ความคิดเห็นที่ 1 "... ณ กาลครั้งนั้น สุสิมเทพบุตร แวดล้อมไปด้วยเทพบุตรบริษัทเป็นอันมาก ขณะที่พระผู้มีพระภาคและพระอานนท์เถระ กำลังกล่าวสรรเสริญคุณท่านพระสารีบุตรอยู่ ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับครั้นแล้วจึงถวายอภิวาท แล้วยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง             เมื่อยืนเรียบร้อยแล้วจึงได้กราบบังคมทูลพระผู้มีพระภาคว่า จริงอย่างนั้น พระผู้มีพระภาค จริงอย่างนั้น พระสุคต อันใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมุทะลุ ไม่ใช่คนงมงายไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส จะไม่ชอบท่านพระสารีบุตร เ พ ร า ะ ท่ า น เ ป็ น บั ณ ฑิ ต   ฯ ล ฯ เ ป็ น ผู้ ตำ ห นิ ค น ชั่ ว               ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เพราะข้าพระองค์ได้เข้าร่วมประชุมเทพบุตรบริษัทใดๆ ก็ได้ยินเสียงอย่างหนาหูว่า ท่ า น พ ร ะ ส า รี บุ ต ร เ ป็ น บั ณ ฑิ ต  ฯ ล ฯ เ ป็ น ผู้ ตำ ห นิ ค น ชั่ ว               ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ใครเล่าที่ไม่ใช่คนพาล ไม่ใช่คนมุทะลุไม่ใช่คนงมงาย ไม่ใช่คนมีจิตวิปลาส จะไม่ชอบท่าน ฯ ..." จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 16:19:05 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เอาธรรมบทมาฝากจ้ะ น ปเรสํ วิโลมานิ น ปเรสํ กตากตํ อตฺตนา ว อเวกฺเขยฺย กตานิ อกตานิ จ . . . ฯ ๕๐ ฯ ไม่ควรแส่หาความผิดผู้อื่น หรือธุระที่เขาทำแล้วหรือยังไม่ทำ ควรตรวจดูเฉพาะสิ่งที่ตนทำหรือยังไม่ทำเท่านั้น Pay not attention to the faults of others, Things done or left undone by others. Consider only what by oneself is done or left undone. จากคุณ : AYXC - [ 24 ก.ย. 50 16:25:38 ]

ความคิดเห็นที่ 5 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/09/Y4686165/Y4686165.html ตั้งกระทู้เมื่อวันที่  6 ก.ย. 49  เวลา 01:28:44 น. เพื่อเป็นการปรามพุทธศาสนิกชน  มิให้โจมตี/วิพากย์/วิจารณ์ธัมมชยวย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 16:37:36 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 16:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 6 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5847900/Y5847900.html ปี 2550 ตั้งกระทู้เมื่อวันที่  23 ก.ย. 50  เวลา 23:43:09 น. เพื่อเป็นการปรามพุทธศาสนิกชน  มิให้โจมตี/วิพากย์/วิจารณ์ธัมมชยวย แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 16:38:07 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 16:35:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คือว่า ชาวธรรมกายคงไม่กลังตกนรกหรอก เพราะถึงตกไปจริงๆ ก้อมีพวกอยู่เยอะ  ไม่เหงา 555 ปล. ต้องติดตามตอนต่อไป หุหุหุ จากคุณ : cattym - [ 24 ก.ย. 50 16:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แล้วเทอร์..มาแส่ในกระทู้นี้ทำไมไม่ทราบ ........... จากคุณ : อินทรีย์คิ้วขาว - [ 24 ก.ย. 50 17:24:41 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาไว้เตือนตัวเองก่อนนะจ๊ะ .. ด้วยความปรารถนาดี .. จากคุณ : อินทรีย์คิ้วขาว - [ 24 ก.ย. 50 17:26:22 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ^ ^ ^ ส่วนอันนี้ฝากคุณอินทรีย์จ้ะ :-) จากคุณ : AYXC - [ 24 ก.ย. 50 17:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ๏ สิกขาบทยิ่งล้ำ  คัมภีร์ เป็นพิษแก่อลัชชี  โฉดแท้ คุณธรรม์สิ่งสรรพ์ดี    ในโลก เป็นพิษแก่พาลแล้  ห่อนได้สดับจำ ฯ ช่วยเอา โลกนิติ ไปฝาก ไชยบูลย์ ด้วยนะครับ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 24 ก.ย. 50 17:52:45 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้ว AYXC เป็นพันธ์ไหนหรือครับ .. หรือว่าเป็นพันธุ์ "สุนัขรับใช้จอมแส่" ขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจจะไปเหยียบหางเทอร์เลย โต่ดที .. ................................ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 18:13:08 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 17:57:59 จากคุณ : อินทรีย์คิ้วขาว - [ 24 ก.ย. 50 17:56:55 ]

ความคิดเห็นที่ 13 แล้วผมถามว่าคุณเข้ามาแส่ทำไมไม่ทราบ ตอบให้ชื่นใจหน่อยเถอะครับ .. จากคุณ : อินทรีย์คิ้วขาว - [ 24 ก.ย. 50 17:59:38 ]

ความคิดเห็นที่ 14 กระทู้นี้ดี.. จากคุณ : ดั่งก้อนกรวด - [ 24 ก.ย. 50 18:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณ AYXC  ควรไปบอกให้นายไชยบูรณ์ ออกไปจากศาสนาพุทธซะ แล้วจะไม่มีชาวพุทธคนไหนเสียเวลายุ่งกับเขาอีก   แก้ปัญหาที่ต้นเหตุ  นะจ๊ะๆๆๆ จากคุณ : yariv_80 - [ 24 ก.ย. 50 18:22:38 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เมื่อครั้งพระพุทธองค์เริ่มประกาศพระศาสนาใหม่ ๆ มีสิกขาบท/พระวินัยบัญญัติหรือไม่   หากแต่เมื่อมีพระสังฆสาวกมากขึ้น ๆ ความหลากหลายแห่งพระสังฆสาวกย่อมมากขึ้นเป็นธรรมดา เป็นความหลากหลายจากผู้มาจากหลากหลายตระกูล เป็นความหลากหลายจากผู้มาจากหลากหลายชนชั้นวรรณะ เป็นความหลากหลายจากผู้มาจากหลากหลายในการอบรมสั่งสอนดูแลจากบุพการี และความหลากหลายอีกหลาย ๆ ประการ จึงเป็นที่มาแห่งการเรียนรู้และเข้าใจในพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่แตกต่างกัน  จึงประพฤติปฏิบัติที่แตกต่างกัน พุทธศาสนิก/พุทธบริษัทสี่ ต่างก็เห็นความประพฤติที่แตกต่าง แล้วพิจารณาเห็นว่า สอดคล้องหรือไม่สอดคล้องกับพระธรรมของพระพุทธองค์ จากนั้นจึงทูลบอกเล่าเรื่องราวของพระสังฆสาวกต่าง ๆ แก่พระพุทธองค์ พระพุทธองค์จึงทรงบัญญัติพระวินัยไว้มากถึง 227 ข้อ หากพุทธศาสนิก/เหล่าพุทธบริษัทสี่ทั้งหลายต่างพากันเพิกเฉยนิ่งดูดาย  ไฉนจะเกิดพระวินัยบัญญัติมากถึง 227 ข้อ ทั้ง 227 ข้อ  ล้วนแต่เป็นกรณีที่เป็นตำหนิติเตียนพระสงฆ์อันเป็นพุทธสาวกทั้งนั้น กับธัมมชยวย และทัตตะชีววย  ทำไม พุทธศาสนิก/พุทธบริษัทสี่ ทั้งหลายจึงจะตำหนิติเตียนไม่ได้   พระวินัยบัญญัติก็มีระบุไว้ชัดเจนแล้ว   เรื่องคดีทางโลก  แม้จะยุติไปแล้ว แต่พระวินัยบัญญัติข้อปาราชิกนั้น  ขาดแล้วขาดเลย   ขาดจากการเป็นพระทันทีที่ล่วงละเมิด  ไม่มีข้อยกเว้น จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 18:36:34 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ฉะนั้น พวกเรา เหล่าพุทธบุตร  พุทธศาสนิกชน พุทธบริษัทสี่ ทั้งหลาย จงร่วมกันโจทก์ท้วงคนผิด จงร่วมกันตำหนิคนชั่ว คนผิด คนชั่ว ที่ปลอมบวชเป็นพระ เป็นอลัชชี  นามว่า ธัมมชโย ดั่งเช่น พระสารีบุตร อัครสาวก ผู้โจทก์ท้วงคนผิดและตำหนิคนชั่ว ดั่งเช่น พุทธบริษัทสี่เมื่อครั้งพุทธกาล ที่เป็นผู้โจทก์ท้วงคนผิดและตำหนิคนชั่ว จนกระทั่งเกิดพระวินัยบัญญัติ 227 ข้อสำหรับพระภิกษุสงฆ์ อย่านิ่งเฉย กับคนผู้เก้อ-ยาก ผู้นี้กันนะครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 18:49:52 ]

ความคิดเห็นที่ 18 พระสารีบุตร ท่านไม่ได้เตือนด้วยโทสะ นะครับ การเตือนที่พระสารีบุตรทำ ท่านทำด้วยเมตตา และชี้แจงเหตุผลให้ฟัง และ บอกสิ่งที่ควรทำให้แก่ผู้ถูกเตือนด้วย นะ สิ่งใดไม่ได้ทำก็ทำเพิ่มนะครับ สิ่งใดที่ ทำแถมไปกับการ เตือนในแบบของพวกคุณ ก็เลิกซะนะครับ จากคุณ : หมูมันเยิ้ม - [ 24 ก.ย. 50 18:56:12 ]

