ่านไปนานถึง ๔ ปี วันหนึ่งผมกลับมาหาภรรยาที่บ้าน บังเอิญมาเปิดทีวีดู ปรากฏว่าดูได้อยู่ช่องเดียว เป็นช่องแปลกๆ คือ มีพระออกมาเทศน์สอนในจอทีวี ทำให้ผมประหลาดใจมาก เพราะพระรูปนั้น คือ หลวงพ่อธัมมชโย แห่งวัดพระธรรมกาย จึงทำให้รู้ว่าภรรยาเอาจานดาวเทียม ถ่ายทอดธรรมะของวัดมาติดที่บ้าน ที่เรียกกันว่า "ช่อง DMC" แต่ผมก็ลองเปิดใจฟังท่านสอน ด้วยความที่อยากรู้ว่า พระที่โดนโจมตีหนักๆ ขนาดนี้ ท่านจะพูด จะสอนอะไรบ้าง.. จะไม่ดีเหมือนข่าวที่ลงขนาดไหน...                 พอผมนั่งฟังท่านสอนสักระยะหนึ่ง ก็รู้สึกฉงนว่า นี่หรือ..! พระที่ข่าวด่าว่าโจมตี ทำไมท่านถึงสอนได้ดีมากขนาดนี้ ท่านสอนน่าติดตามจนผม ต้องติดตามฟังท่านสอนอย่างต่อเนื่องทุกวันเป็นอาทิตย์ จากนั้นผมก็เริ่มรู้สึกศรัทธาท่าน และนึกทบทวนตัวเองว่า ชีวิตที่ผ่านมาของผมทำผิดพลาดไปมาก ท่านสอนให้เรารักบุญ กลัวบาป ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ท่านสอนให้ผมเห็นโทษภัยของบุหรี่ สุรา และอบายมุขทั้งหลาย สอนจนผมสำนึก และยอมตัดใจหักดิบ เลิกเหล้า เลิกบุหรี่ เลิกเที่ยวทันที ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ ผมกินเที่ยวหนักมาก แถมใครจะมาห้าม ผมก็ไม่ยอมเลิก แต่พอมาฟังหลวงพ่อแล้ว รู้สึกบอกไม่ถูก คือ รู้สึกซาบซึ้ง สำนึกผิด และตกลงกับตัวเองว่า ถึงเวลาต้องเลิกสิ่งไม่ดีแล้ว จากนั้นผมก็ยอมเปิดใจมาวัดกับภรรยา ลองไปนั่งสมาธิที่พนาวัฒน์ ๗ วัน จึงทำให้ผมได้เข้ามาสัมผัสวัด อย่างแท้จริงว่าวัดนี้เป็นอย่างไรกันแน่ เป็นไปตามข่าวไหม..? จากนั้นผมก็แทบเปลี่ยนไปเป็นคนละคน คือ ผมเข้าใจวัดมากขึ้น รู้ว่าวัดมีหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ คือ สร้างคนให้เป็นคนดี ทำให้อะไรที่เคยทำไม่ดี ผมหักดิบเลิกทำหมด จึงทำให้ทุกวันนี้ผมมีความสุข เหมือนเกิดใหม่ในทางแห่งความดี และก็เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นขนาดนี้ จึงทำให้ผมรักวัดและศรัทธาหลวงพ่อมาก ผมจึงตัดสินใจบวชถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อ รุ่น ๖๒ ปี เพื่อทดแทนคุณที่คำสอนท่านให้ชีวิตใหม่กับผม...     ทุ่มทำบุญจนสุดตัว ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก เวลาบุญส่งผล ก็จะทำให้เขารวยอย่างอัศจรรย์ได้                 ช่วงที่ผมมาบวชนี่เอง ทำให้ผมมีโอกาส ได้มาเรียนรู้ ความเป็นอยู่ของ พระที่นี่อย่างลึกซึ้ง จึงมารู้ว่า พระที่นี่ไม่ได้เป็นอยู่สบาย ตามที่ลงข่าวโจมตีเลย   เพราะท่านต้องตื่นตั้งแต่ตี ๔ ครึ่ง สวดมนต์ นั่งสมาธิ ออกบิณฑบาต ทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มกำลัง ออกเทศน์สอนตามศูนย์ปฏิบัติธรรม บางรูปก็ต้องเรียน ต้องศึกษาพระบาลีให้จบ ปธ.