ความคิดเห็นที่ 40
ตามที่คุณ kheedes ถามผมว่า
คุณแมทท์ ทำไมไม่ลองยกโองการนี้ มาอธิบายมั่งล่ะครับ
"จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง ผู้ทรงสอนการใช้ปากกา" (กุรอาน 96:3-4)
ผมถามุณ แล้วคุณตอบผมสิครับว่า คำว่า "ปากกา" ที่ใช้ในโองการนี้ เป็นเรื่องจริง หรือ สำนวน ครับ ...ตอบได้หรือไม่ครับ...
กุรอานนั้น ถูกประทานลงมาเป็นรูปแบบของวรรณกรรม ภาษาอาหรับ ที่มีความไพเราะยิ่ง และมีความมหัศจรรย์ในรูปแบบของการลำดับตัวอักษร และ จำนวนคำในกุรอาน ดังนั้น ในกุรอาน จึงประกอบไปด้วย ประโยคที่เป็นประโยคบอกเล่า และประโยคที่เป็นคำอุปมา
.......................
ด้วยความยินดีครับ:
ผมยินดีที่คุณนำ ซูเราะหฺอัลอะลัก (ก้อนเลือด) มากล่าวถึง ทั้งนี้ เพราะ ว่า เป็นซูเราะห์ที่สำคัญที่ มุสลิมทุกๆท่าน จำเป็นที่จะต้องเข้าใจ อย่าง
ชัดเจน ทั้งนี้ เพระาว่า ซูเราะห์ นี้ แฝงไว้ด้วยการสอนเกี่ยวกับ ปรัชญา ซึ่งเกี่ยวกับ สติปัญญาของมนุษย์ ผู้ ที่พระองค์สร้างขึ้นมา จาก ก้อนเลือด (96:2) และให้ ท่านรอซุล (จงประกาศ )จงอ่านออกมา ในนามของพระเจ้าของเจ้า ผุ้ ซึ่ง สร้างสรรพสิ่ง ทั้งหลาย (96:1) คำว่า อิกรอ นั้น ในความหมายของอายะนี้ แสดงให้เห็น และ เป็นที่เข้าใจ กันว่า ท่านรอซูล เข้าใจใน อัสมาอัลลาหุลฮุสนา ซึ่งเป็น คุณานุภาพ 99 ประการ ของ พระองค์อัลลอฮ์ เป็นอย่างดี ท่านรอซูล จึงเข้าใจในพระเจ้า ผู้ทรงมีอำนาจ ในการสร้างและ ก ารตั้ง กฏบัญญัติต่างๆ
ในอายะที่ 3 นั้น เป็นคำ สั่งที่กล่าวกำชับ ให้ ท่านรอซูล อ่านออกมาในนาม ของพระเจ้าผู้ทรงมีพระมหากรุณายิ่ง, ทั้งนี้เพราะว่า พระเจ้าได้ทรงสอนทุกๆสิ่งทุกๆอย่างให้แก่ท่านรอซูล ให้สมกับที่พระองค์ทรงส่งท่านรอซูลมาเพื่อให้ความเมตตากรุณา ต่อมวลมนุษยชาติ, แต่คำว่า อิกรอ ในอายะที่ 3 นี้ หมายถึงการกำชับ ของพระเจ้า ให้ท่านรอซูล ประกาศความสัจจริง ของข่าว สารของพระองค์ และป่าวประกาศเชิญชวนให้ มนุษย์ ทั้งหลาย มีศรัทธาต่อ ศาสนาของพระเจ้า คือการเชื่อถือในพระเจ้าองค์เดียว และเป็นครั้งแรกที่ ท่านรอซูลได้รับอณุญาติ ให้ เริ่ม สอนและบรรยาย บทบัญญัติของอิสลาม ซึ่ง เป็นศาสนาของอัลลอฮ์
ในอายะที่ 4 คำว่า คอลอม ปากกา เป็นสัญญาลักษณ์ ที่ อ้างถึง การศึกษาหาความรู้ และการค้นคว้า การศึกษา ถึงปรากฏการ ธรรมชาติ, การรู้จัและเข้าใจตัวเราและโลกของจิตวิญญาณ คำต่างๆที่เรา อ่านพบใน อายะเหล่านี้ เช่น การ อ่าน,การท่องจำ, การประกาศรวมทั้ง คำว่า ปากกา ในที่นี้มีความหมายว่า เป็นหน้าที่ของท่านรอซูลที่จะต้อง ป่าวประกาศข่าวสาร ของพระองค์ต่อ สาธารณชน
กา รใช้ คำว่า ปากกา ในที่นี้ ไม่ได้ใช้เป็นสำนวน แต่ใช้ ปากกา เป็น สัญญาลักษณ์ ของความรู้ , การศึกษาค้นคว้า เสาะแสวงหาความจริง ต่างๆ ทั้งทาง จิตวิญญาณและ ทางปรากฏการธรรมชาติ เพื่อที่ มนุษย์ ได้เข้าใจ ถึง คุณานุภาพของพระองค์ ที่สามารที่จะ สร้างสรรพสิ่งเหล่านั้น อย่างพิถีพิถัน ละเอียดอ่อน จนถึง รายละเอียดที่ซับซ้อน ทางด้าน กายภาพและสรีรภาพ ของสิ่งมี ชีวิตต่างๆ
