ความคิดเห็นที่ 1 555555555 จากคุณ : ชะอ้อน - [ 27 ก.ย. 50 22:11:27 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ได้อ่านบทความของ กิเลนประลองเชิง ในไทรัฐ ฉบับวันนี้ พูดถึงการต่อสู้กันระหว่างพุทธนิกายในญี่ปุ่นในอดีต ซึ่งมีความเชื่อตรงกับคนไทยโบราณว่า... ชั่วช่างชี ดีช่างพระ ถ้าพระไม่ดี ทั้งคนที่โจมดี หรือ คนที่สนับสนุน ก็มีส่วนให้พุทธศาสนาเสื่อมลงเหมือนกัน จากคุณ : นายไวรัส - [ 27 ก.ย. 50 22:36:08 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ (ชี้ไปที่ #1) ? ? ? ? ? แก้ไขเมื่อ 27 ก.ย. 50 22:41:40 จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 27 ก.ย. 50 22:40:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ธรรมกายเผยแผ่ไปทั่วโลกแล้ว ตอนนี้จะทำไงดีล่ะพี่น้อง ได้ข่าวหลวงพ่อได้รับรางวัล Telly Award ด้วย ตั้ง 12 รางวัลแน่ ตาย ตาย ความดันขึ้นเลยเน้อ จากคุณ : บุญอนันต์ - [ 27 ก.ย. 50 22:56:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ในเมื่อตอนท้าย รู้ตัวว่า คำถามนี้อาจเป็นการรบกวน ทำความลำบากใจ และคนตอบอาจสะดวกใจที่จะตอบหลังไมค์ ทำไม ไม่ถามไปทางหลังไมค์แต่แรกล่ะ ก่อนตั้งคำถาม ควรตรึกตรองให้รอบคอบ คำตอบของคำถามนี้ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน จะอาจชวนให้เกิดการโต้เถียงทะเลาะวิวาทได้ และคนที่คุณถาม คุณก็บอกเองว่า เขาไม่เคยยุ่งเรื่องนี้ ถ้ารู้ตัวแล้วว่าจะทำให้เขาเดือดร้อน ก็แจ้ง WM ขอลบกระทู้ตัวเองซะ แต่ถ้า ไม่ลบ ก็ต้องถามว่า จงใจ "เสี้ยม" ใช่ไหม อ้อ ขอประเดิม "แจ้งลบ" เป็นคนแรกเลยนะ จากคุณ : Deckard - [ 28 ก.ย. 50 01:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เข้าใจว่าเดี๋ยวคงถูกลบ...เพราะกรรมที่ยังมีอยู่ เอานะอธิบายไปเผื่อบางคน....จะเห็น ถึงจะมีว่าสัทธรรมปฏิรูปเป็นเหตุให้ศาสนาเสื่อม ด้วยพุทธบริษัทไม่เคารพสัทธรรม แต่ก็ไม่ได้ทรงบัญญัติว่า พุทธบริษัทของเรา จงดูถูก เหยียดหยาม กล่าวร้าย แบ่งแยก ศาสนาของเราออกจากกัน ด้วยบัญญัติที่เรากำหนดไว้ดีแล้ว ส่วนคนที่ดูถูก เหยียดหยาม กล่าวร้าย แบ่งแยก ศาสนาพุทธด้วยบัญญัติที่ไม่ได้ทรงบัญญัติมีประการต่างๆ เช่น นิพพาน ศีล สมาธิ สัมมาทิฏฐิ ทุกข์ สุข สมถะ วิปัสสนา ภาวนา ปัญญา อวิชชา วิชชา จิต วิญญาณ ทาน พุทธบริษัท ... ฯลฯ คนเหล่านั้นหากชื่อว่าทำปัญญาให้แจ้งก็มีอยู่เป็นบางส่วน ในขณะเดียวกัน.. คนเหล่านั้นชื่อว่าบัญญัติสิ่งที่ไม่ได้ทรงบัญญัติด้วยประการเดียวกัน เช่นเดียวกับ แสงทำให้เกิดเงา ซึ่งผู้บัญญัติสิ่งที่ไม่ได้ทรงบัญญัติก็ย้อนกลับเป็นพุทธบริษัททั้งหลายเอง... ...ตามที่ทรงบัญญัติไว้แล้วนั่นเอง... จากคุณ : Go2Better - [ 28 ก.ย. 50 01:56:26 ]

ความคิดเห็นที่ 7 #5 ไม่ใช่ว่าเราไม่ได้ตรึกตรองก่อนตั้งกระทู้นี้ เราตรึกตรองแล้วถึงขนาดที่ว่าอาจมีคนอย่างคุณเข้ามาในกระทู้นี้แล้วคิดและทำอย่างที่คุณทำด้วยซ้ำ เราก็หวังว่าทัศนะของท่าน"ฐานาฐานะ" ไม่ว่าจะออกมาอย่างไร ก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่ชาวพุทธในแง่เป็นเครื่องกระตุ้นเตือนจิตใจได้ ถ้าท่านมีข้อคิดอะไรที่ดีๆก็ควรเปิดเผยให้เป็นที่รู้โดยทั่วไปจึงถามไปในที่สาธารณะ แต่ครั้นท่านไม่สะดวกที่จะป่าวประกาศในที่แจ้งเพราะท่านเป็นเหมือนไอดอลของห้องศาสนาแห่งนี้ ความเห็นของท่านอาจทำให้กลุ่มคนบางกลุ่มไม่พึงพอใจได้ก็ขอให้ท่านตอบหลังไมค์ก็แล้วกัน ก็แค่นั้น เราก็ไม่ทราบว่า คุณ #5 ระแวงอะไร จึงคิดว่ากระทู้เช่นนี้เป็นการเสี้ยม ที่จริงเราก็อยากรู้ความเห็นของทุกคนที่ไม่ได้ร่วมโจมตีธรรมกายด้วย เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการโจมตีทั้งที่เราก็ไม่ใช่พวกธรรมกาย และเราก็หวังว่าสักวันหนึ่งคนที่เข้าใจว่าเราเป็นพวกธรรมกายคงจะเข้าใจว่าทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับการโจมตีกัน ถ้าใครเห็นว่ากระทู้นี้เป็นการเสี้ยมหรือเห็นสมควรแจ้งลบ ไม่มีค่าพอจะให้ปรากฎในกระดานแห่งนี้ได้ ก็ขอให้แจ้งลบเสียเถิด เราจะไม่ร้องอุทธรณ์และจะได้รู้ว่าผู้คน ณ ที่แห่งนี้บางคนก็ยอมรับความเห็นแตกต่างไม่ได้ จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 02:45:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8              อย่าลบเลย ผมจะมาตอบคำถามในภายหลัง              พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔              อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต              อุทายิสูตร http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=22&A=4301&Z=4316                   ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=159 แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม              สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                      หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html              เรื่อง                   ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                   การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                   มหาทาน                   ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                   ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                   กาลทาน ๕ อย่าง                   ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                   ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                   สังฆทาน ๗ ประเภท                   ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                   ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                   เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                   ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                   อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                   ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                   ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 03:45:53 จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 28 ก.ย. 50 03:24:59 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นไฟแดงขึ้นสองดวงแล้วร้อนใจเกรงว่าท่าน"ฐานาฐานะ"จะไม่เห็นกระทู้นี้เสียก่อนที่มันจะอันตรธานไปจึงได้หลังไมค์ไปหาอีกทางหนึ่ง ในเมื่อท่านได้เห็นแล้วก็อุ่นใจ ยังไงๆถ้าท่านไม่สะดวกที่จะตอบในกระทู้นี้หรือกระทู้มีอันต้องถูกกำจัดไปด้วยเหตุอันใดก็ตาม ขอความกรุณาท่านได้ตอบหลังไมค์ก็จะเป็นการดีไม่น้อย เพราะอยากรู้อย่างยิ่ง และพยายามตามดูในกระทู้นี้เท่าที่โอกาสจะอำนวย จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 03:46:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอขอบคุณอย่างสูงต่อน้ำใจของบุคคลนิรนามที่ช่วยปลดปล่อยกระทู้ให้ ตามเวลาในคห.นี้ไฟแดงสองดวงหายไปแล้ว จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 04:35:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11              ตอบ คุณ วิพิธวิสสุดา เจ้าของกระทู้ [27 ก.ย. 50 21:51:02]              อันที่จริง การแสดงความคิดเห็น หรือตั้งกระทู้ถามตอบในที่นี้ ก็เป็นการแสดงธรรมอย่างหนึ่ง เพราะฉะนั้น จึงควรพิจารณาเนื้อความของ พระสูตรชื่อว่าอุทายิสูตร ให้เข้าใจ แล้วนำมาปฏิบัติให้เหมาะสมด้วย. http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=22&A=4301&Z=4316                   ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=159              ก็การแสดงธรรมโดยธรรม แท้ที่จริงก็เป็นไปเพื่อความมั่นคงของ พระพุทธศาสนา ตามนัยสัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๒ อยู่แล้ว              การที่จะโจมตีใครๆ ด้วยคำหยาบคาย หรือเยาะเย้ยถากถางนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความโกรธแก่ผู้นั้น [ผู้ถูกโจมตี] ทั้งผู้ที่ถูกโจมตีนั้นก็จะ ไม่ใคร่ครวญในอรรถที่แสดงในความคิดเห็นนั้นๆ ที่ตอบไป เพราะพบคำ ที่ทำให้โกรธแล้ว.              แต่การกล่าวถึงโทษโดยความเป็นโทษ โดยหลีกเลี่ยงการกระทบ ตัวบุคคลนั้น กล่าวแต่สภาพเท่านั้น ก็สามารถกระทำได้.              อุปมาอย่างนี้ว่า              ในหมู่บ้านหนึ่ง มีโจรคนหนึ่งไว้ผมยาว ใส่เสื้อสีดำ ออกปล้นใน เวลาวิกาล หรือในเวลาที่ชาวบ้านเผลอ.              ถ้าคนในหมู่บ้านนั้นบอกแก่กันว่า ให้จับคนไว้ผมยาว ใส่เสื้อสีดำ เพราะเป็นโจร แล้วระดมกันบอกจนทั่วหมู่บ้าน.              อย่างนี้ หากโจรนั้นตัดผมให้สั้นลง เปลี่ยนสีของเสื้อให้แตกต่างไป คนในหมู่บ้านนั้นก็จะจับโจรไม่ได้.              แต่ถ้าคนในหมู่บ้านนั้นบอกแก่กันว่า ถึงพฤติกรรมว่า ออกปล้นใน เวลาวิกาล หรือในเวลาที่ชาวบ้านเผลอ นั้นเป็นโจร แล้วขณะนี้เขาไว้ผมยาว ใส่เสื้อสีดำ แต่ผมอาจตัดได้ เสื้ออาจเปลี่ยนสีได้ ขอให้ระมัดระวังโจรนั้น และ พยายามจับตัวมาให้ได้              อย่างนี้ น่าจะจับโจรนั้นได้ ทั้งคนอื่นๆ ที่มีพฤติกรรมเป็นโจร ก็กระทำการโจรกรรม ลำบาก เพราะชาวบ้านรู้จักโจร โดยความประพฤติ.              ฉันใด ฉันนั้น การที่แสดงธรรมโดยธรรม แสดงสภาพว่า อย่างนี้เป็นกุศล อย่างนี้เป็นอกุศล ผู้ฟังหรือผู้อ่าน เมื่อเข้าใจสิ่งที่แสดงไว้ โดยสภาพ ภายหลัง เมื่อมีพฤติกรรมอย่างนี้ จากกลุ่มอื่นๆ ก็แยกแยะได้ ตามความเป็นจริง.              หรือแม้แต่ผู้ที่เคยเลื่อมใสในลัทธิต่างๆ เมื่อได้ความเข้าใจ เนื้อความที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว ก็เป็นไปได้ว่า ผู้นั้นจะใช้ความรู้นั้น ในการทบทวนพฤติกรรมของคนในลัทธินั้นๆ หรือทบทวนคำสอนของลัทธินั้นๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปได้ว่า ผู้นั้นจะละทางที่ผิด ถือเอาทางที่ถูกได้              อย่าว่าแต่ผู้ที่เคยเลื่อมใสในลัทธิต่างๆ  แม้คนต่างศาสนาเอง เมื่อได้อ่านความคิดเห็นที่แสดงธรรมโดยธรรม อย่างนี้ ก็ย่อมได้รับความเข้าใจ ที่ถูกต้อง เมื่อเข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัย ก็ย่อมเป็นความเจริญของผู้นั้นเอง.              ตัวอย่าง การแสดงแต่พฤติกรรม โดยไม่เอ่ยชื่อ              เริ่มที่ ค.ห. ที่ 12 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3492430/Y3492430.html#12                   พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔              อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต              สัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๑, ๒, ๓ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=22&A=4129&Z=4224              ข้อความของคุณที่ว่า                     ทีนี้ เฉพาะกรณีธรรมกาย ถ้าสำนักก็ดี บุคลากรก็ดี แนวคิดก็ดีของธรรมกาย                     เป็นสิ่งไม่ดี และการโจมตีธรรมกายเป็นสิ่งที่ดี ทำไมท่านจึงไม่ได้ร่วมทำความดีอันนี้                     ทั้งที่ท่านก็เหมือนพระไตรปิฎกเคลื่อนที่อยู่แล้วย่อมจะอาศัยหลักเกณฑ์ที่มีอยู่                     เพื่อการวินิจฉัยได้อย่างแน่นอน              ตอบว่า คุณถามข้างเดียว การถามอีกข้างหนึ่ง ที่ไม่ได้ถาม ก็คือ                     ทีนี้ เฉพาะกรณีธรรมกาย ถ้าสำนักก็ตาม บุคลากรก็ตาม แนวคิดก็ดีของธรรมกาย                     เป็นสิ่งดี และการสรรเสริญเป็นสิ่งที่ดี ทำไมท่านจึงไม่ได้ร่วมทำความดีอันนี้              เพราะฉะนั้น จะเห็นเหตุที่ทำให้บุคคลสมควรสงสัย ระแวง ในตัวคุณได้              ซึ่งปรากฎในข้อความของคุณเอง ในความคิดเห็นที่ 7 [28 ก.ย. 50 02:45:49] ว่า              ข้อความของคุณที่ว่า                     และเราก็หวังว่าสักวันหนึ่งคนที่เข้าใจว่าเราเป็นพวกธรรมกาย                     คงจะเข้าใจว่า ทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับการโจมตีกัน              ขอให้เทียบเคียง ตามนัยนี้ :-              ข้อปฏิบัติที่มิให้สงฆ์ยินดี http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=4&A=2816&w=ยังโกรธ_ไม่พอใจ_ไม่ชอบใจ          แนะนำ :-              อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม              อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง              พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/              พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม              สารบัญประเภทธรรม http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php?                      หมวดหนังสือธรรมะ http://84000.org/tipitaka/book/              เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html              เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘) http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html              เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html              เรื่อง                   ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก                   การใช้ทรัพย์ ๕ ประการ                   มหาทาน                   ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๑                   ทานของสัตบุรุษนัยที่ ๒                   กาลทาน ๕ อย่าง                   ให้ทานในที่ใดมีผลมาก                   ทานที่เจาะจงและไม่เจาะจง ๒๑ ประเภท                   สังฆทาน ๗ ประเภท                   ถวายภิกษุรูปเดียว ก็เป็นสังฆทาน                   ทัททัลลวิมาน-แสดงอานิสงส์ของสังฆทาน                   เรื่องเศรษฐีเท้าแมว                   ความบริสุทธิ์แห่งทักษิณาทาน ๔                   อานิสงส์ของทาน ๕ อย่าง                   ทานที่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ๖                   ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก ๑ http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html จากคุณ : ฐานาฐานะ - [ 28 ก.ย. 50 05:17:55 ]

