คัดจาก ...
เ ห ตุ เ กิ ด เ มื่ อ พ . ศ . 2 5 4 5
นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย
คำปรารภ
อาจารย์ ฟ. ฮีแลร์บ แห่งโรงเรียนอัสสัมชัญในอดีต ได้แต่งกาพย์ไว้บทหนึ่งว่า
สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม
คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย
กาพย์บทนี้มีความหมายที่แหลมคมน่าคิดอย่างยิ่ง ใจความก็คือ ของสิ่งเดียวกัน แต่คนมองเห็นต่างกันแม้ว่าจะมองจากมุมเดียวกันก็ตาม ยิ่งถ้ามองคนละมุม ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะยิ่งเห็นต่างกันหนักหนาขึ้นอีกมาก แน่นอนว่าที่มองจากมุมเดียวกัน แต่ยังเห็นต่างกันนั้น ก็เพราะคนหนึ่งมองต่ำ จึงเห็นแต่โคลนตม ส่วนอีกคนหนึ่งมองสูง จึงเห็นดวงดาวอยู่พราวพราย
น่าคิดนักว่า ไฉนเขาจึงมองต่ำ มองสูง ต่างกันเช่นนั้น อะไรทำให้คนเรามองต่างกัน ความรู้ ความคิด อกุศลจิต หรือว่าจิตที่เป็นกุศล?
เมื่อเดือนมีนาคม 2545 มีหนังสือออกมาใหม่เล่มหนึ่ง ชื่อ เหตุเกิด พ.ศ.1 ผู้เขียนใช้นามว่า เ ม ตฺ ต า น นฺ โ ท ภิ กฺ ขุ (ชื่อจริงว่า มโน เลาหวณิช ) ชื่อเช่นนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนา แต่เนื้อหาสาระที่ท่านเขียนน่าจะทำให้คนจำนวนมากเกิดความสงสัยว่า ท่านเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อใครหรือเพื่ออะไร
เหตุเกิด พ.ศ.1 เล่มนี้ผมได้อ่านเป็นเล่มที่ 2 วิเคราะห์กรณีปฐมสังคายนา และภิกษุณีสงฆ์ บทวิเคราะห์ของพระมโนนั้น แม้ท่านจะอ้างว่าเป็นงานวิชาการ แต่เมื่อพิจารณาดูแล้วก็เห็นได้ชัดว่า เป็นงานวิชาการที่ขาดความบริสุทธิ์อย่างยิ่ง เพราะมุ่งจะวิเคราะห์เพื่อนำไปสู่บทสรุปว่า
ปฐมสังคายนานั้นแฝงไว้ด้วยความเลวร้าย สังคมสงฆ์หลังพุทธปรินิพพานมีความขัดแย้งแตกแยก ภิกษุณีสงฆ์ถูกกดขี่จนในที่สุดก็สูญสิ้นไป (อันเป็นเป้าหมายของการทำปฐมสังคายนา) แต่ที่ลึกลงไปกว่านี้ก็คือ หนังสือเล่มนี้ก่อให้เกิดความรู้สึกว่า พระไตรปิฎกเถรวาทมีภูมิหลังที่ไม่บริสุทธิ์และน่าจะไม่ใช่มาตรฐานที่ถูกต้องถ่องแท้ของพระพุทธศาสนา
นี่ คื อ โ ค ล น ต ม ที่ พ ร ะ ม โ น ม อ ง เ ห็ น !
เราคงจำกันได้ว่า เมื่อเกิด ก ร ณี ธ ร ร ม ก า ย ขึ้นมานั้น ปัญหาสำคัญอย่างยิ่งในกรณีนั้นก็คือ การทำพระธรรมวินัยให้วิปริต หมายความว่า พระพุทธศาสนาสอนไว้อย่างหนึ่ง แต่สำนักธรรมกายเอามาสอนไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วอ้างว่าสิ่งที่ตนนำมาสอนนั้นเป็นความหมายที่ถูกต้องในพระพุทธศาสนา ครั้นเมื่อมีผู้รู้ออกมาทักท้วง โดยขอให้ช่วยกันรักษาคำสอนที่ถูกต้องตามพระไตรปิฎกเอาไว้ นั่นคือขอให้ถือเอาพระไตรปิฎกเถรวาทเป็นมาตรฐานนี้เป็นหลักการที่ถูกต้อง อันไม่มีใครอาจจะปฏิเสธได้เลย ธรรมกายก็ตกอยู่ในภาวะชะงักงัน ไม่อาจจะยืนหยัดยืนยันได้อย่างเต็มที่ เพราะมีพระไตรปิฎกเถรวาทเข้ามาเป็นเครื่องตัดสินความถูกต้องของคำสอน
ถ้าจะให้กระบวนการทำพระธรรมวินัยให้วิปริตเดินหน้าต่อไปได้
สิ่ ง ที่ น่ า จ ะ ทำ ก็ คื อ ทำ อ ย่ า ง ไ ร ก็ ไ ด้ ใ ห้ เ ห็ น ว่ า พ ร ะ ไ ต ร ปิ ฎ ก เ ถ ร ว า ท นั่ น แ ห ล ะ ที่ วิ ป ริ ต ! !
และวิธีทำอย่างไรก็ได้ที่ว่านั้น ก็ไม่มีวิธีไหนจะแนบเนียนเท่ากับทำในคราบของงานวิชาการ และถ้าจะให้แนบเนียนและได้ผลทางจิตวิทยาลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผู้ทำก็ควรจะเป็นพระสงฆ์ในพระพุทธศาสนาเถรวาทนั่นเสียด้วย
ล้ ม พ ร ะ ไ ต ร ปิ ฎ ก ไ ด้ ก็ ล้ ม พ ร ะ พุ ท ธ ศ า ส น า ไ ด้ ! !
นี่เป็นเพียงความคิดเล็ก ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อได้อ่าน เ ห ตุ เ กิ ด พ . ศ . 1 ผมไม่ได้ว่าพระมโนทำงานรับใช้ธรรมกาย และไม่ได้สนใจด้วยว่าใครจะใช้ชื่อหรือใช้คราบอะไรแสดงตัวต่อสังคม แต่ผมสนใจว่า ใครที่ว่านั้นกำลังทำอะไรกับพระพุทธศาสนา โดยเฉพาะกับพระไตรปิฎก
ผมมีความเชื่อด้วยสติปัญญาว่า พระไตรปิฎกไม่ใช่โคลนตม แต่พระไตรปิฎกคือดวงดาวที่พราวแพรว เมื่อมีคนประกาศว่าพระไตรปิฎกเป็นโคลนตม ผมก็ควรจะมีสิทธิ์ร้องบอกคนทั้งหลายว่า คำประกาศนั้นเป็นเท็จ ส่วนจะเป็นเท็จอย่างไร และที่เป็นจริงนั้นคืออย่างไร ท่านจะได้เห็นเหตุผลอยู่ในเนื้อของปมปัญหาต่าง ๆ ที่พระมโนผูกเอาไว้ในหนังสือ เ ห ตุ เ กิ ด พ .ศ . 1 ซึ่งผมจะหยิบยกขึ้นมาวิเคราะห์เป็นเรื่อง ๆ ไป
นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5838786/Y5838786.html
http://redbooks.122mb.com/case/poso/poso-0-2.htm
http://redbooks.122mb.com/case/poso/poso.htm
http://redbooks.122mb.com/case/case.htm
http://redbooks.122mb.com/index.htm
แก้ไขเมื่อ 25 ก.ย. 50 06:43:19
จากคุณ :
redhores
- [
25 ก.ย. 50 06:39:17
]