ความคิดเห็นที่ 1 เกือบลืมของฝากครับ คนส่วนใหญ่อยากให้กระทู้ของธรรมกายหายไปจากพันทิปหรือไม่? http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/11/Y5975855/Y5975855.html จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 12 ม.ค. 51 23:53:52 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ผลการตรวจสอบ ที่ออกมาคือโปร่งใส   วัดพ้นข้อกล่าวหาทุกอย่างมานมนานแล้ว ดังนั้นเรื่องที่นำเสนอเพื่อว่าร้ายวัด จึงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด แล้วยังเอาเรื่องโกหกมาโพสอยู่ได้ จากคุณ : ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพู - [ 13 ม.ค. 51 00:11:54 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ^ ^ ^ จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 13 ม.ค. 51 09:00:43 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ที่คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล บอกว่า "โปร่งใส" ก็แสดงว่า คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล ได้พบ ได้เห็นข้อมูลแล้ว ถ้าหากคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล มีข้อมูล ก็รบกวนแสดงให้ชัดด้วยครับ และไอ้ที่พ้นข้อกล่าวหาน่ะ! พ้นเนื่องจากอะไร? เพราะอิทธิพลจากสาวกตัวใหญ่ๆหรือเปล่า? กรุณาชี้แนะด้วยครับ คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 13 ม.ค. 51 09:11:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 "ดังนั้นเรื่องที่นำเสนอเพื่อว่าร้ายวัด จึงเป็นเรื่องโกหกทั้งหมด" มันไม่ใช่เรื่องโกหก หรอกครับ คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล ถ้าผู้ที่นำเสนอไม่มีข้อมูล เขาคงไม่กล้าที่จะนำเสนอหรอกครับ ผมว่า ที่โกหกน่ะ เป็นคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล สาวกอลัชชี และสำนักฯ ที่กำลังหาทางโกหกตัวเองมากกว่าครับ ขนาดบิดเบือนพระไตรปิฏกยังทำได้ แล้วประสาอะไรกับเรื่องของเงินๆทองๆหล่ะครับ!! "แล้วยังเอาเรื่องโกหกมาโพสอยู่ได้ " ผมขอแจ้งคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาลให้ทราบนะครับว่า มันคือข้อมูลจริงที่กลั่นกรองแล้ว และเรียบเรียงลง หนังสือพิมพ์ ต่างหาก ผม เพียงแค่นำมาให้สาวกอลัชชีเช่นคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล ได้หวนคำนึงถึงและเพื่อให้ผู้ที่สนใจ ได้ศึกษาหาข้อเท็จจริง คำว่า "โกหก" ที่คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล ใช้ซ้ำอีกครั้ง ดูเหมือนคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาลแสดงให้เห็นว่า คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล ไม่อยากที่จะยอมรับความจริงต่างหากครับ ถ้ากระทู้ที่ผมโพสต์มาตลอดเป็นเรื่องโกหก กรุณาคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล หาข้อมูลมาแย้งด้วยครับ และขอความกรุณาด้วยครับว่า ขอเป็นสื่อที่เป็นกลางนะครับ ไม่ใช่สื่อDMC สารจากสำนักฯ หรือใบปลิวจากทางสำนักฯ ขอเป็นสื่อสาธาณะชนทั่วไปครับ เช่น หนังสือพิมพ์ต่างๆ ที่ไม่ได้มาจากสำนักจานบินครับ และผมขอรับประกันด้วยเกียรติเลยครับว่า ผมไม่ได้ค้นหาข้อมูลมาจากสื่อที่ไม่เป็นกลางหรือปฏิปักษ์กับสำนักจานบิน! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 13 ม.ค. 51 09:48:51 ]

ความคิดเห็นที่ 6 หนังสือพิมพ์ก็ลงเรื่องโกหกกันออกบ่อย  ก็คนมันอยากขายข่าวอ่ะ  ดังนั้นข้อความจากหนังสือพิมพ์จึงไม่น่าเชื่อถือ จากคุณ : ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพู - [ 13 ม.ค. 51 19:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เท่าที่ทราบ จำนวนพระภิกษุ และสามเณรในวัดพระธรรมกายมีประมาณ 1 พันรูป อุบาสก ประมาณ 250 อุบาสิกาประมาณ 600 บัณฑิตแก้วจำนวนหนึ่ง (ไม่ทราบแน่ชัด ประมาณคร่าวๆ ไม่น่าจะต่ำกว่า 100 - 200 คน) พนักงานอีกจำนวนหนึ่ง (ไม่ทราบแน่ชัด แต่ไม่น่าจะตำกว่า 500 คน ฉะนั้น กะจำนวนคร่าวๆ วัดมีสมาชิกที่ต้องดูแลเรื่องอาหารการกินประมาณ 2 พัน 5 ร้อย ชีวิต ถ้าประมาณว่า อาหาร 2 มื้อ มื้ิอละ 10 บาท 2 มื้อก็ 20 บาท บวกกับน้ำปานะในตอนเย็นอีกคนละ 5 บาท รวมหนึ่งวัน วัดจะต้องเลี้ยงดูพระเณรและศิษย์วัดคนละ 25 บาท คูณ 2 พัน 5 ร้อยคน จะได้ว่า วันหนึ่งวัดมีค่าใช้จ่ายเลี้ยงอาหารพระเณรอุบาสกอุบาสิกาประมาณ 6 หมื่น 2 พัน 5 ร้อยบาท (ยังไม่รวมที่เลี้ยงสาธุชนที่มาทำบุญที่วัดในทุกวันอาทิตย์และวันงานบุญใหญ่) เดือนหนึ่งมี 30 วัน เอา 30 คูณก็จะได้ค่าใช้จ่ายประมาณ 1.8 ล้าน นี่คือค่าใช้จ่ายเรื่องอาหาร ซึ่งผมลองยกมาเป็นตัวอย่างให้ดู ถ้าท่านเจ้าของกระทู้ มีความสามารถในการค้นหาข้อมูลในส่วนที่เป็นข้อกล่าวหาที่สังคมมีต่อวัด และอยากทราบข้อมูลโต้แย้งของทางวัด ก็ลองใช้ความสามารถนั้น เข้าไปค้นหาข้อมูลในวัดดูบ้างก็ดีน่ะครับ เหมือนอย่างผมอ่านข่าววัดทีแรก ก็เกือบจะหลงเชื่อไปเหมือนกัน แต่พอดี ได้มีโอกาสไปสัมผัสวัดมา ก็เลยลองหาข้อมูลด้วยตัวเองบ้าง ก็ได้ข้อมูลมาพอสมควรที่ทำให้ตัวผมเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของวัดและคณะสงฆ์วัดนี้ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 13 ม.ค. 51 21:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แถมท้าย คห ที่ 7 เผื่อจะมีข้อสงสัยว่า เหตุใดต้องมีค่าอาหารของพระเณร ในเมื่อพระเณรสามารถบิณฑบาตยังชีพได้ คำตอบ คือ อาหาร 1 บาตร (เต็มบาตร) หากฉัน 2 มื้อ (เช้า + เพล) จะมีปริมาณเพียงพอสำหรับการขบฉันของพระเณรจำนวน 2 รูป หมายความว่า หากจะให้พระเณรวัดพระธรรมกายขบฉันอย่างเพียงพอ โดยอาศัยการบิณฑบาตเพียงอย่างเดียว ทางวัดจะต้องจัดให้พระเณรออกบิณฑบาตประมาณ 500 รูปต่อวัน และต้องบิณฑบาตเช่นนี้ทุกวัน ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ ชาวบ้านที่รอใ่ส่บาตรเดือดร้อนแน่นอน ดังนั้น ทางวัดจึงต้องตั้งโรงครัวขึ้น และตั้งกองทุนภัตตาหารขึ้นมาเพื่อให้เจ้าภาพได้ร่วมบุญค่าอาหารนี้ โดยยังคงจัดให้มีพระเณรบิณฑบาตอยู่ทุกวันเช่นกัน โดยให้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป โดยจัดพระเณรออกบิณฑบาตทั้งสิ้น 4 สาย (ตามข้อมูลล่าสุดที่ผมได้รับเมื่อประมาณปี 49) สายละ 9 รูป รวม วันละ 36 รูป ในช่วงวันจันทร์ - เสาร์ ส่วนวันอาทิตย์จะมีการออกบิณฑบาตตามหมู่บ้านจัดสรรที่อยู่บริเวณอำเภอคลองหลวง ที่เขานิมนต์มา ประมาณ 50 หมู่บ้าน หมู่บ้านละ 3 - 5 รูป ยกเว้นอาทิตย์ต้นเดือนจะมีการรับบิณฑบาตอาหารแห้งที่วัดด้วย ซึ่งอาหารที่บิณฑบาตมาได้ เท่่าที่สัมผัสมา พระที่บิณฑบาตมาได้ ก็จะเลือกสิ่งที่ตนต้องการจะขบฉัน และที่ต้องการจะนำไปแจกจ่ายแก่เพื่อนสหธรรมิกบ้าง แล้วที่เหลือจะนำมาเก็บไว้รวมกัน (ส่วนใหญ่ชาวบ้านแถวนั้นนิยมใส่อาหารแห้ง) จากนั้นก็จะไปฉันในวงฉัน ที่หอฉัน ซึ่งมีภัตตาหารที่ทางโรงครัวจัดเตรียมไว้แล้วด้วย เมื่อฉันเสร็จอาหารสดที่เหลือจะแบ่งให้สาธุชนที่มาทำบุญและพนักงานของวัดได้รับประทาน หากยังมีเหลืออีกจะส่งไปมอบให้นักโทษที่เรือนจำจังหวัด (เท่าที่ทราบ) และสุดท้ายถ้ายังเหลือจะเอาไปให้เป็นอาหารปลา ส่วนอาหารแห้ง ที่เก็บไว้รวมกัน จะกระจายไปให้ตามวัดสาขาของวัด และวัดอื่นๆ ที่ขาดแคลน เช่น ช่วงนี้ก็มีส่งมาให้ 266 วัด 4 จังหวัดชายแดนใต้ บางครั้งก็ส่งไปมอบช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แล้วแต่กรณีไป บางครั้งก็เก็บไว้แจกจ่ายให้สาธุชนที่มาวัดในงานบุญใหญ่ได้รับประทานในมื้อเย็น (กรณีนี้มักแจกเป็นอาหารจำพวกขนมปัง) บางครั้งก็แจกให้พนักงานหรืออาสาสมัครของวัดได้รับประทาน จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 13 ม.ค. 51 21:52:51 ]

ความคิดเห็นที่ 9 นั่นขนาดคุณละอ่อนฯ ประเมินแบบต่ำๆ นะ จิงๆ แล้ว ทั้งค่าอาหารและน้ำปานะราคาย่อมสูงกว่านั้นแน่ โดยเฉพาะน้ำปานะ 5 บาทไม่พอแน่ อย่างน้อยๆ ก็ต้อง 8 บาทล่ะ หรืออาจจะกว่านั้น (กรณีเบิ้ล) อ่อ.. อย่างเช่นเมื่อตอนธุดงค์ปีใหม่ที่เพิ่งผ่านไป  วัดแจกน้ำปานะเป็นแลคตาซอยคนละ 2 กล่อง  ก็ลองคิดดูซิว่า แลคตาซอย 2 กล่อง มันจะราคาประมาณเท่าไหร่ ไม่เจอคุณละอ่อนฯ ซะนาน สบายดีป่ะคับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 01:55:07 จากคุณ : ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพู - [ 14 ม.ค. 51 01:48:03 ]