๙ ตกดึกก็ไปนั่งสมาธิถึงเที่ยงคืน กว่าจะได้จำวัดก็ดึกดื่น...                 รวมถึงเรื่องที่กล่าวหาว่า พระที่นี่อยู่คอนโด อยู่ตึกสูง ๖ ชั้น ลองคิดดูเถิดครับ พระที่นี่มีมาก ถึงเกือบ ๒,๐๐๐ รูป จะให้มาสร้างกุฏิตามแนวราบกับพื้นเป็นหลังๆ ถามว่าต้องใช้เนื้อที่มากเท่าไรถึงจะพอ แต่ถ้าสร้างตึก ๖ ชั้นแบบเป็นห้องโล่งๆ ที่เรียบง่าย สามารถให้ พระจำวัดกันทีละหลายๆ รูปต่อหนึ่งห้องอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ผมว่าก็เป็นการประหยัดเนื้อที่ดีมากๆ นะครับ และยังเป็นการก่อให้เกิดประโยชน์สูง ประหยัดสุดอีกด้วย...                 ส่วนเรื่องการทำบุญ เมื่อผมมาศึกษาที่นี่จริงๆ ถึงได้มารู้ว่า เขาไม่ได้บังคับเลยว่า ใครจะทำ เท่าไร ใครมีมากก็ทำมาก ใครมีน้อยก็ทำน้อย เพราะของอย่างนี้ใครจะมาบังคับใคร ไม่ได้หรอก แต่คนที่มาวัดส่วนมาก เขามักจะทำบุญกันทีละเยอะๆ ด้วยความสมัครใจกันเอง เป็นเพราะเขาได้มาศึกษาธรรมะ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้เข้าใจเรื่องการทำบุญมากขึ้น คือ ถ้าทำบุญตามกำลัง เวลาบุญส่งผลก็ส่งตามกำลัง แต่ถ้าทำบุญ เต็มกำลัง เวลาบุญส่งผลก็เต็มกำลัง หรือการตัดใจทำในสิ่งที่ทำได้ยาก เวลาจะได้อะไร ก็จะได้ครอบครอง ในสิ่งที่คนทั่วไปครอบครอง ได้ยากเช่นกัน เหมือนการทำบุญของ มหาทุคตะในสมัยพุทธกาล คือ ทุ่มทำบุญจนสุดตัว ทำในสิ่งที่คนทั่วไปทำได้ยาก เวลาบุญส่งผล ก็ทำให้เขารวยอย่างอัศจรรย์ ได้ในสิ่งที่คนทั่วไปได้ยาก หรือเราคงเคยได้ยินที่เขาพูดๆ กันว่า คนมาวัดพระธรรมกาย..แล้วรวย ก็จริงนะครับ เพราะบุญ.. ถ้ายิ่งทำ ผลบุญก็จะยิ่งดึงดูดสิ่งดีๆ มาสู่ชีวิต เพราะขนาดผมเองตั้งแต่มาทำบุญเต็มกำลัง เราก็สามารถขยายร้านได้อย่างไม่น่าเชื่อ...                 ทุกวันนี้.. ผมมีชีวิตที่เปลี่ยนไปมาก ทำให้มานั่งนึกย้อนดู รู้สึกว่า เมื่อก่อนผมน่าจะยอมเปิดใจยอมมาศึกษา มาฟังธรรมะตั้งแต่แรก ไม่น่าปิดกั้นตัวเอง หลงเชื่อข่าว แล้วเกลียดวัดขนาดนี้ เลย ทำให้ทุกวันนี้ คำที่ผมเคยว่าไว้กับภรรยาหลายๆ อย่าง ก็สะท้อนกลับมาสู่ตัวเองเกือบหมด อย่างเช่น เพื่อนๆ จะถามผมว่า ทำไมไม่เดินทางสายกลาง ไปแต่วัด ถือแต่ศีล ผมก็ขอตอบว่า ..