ความคิดเห็นที่ 12 คุณจขกท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องความระแวงว่าคุณจะทำอะไร แต่เป็นเรื่อง คุณรู้หรือไม่รู้ถึงผลที่อาจเกิดขึ้น จากกระทู้ของคุณ ถ้าคุณย้อนกลับไปอ่าน คห ที่บอกไว้ข้างบน คุณก็จะรู้ว่า ต้องการสื่ออะไรให้คุณรู้บ้าง ข้อแรก คุณรู้ตั้งแต่ก่อนโพสว่า คำถามนี้อาจก่อความเดือดร้อนให้ผู้อื่น ดังข้อความนี้ ถ้าคำถามนี้เป็นการรบกวนหรือทำความลำบากใจให้แก่ท่าน ถ้าไม่สะดวกที่จะตอบในที่เปิดเผยอย่างในกระทู้นี้ ขอความกรุณาท่านได้ตอบหลังไมค์ก็ได้ แล้วคุณยังโพส ไม่ต้องระแวงหรอก อ่านก็รู้ว่า คุณตั้งใจทำ ทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่าวิธีที่เหมาะสมคืออะไร ภายหลัง คุณบอกว่า ที่จริงเราก็อยากรู้ความเห็นของทุกคนที่ไม่ได้ร่วมโจมตีธรรมกายด้วย เพราะเราไม่เห็นด้วยกับการโจมตีทั้งที่เราก็ไม่ใช่พวกธรรมกาย และเราก็หวังว่าสักวันหนึ่งคนที่เข้าใจว่าเราเป็นพวกธรรมกายคงจะเข้าใจว่าทำไมเราจึงไม่เห็นด้วยกับการโจมตีกัน ขอถามว่า ทำไมไม่ตั้งกระทู้อย่างที่อยากรู้ไปเลย มีเจตนาอะไร จึงต้องยกตัวบุคคลขึ้นมากล่าวอ้าง ทั้งๆที่ตระหนักว่า อาจก่อความเดือดร้อน และได้คำตอบแค่เสี้ยวเดียว คุณตระหนักหรือไม่ว่า ถ้าคำตอบออกมากลางๆ ไอดอลของคุณจะโดนประนามจากทั้งสองฝ่าย คุณตระหนักหรือไม่ว่า ถ้าคำตอบจะออกมาเอียงไปข้างไหน ก็จะมีคนของข้างนั้นออกมาสนับสนุน ส่วนอีกข้างก็คัดค้านและประนามไอดอลของคุณ จากนั้น เขาก็จะไปทะเลาะกัน เสียอารมณ์ เสียเวลา และสุดท้าย คุณว่า คุณจะได้คำตอบที่คุณต้องการไหม ถ้าอยากรู้ความเห็นของทุกคนที่ไม่ได้ร่วมโจมตีธรรมกาย ก็ต้องถามทุกคน และให้เขาสมัครใจที่จะตอบเอง ไม่ใช่ ยกใครขึ้นมาเป็นเป้า ที่แจ้งลบ เพราะเห็นว่า ไม่เหมาะสม ที่พิมพ์แจ้งให้ทราบ ก็เผื่อว่า คุณและคนอื่นที่เข้ามาอ่านจะได้ทราบว่า การกระทำแบบนี้ หนึ่ง ไม่มีความเกรงใจ (ที่จงใจสร้างปัญหาให้คนอื่นทั้งๆที่รู้) สอง เล็งเห็นผลได้ว่าจะสร้างประเด็นให้เกิดการทะเลาะวิวาท ถ้าตอนแรกไม่รู้ ตอนนี้คงรู้แล้ว ถ้าคุณรู้แล้ว คิดแล้ว ยังทำ ทั้งๆที่รู้ว่า ยังมีวิธีอื่นที่จะได้คำตอบที่ต้องการ (ตามที่บอกมาในตอนหลัง ว่าไม่ต้องการถามคนๆเดียว) อย่างเหมาะสมและตรงประเด็นกว่า ก็คงต้องถามใจตัวคุณว่า หวังผลอะไรแน่ ปล วิธีแบบนี้ ภาษานักข่าวเขาเรียกว่า เต้าข่าว  ส่วนใหญ่ใช้เพื่อสร้างเรื่องจะได้มีข่าวลง มีแต่พวกไร้จรรยาบรรณเขาใช้กัน ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า เสี้ยม อย่างที่บอกไว้ข้างบน ปล สอง ที่ยอมเสียเวลาอธิบายนานขนาดนี้ เพราะเคยเจอพวกที่เสี้ยมโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน ต้องบอกให้รู้ วันหน้าวันหลังจะได้ไม่ทำอีก จากคุณ : Deckard - [ 28 ก.ย. 50 05:52:56 ]

ความคิดเห็นที่ 13 คำว่าไอด้อลคือผู้ที่เป็นที่ชื่นชอบหรือครับ ตามปกติเราอ่านอะไรเราอ่านที่เนื้อความหรืออ่านที่ตัวบุคคล เสนอมาเพื่อได้คิด... จริงแล้วเท่าที่อ่านดู คุณฐานาฐานะยกมาได้ชัดเจนนานแล้วนะครับ ผมว่าเพียงแต่ว่าคนอ่านเค้าจะยอมรับได้หรือไม่เท่านั้นเอง จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 28 ก.ย. 50 07:36:24 ]

ความคิดเห็นที่ 14 งั้นขออนุญาตถามคุณ"Deckard" ด้วยละกัน คุณเห็นด้วยไหมหรือเห็นอย่างไรกับการโจมตีธรรมกาย ถ้าไม่สะดวกที่จะตอบในกระทู้นี้ก็ขอให้ตอบหลังไมค์ก็ได้ ข้อความทุกอย่างที่(ถ้า)คุณตอบหลังไมค์จะถูกเก็บเป็นความลับขั้นสูงสุดเช่นกัน จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 07:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณท่าน"ฐานาฐานะ"อย่างมากมายที่ช่วยไขข้อข้องใจ คำถามบางตอนเข้าข่ายบกพร่องอย่างที่ท่านว่าจริงๆ แต่ก็จำเป็นต้องละไว้ เพราะเพียงบางส่วนของคำถามก็น่าจะเพียงพอต่อการหาคำตอบอยู่แล้ว จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 07:43:34 ]

ความคิดเห็นที่ 16 **** เห็นกระทู้ชอบช่วย(อ่าน) คิดเห็นร่วมด้วย ตีกันฉันป่วย... จากคุณ : หนูเล็กนิดเดียว - [ 28 ก.ย. 50 07:47:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 #13 Idol ในที่นี้ เราหมายถึงคนที่มีลักษณะเด่นในด้านดีที่พอจะเป็นตัวแทนของห้องนี้ได้ อย่างถ้าถามว่าในห้องศาสนาใครน่านิยมที่สุด แน่นอน หนึ่งในตัวเลือกในใจเราต้องมี"ฐานาฐานะ"อยู่ด้วย จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 07:49:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 แต่ถ้าคนในหมู่บ้านนั้นบอกแก่กันว่า ถึงพฤติกรรมว่า ออกปล้นใน เวลาวิกาล หรือในเวลาที่ชาวบ้านเผลอ นั้นเป็นโจร แล้วขณะนี้เขาไว้ผมยาว ใส่เสื้อสีดำ แต่ผมอาจตัดได้ เสื้ออาจเปลี่ยนสีได้ ขอให้ระมัดระวังโจรนั้น และ พยายามจับตัวมาให้ได้             อย่างนี้ น่าจะจับโจรนั้นได้ ทั้งคนอื่นๆ ที่มีพฤติกรรมเป็นโจร ก็กระทำการโจรกรรม ลำบาก เพราะชาวบ้านรู้จักโจร โดยความประพฤติ """""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""""" ชัดเจน  และ คม มากครับ ขออนุโมทนา จากคุณ : misery - [ 28 ก.ย. 50 07:52:28 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ^ ^ ^ ตามนั้น จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 07:57:18 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ชอบอุปมาในลิงค์ข้างล่างนี้ของท่านฐานาฐานะครับ ขอยกมาให้ชัดเจนเผื่อใครพลาดครับ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3492430/Y3492430.html#14 จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 28 ก.ย. 50 08:12:44 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อนุโมทนา ท่านฐานะฐานะที่ยกธรรมนี้มาแสดงครับ จากคุณ : Asim - [ 28 ก.ย. 50 08:19:44 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อยากให้คนบางกลุ่มเข้ามาอ่านจัง ^^ เรื่องหมู่บ้านจับโจรอ่ะ ---------------- จากระทู้ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3492430/Y3492430.html#12 ขออนุญาตตอบเพิม่แม้ไม่เกี่ยวกับกระทู้นี้ ^^ สวรรค์ชั้น 6ตั้งตามชื่อ หัวหน้าเทวดาในชั้นนั้น 2 องค์ คือ ปรนิมิตต และ วัสสวตี ก็เลยเรียกสวรรค์ชั้นนี้ว่า ปรนิมิตวัสวตี แล้วที่พระยามารวัสวตี มาคอยขัดวางพระพุทธเจ้า ก็เพราะเข้าใจผิด กลัวพระพุทธเจ้าพาคนไปนิพพานหมด เพราะตนเองก็ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าเหมือนกัน(แถมเป็นนิตยโพธิสัตว์แล้วด้วย^^ยังเห็นผิดได้เลย) ที่เปลี่ยนเป็นสัมมาทิฏฐิก็เพราะรู้ทีหลัง ว่าพระพุทธเจ้าแต่ละองค์ก็มีสาวกเป็นของตัวเอง จะมาแย่งสาวกของท่านอื่นไม่ได้  (ที่บอกว่าพระพุทธเจ้าบำเพ็ญบารมีมา...อสงไขยกับอีก แสนกัป ,แสนกัปคือช่วงเวลาที่ลงมาช่วยสาวกของตนเองบำเพ็ญบารมี และได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกช่วงครบ...อสงไขยพอดี ^^ ) จากคุณ : หมูมันเยิ้ม - [ 28 ก.ย. 50 08:21:43 ]

ความคิดเห็นที่ 23 http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=4&A=2816&w=ยังโกรธ_ไม่พอใจ_ไม่ชอบใจ ^ ^ สาธุๆๆ และขออนุโมทนา ท่านฐานาฐานะ ด้วยขอรับ :) จากคุณ : JitZungkabuai - [ 28 ก.ย. 50 08:26:30 ]

ความคิดเห็นที่ 24 อู๊ยยยยยยยย งอมพระราม   เยยยยยยยยย นะจ๊ะ ฤทธีระทวย จากคุณ : Ritti Janson - [ 28 ก.ย. 50 09:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 25 สาธุ ขออนุโมทนาในธรรมที่ท่านฐานาฐานะได้หยิบยกมาค่ะ _/\_ จากคุณ : faisara - [ 28 ก.ย. 50 09:05:38 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ขออนุโมทนาธรรมที่ท่านฐานาฐานะกล่าวมาครับ...สาธุ จากคุณ : mammord072 - [ 28 ก.ย. 50 09:17:58 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ชอบแนวการตอบของคุณ ฐานะฐานะ จังครับ จากคุณ : TumOhyes - [ 28 ก.ย. 50 09:22:07 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ขออนุโมทนาท่านฐานะ และขอขอบคุณท่านจขกท ที่ทำให้ได้มีโอกาสรู้จากท่านฐานะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 09:27:35 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ที่คุณฐานาฐานะยกเอามาโพสต์ที่คห ๑๑ เราว่าจขกทยังไม่"get"เท่าไร คงต้องใช้เวลาหน่อยนะจ๊ะ จากคุณ : dcm - [ 28 ก.ย. 50 09:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ขออนุโทนากับท่าน ฐานะฐานะ  ด้วยค่ะ ท่านเจ้าอาวาสวัดข้างบ้านจบ ปธ 9  ท่านอธิบายเรื่อง มาร และการบำเพ็ญบารมีแบบมารให้ฟัง ก็ยังค้างคาใจแต่ไม่กล้าถามใครในห้องนี้  จนเมื่ออ่านกระทู้อ้างอิงโดยเฉพาะ link topickstock ที่ท่านกล่าวไว้  ให้ความกระจ่างมากค่ะ   หายสงสัยแล้วค่ะ..เป็นดังเช่นนั้น  แต่ก็ยังเชื่อว่า ธรรมะย่อมชนะอธรรม ในที่สุด จากคุณ : Tiger Bood - [ 28 ก.ย. 50 09:36:42 ]

