เห็นนิมิตนอกตัวกับนิมิตในตัว แตกต่างกันอย่างไร
(นิตยสารธรรมกาย เล่มที่ ๔๐)
ถาม : เห็นนิมิตนอกตัวกับเห็นนิมิตในตัว แตกต่างกันอย่างไร?
ตอบ : เห็นนิมิตนอกตัวกับเห็นนิมิตในตัว แตกต่างกันมากสำหรับผลการปฏิบัติ ยกตัวอย่างให้ฟัง หลวงปู่มั่นท่านนั่งเห็นนิมิตเท่าดวงจันทร์ดวงอาทิตย์ใสแจ่มในเบื้องต้น ท่านเห็นอยู่ข้างนอก ทีนี้ท่านก็ตามนิมิตไปเรื่อย จะเห็นอดีตก็ได้ เห็นอนาคตก็ได้ บางทีก็แม่นบางทีก็ถูก บางทีก็ผิด ถูกค่อนข้างมากเหมือนกัน ไป ๆ ก็เห็นอดีตของตนเองก็ได้
หลวงพ่อบอกว่า เอ ! เห็นอย่างนี้อยู่ตั้ง ๓-๔ เดือน ไม่รู้จะทำอย่างไร มันเรื่องอะไรกันนี่ สรุปแล้วหลวงพ่อก็ทราบว่า นิมิตนอกตัวถูกหลอกได้โดยง่าย และมิได้เป็นไปเพื่อสติปัฏฐาน ๔ หลวงพ่อหรือหลวงปู่มั่นจึงเพ่งนิมิตเข้าไปในตัว ท่านเรียกว่า ดวงพุทโธ จะขอยกตัวอย่างให้ฟัง ท่านก็สอนศิษยานุศิษย์ ถ้าเห็นนิมิตนอกตัวให้พิจารณาว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่าไปตามนิมิตนั้น ตามไปก็ไม่มีที่สิ้นสุด ไม่มีการกำจัดกิเลสสักที แต่นิมิตในตัว (ได้เห็นในประวัติของท่าน ซึ่งหลายท่านคงได้อ่านประวัติแล้ว) ท่านเรียกว่า ดวงพุทโธ มีชาวป่าชาวเขาที่ท่านได้เคยไปพักห่างจากหมู่บ้านพอประมาณ ท่านเดินจงกรม ดูดวงใส ชาวป่าชาวเขาสังเกต เอ ! ท่านดูอะไรหนอ เลยมาถามท่าน ตุ๊เจ้า ดูอันหยัง เดินหาอันหยัง ท่านบอกว่า เดินหาดวงพุทโธ ชาวเขาถามท่านว่า ตัวเขาอยากจะช่วยตุ๊เจ้าหาบ้างได้ไหม? ท่านบอกว่า ได้ซิ หาเถิด ดวงพุทโธนี้พระพุทธเจ้าประทานมาให้แต่บางทีมันก็หาย ต้องเดินหา
อุบายของท่านลึก แต่ว่าหาได้นะ หาได้ก็เป็นของตัวเอง คนป่าคนเขาก็หา ลองทำดูว่าทำอย่างไร ท่านก็ว่าพุทโธ สอนไป พวกเจ้าเหล่านั้นไปเดินก็หาพบจริง ๆ บางคนพบแล้วถึงธรรมกาย ในประวัติหลวงพ่อบอกว่าเจ้านี่ถึงธรรมกาย ท่านเล่าอยู่ในประวัติของท่าน
ที่กล่าวมานี่เป็นเรื่องย่อ แม้ที่ปฏิบัติพุทโธ เขาก็เอานิมิตเข้าในพิจารณาภายใน ไม่ได้เอาไว้ข้างนอก เหตุเพราะอะไร? เพราะข้างนอกเป็นนิมิตหลอก เป็นกสิณ เป็นปฏิภาคนิมิต ติดปฏิภาคนิมิตบางครั้งก็จริงบ้าง เพี้ยนบ้าง เพราะเห็น จำ คิด รู้ ไม่ได้ซ้อนกัน ฝรั่งเขาเรียกโฟกัสซ้อนกัน เหมือนเราปรับกล้องถ่ายรูป เหมือนแว่นแก้วหรือแว่นสายตา จะปรับโฟกัสหรือจุดรวมแสง คล้ายกันอย่างนั้นไม่ได้มีหยุด ณ ภายใน ไม่ได้หยุด ณ ที่ตั้งกำเนิดธาตุธรรมเดิม อันเป็นที่ตั้งธาตุละเอียดของขันธ์ ๕,อายตนะ ๑๒, ธาตุ ๑๘, ซึ่งเขาตั้งอยู่กลางกันและกันตามลำดับ ตรงกำเนิดธาตุธรรมเดิม แตกต่างกันอย่างนี้ จึงไม่มีสภาวะจะไปพิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรม กิเลสก็ไม่หมด และการเห็นนิมิตภายนอกกาย ด้วยความเห็น (ด้วยใจ) ความจำ ความคิด ความรู้ บางครั้งก็เที่ยง บางครั้งก็เล่ห์ คือไม่ตรงตามที่เป็นจริง เพราะถูกภาคมารเข้าสอดละเอียด ให้เห็นนิมิตหลอกได้ง่าย
เพราะฉะนั้นให้ไปถามบูรพาจารย์ของเราที่ดี ๆ ประเสริฐ ๆ ท่านต่างเพ่งไปข้างในหมดทั้งนั้น จึงจะถึงนิพพาน เพราะที่นั่นจะสามารถพิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรมทั้ง ณ ภายในแบบเบื้องต้น คือเอาปัจจัยในตัวเรา กายมนุษย์นี้แหละเป็นปัจจัยในการน้อมนำกาย เวทนา จิต ธรรม ของคนอื่นมาเป็นอารมณ์เป็นเครื่องพิจารณา ณ ภายนอก
จากคุณ :
สมถะ
- [
วันรัฐธรรมนูญ 21:28:20
]