ผมก็ทางสายกลางนะครับ เพราะการรักษาศีล ๕ เป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้ว ผมไม่ได้เป็นปุถุชน แล้วมาถือศีล ๒๒๗ ข้อเมื่อไร และการที่ผมเปลี่ยนเป็นคนดี ไม่ขี้เหล้าเมายา ไม่เที่ยว ชีวิตครอบครัวก็ดีขึ้นทุกด้าน แล้วนี่ไม่ดีตรงไหนหรือครับ..?                 สุดท้ายนี้.. แม้ผมพูดยาวกว่านี้ ก็คงยังไม่หมดข้อสงสัยกันหรอก เพราะเมื่อก่อนผมก็เป็นแบบนี้แหละ เคยเกลียดวัด ว่าวัด ด่าวัดสารพัด แต่ปัจจุบันนี้ ชีวิตผมกลับได้ดีเพราะวัด เพราะหลวงพ่อ ผมจึงไม่อยากให้หลายๆ คนพลาดโอกาสดีๆ ที่จะได้รับอะไรดีๆ มาสู่ชีวิตไป ผมอยากให้ลองมาศึกษาและพิสูจน์ความจริงเอาเองดีกว่าครับ... จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 22 พ.ค. 50 01:26:59 ]

ความคิดเห็นที่ 125 คุณ name   นี่ จอมบิกเบือนจิงจิง เคยฟังพระเทศน์ไม๊   การฆ่าสัตว์ก็ดี   การลักทรัพย์ก็ดี การกินเหล้าก็ดี การพูด ส่อเสียด ก็ดี  การพูดไม่หมดก็ดี  การหมกเม็ดก็ดี     ล้วนไม่ดี     ล้วนเป็นไป  เพื่อ  อเวจีมหานรกทั้งสิ้น จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 22 พ.ค. 50 01:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 126 พอจั่วหัว เรื่อง ไม่อยากเลย ไม่อยากเข้าวัดนี้ หมดตัวแน่ๆ แล้วก็เดิมๆครับ ลองไปอ่านเคสแบบนี้ของธรรมกายดูได้เกือบทุกเคส จะต้องจบด้วยการโฆษณาว่า เดี๋ยวนี้ รวยกว่าเดิมแล้วครับ ค่ะ อัศจรรย์ใจมากกกก แบบนี้ ทุกที จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 01:35:46 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ไปวัดนี้แล้วรวย..ซึ่งเป็นไปไม่ได้ แถมพระที่นี่มีแต่พวกมีการศึกษา แต่บวชแล้วไม่ยอมสึก ไม่รู้จักเลี้ยงดูพ่อแม่ ไม่ยอมเอาความรู้ ไปพัฒนาบ้านเมือง..ใครมาวัดนี้ก็ต้องทำบุญจนหมดตัว!!!                       ตัวเอง..เคยเป็นนักศึกษาในเหตุการณ์ ๑๔ ตุลา เลยทำให้ฝังใจกลัวต่อเหตุการณ์ครั้งนั้นมากๆ พอมารู้ว่าวัดพระธรรมกาย มีนิสิตนักศึกษามากันมากขนาดนี้ เลยทำให้ปักใจเชื่อว่า วัดพระธรรมกายต้องเป็นคอมมิวนิสต์แน่ๆ คิดว่าวัดซ่องสุมนักศึกษาล้างสมอง เพื่อทำอะไรกันสักอย่าง ส่วนเพื่อนที่ชอบมาชวนเราให้ไปวัดนี้ ก็พูดแต่ว่า ไปวัดนี้แล้วรวย..ไปแล้วรวย ยิ่งฟัง..ก็ยิ่งแอนตี้วัด เพราะดูไม่มีเหตุผล ที่จะเป็นไปได้ หนำซ้ำมีแต่คนพูดว่า ใครมาวัดนี้ ก็ต้องทำบุญจนหมดตัว...                       