PANTIP.COM : Y6348390 อดีตของธรรมกาย ตอนที่29 (ขายบ้านเอาเงินเข้าวัดเถิด น๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!) []

อดีตของธรรมกาย ตอนที่29 (ขายบ้านเอาเงินเข้าวัดเถิด น๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!)

อดีตของธรรมกาย ตอนที่28 (เครื่อข่ายของพญามาร)
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6336930/Y6336930.html#17

"น๊ะจ๊ะ!" สมควรหรือ? ที่พระจะเอื้อนเอ่ย
"น๊ะจ๊ะ!" เป็นคำที่ฆราวาส มักใช้ต่อกันเมื่อถูกใจกัน
ซึ่งถือว่าเป็นคำหวานคำหนึ่ง

แต่ถ้าจะกล่าวว่า
อ้าว!! ก็พระท่านถูกใจ ญาติโยมนี่! ทำไมจะใช้คำนี้บ้างไม่ได้?

ก็จะถามย้อนกลับไปว่า
ก็แล้วตกลงจะเป็นพระหรือฆราวาส หล่ะจ๊ะ? หล่ะจ๊ะ?

"น.ส.พ.อเมริกาวิจารณ์ธมฺมชโย"

@@@หนังสือพิมพ์ไทยในสหรัฐฯวิจารณ์ธรรมกายยับ
เจ้าอาวาสเป็นพระ"นะจ๊ะ"สอนทำสมาธิก็ลงท้ายว่านะจ๊ะ
ทำใจให้ว่างก็นะจ๊ะ แถมเน้นเรื่องนก สวรรค์ขายบุญเกิน
ไป ขนาดให้ญาติโยมเตรียมตัวเตรียมใจใครมีบ้านก็ให้
ขายบ้าน ใครมีทรัพย์สมบัติเท่าไหร่ก็ให้นำมาขาย จะได้
เอาเงินมาเป็นรองประธานสร้างมหาธรรมเจดีย์ใน 2 ปีข้าง
หน้า แถมท้ายวิจารณ์วันอัศจรรย์ตาเบิกโพลงคล้าย ๆ กับ
จัดฉากล่วงหน้า ส่วนปริศนาแม่ชีจันทร์อาจารย์เจ้าอาวาส
วัดพระธรรมกายเป็นตัวจริง ตัวปลอมยังไม่แน่ชัด พระที่
เคยรู้จักไม่ตอบชัด ๆ แต่ยืนยันไม่รู้จักแม่ชีจันทร์ วัดพระ
ธรรมกาย

@@@เมื่อวันที่ 25 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีที่มี
กระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องแม่ชีจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งเป็น
อาจารย์ของพระไชยบูลย์ ธมมฺชโย เจ้าอาวาสวัดปากน้ำ
โดยการเปิดเผยจากพระ อดิศักดิ์ วิริยสฺกโก อดีตพระ
เหรัญญิกของวัดพระธรรมกายว่า แม่ชีจันทร์ ที่อยู่ใน
ปัจจุบันนั้น เป็นตัวปลอม ตัวจริงได้เสียชีวิตไปแล้ว โดย
หลวงพ่อฟัก ภัทรจารี เจ้าอาวาสวัดเขาวงพระจันทร์ เป็นผู้รู้
เรื่องเพราะทราบว่าท่านเคยเป็นลูกศิษย์แม่ชีจันทร์ตัวจริง
ในขณะนี้หลวงพ่อฟักมีอายุ 82 ปี ในวันนี้ได้มีผู้สื่อข่าวทุก
ฉบับได้เดินทางไปที่จังหวัดลพบุรี เพื่อที่จะสอบถามเรื่อง
ข้อเท็จจริงทั้งหมด

