ความคิดเห็นที่ 1 อนุตรธรรม  ตามความเข้าใจของผมเองคิดว่าน่าจะหมายถึง การรับธรรมะเพื่อให้ตนเองเข้าถึงกระแสของพุทธธรรมเพื่อการหลุดพ้นหมดกิเลส ซึ่งเท่าที่ผมได้เคยคุยกับผู้ที่เคยรับอนุตรธรรมในสถานธรรมโรงเจมาเขาจะเล่าให้ฟังว่าผู้ที่จะรับอนุตรธรรมได้นั้นจะต้องปฏิบัติดังนี้ก่อนคือ 1. กินเจ งดบริโภคเนื้อสัตว์ : โดยยึดเอาหลักพระไตรปิฏกฉบับลังกา เป็นหลัก    โดยข้อนี้จะเน้นที่เมตตาเป็นหลักทำนองว่าไม่ส่งเสริมการฆ่าสัตว์ สำหรับผู้ที่งดเว้นเนื้อสัตว์ได้ก็ถือว่าดีอยู่ครับ แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ไม่เสียหายแต่อย่างใดครับเพราะข้อนี้เป็นเพียงข้อหนึ่งในวิถีแห่งอนุตรธรรมเท่านั้น ไม่ใช่หนทางแห่งการหลุดพ้นโดยตรงแต่เป็นหนทางแห่งการดำเนินไปเพื่อความหลุดพ้นเพื่อเข้าสู่กระแสของเมตตาธรรม 2. ฟังธรรม 3. แสดงธรรม 4. สวดมนต์ 5. ให้ทานแก่คนยากไร้ เช่น การเปิดโรงทาน เป็นต้น รายละเอียดที่ผมทราบมาก็มีเพียงเท่านี้แหละครับ....ผิดถูกประการใดเดี๋ยวรอผู้รู้ท่านอื่นมาอธิบายต่อดีกว่าครับ จากคุณ : XLmen - [ 10 มิ.ย. 50 21:19:26 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผมว่า 5 ข้อนั้น น่าจะหลังจากรับธรรมมะนะครับ ( คือควรทำให้ไ้ด้ ) แต่อาจจะไม่ครบทุกข้อ บ้างครับ จากคุณ : domeseed - [ 10 มิ.ย. 50 21:24:36 ]

ความคิดเห็นที่ 3 อ้อ...ลืมบอกไปอีกข้อนึงครับ... ผู้ที่จะรับอนุตรธรรมได้จะต้องรับสัจจะว่าจะไม่บริโภคเนื้อสัตว์ตลอดชีวิตด้วยนะครับ ดังนั้นถ้าใครยังไม่แน่ใจว่าตนเองจะสามารถทำตามสัจจะที่ได้ลั่นวาจาไปแล้วได้หละก็...ควรขอรับอนุตรธรรมแบบเป็นช่วงๆ จะดีกว่าครับเช่น รับสัจจะว่าจะงดเว้นจากการกินเนื้อสัตว์แค่ช่วง 7 วัน 7 เดือน 7 ปี เอาไว้มั่นใจจริงๆ ค่อยขอรับสัจจะตลอดชีวิตจะดีกว่าครับ จากคุณ : XLmen - [ 10 มิ.ย. 50 21:36:19 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 3 ผิดพลาดรึเปล่าครับ ผมว่า เป็น ปณิธาน ที่ผู้บำเพ็ญ ตั้งมาหลัง จาก รับธรรมะ แล้วก็ประชุมธรรม 3 วันไม่ใช่หรอครับ ข้อ 1 เห็นงานทางธรรมดีกว่าทางโลก ข้อ 2 บริจาคทรัพย์หรือธรรมะเป็นทาน ข้อ 3 ทานเจตลอดชีวิต ข้อ 4 อุตทิตตนเพื่องานธรรม ข้อ 5 เปิดสถานธรรม ข้อ 6 บุกเบิกธรรม *ธรรม ในที่นี้ คือ ธรรมะ ไม่ได้เจาะจงว่าจะต้อง ศาสนาอะไร อย่างไร อีกอย่าง จะไม่มีการบังคับให้เลือกข้อไหนเป็นกรณีนะครับ เพราะว่าผม ก็ยังทานเนื้อสัตว์บ้าง แต่เลี่ยงๆ จากคุณ : domeseed - [ 10 มิ.