ถ้าเราอ่านต่อไป ในอายะที่ 5 และ อายะที่ 6 เราจะเห็นและเข้าใจได้ว่า ถึงแม้ว่า ในอัลกุรอานจะไม่มีรายละเอียด ของวิชาและวิทยาการ ต่างๆ แต่ คำว่า ปากกา ที่ใช้เป็น สัญญาลักษณ์ ตามที่กล่าวข้างต้นนั้น (9:4) , ช่วยให้เข้าใจถึง ความเจริญเติบโต ของความรู้ของมนุษย์ ซึ่งแต่แรก ยังไม่เข้าใจอะไร(ยังมีความเขลา) อยู่ แต่เมื่อ มนุษย์ได้ทำการศึกษา และค้นคว่า อยู่ตลอดเวลา โดยอนุมัติ ของพระเจ้า มนุษย์ก็จะรู้มากขึ้น และสามารถที่ จะใช้ปรีชาญานที่พระเจ้าประทานมา สร้างสรรค์ สังคม ของมนุษย์ ให้เจริญรุ่ง เรือง ไม่ใช่แต่เฉพาะ ทางด้านวัตถุเท่านั้น แต่รวมทั้งในด้านศีลธรรมและจริยาธรรม ซึ่งเกิดจากความเข้าใจ ถึงหลักศรัทธา ต่อพระเจ้าองค์เดียว อย่างแท้จริง
มุสลิมที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียวอย่างแท้จริง จะเข้าใจได้ว่า ความสามารถ ในการ การเสาะแสวงหาความรู้ ของมนุษย์นั้น เป็น พรหรือ ของประทานจากพระเจ้า แต่มนุษย์ ไม่รู้จักการรักษาดุลย์ ของ พรสวรรค์นี้ นำมาใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว การหา กำไร เข้าตัว แล้วลดหย่อนในเรื่อง ความมีศรัทธาและประกอบภาระกิจทางศาสนาของระองค์
เราจะเห็นว่า จาก ซูเราะห์นี้ เจาก อายะ 1-6 ก็เพียงพอที่จะชี้ให้เห็นความผืดพลาดของการสอนศาสนาของ อาจารย์สอนศาสนา อิสลาม ในสังคมไทยมุสลิม ที่สอนให้มุสลิมเดินสวนทางกับความเจริญของสังคม ซึ่งไม่ใช่การสอนตามแบบฉบับท่านรอซูล ที่สอนให้มุสลิม มีศรัทธาต่อพระเจ้า เพียงองคืเดียว และ แสวงหาวิชาความรู้ ตามสัญญาลักษณ์ ของการเสาะแสวงหาความรู้ คือ ปากกา ที่ปรากฏ อยู่ใน อายะที่ 4 ของซูเราะห์
ผมไม่มีอะไรที่ขัดค้านท่านรอซูล และอัลกุรอาน แต่ผมคัด ค้าน ผู้ที่พยายามจะ ยกเชิดชูท่านรอซูล เกินกว่าที่ อัลกุรอานอนุมัติไว้ ส่วนว่า จะมีขอบเขต ในเรื่องนี้ มากน้อยเท่าใด นั้น ผมจะไม่ขอวิจารณ์ ในที่นี้ ทั้งนี้เพราะว่า ผมแยกความศรัทธาผมจาก ลัทธิมูฮัมมัด ที่ถุกสร้างขึ้น โดยที่ ท่านรอซูลไม่มีส่วน รับรู้เลย เช่นเดียว กับ บรรดาคริสเตียนที่ ยกย่อง นบีอีซา เป็นลูกของพระเจ้า
ผมนับถือศาสนาอิสลามที่เป็นศาสนาของพระเจ้า และมี ท่านรอซูลเป็นศาสนทูต, แต่ถ้าเราจะถืออัลกุรอานเป็นหลักเรา ต้องตัด นิทานยายกะตาทิ้งไป
ที่ผมอ้างอัลกุรอาน (เป็นสิ่งที่คุณเสนอมา) และ อะหะดีษ ก็เพราะว่าเพียงพอแล้วสำหรับจะชี้ว่าสิ่งใดถูกผิด ที่ทำให้อิสลาม กลายเป็น ลัทธิ มูฮัมมัด ไป โดยที่ ท่านรอซูล ไม่ได้รับทราบด้วย, และทำให้อิสลามเสียหายไปทุกหัวระแหงในปัจจุบันนี้, และที่เรียกท่านรอซูล ว่ารอซูล เพราะ ท่านเป็นรอซูลที่ถูกแต่งตั้ง โดยพระเจ้า ผมไม่เคยพูดหยาบคายเกี่ยวกับท่านรอซูล แต่ ผมปฏิเสธเรื่องหะดีษเลวๆที่ทำลายบุคลิกของท่านรอซูล และเรียกว่า "ซอเฮี๊ยะหะดีษ"
คุณจะเห็นว่า ใน ซูเราะหฺอัลอะลัก (ก้อนเลือด) นี้ไม่มีอะไรที่เป็นสำนวนทางภาษาหรือหลักการเขียนแบบวรรณกรรมเลย แต่จะต้องอาศัยความเข้าใจ ของผุ้อ่านว่า สัญาลักษณ์ต่างๆนั้นหมายความว่าอย่าง เช่นสัญญาลักษณ์ งูพันคบไฟ หมายถึงวิทยาการทางแพทย์ศาสตร์, สัญญาลักษณื ดาวเกับเดือนเสี้ยว เป็นสัญญาลักษณ์ของผู้ นับถือดวงดาวต่างๆ, ปากกา หมายถึงวิชาความรู้ แสดงให้เราเข้าใจได้ว่า มี การ ใช้ ปากกา ในการร่ำเรียนมานมนานแล้วก่อนที่มี อัลกุรอาน
ด้วยจิตต์ไมตรี
จากคุณ :
แมทท์
- [
17 มิ.ย. 50 12:14:35
]
|
|
|