ความคิดเห็นที่ 10 กระทู้ของคนที่ไม่สร้างสรรค์ ทางวัดเขาชี้แจงข้อแท้จริงไปหมดแล้ว คดีความก็เสร็จสิ้นทุกอย่าง จนพวกสื่อที่ จขกท อ้างถึงเขารีบออกมาขอโทษทางวัดกันหมดทุกตัวแล้วจ้า คริ คริ  เจ้าของกระทู้ไปอยู่ในหลุมไหนมาเหรอ ตามไม่ทันโลกเลยนะ โถๆๆ นึกว่าข้อมูลอะไรใหม่ กิ๊กก๊อกมากๆ เขียนมากี่ตอนๆ  ก็มาจากไปก๊อบตรงนี้ ตรงนั้นที  ไปเทียวจำขี้ปากเขามาพูด คริ คริ คิดอะไรเองเป็นบ้าง จากคุณ : boykrab - [ 14 ม.ค. 51 04:15:06 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อย่างที่คุณละอ่อนว่า... แล้วจะมีวัดใหญ่ พระเยอะๆ ไปทำไมละครับ ถ้าผมเป็นคณะกรรมการบริหารวัด ก็คงต้องกระจาย เพื่อญาติโยมจะได้สัมผัสเนื้อนาบุญ การตักบาตร กับการถวายเงิน มันไม่เหมือนกัน จากคุณ : sirnitfi - [ 14 ม.ค. 51 10:25:53 ]