ด้วยความที่แอนตี้วัดมากๆ ทำให้ไม่เคยคิดจะมาวัดนี้เลย แม้ใครจะชวนขนาดไหนก็ไม่ไป เด็ดขาด คิดอย่างนี้จนกระทั่งถึงช่วงที่ เพื่อนของลูกสาวที่ทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาโทร่วมกัน ได้ไปบวชธรรมทายาทช่วง Summer ที่วัดนี้ พอบวชแล้วก็ไม่ยอมสึก บอกว่าจะบวชตลอดชีวิต ลูกสาวจึงมาวัด เพื่อมาตามให้เพื่อนสึกออก ไปเรียนปริญญาโทให้จบ พอมาตามหลายครั้ง พระเพื่อนรูปนี้ ก็ใช้เหตุผลต่างๆ นานา ชวนจนลูกสาวเรา เข้าคอร์สมานั่งสมาธิที่วัดนี้ ด้วยความเป็นแม่ ทำให้เราเป็นห่วงลูกมาก.. กลัวจะถูกหลอกไปล้างสมอง และที่น่ากลัวมากไปกว่านั้น คือ..ช่วงนั้นวัดโดนโจมตี อย่างหนักจากสื่อทุกชนิด แล้วเราก็เชื่อตามข่าวด้วย ด้วยเหตุนี้จึงบึ่งรถเข้าวัดมาตามลูก และก็มาหาพระเพื่อนของลูก เพื่อไปบอกให้ท่านสึกออกมา โดยคิดว่าท่านคงโดนวัดล้างสมองไปแล้ว เมื่อเจอท่านก็ถามท่านว่า ตัดสินใจแบบนี้ ไม่ห่วงพ่อแม่ที่บ้าน หรือ? ใครจะดูแลพ่อแม่? ท่านก็ตอบกลับว่า..                       "ก็เพราะเป็นห่วงพ่อแม่ ทำให้ต้องตัดสินใจแบบนี้ เพราะหากสึกออกไปดำเนินชีวิตแบบ ชาวโลก ก็ต้องไปทำงาน แต่งงาน เลี้ยงลูก จนไม่มีเวลามาดูแลพ่อแม่อยู่ดี สู้อยู่อย่างนี้ บวชเอาบุญให้ท่านมากๆ เป็นลูกที่สามารถเป็นที่พึ่งทางใจ ให้ท่านได้จริงๆ สักคน เมื่อบวชแล้ว ก็มีโอกาสชวนพ่อแม่มาวัด ให้ท่านมาทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา และที่สำคัญการทำอย่างนี้เป็นการช่วยปิดอบายภูมิให้พ่อแม่ ทำให้ท่านไม่ไปนรกตามที่ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้ท่านมีชีวิตในชาติหน้า ที่ดีขึ้นกว่านี้.. พอเราฟังท่านตอบแบบนี้ ก็ได้แต่เงียบ เพราะรู้สึกว่าถูกของท่าน แต่ก็ไม่ละความพยายาม คือมาหาท่านที่วัดถี่มาก เพื่อมาชวนให้ท่านสึกอีก โดยมีคำถาม ๑๐๘ มาถามท่านได้ทุกครั้ง เช่นว่า ไม่เสียดายหรือที่เรียนมาสูงๆ เก่งก็เก่ง ...ฉลาดก็ฉลาด แทนที่จะเอาความรู้ความสามารถไปพัฒนาประเทศชาติ กลับมาบวชแบบนี้..? ท่านก็ตอบเราว่า                       "ผู้ที่มาบวชเป็นพระ ไม่ใช่เป็นผู้ที่ไม่มีทางไป ไม่มีอาชีพหรือมีปัญหาแล้วมาบวช ผู้ที่มาบวชควรจะมีความรู้ความสามารถ และเอาความรู้ความสามารถมาพัฒนา ให้ศาสนาเจริญ มาเป็นครูสอนศีลธรรม ชี้นำหนทางพ้นทุกข์ให้กับชาวโลก โดยนำความรู้ในทางธรรมมาสอนมนุษย์ เพื่อพัฒนาไม่ให้สภาพจิตใจมนุษย์ตกต่ำ และก่อปัญหาสังคมตามมาอีกมากมาย..." พอเราฟังท่าน..