ความคิดเห็นที่ 31 ขออนุญาตเอาข้อความบางตอนในคห ๑๒ ของกระทู้http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3492430/Y3492430.html#12 มาให้อ่านอีกครั้ง         หากคุณจักรแก้ว หรือใครๆ ทั้งคุณมีธิดาที่เป็นที่ที่รัก อยู่ในวัยปฐมวัย ทั้งยังอ่อนต่อโลก ทั้งยังมีทักษะการป้องกันตนไม่ดีพอ           ครั้งหนึ่ง เมื่อคุณต้องการส่งธิดาของคุณไปศึกษาศิลปะในที่แห่งหนึ่ง และมีวิธีเดินทางไปศึกษานั้น ปกติแล้วด้วยความห่วงใย คุณอาจจะเดินทาง ร่วมไปด้วย แต่ถ้าไม่สามารถเดินทางไปด้วยเพราะติดธุระบางอย่าง ก็อาจ จะให้เดินทางไปโดยโดยสารไปกับ รถโดยสารที่น่าเชื่อถือได้ เช่น บขส           หากมีกลุ่มทรชนกลุ่มหนึ่ง นำรถยนต์อันเป็นพาหนะ ดูภูมิฐาน ดูเป็นยานพาหนะที่แข็งแกร่ง มาแสดงต่อคุณ แล้วกล่าวชักชวนว่า จะนำพาธิดาที่ยังของคุณไปถึงที่ที่ต้องการ ทั้งระหว่างทาง กลุ่มคนนี้ จะอำนวยความ เช่น อาหารรสชาติอร่อย น้ำดื่มที่ต้องการ ทั้งกล่าวคำที่ น่าชื่นใจ ยินดีต่างๆ นานา           ถ้ากลุ่มคนกลุ่มนี้นำกุลธิดาของคนในตระกูลอื่น มาแล้วด้วยอาการ อย่างนี้ พาไปตามทิศทางที่คนในตระกูลนั้นๆ ต้องการสักหน่อยหนึ่งแล้ว ก็ประทุษร้ายต่างๆ นานา เช่น พาไปเพื่อค้าบ้าง ให้รับใช้ต่อเองบ้าง สอนให้ร่วมขบวนการของตนบ้าง           ถามคุณจักรแก้วว่า          1. การที่กลุ่มคนกลุ่มนี้ เดินทางร่วมทิศที่คุณต้องการนี้ไปเพียงเล็กน้อย          การเดินทางนี้ คุณจักรแก้วเห็นว่า จะเป็นอุปการะคุณต่อธิดาของคน ในตระกูลอื่นๆ หรือไม่ หรือจะเป็นเพียงเพื่อลวงให้เชื่อเท่านั้น                    2. อาหารรสชาติอร่อย น้ำดื่มที่ต้องการ ทั้งกล่าวคำที่น่าชื่นใจ น่ายินดี ต่างๆ นานา ของกลุ่มคนเหล่านี้ น่าปรารถนาหรือไม่ หรือว่าเป็นสิ่งที่ควรหลีกเว้น ให้ห่าง          3. คุณควรชื่นชมอนุโมทนาร่วมกับกลุ่มคนเหล่านี้ ในฐานะว่า เขาได้ร่วมทิศทางที่ต้องการ แม้หน่อยหนึ่ง และอามิสที่ให้ในพาหนะ เช่นอาหาร เป็นต้น เป็นสิ่งที่ดี แล้วละเลยสิ่งที่คนเหล่านี้ มุ่งประสงค์หรือไม่          4. การให้การสนับสนุนคนกลุ่มนี้ เช่น การให้ค่านำมันรถยนต์ หรือ แนะนำไปที่ ตระกูลที่มีธิดายังอ่อนทักษะอื่นๆ ต่อไป          เป็นไปเพื่อประโยชน์ หรือไม่          5. คำถามข้อนี้ ถามตรงๆ ว่า          การที่เจ้าชายอชาตสัตตุกุมาร ถวายทานในพระเทวทัต โดยการบำรุง ทั้งเวลาเย็นทั้งเวลาเช้า ด้วยรถ ๕๐๐ คัน และนำภัตตาหาร ๕๐๐ สำรับไปด้วย          น่าอนุโมทนา ไหม?          เป็นการส่งเสริมกำลังของภิกษุ เช่นพระเทวทัตด้วยลาภสักการะ ให้มีกำลังเพิ่มขึ้นแก่ภิกษุนี้ และเป็นตัวอย่างแก่ผู้ได้เห็นได้ทราบ?          ลาภสักการะของพระเทวทัตต มีประโยชน์ต่อพระเทวทัตเองหรือไม่          หรือเป็นแต่เพียง ขุยไผ่ย่อมฆ่าต้นไผ่ ?          ภิกษุเฉกเช่นพระเทวทัตนี้          เราควรที่จะริษยาในลาภ สักการะ หรือว่า ความสังเวชใจ แล้วหลีกให้ห่าง? จากคุณ : dcm - [ 28 ก.ย. 50 09:36:44 ]

ความคิดเห็นที่ 32 คห.11 ของท่านฐานาฐานะ ตอบได้ชัดเจนที่สุด คิดว่าฝ่ายไหนก็โต้แย้งไม่ได้ค่ะ ขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ หวังว่า จขกท. จะอ่านความเห็นนี้อย่างช้าๆ โดยพิจารณาไตร่ตรองด้วยนะคะ ถ้าไม่เข้าใจก็อ่านหลายๆ เที่ยวนะคะ เพราะเป็น คคห. ที่เป็นกลางอย่างแท้จริง ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใด แต่กลับมีความจริงบางอย่างอยู่ (เว้นเสียแต่จะไม่ยอมรับ) *********************************** อุ๊ย คุณ dcm สะดุด คห.12 ที่คุณยกมาโพสต์เช่นกัน เดี๋ยวขอกลับไปอ่านทู้นั้นตั้งแต่ต้นจนจบต่อก่อน อิอิ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 09:51:41 จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 28 ก.ย. 50 09:40:45 ]

ความคิดเห็นที่ 33 ตอบคำถามจขกท โดยยกตอนหนึ่งของคห ๑๑ ฉันใด ฉันนั้น การที่แสดงธรรมโดยธรรม แสดงสภาพว่าอย่างนี้เป็นกุศล อย่างนี้เป็นอกุศล ผู้ฟังหรือผู้อ่าน เมื่อเข้าใจสิ่งที่แสดงไว้โดยสภาพ ภายหลัง เมื่อมีพฤติกรรมอย่างนี้ จากกลุ่มอื่นๆ ก็แยกแยะได้ตามความเป็นจริง.             หรือแม้แต่ผู้ที่เคยเลื่อมใสในลัทธิต่างๆ เมื่อได้ความเข้าใจเนื้อความที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว ก็เป็นไปได้ว่า ผู้นั้นจะใช้ความรู้นั้นในการทบทวนพฤติกรรมของคนในลัทธินั้นๆ หรือทบทวนคำสอนของลัทธินั้นๆ เมื่อเป็นอย่างนี้ ก็เป็นไปได้ว่า ผู้นั้นจะละทางที่ผิด ถือเอาทางที่ถูกได้             อย่าว่าแต่ผู้ที่เคยเลื่อมใสในลัทธิต่างๆ  แม้คนต่างศาสนาเอง เมื่อได้อ่านความคิดเห็นที่แสดงธรรมโดยธรรม อย่างนี้ ก็ย่อมได้รับความเข้าใจที่ถูกต้อง เมื่อเข้าใจถูกต้องในพระธรรมวินัย ก็ย่อมเป็นความเจริญของผู้นั้นเอง. แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 09:44:18 จากคุณ : dcm - [ 28 ก.ย. 50 09:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 34 อย่าหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลยนะ ท่านฐานาฐานะ คุยกับคุณจักรแก้วเองแท้ๆ ตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อน ทำไม *28 ทำเหมือนพึ่งรู้พึ่งเคยได้อ่าน...หรืออ่านไม่เข้าใจ โอย ไม่ไหวแล้วว... จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 28 ก.ย. 50 09:55:45 ]

ความคิดเห็นที่ 35 รอคำตอบคห.31 จากคุณ : idolation - [ 28 ก.ย. 50 09:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ----------------------------------- ความคิดเห็นที่ 29   ที่คุณฐานาฐานะยกเอามาโพสต์ที่คห ๑๑ เราว่าจขกทยังไม่"get"เท่าไร คงต้องใช้เวลาหน่อยนะจ๊ะ จากคุณ : dcm  - [ 28 ก.ย. 50 09:32:15 ] ------------------------------------- เด๋วจะไปฟ้องศาลพระภูมิ เธอหมิ่นประมาทดูแคลนเรา ฮุฮุ จากคุณ : วิพิธวิสสุดา - [ 28 ก.ย. 50 10:48:00 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เข้าใจไปตามๆ กัน จากคุณ : นู๋ ICU. - [ 28 ก.ย. 50 11:32:23 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นับถือท่าน ฐานาฐานะ  ครับ ความเห็นของท่านชัดเจน  สละสลวย จากคุณ : yariv_80 - [ 28 ก.ย. 50 11:37:57 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ผมก็เฉย ๆ นะ ไม่ว่าใครจะมาวางแผนเล่นงานคุณ ฐานาฐานะ เพราะเขาวางตัวเสมอต้นเสมอปลายมาโดยตลอด  สมกับเป็น  พระไตรปิฎกเคลื่อนที่จริง ๆ   ไม่ว่ากระทู้ไหนเขาก็ไม่โดดลงมาเล่นแบบพวกเรา ดังนั้น  ตัวเขาจึงไม่แปดเปื้อนใด ๆ  ไม่ว่าจะเล่นท่าไหน  คนนั้นก็จะแพ้ภัยตนเองไปเสมอ ไม่เหมือนคนที่สร้างภาพบางคน  ทำตัวเป็นผู้ใหญ่เที่ยวสั่งสอนคนโน้นคนนี้ผิดกาละเทศะ  วันนีง ตบะที่กดทับไว้มันเสื่อม   ผลกรรมก็ทำให้เกิดอาการ "แต๋วแตก"  ออกมาให้เป็นที่ขบขำ อนิจจา จากคุณ : redhores - [ 28 ก.ย. 50 12:06:33 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เราเองกลับรู้สึกขอบคุณจขกท.นี้อยู่ส่วนหนึ่งนะ ที่ตั้งกระทู้แบบนี้ เพราะถึงแม้จะเป็นการเสี่ยงมากๆ อย่างที่บางค.ห.แนะนำ แต่คุณฐานาฐานะก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ท่านมีวิธีจัดการกับ "ความเสี่ยง" ที่เกิดขึ้นแล้วนี้ได้ยังไง เพราะถ้ายึดพุทธพจน์เป็นหลักกันจริงๆ ไม่ว่าที่ไหน หรือสถานการณ์ใด ก็ไม่มีความเสี่ยง ถูกมั้ยคะ ดังนั้น คุณจขกท.จะมีเจตนายังไง เราไม่ทราบ แต่การตั้งกระทู้นี้ เราคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี เพราะคุณฐานาฐานะน่าจะเป็นคนเดียวในขณะนี้ที่ทำให้เกิดความชัดเจนขึ้นมาก ในสิ่งที่เป็นความขัดแย้งระหว่างสองค่าย พระไตรปิฎกเคลื่อนที่อย่างคุณฐานาฐานะน่ะ ไม่พลาดง่ายๆ หรอกค่ะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง (หนอนดาวเรือง) - [ 28 ก.ย. 50 12:28:33 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ข้อปฏิบัติที่ให้สงฆ์ยินดี             ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างไรเล่า กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี?             ๑. ดูกรภิกษุทั้งหลาย  กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ในพระธรรมวินัยนี้ เข้าบ้าน ไม่เช้าเกินไป กลับไม่สายเกินไป แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.             ๒. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ไม่เป็นผู้มี หญิงแพศยาเป็นโคจร ไม่มีหญิงหม้ายเป็นโคจร ไม่มีสาวเทื้อเป็นโคจร ไม่มีบัณเฑาะก์เป็นโคจร ไม่มีภิกษุณีเป็นโคจร แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.             ๓. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้ขยัน ไม่เกียจคร้านในการงานใหญ่น้อยของเพื่อนสพรหมจารีทั้งหลาย ประกอบด้วยปัญญาพิจารณา สอดส่องในการนั้น อาจทำได้ อาจจัดการได้ แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี             ๔. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ เป็นผู้สนใจ ในการเรียนบาลี ในการเรียนอรรถกถา ในอธิศีล อธิจิต อธิปัญญา แม้เช่นนี้ ก็ชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติให้สงฆ์ยินดี.             ๕. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์ ตนหลีกมาจาก สำนักเดียรถีย์แห่งครูคนใด เมื่อมีผู้กล่าวติครูคนนั้น ติความเห็น ความชอบใจ ความพอใจ และความยึดถือ ของครูคนนั้น ย่อมพอใจ ร่าเริง ชอบใจ เมื่อเขากล่าวติพระพุทธเจ้า พระธรรม หรือพระสงฆ์ กลับโกรธ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ ก็หรือตนหลีกมาจากสำนักเดียรถีย์แห่งครูคนใด เมื่อมีผู้กล่าวสรรเสริญครูคนนั้น สรรเสริญความเห็น ความชอบใจ ความพอใจ และความยึดถือ ของครูคนนั้น ย่อมโกรธ ไม่พอใจ ไม่ชอบใจ เมื่อเขากล่าวสรรเสริญพระพุทธเจ้า พระธรรม หรือพระสงฆ์ กลับพอใจ ร่าเริง ชอบใจ.             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ข้อนี้เป็นเครื่องสอบสวนในข้อปฏิบัติที่ชวนให้สงฆ์ยินดี แห่ง กุลบุตรผู้เคยเป็นอัญญเดียรถีย์. .......            อัญญติถิยปุพพกถา จบ ภาณวารที่ ๗ จบ -----------------------------------------------------             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  บรรทัดที่ ๒๘๑๖ - ๒๘๗๕.  หน้าที่  ๑๑๕ - ๑๑๗. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=2816&Z=2875&pagebreak=0 แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 12:34:52 จากคุณ : get ยังจ๊ะ???? (JitZungkabuai) - [ 28 ก.ย. 50 12:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ............ แวะเข้ามาดู  แต่ชอบ ที่พี่ฐานาฐานะเพิ่มเติม อ่ะ ............. หุหุหุ ......... ปล.  วันนี้ ก้อยังม่ายหายป่วย รู้สึก หง่อมๆ ย๊างงัย ก้อม่ายรู้ ............ จากคุณ : cattym - [ 28 ก.ย. 50 14:50:28 ]