ความคิดเห็นที่ 12 สวัสดีครับ คุณ ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพ ช่วงนี้ก็พอจักรทั้ง 4 ทวารทั้ง 9 ยังพอทนอยู่ได้อ่ะครับ อิอิ แต่ไม่ค่อยได้แวะเข้ามา เพราะติดภาระหลายเรื่องครับ   ขอบคุณน่ะครับ ที่ยังจำผมได้ ส่วนคุณ sirnitfi ที่ถามมาใน คห 11 นั้น ผมคงเรียนได้เพียงว่า เท่าที่ผมทราบวัดพระธรรมกายสร้างวัดให้ใหญ่และมีพระเยอะๆ เพื่อ ประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตรงนี้ผมขอแยกอธิบายเป็น 2 ประเด็นน่ะครับ คือ 1. มีพระเยอะเพื่อประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ตรงนี้ขอเรียนว่า พระภิกษุของวัดพระธรรมกาย สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1.1 พระภิกษุที่มาจากสามเณรประจำ กลุ่มนี้จะเริ่มต้นชีวิตสมณะด้วยเพศสามเณร ส่วนใหญ่จะมาจากวัดสาขาภายในประเทศ (ผมจำตัวเลขไม่ได้ แต่น่าจะอยู่ประมาณที่ 20 กว่าสาขาทั่วประเทศ) วัดที่เป็นพันธมิตรกับวัดพระธรรมกาย และสามเณรที่บวชภาคฤดูร้อนแล้วซาบซึ้งใจขออยู่ต่อ เท่าที่ทราบ สามเณรทั้งหมดนี้ส่วนใหญ่ (ประมาณ 90 กว่าเปอร์เซนต์) จะมีปัญหาทางครอบครัว เช่น ยากจน พ่อแม่หย่าร้าง ถูกทอดทิ้ง หากยังอยู่ทางโลก ก็จะไม่ได้รับการศึกษาเท่าที่ควร เผลอๆ อาจจะถูกชักจูงไปกับปัญหายาเสพติด ได้ ก็จะได้พระภิกษุตามวัดสาขา และวัดที่เป็นพันธมิตรกับวัดพระธรรมกาย ชักชวนให้มาบวชเรียน เมื่อบวชแล้วก็ส่งมาอบรมต่อที่วัดพระธรรมกาย ซึ่งหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านก็มีเมตตาให้เรียนหนังสืออย่างเต็มที่ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ   ก. สามเณรที่ตั้งใจศึกษาทางธรรมจะจำพรรษาที่วัดพระธรรมกาย โดยจะมีกิจวัตรกิจกรรมแต่ละวันคร่าวๆ คือ ตื่นประมาณตี 4 ครึ่งหรือตี 5 แล้วนั่งสมาธิ สวดมนต์ทำวัตรเช้า จากนั้นก็รับบุญดูแลเสนาสนะ จากนั้นก็ฉันเช้า ซ้อมสวดมนต์ (เจ็ดตำนาน เป็นต้น) แล้วก็เข้าเรียนเน้นที่ นักธรรมกับพระบาลี ฉันเพล แล้วก็เรียนต่อในช่วงบ่าย อาจมีกิจกรรมหล่อหลอมพัฒนาวัดในบางวันบ้าง เย็นก็สวดมนต์นั่งสมาธิ ฟังธรรมะจากพระอาจารย์ จำวัด เหล่านี้เป็นต้น อ้อ แต่นอกจากเรียนทางธรรมแล้ว หลวงพ่อยังจัดหาให้มีครูจากภายนอกมาถวายความรู้วิชาการทางโลกให้สามเณรด้วย โดยจะเน้นที่ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย และภาษาอังกฤษ ซึ่งหลวงพ่อจะให้ทุนเรียนอย่างเต็มที่ จนพระที่วัดได้ ปธ. 9 มา ตั้งแต่รูป 2 รูป จนถึงตอนนี้ ก็หลายสิบรูปแล้ว   ข. สามเณรที่สนใจเรียนสายสามัญ ก็จะอยู่ที่ โรงเรียนเตรียมพุทธศาสตร์ ธุดงคสถานเขาแก้วเสด็จ ซึ่งเป็นสาขาของวัดพระธรรมกาย โดยสามเณรที่นั้นจะมีกิจวัตรกิจกรรมคล้ายกับสามเณรที่วัดใหญ่ เพียงแต่เนื้อหาการเรียนจะเปลี่ยนจากนักธรรมและบาลี มาเป็นการเรียนตามหลักสูตรพระปริยัติธรรมแผนกสามัญ (ม.1 - ม.6 ) เป็นหลัก เมื่อจบการศึกษาชั้นสูงสุดของแต่ละแผนกแล้ว หากมีความสนใจจะเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา หลวงพ่อก็สนันสนุนทุนให้เรียน ได้เต็มที่ จนถึงระดับปริญญาเอกเลยทีเดียว ตอนนี้พระที่จบดอกเตอร์ด้วยทุนที่หลวงพ่อให้ก็มีอยู่หลายรูปแล้ว และที่กำลังเรียนปริญญาเอกก็อีกหลายรูป จากที่กล่าวมาทั้งหมด ขอสรุป เหตุผลที่ต้องมีพระเณรเยอะๆ ในชั้นต้นตรงนี้ก่อนว่า สำหรับพระที่มาจากสามเณรประจำนั้น ผมคิดว่า หลวงพ่อท่านสนับสนุนให้มีเยอะเพราะว่าอย่างน้อยที่สุดก็เป็นการช่วยแบ่งเบาภาระสังคม สำหรับ เด็กๆ ที่ครอบครัวมีปัญหา และเป็นการส่งเสริมให้เด็กๆ เหล่านี้ได้มีโอการเรียนรู้และพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มที่ตามศักยภาพที่ตนมี เป็นประการแรก จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 14:12:36 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ต่อจาก คห 12 2. พระภิกษุที่มาจากอุบาสกของวัด กลุ่มนี้จะเป็นผู้ที่เรียนจบปริญญาทางโลกมาแล้ว และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะบวชแล้วนำความรู้ของตนมาช่วยงานของวัด จะต้องฝึกตัวเป็นอุบาสกอยู่ระยะหนึ่ง จากนั้นจึงบวช ซึ่ง กลุ่มนี้มักจะตั้งปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต ซึี่่งกลุ่มนี้เมื่อบวชแล้วก็จะมาช่วยงานพระพุทธศาสนาในส่วนต่าง ๆ ที่ตนเองถนัด เช่น บางรูปเรียนทางด้านศิลปะมา ก็จะมาช่วยวาดรูปประกอบการเขียนหนังสือธรรมะ บางรูปเรียนคอมพิวเตอร์มาก็มาช่วยดูแลคอมพิวเตอร์ของวัด บางรูปเรียนจบบัญชีมา ก็มาช่วยดูแลบัญชี-การเงินของวัด บางรูปเรียนจบวิศวะมา ก็มาช่วยคุมงานก่อสร้างของวัด บางรูปเก่งภาษา ก็จะส่งไปเผยแผ่ธรรมะยังต่างประเทศ (ตอนนี้ เท่าที่ทราบก็มีศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกายอยู่ทั่วโลกประมาณ 1 ร้อยกว่า ศูนย์) ก็คิดเอาเองน่ะครับ ว่า ต้องใช้กำลังพระภิกษุกี่รูปในการขยายงานพระพุทธศาสนาในต่างประเทศ ดังนั้น สำหรับ กลุ่มที่ 2 นี้ ผมคิดว่า ทางวัดสนับสนุนให้มีเยอะๆ ก็เพื่อประโยชน์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั่นแหละครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 14:31:08 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ต่อจาก คห 13 3. พระภิกษุที่มาจากผู้เข้าร่วมบวชในโครงการระยะสั้น (เช่น ภาคฤดูร้อน) แล้ว ซาบซึ้ง จึงไม่ลาสิกขาขออยู่ช่วยงานวัดต่อไป ในแต่ละปีทางวัดจะมีโครงการบวชระยะสั้น เช่น ภาคฤดูร้อน บวชภาคพรรษา เหล่านี้เป็นต้น รวมทั้งสิ้น นับสิบโครงการ เมื่อจบโครงการไปก็จะมีบางรูป ประทับใจและอยากอยู่ต่อ ทางวัดก็จะให้อยู่ฝึกตัวต่อไปโดยใน 3 พรรษาแรก ทางวัดจะเน้นกิจวัตรกิจกรรมของพระกลุ่มนี้คล้ายกับสามเณร ต่างแต่เพียงว่า ช่วงสายและช่วงบ่าย สามเณรจะเรียนหนังสือ แต่พระกลุ่มนี้จะนั่งสมาธิและฟังธรรมจากพระอาจารย์ โดยในส่วนของการเรียนก็มีบ้าง โดยจะเน้นที่นักธรรมตรี โท และเอก การช่วยงานวัดยังไม่ได้มีบทบาทมาก เพียงแต่ช่วยเตรียมงาน จัดงาน และเก็บงานในวันบุญใหญ่บ้างเท่านั้น และในพรรษาที่ 2 และ 3 ก็จะได้รับบุญให้เป็นพระพี่เลี้ยงคอยให้คำแนะนำสำหรับผู้ที่บวชใหม่ในปีต่อๆ มา กับทั้งให้มีโอกาสไปทดลองปฏิบัติงานในหน่วยงานต่างๆ ภายในวัด เมื่อครบ 3 พรรษาแล้ว ก็จะจัดสรรให้ไปช่วยงานของวัดในส่วนงานต่างๆ ที่ตนถนัด คล้าย ๆ กับกลุ่มที่ 2 สำหรับกลุ่มนี้มีพระอาจารย์อยู่รูปหนึ่งที่ผมประทับใจมาก ท่านเป็นเพื่อนกับพ่อของผม ก่อนจะบวชท่านเป็นทั้งนักเลงสุรา และนักเลงพนัน เมื่อได้มาบวชแล้ว ท่านก็ซาบซึ้งและขออยู่ต่อ แต่เนื่องจากท่านเรียนจบมาไม่สูงนัก การจะช่วยประโยชน์ด้านอื่นๆ ดูจะช่วยได้น้อย จะมานั่งเรียนปริญญาตอนนี้ก็คงสู้เด็กๆ ไม่ได้ แต่่ท่านเคยเป็น ตำรวจตระเวนชายแดน เรื่องความอดทนทรหด ท่านมีเต็มที่ ท่านจึงรับบุญไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาอยู่บนยอดดอยที่จังหวัดเชียงใหม่ ถ้าผมจำไม่ผิด ชื่อวัดแม่ลา อยู่บนดอย ทุรกันดาร โดยท่านไปสอนธรรมะให้กับชาวเขาในละแวกนั้น โดยเฉพาะๆ เด็กๆ เรื่องที่สอนก็จะเน้นที่ ทาน ศีล ภาวนา หลีกเลี่ยงอบายมุข โดยเฉพาะเรื่องยาเสพติด ดังนั้น สำหรับกลุ่มนี้ ที่วัดต้องการสนับสนุนให้มีเยอะๆ ผมคิดว่าก็คงเพราะเหตุผลเดียวกับ กลุ่มที่ 2 นั่นเอง จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 14:43:17 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อจาก คห 14 ย้อนไปที่พระภิกษุกลุ่มแรก คือกลุ่มที่มาจากสามเณรประจำ เมื่อได้เรียนหนังสือเต็มที่และได้บวชแล้ว ก็ไม่ได้อยู่เฉยๆ น่ะครับ ท่านก็ได้รับบุญในการช่วยงานพระพุทธศาสนาเช่นกัน คือ สำหรับรูปที่พอจะพูดภาษาอังกฤษได้ หลวงพ่อก็จะส่งไปที่ศูนย์สาขาที่ต่างประเทศ กล่าวได้ว่า ตอนนี้ ปธ. 9 ของวัดพระธรรมกายส่วนใหญ่ ไปเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่ต่างประเทศแทบทั้งสิ้น นอกจากนั้นบางส่วนก็รับบุญในโรงเรียนพระปริยัติธรรม เป็นพระอาจารย์สอนนักธรรม และบาลีให้แก่พระเณรรุ่นต่อๆ ไปครับ ดังนั้น โดยสรุป ผมคงจะสรุปได้ว่า เหตุทีี่วัดต้องมีพระเยอะๆ เพราะเหตุต่อไปนี้ 1. ช่วยลดปัญหาสังคม กรณีเด็กถูกทอดทิ้ง 2. เป็นกำลังในการเผยแผ่ขยายงานพระพุทธศาสนาต่อไปทั้งในและต่างประเทศ 3. เป็นครูบาอาจารย์สอนวิชาการทางด้านพระพุทธศาสนาเพื่อผลิตบุคลากรในการเผยแผ่ขยายงานพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบต่อไป นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง ซึ่งหลวงพ่อท่านเคยปรารภเป็นทำนองว่า บ่อยครั้งที่เราอ่านในพระไตรปิฎกแล้วจะพบข้อความว่า ในการแสดงธรรมครั้งนั้น ๆ มีพระภิกษุอยู่ด้วย พันรูปบ้าง หมื่นรูปบ้าง แสนรูปบ้าง แสนโกฏิรูปบ้าง ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะจนน่าสงสัยว่า จะเป็นไปได้เหรอ ดังนั้น ส่วนหนึ่ง ผมจึงคิดว่า หลวงพ่อท่านสนับสนุนให้มีพระเณรเยอะๆ ก็เพื่อจะยืนยันสิ่งที่มีอยู่ในพระไตรปิฎกว่าเป็นไปได้จริงๆ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 15:01:43 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 14:58:52 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ต่อจาก คห 15 คราวนี้มาถึงประเด็นที่ว่า จะมีวัดใหญ่ๆ ไปทำไม สำหรับประเด็นนี้ ผมเข้าใจว่า วัดจำเป็นต้องมีวัดใหญ่ๆ เพราะต้องการให้สามารถรองรับกับจำนวนคนที่เข้าวัดได้ คงต้องเท้าความว่า เดิมทีวัดพระธรรมกายไม่มีศาลาฟังธรรม จะเทศน์ทีก็กางเต้นท์ หลวงพ่อก็นั่งบนลอมฟาง ชาวบ้านก็นั่งฟังไป ประมาณไม่กี่สิบคน ขนาดเต้นท์กับจำนวนคนที่มาก็อยู่ในระดับที่พอๆ กัน ต่อมาคนมากขึ้นก็เลยสร้างศาลาฟังธรรมใหม่ เป็นศาลาจาตุมหาราชิกา จุคนได้ 400 คน ก็ใช้มาได้สักระยะหนึ่งคนก็มามากขึ้นเรื่อยๆ เป็นหลักพัน ต้องกางเต้นท์รอบๆ ศาลาให้คนนั่งฟังธรรม ก็เลยต้องขยายมาเป็นสภาหลังคาจาก เนื้อที่ 9 ไร่ จุคนได้ หมื่นคน ก็ใช้งานได้ระยะหนึ่งประมาณ 10 ปี คนก็ล้นเป็น 5 หมื่น ต้องทำเต้นท์ยักษ์ล้อมรอบสภาจาก พอคนล้นวัดก็เลยต้องสร้างศาลาใหม่ เป็นสภาธรรมกายสากลหลังปัจจุบันนี้ จุคนได้ ประมาณ 3 แสนคน ซึ่งปรากฏว่า ในงานบุญใหญ่ของวัด สาธุชนที่มาก็มีจำนวนใกล้เคียงกับจำนวนนี้ พูดถึงตรงนี้ ผมมีข้อสังเกตนิดหนึ่งว่า ปกติ เราจะบอกว่าสิ่งก่อสร้างหลังใดมีขนาดใหญ่หรือเล็ก เรามีอะไรเป็นเกณฑ์ สำหรับผม ผมคิดว่า จำนวนคนใช้งานน่าจะเป็นเกณฑ์ที่ดีที่สุด สมัยที่วัดมีคนฟังธรรมแค่ 20 -30 คน แล้ววัดสร้างศาลาใหญ่ขนาดจุคน 3 แสน ถ้าอย่างนั้นผมว่ามันใหญ่ไป แต่ถ้ามีคนมาวัด 3 แสน แล้วจะสร้างศาลาใหญ่แค่ขนาดจุคน หมื่นคน แล้วอีก 2 แสนกว่านั้นเราจะเอาเขาไปไว้ที่ไหน ดังนั้น เมื่อว่าโดยเกณฑ์ของจำนวนคนที่ใช้งานแล้ว ในทัศนะของผมผมเห็นว่า ที่วัดพระธรรมกายสร้างนี้ ไม่น่าจะเรียกว่าใหญ่น่ะครับ ผมว่าเรียกว่ากำลังพอดีๆ มากกว่า แต่กรณีนี้ที่คุณถามว่าวัดจะใหญ่ไปทำไม ก็คงต้องอนุโลมตามคุณไปว่าวัดใหญ่ (แต่จริงๆ ผมว่ากำลังพอดีกับคนที่มาใช้งานน่ะ) เพราะ ต้องการให้รองรับกับจำนวนผู้มาใช้งานครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 15:14:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ต่อจากคห 16 เกือบลืมพูดถึงประเด็น ต่อข้อคิดเห็นที่ว่า "ถ้าผมเป็นคณะกรรมการบริหารวัด ก็คงต้องกระจาย เพื่อญาติโยมจะได้สัมผัสเนื้อนาบุญ การตักบาตร กับการถวายเงิน มันไม่เหมือนกัน" .......................................................................... สำหรับประเด็นนี้ผมก็คงเรียนได้เพียงว่า การกระจายให้ญาติโยมได้สัมผัสกับเนื้อนาบุญ กับการตักบาตร ก็ไม่ใช่เรื่องเดียวกันทั้งหมดน่ะครับ อ่ะๆ พูดแบบนี้หลายท่านอาจสงสัย ก็ขอขยายความแล้วกันครับ ดังที่ผมได้แสดงแล้วว่า ถ้าจะให้เลี้ยงพระเณรทั้งวัดได้โดยการบิณฑบาตเพียงอย่างเดียว ต้องใช้พระเณรออกบิณฑบาตไม่น้อยกว่า 500 รูป ทุกวัน ซึ่งถ้าหากเป็นเช่นนี้ ญาติโยมรอบๆ วัดจะต้องเดือดร้อนแน่นอน หรือสมมติว่า ญาติโยมรอบวัด มีความยินดีที่จะคอยตักบาตรพระเณรเหล่านี้ ก็เชื่อได้ว่า แต่ละบ้านคงตักได้อย่างมากก็คงสัก ไม่เกิน 50 องค์แรก ซึ่งถ้าเป็นเช่นนี้้ พระเณรที่ออกบิณฑบาต 50 รูปแรกก็จะได้ของมาล้นบาตรมากมาย แต่ 400 กว่ารูปที่ตามหลังอาจจะไม่ได้เลย ซึ่งเมื่อมาถึงวัด ก็ต้องนำอาหารเหล่านี้มารวมกัน แล้วค่อยแจกจ่ายกันให้ทั่วถึง ก็ลองคิดดูนะครับว่า แบ่งของให้พระเณร 500 รูป จะใช้เวลานานเท่าไหร่ ดังนั้น ถ้าใช้วิธีนี้กว่าพระเณรจะได้ฉันสงสัยจะถึงเวลาเพลพอดี ดังนั้น ทางวัดจึงใช้วิธีจัดตั้งโรงครัว แล้วรับบริจาค โดยโรงครัวจะทำตัวเหมือนคนรับใช้ของสาธุชน คือจัดเตรียมภัตตาหารให้พร้อมสรรพ ด้วยปัจจัยที่สาธุชนร่วมบุญมา แล้วก็จัดแบ่งใส่ถาดให้เรียบร้อย เพียงพอกับจำนวนพระเณรทั้งหมด ซึ่งวิธีการนี้ผมคิดว่าเป็นการกระจายให้ญาติโยมได้สัมผัสกับเนื้อนาบุญได้อย่างเหมาะสมยิ่ง เพราะทุกวงฉันจะมีภัตตาหารที่ทางวัดจัดเตรียมไว้พร้อมแล้ว รอแต่ให้เจ้าภาพที่ร่วมบุญมา ได้มาร่วมกันประเคนภัตตาหารเหล่านั้นด้วยมือของตนเอง ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้ว ถาดๆ หนึ่ง ก็จะมีเจ้าภาพมาประเคนร่วมกันถาดละ 5 - 6 คน ซึ่งก็ดูแล้วกำลังพอดีๆ เจ้าภาพทุกคนก็ได้มีโอกาสถวายภัตตาหารด้วยมือของตน เช่นเดียวกับการบิณฑบาต แต่วิธีนี้พระไม่ต้องมานั่งจัดแบ่งภัตตาหารกันใหม่เหมือนอย่างการไปบิณฑบาตมา เรียกได้ว่า สะดวกทั้งสาธุชน สะดวกทั้งพระภิกษุสามเณร ขณะเดียวกัน เจ้าภาพที่บ้านอยู่ไกลจากวัดหน่อย แม้ไม่มีโอกาสตักบาตร ก็ได้มีโอกาสถวายภัตตาหารด้วยมือของตนในมื้อเพลได้ แม้จะอยู่ไกลวัด แต่ขณะเดียวกัน วัดก็ไม่ทอดทิ้งสาธุชนที่อยู่รอบวัด ยังคงจัดพระเณรหมุนเวีัยนกันไปบิณฑบาตรอบวัดวันละ 30 กว่ารูป เรียกได้ว่า สะดวกด้วยกันในทุกๆ ฝ่าย น่ะครับ พูดถึงตรงนี้ก็ขอเรียนเชิญเลยน่ะครับ ทุกท่านสามารถมาทดลองถวายภัตตาหารแด่พระเณรนับพันรูป ด้วยมือของท่านเองได้ที่ หอฉันคุณยายอาจารย์ วัดพระธรรมกาย ทุกวันจันทร์ - เสาร์ (เช้า ประมาณ 6.45 น.  เพลประมาณ 10.30 น.) ส่วนวันอาทิตย์ เช้า ที่หอฉัน เวลาประมาณ 6.45 น. เพล ที่สภาธรรมกายสากล ข้างบ้านยาย ฝั่งช้างเอราวัณ หลังคณะสงฆ์ให้พรเสร็จ (ประมาณ 11.15 น.) เรียนเชิญมาลองสัมผัสด้วยตัวเองดูน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 15:36:45 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 15:31:58 ]