@@@เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามเกี่ยวกับเรื่องแม่ชีจันทร์ หลวง
พ่อฟักได้กล่าวปฏิเสธว่าไม่เคยรู้จัก แม่ชีจันทร์ หากจะ
ถามเรื่องเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย หลวงพ่อก็ไม่ค่อยทราบ
เรื่องก็ได้แค่ติดตามข่าวเท่านั้น

@@@ส่วนถ้ามีพระที่สอนที่ไม่ตรงกับหลักพระพุทธ
ศาสนา คงไปวิจารณ์ไม่ได้ แต่มีอยู่คำพูดหนึ่งที่จะบอกคือ
ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว ดูผลจากการกระทำของ
เขา คอยฟังและคอยดู ใครทำไม่ดีไม่ช้าผลกรรมก็จะตาม
สนองเองไม่ช้าก็เร็ว พระไม่วิพากษ์วิจารณ์ใคร อะไรที่เห็น
ว่าดีก็ว่าดี อะไรที่เห็นว่าไม่ดีก็ว่าไม่ดี

@@@นอกจากนั้นหลวงพ่อยังกล่าวถึง พระวันชัย ซึ่งเป็น
พระที่อยู่ในวัดพระธรรมกายว่า เมื่อก่อนท่านไปมาหาสู่กับ
หลวงพ่อบ่อยครั้งในฐานะที่สนิทกัน แต่ตอนหลังท่านหาย
ไปนานแล้ว ไม่ทราบเรื่องเลย ผู้สื่อข่าวถามว่าเคยรู้จักและ
เห็นเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายหรือไม่ หลวงพ่อบอกว่า
นานมาแล้วเคยมาเยี่ยม 2 ครั้ง แต่ไม่มีการสนทนาธรรม
เป็นการพูดคุยเรื่องอื่นมากกว่า

@@@ผู้สื่อข่าวถามเรื่องผิวพรรณของหลวงพ่อธมมฺชโยว่า
งามขนาดไหน เนื่องจากมีลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิดกับพระธม
มฺชโยบอกว่า ท่านไปอบผิวด้วยสมุนไพรอย่างดี อาทิตย์
ละ 2-3 ครั้ง พร้อมทั้งใช้สบู่อย่างดีที่สั่งมาจากเมืองนอก
หลวงพ่อฟักตอบว่า มีคนมาพูดให้หลวงพ่อฟังว่า มีแม่
เหล็กสัมผัส ที่มีขนาดเท่ากับเม็ดถั่วเขียว เมื่อฝั่งไว้ในเนื้อ
จะเป็นก้อน เมื่อกระทบกับแสงไม่ว่าจะเป็นแสงไฟหรือแสง
แดด มันก็จะทำให้เกิดแสงแวววาวกระจายไปทั่วตัว หลวง
พ่อไม่ทราบเพราะไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้ มีคนเขาพูดให้
ฟังก็ฟังเท่านั้น

@@@ส่วนเรื่องของบุญ หลวงพ่อคงพูดอะไรมากไม่ได้
โดยมีการนำเอาแก้วที่มีน้ำอยู่เกือบเต็มยกมาให้นักข่าวดู
เป็นตัวอย่าง พร้อมทั้งเปรียบเทียบ ให้ดูว่าเมื่อเอาเงินที่เป็น
แบงก์มาปิดปาก เมื่อเทน้ำลงไปอีกก็ผ่านเข้าไปในแก้วไม่
ได้ ถ้าจะเอาเนื้อหนูไปปะเนื้อช้าง แม้กระทั่งแค่แบงก์
500 ใบเดียว เอาไปปิดแก้วน้ำที่ใกล้เต็ม มันก็ไม่สามารถ
ผ่านลงไปยังแก้วได้ ฉะนั้นนับประสาอะไรกับเรื่องของคน
มีเงิน ยิ่งมีเงินเป็น 1,000 ล้าน จะทำอะไรก็ได้ หลวงพ่อ
พูดว่าเคยได้ยินมั้ยว่า "คนที่ว่ามีบุญ แล้วบุญหล่นได้" ไป
คิดกันเอาเองนะ เพราะปกติคนที่มีบุญมีแต่จะสูงส่งขึ้นไป
เรื่อยๆ แต่ปัจจุบันมีแปลกคือ มีบุญแล้วหล่นได้" หลวงพ่อ
ฟักกล่าว