ความคิดเห็นที่ 19 นั่นเป็นเพราะ พระสงฆ์ในสมัยพุทธกาล ไม่เก้อ-ยาก เหมือนอลัชชีในสมัยนี้ ก็เห็นกันอยู่มิใช่หรือว่า ว่าพวก เก้อ-ยาก มันด้านกันขนาดไหน ? ยอมรับในชั้นอัยการว่ายักยอกทรัพย์จริง และได้คืนทรัพย์นั้นแก่วัดแล้ว ตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช(ซึ่งก็นานถึง 7 ปี มาแล้ว) เป็นพระยักยอกทรัพย์ ไม่อาบัติปราชิก หรือครับ ? แล้วที่ลอยหน้าลอยตาห่มเหลืองอยู่นี่ เรียกว่าอะไรครับ ? เก้อ-ยาก ไหมครับ ? ใครจะชี้แจงตักเตือนด้วยเมตตา ก็ทำไปสิครับ ขนาด สมเด็จพระสังฆราช ทรงตักเตือนด้วยเมตตา มันยังไม่ฟังเลย แล้วเราๆท่านๆ เป็นใครกันเล่าครับ ? ถึงจะให้ ไปตักเตือน อลัชชี ด้วยเมตตา (?) หึหึ ฤทธี จากคุณ : Ritti Janson - [ 24 ก.ย. 50 19:30:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ทวนทองเอ๋ย... ทวนทองเป็นใคร ทำไมไม่รู้จักประมาณตัวเองบ้างเลย คำว่าอัตตัญญุตา ทวนทองรู้จักไหม พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์อย่างน้อยท่านก็ทรงญาณ 3 คือปุพเพนิวาสานุสสติญาณ จุตูปปาตญาณ และอาสวักขยญาณ ใครเป็นอย่างไรท่านก็ประจักษ์ด้วยตัวท่านเองแล้ว จึงไม่แปลกถ้าท่านจะตำหนิคนชั่ว แล้วทวนทองล่ะเป็นใคร มีคุณสมบัติอะไรที่จะไปเทียบชั้นกับพระสารีบุตรได้บ้าง แม้สักเพียงธุลีดินก็ยังหาไม่ได้เลยด้วยซ้ำ แต่คิดจะทำตัวเยี่ยงพระสารีบุตรเพียงหาเลศว่าจะตำหนิคนชั่วเท่านั้น ท่านพระสารีบุตรเป็นพระอรหันต์ แต่ทวนทองอาศัยพฤติกรรมที่ผ่านๆมาแม้เพียงกัลยาณปุถุชนก็ยังเป็นไม่ได้เลยด้วยซ้ำ อย่ามัวแต่ห่วงว่าคนอื่นจะตกนรกเลย ห่วงตัวเองก่อนดีกว่า ถ้าจะห่วงคนอื่นก็ควรห่วงพวกเขาว่าถ้าพวกเขาตกนรกแล้วไปเจอะทวนทองคอยป่วนอยู่ในนรกอีก ควรจะทำอย่างไรมากกว่า จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 24 ก.ย. 50 20:15:31 ]

ความคิดเห็นที่ 21 แหม คุณ วิพิธวิสสุดา ล่ะก็ พระสารีบุตร เป็นเพียงพระอัครสาวก ที่มีพระสาวกของพระพุทธองค์ด้วยกล่าวสรรเสริญชมเชย ในพระวินัยบัญญัติ 227 ข้อนั้น  ไม่ใช่ว่า เกิดจากพระสารีบุตรรูปเดียวที่ตำหนิติเตียนพระภิกษุผู้ประพฤติผิด ประพฤติมิชอบนะครับ หากแต่ยังมีพระสาวกรูปอื่น ๆ อีกจำนวนมาก  ทั้งยังมีอุบาสก อุบาสิกา อีกจำนวนมากเช่นกันที่กล่าวตำหนิติเตียนพระสังฆสาวกของพระพุทธองค์ ผมก็กล่าวบอกไว้ใน คห.16 แล้ว  ว่า  พระวินัยบัญญัตินั้น เกิดจากพุทธบริทสี่ พุทธศาสนิกชนทั้งหลาย ช่วยกันตำหนิติเตียนคนชั่ว  จึงเกิดพระวินัยบัญญัติ 227 ข้อ   ไม่ได้อ่านมั่งเลยหรือครับ สักแต่ว่า ขอให้ได้ตอบ ตามคำสั่งที่ได้รับมาเท่านั้น  ไม่ได้ดูตาม้าตาเรือเอาซะมั่งเลยหรือ แม้ว่า ผมจะไม่ได้เขียนใน คห.16  ในพระไตรปิฎกก็มีรายละเอียดบันทึกไว้ครบถ้วนแล้วว่า พระวินัยแต่ละข้อ ๆ นั้น มีความเป็นมากันอย่างไร  ไม่มีใครบิดเบือนแก้ไขได้หรอกครับ มีแต่อลัชชีธัมมชยวยคนเดียวล่ะครับที่ บิดเบือนพระไตรปิฎก จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:27:03 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คุณ วิพิธวิสสุดา รู้ตัวไหมว่า ลูกแก้วใส ๆ แตกกระจายไปแล้ว หันมาใช้วิธีฝึกแบบพระสายวัดป่าดีกว่ามั้งครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:30:21 ]

ความคิดเห็นที่ 23 จริงดั่งที่คุณฤทธีกล่าวครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ธัมมชยวย  ได้รับพระเมตตายิ่งจากสมเด็จพระสังฆราช http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5847900/Y5847900.html#12 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ธัมมชยวยล้วนแต่ถูกโจทก์  ด้วยเรื่องประกอบด้วยประโยชน์ ไม่ใช่ถูกโจทก์ด้วยเรื่องไม่ประกอบด้วยประโยชน์ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5847900/Y5847900.html#11 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:36:53 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ธัมมชยวยล้วนแต่ถูกโจทก์  ด้วยคำสุภาพ(๓) ทั้งยังได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากองค์สมเด็จพระสังฆราช   ทรงเตือนให้ธัมมชยวยทราบก่อนแล้ว http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5847900/Y5847900.html#10 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:38:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ธัมมชยวยล้วนแต่ถูกโจทก์  ด้วยเรื่องจริงที่หาหลักฐานมายืนยันความบริสุทธิ์ไม่ได้   http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5847900/Y5847900.html#9 และ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4661041/Y4661041.html แก้ไขเมื่อ 24 ก.ย. 50 20:40:31 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:39:11 ]

ความคิดเห็นที่ 28 และนี่เป็นความเห็นของอาจารย์ผู้สอนวิชชาธรรมกายสายปากน้ำ จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:42:29 ]

ความคิดเห็นที่ 29 และนี่เป็นอีก 1 อดีตลูกศิษย์ธัมมชยวย จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:44:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 และนี่เป็นอีก 1 ความเห็นอดีตลูกศิษย์ธัมมชยวย จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 20:45:33 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพ ตามคคห6 ถ้าไม่มี บุคคลที่ ๓ อยู่ในภาพ (แม้นจะ มีอยู่นอกภาพ) = ประมาท ..ผิดศีล (แต่ข้อไหน ถามพระวินัยธรฯ" ปัจฉิมโอวาท....ภิกาุทั้งหลาย จงสมบูรณ์ ด้วยความไม่ประมาท เถิด จากคุณ : เซนเถรวาท (F=9b) - [ 24 ก.ย. 50 21:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 32 8 ปี แล้วนะครับ  คุณหมูมันเยิ้ม #18 ในช่วงปีแรก  ขณะเกิดเหตุการณ์ใหม่ ๆ มีการวิพากวิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง  พระสงฆ์ผู้ทรงคุณวุฒิ หลายท่านออกมาตำหนิติเตียน ผ่านสื่อสารมวลชนหลากหลายแขนงที่เป็นการกล่าวโจทก์ท้วง ด้วยความเมตตา ด้วยคำสุภาพ   ทั้งสมเด็จพระสังฆราชยังทรงพระเมตตา  มีพระลิขิตทรงเตือนมาก่อน ว่า  หากไม่มีเจตนา ก็ให้โอนทรัพย์สินคืนให้กับวัด ฉบับที่ 1 ก็แล้ว,  ฉบับที่ 2 ก็แล้ว, ฉบับที่ 3 ก็แล้ว จนกระทั่งถึงฉบับที่ 5 แต่ธัมมชโยกลับนิ่งเฉยเสีย การนิ่งเฉยของธัมมชโย  เป็นการแสดงเจตนายืนยันการยักยอกทรัพย์ในชั้นต้น การโอนคืนทรัพย์สินให้กับวัด เพื่อให้อัยการถอนฟ้อง เป็นการยืนยันการยักยอกทรัพย์เป็นคำรบสอง  อีกทั้งเป็นการยืนยันสถานะการยักยอกทรัพย์ต่อหน้าอัยการและต่อหน้าศาลสถิตย์ยุติธรรมนะครับ ทั้งหมดทั้งปวงเกิดขึ้นบนความเมตตาปราณีจากสมเด็จพระสังฆราชฯ แต่พระองค์ท่านกลับได้รับคำปรามาสทั้งหลายทั้งปวงจากอลัชชีและเหล่าสาวกทั้งหลายของอลัชชี จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 21:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ปรามาสกันไม่หยุดยั้ง จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 21:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 34 นี่ก็ปรามาสอีก จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 21:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 นี่ก็ด้วย จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.ย. 50 21:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เข้ามาเยี่ยมจ้ะ ไปล่ะ จากคุณ : oor_dt - [ 24 ก.ย. 50 22:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ตำหนิได้ แต่ต้องมีเมตตา และวาจาดีครับ  รักพระพุทธองค์ ทำตามท่านสอนหรือเปล่า ต้องพิจารณาด้วยนะครับ...... [๕๐๑] ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ ปรารถนาจะโจทผู้อื่น พึง พิจารณาอย่างนี้ว่า เรามีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์หรือหนอ เราประกอบด้วย ความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีตำหนิ ธรรมนี้มีแก่เราหรือไม่ ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีความประพฤติทางวาจาบริสุทธิ์ ประกอบด้วยความประพฤติ ทางวาจาบริสุทธิ์ ไม่มีช่อง ไม่มีตำหนิ เธอย่อมจะมีผู้กล่าวว่า เชิญท่านจงศึกษา ความประพฤติทางวาจาเสียก่อน เธอย่อมจะมีผู้กล่าวดังนี้ ฯ [๕๐๒] ดูกรอุบาลี อนึ่ง ภิกษุผู้โจทก์ ปรารถนาจะโจทผู้อื่น พึง พิจารณาอย่างนี้ว่า จิตของเรามีเมตตาปรากฏ ไม่อาฆาตในสพรหมจารีทั้งหลาย หรือหนอ ธรรมนี้มีแก่เราหรือไม่ ถ้าภิกษุไม่ใช่เป็นผู้มีเมตตาจิตปรากฏ ไม่ อาฆาตในสพรหมจารีทั้งหลาย เธอย่อมจะมีผู้กล่าวว่า เชิญท่านเข้าไปตั้งเมตตาจิต ในสพรหมจารีทั้งหลาย เธอย่อมจะมีผู้กล่าวดังนี้ ฯ เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  บรรทัดที่ ๕๙๒๖ - ๕๙๕๐.  หน้าที่  ๒๔๕. http://www.84000.org/tipitaka/read/bypage.php?book=7&page=245&pages=1&pagebreak=1 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 25 ก.ย. 50 07:08:59 ]