ย. 50 21:43:10 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ลิงค์ที่คุณให้มา ผมว่ามันแปล่งๆ อยู่บ้างนะ ธรรมะ หรือ อนุตรธรรม คือสภาพที่ดำรงอยู่อย่างนั่น ศาสดา ได้ตรัสรู้ และนำมาเผยแพร่ ไม่เห็นต้องให้มีวิธีหรือ พิธี รับ หรือ เข้าสู่กระแสธรรมให้ยุ่งยากมากเรื่องเลย แค่ศึกษาให้เข้าใจ แล้วก็ปฏิบัติ ก็ได้รับผลเช่้นเดียวกัน ผมไม่ได้ปฏิเสธพิธีกรรมนะครับ แต่ถ้าเปลือกหนาไป กลัวว่าจะหาแก่นไม่เจอ พิมพ์ตกครับ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 50 23:25:57 จากคุณ : นายไวรัส - [ 10 มิ.ย. 50 22:56:22 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เอ...ถ้ายังทานเนื้อสัตว์อยู่จะเรียกว่ารับอนุตรธรรมได้อยู่หรือครับ ??? โดยส่วนตัวผมเองแล้วก็ไม่ได้รับอนุตรธรรมกับใครเขาหรอกครับ ที่เล่าๆ มาส่วนใหญ่มาจากการพูดคุยกับเพื่อนที่เขาเคยรับอนุตรธรรมแค่นั้นเองครับ อย่างกรณีช่วงเทศกาลกินเจถ้าผู้ใดถือศีลกินเจช่วงนี้ก็ถือว่ารับอนุตรธรรมด้วยเหมือนกันครับแต่เป็นแค่ระยะสั้นๆ ครับ แต่ถ้าจะพูดแบบให้ตรงจุดจริงๆ เลยก็คือ การรับอนุตรธรรมก็เหมือนการบวชพระนั่นแหละครับ แตกต่างตรงที่การรับอนุตรธรรมนี้จะไม่ใช่การบวชพระแต่เป็นการบวชเป็นญาติธรรม....โดยเฉพาะข้อเปิดสถานธรรมนั้นส่วนใหญ่จะเป็นดังนั้น แต่ถ้างบน้อยก็ฟังธรรม แสดงธรรม แทนไปก่อนก็ได้ครับ แต่จะไม่มีการเลือกถือเพียงข้อใดข้อหนึ่งนะครับต้องปฏิบัติหมดทุกข้อ เท่าที่ตนเองจะสามารถทำได้ โดยเฉพาะข้อห้ามกินเนื้อนั้นคิดว่าไม่น่าจะเลี่ยงได้นะครับ...หรือถ้าเลี่ยงได้ก็ดีเหมือนกันครับ หุหุหุ ?? จากคุณ : XLmen - [ 10 มิ.ย. 50 22:56:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คำตอบที่ 5  ถ้าอยากขึ้นนิพพาน ก็ต้องบำเพ็ญหลายร้อยชาติเหมือนพระพุทธเจ้าน่ะสิครับ หากเกิดชาติหน้าขึ้นมา เราจะได้บำเพ็ญรึเปล่า ? สู้นิพพานในชาตินี้เหมือนท่านเหล่าเฉียนเหยินไม่ดีกว่าหรอครับ ( เคยมาโปรดในประเทศไทย ปี 2535 พุทธมนฑล ) ---------- คำตอบที่ 6 การกินเจไม่ถือว่า รับวิถีอนุตรธรรมครับ กินแต่เจ ไม่ทำใจให้บริสุทธิ์ เรียกกินเจหรือ ? คนที่จะรับธรรมะได้ จะต้องมีอาจารย์ถ่่ายทอดเบิกธรรม ถ่ายทอดให้เท่านั้นครับ การกินเจเป็นแค่การ หยุดสร้างความชั่ว สร้างความเมตตา เพียงแค่นี้ครับ จากคุณ : domeseed - [ 10 มิ.