@@@สำหรับปัญหาวัดพระธรรมกายได้โด่งดังไปสหรัฐฯ-
โดย หนังสือพิมพ์ไทยในสหรัฐอเมริกาชื่อ "ไทยคอม"
ฉบับล่าสุด ประจำเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคม ได้ตีพิมพ์
เรื่องราวของวัดพระธรรมกาย โดยผู้ใช้นามปากกาว่า
เปรียญเอก เนื้อหานั้นเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นรวมถึง
เหตุการณ์เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2541 ซึ่งเป็นวันที่เกิดปาฏิหาริย์
ภาพพระมงคลเทพมุนีหรือหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ
ภาษีเจริญที่เรียกว่าอัศจรรย์ตะวันแก้วซึ่ง เปรียญเอกได้
เข้ามาร่วมทำบุญที่วัดด้วย

@@@เปรียญเอกเล่าว่า เมื่อได้สัมผัสกับพระราชภาวนา
วิสุทธิ์ (ธมมฺชโย) แล้วรู้สึกผิดปกติ เนื่องจากว่านำคำว่านะ
จ๊ะมาใช้พูด อะไร ๆ ก็นะจ๊ะอยู่ตลอดเวลา เช่นทำใจให้เป็น
สมาธินะจ๊ะ ทำใจให้ว่างเปล่านะจ๊ะ ฟังแล้วทำให้งุนงงไป
หมดว่าทำไมพระระดับนี้ถึงนำเอาคำพูดเช่นนี้มาใช้

@@@นอกจากนั้นคำสอนที่ออกมามักจะให้มีการสวด
มนต์อ้อนวอนขอโน้นขอนี่ ถือว่าประหลาด เช่น จะพูดว่าถ้า
ใครมีเงิน 1 ล้านบาท ก็ให้อธิษฐานนะจ๊ะ ขอให้มี 2 ล้าน
บาท 3 ล้านบาท

@@@คำสั่งสอนของพระราชภาวนาวิสุทธิ์นั้น ยังสอนโดย
เน้นในเรื่องของนรก สวรรค์ มากเกินไป คำก็นิพพาน 2 คำ
ก็นิพพานมากกว่าที่จะนำข้อเท็จจริงในปัจจุบันมาเตือนสติ
สั่งสอน

>>>"บางช่วงคำสอนของหลวงพ่อธมมฺชโย เป็นการสอน
ให้เห็นแก่ตัวเห็นแก่ได้จนเกินไป เช่นบอกว่า ในวัน
มาฆบูชา พ.ศ. 2543 หรืออีก 2 ปีข้างหน้าญาติโยมควร
เตรียมตัวเตรียมใจในการทำบุญให้พร้อม ใครมีบ้านก็ให้
ขายบ้าน ใครมีทรัพย์สมบัติเท่าไหร่ก็ให้นำมาขาย เพื่อจะ
ได้เอาเงินมาเป็นรองประธานสร้างมหาธรรมเจดีย์ เป็นเรื่อง
น่าเศร้ามากที่พระมาพูดแบบนี้ มีที่ไหนให้คนเอาบ้านเอา
ทรัพย์สมบัติไปขายแล้วนำเงินมาให้วัด"