ความคิดเห็นที่ 38 สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงพระลิขิตประกอบด้วยพระเมตตาอย่างยิ่ง ตรงตามที่คุณจักรแก้วอ้างอิงพระไตรปิฎกนะครับ แต่ธัมมชโย กลับเพิกเฉยเย็นชาต่อพระลิขิตของพระองค์ท่าน ทั้งยังเพิกเฉยเย็นชาต่อพระวินัยบัญญัติของพระพุทธองค์อีกด้วยนะครับ เพิกเฉยเย็นชามา 8 ปีเต็ม ๆ แล้ว พวกเรากลุ่มที่ต่อต้านธัมมชโยจะวิพากย์วิจารณ์อย่างไร  เหล่าสาวกของธัมมชโยก็ทำเป็นดื้อตาใส ยืนยันว่า ธัมมชโยไม่ผิด ธัมมชโยไม่ปาราชิก ในระยะหลัง ๆ  ประมาณสัก 3-4 เดือนมานี้  กลุ่มที่ร่วมวิพากย์วิจารณ์ธัมมชโยจึงได้หลุดคำหยาบ ประกอบด้วยผรุสวาจาออกมาอย่างมากมาย  สาเหตุก็ด้วยความดื้อรั้น เพิกเฉยเย็นชาต่อพระวินัยบัญญัติของพระพุทธองค์ เพิกเฉยเย็นชาต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช หากธัมมชโยปฏิบัติตรงตามพระวินัยบัญญัติ และปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราชเมื่อ 8 ปีที่แล้ว  การกล่าวคำผรุสวาจาในระยะ 3-4 เดือนมานี้คงไม่มีให้เห็นในบอร์ด pantip แห่งนี้หรอกครับคุณจักรแก้ว เหตุการณ์ในบอร์ด pantip ระยะ 3-4 เดือนมานี้มันเป็นปลายเหตุที่ไกลจากจุดเริ่มต้นของปัญหามามากแล้วครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.ย. 50 08:33:54 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ในระยะหลัง ๆ  ประมาณสัก 3-4 เดือนมานี้  กลุ่มที่ร่วมวิพากย์วิจารณ์ธัมมชโยจึงได้หลุดคำหยาบ ประกอบด้วยผรุสวาจาออกมาอย่างมากมาย  สาเหตุก็ด้วยความดื้อรั้น เพิกเฉยเย็นชาต่อพระวินัยบัญญัติของพระพุทธองค์ เพิกเฉยเย็นชาต่อพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช      ผมเข้าใจครับ แต่ทำไมต้องทำอย่างนั้นครับ เหมือนทำตัวให้มีจุดอ่อน อ่อนแอลง พระพุทธองค์ไม่ทรงสอนอย่างนี้ ท่านบอกว่า เขาสอนไม่ตรงไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้าน ให้สอบกับพระธรรม เห็นว่าไม่ตรงก็พึงทิ้งเสีย และเราก็ให้ความรู้ดีๆ ได้ หรือแม้แต่คำสอนที่ไม่ตรง มาโฆษณาในนี้ ช่วยกันโหวตลบก็ได้ เพราะในนี้เป็นหลักประชาธิบไตยอย่างไรเล่าครับ ยังดีกว่า ไปกระทบเปรียบเปรยคนนั้นเป็นสัตว์ตัวนั้น คนนี้เป็นสัตว์ตัวนี้ เล่นสนุกกันไป แต่มันไม่ดีงาม ไม่ถูกต้อง ผมเป็นพุทธ รู้สึกตกใจ ที่ขุมกำลังที่จะปกป้องพระสัทธรรมปฏิรูป กลับถูกมารแทรก  ( มารกิเลสโทสะ แทรกใจ ) เสียเอง คนนอกก็เข้ามาต่อว่า แทนที่จะรู้สึกสะกิดใจบ้าง ไปรุมว่าเขากลับอีก    ผมยังดีใจว่า คุณ แคมเปญ ทำท่าจะรู้สึก และยอมที่จะไม่กล่าวผรุสวาจาแล้ว นิดหน่อยก็ยังดี พวกคุณก็รู้ว่าตัวทำหน้าที่สำคัญ จะมาอ่อนแอต่อโทสะอย่างนี้ควรแล้วหรือครับ ผมมีความหวังต่อคุณทวนทองมากครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 25 ก.ย. 50 09:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คุณจักรแก้ว สิ่งที่ผมเสนอ ถ้าไม่มีคนสนอง ก็เปล่าประโยชน์ครับ ผมยังเหมือนเดิม ถ้าไม่มีการทำข้อตกลง ไม่ต้องห่วงเรื่องรายได้นักหรอก เพราะเค้ามองการไกลไว้แต่แรก เอาไปทำมาหารับประทานที่เมืองนอก Gointer ไปแล้ว ไม่พลาดหรอกที่จะวิจัยตลาด พวกนี้รู้แน่นอนว่าจะเกิดอะไรขึ้น ต้องมีกลยุทธ์มาปรับไขสถานการณ์ ยังไงเสีย มหาเศษถีทั้งหลายก็ยังเป็นสปอนเซอร์อยู่ เพราะผลประโยชน์ยังมีมากมาย อำนาจ เงินทุน เครือข่าย กองขยะแห่งลาภสักการะยังกองอยู่ที่นั่น ให้บรรดามหาเศษถีทั้งหลายไปคุ้ยเขี่ยหารับประทาน !!! จากคุณ : campaign - [ 25 ก.ย. 50 11:11:18 ]

ความคิดเห็นที่ 41 จักรแก้วพูดไม่ถูก ............. เห็นว่าทำผิดอยู่ เตือนแล้วยังไม่หยุด จะให้ไปกราบมันไหมครับ ? มันชั่ว ก็ต้องบอกว่ามันชั่วนะครับ จักรแก้วจะให้พูดว่าอย่างไรครับ ? --------------------------------------------------------------- พี่ไชยฯ บิดเบือนพุทธพจน์แบบนี้ ไม่ถูกไม่ดี นะจ๊ะ พี่ไชยฯ สมองขาดอ๊อกซิเจน หรือจ๊ะ ? ยังไม่ทราบหรือจ๊ะ ว่าทำแแบบนี้ มันเป็น อนันตริยกรรม จ้ะ แล้วใครก็ตาม ที่ไปสนับสนุน หรือ ปกป้อง พี่ไชยฯ ให้ทำสิ่งนี้ ก็เท่ากับร่วมกันทำ สังฆเภท ถึงกับ ปิดสวรรค์ ปิดนิพพาน เลยนะจ๊ะ หยุดเสียเถิดนะจ๊ะ ฤทธี กราบขอร้อง นะจ๊ะ อย่าทำสัทธรรมปฏิรูปกันต่อไปเลยนะจ๊ะ ได้โปรดเห็นแก่ความมั่นคงของพระศาสนาเถิดนะจ๊ะ และฤทธี หวังว่า บรรดา(อ)สาธุชนชาววัดธรรมโกย ทั้งหลาย จะปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระสังฆราช นะจ๊ะ อย่าไปกล่าววาจาหมิ่นพระองค์ท่านนะจ๊ะ มันจะเป็นบาปติดตัวจ้ะ จ๋าจ้ะ ฤทธีระทวย จากคุณ : Ritti Janson - [ 25 ก.ย. 50 11:17:39 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ผมไม่ใช่พระสงฆ์ที่นาลันทาครับ ท่านจักรแก้ว จากคุณ : JitZungkabuai - [ 25 ก.ย. 50 11:18:37 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ............... เข้ามาดูเฉยๆ จ๊ะ  .................... จากคุณ : cattym - [ 25 ก.ย. 50 11:26:29 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ผมเห็นด้วยกับคุณจักรแก้วส่วนนึงครับ อกุศลเป็นของไม่ดี ต่อให้ต่อว่าธรรมกายเพราะคิดว่ารักษาศาสนา แต่ใจขุ่นไปด้วย ก็เหมือนเอามือไปจับอุจจาระ ยังไงก็ต้องเหม็นติดกลับมาด้วย ชี้แจงได้ให้ชี้แจง ชี้แจงไม่ไหวก็วางอุเบกขา ทำเท่าที่ทำได้ รักษาใจตัวเองด้วยรักษาพระศาสนาด้วยดีที่สุด แต่ไม่เห็นด้วยกับการประนีประนอมกับสัทธรรมปฏิรูปครับ เรียกว่าควรยืนอยู่คนละข้างแบบชัดเจน จากคุณ : หลังเขา - [ 25 ก.ย. 50 11:46:58 ]

ความคิดเห็นที่ 45 วิหาระ-สัสสพรหม            อันใคร กล่าวเฮย ไหวไหว้ขานขับพรหม        แต่ชื่อ เอียงเอนขืนไย                จักรอด หนอแล สัจจะปลอดปราศแล้         ย่อมสิ้น สักการฯ -เพียงพสุธา- จากคุณ : JitZungkabuai - [ 25 ก.ย. 50 11:47:56 ]