ก็รู้สึกจริงของท่านอีก แต่ยังไงก็ยังยืนกรานที่จะแอนตี้วัดนี้อยู่ดี แม้เรามาวัดบ่อยๆ จนเห็นและประจักษ์ด้วยตัวเองว่า ที่เขาลงข่าวด่าวัดกันโครมๆ ไม่เห็นจริงสักเรื่อง แต่ยังไงโดยส่วนตัวก็ยังไม่ศรัทธาหลวงพ่อ ยังไม่ศรัทธาวัดอยู่ดี ทั้งๆ ที่ได้เห็นกับตาตัวเองว่า พระที่นี่ งามสง่า สงบ สำรวม เรียบร้อย เคร่งครัดในธรรมะปฏิบัติ มีความรู้มีการศึกษากันทั้งนั้น ยิ่งไปกว่านั้น.. พระบางรูปจบดอกเตอร์ ก็มาบวชอุทิศชีวิตกัน หรือแม้แต่เด็กวัยรุ่นที่อาสาสมัคร มาช่วยงานต่างๆ ของวัด ทำให้เราแปลกใจ ตั้งคำถามในใจขึ้นว่า..ที่นี่สอนเด็กวัยนี้กันยังไง ทำไมพวกเขาไม่ไปเที่ยวดิสโก้เทค ไม่ไปเที่ยวห้าง ไม่ไปมีแฟน แต่กลับมีจิตใจสูงส่ง เสียสละตัวเอง มาช่วยงานพระพุทธศาสนากันได้ขนาดนี้...                       แม้ความแอนตี้วัดยังมีในใจมากอยู่ก็จริง แต่ก็ยอมมาวัดนี้ไม่ขาดเลยหลายปีติดต่อกัน เพราะในช่วงนั้นเราได้เจอวิกฤติหนักในชีวิต เมื่อได้มาคุยกับพระเพื่อนของลูกรูปนี้ทีไร ก็รู้สึกสบายใจ ได้แนวทางในการจัดการ กับปัญหากลับไปทุกที และที่สำคัญเราสัมผัสได้ถึงความปรารถนาดีอย่างบริสุทธิ์ใจ ที่มีต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันของท่านมากๆ                       ..ยอมรับว่าช่วงนั้นทุกข์มาก เพราะเราตกอยู่ในสภาวะล้มละลาย มีหนี้สินท่วมตัวหลายสิบล้าน มีคนมาตามทวงหนี้ไม่เว้นวรรคเลย ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ลูกๆ ที่น่าจะเป็นที่พึ่งสุดท้ายให้เราได้ กลับเอาแต่ทะเลาะกัน ตีกัน จนบ้านร้อนเป็นไฟ และเอาแต่ใช้ของฟุ่มเฟือยราคาแพง หนีเที่ยว ไม่เรียน ทั้งๆ ที่แม่ก็ตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้ ช่วงนั้นเราได้แต่ร้องไห้น้ำตาตก เครียด ดื่มเหล้าหนักเกือบทุกวัน เพื่อให้ลืมทุกข์ พระเพื่อนของลูกได้แนะนำ ชวนเราไปนั่งสมาธิ แล้วให้พาลูกๆ มาบวชอบรมธรรมทายาทให้หมดทุกคน ซึ่งลูกๆ ก็ไม่เต็มใจ จนต้องใช้วิธีบังคับ โดยยื่นคำขาดว่าให้บวชให้แม่ ถ้าไม่บวช แม่จะไม่กลับมาบ้านอีกเลย ผลสุดท้ายก็ยอมมาอบรมที่วัดกันหมด อบรมเป็นเดือนๆ หลังจากอบรมเสร็จ ลูกๆ ก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน คือดีขึ้นอย่างแตกต่าง ไม่ทะเลาะกัน ไม่ตีกัน เข้าใจ ให้อภัย มีน้ำใจต่อกันขึ้นมา"                       แม้ตอนนั้นสภาพครอบครัว เริ่มดีขึ้นจากการมาวัดแล้ว แต่สภาพการเงินก็ยังมีปัญหาอยู่ แต่เราก็ได้ปวารณาตัวทำบุญใหญ่ที่สุดในชีวิตครั้งแรกคือ ๑ ล้านบาท ทั้งๆ ที่ไม่รู้ ว่าจะไปเอาเงินมาจากทางไหน แต่อยู่ๆ ก็มีเหตุอัศจรรย์ มีคนทยอยเอาค่าเช่า ค่าโน่น ค่านี่ มาให้เป็นจำนวนมากจนสามารถทำบุญได้ถึง ๑ ล้านบาทจริงๆ จากการตัดสินใจทำบุญในครั้งนั้นเอง สถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตครอบครัวกลับพลิกฟื้นขึ้นหมดเลย