@@@ระหว่างงานกิจกรรมของวัด ยังมีการจัด เวทีรวมถึง
การถ่ายทอดโทรทัศน์วงจรปิดอวดอ้างฤทธิ์ปาฏิหาริย์ของ
พระมหาสิริราชธาตุที่ใครทำบุญสร้างพระธรรมกายประจำ
ตัว 1 หมื่นบาท ก็จะได้รับพระมหาสิริราชธาตุ อาทิ มี
ผู้หญิงมาบรรยายค้าขายขาดทุนไป 7 ล้านบาท แต่เมื่อเข้า
วัดและได้พระมหาสิริราชธาตุไปบูชาเงินทองก็ไหลมาเท
มาจนใช้หนี้ได้หมด และจะมีรายการเช่นนี้นับชั่วโมง

@@@นอกจากนี้ยังได้มีการกล่าวถึงเรื่องอัศจรรย์ตะวัน
แก้วด้วยว่า เป็นเรื่องที่ผิดปกติเนื่องจากว่า ได้มีการจัด
เตรียมทุกอย่างไว้ก่อนล่วงหน้า โดยหลังจากทำบุญกัน
เสร็จ ก็มีการบอกแก่คณะญาติโยมที่มาร่วมปฏิบัติธรรมว่า
อย่าเพิ่งกลับ ออกไปถ่ายรูปที่มหาธรรมเจดีย์กันก่อน ซึ่ง
บริเวณนั้นเป็นบริเวณที่มีการกล่าวอ้างกันถึงสิ่งปาฏิหาริย์
หลวงพ่อสด

@@@อย่างไรก็ดีบทความดังกล่าวยังเรียกร้องให้วัดพระ
ธรรมกายหยุดทำการระดมเงินสร้างมหาธรรมเจดีย์ แต่ควร
จะนำเงินบริจาคจำนวนดังกล่าวมาช่วยเหลือประเทศในยาม
วิกฤติมากกว่าด้วย.

อ้างอิงจากเดลินิวส์

เอ้า!! เหล่าสาวกอลัชชี! วันนี้เอาเงินเข้าสำนักฯแล้วหรือยัง???

เดี๋ยวไม่สอนฐานเจ็ดน๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!

แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 51 20:50:32

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 19 ก.พ. 51 20:39:28 ]

ความคิดเห็นที่ 1

กระทู้แนะนำ

คนส่วนใหญ่อยากให้กระทู้ของธรรมกายหายไปจากพันทิปหรือไม่?
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/11/Y5975855/Y5975855.html

อีกกระทู้นึงครับ ของสหายธรรม!!

ธรรม(กลาย) เพื่อ(มอมเมา)ประชาชน ฉบับพระรัตนตรัย(เป็นอัตตา)
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y5779543/Y5779543.html

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 19 ก.พ. 51 20:43:00 ]

ความคิดเห็นที่ 3

การที่มีอุบาสกอุบาสิกาไปวัดปฏิบัติธรรมกันมากมายหลายหมื่น
การที่มีหนุ่มสาวเด็กวัยรุ่นไปวัดปฏิบัติธรรมกันมากมายหลายหมื่น
ทั้งๆที่เราเคยว่าหนุ่มสาวเด็กวัยรุ่นรุ่นใหม่ของเราไม่สนใจศาสนา
ทำไม ทำไม ทำไมวัดพระธรรมกายทำได้
ทุกท่านโปรดอย่าไปตำหนิติเตียนเขาเลย
ท่านใดไปวัดไหนบ่อย
เรามาทำวัดของเรา ปรึกษากรรมการวัด เจ้าอาวาส
ให้หนุ่มสาวเด็กวัยรุ่นอุบาสกอุบาสิกามาเลื่อมใสวัดเรา
สอนสิ่งที่เราคิดว่าดีคิดว่าถูก
ทุกวัดทำพร้อมเพรียงกัน
หนุ่มสาวเด็กวัยรุ่นอุบาสกอุบาสิกาของเราจะได้ไปวัดพระธรรมกายน้อยลง

จากคุณ : surasc - [ 19 ก.พ. 51 21:12:58 ]

ความคิดเห็นที่ 4

ไปวัดเพราะไม่ใช่วัดสบาย
ไปเพราะไม่ใช่น่าท่องเที่ยว
ไปเพราะใจเป็นหนึ่งเดียว
คือการแสวงหาทางพ้นกิเลสกรรม