ความคิดเห็นที่ 46 สวัสดีครับ คุณทวนทอง ผมเห็นว่าช่วงนี้ มีการใช้คำผรุสวาท เป็นอย่างมาก มีการนำรูปสัตว์ในอบาย มาโพสด้วย  ทำให้บางท่านไม่สบายตา   ตำหนิท้วงติงบ่อย  แต่ทีเรื่องสอนผิดเข้ารกเข้าพง  กระทำสัทธรรมปฏิรูป กระทำสังฆเภท  ชาวพุทธบางท่านกลับทำเงียบหงิมๆ พูดความจริงไม่เต็มปากเต็มคำ บอกฝ่ายบิดเบือนว่า น่าสงสาร น่าเห็นใจ  ให้อดทนทำดี เป็นความดี ชนะความชั่วบ้าบอๆ ผมเห็นแล้วมันน่าหัวร่อเป็นอย่างยิ่ง  ในการที่จะบอกว่าให้อดทนรักษาการบิดเบือนพระสัทธรรม กันอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันเช่นนี้ ส่วนเรื่องการแยกโทสะ กับเนื้อหา  หรือจะด้วยความเคยชินของจิตที่ปักในเวทนานั้น ก็ต้องเป็นวิจาณญาณ หรือสติปัญญาแยกแยะของแต่ละบุคคลแล้วละครับ   สมมติผมบอกว่า  "ไอ้ต๊ะเอ๋  เลวระญำ  สอนอัปปรีย์ นิพพานไม่ใช่อัตตาบ้าบอ  มรึงก่อสังฆเภทแล้ว" กับอีกฝ่ายบิดเบือนบอกว่า  "ทำตามต๊ะเอ๋ ดีแล้ว ถูกต้องแล้ว อดทน ชนะแน่ๆ   นิพพานเป็นเมืองแก้วนะจ๊ะ ถวายข้าวได้ด้วยนะจ๊ะ" ถ้ามีคนมาตำหนิ ผมว่าพูดหยายคาย แต่เขายอมรับว่าเนื้อหาที่ผมพูดถูกต้อง  ผมก็ยอมให้ด่าได้  รับได้ไม่มีปัญหาอะไร   เพราะผมแค่ต้องการให้คนอ่านเขารู้ว่าสิ่งไหนมันถูก  สิ่งไหนมันผิด  เกี่ยวกับพระธรรมก็แค่นั้นจบ  ไม่ต้องการให้ใครมารัก  มานับถือผมแต่ประการใด  เพราะนี่มันโลกจำลอง  ผมไม่ได้มีเวลามานั่งปั้นแต่งภาพพจน์ให้ดูดี  แบบนั้นผมก็ทำได้ แต่ผมว่ามันไม่จำเป็นสำหรับผม  จะโดนเขาตำหนิความไม่สุภาพบ้างก็ไม่เป็นไร  แต่เขาจำที่ผมพูดได้แน่นอน อย่างเช่นคุณจิต (ขออภัยที่พาดพิง)  ที่โพสรูปต๊ะเอ๋  คนอาจจะมองว่าแรง ซึ่งเป็นธรรมดาเป็นเรื่องของเวทนา    ส่วนตัวผมยังเห็นว่าน้อยไปด้วยซ้ำ  เพราะคนชั่วก่อสังฆเภท  ตัว"ต๊ะเอ๋" จริงๆ แล้วมันทำไม่ได้ มันเป็นเดรัจฉาน  มันก่อสัทธรรมปฏิรูป  ก่อสังฆเภทไม่ได้แน่นอน   รูปนั้นมันเป็นการเปรียบเปรยให้เห็นภาพ สื่อให้คนรู้ว่าการกระทำแบบนี้ ชาวพุทธเปรียบเหมือนเดรัจฉาน  แท้ที่ความชั่วของมันจริงๆ แล้ว ตัว"ต๊ะเอ๋" ยังเทียบไม่ได้เลย เพราะ"ต๊ะเอ๋" มันก็อยู่ของมันไปตามประสาเดรัจฉาน  ทำชั่วไปตามสัญชาติญาณของมันเท่านั้น  ไม่ได้ชั่วเหมือนอลัชชีแต่ประการใด ส่วนผุ้ที่ผ่านไปผ่านมา เห็นแล้วไม่ชอบใจ  ก็เป็นธรรมดาของผัสสะ ที่เกิดไปถึงเวทนา  หากจะต่อว่าอะไรก็ได้  แต่อย่าลืมแยกแยะว่าสิงใดเป็นสัทธรรม  สิ่งใดเป็นสัทธรรมปฏิรูป  คนที่ออกมาปกป้องแบบฮาร์ดคอร์  เขาพร้อมให้ด่าอยู่แล้ว แต่คนที่สุภาพ แต่ไม่ปกป้องด้วยใจจริง มันจะเห่าอะไรออกมาก็ได้ เพื่อให้มันดูดี อันนี้ผมเข้าใจ   ถ้าเพียงแค่ผู้ผ่านมาเห็นไม่ชอบคำหยาย  หรือรูปเดรัจฉาน  แล้วก็ไม่สนใจพระสัทธรรมที่แท้จริงที่นำมาแสดงว่าเป็นอย่างไร  ไพล่เลยไปเห็นใจประคบประหงม เออออ ให้กำลังใจ กับความสุภาพแต่บิดเบือนของพวกอลัชชีแทน  ก็แสดงว่า  "โค"  เต็มที่  คนแบบนี้จริงๆ มิควรไปเสียเวลาเสวนาด้วย เว้นแต่บางครั้ง  จะเสวนาเพื่อให้ความรู้  ตีแผ่  ธาตุชั่วจอมปลอมแก่ผู้อื่น ก็เท่านั้นเอง อันนี้เป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการับชม ขออนุโมทนาในกุศลจิต ของคุณทวนทอง ที่ปกป้องพระศาสนาตลอดมาครับ .................................................................................... สุดท้าย  ขอฝากให้คุณทวนทองดูครับ  ว่าขู่ด้วยรูปสัตว์ในอบายได้ v v v v           ทรงข่มบุคคลผู้มีธรรมฝ่ายดำ ผู้ควรข่มด้วยการขู่ด้วยภัยในอบาย เหมือนทรงโยนไปในเหวแห่งขุนเขาสิเนรุ. ทรงยกย่องบุคคลผู้มีธรรมอันดี ผู้ควรยกย่อง เหมือนยกขึ้นให้นั่งในภวัคคพรหม. ทรงตั้งพระสาวกมีพระอัญญาโกณฑัญญเถระเป็นต้นผู้ควรตั้งไว้ในฐานันดรทั้งหลายให้ดำรงในฐานันดรทั้งหลายด้วยอำนาจคุณ พร้อมด้วยกิจคือหน้าที่ตามความเป็นจริงนั่นแล จึงตรัสคำมีอาทิว่า ภิกษุทั้งหลาย บรรดาภิกษุสาวกของเราผู้รัตตัญญู รู้ราตรีนาน อัญญาโกณฑัญญะเป็นเลิศ ดังนี้. http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=20&i=146&p=1 . จากคุณ : taken01 - [ 25 ก.ย. 50 11:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เรียนคห ๓๙ เข้าใจดีค่ะว่าคุณจักรแก้วหวังดีกับทุกคน แต่ดิฉันว่า ถ้าต้องการให้ทุกอย่างสงบ คนวัดธรรมกายควรหยุดก่อน..เพื่อเห็นแก่ห้องศาสนา หรือเห็นแก่พระพุทธศาสนา เท่าที่ดิฉันสังเกตดูก็รู้สึกว่าคนวัดธรรมกายก็ไม่ใช่ย่อยนะคะ รู้ว่าพูดอย่างนี้ โพสต์อย่างนี้ต้องโดนเขาโต้ตอบกลับอย่างไร ก็ยังทำ ดิฉันถึงคิดว่าการที่เราประเมินสถานการณ์ว่าเราตอบโต้เขาอย่างนี้หรือว่าโพสต์อย่างนี้ เขาจะต้องตอกกลับมาอย่างนี้ ถ้าเราเป็นคนกลัวบาปจริง เป็นคนดีจริง เป็นคนมีคุณธรรมจริง ก็จะไม่ทำในสิ่งที่ทำไปแล้วยั่วยุให้คนอื่นเขาต้องใช้วจีกรรมจนเป็นบาปกรรมต่อเนื่องกันแบบนี้นะคะ ดิฉันว่าบาปนะคะที่ทำแบบนี้ ดิฉันว่า ถ้าคุณฟุกหยุดโฆษณาชวนเชื่อโรงเรียนอนุบาลในฝัน คุณลูกพระธรรมหยุดโพสต์ภาพจานบินและใช้คำพูดยั่วโมโห  คุณวรกรเลิกด่าคนอื่นว่าชั่วๆๆๆ(เห็นเงียบไปแล้วระยะนี้) คุณมานิโอมิกส์เลิกเถียงข้างๆคูๆ คุณดีแดงเลิกฟลัดกระทู้ คุณอะไรต่อมิอะไรเงียบๆไปก่อน ตบมือข้างเดียวไม่ดังหรอกค่ะ ก็คงไม่มีใครมาต่อว่ากันแรงๆอีก จากคุณ : dcm - [ 25 ก.ย. 50 12:35:28 ]

ความคิดเห็นที่ 48 55  ถูกใจคคห.46 ครับ คุณตาเก้นกล่าวได้โดนใจมั่ก จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 25 ก.ย. 50 13:20:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เหมือนข้างบนครับ จากคุณ : อินทรีย์คิ้วขาว - [ 25 ก.ย. 50 16:13:00 ]