คือความเชื่อมั่นในชีวิตได้กลับคืนมา เห็นช่องทางในการทำมาหากิน ยอมลงทุนทำธุรกิจอีก จนประสบความสำเร็จมีเงินใช้หนี้ และมีเงินทำบุญเพิ่มขึ้นอีกทับทวี จากจุดเปลี่ยนชีวิตตรงนี้เอง ทำให้มานึกย้อนถึงคำพูดที่เพื่อนเคยพูดชวนให้เราเข้าวัดนี้ ด้วยคำพูดที่ว่า "ไปวัดนี้แล้วรวย" เลยทำให้รู้สึกว่า เขาพูดถูกจริงๆ เพราะฉะนั้นคำว่าทำบุญจนหมดตัว ไม่จริงเลย เพราะเราเริ่มจากการ ติดลบสุดๆ และเมื่อยิ่งทำบุญ กลับยิ่งมีทรัพย์ ยิ่งมีทางมาแห่งเงินทองจนเหลือเชื่อ เหมือนสมัยที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านโปรดมหาทุคตะคนกินเดนให้ทำบุญ ผลสุดท้ายทำให้มหาทุคตะรวยเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมาอย่างอัศจรรย์..                       เราเข้ามาพิสูจน์วัดนี้นานถึง ๖ ปี กว่าจะยอมเข้าใจวัด ซึ่งทุกวันนี้รวมเวลาเข้าวัดนานเป็น ๑๐ ปีแล้ว ทำให้รู้สึกเสียดายเวลาที่สูญเสียไปกับการแอนตี้วัดที่นานขนาดนั้น..                       สุดท้ายนี้สิ่งที่อยากจะพูดที่สุด ก็คือ ครอบครัวเราทุกคนต้องกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์ของวัดนี้เป็นอย่างสูง ที่ทำให้ครอบครัวเราพ้นจากสภาพบ้านแตก ลูกทะเลาะกัน ตีกัน มากลายเป็นครอบครัว ที่หันหน้ากลับมาเข้าใจกัน เอื้ออาทรต่อกันด้วยความรัก และเปลี่ยนเราจากคนล้มละลายหนี้ท่วมตัว กลายเป็นคนมีสภาพคล่องทาง การเงินที่ดีขึ้นอย่างแตกต่าง อีกทั้งยังสามารถเปลี่ยนเรา จากคนที่ดื่มเหล้าเมาเพื่อดับทุกข์ มาเลิกเหล้า และพบความสุขที่แท้จริงด้วยตัวเอง และที่สำคัญ วัดนี้ได้เปลี่ยนจากน้ำตา แห่งความทุกข์ระทมของเรา ให้กลายเป็นน้ำตาแห่งความปีติผาสุก..                       ในเมื่อชีวิตเราเปลี่ยนแปลงถึงขนาดนี้ ก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่จะทำให้เราไม่ยอมเปลี่ยนใจ ในเมื่อวัดนี้ดีจริงๆ เราจึงขอเชิญคุณมาพิสูจน์... จากคุณ : ไม่อยากแก่มากมาก - [ 22 พ.ค. 50 01:35:55 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ผมไปบิดเบือนอะไรไม่ทราบครับ คุณ ไม่อยากแก่มากมาก ที่เอามานี้น่ะ ก็ของธรรมกาย โฆษณาชวนเชื่อ ใช้เงินซื้อ บุญ เพื่อให้มัน คุ้มสุดตัว จะได้ ดูดทรัพย์กันล้วนๆ ทั้งนั้น จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 01:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 129 แล้วมาดูกัน ว่า ยายจันทร์ของพวกคุณ สอนไว้ว่า อย่างไรบ้าง จากคุณ : nameonics - [ 22 พ.ค. 50 01:43:43 ]