จากคุณ : slusho - [ 19 ก.พ. 51 21:54:01 ]

ความคิดเห็นที่ 5

นานๆเข้ามาดูทีนึง ยังแข็งขันกันดีอยู่ ให้กำลังใจนะครับ

จากคุณ : เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับสูญไป (กัปตันสมหมาย) - [ 19 ก.พ. 51 22:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 6

ภาพหนึ่งเล่าเรื่องได้ แทนคำ
เกินกว่าถ้อยลำนำ กว่าล้าน
มุ่งสืบต่อสายธรรม เผยแผ่
คนด่าต้องหน้าม้าน พ่ายแพ้ ความจริง
แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 51 23:08:15

จากคุณ : AYXC - [ 19 ก.พ. 51 23:07:50 ]

ความคิดเห็นที่ 7

ใช่สิ! ต้องพ่ายแพ้ความเป็นจริง น๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!
V
V

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 09:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8

^
^
^
ว่าแต่ว่า! AYXC ขายบ้านเข้าวัดแล้วหรือยัง?
เดี๋ยวไม่ได้บุญน๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 09:40:29 ]

ความคิดเห็นที่ 9

ตอบคหที่3 ทำไมเด็กไปวัดธรรมกายนี้กันได้ ก็เพราะหลานเราโดนยายบังคับไปด้วยตลอดแทบจะทุกวันอาทิตย์เลยแทนที่เด็กจะได้อยู่บ้านอ่านหนังสือทำงานบ้านหรือเล่นตามประสาเด็กกับเพื่อน ยายก็จะบังคับให้ไปวัดตลอด บางครั้งไม่อยากไปแต่ต้องไปไม่งั้นยายจะดุและจะเกิดการทะเลาะกันเด็กเลยกลัวและตัดปัญหาโดยการไม่ขัดใจยาย แม่เด็กก็พูดไรมากไม่ได้ ทุกคนในบ้านพูดไรไม่ได้เลยจะทะเลาะกันทุกครั้ง เราเข้าใจว่าศัทธาแต่นี่มันเกินไปจริงๆทำทุกวิธีทางที่จะต้องไปวัดให้ได้ นี่วันที่21นี้เราก็ต้องไปรับหลานเล็กเรามาเลี้ยงที่บ้านเพราะยายจะต้องไปวัดกับหลานโตพี่ของหลานเล็ก หลานโตอายุแค่8ขวบ หลานเล็ก8เดือน ถ้าจะให้แม่เด็กมาดูเองเขาก็จะพลาดโอกาสทำงานพิเศษทีจะเพิ่มรายได้ให้กับครอบครัว เราหยุดงานเลยต้องรับหลานเล็กมาเลี้ยงเอง ยายไม่เคยคิดเลยว่าทำไมเราไม่ไปทำบุญร่วมกันทั้งๆที่แถวบ้านก็มีวัดตั้งหลายแห่งจากที่บ้านไปวัดธรรมกายไกลมาก เขาจะไปแต่วัดนี้โดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะเป็นไง แบบว่าติดมากเลย เข้ามาบ่นขอโทษทีทำไรไม่ได้จริงๆ

จากคุณ : กระถินกรอบ - [ 20 ก.พ. 51 10:21:00 ]

ความคิดเห็นที่ 10

น่าเห็นใจคุณกระถินกรอบครับ

ผมมีความเห็นว่า ลองแนะนำยายท่านดู ให้ลองเข้าวัดอื่นๆ(ที่ไม่ใช่สาขา)
นอกจากสำนักอลัชชีจานบินนั่นแล้ว และเมื่อเข้าวัดนั้นๆได้แล้ว
ลองอธิบายให้ท่านฟังว่า "มันแตกต่างกับการเข้าสำนักอลัชชียังไง?"
"วัดนั้นมีการเรี่ยไร ขายบุญเหมือนสำนักจานบินหรือไม่?"
"หากจะนำเงินไปทำบุญพัฒนาวัด ควรเอามาพัฒนาวัดเล็กๆดีกว่ามั๊ย?"
ให้เหตุผลประมาณนี้ผมคิดว่าท่านยายคงพอจะนึกออกได้บ้าง
ว่าควรไม่ควรที่จะกลับไปสำนักอลัชชีนั่น!!

