กังขาวิตรณวิสุทธินิทเทส
(พรรณนากังขาวิตรณวิสุทธิ)
วิสุทธินี้ หมายถึงความหมดจดเพราะข้ามพ้นความสงสัย ในอดีต อนาคต และปัจจุบัน โดยสืบเนื่องมาจากการพิจารณานามรูป ที่กล่าวแล้ว ในทิฏฐิวิสุทธินั่นเอง สามารถละวิจิกิจฉาความสงสัยเสียได้
วิจิกิจฉาในอดีต ๕
๑. ในอดีต เราได้มีไหมหนอ ?
๒. ในอดีต เรามิได้มีหรือหนอ ?
๓. ในอดีต เราได้เป็นอะไรหนอ ?
๔. ในอดีต เราได้เป็นอย่างไรหนอ ?
๕. ในอดีต เราเป็นอะไรแล้วได้เป็นอะไรหนอ ?
วิจิกิจฉาในอนาคต ๕
๑. ในอนาคต เราจักมีหรือหนอ ?
๒. ในอนาคต เราจักไม่เป็นหรือหนอ ?
๓. ในอนาคต เราจักเป็นอะไรหนอ ?
๔. ในอนาคต เราจักเป็นอย่างไรหนอ ?
๕ ในอนาคต เราเป็นอะไรแล้วจักเป็นอะไร ?
วิจิกิจฉาในปัจจุบัน ๖
๑. เรามีอะไรหนอ ?
๒. เราไม่มีหรือหนอ ?
๓. เราเป็นอะไรหนอ ?
๔. เราเป็นอย่างไรหนอ ?
๕. สัตว์นี้มาแต่ไหนหนอ ?
๖. เขาไปไหนหนอ ?
กรรม ๑๒
ในกังขาวิตรณวิสุทธินี้ ท่านแสดงกรรม ๑๒ ไว้ด้วยโดยแยกเป็นกรรมที่ให้ผลตามกาล ๔ ให้ผลตามแรงหนักเบา ๔ และกรรมซึ่งทำหน้าที่อีก ๔
กรรมที่ให้ผลตามกาล ๔
๑. ทิฏฐิธัมมเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในปัจจุบัน
๒. อุปปัชชเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติหน้า ต่อจากชาติปัจจุบัน
๓. อปราปรเวทนียกรรม กรรมที่ให้ผลในชาติ ต่อ ๆ ไป ได้โอกาสเมื่อใดให้ผลเมื่อนั้น ซึ่งท่านเปรียบเหมือนสุนัขไล่เนื้อ ทันที่ไหนกัดที่นั้น
๔. อโหสิกรรม กรรมที่ไม่ผลิตผล คือไม่ให้ผลเพราะรอคอยอยู่นานเกินไป เหมือนเมล็ดพืชเก็บไว้นานเกินไปจนไม่อาจปลูกให้ขึ้นได้
กรรมที่ให้ผลตามแรงหนักเบา ๔
๑. ครุกรรม กรรมหนัก ฝ่ายกุศลหมายถึงมหัคคตกุศล คือ กรรมของผู้บำเพ็ญฌาน ฝ่ายอกุศลหมายถึงอนันตริยกรรม ๕ คือ ฆ่าบิดามารดา ฆ่าบิดา ฆ่าพระอรหันต์ ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนพระโลหิตห้อ ทำสังฆเภท คือ ทำลายสงฆ์ผู้สามัคคีกันให้แตกกัน
๒. พหุลกรรม หรือ อาจิณณกรรม หมายถึง กรรมที่กระทำจนเคยชิน เช่นบุคคลทำความดี หรือความชั่วเป็นอาจิณ ให้ผลเป็นที่สองรองลงมาจากประเภทที่หนึ่ง
๓. อาสนันกรรม กรรมที่ทำเมื่อจวนจะตายกรรมนี้แม้จะให้ผลเพลากว่ากรรม ๒ ประเภทแรก แต่ก็ให้ผลก่อน ท่านเปรียบเหมือนโคแก่ซึ่งอยู่ปากคอกเมื่อนายโคบาลเปิดประตูคอก ย่อมจะออกมาก่อน แต่เนื่องจากกำลังน้อย เมื่อเดินไปได้เพียงเล็กน้อยโคที่มีกำลังมากกว่าย่อมจะเดินออกหน้าไป
๔. กตัตตากรรม หรือ กตัตตวาปนกรรม หมายถึงกรรมสักแต่ว่าทำ คือ กรรมที่บุคคลทำโดยไม่มีเจตนากรรมนี้จะให้ได้ผลก็ต่อเมื่อกรรมประเภทอื่นให้ผลหมดแล้ว และไม่มีอะไรจะให้อีกต่อไป