ความคิดเห็นที่ 50 อันนี้ความเห็นเรานะค่ะ  คือยังไงก็แค่ความคิดเห็น+คำแนะนำเท่านั้น อย่าโกรธกันนะ เราว่าน่าจะหยุดทั้ง  2  ฝ่ายแหละค่ะไม่ว่าฝ่ายวัดและฝ่ายตรงข้าม บางทีเราอ่านๆไปก็รู้สึกว่าคนที่มาโพสต์ในห้องศาสนาเป็นผู้มีความรู้ทางธรรมกันทั้ง  2  ฝ่าย  (รู้แบบผิดหรือถูกไม่ว่ากัน)  แต่ฝ่ายที่น่าจะหยุดก่อนน่าจะเป็นฝ่ายวัดพระธรรมกายมากกว่า   เพราะเท่าที่เรารู้จักเพื่อนหรือพี่ที่ไปวัดพระธรรมกายค่อนข้างจะเป็นคนดี  ไม่หยาบคาย  มีเหตุมีผล  และหมั่นรักษาศีล อย่างพี่ผู้หญิงที่เรารู้จักตอนอยู่ปี  1  พี่เขาเป็นคนดีและตั้งใจมากรักษาศีลแปดและอธิฐานจิตว่าชาตินี้เป็นผู้หญิงเลยไม่ได้บวชแต่ชาติหน้าขอให้เกิดมาเป็นผู้ชายเพื่อจะได้บวชได้  พี่เขาเรียบร้อยทุกกระเบียดนิ้ว  แต่ไม่รู้ใครเป็นคนบอกพี่เขาเรื่องการบวชเหมือนกัน   และยังมีพี่อีกหลายๆคนที่เขาวัดพระธรรมกายนี้ตอนยังเรียนอยู่มหาลัยซึ่งก็มีรูปแบบคล้ายๆกันหมดคือเรียบร้อยทั้งผู้ชายและผู้หญิง  ทำให้ภาพพจน์ต่างจากชาวธรรมกายในพันทิพ  เหมือนมาจากคนละวัดเลย  คือถ้าให้คิดว่าพวกพี่เหล่านั้นมาเล่นพันทิพ  เราเชื่อว่าพี่ๆเราคงไม่ใช้คำพูดแบบที่ชาวธรรมกายใช้ตอนตอบกระทู้แน่นอน แล้วเราว่าอย่ายึดติดกับสถาบันนักเลย  ชาวธรรมกายเป็นคนของวัดไม่ใช่เด็กช่างกลที่พอมีใครมาว่าก็ต้องตอบโต้  ไม่งั้นเสียศักดิ์ศรี  เราว่ามันไม่ใช่    พุทธศาสนาไม่ได้สอนแบบนั้น  สอนให้เรารักสงบ  ปล่อยวางบ้างเถอะ   ถ้ามีคนมาว่าชาวธรรมกายก็เงียบๆไม่ตอบโต้  เชื่อเถอะว่าเดี๋ยวเรื่องก็เงียบไปเอง  ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอก ส่วนเรื่องการโฆษณาชวนเชื่ออันนี้เราว่าก็น่าจะได้นะแต่ความเป็นการบอกกล่าวในเทศกาลสำคัญๆมากกว่า   ส่วนกิจกรรมที่ทางวัดจัดพิเศษขึ้นมาอันนี้น่าจะอยู่ให้บล็อคของชาวธรรมกายมากกว่า  แบบว่าจัดทำขึ้นเหมือนบันทึกกิจกรรมที่ทำรวมกับวัด   ไม่ใช่เอาภาพจากเว็ปธรรมกายมาแปะๆแล้วให้คนอื่นมาอนุโมทนาบุญ   เพราะมีคนส่วนหนึ่งเชื่อว่าภาพได้รับการตกแต่ง  ให้ดูเวอร์  (อันนี้ตกแต่งหรือป่าวเราไม่รู้นะ)   เดี๋ยวก็มาเถียงกันอีก เมื่อพวกคุณหยุดก่อนเราว่าแม้มีคนตั้งกระทู้ว่าหรือวิจารณ์วัดแบบไม่ดี  สักพักก็จะเงียบหายไปเอง  เหมือนคลื่นกระทบฝั่ง หรือว่าถ้าคุณไม่มาชวนคนเข้าวัดจะไม่ได้บุญ  ชวนคนบริจาคไม่ได้จะไม่ได้บุญ    ถ้าพวกคุณอยากทำบุญทำที่ไหนก็เหมือนกันแหละ  นั่งสมาธิก็ได้บุญ  อาจจะได้บุญมากกว่าไปโกงกินบ้านเมืองแล้วเอาเงินเหล่านั้นเข้าวัดเป็นล้าน  สวดมนต์อาจจะได้บุญมากกว่าทำงานได้เดือนเป็นหมื่นแต่บริจาคเข้าวัดหมด  จนไม่พอใช้ทำให้ไม่สามารถดูแลบุพการีได้(เช่นบริจาคหมดจนไม่มีเงินเก็บ พอแม่ไม่สบายก็ไม่มีเงินพาไปรักษา) ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ  สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม(ทั้งกรรมดีกรรมชั่ว)  ยิ่งดิ้นรน ยึดมั่นถือมั่น  ไม่มีทางพบความสงบสุขได้หรอกค่ะ จากคุณ : bubblebaba - [ 25 ก.ย. 50 16:16:29 ]

ความคิดเห็นที่ 51 การใช้คำหยาบเป็นสิ่งไม่ดี เป็นโทษ แก่ตัวเองด้วย [๒๐๔] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่างไร อกุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง กุศลธรรมจึงเสื่อมไป ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ ...ฯลฯ... เป็นผู้กล่าวคำหยาบ คือ กล่าววาจาที่มีโทษ หยาบคาย เผ็ดร้อน ขัดใจผู้อื่น ใกล้เคียงความโกรธ ไม่ใช่เป็นไปเพื่อสมาธิ ...ฯลฯ... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่างนี้ อกุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง กุศลธรรมจึงเสื่อมไป ฯ [๒๐๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่าง ไร อกุศลธรรมจึงเสื่อมไป กุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ ...ฯลฯ... เพราะละวาจาหยาบ จึงเป็นผู้เว้นขาดจากวาจาหยาบ เป็นผู้กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะหู ชวนให้รัก ใคร่จับใจ เป็นภาษาชาวเมือง อันคนส่วนมากปรารถนาและชอบใจ ...ฯลฯ... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่างนี้ อกุศลธรรมจึงเสื่อมไป กุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง ฯ อ่านข้อความเต็ม http://www.84000.org/tipitaka/read/?14/198-233 จากคุณ : ปล่อย - [ 25 ก.ย. 50 17:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 52 แก่ศาสนาด้วย เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่มบุคคลผู้เก้อ-ยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดในปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑ http://www.84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=การบัญญัติวินัย_10_ จะมากจะน้อย คนภายนอกก็เห็นเราเป็นตัวแทนของศาสนาพุทธส่วนหนึ่ง สมมุติเช่น ความประพฤติของดาราแต่ละคน มีผลต่อภาพพจน์ของวงการดาราโดยรวม อันนี้ก็ครือๆ กัน จากคุณ : ปล่อย - [ 25 ก.ย. 50 17:44:34 ]

ความคิดเห็นที่ 53 แต่แน่นอนว่า การโจทท้วงการทำผิดบิดเบือนพระธรรมวินัยเป็นสิ่งที่ดี ควรทำ ดังข้อความในพระสูตรที่คุณทวนทองยกมา และแน่นอนอีกว่า ถ้าเป็นพาลชน ก็มักมีลักษณะเก้อ-ยาก ไม่ซื่อตรง พูดจาไหลไปไหลมา ดังที่เราเห็นๆ อยู่ ในห้องศาสนาบ้าง ข้างนอกบ้าง แต่การโจทท้วงก็อันหนึ่ง การกล่าวคำหยาบก็อันหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมาด้วยกัน การอ้างความชั่วของเขา เป็นเหตุให้เราทำเรื่องที่มีผลเสียต่อเราเองและต่อศาสนาส่วนรวมนั้น ไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ ผมว่า... ยังไม่ต้องพูดถึงว่า มันอาจ ดิสเครดิส สิ่งที่เราอยากพูดอยากสื่อสารด้วยซ้ำ ด้านคนนอกเขาก็ว่า คนศาสนาพุทธนั้นร้อน ด้านคู่สนทนา เขาก็อาจโดนความโกรธปิดหู จนไม่ได้ยินสิ่งที่เราอยากบอกเขา (อันนี้นับเฉพาะพวกที่ เตือนได้ นะ) กลายเป็นว่าประโยชน์ที่ได้คือความสะใจของเราเท่านั้น ครั้นจะบอกว่าหวังให้คนอื่นที่ไม่ใช่ชาวธมก.อ่าน แต่พวกที่อ่านคำร้อนๆ รุนแรงแล้วยังเชียร์เรา ส่วนใหญ่ น่าจะ ก็เป็นพวกที่รู้อยู่แล้วว่าธมก.เพี้ยน แต่ถ้าเป็นพวกที่ไม่ประสีประสามาก่อน เขาจะคิดอย่างไร? อันนี้ก็น่าสงสัยว่าจะมีผลกระทบหรือเปล่า? จากคุณ : ปล่อย - [ 25 ก.ย. 50 18:04:22 ]