หวังว่า กรณีของคุณกระถินกรอบ อาจจะสะกิดใจอลัชชีหลายๆตัว
ที่เฝ้าอ่านอยู่ด้วยนะครับ อย่ามัวหมกอยู่กับความงมงาย และยอมเป็นควาย
จนถึงกับขายบ้านเลยครับ
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 12:54:34
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 12:53:49

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 12:52:48 ]

ความคิดเห็นที่ 11

คุณ Dhama Cyber เปิดใจหน่อยสิครับ

ทำบุญมันก็ดีอยู่แล้ว

พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้นี่ครับ ว่าทำบุญวัดใหญ่ได้บุญมากกว่าทำบุญวัดเล็ก หรือว่าทำบุญวัดเล็กจะได้บุญมากกว่าวัดใหญ่

สำหรับผมแล้ว การใช้อุบาย ให้คนทำบุญมันก็ดี แต่ถ้ามากไปมันก็ไม่ดี

เพราะการทำทานคือการไม่ตระหนี่ ไม่โลภ ไม่ใช่โลภอยากได้มากๆ เลยต้องทำบุญ

ศาสนาพุทธมีหลักการสอนแบบขั้นบันได เหมือนที่พุทธองค์ตรัสไว้ ว่าคนเหมือนบัวหลายเหล่าครับ

การที่คุณมีความรู้ความเข้าใจมาก ไปดูการสอนในระดับผู้มีความเข้าใจน้อย

มันก็เปรียบดั่ง นักปราชญ์ ไปดูการสอนเด็กอนุบาล แล้วนักปราชญ์ก็หัวเราะ

มันถูกแล้วเหรอครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 13:22:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12

พลุ ก็มีบ้านตั้งหลายหลัง(ไม่ได้อวดน่ะ มีมากเหลือเฟือ) ปล่อยไว้ว่างๆๆไม่ได้อยู่ ไม่รู้จะเอาไปทำอะไร
ขายได้เงินมา เอาเงินทำบุญยังได้บุญน่ะ ดีกว่าให้ปลวกอยู่เปล่าๆๆ

เจ้าของบ้านดีใจมากๆๆที่ได้มีเงินทำบุญ ไม่เห็นมีใครจะเดือนร้อนตรงไหน

แล้วคนอื่นที่ไม่ใช้เจ้าของบ้านมาเดือนร้อนอะไรไม่ทราบ เห็นพูดกันจังเลย
พลุ

จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 20 ก.พ. 51 13:51:28 ]

ความคิดเห็นที่ 13

อัศจรรย์ตะวันแก้ว..........Ha..Ha....หลอกเด็กยังไม่ได้เลย
นะจ๊ะๆๆๆๆๆๆ
.........................................

จากคุณ : Stalwart - [ 20 ก.พ. 51 14:31:45 ]

ความคิดเห็นที่ 14

อัศจรรย์ตะวันแก้ว คืออะไรคะ ไม่รู้จริงๆ

จะมีกี่หลังก็ขายกันไปเถอะ
ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก
อยากทำไรกันก็เชิญ

พูดอวดรวยก็ผิดวิสัยนักปฏิบัติธรรมแล้วล่ะ
แสดงว่า บ้าบุญเพราะ กิเลสอยากอยู่ดุสิตบุรี
ทำบุญด้วยกิเลส ก็คิดเอาเถิด ท่านผู้มีปัญญา?????
จะได้ไปไหนกันก็ตามสบาย

จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 51 14:53:57 ]

ความคิดเห็นที่ 15

คุณWareZไปโดนอะไรมา อมยิ้มถึงได้แปลกๆ
แล้วอมยิ้มอย่างนี้ ผมจะมั่นใจในความคิดเห็นของคุณดีไหมหนอ?
มันเหมือนเป็นการภาคทัณฑ์ความคิดเห็นของคุณไว้ยังไงก็ไม่รู้

"มันก็เปรียบดั่ง นักปราชญ์ ไปดูการสอนเด็กอนุบาล แล้วนักปราชญ์ก็หัวเราะมันถูกแล้วเหรอครับ"

อุปมานี้น่าสนใจครับ แต่ผมไม่ได้มีเจตนาที่จะหัวเราะหรือมีอารมณ์เย้ยหยันแต่อย่างใด
ผมจึงขอตอบในเชิงอุปมาดังนี้ว่า
"เมื่อนักปราชญ์ ไปดูการสอนเด็กอนุบาล แล้วนักปราชญ์ก็หัวเราะ จากนั้น
นักปราชญ์ท่านนั้นจึงปรามผู้ที่สอนเด็กอนุบาลให้หลงผิดนั้น ได้เข้าใจ
อย่างถูกต้อง จากนั้นจึงอาสาชี้ทางสว่างและความจริงให้กระจ่างแก่เด็ก
อนุบาลทั้งหลายเหล่านั้น ให้เห็นตามจริง ให้เกิดศรัทธาด้วยฐานแห่งปัญญา
มิใช่ความงมงาย" แล้วอย่างนี้ถูกมั๊ยครับ?

ทำบุญดีจริงครับ แต่ทำบุญให้ได้บุญ มีหลายวิธี
ไม่จำเพาะเจาะจงต้องสิ้นเปลืองทรัพย์สมบัติโดยอย่างเดียว
สิ่งที่จะทำแล้วได้บุญมาก คือการได้ศึกษาพระธรรม จากพระไตรปิฏก
แล้วปฏิบัติ ปฏิบัติให้ดี ปฏิบัติชอบ ก็ถือว่าได้บุญแล้วครับ

คำตอบของผมนี่ ถือว่าเปิดใจไหมครับ? คุณWareZ
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 15:21:08
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 15:20:09
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 15:19:12

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 15:16:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16

เปิดใจได้ดีมากๆครับคุณ Dhama Cyber

อมยิ้มผมเป็นไรเหรอครับ ผมเองก็ไม่รู้ แต่ว่านั่นคงไม่ได้ทำให้ความเห็นผมด้อยค่าลงไปหรอกนะครับ

การไปนิพพาน ไม่มีทางอื่นหรอกครับ นอกจากนั่งสมาธิ

ถ้าคุณคิดจะมุ่งไปนิพพานอย่างเดียว ลองมอง เซน ดูหน่อยดีไหมครับ มุ่งมั่นตรงแน่ว

ผมว่า ครูสอนเด็กอนุบาลก็คงมีวิธีสอนของเขา ครูหลายคนวิธีการสอนก็คงไม่เหมือนกันสักทีเดียว

คงเหมือนกันกันการไปสอน แคลคูลัสให้เด็กอนุบาลฟังหนะครับ คุณ Dhama Cyber เด็กไม่เข้าใจหรอก

แต่ถ้าสอนในระดับที่ดีขึ้นมาแล้ว เช่น มหาลัย เด็กคงยกย่องคุณน่าดู

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 15:34:21 ]