ความคิดเห็นที่ 43 สมกับเป็นคุณ ฐานะฯ ครับ ตอบได้ดีเหมือนทุกครั้ง ที่ผ่านมา จากคุณ : muk_22 - [ 28 ก.ย. 50 15:04:10 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เยี่ยม จริงใจ สดใส สุดเท่ ยกให้จ้ะ...................... จากคุณ : เดือน (บุษกรจันทร์) - [ 28 ก.ย. 50 15:28:40 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณลมทะเล ตรงนี้ต่างหากที่ผมพึ่งได้ยินจากท่านฐานะตรง ถึงแนวคิดของท่านเอง ก็การแสดงธรรมโดยธรรม แท้ที่จริงก็เป็นไปเพื่อความมั่นคงของ พระพุทธศาสนา ตามนัยสัทธรรมสัมโมสสูตรที่ ๒ อยู่แล้ว             การที่จะโจมตีใครๆ ด้วยคำหยาบคาย หรือเยาะเย้ยถากถางนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความโกรธแก่ผู้นั้น [ผู้ถูกโจมตี] ทั้งผู้ที่ถูกโจมตีนั้นก็จะ ไม่ใคร่ครวญในอรรถที่แสดงในความคิดเห็นนั้นๆ ที่ตอบไป เพราะพบคำ ที่ทำให้โกรธแล้ว.             แต่การกล่าวถึงโทษโดยความเป็นโทษ โดยหลีกเลี่ยงการกระทบ ตัวบุคคลนั้น กล่าวแต่สภาพเท่านั้น ก็สามารถกระทำได้. จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 16:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 46 คคห 39 โอ๊โอ๋ redhore ทำท่าจะมาส่อเสียดผมอีกแล้ว ผมต้องชี้แจงบ้างละว่า ส่อเสียดเป็นบาป  ถ้าไม่ใช่ ก็แล้วไป ผมชี้แจงฟรีๆก็ได้ แต่ดูแล้วน่าจะใช่น่า ใช่มะ     ผมไม่คิดจะสั่งสอนใครต่อใคร เพียงแต่นำธรรมของพระพุทธองค์มาแสดง เพื่อให้คนที่ดีอยู่แล้วดียิ่งขึ้น ผู้ที่รับไม่ได้  คือผู้ถูกตำหนิเพราะโทสะ ผมก็นำธรรมมาแสดงให้เขาละโทสะ เพื่อจะได้ทานยาขมนั้นได้ จะยาขมของใคร ก็ยาขมของคุณระทวยนั่น แหละ เป็นยาขม ขมมาก สำหรับบางคน     อีกประการหนึ่งกระทู้หนึ่งนั้น ผมก็ไม่ได้เกิดโทสะเลย แต่ผม ไม่ต้องการให้คนส่อเสียดเพราะผม อันเป็นเวรกรรมแก่คนอื่น  เพราะการส่อเสียดเป็นกรรม ผมต้องการจะบอกเขาว่า ถ้าสงสัยตรงไหน ถามเลย คุณจะได้ไม่ต้องส่อเสียด แต่ผมจะลองดูสไตล์นั้นว่าจะทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ เมื่อผมเห็นว่า ไม่ได้ผล รังแต่จะให้ผู้อื่นก่อโทสะขึ้นไปกว่าเดิม ผมจึงรู้ว่า ไม่ควรเล่นกับกิเลสเพราะกิเลสจะทำให้กิเลสของทุกคน ฟุ้งได้ง่าย ผมจึงขอโทษ และถอยกลับ เพื่อให้กิเลสทั้งหมดนั้นสงบ ถ้าคุณกลับไปอ่านให้ดี จะไม่พบว่า ผมกล่าวคำหยาบ หรือผรุสวาทใดๆ ผมกล่าวแต่สุภาพเท่านั้น เพราะผมคุมไว้ ได้พอสมควร  แต่ก็เกือบไม่ได้ เพราะเมื่อเล่นไป ผมพบว่า กิเลสผมฟุ้งขึ้นมาได้จริง พล่านมาก ตอนตั้งกระทู้นั้น ฟอร์มไปเฉย ๆ แต่เล่นแล้ว ทุกคนฟุ้งหมด จะมีเวรกรรมมากกว่าเดิม  ผมจึงยอมสงบ เพื่อให้สงบ ลองไปพิจารณาดูดีๆ เถิดครับ แม้แต่คุณ kd ก็ฟุ้งไปใหญ่ ผมเลยขอโทษเพื่อให้เขาสงบ    ผมลองสไตล์ดุ ลองทำดู   แหม แคมเปญมาเชียร์ใหญ่ กลับไปอ่านดูสิ ผมก็อำดุต่อ เพราะผมอยากจะลองด้วย ว่า วิธีนั้นดี หรือวิธีนี้ดี บังเอิญเป็นวิธีที่ผมไม่เคยใช้ ใช้ไม่ถนัด ผมพบว่า เราไม่สามารถปราบกิเลสคนอื่นด้วยวิธีนั้นได้ ผมจึงถอย มีเพียงนี้เท่านั้น ผมพบแล้วว่า เราควรคุยกันดีๆ ด้วยความจริงใจ ด้วยเมตตา นี้แหละดีที่สุดครับ และด้วยพระธรรมของพระพุทธองค์   กระทู้นั้นดีมากนะครับ เป็นครูสำหรับผมทีเดียว ว่าอย่าเล่นกับกิเลส แต่อย่างไร ผมก็มีหลายแสตนดาร์ดกับทุกคนไม่เหมือนกันหรอกครับ ดังนั้น ผมจึงขำที่ คุณ taken นำมาให้ดูว่า ผมหลายแสตนดาร์ดอย่างไร ดูแล้วก็จริงด้วย และ ถึงตอนนี้ก็ยังหลายแสตนดาร์ดอยู่นะครับ  คุณ taken ครับ ผมเปลี่ยนไม่ได้ มันจำเป็นนะ ขอให้มีความสุขทุกท่านนะครับ นาน ๆจะเล่าสู่กันฟัง อารมณ์ดีเพราะกินทุเรียนมานะนี่ แต่ดี ผมก็รู้ ไม่ดี ผมก็รู้ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 16:39:05 ]

ความคิดเห็นที่ 47 จักรแก้ว ไม่เหมือนผมนะจ๊ะ .................. สำหรับผมแล้ว ถ้าพูดภาษาคนดีๆไม่รู้เรื่อง ผมก็จะด่ามัน !!!!! ผมมีอยู่มาตรฐานเดียวนี่แหละจ้ะ ส่วนที่ว่า มันจะเป็นมาตรฐานที่ดี หรือเลว นี่เป็นอีกประเด็นหนึ่งต่างหาก (!) หึหึ คนทุกคน มีวิธิคิด และวิธีปฏิบัติ ที่แตกต่างกัน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า มันจะแสดงผลที่แตกต่างกันด้วย หลายๆคนเห็นว่า ความรุนแรง ความขัดแย้ง เป็นปัญหา แต่ผมกลับเห็นว่ามันไม่ใช่ปัญหา ผมเห็นว่า นั่นคือกระบวนการคลี่คลายปัญหา ต่างหาก ถ้าในสังคมใด สงบ ราบเรียบ ไม่มีความรุนแรงปรากฏให้เห็น นั่นมิได้หมายความว่า สังคมนั้นปราศจากความขัดแย้ง แต่มันน่าจะหมายความว่า มีการ ปิดบัง-ซ่อนเร้น ความขัดแย้ง ซึ่งน่าจะก่อให้เกิดปัญหาที่ใหญ่หลวงตามมา เสียมากกว่า (?) หลายๆคนอาจจะยึดติดกับภาพลักษณ์อันสวยงามสงบเย็น หลายๆคนอาจจะรู้สึกรังเกียจ การฟุ้งตัวของกิเลส ............ ก็ถ้ามันไม่ฟุ้งขึ้นมาเสียแล้ว คุณจะรู้ได้จริงๆหรือว่า คุณยังมีกิเลสอยู่หรือไม่ ? เพราะโดยปกติ ผู้คนส่วนใหญ่ มักจะเผลอไผล คิดว่าตนเป็นคนดีอยู่เสมอๆ ............................ หึ จะดีจริง หรือหลงผิด คิดไปเอง มันก็ต้องตรวจสอบด้วยของจริง เพราะคนๆหนึ่ง สามารถตบตา คนทุกคน เป็นบางเวลาได้ คนๆหนึ่ง สามารถตบตา คนบางคน ตลอดเวลาได้ แต่ คนๆหนึ่ง ไม่สามารถตบตา คนทุกคน ตลอดเวลาได้ !!!!!! จะดีจริง ดีปลอม หรือว่าจะ ดีแตก บางทีมันก็สามารถตรวจสอบดูได้จากโลกเสมือนจริง อย่าพันทิพนี่แหละ จริงไหมจ๊ะ หึหึ จ้ะ ฤทธีระทวย จากคุณ : Ritti Janson - [ 28 ก.ย. 50 17:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 48 จริงจ๊ะ จริงจ๊ะ ระทวยพูดถูก หัดพูดจ๊ะจ๋า อย่างนี้ดีนะจ๊ะ แต่พิมพ์ยากชะมัดเลย 555 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 17:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คุณมีมาตรฐานเดียวก็ดีแล้ว แต่ผมมีหลายนะจ๊ะ แบบว่า ไม่ต้องตบตาด้วยจ้ะ จะตบไปทำไม นะจ๊ะ พูดกับนักเรียนก็อย่าง จ๊ะ พูดกับครูก็อีกอย่างจ๊ะ กับเจ้านายก็อีกอย่างจ้ะ โอ้ย พิมพ์ยากชะมัดครับ 555 ผมครับอย่างเดียวก็แล้วกัน ผมไม่ตบตาใครหรอกครับ ระทวย จะตบไปทำไม ชอบก็บอกว่า ไม่ชอบ แต่ไม่ชอบ บางทีก็ไม่บอกนะ มันเป็นมารยาทน่ะ อีกประการ บางคนมีบุญคุณกันมา มันติดตรงนี้แหละ จริงมั้ยครับ จากคุณ : ไม่มีจ๊ะอีกแล้ว พิมพ์ยาก (จักรแก้ว) - [ 28 ก.ย. 50 17:27:52 ]

ความคิดเห็นที่ 50 แต่ไม่ชอบ บางทีก็ไม่บอกนะ มันเป็นมารยาทน่ะ อีกประการ บางคนมีบุญคุณกันมา มันติดตรงนี้แหละ จริงมั้ยครับ จากคุณ : ไม่มีจ๊ะอีกแล้ว พิมพ์ยาก (จักรแก้ว) ****************************************************** ที่ผมไม่เห็นด้วยกับการจัด มีตติ้ง โต๊ะศาสนา ก็เพราะเหตุผลนี้ของคุณนี่แหละ  !!!!! ขนาดการแสดงออกในพันทิพ ยังติดขัดด้วย "อคติ" มากขนาดนี้ แล้วในโลกจริง ชีวิตจริง ยังจะสามารถอ้าปากพูดความจริงอะไรได้อีก จริงไหมจ๊ะ ? ที่ผมพูดเกี่ยวกับ มีตติ้ง แบบนี้ ไม่ต้องมาโวยผมนะครับ อยากจัดก็จัดกันไปนะครับ ผมเพียงแค่บอกว่า ผมไม่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย เพราะเหตุผลอะไรเท่านั้น ............. ชัดเจนนะจ๊ะ ฤทธีระทวย จากคุณ : Ritti Janson - [ 28 ก.ย. 50 17:47:14 ]

ความคิดเห็นที่ 51 :-) จากคุณ : silly - [ 28 ก.ย. 50 18:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ผมนึกไม่ถึงว่าคุณจักรแก้วจะตอบนะ คคห.ที่31 จะที่คุณ DCM ยกมาเน้นๆนั้น ธรรมดาผู้อ่านที่ไม่โง่ไปนัก น่าจะเข้าใจได้ มีสองสามอย่างที่ทำให้ไม่เข้าใจได้ 1. ผลประโยชน์ 2. อคติต่อผู้บอกกล่าว 3. ความหลง ถ้าคิดจะนับถือท่านฐานาฐานะเป็นอาจารย์จริง ควรจะใส่ใจกับคำพูดหรือความหมายที่แท้จริง ไม่ใช่สักแต่นับถือไปตามกิริยามารยาท ที่คนส่วนใหญ่นับถือ คุณจักรแก้วเห็นจ๊ะจ๋ากับคุณฤทธีอยู่ ก็ยังจำได้ดี เรื่องคุณจักรแก้ว สนับสนุนให้ใช้คำพูดหยาบคาย โดยอ้างถึงตำรวจต้องใช้ไม้แข็งปราบปรามผู้ร้าย ไม่ทราบว่าคุณลืมคำพูดที่พูดแล้วหรือไรครับ บังเอิญว่าช่วงนั้น คุณมรรคญาณก็ไล่จี้คุณเรื่องธรรมกายอยู่ แล้วก็เถียงกับคุณฤทธีไปด้วย พอไปติงเรื่องคำหยาบที่คุณฤทธีว่าคุณมรรคญาณ คุณก็กลับไปสนับสนุนคุณฤทธีเฉย เหมือนอยากให้ไปด่าใส่คุณมรรคญาณ ไม่แน่ใจว่าจะหยิบเอาเหตุการณ์นั้นกลับมาได้มั๊ย แต่พอเห็นสแตนดาร์ดของคุณแล้วบังเอิญว่า รับไม่ได้จริงๆ พอตอนนี้มาเห็นคุณบอกว่าเราพูดไพเราะกัน ขอโทษนะ อาจจะหาว่าผมอ่อนไหวมากไปหน่อย แต่ตอนนี้ขอตัวก่อนนะครับ รับไม่ได้... จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 28 ก.ย. 50 18:02:58 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เรียน คุณจักรแก้ว ค่ะ ขอความกรุณาอย่ามาทำเป็นรู้ "จิตใจ" ของดิฉันว่าเป็นอย่างไร เพราะคุณ "ไม่มีความสามารถ" ขนาดนั้น!! [ทั้งจนป่านนี้คุณก็ยังไม่มี "ความสามารถ" ในการพิจารณาเลยว่า   ที่ในกระทู้นั้น ดิฉันมุ่งประสงค์อย่างไร?? ไม่บอกหรอกค่ะ!!] ขอบคุณค่ะ .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 28 ก.ย. 50 18:14:33 ]

ความคิดเห็นที่ 54 อีกอย่างหนึ่ง ดิฉันสงสัยว่า "คุณเสแสร้ง-ตลบแตลง" ค่ะ   .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 28 ก.ย. 50 18:17:43 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ทีหน้าทีหลัง ถ้าอยากจะเป็นคนดีมีความสงบล่ะก็ กรุณาอย่าพาดพิงคนอื่นเพราะ "ความคิดของตัวเอง" นะคะ   อย่ามายัดเยียดความคิดตัวเองให้บุคคลอื่น!! [เอ้.. ดิฉัน "ฟุ้ง" อยู่มั้ยน๊อออ จะมาขอโทษเพื่อให้ดิฉันสงบมั้ยน๊อออ]   [ฮือ..ฮือ.. ดิฉันถูกหมิ่มประมาท!!] .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 28 ก.ย. 50 18:24:37 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ^ ^ ^ เห็นด้วยกับ คุณ /kd (@mantras)  คห ที่ 54 ต่อเนื่องจาก 53 จากคุณ : นู๋ ICU. - [ 28 ก.ย. 50 18:40:54 ]