ความคิดเห็นที่ 54 แล้วจะทำอย่างไรกับพวกเก้อ-ยาก? ความเห็นผมว่า ก็พูดไปตรงๆ แหละ นายนี้เก้อ-ยาก ก็บอกตรงๆ ว่าคุณเก้อ-ยาก เขาไม่มีความละอายก็บอกตรงๆ ว่าคุณเป็นคนไม่มีความละอาย... นายนี่โกหก ก็บอกตรงๆ ว่า คุณโกหก อะไรอย่างนี้ ไม่ต้องบอกว่าไอ้หน้าด้าน(!) ไอ้ขี้โกหก(!) ก็ได้ใจความครบถ้วนเท่ากัน : ) สมัยพุทธกาล พระศาสดาก็บริภาษภิกษุหลายกรณีหลายหนอยู่ เช่น โมฆะบุรุษบ้าง สมณะแกลบบ้าง ...ผู้นี้เป็นผู้ประทุษร้ายสมณะ เป็นสมณะแกลบ เป็นสมณะหยากเยื่อ... http://www.84000.org/tipitaka/read/?23/100 (ก้อปมาจากกระทู้เก่า) ในความเห็นผมนั่นไม่ใช่คำหยาบครับ จะลองจำๆ มาใช้บ้างก็น่าจะดีนะครับ ถ้าคุมจิตและคุมโทนคำพูดอยู่ อย่างไรก็ตาม บางคำเป็นคำไม่หยาบในสมัยนั้น (เทียบกับคำว่า กู ในสมัยพ่อขุนฯ) บางทีในสมัยนี้อาจมองว่าหยาบแล้วก็ได้ ก็ต้องระวังอีกหน่อยหนึ่ง ตามบทข้อว่า "เป็นภาษาชาวเมือง" คือที่ชาวเมือง(ตามสมัย)นิยมใช้ แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 50 18:25:09 จากคุณ : ปล่อย - [ 25 ก.ย. 50 18:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ผิด ถูก รู้อยู่แก่ใจ ขึ้นไปขี่บนหลังเสือแล้วลงได้ยากมาก หลงในลาภ ทรัพย์สิน เงินทองมหาศาล เอาสิ่งปลูกสร้างมาบังหน้า แต่งกายผิดจากสงฆ์ ไม่เชื่อลองลืมตากว้างๆ ดูรายการ DMC ที่นายไชยบูลย์แต่งสิ ข้างในหน่ะเสื้อนะ มีหลายอย่าง ยิ่งดูยิ่งเห็นผิด กลายธรรม ธรรมกลาย จากคุณ : นู๋ ICU. - [ 25 ก.ย. 50 20:21:14 ]

ความคิดเห็นที่ 56 เรื่องหยาบคายหรือไม่  ผมว่ามันยากตัดสินนะครับ มันอยู่ที่การใช้  สถานการณ์แวดล้อม  พื้นเพคนพูดและคนฟัง  ฯลฯ เพราะมันเป็นสิ่งสมมติ  แต่ละคนก็ตั้งและตัดสินกันเองว่าหยาบหรือไม่ เช่นตัวอย่างของคุณเหรียญ  ไอ้หน้าด้าน(!) ไอ้ขี้โกหก(!) ผมก็ไม่เห็นว่ามันจะหยาบคายอีตรงไหน ขนาดหนักกว่านี้  มนุษย์หน้าหนาบางคนมันยังไม่รู้สึกเลย  คิ คิ ใครเป็นคนกำหนด  ว่าหยาบหรือไม่หยาบ? วาจาสุภาพ  บางทียังเสียดแทงใจซะยิ่งกว่า วาจาสุภาพอ่อนหวานที่อาบยาพิษ ซ่อนเล่ห์กลชั่วช้า ผมว่ายังจะระคายหูกว่าคำหลายๆ คำที่คนว่าหยาบกันซะอีก จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 25 ก.ย. 50 22:22:55 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ยกตัวอย่างให้ฟังเรื่องนึงที่ผมว่าเห็นได้ชัดเจน ตอนเรียนหนังสือ ผมไปส่งสาวที่ท่าเรือทุกวัน มีวันนึงเธอถามผมว่า  คำว่า 'กา door' แปลว่าอะไร? ผมร้อง เฮ่ย! พูดเบาๆ  คำนี้มันเป็นคำหยาบ เธอหน้าตาเหรอหรา  ถามย้ำเสียงดังไม่เลิก  ว่ามันแปลว่าอะไร? เพราะเธอไม่รู้จัก  เกิดมาไม่เคยได้ยิน  เธอก็ไม่รู้สึกว่ามันหยาบคายตรงไหน คนมองกันใหญ่  ผมยิ่งอายแทนเธอ  เป็นสาวเป็นแส้พูดคำนี้ดังลั่นได้ไม่อายปาก เธอยิ่งขำ  ยิ่งพูดใหญ่เลย  กา door  กา door  กา door  แถมหัวเราะคิกคัก ตอนหลังได้รู้ความหมาย  เธอหน้าแดง  อายไปสามวันแปดวัน  555 จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 25 ก.ย. 50 22:43:23 ]