ความคิดเห็นที่ 18 อนุโมทนาบุญกับความเห็นดีๆครับ อิอิ ไม่ได้เข้ามาเยี่ยมซะนาน ยังเหมือนเดิมเลย สู้ๆกันนะครับ ป.ล. อย่าลืมร่วมบุญพระประธาน 101 วัด กันนะค้าบ ป.ล. 2 มาสอบ World-PeC ด้วยน๊า อิอิ จะมีครายจำผมได้ไม๊เนี่ย 5555+ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 14 ม.ค. 51 21:58:59 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : ละอ่อนการเมือง ที่บอกว่าสื่อขอโทษทางวัดแล้ว ก็น่าจะมีการเผยแพร่ข่าวสาร เช่นเดียวกับที่สื่อ ที่เสนอข่าวสารโจมตีทางวัด(เหมือนอย่างที่คุณเข้าใจ) ง่ายๆครับไม่ต้องแพล่มให้เปลืองแรงนิ้วกดแป้นKeyboardให้เมื่อย!! ถ้าสื่อขอโทษแล้ว! แล้วไหนหล่ะคำขอโทษที่ออกมาจากสื่อ!! ขอหลักฐานครับ!! ถ้ามี!! และชัดเจนจากแหล่งที่มาของสื่อที่โจมตีนั้น!! (ย้ำต้องไม่ใช่จากขี้นิ้วบนแป้นKeyboardของคุณ) ถ้าผมหาข้อมูลนี้ได้ คุณก็ต้องหาข้อมูลตามที่คุณอ้างว่า "สื่อขอโทษวัดแล้ว" ได้เช่นกัน เอามาแสดงครับ! เอามา! รัวนิ้วมากเดี๋ยวเหนื่อยครับCopyมาแบบผมนี่แหละ! ถ้าคุณหามาได้ ผมจะไม่เอาข้อมูลที่สื่อโจมตีทางวัดมาแสดงอีก!!!!!!!!!!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 14 ม.ค. 51 22:50:19 ]

ความคิดเห็นที่ 20 เรียนคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ผมตอบกระทู้นี้ ใน คห ที่ 7, 8 แล้วก็ 12  - 17 ทั้งหมด 8 คห ใน 8 คห นี้ไม่มี คห ใดเลยน่ะครับทีี่ผมเรียนให้คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ทราบว่า ทางสื่อได้ขอขมาวัดพระธรรมกายแล้ว เข้าใจว่า คุณ Buddha Cyber (gomtsn) คงจะนำเอา คห 10 ซึ่งเป็น คห ของคุณ boykrab มาทึกทักว่าเป็น คห ของผม ขอยืนยันว่านั่นไม่ใช่ คห ของผมน่ะครับ อย่าได้เข้าใจผิดไป แต่ไหนๆ คุณก็ขอข้อมูลมาแล้ว ผมก็จะช่วยจัดให้เท่าที่พอหาได้ตอนนี้ก็แล้วกันน่ะครับ ก็ลองนำไปพิจาณาดูนะครับ แก้ไขเมื่อ 14 ม.ค. 51 23:33:50 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:26:04 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ขออภัย ลืมรูป 1. จากหนังสือพิมพ์สยามรัฐครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:28:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 2. จากสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 23 3. จากคำขอขมาของรายการสาระขัน ผ่านทาง กรุงเทพธุรกิจครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ขออภัย คห 23 ลืมรูป เอาใหม่ครัีบ 3. จาก คำขอขมาของรายการสาระขัน ผ่านทางกรุงเทพธุรกิจครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:35:56 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อ้อ!! ต้องขออภัยที่เข้าใจผิดคิดว่าเป็นคุณละอ่อนการเมือง แต่ไม่เป็นไร ไหนๆแล้วคุณละอ่อนหากอยากเอามาแสดง ยินดีรับครับ ถ้างั้นผมขอเป็นคำขอขมาจาก หนังสือพิมพ์ "เดลินิวส์" แล้วกันครับ เพราะผมไปเอาของเขามาทั้งกระบิ อย่างไรเสีย!! ผมเป็นลูกผู้ชายพอ! ได้เห็นว่าแหล่งข่าที่ตนค้นหาอยู่นั้น ไม่เป็นธรรมอยู่ ผมก็จะไม่นำมาแสดงอีกตามสัญญา แต่คงห้ามผมไม่ได้ในหนทางอื่นครับ!! ชัดเจนนะครับ!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 14 ม.ค. 51 23:41:46 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เท่าที่ผ่านตาผมยังมีคำขอขมาของสื่อรายอื่นๆ อีก แต่เสียดายที่ผ่านมา 5 - 6 ปีแล้ว ช่วงนั้นก็ไม่ได้เฉลียวใจ สแกนเก็บเอาไว้บ้าง ผมก็เลยจัดหามาให้คุณ ได้เท่านี้แหละครับ สุดท้ายก็ขอบคุณน่ะครับ ที่เป็นห่วงไม่อยากให้ผมเมื่อยมือเพราะรัวนิ้วเคาะแป้นคีย์บอร์ด แต่สำหรับผม พิมพ์ไม่กี่บรรทัดแค่นี้สบายมากครับ เมื่่อก่อนผมทำงานรับจ้างพิมพ์งานด้วยคอมพ์ครับ ไม่มีปัญหา แต่ก็เสียใจและขอโทษด้วยน่ะครับ ที่ผมรัวนิ้วมากไปหน่อย จนทำให้คุณ Buddha Cyber (gomtsn)  ตาลาย จนเข้าใจผิดว่า คห ของคุณ boykrab เป็น คห ของผม ขอโทษจริงๆ น่ะครับ แต่หวังว่าคุณ Cyber (gomtsn) คงจะไม่ตาลายจนถึงขึ้น เลอะเลือน จนลืมคำพูดที่ว่า "ถ้าสื่อขอโทษแล้ว! แล้วไหนหล่ะคำขอโทษที่ออกมาจากสื่อ!! ขอหลักฐานครับ!! ถ้ามี!! และชัดเจนจากแหล่งที่มาของสื่อที่โจมตีนั้น!! (ย้ำต้องไม่ใช่จากขี้นิ้วบนแป้นKeyboardของคุณ) ถ้าผมหาข้อมูลนี้ได้ คุณก็ต้องหาข้อมูลตามที่คุณอ้างว่า "สื่อขอโทษวัดแล้ว" ได้เช่นกัน เอามาแสดงครับ! เอามา! รัวนิ้วมากเดี๋ยวเหนื่อยครับCopyมาแบบผมนี่แหละ! ถ้าคุณหามาได้ ผมจะไม่เอาข้อมูลที่สื่อโจมตีทางวัดมาแสดงอีก!!!!!!!!!!!" ตอนนี้ผมก็หามาให้ได้แล้วน่ะครับ แม้จะเพียงบางส่วนก็ตาม จริงไหมครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:42:23 ]

ความคิดเห็นที่ 27 5555555  อ่าน คห ที่ 25 ของคุณ Buddha Cyber (gomtsn) แล้วก็ได้แต่ขำครับ ขำคนเดียวในใจ ไม่รู้ใครจะขำกับผมด้วยหรือเปล่า ผมคงห้ามคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ไม่ให้ทำอะไรไม่ได้ และคงจะสั่งให้คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ทำอะไรไม่ได้ ถ้าจะหาคำขอขมาจากเดลินิวส์ ผมก็เรียนไว้แล้วว่า จากสื่อรายอื่นผมไม่ได้แสกนเก็บไว้ ดังนั้น กรณีนี้ คุณ Buddha Cyber (gomtsn) จะรับผิดชอบคำพูดของคุณในขอบเขตขนาดไหน ผมคงเข้าไปก้าวก่ายไม่ได้ แค่เพียง คุณ Buddha Cyber (gomtsn) เข้าใจถูกแล้วว่า ผมไม่ได้แสดงความเห็นว่า สื่อได้ขอขมาวัดแล้ว ผมก็พอใจแล้วครับ อย่างน้อย ก็พอใจว่าคราวนี้ คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ได้ให้เกียรติผมด้วยการตั้งใจและมีสติในการอ่าน คห ของผมมากขึ้น แค่นี้ ผมก็พอใจแล้วครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:47:55 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ชัดเจนครับ!! อย่างที่บอก ว่าผมค้นมาจากที่ไหน? ตาม คหที่25 ถ้าได้ก็เลิกแน่ครับ!! ตามสัญญาลูกผู้ชาย จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 14 ม.ค. 51 23:49:25 ]

ความคิดเห็นที่ 29 อือม์อีกนิดน่ะครับ ก่อนที่ผมจะไปดูวาระสุดท้ายของ ทีไอทีวี ที่คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ได้แสดงความเห็นไว้ใน คห ที่ 25 ตอนหนึ่งว่า "แต่ไม่เป็นไร ไหนๆแล้วคุณละอ่อนหากอยากเอามาแสดง ยินดีรับครับ" ขอเรียนว่า ผมไม่เคยอยากนำมาแสดงน่ะครับ และไม่เคยกล่าวว่าอยากเอามาแสดงด้วย ใน คห 20 ผมใช้คำว่า  "แต่ไหนๆ คุณก็ขอข้อมูลมาแล้ว ผมก็จะช่วยจัดให้เท่าที่พอหาได้ตอนนี้ก็แล้วกันน่ะครับ" นั่นคือ ผมคิดแต่เพียงว่า เห็นว่าคุณอยากได้ข้อมูลชุดนี้ ก็เลยคิดจะช่วยเท่าที่พอจะช่วยได้เท่านั้นแหละครับ มันเป็นนิสัยติดตัวผมอย่างหนึ่ง ถ้ารู้ว่าใครอยากได้อะไร แล้วถ้าเป็นเรื่องที่ผมพอจะช่วยได้ ผมก็ยินดีจะช่วยครับ ขอตัวไปดู ทีไอทีวีต่อน่ะครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 14 ม.ค. 51 23:56:37 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ถ้าผมหาข้อมูลนี้ได้ >>>"เดลินิวส์"ได้ทำการตรวจค้นบัญชีมูลนิธิธรรมกาย ในงบดุลปีล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2540 พบว่า มูลนิธิดังกล่าวไม่ได้มีเงินมากมายอย่าง ที่คาดคิด ทั้งนี้ มูลนิธิมีสินทรัพย์รวม 171.39 ล้านบาท แยกเป็น เงินสดฝากธนาคารเพียง 3.08 ล้านบาท และมีที่ดินของ วัดมูลค่า 144.31 ล้านบาท ยานพาหนะ 23.50 ล้านบาท และที่เหลือเป็นส่วนปรับปรุงที่ดิน และอาคารรวม 4.85 แสนบาท ตอนคุณอ่านก็น่าจะรู้นะครับ ว่าผมหมายถึงสื่อจากที่ไหน? คุณละอ่อนครับ รอจังหวะผมกดแป้นได้เหมาะดีจริงครับ!! สมแล้วที่คุณเป็นนักรับจ้างพิมพ์ ยอมแพ้คุณในเรื่องความเร็วของนิ้วครับ แต่ถ้าคุณเล่นชิ่งไปอย่างนี้ก็เท่ากับว่า คุณเป็นเพียงแค่คนที่หาจังหวะเท่านั้นเองหล่ะครับ ข้อมูลจากสื่อก็ไม่ตรงกันแล้วครับ ยังไงซะ! ก็ติดตามอ่านกันต่อไปให้แสลงใจเล่นครับ เหอ! เหอ! เหอ! แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 51 00:06:35 จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 00:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 31 555555  แล้วผมก็ต้องขำอีกรอบ คราวนี้ขำเพราะว่าคุณ Buddha Cyber (gomtsn)  กับผมใจตรงกันเรื่องใช้สีพื้น 2 ครั้งแล้ว ในเวลาไล่ๆ กัน สงสัยใจเราจะตรงกัน (หรือป่าวเนี่ย) คุณ Buddha Cyber (gomtsn)  จะดำเนินการอย่างไรต่อไป ก็เป็นสิทธิของคุณ Buddha Cyber (gomtsn) น่ะครับ ผมไม่เคยมีความคิดที่จะไปคาดคั้นให้ใครต้องทำอะไร หรือไม่ทำอะไร พระอาจารย์ของผมท่านมีแต่สอนให้ผมคาดคั้นที่จะไม่ทำอะไรตามกิเลสในใจตัว ซึ่งผมก็เป็นลูกศิษย์ที่ยังไม่ดีเท่าไหร่นัก เพราะบางครั้งก็ยังทำตามกิเลสในใจตัวอยู่บ้าง ก็ทำไงได้ล่ะครับ ยังไม่เอาชนะกิเลสในใจได้เด็ดขาดนี่ครับ อือม์ และแล้ว ทีไอทีวีก็ถึงวาระสุดท้ายจริงๆ ด้วย ขออาศัย คห นี้ แสดงความเสียใจแก่พนักงาน ทีไอทีวีด้วยน่ะครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 15 ม.ค. 51 00:06:04 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ถ้าเช่นนั้น ก็กรุณาคุณ ละอ่อนติดตามผมต่อไปก็แล้วกันครับ (ดีใจที่มีFanclub!!) เหอ! เหอ! เหอ! เชิญตามไปชมตอน11นะครับ (เตรียมรัวนิ้วด้วยหล่ะ!!!) จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 00:10:02 ]