ความคิดเห็นที่ 57 ตกลงครับ ผมขอโทษ และจะไม่ล่วงเกินคุณอีกเลยครับ จะระวังให้มากขึ้น ขอโทษอีกครั้งนะครับ     ส่วนคุณว่าผมตลบแตลง ไม่ว่าอะไรครับผมน้อมรับไว้ให้ครับ  คุณอย่ากลัวเรื่องฟุ้ง นิ่ง ทุกอย่างจะสงบเอง ผมเคยทำเช่นนั้นบ่อยๆ     คุณลมทะเล ผมตอบตรงๆว่า คนเรานั้น ไดนามิค แปรเปลี่ยนตลอดเวลา บางครั้ง คุณริทที พูดเป็นยาขมจริง แต่ตำหนิแรง ชาวธรรมกาย รับไม่ได้ โกรธกันใหญ่ ผมก็จะให้ธรรมะ เขาเท่าที่จะมีอยู่ หรือคุยกัน เพื่อให้เขาสงบรับยาขมนั้นได้ บางครั้งผมชื่นชมคุณริทที มาก และเห็นเขาเป็นตำรวจ จริงๆ ยังเห็นอย่างนั้นอยู่เสมอๆ ในหลายๆครั้ง     บางครั้งผมไม่ชื่นชม  ก็เหมือนที่ไม่จำเป็นที่คุณ หรือริทที หรือใครๆจะมาชื่นชมผม มันไม่จำเป็นเลยครับ ของสมมุติทั้งนั้น  เช่น ริทที ไปตั้งกระทู้ ล้อเรื่องควายกับคุณวรกรนั้นผมไม่ชื่นชมเลย จะเห็นว่า คนเราไดนามิก ริททีก็เช่นนกัน ตอนนี้มาจ๊ะจ๋ามากขึ้น  บอกตรงๆ ว่าผมชอบ แต่เชื่อว่าเขาเป็นตัวของตัวเอง  คนเราเปลี่ยนไปมา ผมก็เช่นกัน ผมเคยชมคุณ แคมว่าเขาไม่ค่อยด่าใคร แป๊บเดียวเขาก็ไปด่าให้ผมเห็น ผมก็อึ้งไปเอง  แต่สักพักเขาก็ไปตั้งกระทู้ที่ผมชอบ คือสร้างสรร  คนเราก็อย่างนี้ คุณลมทะเลรับไม่ได้ ก็ไม่ได้ มันเป็นสมมุติทั้งนั้นครับ ผมพบคนหลากหลาย มาตรฐานนั้นอยู่ที่สัปปุริสธรรม เราเป็นใคร เขาเป็นใคร พูดกับครู ผมต้องอย่าง กับน้องก็อีกอย่าง จะมีแสตนดาร์ดเดียวได้อย่างไร  คนเราก็ไดนามิก ดี ผมก็ชม ไม่ดี ติได้ผมก็หาเวลาอันควรติ จะไปชมอย่างเดียวชั่วกาล หรือติอย่างเดียวชั่วกาลได้อย่างไร จริงไหมครับ บางคนเอาอดีต มาว่าผมเคยพูดอย่างนั้น ก็มันมีเหตุอย่างนั้น แล้ววันนี้ทำไมผมพูดอย่างนี้ ก็มันมีเหตุอย่างนี้  บางครั้งมีงานบุญ คุณแคมก็มาให้พรผม พอผมทำอะไรที่เขาคิดว่าไม่ดี เขาก็มาติ มาเตือนผม คนเราก็อย่างนี้ ขอให้มีความสุขทุกคนนะครับ คำสุดท้ายนี้แหละครับ ผมแสตนดาร์ดเดียวจริงๆ เชื่อหรือไม่ ไม่ว่าแน่นอนครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 19:06:17 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เรื่องมีตติ้งห้องศาสนา ผมว่าจะตั้งกระทู้คุยกันใหม่ ดูเหมือนริททีจะไม่เข้าใจ แต่เขาอาจจะเข้าใจก็ได้ ผมจะลองคุยดู คือ ไม่ยึดติดนะครับ จะจัดหรือไม่จัดก็ได้ ไม่เป็นไรหรอก จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 19:07:35 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ใจเย็นๆค่ะ ไว้ชีวิตคุณจักรแก้วหน่อยนะคะ อิอิ จากคุณ : dcm - [ 28 ก.ย. 50 19:13:09 ]

ความคิดเห็นที่ 60 หึหึ .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 28 ก.ย. 50 19:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 61 รบกวนคุณจักรแก้วนิดนึงครับ อ้างอิง : บางส่วนจากคคห. 46 อีกประการหนึ่งกระทู้หนึ่งนั้น ผมก็ไม่ได้เกิดโทสะเลย แต่ผม ไม่ต้องการให้คนส่อเสียดเพราะผม อันเป็นเวรกรรมแก่คนอื่น  เพราะการส่อเสียดเป็นกรรม ผมต้องการจะบอกเขาว่า ถ้าสงสัยตรงไหน ถามเลย คุณจะได้ไม่ต้องส่อเสียด แต่ผมจะลองดูสไตล์นั้นว่าจะทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ เมื่อผมเห็นว่า ไม่ได้ผล รังแต่จะให้ผู้อื่นก่อโทสะขึ้นไปกว่าเดิม ผมจึงรู้ว่า ไม่ควรเล่นกับกิเลสเพราะกิเลสจะทำให้กิเลสของทุกคน ฟุ้งได้ง่าย ผมจึงขอโทษ และถอยกลับ เพื่อให้กิเลสทั้งหมดนั้นสงบ ถ้าคุณกลับไปอ่านให้ดี จะไม่พบว่า ผมกล่าวคำหยาบ หรือผรุสวาทใดๆ ผมกล่าวแต่สุภาพเท่านั้น เพราะผมคุมไว้ ได้พอสมควร  แต่ก็เกือบไม่ได้ เพราะเมื่อเล่นไป ผมพบว่า กิเลสผมฟุ้งขึ้นมาได้จริง พล่านมาก ตอนตั้งกระทู้นั้น ฟอร์มไปเฉย ๆ แต่เล่นแล้ว ทุกคนฟุ้งหมด จะมีเวรกรรมมากกว่าเดิม  ผมจึงยอมสงบ เพื่อให้สงบ ลองไปพิจารณาดูดีๆ เถิดครับ แม้แต่คุณ kd ก็ฟุ้งไปใหญ่ ผมเลยขอโทษเพื่อให้เขาสงบ วันนั้นคุณจะมีโทสะหรือไม่  ผมขอละไว้ไม่กล่าวถึง แต่ที่คุณพูดมานี่  คุณหมายถึงว่าผมมีโทสะหรือเปล่าครับ? ถ้าใช่  รบกวนช่วยระบุด้วยครับ  ว่าข้อความส่วนไหนที่ทำให้คุณเข้าใจเช่นนั้น คัดลอกมาเลยได้ยิ่งดี  ผมหายังไงก็หาไม่เจอ  ขอบคุณครับ เอาลิงค์มาให้ครับ  อำนวยความสะดวก http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5858202/Y5858202.html จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 28 ก.ย. 50 19:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ไม่มีครับ คุณไม่มีโทสะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 19:43:52 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แต่มันทำให้ปั่นป่วนโดยรวมแบบ ไม่มีสาระ ไม่เกิดประโยชน์ครับ ผมเห็นอย่างนั้น จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 19:45:28 ]

ความคิดเห็นที่ 64 อ้าว!  อ้อ!  ขอบคุณครับ จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 28 ก.ย. 50 19:46:54 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าคุณ sea มีอะไรสงสัยอย่างนี้ กรุณาถามผมอย่างนี้เลยครับ  ผมยินดีมาก ถ้าผมพบว่า ผมผิด คุณชี้บอกได้ ผมจะยินดีและขอโทษจะได้ระวังต่อไป แต่ถ้าเป็นบางอย่างที่เข้าใจผิด ผมจะได้อธิบายให้จะได้ไม่ต้องเก็บไว้เข้าใจผิดต่อไปครับ ผมก็จะถามคุณเช่นกัน ถ้ามีสงสัย นะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 19:48:09 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คุณจักรแก้ว ยิ่งมาเห็นกระทู้นี้  ผมคงยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยอีกแล้วครับ กระจ่างแจ่มแจ้งแล้ว  และสบายใจได้  ผมไม่ถือสาอะไรคุณแน่นอน ขอบคุณครับ จากคุณ : Sea Ghost Man - [ 28 ก.ย. 50 19:53:11 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ขอบคุณครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 28 ก.ย. 50 20:16:25 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ที่บอกว่าอ่อนไหว รับไม่ได้อะไรนั่นล้อเล่นครับ ๕๕ เห็นช่วงนี้ แต่ละคนอ่อนไหวกันทั้งนั้น ... แต่ที่รับไม่ได้จริงๆคือ การที่คนเราจะปิดหูปิดตาเพราะ 1.ผลประโยชน์...คนละอย่างคนละเรื่องกับคำว่า ศรัทธา หรือ งมงาย...หวังว่าคงไม่มีใครเป็นอย่างนั้น จากคุณ : ลมทะเลไม่เคยหลับ - [ 28 ก.ย. 50 20:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 69 หลังจากท่านฐานะฐานะได้มาอธิบายธรรมสร้างความสงบให้อย่างน่านับถือ..... พอเลื่อนมาคห.ล่างๆ..................แหงะ.....ตีกันอีกแล้วน้อ จากคุณ : ผึ้งน้อยพเนจร - [ 28 ก.ย. 50 20:23:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 สาธุ คุณฐานาฐานะครับ __/\__ ได้ความรู้จากท่านอาจารย์ทุกหน จากคุณ : เหรียญ (ปล่อย) - [ 28 ก.ย. 50 21:17:08 ]

ความคิดเห็นที่ 71 สาธุครับคุณฐานาฐานะ จากคุณ : หลังเขา - [ 28 ก.ย. 50 22:31:09 ]

ความคิดเห็นที่ 72  อีกประการหนึ่งกระทู้หนึ่งนั้น ผมก็ไม่ได้เกิดโทสะเลย แต่ผม ไม่ต้องการให้คนส่อเสียดเพราะผม อันเป็นเวรกรรมแก่คนอื่น  เพราะการส่อเสียดเป็นกรรม ผมต้องการจะบอกเขาว่า ถ้าสงสัยตรงไหน ถามเลย คุณจะได้ไม่ต้องส่อเสียด แต่ผมจะลองดูสไตล์นั้นว่าจะทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่ เมื่อผมเห็นว่า ไม่ได้ผล รังแต่จะให้ผู้อื่นก่อโทสะขึ้นไปกว่าเดิม ผมจึงรู้ว่า ไม่ควรเล่นกับกิเลสเพราะกิเลสจะทำให้กิเลสของทุกคน ฟุ้งได้ง่าย ผมจึงขอโทษ และถอยกลับ เพื่อให้กิเลสทั้งหมดนั้นสงบ ถ้าคุณกลับไปอ่านให้ดี จะไม่พบว่า ผมกล่าวคำหยาบ หรือผรุสวาทใดๆ ผมกล่าวแต่สุภาพเท่านั้น เพราะผมคุมไว้ ได้พอสมควร  แต่ก็เกือบไม่ได้ เพราะเมื่อเล่นไป ผมพบว่า กิเลสผมฟุ้งขึ้นมาได้จริง พล่านมาก ตอนตั้งกระทู้นั้น ฟอร์มไปเฉย ๆ แต่เล่นแล้ว ทุกคนฟุ้งหมด จะมีเวรกรรมมากกว่าเดิม  ผมจึงยอมสงบ เพื่อให้สงบ ลองไปพิจารณาดูดีๆ เถิดครับ แม้แต่คุณ kd ก็ฟุ้งไปใหญ่ ผมเลยขอโทษเพื่อให้เขาสงบ จักรแก้ว ******************************************** ขำ    คุณไม่คิดว่าผมฟอร์มบ้างเหรอ  สำนวนปราบโมฆะบุรุษ  ของผมมันเป็นอย่างนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว   บางทีผมยังพิมพ์ไปขำไป อมยิ้มไปด้วย  อย่ามาทำรู้วาระจิตผมครับ  อนาจครับ  เพราะคุณมันไม่รู้จริง  แม้กระทั่งการกระทำของตัวเองเลย   ชะรอย มารู้เรื่องจิตของผมอีก ผมพยายามใช้สำนวนโต้กลับคุณ  ก็เห็นคุณเร่งใหญ่  ทั้งหลังไมค หน้าไมค  ดิ้นหาผมให้พล่าน  ผมก็ลองดูซิว่าจะเก่งแค่ไหนกัน  มาวันนี้บอกไม่มีโทสะ  ขำดี  แต่วันก่อนตั้งกระทู้โชว์ว่าอย่ามาหมิ่นผมนะ  เป็นคนจริงนะ  อย่ามาหัวเราะนะ    หัวเราะเยาะผมทำไม   เพ้อเจ้อไม่เข้าท่า ดูเนื้อหากระทู้นั้นดีๆ  ผมก็เขียนเนื้อๆ  เกี่ยวกับตัวคุณทั้งนั้น  ถ้าคุณยังมองว่าเป็นคำผรุสวาท  ไม่ตรงกับตัวคุณ มันก็เป็นปัญหาของคุณแล้วล่ะครับ ขนาดคุณkd  เขาถามหามาตรฐานจากคุณ  คุณยังเพ้อคิดเองว่าเขาฟุ้งไปใหญ่    ช่างเป็นคนที่ไม่เข้าใจอะไรไม่ตรงความเป็นจริงซะงั้น . ดูป่วยหนัก   เหมือนคุณสายน้ำบอกจริงๆ แก้ไขเมื่อ 28 ก.ย. 50 23:18:45 จากคุณ : taken01 - [ 28 ก.ย. 50 23:15:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรียน คุณจักรแก้ว ค่ะ ขอความกรุณาอย่ามาทำเป็นรู้ "จิตใจ" ของดิฉันว่าเป็นอย่างไร เพราะคุณ "ไม่มีความสามารถ" ขนาดนั้น!! [ทั้งจนป่านนี้คุณก็ยังไม่มี "ความสามารถ" ในการพิจารณาเลยว่า   ที่ในกระทู้นั้น ดิฉันมุ่งประสงค์อย่างไร?? ไม่บอกหรอกค่ะ!!] ขอบคุณค่ะ ************************************* เห็นด้วยครับ  เขาไม่มีความสามารถจริงๆ จนป่านนี้  โดนผมใส่ไปหลายดอกเนื้อๆ  เพื่อให้เขารู้ตัว  แต่เขาก็ยังไม่รู้ตัวเลยจริงๆ . จากคุณ : taken01 - [ 28 ก.ย. 50 23:24:46 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณท่านฐานาฐานะค่ะ จากคุณ : แมวเก้าแต้ม - [ 28 ก.ย. 50 23:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อีกอย่างหนึ่ง ดิฉันสงสัยว่า "คุณเสแสร้ง-ตลบแตลง" ค่ะ   .. จากคุณ : /kd (@mantras)   ********************************* ผมเลิกสงสัยไปนานแล้วครับ   คุณเคดี   ถ้าเขาเป็นคนจริง  เขาคงยอมรับว่าเขาดูถูกคุณฤทธีวันนั้นแน่นอน และเมื่อสองวันก่อน  ผมก็คงจะได้เห็นอะไรเป็นชิ้นเป็นอันจากเขาบ้าง   เรียกผมไปหา  แต่ดันให้ผมไปเจออะไรก็ไม่รู้  ไม่เข้าท่า พิลึกกึกกือ  ตั้งหลายเรื่องจริงๆ . จากคุณ : taken01 - [ 28 ก.ย. 50 23:30:01 ]