ความคิดเห็นที่ 58 สาธุ อนุโมทนากับคุณปล่อยครับ ชอบแล้ว ควรแล้ว ผมนึกว่าจะไม่เห็นคนอย่างคุณปล่อยอีกเสียแล้ว ในห้องศาสนานี้ รู้สึกดีใจครับ รู้สึกเหมือน  กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี อย่าไปแพ้กิเลสเลยครับ เราโทสะ กล่าวคำหยาบ กิเลสระดับปริญญาของคุณก็หาเหตุผลมาว่า หยาบได้ สมควรแล้ว ดีแล้ว เหยียบย่ำได้ อย่าตามใจมาร กิเลส จงทำตามพระธรรม ที่ทรงสอนไว้ดังนี้ [๒๐๕] ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่าง ไร อกุศลธรรมจึงเสื่อมไป กุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุคคลบางคนในโลกนี้ ...ฯลฯ... เพราะละวาจาหยาบ จึงเป็นผู้เว้นขาดจากวาจาหยาบ เป็นผู้กล่าววาจาที่ไม่มีโทษ เสนาะหู ชวนให้รัก ใคร่จับใจ เป็นภาษาชาวเมือง อันคนส่วนมากปรารถนาและชอบใจ ...ฯลฯ... ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อเสพความประพฤติทางวาจามีรูปอย่างนี้ อกุศลธรรมจึงเสื่อมไป กุศลธรรมจึงเจริญยิ่ง ฯ อ่านข้อความเต็ม http://www.84000.org/tipitaka/read/?14/198-233 ทุกท่านโปรดเข้าใจว่า ผมไม่ได้ต้องการสร้างภาพ ไม่สนใจในตัวตน และไม่คล้อยตาม ไม่ยอมตาม พระสัทธรรมปฏิรูปเช่นกัน อีกทั้งไม่เป็นสาวก แต่ผมเห็นเหมือนคุณปล่อยว่า การใช้คำหยาบเป็นสิ่งไม่ดี เป็นโทษ  แก่ตัวเองด้วย และที่สำคัญ อย่างที่คุณปล่อยพูดว่า จะมากจะน้อย คนภายนอกก็เห็นเราเป็นตัวแทนของศาสนาพุทธส่วนหนึ่ง สมมุติเช่น ความประพฤติของดาราแต่ละคน มีผลต่อภาพพจน์ของวงการดาราโดยรวม และยังมีอีกคือ การโจทท้วงการทำผิดบิดเบือนพระธรรมวินัยเป็นสิ่งที่ดี ควรทำ ....... แต่การโจทท้วงก็อันหนึ่ง การกล่าวคำหยาบก็อันหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมาด้วยกัน การอ้างความชั่วของเขา เป็นเหตุให้เราทำเรื่องที่มีผลเสียต่อเราเองและต่อศาสนาส่วนรวมนั้น ไม่ค่อยดี.....     ที่สำคัญคือ เราเป็นพุทธ ไม่ใส่ใจคำสอนพระศาสดาเลย ไปกล่าวคำหยาบ เทียบเขาด้วยสัตว์ชั้นต่ำ แล้วยังเอากิเลสมาอ้างอีกว่า ทำดีแล้ว พูดดีแล้วไม่ได้เรื่องต้องด่าอย่างนี้แหละ นี้หรือ ผุ้นับถือและปฏิบัติ ธรรมของพระพุทธองค์ แล้วคุณจะเอาเครดิตอะไรมาสอนคนอื่น หรือมาชี้นำคนอื่นได้ ใครเขาจะเชื่อ และคุณ คือพุทธ ศาสนาอื่นเข้ามา โอ้โห พุทธมันหยาบคายอย่างนี้เองหรือ เอาคนมาล้อเป็นสัตว์ก็ได้ อย่างนี้ เสียดสีดอย่างนี้       พระพุทธองค์ ให้ทรงข่ม ด้วยการขู่คือ ชี้ให้เห็นภัยในอบาย   ( ผู้ควรข่มด้วยการขู่ด้วยภัยในอบาย )  ไม่ได้ ให้กล่าววาจาหยาบคาย ส่อเสียด เสียดสี เยาะเย้อถากถาง เล่นสนุก เอาเขาไปเทียบกับสัตว์นะครับ อย่าเห็นผิดเป็นชอบไปหมดแล้ว โปรดพิจารณาดีๆ เถิดครับ  ถ้าคุณบอกว่า ถูกด่า คุณยังทนได้ อันนี้ผมเตือนด้วยหวังดีต่อ คุณ และพระศาสนาจริงๆ ขอให้ฟังบ้างเถิด ผมยังมีคุณปล่อย เป็นกำลังใจให้อีกคน ขออนุโมทนา และขอบคุณนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 00:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 59 และขอยืนยันอีกครั้งว่า วาจาสุภาพของผม ไม่เคยหวังเคลือบด้วยยาพิษเลย แต่ทำให้ ผู้ที่นับถือ สัทธรรมปฏิรูป ได้คิด ก็หลายคนแล้ว ผมก็ทำตามที่พระพุทธองค์ทรงสอนนี้แหละ และก็นำพระพุทธพจน์มาบอก อย่างที่คุณ ริททีทำแต่ต้นๆ นี้แหละ ให้ความรู้อย่างนี้แหละ ดีแล้ว ทำไปเทียบไป ของชัดเจนอยู่แล้ว สัทธรรมปฏิรูปมีหรือจะสู้พุทธพจน์ได้ ครับ อย่ากังวลว่าคนเขาจะไม่รู้ เลย ไม่มีปัญหาหรอก จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 00:09:40 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ข้อความตามที่คุณปล่อยแสดงไว้ใน #51 - #54 มีประโยชน์มาก ๆ ครับ คุณปล่อย #53 "... แต่การโจทก์ท้วงก็อันหนึ่ง การกล่าวคำหยาบก็อันหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องมาด้วยกัน การอ้างความชั่วของเขา เป็นเหตุให้เราทำเรื่องที่มีผลเสียต่อเราเองและต่อศาสนาส่วนรวมนั้น ไม่ค่อยดีเท่าไรนะครับ ..." และ "... มันอาจ ดิสเครดิส สิ่งที่เราอยากพูดอยากสื่อสารด้วยซ้ำ ด้านคนนอกเขาก็ว่า คนศาสนาพุทธนั้นร้อน ด้านคู่สนทนา เขาก็อาจโดนความโกรธปิดหู จนไม่ได้ยินสิ่งที่เราอยากบอกเขา (อันนี้นับเฉพาะพวกที่ เตือนได้ นะ) กลายเป็นว่าประโยชน์ที่ได้คือความสะใจของเราเท่านั้น ..." คุณปล่อย #54 "... แล้วจะทำอย่างไรกับพวกเก้อ-ยาก? ความเห็นผมว่า ก็พูดไปตรง ๆ แหละ นายนี้ เก้อ-ยาก ก็บอกตรง ๆ ว่าคุณเก้อ-ยาก เขาไม่มีความละอายก็บอกตรง ๆ ว่าคุณเป็นคนไม่มีความละอาย... นายนี่โกหก ก็บอกตรง ๆ ว่า คุณโกหก อะไรอย่างนี้ ไม่ต้องบอกว่าไอ้หน้าด้าน(!) ไอ้ขี้โกหก(!) ก็ได้ใจความครบถ้วนเท่ากัน : ) ..." ขออนุโมทนาครับ  และขอขอบคุณทุก ๆ ความเห็นที่ร่วมกันแสดงจุดยืนในการรักษาพระสัทธรรมของพระพุทธองค์ ผลสะท้อนกลับจากการแสดงความคิดเห็น เป็นเรื่องที่เราไม่ควรละเลยเช่นกันครับ "... จะมากจะน้อย  คนภายนอกก็เห็นเราเป็นตัวแทนของศาสนาพุทธส่วนหนึ่ง สมมุติเช่น ความประพฤติของดาราแต่ละคน  มีผลต่อภาพพจน์ของวงการดาราโดยรวม อันนี้ก็ครือ ๆ กัน ..." จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.ย. 50 06:59:40 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ผมเข้าใจที่คุณปล่อย  และคุณSea  บอกนะครับ   คห.46  ผมสมมติประโยคด่า   และลองให้มุมมองดูนะครับ ส่วนตัวผมไม่ได้ด่าหยาบคายอย่างนั้น  และก็รู้อยู่แล้วว่าคำหยาบมีโทษ   แต่ผมลองให้ดูสิ่งที่จะสื่อถึงคนอ่านมากกว่า บางท่านอย่ามาทำเฟคครับ    เห็นแล้วอนาจครับ บอกพวกสัทธรรมปฏิรูปว่ามีคุณธรรม  ดีแล้วถูกแล้ว  อดทนไว้  อย่างนี้ผมเรียก  ความชั่วส่งเสริมสัทธรรมปฏิรูป   เห็นผิดเป็นชอบ ไม่อ้อมค้อม  ไม่เฟคครับ จากคุณ : taken01 - [ 26 ก.ย. 50 07:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อย่าเห็นผิดเป็นชอบ  โดยการเออออ  กับการก่อสัทธรรมปฏิรูป  กับการอดทนกับการรักษาการทำสัทธรรมปฏิรูป อย่าเห็นผิดเป็นชอบนะครับ ผมขอเตือนไว้  เพราะไม่อยากเห็นคน เฟค  เช่นนี้ในห้องศาสนา หึหึหึ . จากคุณ : taken01 - [ 26 ก.ย. 50 07:54:06 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ความคิดเห็นที่ 12   คห.2-5 เพิ่งโพสต์ในกระทู้- http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5850177/Y5850177.html หมาดๆ ขี้เกียจพิมพ์ใหม่ เลยก้อปมาทั้งยวง ----------------------------- หมายเหตุ. กระทู้อย่างนี้ คนอ่านมักเล็งไปที่คุณฤทธี จึงขอออกตัวหน่อยว่า ส่วนตัวผมก็คิดว่า "บางคห." คุณฤทธีพูดหยาบจริงๆ แหละ...ไม่ปฏิเสธ แต่เท่าที่เห็น แกใช้กับบางคนบางกรณีเท่านั้น คือใช้เมื่อคุยกันได้พักหนึ่งแล้วจนแกเห็นว่า อีกฝ่าย..." เอาแต่ตีฝีปาก" แทนแสดงเหตุผลหรือหลักฐาน ส่วนทั่วๆไป สำนวนคุณฤทธีเป็นแบบห้วนๆ ตรงๆ ไม่นุ่มนวลนัก แต่ผมเห็นว่าไม่ใช่คำหยาบแต่อย่างใด ย้ำว่า เท่าที่เห็นนะครับ ผมไม่ค่อยได้เข้าเนตนักช่วงนี้ นี้ข้อหนึ่ง อีกข้อคือ แม้จะมีคำหยาบอยู่บ้าง บางคห. แต่คุณฤทธีมีข้อดีอื่นๆ ยิ่งกว่ามาก(ย้ำว่ามาก) โดยเฉพาะความรู้และจิตใจ ผมเป็นแฟนคลับแกครับ : ) จากคุณ : ปล่อย  - [ 25 ก.ย. 50 19:44:35 ] ***************************************** ขออนุญาตคุณปล่อยนำความเห็นนี้ มาลงนะครับ เพราะที่ถกกันนี้น่าจะหมายถึงคุณฤทธีนะครับ และก็มีบางคนพยายามสื่อถึงคุณฤทธีตลอด แต่พอโดนถาม  บอกไม่ใช่   กร๊ากๆๆๆ   เฟค  โคตร !!! หึหึหึ . จากคุณ : taken01 - [ 26 ก.ย. 50 08:26:13 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คิดว่าคุณทวนทอง จับประเด็นที่ถูกต้องได้แล้วจากคุณปล่อย ขออนุโมทนาครับ เรื่องมันมีหลายประเด็น หลากหลาย เป็นเรื่องลึกซึ้งยิ่งนัก ขอให้มีความสุขนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 08:29:07 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ผมเข้าใจเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกของปุถุชนทั้งหลายได้ดีมาก ๆ   เมื่อเราติเตียนพวกกระทำสัทธรรมปฏิรูป, พวกอลัชชี และเหล่าสาวก มาก ๆ บ่อย แต่พวกเขาก็ยังแถกไป แถกมา ไม่มีหลักฐานยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ทั้งไม่มีเหตุผลรองรับ เป็นปกติที่ปุถุชนอย่างเรา ๆ ย่อมมีอารมณ์โกรธ/เคือง/ฉุนเฉียว ฯลฯ การด่า นอกจากการว่ากล่าวตักเตือนแล้ว จึงตามมาด้วยผรุสวาจา/ผรุสวาท แต่การด่า  จะว่าไปแล้ว  เหมือนเป็นศิลปอย่างหนึ่งของการพูด พูดอย่างไรให้คนรู้สึกว่า โดนด่า  โดยไม่ต้องใช้คำหยาบ นั้นเป็นศิลปที่หาคนกระทำได้ยากยิ่ง  และเป็นการด่าที่สุภาพ  แต่ฟังแล้วเจ็บปวดมาก ๆ ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการด่าคนแบบสุภาพมาก ๆ ก็คือ อดีตนายกฯ ชวน หลีกภัย   ผู้ได้ฉายาว่า มีดโกนอาบน้ำผึ้ง แรก ๆ ที่เริ่มมีการใช้คำหยาบถึงพวกกระทำสัทธรรมปฏิรูป ผมยอมรับว่า แรก ๆ ผมก็รู้สึกสะใจเหมือนกัน  แต่พอใช้มาก ๆ เข้าก็รู้สึกว่า มันออกจะเกินเลยไปหน่อย ผมก็ไม่ได้คัดค้านเสียทั้งหมดว่า ไม่ให้ใช้  เพราะมันขึ้นอยู่กับอารมณ์และสถานการณ์ขณะนั้น ๆ อย่างข้อความของคุณปล่อย/กระทู้ที่คุณ taken01 ยกมา  ผมก็รู้สึกเช่นเดียวกันกับคุณปล่อยและคุณ taken01  ซึ่งผมมองว่า มันเหมาะกับสถานการณ์นั้น ๆ อยู่แล้ว แต่การใช้จนเกินจำเป็น  ดูจะไม่เป็นการสมควรหรอกครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.ย. 50 10:52:22 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ขออนุญาตประชาสัมพันธ์ ว่าคุณฤทธีได้ล็อกอินคืนแล้ว จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 26 ก.ย. 50 12:10:31 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ลืมแสดงหลักฐาน อิอิ จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 26 ก.ย. 50 12:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ทำความจริงให้ปรากฏไว้สักหน่อย  รู้สึกจะมีคนเข้าใจผิด ที่ผมพูดถึงวาจาสุภาพอาบยาพิษ  มิได้มุ่งเจาะจงถึงใครนะครับ ถ้าจะว่าใครจริงๆ ผมจะว่าเจาะจงตรงกว่านี้... เยอะ  อิอิอิ จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 26 ก.ย. 50 13:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ผมเข้าใจที่คุณทวนทองสื่อนะครับ  เรื่องการตำหนิการใช้คำหยาบของคุณฤทธี  ผมคิดว่า คุณฤทธีก็รู้อยู่แล้วคนเตือนมีเป็นสิบๆ   เขาเลือกจะทำแบบไหน มันก็เป็นวิจารณญาณของเขาเอง  คงจะไปบังคับมือคุณฤทธีไม่ได้หรอกครับ   ต่างคนก็ต่างทำหน้าที่ไป แต่บางคน นี่สิ  มีที่โผล่  เป็นต้องโผล่มา "เฟค"  เข้ามาเตือนคุณฤทธี แต่เรื่องเดิม ๆ  ทำเป็นห่วงเป็นใย ส่วนเพื่อนลิ่วล้อของอลัชชี กระทำสังฆเภท  ก่อสัทธรรมปฏิรูป  เขาประคบประหงม  บอกมีคุณธรรม อดทนไว้ เป็นความดีชนะแน่   สุดยอดไหมล่ะ !!!! อย่างกรณีราชมนู ดร.แจ่ม  คนบางคนเงียบกริบเลย  เพราะนับถือกันมาก  ยกยอกันว่าเป็นคนดี   พอความชั่วแตกไม่ไปสอนเขาเลย  จะโผล่มาสอนคุณฤทธี ทำคะแนนซื้อใจสาวกอลัชชีอย่างเดียว   สแตนดาร์ดเวรี่ไฮด์  จริงๆ อย่ามา  เฟค  จนมันดูน่าทุเรศเกินไปครับ  ผมไม่ค่อยพูดคำว่าทุเรศบ่อยนัก  นอกจากมันจะทุเรศจริงๆ ปล.  หากความเห็นของผมทำให้คุณทวนทองไม่สบายใจ  ก็ขออภัยด้วย  จริงๆ ผมพยามเลี่ยงการเสวนากับ จอมเฟค ตั้งแต่เห็นธาตุแท้เขาแล้ว  แต่เห็นเฟคบ่อยๆ  มันอดไม่ไหวจริงๆ จากคุณ : taken01 - [ 26 ก.ย. 50 16:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 70 อิอิอิ  เรื่องราชมนูนี่  ผมไม่เห็นด้วยกับคุณตาเก้นซักเท่าไหร่แฮะ (เห็นด้วยหลายทีหลายทู้แล้ว  เด๋วคนสงสัยแล้วเมล์ถามพันทิปว่าเป็นคนเดียวกันรึป่าว  555) เพราะแกไม่ได้เงียบกริบนะ  ถึงแกไม่ได้ตำหนิซักคำก็จริง แต่แกก็ออกมาปกป้องแล้วไงครับ  ทู้นี่ไง.... มีหลาย ล๊อคอิน นี้มันผิด หรือเปล่า ผิดกฏ ผิดธรรม ผิดใจ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5818812/Y5818812.html อันนี้ขอชมซึ่งๆ หน้าเลยว่า ทำใสซื่อได้น่าเอ็นดูมากเลยครับ ลองพิจารณาดูดีๆ สิ  ตั้งแต่หัวกระทู้จนคคห. 24 และ 42 ใสซื่อบริสุทธิ์  สุดยอดจริงๆ  5555 จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 26 ก.ย. 50 18:12:03 ]