ความคิดเห็นที่ 33 อดีตของธรรมกาย ตอน11 (จานบินแหวกดง!!!) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6232897/Y6232897.html จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 00:11:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 โอ๊ะ โอ ผมว่า คุณBuddha Cyber (gomtsn) จะเข้าใจอะไรผิดไปอีกแล้วล่ะครับ ขอเท้าความใหม่น่ะครับว่า 1. คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ได้นำเสนอข่าววัดพระธรรมกายจากสื่อ (ตอนนั้นผมก็อ่านเห็นแล้วว่าเป็นเดลินิวส์แต่ไม่ได้ให้ความสนใจเป็นพิเศษ) 2. ผมได้นำข้อมูลจากข่าวชิ้นนั้น มาแสดงความคิดเห็นในส่วนของ งบเกี่ยวกับค่าอาหาร 3. จากนั้นคุณ boykrab ก็มาบอกว่า สื่อเขาขอโทษวัดพระธรรมกายแล้ว (โดยคุณ boykrab ไม่ได้ระบุว่าเป็นสื่อฉบับใด) 4. ต่อมาคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ก็ตาลาย เข้าใจผิดว่าเป็นความเห็นของผม แล้วเลยบอกให้ผมนำหลักฐานการขอขมามาแสดง 5. แต่บังเอิญผมสติดี จำได้ว่า ผมไม่เคยบอกว่า สื่อขอขมาวัดแล้ว จึงลองเช็คข้อความก่อนหน้าผม ก็เลยลองเดาว่า คุณ Buddha Cyber (gomtsn) คงจะตาลายดังข้อ 4 ผมก็เลยคิดว่าจะช่วยจัดหาข้อมูลส่วนนี้ให้คุณ Buddha Cyber (gomtsn) บางส่วนเท่าที่ผมหาให้ได้ (ทั้งนี้ จาก คห ของคุณ boykrab ใช้คำว่า "พวกสื่อที่ เจ้าของกระทู้อ้างถึง" และ "หมดทุก.." ซึ่งนั้นย่อมหมายถึง เดลินิวส์ (สื่อที่เจ้าของกระทู้อ้างถึง) และสื่ออื่นๆ (พวก, หมดทุก...) ดังนั้น ความเข้าใจของผมตอนนั้น จึงเข้าใจว่า คุณ Buddha Cyber (gomtsn) จะหมายถึง "พวกสื่อที่ เจ้าของกระทู้อ้างถึง" หมดทุก.." ดังนั้นผมจึงนำคำขอขมาของสื่อที่ผมมีมาลงน่ะครับ ส่วนคำชมที่ว่า ผมรอกดแป้นได้เก่งนั้น ผมไม่กล้ารับจริงๆ ครับ เพราะสำนึกตัวดีกว่า ยังรอจังหวะกดแป้นได้ไม่เก่งเท่าคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ครับ แต่ละจังหวะ ตัดหน้าผมไป 1 คห เกือบทุกครั้ง นับถือ นับถือครับ ส่วนสุดท้าย ขอเรียนให้สบายใจว่า ผมคงไม่แสลงใจอะไรกับการแสดง คห ของคุณ Buddha Cyber (gomtsn) นักหรอกครับ เพราะผมไม่ค่อยได้อยู่ตอบกระทู้นานๆ มีจังหวะก็มา ไม่ว่างก็หาย ไม่ได้มีเวลานำข้อความในนี้มาเก็บไว้ในใจมากหรอกครับ คิดเสียว่า เห็นก็สักแต่ว่าเห็น ในขณะนั้น ถ้ามีข้อมูลอะไรคิดว่า จะเป็นประโยชน์ ก็นำมาแสดงชี้แจง เสร็จแล้วก็ทิ้งไว้ตรงนั้น ไปทำภารกิจอย่างอื่นต่อไปดีกว่า  ไม่กล้าเก็บตัวอักษรนับพันๆ ตัว มาขังไว้ในใจตลอดเวลาครับ ประสาทจะกินเอาได้ มีอะไรผ่านมาก็รับรู้ รับรู้แล้วก็พิจารณาว่าควรทำอย่างไรกับสิ่งที่ผ่านมา พอกระทำเสร็จแล้ว ก็ปล่อยให้ผ่านไป สบายใจดีน่ะครับแบบนี้ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 15 ม.ค. 51 00:26:38 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คำขอขมา หลักฐานชิ้นนี้ มีความน่าเชื่อถือ มากน้อยแค่ไหน ? http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/09/Y5857981/Y5857981.html จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 15 ม.ค. 51 08:49:18 ]

ความคิดเห็นที่ 36 อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง ถ้าเหนื่อยหรือขี้เกียจอ่าน ผมว่าไปนั่งพิมพ์โฆษณาให้ทางวัดจานบินของคุณดีกว่า อย่ามาทำตัวเป็น สาวกอลัชชี ห่วงนายอยู่เลย เหอ! เหอ! เหอ! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 09:09:10 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เอ้า!!! อย่าลืมน๊ะจ๊ะ!! จานบินแหวกดงจ้า! แหวกดง!!! เหอ! เหอ! เหอ! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 09:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 38 ความคิดเห็นที่ 37   เอ้า!!! อย่าลืมน๊ะจ๊ะ!! จานบินแหวกดงจ้า! แหวกดง!!! เหอ! เหอ! เหอ! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) ***************************************** แหวกไปถึง South Africa แล้วจ้ะ  อิ อิ จากคุณ : AYXC - [ 15 ม.ค. 51 15:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 39 อดีตของธรรมกาย ตอน10 (จี้ตรวจสอบบัญชีวัดธรรมกาย) ***************************************************** ถ้าว่างก็ช่วยมาตรวจสอบด้วยจ้ะ ว่ามูลนิธิธรรมกายได้ช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมตลอดปี 2549 และ 2550  มากน้อยเพียงไร เห็นมีแต่คนมานั่งด่าว่า แต่เวลาทำประโยชน์ให้ส่วนร่วม ไม่เคยมีข่าวให้เห็น....... อย่ามองเพียงด้านเดียวซิจ๊ะ จากคุณ : AYXC - [ 15 ม.ค. 51 15:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 40 แล้วก็ฝากมาตรวจสอบด้วยซิจ๊ะ  ว่าสถิติการอบรมศีลธรรมให้เยาวชน และประชาชนของวัดพระธรรมกายน่ะมีแค่ไหน ถ้าจะมอง input ก็น่าจะวัดกับ output ด้วย จึงจะเป็นธรรม หึ หึ หึ จากคุณ : AYXC - [ 15 ม.ค. 51 15:57:22 ]

ความคิดเห็นที่ 41 สาธุกับความคิดเห็น 39 - 40 ครับ ดูซิ น่าขำเนอะ เผยแพร่ธรรมะดีๆ กลายเป็นแหวกดงซะงั้น ไม่เป็นไรครับ เราต้องทำหน้าที่ต่อไปเพื่อสันติภาพของโลก อย่าไปต่อต้านเค้าเลยครับ ใจจะขุ่นเปล่าๆๆ ถือซะว่าคนเรามีสิทธิดีกว่าครับ เค้าเสนอของเค้า เราเสนอของเรา แล้วให้คนอื่นพิจารณากับผลลัพธ์ดีกว่า ว่าได้ผลดีหรือผลเสียมากกว่ากัน เพราะเป็นธรรมดาอยู่แล้วไม่ว่าใครจะทำอะไร มันยาก ที่จะได้ผลดี 100% แต่ถ้าได้ผลดี "เยอะ" กว่า ก็น่าสนับสนุนมิใช่หรือครับ ผมว่าคนห้องศาสนา พิจารณาได้นะครับ ภูมิธรรมสูงส่งกันทุกๆคนเลย อิอิ จำกันได้ไม๊ครับ ลุงๆป้า 5555+ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 15 ม.ค. 51 22:12:24 ]