ความคิดเห็นที่ 76 คำสุดท้ายนี้แหละครับ ผมแสตนดาร์ดเดียวจริงๆ เชื่อหรือไม่ ไม่ว่าแน่นอนครับ จากคุณ : จักรแก้ว  - [ 28 ก.ย. 50 19:06:17 ] *************************************** จนป่านนี้  ยังไม่เห็นว่าปราชญ์ขยะผิด   แสตนดาร์ดเดียวจริงๆ  เรื่องนี้ v v v v v "ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" "ผมคิดว่า คุณปราชญ์นั้น ไม่มีใครไปล้างทิฐิเขาได้ ผมสำนึกตัวว่าทำไม่ได้ และเขาไม่ต้องการการปกป้อง ส่วนใครไปตำหนิเขา เขาก็ไม่เดือดร้อน  คนที่จะล้างทิฐิคุณปราชญ์ได้นั้น ต้องมีธรรมสูงกว่าเขา และแสดงฤทธิ์ได้จนเขายอมศิโรราบเท่านั้น" ^ ^ ^ ^ ^ ทำอะไรปราชญ์ขยะไม่ได้เลย  ไม่ว่าเขาจะทำชั่วแค่ไหน  หลองลวงชาวบ้านแค่ไหน สแตนดาร์ด  คุณคงที่จริงๆ  เรื่องนี้ . จากคุณ : taken01 - [ 28 ก.ย. 50 23:35:26 ]

ความคิดเห็นที่ 77 บางครั้งผมชื่นชมคุณริทที มาก และเห็นเขาเป็นตำรวจ จริงๆ ยังเห็นอย่างนั้นอยู่เสมอๆ ในหลายๆครั้ง[b] จักรแก้ว ********************************** เห็นอันนี้แล้ว  ขำมากจริงๆ   เห็นเป็นตำรวจจริงอ่ะ   แต่ไฉน ตำรวจของคุณจักรแก้ว   จึงเป็นผู้ต้องสงสัย   สร้างล็อคอิน  มาแหกตาชาวบ้านว่าเป็นคนละคนกันล่ะครับ   v v v v v ผมรอคุณ taken ใครรู้จักเขา กรุณาตามมาด้วยนะครับ [b]เคยสงสัยเสมอด้วยว่า เป็นคุณริททีใช่หรือไม่  แต่ผมจะรอเขามาตอบหลายอย่าง ที่หมิ่นผมไว้   : จักรแก้ว ^ ^ ^ ^ เดี๋ยวเห็นคุณฤทธีเป็นตำรวจ เสมอ หลายๆ ครั้ง และก็เห็นว่าเป็นคนเดียวกับผม "taken01"   ด้วยเสมอ เอ่อ  มาตรฐานคุณนี่  มีมาตรฐานเดียวจริง  มันสม่ำเสมอจริงๆ ด้วย   แต่เป็นมาตรฐานคิดมั่วๆ มาเสมอนะครับ  อิอิ . จากคุณ : taken01 - [ 28 ก.ย. 50 23:49:45 ]

ความคิดเห็นที่ 78 สรุป     เกณฑ์พิจารณามาตรฐาน  IFO2700 ปราชญ์ขยะ  สมถะ  ราชมนู  ดร.แจ่ม     [ไม่เคยบอกว่าผิดอะไร  ทั้งๆที่แหกตาชาวบ้านไปทั่ว ว่าเป็นคนละคนกัน  จะตำหนิได้ต้องหาคนคุณธรรมสูง มีฤทธิ์มาปราบเท่านั้น  จักรแก้วทำอะไรไม่ได้เลย] Ritti  Janson   taken01     [โผล่ไปตำหนิว่าผิดคำสอนพระพุทธเจ้า ผรุสวาท  หยาบคาย  เห็นว่าเป็นตำรวจเสมอ    และก็เป็นผู้ร้ายในคราบตำรวจเสมอ   ใช้ล็อคอินแฝงtaken01 มาแหกตาชาวบ้านเสมอ  จักรแก้วสงสัยคาใจ  เลยต้องไปสอนบ่อยๆ  ฮา ]               สรุปยอดสรุป     ครบถ้วนมาตรฐานเดียวจริงๆ ครับท่านจักรแก้ว      จริงๆนะ  ไม่ต่างเลย   (ฮา) . จากคุณ : taken01 - [ 29 ก.ย. 50 00:01:49 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ลืม   ขออภัย เจ้าของกระทู้ด้วยครับ   มีประเด็นติดพันที่นี่  เลยต้องมาครับ จากคุณ : taken01 - [ 29 ก.ย. 50 00:08:23 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ขออภัยท่านเจ้าของ กระทู้ด้วยครับ.... ................................................................................................ ผมว่า คุยกันแบบในกระทู้นี้มีจุดเด่นที่คู่กรณีมีโอกาสได้ไตร่ตรอง ทบทวน หาข้อมูลแต่บางทีมันช้า  ได้ใจความช้า.. หากเป็นไปได้น่าจะมีการนัดถกกันในห้องแช๊ทบ้าง  ไปฟังกันรวมๆหลายคน แต่ต้องมีกติกาเพื่อป้องกันการมั่วตลุมบอน เช่น...มีตัวยืน(ผู้ถูกตั้งคำถาม)  เป็นหลักในวันนั้นๆ และผู้ข้องใจสอบถาม แต่ควรถามทีละคน  ท่านอื่นๆคอยเวลาจนกว่า คู่กรณีจะหมดข้อความต่อกัน.... ลองดูสักอาทิตย์ละหนก็น่าจะดีนะครับ เช่นทุกคืนวันเสาร์ หลังสองทุ่ม..ที่ห้อง...จุด จุด จุด ท่านใดพอจะมีห้องแช๊ทที่แนะนำบ้างใหมครับ ที่มันลื่นๆหน่อย จากคุณ : ทิคัมพร (sueki) - [ 29 ก.ย. 50 00:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 81 เรียน คุณ taken01 ค่ะ คือจริง ๆ แล้ว ดิฉันไม่ได้สงสัยหรอกค่ะ.. ตอนเขียนคคห.นั้น ฟอร์มไปเฉย ๆ!! เพียงแต่จะลองดูสไตล์นั้นว่าจะทำให้ดีขึ้นได้หรือไม่!!   [ดิฉันมั่นใจเลยล่ะค่ะ!!] หึหึ [จ้ะ] .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 29 ก.ย. 50 07:40:32 ]

ความคิดเห็นที่ 82 ลืมค่ะ คือส่วนตัวมั่นใจมาตั้งแต่กระทู้ที่มีคนถามถึงความเห็นของคนที่ต่อต้านสำนักฯ น่ะค่ะ   เพราะคุณเขาตอบแบบประมาณมั่นมาก ประมาณว่า.. "เพราะเขา "คิด" ว่า มันจะอันตรายต่อพระศาสนา เมื่อเขาตั้งใจไว้อย่างนั้น รับรองชาตินี้ไม่มียุติ สำหรับเรื่องนี้"   [แต่เป็นความคิดของคุณเขาเองนะคะ ไม่ใช่ความคิดของคนต่อต้าน!! แปลกมั้ยคะ!!   หรือว่าไม่แปลกเพราะว่าเขามี "อภิญญา" ..ล่วงรู้วาระจิตความคิดบุคคลอื่น!!] [ps. หมิ่นประมาท..หมิ่นประมาท.. ชัดช๊า..] หึหึ [จ้ะ] .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 29 ก.ย. 50 08:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 83 [ขออภัยคุณจขกท. เช่นกันค่ะ] .. จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 29 ก.ย. 50 08:09:11 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ...ข้อปฏิบัติที่ให้สงฆ์ยินดี แก้ไขเมื่อ 29 ก.ย. 50 10:59:57 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 29 ก.ย. 50 10:50:08 ]

ความคิดเห็นที่ 85 อนุโมทนากับ ธรรมที่คุณ จิตนำมาแสดงด้วยนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 29 ก.ย. 50 10:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ค.ห. ๑๑ ....... ขอให้เทียบเคียง ตามนัยนี้ :-             ข้อปฏิบัติที่มิให้สงฆ์ยินดี http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=4&A=2816&w=ยังโกรธ_ไม่พอใจ_ไม่ชอบใจ ....... จากคุณ : ฐานาฐานะ  - [ 28 ก.ย. 50 05:17:55 ] *********************************************** ^ ^ เรียน คุณจักรแก้วทราบ ท่านฐานาฐานะกล่าวว่า"ขอให้เทียบเคียง ตามนัยนี้" ผมจึงเข้าไปตามLink ข้างต้นที่ท่านให้ไว้ใน ค.ห.ดังกล่าว แล้วใส่เกล้ายกมาให้อ่านกันสะดวกๆ ครับ ผมก็ได้ศึกษาไปด้วย ขอบพระคุณท่านฐานาฐานะ อีกครั้งขอรับ Chuck จากคุณ : JitZungkabuai - [ 29 ก.ย. 50 12:11:31 ]

ความคิดเห็นที่ 87 สาธุครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 29 ก.ย. 50 20:20:59 ]

ความคิดเห็นที่ 88 หลัง  จากอ่านกระทู้นี้ วิเคราะห์ พิเคระห์  แล้ว จขกท.   มีอคติ   คล้ายจะ discredit แต่....... สุดท้าย   ถลอกปอกเปิด จากคุณ : misery - [ 29 ก.ย. 50 23:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 89 คิดว่าไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ    ผมคิดว่า ท่านเจ้าของกระทู้อยากจะได้ไอเดีย จากท่านฐานะ และคิดว่า ความคิดอันนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อ ตัวท่านจขกทเองและต่อทุกคน จึงโพสต์ขึ้นมา แต่ก็กลัวว่า ท่านฐานะ จะไม่สบายใจในการตอบ  หรือคำตอบ จะไม่เป็นประโยชน์ต่อคนอื่น จึงออกตัวว่าให้ท่านฐานะ กรุณาตอบหลังไมค์ก็ได้ แต่ท่านฐานะ คิดว่าคำตอบนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนอื่น ท่านจึงตอบมาในนี้ ซึ่งก็ดีออก มีประโยชน์ต้องขอบคุณ ท่านผู้ถาม และผู้ตอบครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 07:22:26 ]

ความคิดเห็นที่ 90 หึหึหึ  คุณจักรแก้ว ถ้าคุณพูดว่าคุณว่าไปตามเนื้อผ้า  ผมก็ว่าไปตามเนื้อผ้าสิครับ พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้เองในเรื่องการพูดของพระองค์ ขนาดเรื่องจริง แต่ผิดกาละเทศะ  ท่านยังไม่พูดเลย รู้ไหมคุณมีกลิ่นแก๊งจานบินตรงไหน ตรงที่คุณพอเถียงไม่ขึ้น  หรือคนเขาคุยกันหรือถกกัน  คุณยกพระไตรฯ  มาเสียดสี มาสั่งสอน (โดยมีนัยด่าฝ่ายตรงข้ามจานบิน  โดยไม่สนใจจะยกมาเสียดสีแก๊งจานบินเอาบ้าง)  ผิดกาละเทศะ เหมือนโจรมันกำลังข่มขืนลูกสาวชาวบ้าน  พอเขาจับโจรได้  กระทืบโจร  คุณก็กระโดดออกมาสั่งสอนคนที่เขากำลังกระทืบโจรให้เมตตา  ให้ปล่อยโจรไป  อย่าตีกันเลย  เลิกแล้วต่อกันเหอะนะ ผิดกาละเทศะอย่างแรงนะครับ คุณเป็นหมอไม่ใช่เหรอครับคุณจักรแก้ว ไม่ใช่คุณพูดคุยกันไม่รู้เรื่อง ********** ส่วนคุณฐานาฯ  ที่ไม่แปดเปื้อนเพราะเขาเอาหลักฐานมาลง  และไม่แสดง คคห. ส่วนตัว   ไม่เหมือนคนพยายามจะเที่ยวชี้นิ้วสั่งสอน  โดยมีโจรหลบอยู่ข้างหลัง จากคุณ : redhores - [ 30 ก.ย. 50 10:02:46 ]

ความคิดเห็นที่ 91 เข้าใจว่าเจ้าของกระทู้ต้องการให้พวกโจมตีวัดธรรมกาย ให้เอาอย่างบุคคลตัวอย่างของศาสนาคือท่านฐานาฐานะมากกว่า คือต้องการให้หยุดโจมตี ทำตัวเป็นกลาง  แต่ว่าพวกที่โจมตีวัดธรรมกายเขาก็มีเหตุผลเหมือนกันนะ ก็ตามความเห็นที่ ๓๓ ไง จากคุณ : dcm - [ 30 ก.ย. 50 15:31:31 ]