กรรมซึ่งทำหน้าที่ ๔
๑. ชนกกรรม กรรมที่ก่อให้เกิด หรือกรรมประเภทนำไปสู่ปฏิสนธิในภพใหม่
๒. อุปถัมภกรรม กรรมที่อุปถัมภ์ชนกกรรมให้ มีผลรุนแรงยิ่งขึ้น เช่น บุคคลเกิดมาลำบากยากจน เพราะผลแห่งกรรมชั่วในอดีต เมื่อเขาเกิดมาแล้วก็ทำกรรมชั่วมากขึ้น กรรมชั่วนั้นจะช่วยให้เขาประสบความลำบากมากขึ้น
๓. อุปปีฬกกรรม กรรมที่บีบคั้น ทำให้ชนกกรรมเพลากำลังลง เช่นบุคคลเกิดมาในตระกูลที่มีความมั่งคั่งร่ำรวยเพราะชนกกรรมที่เป็นกุศล แต่เขากระทำกรรมชั่วในปัจจุบัน เช่นประกอบอาชญากรรม เกียจคร้านในการตั้งเนื้อสร้างตัวกรรมชั่วนี้จะบีบคั้นผลแห่งกรรมดีในอดีตให้เพลาลง
๔. อุปฆาตกรรม กรรมที่ตัดรอนมีอำนาจเด็ดขาดในการให้ผลตามหน้าที่ของตน ห้ามและกีดกันกรรมอื่นอย่างเด็ดขาดตามหน้าที่ของตน ห้ามและกีดกันกรรมอื่นอย่างเด็ดขาด เช่นอนันตริยกรรมฝ่ายอกุศลมีอำนาจห้ามมรรคผลของบุคคลผู้กระทำในชาตินั้น หรือกุศลกรรมที่สูงส่งเช่นอริยมรรค อริยผล ย่อมตัดรอนกรรมชั่วอย่างอื่นมิให้ผลอีกต่อไป ในเมื่อท่านผู้นั้นปรินิพพานแล้วโดยการดับขันธ์
กรรมทั้งหมดที่ระบุชื่อมานี้เป็นได้ทั้งฝ่ายกุศล และ อกุศล คือทั้งฝ่ายดีและฝ่ายชั่ว
ผู้บำเพ็ญเพียรพิจารณาถึงกรรมอยู่อย่างนี้ ย่อมข้าม ความสงสัย ในเรื่องกัมมวัฏ (ความหมุนเวียนเพราะกรรม) และวิปากวัฏ (ความหมุนเวียนเพราะผลแห่งกรรม) เสียได้ย่อมทราบชัดว่า
กรรมและวิบากเป็นไปอยู่ วิบากย่อม
เกิดแต่กรรม ภพใหม่มีขึ้น เพราะกรรม
โลกวนเวียนอยู่เยี่ยงนี้
ผู้บำเพ็ญเพียรพิจารณาอยู่อย่างนี้ ย่อมเห็นชัดว่าโลกทั้งโลกมีแต่เรื่องกรรมและผลของกรรม มีแต่ความเกี่ยวเนื่องกันในเรื่องกรรมและผลของกรรม
ไม่มีสัตว์หรือบุคคลเป็นผู้ทำกรรม หรือเสวยผลของกรรม มีแต่เหตุกับผล เธอสามารถล่วงพ้นความสงสัย ๑๖ ประการเสียได้ มีทรรศนะอันถูกต้องสมที่ท่านกล่าวไว้ว่า
กมฺมสฺส การโถ นตฺถิ วิปากสฺส จ เวทโก
สุทฺธธมฺมา ปวตฺตนฺติ เอเวตํ สมฺมทสฺสนํ
ผู้กระทำกรรมไม่มี ผู้เสวยผลแห่งกรรมก็ไม่มี ธรรมล้วน ๆ เป็นไปอยู่ นี่คือทรรรศนะที่ถูกต้อง เรื่องนี้ หมายความว่าให้ถอนสัตตสัญญาออกเสีย ให้เห็นแต่ความสัมพันธ์ระหว่างเหตุผลเท่านั้น เป็นทรรศนะที่บริสุทธิ์ล้วน ๆ เป็นไปอยู่
บุคคลผู้มีปัญญาเห็นแจ้งประกอบด้วยญาณ คือ กังขาวิตรณวิสุทธินี้ ย่อมเป็นผู้ได้ความแช่มชื่น ได้ที่พึ่งทางพระพุทธศาสนา มีคติแน่นอน (นิยตคติโก)
ชื่อว่า โสดาบันน้อย ๆ (จูฬโวจสปนฺโน)
เพราะฉะนั้นผู้ ต้องการญาณ เครื่องข้ามความสงสัย (กังขาวิตรณะ) พึ่งเป็นผู้มีสติทุกเมื่อ พึงกำหนดปัจจัยแห่งนามรูปโดยอาการทุกอย่างเถิด
จากคุณ :
ปราชญ์ขยะ
- [
8 มิ.ย. 50 13:37:18
]