ความคิดเห็นที่ 42 แหม!!! ปีนี้ สำนักจานบินสอนให้คนงมงายในอัตตา ถึง 200,000คนเชียวหรือ??? ผมพลาดไปได้ยังไงกัน!!! แต่ก็ขอขอบพระคุณครับ ที่นำข้อมูลมาประจานกันให้เห็นชัดขึ้น!!! แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 51 23:52:32 จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 15 ม.ค. 51 23:51:01 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณมากครับคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ที่ให้คำแนะนำผมใน คห ที่ 36 ของคุณ ที่แนะนำผมว่า "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" ผมเองก็คิดเช่นนี้อยู่เหมือนกันครับ เพราะหลังจาก ที่ผมได้อ่านความเห็นของคุณ ใน คห ที่ 25 ที่ บอกผมว่า "ถ้างั้นผมขอเป็นคำขอขมาจาก หนังสือพิมพ์ "เดลินิวส์" แล้วกันครับ เพราะผมไปเอาของเขามาทั้งกระบิ อย่างไรเสีย!! ผมเป็นลูกผู้ชายพอ! ได้เห็นว่าแหล่งข่าที่ตนค้นหาอยู่นั้น ไม่เป็นธรรมอยู่ ผมก็จะไม่นำมาแสดงอีกตามสัญญา แต่คงห้ามผมไม่ได้ในหนทางอื่นครับ!! ชัดเจนนะครับ!!" ก็ทำให้ผมได้ทราบแล้วว่า ความเป็นจริงคือ คุณเองไม่ชอบวัดพระธรรมกาย และตั้งหน้าตั้งตาจะโจมตีวัดพระธรรมกายอยู่แล้ว ดังสังเกตได้จากที่คุณบอกว่า หากมีคำขอโทษจากหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ คุณก็จะไม่นำข่าวเก่าเหล่านี้มาพิมพ์อีก แต่จะห้ามคุณทางอื่นไม่ได้ ก็แสดงให้เห็นว่า จริงๆ แล้ว คุณปักใจเชื่อและมุ่งโจมตีวัดพระธรรมกาย โดยอาศัยข่าวจากหนังสือพิมพ์มาเป็นข้ออ้างในการโจมตีวัดให้ถนัดปากเท่านั้น หากบังเอิญผมสามารถหาคำขอขมาจากเดลินิวส์มาแสดงได้ ก็อาจจะทำให้คุณโจมตีวัดไม่ถนัดปากด้วยการอ้างเดลินิวส์ คุณจึงต้องบอกต่อท้ายมาว่า "แต่คงห้ามผมไม่ได้ในหนทางอื่นครับ!! ชัดเจนนะครับ!!" ก็ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่า คุณมุ่งโจมตีวัดพระธรรมกาย โดยอาศัยข่าวเหล่านี้เป็นข้ออ้างเท่านั้น ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยเพราะอยากจะแสวงหาคำตอบว่า ข่าวที่ลงมานี้ มีความเท็จจริงมากน้อยเพียงใด ดังนั้น ผมก็เลยคิดอย่างคุณแนะนำมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับว่า ผมก็ไม่รู้จะแพล่มอะไรอีกไปทำไม แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากน่ะครับ ที่ให้คำแนะนำมา สวัสดีครับ แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 51 10:28:05 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 16 ม.ค. 51 10:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ปล. เกือบตกประเด็น สำหรับ คำแนะนำใน คห ที่ 36 ที่ว่า "ผมว่าไปนั่งพิมพ์โฆษณาให้ทางวัดจานบินของคุณดีกว่า อย่ามาทำตัวเป็น สาวกอลัชชี ห่วงนายอยู่เลย" ก็ขอบคุณน่ะครับ ที่ให้คำแนะนำมา แต่ว่า จนใจจริงๆ ครับว่า อัธยาศัยผมนั้น ไม่ชอบชักชวนในลักษณะ ตื้อ หรือ เซ้าซี้ให้เขาศรัทธาวัดพระธรรมกาย ส่วนตัวผมคิดว่า ใครจะศรัทธาใคร เป็นเรื่องที่แต่ละคนจะต้องศึกษาและตัดสินใจด้วยตัวของตัวเอง ดังจะเห็นได้ว่า ตั้งแต่ที่ผมเข้ามาอ่านและแสดงความเห็นในเวปบอร์ดแห่งนี้ ตั้งแต่เมื่อ 2 - 3 ปีก่อนโน้น จนถึงวันนี้ ผมไม่เคยเลยที่จะพิมพ์ข้อความในเชิงบังคับหรือโฆษณาให้ผู้อ่านเชื่อมั่นและศรัทธาในวัดพระธรรมกาย หรือตัวหลวงพ่อธัมมชโย ส่วนใหญ่ผมจะนำเสนอว่า ทำไมผมจึงศรัทธาวัดนี้ เพราะผมได้เข้าไปสัมผัสมา แล้วพบว่า สิ่งที่ผมสัมผัส กับข่าวที่นำเสนอนั้น มีหลายประเด็นไม่ตรงกัน และส่วนใหญ่ผมก็จะเพียงแต่เชิญชวนว่า หากใครสนใจจะศึกษาเพิ่มเติม ก็เชิญไปพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเองได้ที่วัดพระธรรมกาย นอกนั้นก็มีบ้างบางครั้งที่ผมนำโครงการของหลวงพ่อในส่วนที่เป็นบุญที่คิดว่า ทุกคนรับได้ มาบอกต่อ เช่น โครงการทอดผ้าป่าช่วย 266 วัด 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งจัดประจำทุกเดือน (เดือนนี้เพิ่งจัดไปเมื่อวันเด็กที่ผ่านมา ที่ จังหวัดสงขลา (บ้านเกิดผมเอง) ก็ถือโอกาสนำบุญมาฝากคุณเจ้าของกระทู้ และทุกท่านที่ผ่านมาอ่านด้วยน่ะครับ สาธุ) ส่วนที่อ้างถึง อลัชชี และนายนั้น เข้าใจว่า เจ้าของกระทู้น่าจะหมายถึงว่า ตัวผมเป็นอลัชชี ส่วนหลวงพ่อธัมมชโย เป็นนายผม ซึ่งอันนั้น ก็แล้วแต่คุณเจ้าของกระทู้จะมองก็แล้วกันครับ เพียงแต่ว่า โดยส่วนตัวผมแล้วอยากจะเรียนให้ทราบว่า ผมเองก็ไม่รู้จะห่วงหลวงพ่อธัมมชโยไปทำไมน่ะครับ ในเมื่อตอนนี้ 1. คดีทางโลกก็หมดแล้ว 2. คดีทางสงฆ์ก็หมดแล้ว 3. คณะสงฆ์ก็ถวายคืนตำแหน่งเจ้าอาวาสให้แล้ว 4. สุขภาพท่านก็ดูจะดีขึ้น 5. โครงการต่างๆ ที่ท่านทำก็ทยอยสำเร็จไปด้วยดี (อย่างตอนนี้เนี้น เวิร์ด - เปค เข้าใจว่าในประเทศมีผู้สมัครสอบไม่น้อยกว่า 1 แสนทีมแล้ว ต่างประเทศยังไม่นับ) 6. คนก็เข้าวัดมากขึ้นตอนนี้งานบุญใหญ่ๆ ก็ 3 - 5 แสนคนได้ 7. ศูนย์ก็ขยายมากขึ้น ขนาดแอฟริกายังมีศูนย์ มองโกเลียก็มีศูนย์ แถบเมดิเตอร์เรเนียนก็มีศูนย์ เรียกว่าตอนนี้มีศูนย์สาขาทั่วทุกทวีปของโลก 8. ส่วนราชการหลายส่วนทั้งของไทยและต่างประเทศ ก็เริ่มเข้าใจและสนับสนุนการทำงานของท่าน ดังเห็นได้จากการถวายโล่ให้กับท่านบ้าง หรือการมอบโล่ สนับสนุนในโครงการตอบปัญหาธรรมะต่างๆ ที่่ท่านจัดขึ้นบ้าง 9. คณะสงฆ์ก็เริ่มเข้าใจและสนับสนุนท่านมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกำลังใจจากคณะสงฆ์ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พระธรรมจาริกภาคเหนือ คณะครูพระสอนศีลธรรมทั่วประเทศ เรื่อยไปถึง คณะสงฆ์จากต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นศรีลังกา พม่า ลาว ฯลฯ ฯลฯ มองไปทางไหนผมก็เห็นแต่ข่าวคราวความสำเร็จของท่าน ก็เลยไม่รู้จะห่วงท่านไปทำไม จะมีห่วงบ้าง ก็คือห่วงตัวเองน่ะครับ ท่านเล่นชวนคนมาวัดเยอะแบบนี้ คนเข้าวัดมาก่อนอย่างพวกผมเหนื่อยแย่ครับ ไหนจะเตรียมการต้อนรับ คอยอำนวยความสะดวกในวันงาน จนถึงเก็บงาน ถ้าจะห่วงก็ห่วงตัวเองนี่แหละครับ ไม่รู้จะมีความพร้อมในการรองรับงานพวกนี้ได้มากน้อยขนาดไหน เฮ้อ หนักใจจริง ๆ อือม์ อ่านทวน ความเห็นของตัวเองอีกรอบ จึงพบว่า สงสัย คห นี้ของผม จะเป็น คห แรกล่ะมั๊ง ที่มีข้อความทำนองโฆษณาให้กับวัดพระธรรมกายและหลวงพ่อธัมมชโย ก็ขอถือโอกาสปรับปรุงข้อความอีกนิดแล้วกัน จะได้ไม่เป็นการโฆษณา ก็เอาเป็นว่า 9 ข้อที่ผมพูดถึงนั้น ท่านใดมีข้อติดใจสงสัยประการใด เชิญไปพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเองได้ที่วัดพระธรรมกายน่ะครับ แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 51 11:01:48 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 16 ม.ค. 51 10:55:19 ]

ความคิดเห็นที่ 45 คุณ : ละอ่อนการเมือง กรณีเรื่องสื่อ เดลินิวส์ ผมแจ้งให้เข้าใจง่ายๆครับว่า ถ้าข้อมูลของคุณมีจริง ที่เป็น คำขอโทษ ผ่านหนังสือพิมพ์ของเขา ผมจะลบกระทู้ทั้งหมด ที่ผมนำข้อมูลมาจากเขาให้เกลี้ยง!!! (ผมต้องการแค่นี้เอง) ถูกต้องครับ!!เรื่องที่ผมเอาข้อสงสัยมาอ้าง!! รวมทั้งเจตนาของผม!! เจตนาของผมคือ โจมตีพวกสัทธรรมปฏิรูปที่บังอาจบิดเบือนคำสอนพุทธฯ เจตนาของผมคือ อยากให้คนที่รู้ข้อเท็จจริง แต่ไม่ศรัทธาในสำนักฯ มาอธิบายมากกว่า(แบบมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือมาด้วย เช่น ข้อมูลจากกรมศาสนา สำนักงานพุทธศาสนาฯ สื่อที่ผมเอามาอ้าง เป็นต้น) แต่ถ้าเป็นสาวกเช่น คุณละอ่อนการเมือง (ซึ่งมีเยอะมาก) ก็ไม่เป็นไร หากอยากจะแก้ต่าง แต่ก็ขอให้เอาข้อมูลมายืนยันด้วยเหมือนกัน ผมว่านี่คือโอกาสเสียอีก!! หากคุณ ละอ่อนการเมือง มองในแง่ดี ว่ามันเป็นโอกาสที่จะแสดงความบริสุทธิ์จริงๆของทางวัด(ตามที่คุณเรียก) ให้ประชาชนรับรู้ข้อเท็จ-จริงผ่านสื่อคุณภาพ เช่น พันทิป นี้ ให้เข้าใจกันง่ายๆผ่านสื่อ ดีกว่าเสียเวลาไปสำนักฯ ให้เค้าดูดตังค์ออกจากกระเป๋า!! คุณละอ่อนการเมืองเข้าใจถูกต้องอีกแล้ว ในประโยคนี้ "แต่คงห้ามผมไม่ได้ในหนทางอื่นครับ!! ชัดเจนนะครับ!!" เพราะคุณละอ่อนการเมือง มีเจตนาเพียงแค่อยากให้ผมลบกระทู้เท่านั้น และเพราะมันเป็นทางลัดที่จะไม่ต้องเหนื่อย หาข้อมูลอื่นมาอธิบายอีก คุณละอ่อนจึงคิดว่า ก็แค่หา คำขอโทษมา มันก็จะจบ (โดยไม่ต้องอธิบายข้อ-เท็จจริง) แต่บังเอิญว่า คุณหาไม่เจอ ก็เลยต้องหาวิธีเฉไฉด้วยประโยคนี้ "ดังนั้น ผมก็เลยคิดอย่างคุณแนะนำมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะครับว่า ผมก็ไม่รู้จะแพล่มอะไรอีกไปทำไม" ที่สำคัญ คุณละอ่อนการเมืองจนใจจริงๆที่จะหา คำขอโทษนี้ให้เจอ จึงปิดประโยคดังนี้ "แต่อย่างไรก็ขอบคุณมากน่ะครับ ที่ให้คำแนะนำมา สวัสดีครับ" จริงๆแล้ว!! คุณละอ่อนก็รู้อยู่แก่ใจว่าผมเปิดโอกาสคุณอยู่ด้วยปรธโยคนี้ "ผมว่าไปนั่งพิมพ์โฆษณาให้ทางวัดจานบินของคุณดีกว่า" เลยคิดว่า มันมีประโยชน์ที่จะหาหนทางโฆษณาซะเลย!! โดยที่ละเลยประเด็นเรื่องสื่อของเจ้าของกระทู้ที่ยังค้างใจไป!! (คุณ ช่างเป็นคน ฉกฉวยโอกาสโดยแท้ คุณละอ่อนการเมือง) และผมก็เข้าใจดีว่า ทำไม? คุณต้องฉวยโอกาส!! มันมีสาเหตุมาจากประโยคนี้ของผมนี่เอง "อย่ามาทำตัวเป็น สาวกอลัชชี ห่วงนายอยู่เลย" และก็เท่ากับว่าคุณยอมรับว่าเป็นสาวกอลัชชีจริงๆ เพราะหากคุณมีสัมมาสติ คุณจะไม่ตอบโต้ ด้วยการฉกฉวยโอกาส จากประโยคของผมที่โต้ตอบกับคุณ ดีกว่าให้ผมว่าคุณอย่างถนัดนิ้ว(เพราะใช้นิ้วพิมพ์)ว่า "สาวกอลัชชี" ส่วน คห44 จะเป็นการโฆษณาหรือไม่นั้น? คิดว่าใจที่ยิ้มกริ่มของคุณคงรู้อยู่แล้ว!! แล้วสุดท้าย "เชิญไปพิสูจน์ความจริงด้วยตัวเองได้ที่วัดพระธรรมกายน่ะครับ" แต่ผมว่า "ธรรมกายควรพิสูจน์ความจริงให้สาธารณะชาชนรับรู้เองก่อนจะดีกว่า!!! รวมทั้งไม่ได้บิดเบือนหลักคำสอนของพุทธศาสนา ที่ว่า ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เป็น สุขัง นิจจัง อัตตา" น๊ะจ๊ะ!! แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 51 13:45:13 แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 51 13:44:22 จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 16 ม.ค. 51 13:42:44 ]