ความคิดเห็นที่ 92 น้อมรับครับ มาอ่านอีกทีต้องแก้ให้คุณ ยกพระไตรปิฏกมาเสียดสี ใช้คำนี้ไม่ได้ครับ ต้องใช้คำว่า ยกพระไตรปิฏกมาสั่งสอนเท่านั้น ผมไม่เสียดสี ใคร ผมสอนตรงๆ   เสมอมา แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 50 23:18:30 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 19:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 93 เพราะพระพุทธพจน์ เป็นของสูง จะนำมาแสดงเพื่อการเสียดสีไม่ได้  ผมนำมาสอนริททีตอนนั้น ผมไม่ได้ชี้นิ้วไปสั่งสอนหาเรื่องเขา แต่เขาเข้ามาแก้ข้อความผมก่อน และโต้กับผมหลายครั้งในนั้น ผมจึงเห็นเป็นโอกาสดี จึงแสดงความคิดและแนะนำเขาตรงๆ เป็นครั้งแรก ซึ่งคุณตามไปอ่านได้เลยที่กระทู้นี้ เล่นกระทู้ศาสนาอย่าให้ร้อนใจ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5843535/Y5843535.html ความจริงกระทู้นี้ ผมจะช่วยเขาให้ชาวธรรมกาย รับฟังคำพระพุทธพจน์ได้ชัดเจนขึ้นด้วยการตัดความร้อนใจไปก่อน และรับฟัง ผมแนะนำอย่างนี้ คุณลองไปอ่านดูจะเข้าใจ อย่ายึดมั่น ถือมั่น อย่ายึดมั่นกับอดีต ลงเลือก แต่สิ่งที่ดี เมื่อเขาตำหนิ อย่าร้อนใจ อย่าตอบโต้ด้วยกิเลส เลือกแต่สิ่งที่ดี ถ้าเขานำธรรมะมา พิจารณาแต่ธรรมะ แต่เมื่อริทที โต้ไปมา ผมจึงสอนเขาตรงๆ หรือใช้คำที่ดีกว่าคือ  คุยกับเขาบ้างและแนะนำตรงๆ อย่างนี้ สำหรับคุณ ริทที ยังคงยืนยันตามเดิมนะครับ ในความหมาย ที่ว่า    ขยะไม่ต้องเลือกเก็บหรอก เป็นกิเลส เป็นความทุกข์ เพียงกำหนดรู้เช่นกัน เลือกเก็บดอกไม้ คือธรรมอันประเสริฐนั้นเถิด   อื่นๆ กล่าวไว้ดีแล้ว ขออนุโมทนา   ทั้งนี้เพราะ    ทุกข์กับมรรค เราทำกันคนละหน้าที่ เรากำหนดรู้ทุกข์ และเจริญมรรค คนละเรื่องกับธาตุสี่  ขยะกับดอกไม้ ในนี้เป็นคำเปรียบเปรยแทน ทุกข์ และธรรมที่ทำให้พ้นทุกข์คือมรรค  กรณีนี้มีได้หมายถึงวัตถุครับ จึงไม่ต้องแยกแยะด้วยธาตุสี่ ว่าเป็นอย่างเดียวกัน อันนี้ผมพิจารณาแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่อยากแสดงความเห็นบ้าง    สำหรับผม พระเจดีย์ คือพระเจดีย์ สร้างเพื่อบูชาพระพุทธองค์ ก็คู่ควรแก่การนับถือบูชาแล้วครับ ต้องแยกแยะ แม้พระปฐมเจดีย์ สร้างจากผู้ฆ่าบิดาของตนเอง ก็ยังคู่ควรกับการนับถือกราบไหว้ ลองพิจารณาดู    พระพุทธรูปองค์หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็น ใครสร้าง ถ้าเป็นพระพุทธรูป ก็ควรแก่การกราบไหว้บูชา คนละประเด็นกับใครสร้าง แต่เป็นสร้างเพื่อเป็นตัวแทนแห่งใคร    คุยกันในธรรม ชี้แจงให้เข้าใจเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ด่ากันเป็นวัวเป็นควาย ด่าว่าผู้อื่นโง่ เป็นเรื่องที่ไม่ดี อันนี้ก็ต้องแยกแยะ เช่นกัน    คนหนึ่งทางหนึ่งด่าคำหยาบ ทางหนึ่งแสดงธรรม ด่าคำหยาบที่หนึ่ง อ้างธรรมทีหนึ่ง ด่าอีกที อ้างธรรมอีกที ทำให้พระสัทธรรมอันทรงคุณค่า มาจากแหล่งที่แปดเปื้อน  ดูเป็นการไม่เคารพพระธรรม  ทำให้ได้รับความเชื่อถือน้อยลง อีกทั้งยากที่จะเข้าถึงใจคน อีกทั้งก่อเวร ก่อศัตรู  พระศาสดาไม่สรรเสริญการแสดงธรรมแบบนี้    ไม่ได้เป็นการทำตามที่พระองค์ทรงสอน ให้พูดด้วยเมตตา ด้วยประโยชน์ เป็นต้น    จะเห็นได้ว่ามีตัวอย่างกระทู้ที่คนอื่นเข้ามา แล้วทนดู การแสดงธรรมผสมคำหยาบในห้องศาสนานี้ไม่ได้ กรุณาพิจารณา  โปรดแสดงธรรมด้วยความเคารพ ด้วยคำสุภาพ งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในบั้นปลาย    ให้พิจารณา โอวาทปาฎิโมกข์ ทรงกำหนดการแนวการเผยแพร่พระศาสนาไว้ อย่างไร  นั้นคือหลักที่สำคัญยิ่งในการเผยแพร่พระศาสนา มีการประชุมพระสงฆ์มากมาย แสดงธรรมไม่กี่บรรทัดเท่านั้น แต่ ละ บรรทัดต้องสำคัญยิ่ง     การด่า การตำหนิ ผู้อื่นด้วยคำหยาบ เปรียบเปรยผู้อื่นเป็นสัตว์  ในเนื้อหาเป็นการยกตนข่มผู้อื่น  ไม่ใช่เรื่องของการพูดแรงพูดตรง แต่เป็นเรื่องของกิเลส ในใจเรา คือ โทสะ และโมหะ เราควรละ อย่าตามใจกิเลส   อย่าให้มารคือกิเลส มาแทรกใจ อย่าสับสนว่าเป็นเรื่องดี เป็นเรื่องภูมิใจ อย่าพอใจในบาป อย่าสะสมบาปนั้นบ่อยๆ จะเป็นเวรกรรมแก่ตนด้วยครับ     ต้องขอโทษที่ผมพูดแรงพูดตรง การพูดแรงพูดตรง  คือ อย่างที่ผมทำนี่  ไม่ได้เอาใจใคร ค่อยๆว่าไปตามที่ควรจะเป็น อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็ว่าไม่ดี อะไรควรติก็ติ อะไรควรสรรเสริญก็สรรเสริญ พระธรรมเป็นของสูง ควรแสดงด้วยความสุภาพและเคารพ ผู้ฟัง ยังถือศาตราวุธในมือไม่ได้ ผู้แสดงจะกล่าวคำหยาบไปด้วยได้อย่างไรกัน แทนที่จะใช้ธรรมดุจน้ำให้ความร่มเย็น กลับแทรกด้วยศาตราวุธในวาจาอันส่อเสียด แทงใจผู้อื่นให้เร่าร้อนคู่ไปด้วย ประโยชน์ก็จะน้อยลง     ผู้ฟัง แทนที่จะได้ธรรม ก็ได้แต่ความโกรธ โทสะ ความร้อนใจที่โดนตำหนิ โดนด่านั้นๆ  สำหรับผม   นี้ค่อนไปในทางที่คล้ายกับจะเป็น การลบหลู่ธรรม อย่างหนึ่ง โปรดระวัง ทำให้พระธรรมที่ล้ำค่า เป็น อสัปปุริสธรรม ดังที่ยกมาไว้ดังนี้ .....อสัตบุรุษนั้นจึงยกตน ข่มผู้อื่น เพราะความเป็นพระธรรมกถึกนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้ก็คือ อสัปปุริสธรรม ฯ            ส่วนสัตบุรุษแล ย่อมพิจารณาเห็นดังนี้ว่า ธรรมคือ ความโลภ ความ โกรธ ความหลง ย่อมไม่ถึงความหมดสิ้นไป เพราะความเป็นพระธรรมกถึก ถึงแม้ภิกษุไม่ใช่เป็นพระธรรมกถึก แต่เป็นผู้ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ปฏิบัติ ชอบ ประพฤติธรรมอันสมควร คนทั้งหลายก็ต้องบูชาสรรเสริญเธอในที่นั้นๆ สัตบุรุษนั้นทำการปฏิบัติแต่ภายในเท่านั้น ไม่ยกตน ไม่ข่มผู้อื่น เพราะความ เป็นพระธรรมกถึกนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย แม้นี้ก็คือ สัปปุริสธรรม ฯ            เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๔  บรรทัดที่ ๒๗๔๗ - ๒๘๙๘.  หน้าที่  ๑๑๖ - ๑๒๒. http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=14&A=2747&Z=2898&pagebreak=0 ส่วนเนื้อหาธรรม เรื่องสัทธรรมปฏิรูป ที่นำมาแสดง นี้ถูกต้องแล้ว ขออนุโมทนา และขออนุโมทนาในความตั้งใจที่ดี ครับ ขอให้เจริญในธรรม สำหรับทุกท่าน ขอความเจริญในธรรม ของพระผู้มีพระภาคเจ้า มีแด่ทุกท่านครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 23:23:52 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณจะเห็นได้ว่า ผมพูดขอโทษเขาด้วย ที่ขอพูดแรงและพูดตรง ดังนี้ ต้องขอโทษที่ผมพูดแรงพูดตรง การพูดแรงพูดตรง  คือ อย่างที่ผมทำนี่  ไม่ได้เอาใจใคร ค่อยๆว่าไปตามที่ควรจะเป็น อะไรดีก็ว่าดี อะไรไม่ดีก็ว่าไม่ดี อะไรควรติก็ติ อะไรควรสรรเสริญก็สรรเสริญ และผมแสดงความชื่นชม และอนุโมทนากับส่วนที่ดีของเขาในตอนท้ายอีกด้วย คุณพิจารณาดูเองเถิด จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 23:26:08 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ผมคิดว่า ผมได้ทำหน้าที่ ในสิ่งที่ถูกต้อง ฉันมิตร และเพื่อนกระทู้ในห้องศาสนาแล้ว ถ้าคุณคิดว่าผมมีอะไรที่ไม่ถูกต้อง กรุณาถามมา ผมจะชี้แจงให้      ไม่ว่าใครก็ตาม อย่าให้ผมเป็นต้นเหตุให้คุณส่อเสียด เพราะผมไม่เดือดร้อน เนื่องจากผมเห็นว่าตนอยู่ในความถูกต้อง ผมยิ้มรับ เสมอ และสงสารคนส่อเสียดนั่นแหละ  อยู่ ๆ ไปหาบาปกรรมทำไม     การส่อเสียดของใคร เป็นเรื่องไร้สาระสำหรับผม ผมหาสนใจไม่ แต่จะเป็นกรรมของคุณเอง      แต่ถ้าคุณชี้จุดผิด หรือจุดบกพร่องของผมได้อย่างแท้จริง ไม่ว่าในกระทุ้ใด ผมจะสนใจอย่างมาก และจะขอบคุณ และน้อมแก้ไขเสมอ    ผมไม่เคยเดือดร้อนใจ เพราะ อยู่ในความถูกต้อง อย่างที่ท่านพุทธทาสให้โอวาทไว้ กระทู้ที่ใครว่าผมสติแตก ส่อเสียดผม ผมก็ไม่แตก กลับมาอ่านทุกตัวอักษรเลยครับ  ผมคุมไว้ได้หมด และผมต้องการลดเวรกรรม การส่อเสียด แต่เมื่อเห็นว่าจะแย่กว่าเดิม ผมก็หยุด  ก็เท่านั้น แต่บางครั้ง ผมก็ไม่อยากจะอธิบาย แต่เห็นคุณแสดงความเห็นมาอย่างดี จึงอธิบายให้ทราบนะครับ ส่วนสั้น ๆ ทำไม ผมมีสองมาตรฐาน ง่ายๆ เพราะเขาเคยเป็นครูผม ผมไม่ทำร้ายครูผมครับ ได้แต่เมตตา ท่าน ทำได้ก็จะชี้ทางถูกผิดให้ กระทู้ไหน ส่อเสียดครูผม ทำร้ายครูผม ผมได้แต่วางอุเบกขา แต่จะไม่มีวันซ้ำเติมครับ จะไม่เข้าไปยุ่ง มีเท่านั้น แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 50 07:16:45 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 23:36:31 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณเห็นผม พูดมากอย่างนี้ นั่นเป็นเพราะผมวางแผนจะร่ำลาแล้ว ยังคิดอยู่ไม่แน่นักแต่วางแผนไว้อย่างนั้นแล้ว ดังนั้น จะต่อว่า จะคุย จะถาม จะอะไร ก็มีเวลาช่วงนี้ครับ อีกไม่นาน จะไม่มีจักรแก้วอีกแล้ว ขอเตรียมร่ำลาในกระทู้นี้ เพราะถือเป็นกระทู้ที่เป็นมงคล ของอาจารย์ผม ขอถือโอกาสนี้นะครับ แก้ไขเมื่อ 30 ก.ย. 50 23:44:33 จากคุณ : จักรแก้ว - [ 30 ก.ย. 50 23:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 97 "ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" "ส่วนสั้น ๆ ทำไม ผมมีสองมาตรฐาน ง่ายๆ เพราะเขาเคยเป็นครูผม" ? ? ? ? ? ? ? v v v v    ต้องแยกให้ออกระหว่างเจตนาที่เป็นบุญหรือไม่เป็นบุญ   กับการกระทำด้วยจิตที่มีกิเลสที่เป็นกุศลหรืออกุศล    การที่จะรักษาสิ่งที่ดีไว้ จึงควรรักษาสิ่งที่เป็นหลักเอาไว้   คือเจตนาที่ดีที่ตรงตามธรรมวินัยเป็นหลัก   ส่วนเรื่องการกระทำด้วยจิตที่เป็นกุศลหรืออกุศลนั้นเป็นเรื่องรองลงไป      ดังนั้น เจตนาดีที่ตรงตามธรรมวินัย และกระทำด้วยจิตที่เป็นกุศล ก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐ       ถ้า เจตนาดีที่ตรงตามธรรมวินัย แต่กระทำด้วยจิตที่ยังมีกิเลสเป็นอกุศลบ้าง ก็เป็นเรื่องทีหาได้ผิดไปจากธรรมวินัย ยังเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่       ถ้าเจตนาไม่ตรงตามธรรมวินัยบิดเบือนพระธรรมวินัย และกระทำด้วยจิตที่เป็นฉันทาคติแต่เข้าใจว่าเป็นกุศล การกระทำนั้นหาใช่สิ่งประเสริฐ และวิบากกรรมก็หาดีหรอกครับนะครับ จากคุณ : P_vicha  - [ 27 ก.ย. 50 11:32:14 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5858202/Y5858202.html จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:03:36 ]