ย. 50 23:13:53 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ตอบ คห.ที่5 พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เข้าสู่นิพพานได้ในอีกหลายร้อยชาติซักหน่อย ในพุทธประวัติ อรหันต์หลายท่านก็ไม่ใช่ว่าจะบำเพ็ญมาหลายร้อบหลายพันชาติ พึ่งจะมาบำเพ็ญ ตัดเวร ตัดกรรม ตัดภพ ตัดชาติ ตอนพี่พบพระพุทธเจ้านี่เหละ จากคุณ : นายไวรัส - [ 10 มิ.ย. 50 23:31:12 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เท่าที่ดูจากเอกสารของทางลัทธิพบว่า การอ้างคำสอนจากศาสนาต่างๆ (เพื่อเสริมความน่าเชื่อถือ???) ยังไม่ถูกต้องตรงตามต้นฉบับ ก็เลยสงสัยว่าความเชื่อของลัทธิเองที่ถ่ายทอดกันมาถูกต้อง ตรงแค่ไหน แก่นของลัทธิเองจริงๆก็ไม่มีอะไรมาก มีลักษณะเป็นลัทธิทำดี+พิธีกรรมมากกว่า จากคุณ : PUFF - [ 10 มิ.ย. 50 23:56:43 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ลัทธิจับฉ่ายครับ แยกป็นหลายสาย  ลักษณะ ก็แบบ ที่ คุณ PUFF ว่ามาแหละครับ เอาพระพุทธรูปวางไว้กลางโต๊ะ อยู่ต่ำกว่า กวนอู ลื่อต้งปิง อ.จี้กง บอกว่าพระพุทธเจ้า พระคริสต์ พระยะโฮวา เป็นเพียง สาวกที่ "นามที่กำหนด" แยกตามแต่ละสาย ส่งมาเผยแพร่วิธี "อนุตรธรรม" รูปแบบหลักๆ เน้นพิธีกรรม อิทธิพล ลัทธิขงจื้อ เน้นตำราส่วนใหญ่จาก เต๋าเต๊กเก็ง ที่ ปรุง ที่แปล ที่ตีความ ยัดเยียดใส่หัวของ คนที่ถูกเชิญไปฟัง ขอบชวนเชิญแบบแนว พฤติกรรมหมู่ ให้คนมารุมล้อมเป้าหมายพูดซ้ำๆๆๆ  ให้คนนั้นคนนี้ รับเจตลอดชีวิต แต่เป็นเจ ที่บอกว่า กินไข่ได้ เพราะเดี๋ยวนี้ เป็นไข่ลม ไม่มีตัว เลยถือว่าเจ (พอๆกันกับพวกที่บอกว่า หอยนางรมเป็นเจ)มีแต่พิธีกรรม ไม่สอนปฏิบัติธรรม  อื่นๆอีกมากมาย ที่กล้าพิมพ์ เพราะเคย โดนชักชวนเข้าไป แล้วไปสังเกตุพฤติการณ์อยู่นานพอที่จะ พิมพ์สิ่งเหล่านี้ออกมา แก้ไขคำผิด ไม่มีการตัดข้อความใดๆทั้งสิ้น แก้ไขเมื่อ 11 มิ.ย. 50 05:02:40 จากคุณ : jiewee - [ 11 มิ.