ความคิดเห็นที่ 46 อนุโมทนาบุญกับ คุณ : ละอ่อนการเมือง ด้วยค่ะ   คคห.ที่ 44 ช่วยเติมข้อ 10. ด้วยซิค่ะ   10.  โครงการตอบปัญหาธรรมะ ทางก้างหน้า ส่งเสริมเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษาทั่วประเทศ  5 ล้านคน ที่ในหลวงท่านพระราชทานโล่ห์รางวัลติดต่อกันมาทุกๆปี  26 ปี  26 ครั้งแล้ว  ไม่เคยเว้นวรรคเลยแม้แต่เพียงปีเดียว (โดยที่เด็กๆไม่มีการเสียค่าใช้จ่ายแม้แต่เพียงบาทเดียว) . จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 16 ม.ค. 51 15:23:37 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เอ๋ ผมว่าดูเหมือนคุณ Buddha Cyber (gomtsn) จะจำอะไรผิดไปหรือป่าวครับ ผมจำได้ว่า เรื่องคำขอขมานี้ ผมไม่ได้เป็นคนเริ่มต้นน่ะครับ คุณเองต่างหากที่ใจลอยเห็นความเห็นของคุณ boykrab แล้วมาทึกทักว่าเป็น ความเห็นของผม แล้วก็มาเรียกร้องให้ผมแสดงคำขอขมา (ย้ำ ว่าประเด็นนี้ผมไม่ได้เริ่มก่อน ผมไม่ได้บอกกล่าวแก่คุณ Buddha Cyber (gomtsn) เลยว่่า สื่อได้ขอขมาวัดแล้ว ที่บอกคุณ Buddha Cyber (gomtsn) นั้นคือคุณ  boykrab ต่างหาก) แต่เมื่อเห็นว่าคุณ Buddha Cyber (gomtsn) เรียกร้องมาที่ผม ผมเองในฐานะที่มีข้อมูลบางส่วน ก็เลยนำเสนอไปเท่าที่มี ฉะนั้นประเด็นนี้ คุณจะมาต่อว่าอะไรผม หาควรไม่น่ะครับ (เพราะ ย้ำอีกทีว่า ผมไม่ได้เริ่มต้นน่ะครับ ประเด็นนี้น่ะ) ส่วนเรื่องที่คุณบอกให้ผมหาข้อมูลมานั้น ครั้งแรกผมก็นำข้อมูลเรื่องค่าอาหาร ของวัด โดยนำข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนพระเณร และเจ้าหน้าที่วัดมาแสดงให้ดูในที่นี้ ว่ามีจำนวนทั้งสิ้นเท่าไหร่ แล้วลองคำนวณค่าอาหารให้พิจารณาดูว่า ค่าอาหารที่วัดต้องใช้แต่ละเดือนมีเท่าไหร่ แต่ผลปรากฎว่า เมื่อผมแสดงข้อมูลในลักษณะนี้ คุณ Buddha Cyber (gomtsn)  ก็แนะนำผมมาว่า "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" เอ ตกลง ต้องการให้ผมนำเสนอข้อมูล หรืออย่าให้ผมแพล่ม กันแน่ครับ เฮ้อ ผมนี่ทำตัวไม่ถูกเลย จะให้ผมตามใจคุณอย่างไร ก็บอกมาน่ะครับ ถ้าทำให้ได้ก็ยินดีครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 16 ม.ค. 51 18:58:16 ]

ความคิดเห็นที่ 48 คุณละอ่อนฯ ตอบได้ยอดเยี่ยมมากเรย  แต่พวกขยันเถียงข้างๆ คูๆ ก็หาเรื่องมาเถียงจนได้นั่นแหละ จากคุณ : ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพู - [ 16 ม.ค. 51 20:59:15 ]

ความคิดเห็นที่ 49 คอบ คหที่47 ไม่ผิดหรอกครับ ที่คุณว่าผม ว่าเข้าใจผิด(ยอมรับว่าตาลายที่มองเป็นคุณ) แต่อย่าลืมว่า ในเมื่อคุณเป็นผู้ที่หาข้อมูลมาแล้วจาก คหที่20 ก็เท่ากับว่า คุณละอ่อนการเมืองยอมรับ ที่จะตอบประเด็นนี้แทนคุณboykrab (สาวกอลัชชีย่อมต้องช่วยสาวกอลัชชีเป็นธรรมดา) แต่ที่คุณกำลังแจ้งให้ผมทราบอยู่ มันทำให้ผมเข้าใจว่า คุณละอ่อนการเมืองกำลัง พยายามผลักประเด็นนี้กลับไปยังคุณboykrab ทั้งๆที่ผ่านมาประมาณ30 กว่าความคิดเห็น คุณละอ่อนการเมือง พยายามแก้ประเด็นแทนคุณคุณboykrab(แถมด้วยโฆษณาเชิญชวน) มาโดยตลอด (ขำๆครับขำๆ แต่ไม่เป็นไรเพราะเจออย่างนี้บ่อย) "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" คุณละอ่อนไม่เข้าใจเหรอครับ? คหที่36แล้วที่ผมแจ้งประโยคนี้ไป จนกระทั่ง คหที่44 ผมคิดว่าคุณคงไม่แพล่มแล้ว แต่คุณก็โผล่ขึ้นมาอีก (เหมือนหนอนโผล่จากกองอาจม) ผมก็ไม่เห็นว่าคุณละอ่อนการเมืองจะทำตามที่ผมแจ้งได้เลยนี่ครับ "ว่าอย่าแพล่มดีกว่า!!!" แล้วอย่างนี้คุณจะหน้าด้านทำเป็นงุนงงไปทำไม??? "เฮ้อ ผมนี่ทำตัวไม่ถูกเลย จะให้ผมตามใจคุณอย่างไร ก็บอกมาน่ะครับ ถ้าทำให้ได้ก็ยินดีครับ " เอาอย่างนี้ครับ ผมจะชี้ทางให้อีกครั้งครับคุณละอ่อนการเมือง คราวนี้ผมตาไม่ได้ตาลาย ด้วยใจที่หวังเป็นอย่างยิ่งว่า คุณคงจะเข้าใจความหมายและหวังว่าคุณคงมีปัญญาพอที่จะเข้าใจ และทำตามคำแนะนำนี้ได้ อ่านน๊ะครับ!! "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" ชัดเจนนะครับ แต่ผมขอย้ำอีกครั้งดีกว่าเผื่อคุณละอ่อนแกล้งไม่เข้าใจ และโผล่ขึ้นมา "งง" อีก "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 16 ม.ค. 51 22:17:38 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ความคิดเห็นที่ 48   คุณละอ่อนฯ ตอบได้ยอดเยี่ยมมากเรย  แต่พวกขยันเถียงข้างๆ คูๆ ก็หาเรื่องมาเถียงจนได้นั่นแหละ จากคุณ : ต้นปราบ ตรีภพ หยกชมพู  - [ 16 ม.ค. 51 20:59:15 ] คุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาลครับ ลิ่วล้ออลัชชีเช่นคุณยังกล้าเสนอหน้ามากระทู้ของผมอีกเหรอครับ? ดูคนอื่นตอบเถียงซะนานแล้วค่อยมาหยอดต่อท้ายนี่ เค้าเรียกว่า แมงดาขี่หลัง (อ้อ!! หมายความว่า ไม่ต่อความเอง อาศัยขอเด่นตอนจบ) อีกนิดครับคุณต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล กรุณาอย่าแสดงกิริยาที่บ่งบอกความถ่อยลงในกระทู้ผม เช่นการพิมพ์คำว่า ถุ๊ย!! ลงในความคิดเห็นนะครับ แค่นี้ประชาชนเขาก็ทราบแล้วว่า สำนักอลัชชีสอนให้คุณเป็นยังไง???? ถ้าชอบผม ก็ตามดูตามอ่านกันได้ครับ!!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 16 ม.ค. 51 22:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ผู้มีศีลไม่ควรว่ากล่าวกันในสิ่งที่ไร้สาระนะครับ ถึงเค้าจะมาเสริมทีหลัง แต่ก็เสริมในทางที่ดีนะครับ เราไม่ว่ากันเองอยู่แล้ว ขนาดผมเป็นเด็ก ยังคิดได้เลยครับ อนุโมทนาบุญกับผู้เข้าร่วมสอบ World PEC และ ทำบุญพระประธาน 101 วัดที่ศรีลังกานะครับ สาธุ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 17 ม.ค. 51 00:27:41 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เอ้อ เกือบลืมครับ พอดีที่วัดของผมเขาสอนว่า "เราไม่ควรมองที่จุดด้อยของผู้อื่น และไม่ควรนำจุดด้อยผู้อื่นมาประจาน" เพราะมันไม่ใช่ "ปิยวาจา" อิอิ ผมแนะนำเฉยๆน๊า ขำขำ ไม่ได้ว่าใครเจาะจงนะ 55555+ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 17 ม.ค. 51 00:29:58 ]

ความคิดเห็นที่ 53 สวัสดีครับ คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ตกลงว่าจะไม่ให้ผมแพล่มน่ะครับ ก็โอเค ครับ จะได้หาย งง ไป เพราะบางความเห็นคุณก็เรียกร้องให้ผมแสดงข้อมูล บางความเห็นก็บอกว่าอย่าแพล่ม ตอนนั้นก็เลย งง จริง ๆ ครับ แต่ว่าตอนนี้รับรองว่า เรื่องแพล่มไม่แพล่มนี่ผมไม่ งง แล้วล่ะครับ เข้าใจชัดแล้วว่า กระทู้นี้ เป็นกระทู้ที่คุณ Buddha Cyber (gomtsn) จะใช้ข่าวจากสื่อเป็นข้ออ้างในการโจมตีวัดพระธรรมกาย (ตามที่คุณได้กล่าวไว้ใน คห ที่ 45 ว่า "ถูกต้องครับ!!เรื่องที่ผมเอาข้อสงสัยมาอ้าง!!" ) โดยจะไม่อนุญาตให้กระผม ผู้ใช้นามแฝงว่า ละอ่อนการเมือง (อือม์ ไม่รู้รวมถึงคนอื่นๆ ที่ศรัทธาวัดพระธรรมกายด้วยหรือป่าว) เข้ามาแพล่มอะไรต่อมิอะไร เฮ้อ ความจริง ถ้าทีแรกตอนคุณตั้งกระทู้ วงเล็บไว้ที่ข้างหลังกระทู้หน่อยก็ดีน่ะครับว่า (กระทู้นี้ สงวนสิทธิ์ ละอ่อนการเมืองอย่ามาแพล่ม) ผมจะได้ไม่หลงมาแพล่มอยู่ตั้งนาน ด้วยเข้าใจผิดไปว่า ที่นี้เป็นกระดานสาธารณะ ขอโทษจริงๆ น่ะครับ ที่หลงมาแพล่มอยู่ตั้งนาน บอกมาอย่างนี้ก็หาย งง แล้วครับ สำหรับเรื่องแพล่มไม่แพล่ม แต่ที่ งง ตอนนี้คือว่า ที่ผมเปรียบเป็นเหมือนหนอนโผล่จากกองอาจม ขอประทานโทษจริงๆ เถอะครับ ถ้าผมเป็นหนอนแล้ว อาจมนี่หมายถึงใครเหรอครับ งง จริง ๆ แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 13:26:01 แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 13:20:32 จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 17 ม.ค. 51 13:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 54 "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 13:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 55 อาจมที่สงสัยว่าเป็นใคร ผมจะยกตัวอย่างให้ครับ เช่น คุณ ต้นดูดทรัพย์ จากนรก นิลกาล(อาจมกองที่1 อลัชชีถ่อยชอบถุ๊ย!!) คุณ วรวุฒิ(อาจมกองที่2) เป็นต้น ย้ำอีกครั้งครับ "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" (แพล่มในที่นี้หมายถึง กรณีที่คุณหาข้อมูล คำขอโทษ จากสื่อเดลินิส์ไม่ได้ และยังเอาขยะโฆษณาสำนักอลัชชัมาทิ้งไว้ในกระทู้ผมอีกด้วย) และขอความกรุณาหากคุณละอ่อนการเมืองต้องการโฆษณา ได้ไปโปรดตั้งกระทู้เองครับอย่าอาศัยกระทู้นี้ "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" อีกนิดครับ ถ้าคุณละอ่อนอยากต่อประโยคอีก ก่อนเริ่มรัวนิ้วลงแป้น ผมขอความกรุณา หาหลักฐานที่สื่อเดลินิวส์ ขอขมาสำนักอลัชชี มาแสดงให้ผมเห็นด้วยครับ!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 13:47:44 ]