ความคิดเห็นที่ 71 กร๊ากๆๆ    ไปดูมาแล้ว  ใสซื่อจริงๆ  ด้วย !!!!!!  น่าเอ็นดูสุดๆ !!!!!! ไม่ตำหนิเลย  !!!!    หาทางอุ้มชูกันอย่างเดียวเชียว  ใสซื่อจริ๊งจริง ไม่สอนเลย  ไม่สอนเลย  ไม่สอนเลย  ไม่สอนเลย  ไม่สอนเลย                               แต่ทำมึน ใสซื่อแทน  (ฮา) มาตรฐาน IFO2007 (I fake only)   ได้ยากมากๆ  มันต้องเฟค จริงๆ จึงจะได้รับ สรุป   เฟค  ครบถ้วนตามมาตรฐาน IFO2700  ครับ   คิคิคิ . แก้ไขเมื่อ 26 ก.ย. 50 18:35:41 จากคุณ : taken01 - [ 26 ก.ย. 50 18:34:52 ]

ความคิดเห็นที่ 72 .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 26 ก.ย. 50 19:17:13 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โถ คุณ Sea กับ คุณ taken หาว่าผม fake ใช่ไหมครับ ผมขอถามตรงๆก่อนว่าคุณจะว่าอย่างไร อันนี้ผมถือว่าหมิ่นประมาทผมนะครับ คุณลองตอบมาก่อนและกล้าคุยกับผมตรงๆ ไหมล่ะ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 19:28:26 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ผมมีความเห็นยังไงผมก็แสดงออกไปตามนั้นครับ ส่วนคุณจะมองอย่างไรก็ย่อมเป็นสิทธิ์ของคุณ จะมองว่าผมชมก็ได้  หรือจะมองว่าติก็ได้  ตามสบายครับ ผมก็ตรงไปตรงมาอย่างนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว  แล้วไงครับ? จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 26 ก.ย. 50 20:02:16 ]

ความคิดเห็นที่ 75 ตกลง คุณที่ตรงไปตรงมา ยังไม่ตอบผมนะครับ ตอบมาสิครับ คำถามถ้าคุณกล้าจริง ถ้าคุณทำเบี่ยงเบน ผมจะได้ไม่สนใจอีก ผมยังกล้าถามคุณตรงๆเลย จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 20:08:18 ]

ความคิดเห็นที่ 76 I like Ritti ka. จากคุณ : the moon (บุษกรจันทร์) - [ 26 ก.ย. 50 20:10:57 ]

ความคิดเห็นที่ 77 เอ๋า!  คุณถามมาตรงๆ ผมก็ตอบไปตรงๆ แล้วไงครับ  ว่าผมคิดยังไงผมก็พูดไปตามนั้น ส่วนคุณจะมองยังไงก็แล้วแต่คุณ  เป็นสิทธิ์ของคุณที่จะคิดจะมอง จะมองว่าเบี่ยงเบนหรือจะไม่สนใจ  ก็ย่อมแล้วแต่คุณอีกนั่นแหละ เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมของคุณอยู่แล้วนี่ครับ แล้วจะให้ผมพูดอะไรอีก? จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 26 ก.ย. 50 20:18:16 ]

ความคิดเห็นที่ 78 เรื่องนี้สำคัญสำหรับผม ผมตั้งเป็นกระทู้ใหม่ไว้แล้ว ไม่อยากรบกวนจขกทเขา กรุณาไปตอบในกระทู้ที่ผมมีถึงคุณทั้งสองโดยตรงนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 26 ก.ย. 50 20:32:10 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณคนผีทะเล : ) ภาษาหยาบไม่หยาบเป็นเรื่องสมมุติจริงครับ สมมุติ คือ การตกลงหรือยอมรับร่วมกันของคน ไม่ใช่เรื่องจริงไม่จริงของธรรมชาติ คำเดียวกัน ถ้ากลุ่มนี้ว่าคำนี้หยาบ คำนี้ก็หยาบตามความรู้สึกของกลุ่มนี้ ถ้ากลุ่มโน้นว่าไม่หยาบ คำนี้ก็ไม่หยาบ ตามความรู้สึกของกลุ่มโน้น เพราะเป็นเรื่องสมมุติที่คนตกลงกันเอง เวลาจะดูว่าหยาบไม่หยาบก็เลยต้องดูที่คนสมมุติ ทีนี้ถ้าแต่ละคนสมมุติไม่ตรงกัน จะตัดสินอย่างไร ก็ตัดสินว่าขณะนั้นเราอยู่ในที่ไหน และคนส่วนใหญ่ในที่นั้นๆคิดว่าคำนั้นหยาบหรือไม่หยาบ ตามบทว่า "เป็นคำของชาวเมือง ที่ชนส่วนมากปรารถนาและชอบใจ" อันนี้ว่าเฉพาะเรื่อง "หยาบโดยภาษา" อย่างเดียวนะครับ จากคุณ : ปล่อย - [ 26 ก.ย. 50 21:14:08 ]

ความคิดเห็นที่ 80 http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=4#เรื่องวาจาหยาบ_แต่ใจไม่หยาบ ลองอ่านนี่ดูครับ : ) จากคุณ : เหรียญ (ปล่อย) - [ 26 ก.ย. 50 21:20:45 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณครับ  คุณเหรียญ  ;-D จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 27 ก.ย. 50 03:02:34 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ตอบ คุณทวนทอง(ที่ได้ถามผมหลังไมค์)  และคุณจักรแก้วที่แสดงความเห็น  คุณเหรียญ (ปล่อย) ก็ได้ยกมาจากพระไตรปิฎกได้ดีแล้วครับ  แต่ไปก็อยู่ที่จิตใจ และเจตนาที่ถูกตามธรรมกับเจตนาที่ไม่ถูกตามธรรม กับ การเกิดกุศลหรืออกุศลของผู้ยังมีกิเลสอยู่ ถ้ามีสติเจ้าตัวนั้นแหละจะรู้และเข้าใจตนเองดี       ต้องแยกให้ออกระหว่างเจตนาที่เป็นบุญหรือไม่เป็นบุญ   กับการกระทำด้วยจิตที่มีกิเลสที่เป็นกุศลหรืออกุศล     การที่จะรักษาสิ่งที่ดีไว้ จึงควรรักษาสิ่งที่เป็นหลักเอาไว้   คือเจตนาที่ดีที่ตรงตามธรรมวินัยเป็นหลัก   ส่วนเรื่องการกระทำด้วยจิตที่เป็นกุศลหรืออกุศลนั้นเป็นเรื่องรองลงไป       ดังนั้น เจตนาดีที่ตรงตามธรรมวินัย และกระทำด้วยจิตที่เป็นกุศล ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐ        ถ้า เจตนาดีที่ตรงตามธรรมวินัย แต่กระทำด้วยจิตที่ยังมีกิเลสเป็นอกุศลบ้าง ก็เป็นเรื่องที่หาได้ผิดไปจากธรรมวินัย ยังเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่        ถ้าเจตนาไม่ตรงตามธรรมวินัยบิดเบือนพระธรรมวินัย และกระทำด้วยจิตที่เป็นฉันคาติแต่เข้าใจว่าเป็นกุศล การกระทำนั้นหาใช่สิ่งประเสริฐ และวิบากกรรมก็หาดีหรอกครับนะครับ แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 11:18:02 จากคุณ : P_vicha - [ 27 ก.ย. 50 11:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 83 สาธุ คห.82 ครับ __/\__ จากคุณ : ปล่อย - [ 27 ก.ย. 50 20:00:34 ]