ย. 50 04:58:40 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ความคิดเห็นที่ 8   ความมุ่งหมายหรือเป้าหมายของชีวิตในทัศนะของศาสนาธรรมต่างๆ มีเป้าหมายที่แตกต่างกัน แต่พระพุทธศาสนา จุดมุ่งหมายปลายทางของชีวิตคือ การดำเนินชีวิต ตามอริยะมรรค มีองค์ 8 เพื่อเข้าสู่พระนิพพาน   ความคิดเห็นที่ 10   อนุตตรธรรมไม่ใช่ลัทธิครับ อนุตตรธรรมคือ ธรรมะ ๆก็คือคำสอน ของหลายๆศาสนา ที่สอนให้ทุกคน พูดดี คิดดี ทำดี   จะมีโต๊ะพระที่วาง พระอาจารย์จี้กง พระศรีอาริยเมตไตย พระโพธิสัตว์ศรีปัญญา เพื่อให้ญาติธรรมได้ เคารพกราบไหว้ ไม่ใช่พิธีกรรม ไม่มีรูปแบบเป็นพิธีกรรม เป็นเพียง การกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั่วไป    ไม่มีอิทธิพล ไม่บังคับให้ญาติธรรมมานั่งฟัง และรับเจ เพราะคนที่ จะทานเจได้ ต้องมีศีล 5 ข้อ ของพระพุทธศาสนา เพื่อทำความเข้าใจก่อนที่จะรับเจ การรับเจเพื่อทำให้ จิตใจมีเมตตา สงสาร และเห็นอกเห็นใจ สรรพสัตว์ต่างๆที่มีชีวิต การรับเจต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อตัดหนี้เวรกรรม ไม่สร้างกรรม ไข่ก็ทานไม่ได้ หอยนางรมก็ทานไม่ได้   อนุตตรธรรมสอนทั้งการปฏิบัติ สอนทั้งการบำเพ็ญ สอนทั้งการศึกษาเรียนรู้ ในเรื่องต่างๆ ที่สามารถนำไปปฏิบัติไ้ด้ เ่ช่น การฝึกจิต การมีเมตตา กตัญญูรู้คุณ พี่น้องรักใคร่ปรองดอง   ถ้าคุณเข้าไปศึกษาอนุตตรธรรมที่แท้จริง คุณต้องเข้าถึง แก่น หลักธรรม คำสอน แล้วนำไปใช้ได้ ---ขอความสงบสุขด้วยครับ จากคุณ : domeseed - [ 11 มิ.ย. 50 18:31:40 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สัมผัสมาสามสาย แต่ละสายสอนไม่เหมือนกัน อนุตรธรรมไต้หวัน ขอบคุณครับ จากคุณ : jiewee - [ 11 มิ.ย. 50 20:23:42 ]

ความคิดเห็นที่ 13 สายอะไรที่สัมผัสมาครับ ? ได้สัมผัส ? แต่ไม่ได้เข้ากระดูก ไม่ได้ปฏิบัติ จะรู้ได้อย่างไร ว่าเป็นเช่นไร ? ทำไมไม่ลองไปศึกษาดูล่ะครับ ดีกว่าไปสังเกตการณ์ มัวสังเกตจะรู้ไหมครับ ว่าเขาสอนอะไร ? จากคุณ : domeseed - [ 11 มิ.ย. 50 20:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สถานธรรม หงอีฝอถัง แถววัดดอนติดทางด่วน มีสถานธรรมสาขาอีกที่อยู่ที่ จ.ราชบุรี สายไหนผมไม่ได้จำแล้วครับ แต่จำได้ว่าของพวกคุณแยกสายกันไปเป็น 15สายไม่ใช่หรือครับ เข้าไปอยู่สองปีสังเกตุการณ์แบบคนใน(หวังว่าคงนานพอ) เจกินไข่ กินนมได้ ไม่เคยสอนปฏิบัติ มีแต่รวมกลุ่มนั่งเรียนหนังสือ มีแต่การกราบไหว้ พิธีกรรมถวายผลไม้เทพ ที่ยกไว้นาม "เหลาหมู่" เอารูปเจ้าแม่กวนอิมเป็นภาพลักษณ์ พระพุทธรูปวางไว้ต่ำกว่าเซียน มักกล่าวอ้างอาจารย์ตักม้อ กับ อ.