ความคิดเห็นที่ 56 คหที่51และ52 รูปนี้ยืนยันใน คห51 ครับว่า ผู้มีศีลในสำนักอลัชชีต้องการสาระอะไร? รูปนี้ยืนยันใน คห52 ครับว่า ไม่มีใครเอาจุดด้อยขึ้นมาประจาน แต่มันคือจุดแข็งของสำนักอลัชชีต่างหากครับ!! แก้ไขเมื่อ 17 ม.ค. 51 14:11:58 จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 14:11:33 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เอ คุณ Buddha Cyber (gomtsn) ตกลงจะเอาไงแน่ครับ ตอนแรกก็ว่าจะไม่ งง แล้ว แต่นี่ก็ งงจริงๆ ครับ บอกผมว่า "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" แล้วก็บอกซ้ำอีกทีว่า "อีกนิดครับ ถ้าคุณละอ่อนอยากต่อประโยคอีก ก่อนเริ่มรัวนิ้วลงแป้น ผมขอความกรุณา หาหลักฐานที่สื่อเดลินิวส์ ขอขมาสำนักอลัชชี มาแสดงให้ผมเห็นด้วยครับ!! " ตกลงจะให้ผมทำอะไรกันแน่ครับ อีกอย่างหนึ่ง ผมอ่านความเห็นของคุณ Buddha Cyber (gomtsn) แล้วก็ งง ครับ เพราะคุณแสดงความเห็นประหนึ่งว่า ผมเป็นคนเริ่มต้นบอกคุณ Buddha Cyber (gomtsn) ว่าผมผมมีหลักฐานว่าสื่อต่างๆ รวมทั้งเดลินิวส์ ได้ขอขมาวัดพระธรรมกายแล้ว และคุณยังแสดงความเห็นประหนึ่งว่า ผมเป็นฝ่ายเรียกร้องท้าทายให้คุณลบกระทู้ หากผมหาคำขอขมาของเดลินิวส์ได้ เ่อ่อ รบกวนกลับไปอ่านความเห็นของเราสองคนก่อนหน้านี้ดูอีกรอบไหมครับว่า ผมได้แสดงอาการดังว่านี้ ตั้งแต่เมื่อไหร่หรือครับ เพราะผมจำได้ว่า เรื่องจะขอคำขอขมา คุณกับคุณ boykrab เป็นคนเริ่มต้นน่ะครับ ผมเพียงผ่านมา แล้วเห็นคุณถามผม ผมก็เลยตอบไปเท่าที่มีข้อมูล และคำขอขมาของเดลินิวส์นั้น ผมก็บอกคุณไปตั้งแต่ คห ที่ 27 แล้วว่า ผมไม่มี และไม่ได้คาดคั้นให้คุณต้องลบกระทู้นี้แต่อย่างใด บอกจริงๆ ตอนนี้ผม งง เพราะพฤติกรรมที่คุณแสดงออกมามันเป็นประหนึ่งว่า คุณกำลังกล่าวโจมตีวัดพระธรรมกาย แล้วบังเอิญมีศิษย์วัดพระธรรมกายคนหนึ่ง ผ่านเข้ามา พูดคุยกับคุณในอีกประเด็นหนึ่ง แต่คุณกลับบอกเขาว่า "ไหนคุณบอกว่า เดลินิวส์ขอขมาวัดแล้วไงล่ะ งั้นรีบไปหาคำขอขมาของเดลินิวส์มาให้ได้ ไม่อย่างงั้นฉันจะโจมตีวัดพระธรรมกายต่อไป แล้วพวกนายก็ห้ามยุ่ง" ขณะที่ผมพิมพ์มาถึงตรงนี้ ผมกำลังนึกภาพชายคนหนึ่ง ไปยืนด่าใครสักคน อยู่กลางตลาด (ทั้งๆ ที่คนที่ถูกเขาด่าไม่ได้ยืนอยู่ตรงหน้าเขา) แต่ชายคนนี้ก็ร้องแรกแหกกระเชอด่าอยู่อย่างนั้น พอเห็นใครที่คุ้นเคยสนิทสนมกับคนที่ตัวเองกำลังด่าเดินผ่านมา แล้วเขาก็ได้พูดคุยกับชายคนนี้ด้วยเรื่องอะไรสักอย่างที่ไม่ใช่การบอกว่า มีคนขอโทษคนที่คุณด่าไปแล้วน่ะ ชายคนนี้ก็ไม่ทันตั้งสติให้ดี รีบตะโกนว่า "เฮ้ย แกน่ะไม่ต้องมายุ่งกับชั้น ไหนแกว่ามีคนขอขมาคนที่ชั้นด่าแล้ว ถ้าอยากให้ชั้นหยุดด่า ก็รีบไปหาหลักฐานมายืนยันสิว่าได้มีคนขอขมาคนที่ชั้นกำลังด่าอยู่นี่แล้ว" เ่อ่อ ขอประทานโทษเถอะครับที่นอกเรื่องไปนิด เอาเป็นว่า ผมย้ำให้คุณทราบอีกครั้งก็แล้วกันน่ะครับว่า คุณคิดจะโจมตีวัดพระธรรมกายอย่างไรนั้น ผมไม่มีอำนาจอะไรจะไปห้ามคุณไ้ด้อยู่แล้ว ผมเพียงแต่ต้องการความชัดเจนแค่ว่่า คุณอยากจะให้ผมมาแสดงความคิดเห็นตอบความเห็นของคุณหรือไม่ ถ้าอยากและผมมีเวลาและข้อมูลพอ ผมก็จะมาตอบ แต่ถ้าไม่อยาก ผมก็จะได้ไม่ต้องตอบ จะได้แค่ติดตามอ่านเฉยๆ เท่าที่พอมีเวลา ตามที่คุณได้ชักชวนไว้ใน คห ที่ 30 ว่า "ยังไงซะ! ก็ติดตามอ่านกันต่อไปให้แสลงใจเล่นครับ" แต่ที่ งง จริงๆ อีกเรื่องก็คือว่า ทำไมความแสลงใจนี้ จึงกลายเป็น การยิ้มกริ่ม ใน คห ที่ 45 ไปได้ เอ ตกลง คุณจะให้ผม แสลงใจหรือ ยิ้มกริ่ม ดีน๊า ผมจะได้ทำได้ถูกใจคุณ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 17 ม.ค. 51 14:42:21 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ย้ำอีกครั้งครับ "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" (แพล่มในที่นี้หมายถึง กรณีที่คุณหาข้อมูล คำขอโทษ จากสื่อเดลินิส์ไม่ได้ และยังเอาขยะโฆษณาสำนักอลัชชัมาทิ้งไว้ในกระทู้ผมอีกด้วย) จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 17:59:48 ]

ความคิดเห็นที่ 59 ถ้าคุณละอ่อนอยากต่อประโยคอีก ก่อนเริ่มรัวนิ้วลงแป้น ผมขอความกรุณา หาหลักฐานที่สื่อเดลินิวส์ ขอขมาสำนักอลัชชี มาแสดงให้ผมเห็นด้วยครับ!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 18:03:18 ]

ความคิดเห็นที่ 60 เอ๋า ก็วนไปวนมาอ่ะ ตกลงจะไม่ให้ผมแพล่ม หรือ จะให้ผมรัวนิ้วลงแป้นล่ะครับ ส่วนหลักฐานเดลินิวส์ ขอขมา ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่มี และผมก็ไม่เคยบอกว่าผมมี เป็นเรื่องของคุณกับคนอื่นแท้ๆ เฮ้อ พิมพ์ถึงตอนนี้ ผมก็นึกถึงภาพ ชายคนหนึ่ง สมมติชื่อ นาย ก กำลังคุยกับชายอีกคน ชื่อนาย ข คุยไปคุยมา นาย ข บอกนาย ก ว่า ตัวเขามี วีซีดีซีรีส์เกาหลีอยู่ นาย ก ก็บอกว่า งั้นขอผมยืมดูบ้างสิ ปรากฏว่า นาย ข ก็นิ่งเฉยเสีย บังเอิญ นาย ค เดินผ่านมาได้ยินเข้า ด้วยความหวังดีก็บอกว่า ของผมมีอยู่ 3 แผ่น เอาไปดูก่อนสิ แต่นาย ก พอเห็นทั้ง 3 แผ่นแล้วก็บอกว่า ไม่เอาอ่ะ จะเอาเรื่องแดจังกึม นาย ค ก็บอกว่า แดจังกึมผมไม่มีครับ นาย ก ก็บอกว่า ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณต้องเอาแดจังกึมมาให้ผม ไม่งั้นไม่ต้องเสนอหน้ามาคุยกับผม เอ้อ คุณ คิดว่า นาย ก เป็นคนอย่างไรครับ จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 17 ม.ค. 51 19:04:04 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ย้ำอีกครั้งครับ "อย่าแพล่มอีกต่อไปเลย คุณละอ่อนการเมือง เป็นผม ผมจะติดตามอ่านไปจนกว่าจะเลิกPostเอง" (แพล่มในที่นี้หมายถึง กรณีที่คุณหาข้อมูล คำขอโทษ จากสื่อเดลินิส์ไม่ได้ และยังเอาขยะโฆษณาสำนักอลัชชัมาทิ้งไว้ในกระทู้ผมอีกด้วย) แต่ถ้าคุณละอ่อนอยากต่อประโยคอีก ก่อนเริ่มรัวนิ้วลงแป้น ผมขอความกรุณา หาหลักฐานที่สื่อเดลินิวส์ ขอขมาสำนักอลัชชี มาแสดงให้ผมเห็นด้วยครับ!! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 17 ม.ค. 51 20:23:09 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อิอิ อย่าไปแพล่มของเค้าเลยครับพี่ เหนื่อยเปล่าๆๆๆๆๆ คือรู้สึกผมก็ไม่ได้อะไรกับบคุณนะ ยังไม่ได้ว่าคุณเลย แล้วคุณมาว่าผมแบบนี้ โษฐานอะไรหรอครับ แต่ก็ช่างเถอะครับ สิทธิ์ของคุณที่จะว่าผม แต่ผมขอไม่โต้ตอบดีกว่าครับ เพราะวัดที่ผมเข้าไม่สอนให้โต้ตอบในสิ่งที่ไม่ควร ถ้าเป็นสุภาษิตก็เหมือน อย่าเอาไม้สั้นไปรัยขี้ เจ๊ากันนะครับ 5555+ คุณอาจม มา ผมก็ขี้กลับ 5555+ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 18 ม.ค. 51 00:26:11 ]

ความคิดเห็นที่ 63 แต่ผมขอไม่โต้ตอบดีกว่าครับ เพราะวัดที่ผมเข้าไม่สอนให้โต้ตอบในสิ่งที่ไม่ควร ถ้าเป็นสุภาษิตก็เหมือน อย่าเอาไม้สั้นไปรัยขี้ (วรวุฒิเอ๋ย ขี้ที่ว่าเนี่ย! มันเป็นสิ่งอุบาทว์เช่นเดียวกับอาจมและกองอาจม ที่ผมเปรียบเปรยนี่ มันก็หมายถึง ไอ้พวกที่ยึดถือคำสอนจากอลัชชีที่ได้สอนไว้ว่า "นิจจัง สุขัง อัตตา" ซึ่งบิดเบือนในคำสอนพุทธศาสนาในพระไตรปิฏก ขี้ที่ว่านี่ไม่ใช่ตัวผมแล้วหล่ะครับ เพราะผมไม่ได้ยึดคำสอนเช่นนั้น เหอ! เหอ! เหอ! เหม็นว่ะ!!) จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 18 ม.ค. 51 00:54:04 ]

ความคิดเห็นที่ 64 แวะเข้ามา "ติดตามอ่านกันต่อไปให้แสลงใจเล่นครับ" จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 18 ม.ค. 51 09:34:47 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เหอ! เหอ! เหอ! จากคุณ : Buddha Cyber (gomtsn) - [ 18 ม.ค. 51 11:19:45 ]

ความคิดเห็นที่ 66 5 ! 5 ! 5 ! จากคุณ : ละอ่อนการเมือง - [ 18 ม.ค. 51 12:05:01 ]

ความคิดเห็นที่ 67 No Comment ครับ จากคุณ : วรวุฒิ (วรวุฒิ) - [ 18 ม.ค. 51 21:00:27 ]