ความคิดเห็นที่ 98 "ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" "ส่วนสั้น ๆ ทำไม ผมมีสองมาตรฐาน ง่ายๆ เพราะเขาเคยเป็นครูผม" ? ? ? ? ? ? ? v v v v และเสนอธรรม มาบอกให้ทราบว่า บางครั้งทำไปโดยไม่รู้ ไม่ตรงตามธรรม เพราะยังมีร่องรอยของ อคติ 4 อยู่ เพราะผู้ยังมีกิเลสอยู่ย่อมไหลไปได้ทุกคน เมื่อเผลอยังไม่ชื่อตรงตามธรรม   ดังนั้นจึงต้องพิจารณาอย่างแยบคายตามธรรม ก่อนที่จะทำอะไรลงไป ครับ   อคติมี ๔ คือ ฉันทาคติ ๑ โทสาคติ ๑ โมหาคติ ๑  ภยาคติ ๑. จากคุณ : P_vicha  - [ 27 ก.ย. 50 10:40:10 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5858202/Y5858202.html จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:05:33 ]

ความคิดเห็นที่ 99 "ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" "ส่วนสั้น ๆ ทำไม ผมมีสองมาตรฐาน ง่ายๆ เพราะเขาเคยเป็นครูผม" ? ? ? ? ? ? ? v v v v เข้ามาทักทายคุณจักรแก้ว... โดนเยอะเลย ... แต่ตีแผ่ให้เห้นกันจะๆ  ผู้ถูกตีแผ่ย่อมรู้สึกเศร้าหมองบ้างเป็นธรรมดา   อุปมา-อุปมัยให้คุณจักรแก้วให้ทราบว่า  ผ้าเนื้อดี แต่เมื่อยังสกปรกและมีกลิ่นเหม็นอยู่  ไม่ควรเอามาสวมใส่ หรือหุ่ม หรือแสดงหรือโชว์  เพราะจะเป็นโทษกับตนเองเท่านั้น เช่นสกปรกไปด้วย หรือได้/ติดกลิ่นเหม็นนั้นไปด้วย   ผ้าเนื้อดี เปรียบเหมือน อุบาสก-อุบาสิกา ที่มีนิสัยดีพี้นแพดี  แต่เมื่อยังยึดถือมิฉาทิฏฐิ ถือเอาภาวะตัณหาอันไม่รู้จบสิ้น (บ้าบุญ หลงบารมี) เปรียบเสมือนผ้าที่สกปรก  และยังหลงยึดมั่นติดมั่นอยู่ใน อัตตานี้แหละเป็นผู้เสวยสุขที่เที่ยงแท้ ทั้งที่เป็นความไม่เทียง ไม่ใช่ตัวตนถาวร เปรียบเสมือนกลิ่นเหม็นที่ติดอยู่ในเนื้อผ้า      เมื่อคุณจักรแก้วเอาผ้านั้นมาสวมใส่ มาหุ่มย่อมมีโทษจากความสกปรกและกลิ่นเหม็นนั้น    เพราะพระสัจจะธรรมและพระไตรปิฏกที่รักษากันอย่างดี และศึกษาอย่างดียังมีอยู่ถูกต้องอยู่...  มุมมองยังไม่ชัดเจนเพราะ ฉันคาติ  ที่ฝังอยู่ยังมีรองรอยอยู่ ขนาดคุณจักรแก้วยังเป็นอย่างนี้  แล้วผู้ที่ไม่ได้ศึกษาและปฏิบัติอย่างถูกต้องแท้จริง และไม่สนใจธรรมจากพุทธพจน์มากกว่าคำสอนของอาจารย์ตน ย่อมมี ฉันคติ ยึดติดหลงรักใคร่หลงเชื่อยึดถือถอนได้ยาก จากคุณ : P_vicha  - [ 13 ก.ย. 50 15:41:02 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5809816/Y5809816.html จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 100 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗ จุลวรรค ภาค ๒ ผู้ถูกโจทก์พึงตั้งอยู่ในธรรม ๒ ประการ            [๕๑๑] พระอุบาลีทูลถามว่า ก็ภิกษุผู้ถูกโจทก์ พึงตั้งอยู่ในธรรมเท่าไร พระพุทธเจ้าข้า            พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรอุบาลี ภิกษุผู้ถูกโจทก์ พึงตั้งอยู่ในธรรม ๒ ประการ คือ ความจริง ๑ ความไม่ขุ่นเคือง ๑ ฯ ปาติโมกขฐปนขันธกะ ที่ ๙ จบ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=7&A=6053&Z=6060&pagebreak=0 จากคุณ : Sea Ghost Man  - [ 13 ก.ย. 50 18:12:19 ] จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 101 "ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" "ส่วนสั้น ๆ ทำไม ผมมีสองมาตรฐาน ง่ายๆ เพราะเขาเคยเป็นครูผม" ? ? ? ? ? ? ? v v v v มารับทราบ  แต่ไม่รับคำขอโทษนะครับ เพราะผมไม่ได้รู้สึกถูกล่วงเกินอะไรแม้แต่น้อย ขณะเดียวกัน ผมก็ไม่คิดกล่าวคำขอโทษคุณเช่นกัน เพราะผมก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับคุณแม้เพียงนิด ความเห็น ก็คือความเห็น ทุกคนย่อมมีสิทธิ์ที่จะคิดจะมอง และแสดงออกไปตามนั้น ที่น่ารังเกียจคือการแสดงออกไม่ตรงตามที่คิดที่รู้สึกจริงซะมากกว่า เพราะเป็นการไม่ซื่อสัตย์ต่อทั้งตนเองและผู้อื่น สวัสดี จากคุณ : Sea Ghost Man  - [ 27 ก.ย. 50 14:57:55 ]     http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5858202/Y5858202.html แก้ไขเมื่อ 01 ต.ค. 50 08:11:58 จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ส่วนความเห็นต่อมุมมองของคุณ.... ทุกสิ่งย่อมมีไม่น้อยกว่าสองด้านเสมอ  อย่างน้อยก็ด้านสว่างและมืด  ด้านดีและไม่ดี พระพุทธองค์ทรงสอนให้มองทุกอย่างตามจริง  โดยปราศจากอคติ หวังว่าคุณคงพิจารณาได้แยบคาย  จนพบความจริงในความจริงครับ พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต อคติสูตรที่ ๑ [๑๗] ดูกรภิกษุทั้งหลาย การถึงอคติ ๔ ประการนี้อคติ ๔ ประการเป็นไฉน บุคคลย่อมถึงฉันทาคติ ย่อมถึงโทสาคติ ย่อมถึงโมหาคติ ย่อมถึงภยาคติ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การถึงอคติ ๔ ประการนี้แล ฯ ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความหลง ความกลัว ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดุจพระจันทร์ข้างแรม ฉะนั้น ฯ จบสูตรที่ ๗ http://84000.org/tipitaka/read/?21/17/23 จากคุณ : Sea Ghost Man  - [ 28 ก.ย. 50 12:11:55 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5861965/Y5861965.html จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:16:01 ]

ความคิดเห็นที่ 103 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค [๑๗๖] อริยสาวกไม่กระทำบาปกรรมโดยฐานะ ๔ เป็นไฉน ปุถุชนถึงฉันทาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโทสาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงโมหาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ถึงภยาคติ ย่อมทำกรรมอันลามก ฯ            ดูกรคฤหบดีบุตร ส่วนอริยสาวกย่อมไม่ถึงฉันทาคติ ย่อมไม่ถึงโทสาคติ ย่อมไม่ถึงโมหาคติ ย่อมไม่ถึงภยาคติ ท่านย่อมไม่ทำกรรมอันลามกโดยฐานะ ๔ เหล่านี้ พระผู้มีพระภาคผู้สุคตศาสดา ครั้นตรัสไวยากรณภาษิตนี้แล้ว  จึงได้ตรัสคาถาประพันธ์ต่อไปอีกว่า [๑๗๗] ผู้ใดประพฤติล่วงธรรม เพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศของผู้นั้นย่อมเสื่อม ดังดวงจันทร์ในข้างแรม ผู้ใดไม่ประพฤติล่วงธรรมเพราะความรัก ความชัง ความกลัว ความหลง ยศย่อมเจริญแก่ผู้นั้น ดุจดวงจันทร์ในข้างขึ้น ฯ http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=11&A=3964&Z=3970&pagebreak=0 จากคุณ : Sea Ghost Man  - [ 28 ก.ย. 50 12:13:48 ] จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 104 ขอบคุณครับ แต่คุณจะบอกอะไรผมหรือ ผมใคร่ครวญเรื่องนี้นานแล้ว จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 ต.ค. 50 08:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 105 ขออนุญาตจขกท    และคุณSea Ghost Man   และคุณ P_vicha    มา ณ ที่นี้ด้วย ................................................. .............อนิจจา . จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:21:18 ]

ความคิดเห็นที่ 106 #104    ยังไม่รู้เรื่องอีก     น่าสงสารมากครับ ...จากใจ . จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:23:30 ]

ความคิดเห็นที่ 107 ถ้าคุณคิดว่า ผมประพฤติล่วงธรรม ตรงไหนหรือครับ ถ้าคุณคิดว่า ผมแสดงออกไม่ตรงตามรู้สึก ตรงไหนหรือครับ ผมไม่เคยปฏิเสธว่าไม่มี ฉันทาคติ คนที่เคยเป็นครูผม ไม่ใช่คุณปราชญ์ เขาเป็นมิตร ผมไม่ได้คิดปกป้องคุณปราชญ์เลย เพราะผมไม่เคยคิดว่าเขาผิด" นาทีนี้ นาทีนี้ ผมก็ไม่เคยคิดว่าเขาผิดเลยครับ ผมยังไม่ได้ฟังเขาอธิบายเรื่องลอกอิน สี่อัน แต่ผมเคยฟังเขาอธิบายเรื่องสมถะ กับปราชญ์ขยะ ผมรู้แต่แรก ไม่คิดว่าเขาผิด ผมจะฟังเขาก่อน ส่วน  คนที่เคยเป็นครูผม คือ พระที่อยู่ในวัดครับ หลายท่านด้วยกัน มีเท่านี้เท่านั้นครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 ต.ค. 50 08:26:05 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ผมเริ่มเกรงใจท่านฐานะ เพราะมันยาว ถ้าคุณ taken สงสัย ไปตั้งกระทู้ถามใหม่ก็ได้ ผมยินดีไปพูดคุยครับ แต่ผมไม่สงสัยในตัวเอง ผมไม่ตั้งนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 ต.ค. 50 08:27:09 ]

ความคิดเห็นที่ 109 "นาทีนี้ นาทีนี้ ผมก็ไม่เคยคิดว่าเขาผิดเลยครับ ผมยังไม่ได้ฟังเขาอธิบายเรื่องลอกอิน สี่อัน แต่ผมเคยฟังเขาอธิบายเรื่องสมถะ กับปราชญ์ขยะ ผมรู้แต่แรก ไม่คิดว่าเขาผิด ผมจะฟังเขาก่อน" ............................................................................... หมดคำถาม  หมดทุกคำ  เพราะสิ่งที่ทำมันฟ้องเรื่องราว  และมันก็คือคำตอบ  (เพลงของโจ) . จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:30:45 ]

ความคิดเห็นที่ 110 คุณจักรแก้ว ยิ่งมาเห็นกระทู้นี้  ผมคงยิ่งไม่มีอะไรที่ต้องสงสัยอีกแล้วครับ กระจ่างแจ่มแจ้งแล้ว  และสบายใจได้  ผมไม่ถือสาอะไรคุณแน่นอน ขอบคุณครับ จากคุณ : Sea Ghost Man  - [ 28 ก.ย. 50 19:53:11 ] *************************************** ขอผมไปด้วยคนครับท่าน . จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 08:32:40 ]

ความคิดเห็นที่ 111 ขอบคุณครับ ต่างคนต่างใจ ต่างประสบการณ์ จะคิดเหมือนกันย่อมไม่ได้ ขอให้อยู่ในธรรม วันหนึ่งคงเจอกันครับ ดีครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 ต.ค. 50 09:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 112 บรรทัดฐานมีอยู่  พระธรรมมีอยู่  ให้เทียบเคียง   จะคิดเข้าข้างตัวเองย่อมไม่ได้   วันหนึ่งคงจะรู้ตัว  หวังว่านะ... จากคุณ : taken01 - [ 1 ต.ค. 50 10:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 113 หึหึหึ   คุณจักรแก้ว  ผมก็ไม่ได้อะไรนักหนา   แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า "สองฝ่ายประจัญหน้า"  แต่คุณกลับเลือกเอาเนื้อหามา "สั่งสอน"  คนอื่นราวกับว่าคุณเป็นครูบาอาจารย์เขา และเนื้อหานั้นก็มุ่งไปใส่ฝ่ายตรงข้ามกับลัทธิธรรมกาย  โดยนัยนั้น ถ้าคุณจะเลือกเทศนาสั่งสอนมหาชน ล่ะก็ คุณควรจะขึ้นธรรมาสน์  ณ สถานการณ์อื่น ผมได้ติงคุณจักรหลายหนแล้ว  แต่ดูเหมือนจะไม่ยอมรับใด ๆ ทั้งสิ้น ยามพรรคพวกเก่าของคุณแสดงสัทธรรมปฏิรูป ตอนนั้นคุณจักร ไม่ทราบ invisble head ไปไหนกันล่ะครับ ขออภัยที่ไม่สุภาพ  แต่รำคาญน่ะครับ  ถ้าคุณไม่ตำหนิพรรคพวกเก่า ก็อย่ามาขึ้นธรรมมาสน์แสดงความเก๋า วาดลวดลายสำแดงธรรมของคุณ  ให้คนอื่นเลยดีกว่าครับ มันไม่เหมาะ จากคุณ : redhores - [ 1 ต.ค. 50 11:44:40 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ฉันใด ฉันนั้นนะครับ ผมก็รำคาญในการชี้แจง ขอให้โชคดีนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 1 ต.ค. 50 18:22:31 ]