จี้กง คนที่ชิงโข่ว(ชำระปากใช่ไหม) มาเป็นสิบๆปี ยกตัวเองว่าสูงส่งกว่าคนที่ไม่ทานเจ(แบบของเขา) ว่าไม่สะอาดไม่สกปรก แต่ปากพ่นแต่ของดีๆทั้งนั้น อาจารย์ทั้งหลายก็ไม่เห็นสี่งสอนแก้ไขตักเตือน ประชุมก็เอาแต่ร้องเพลง ปฏิบัติไม่มีแน่นอนเคยสอบถามไปหลายรอบ เงียบเป็นเป่าสาก  อ่อชอบยกเรื่องวันสิ้นโลกมาพูดบ่อยๆด้วยนะครับ อย่างที่บอกรูปแบบที่เห็นเน้นแบบ ลัทธิขงจื้อ เวลาประชุมอบรมประจำปี มีถือไม้ง่ามเข้าทรง คนส่งมาจากไต้หวัน  เอาไม้ง่ามเขียนทราย อบรมแบบลักษณะชักจูงและสะกดจิตหมู่ ลงทรงเป็นเทพองค์นั้นองค์นี้ เซียนท่านนั้นท่านนี้ อย่างถ้าเป็นอาจารจี้กงจะเดินถือพัด และปลีกย่อยอื่นๆอีกเยอะแยะ ส่วนที่คุณว่าไม่เหมือนกัน มันก็แน่นอนอยู่แล้ว แต่ละสาย เน้นการเผยแพร่ ไม่เหมือนกัน การเข้า "เต๋า" ของไต้หวันมีประชุมใหญ่ของแต่ละสายทุกปี ที่ไต้หวัน เงินบริจาค ส่งเข้าไปไต้หวันหมด ผมก็มาเล่าให้คุณๆทั้งหลายฟังตามที่ประสบมา มีคนถามผมก้บอกเล่าให้ฟัง หรือว่าต้องรอให้คนของสายวิถีอนุตรธรรมมาตอบฝ่ายเดียวครับ เป็นประสบการณ์ รับได้รับไม่ได้ก็ เรื่องของคุณละครับ แค่ผมไม่โต้แย้งกับคุณต่อแล้วนะครับ เพราะเรื่องความศรัทธาเป็นเรื่องเฉพาะบุคคลละนะครับ ขอบคุณครับ^^ จากคุณ : jiewee - [ 12 มิ.ย. 50 00:39:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ ที่ชี้แนะครับ ถึงแม้ว่าจะเข้าไปอยู่ในฝอถังมา 2 ปีโดยไม่ได้มีความศรัทธาครับ จากคุณ : domeseed - [ 12 มิ.ย. 50 18:38:51 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เคยเข้าสถานธรรมโดยบังเอิญ คลุกคลีตีโมงจนได้เป็นอาจารย์ชั้นต้น สิริรวมเวลาก็ 7 - 8 เดือนที่ทานเจ และสอนอยู่ จากนั้นหรือครับ ... ตาสว่างโดยบังเอิญ ไปลูบ ๆ คลำ ๆ เรื่องบัญชีเงินทำบุญเข้า เลยได้ถึงบางอ้อ เอาเป็นว่า เงินทำบุญส่วนใหญ่หมดไปกับเครื่องเสียง วิทยุ โทรทัศน์ และตั๋วเครื่องบินไปกลับ ไทย ไต้หวัน ของอาจารย์ใหญ่นั่นแหละ เฮ้อ ศรัทธาดับวูบ ชิ่งเลย แม้กับบุตรบุญธรรมอาจารย์ใหญ่คนนั้น ก็ไม่ได้มีอะไรกันอีก แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 50 17:42:38 จากคุณ : ถ้าจะรักใครคนนั้นต้องเป็นเธอ - [ 15 มิ.ย. 50 12:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ... แก้ไขเมื่อ 22 มิ.ย. 50 17:41:47 จากคุณ : ถ้าจะรักใครคนนั้นต้องเป็นเธอ - [ 15 มิ.ย. 50 12:31:18 ]