ความคิดเห็นที่ 17

คุณWareZกำลังเข้าใจผิดตีความกว้างเกินไปครับ

ผมคัดลอกเอามาให้อ่านอีกรอบ
"เมื่อนักปราชญ์ ไปดูการสอนเด็กอนุบาล แล้วนักปราชญ์ก็หัวเราะ จากนั้น
นักปราชญ์ท่านนั้นจึงปรามผู้ที่สอนเด็กอนุบาลให้หลงผิดนั้น ได้เข้าใจ
อย่างถูกต้อง จากนั้นจึงอาสาชี้ทางสว่างและความจริงให้กระจ่างแก่เด็ก
อนุบาลทั้งหลายเหล่านั้น ให้เห็นตามจริง ให้เกิดศรัทธาด้วยฐานแห่งปัญญา
มิใช่ความงมงาย"

ผมลองสังเกตดูหลายครั้งจากประโยคของผมเอง จึงสรุปว่า
ไม่มีอุปมาใดเลยที่อ้างในเรื่องที่ทำให้เด็กอนุบาล ไม่เข้าใจ ในคำสอนของนักปราชญ์

ดังนั้นการสอนของปราชญ์ที่อ้างนั้น จะตีความไปว่า
เด็กไม่เข้าใจในสิ่งที่สอน ไม่ได้ เพราะผมจบคำลงไปแล้ว ว่า "เด็กเข้าใจ"
ซึ่งด้วยวิธีการสอนนั้น ปราชญ์อาจใช้วิธีใดก็ได้ ที่จะทำให้เด็กเข้าใจ
ก็ขึ้นอยู่กับเด็กแต่ละคนว่ามี ภูมิแค่ไหน ภูมินั้อย ก็บวก ลบ คูณ หาร สอน
ภูมิสูง ก็ใช้แคลคูลัสสอน ตามแต่บุคคลนั้นๆ ด้วยแนวทางที่ถูกที่ควร
ที่สามารถทำให้เด็กเข้าใจ

เอ่อ!! วิธีเซนคงเหมาะสำหรับคุณWareZมากกว่าผมครับ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 16:18:43 ]

ความคิดเห็นที่ 18

ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีครับ

ครูอนุบาลคงจะมีความเข้าใจเด็กอนุบาลมากกว่านักปราชญ์

ผมไม่ได้ว่า ว่าเด็กเข้าใจ หรือไม่เข้าใจ เป็นประเด็นใหญ่

ผมมองว่าการให้ความเข้าใจอย่างถูกต้องมากเกินไป หรือละเอียดมากเกินไป

อาจทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่าย จนหมดความสนใจในเรื่องที่เขาควรจะศึกษา

แล้ววิถี เซน คือมุ่งตรงไป นิพพานอย่างเดียว ถ้าคุณ เป็นชาวพุทธ แล้วคุณไม่อยากไปนิพพานเหรอครับ

ผมงง ครับ ถ้าอยากไม่อยากไปถึงนิพพาน(ที่สุดของพุทธศาสนา) แล้วประโยชน์อะไรเหรอครับ หรือหลักการอะไรที่คุณจะแนะนำหรือสั่งสอนผู้อื่นในเมื่อคุณ ยังคิดว่าไม่เหมาะสม

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 16:31:34 ]

ความคิดเห็นที่ 19

ผมคงต้องไปนอนก่อนแล้วหละครับ ตอนนี้ที่นี่ก็ ตี4 แล้ว

ฝากถึงคุณ Dhama Cyber นะครับ ว่าผมรอคำตอบอยู่นะครับ

แล้วพรุ่งนี้ถ้าคุณตอบแล้ว เราคงได้ถกกันต่อ

สวัสดีครับคุณ Dhama Cyber

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 17:00:56 ]

ความคิดเห็นที่ 20

ผมว่าคุณWareZไปกันใหญ่แล้วครับ แตกความออกมาเรื่อยๆ
อย่างนี้ ผมไม่ขอต่อความ

ก่อนที่คุณจะเลื้อยไปเรื่อย ด้วยการแตกความอุปมาที่ผมตอบ
ไปมากกว่านี้

เรื่อง เซน ผมบอกตามตรงว่าผมไม่ได้ศึกษา
แต่ถ้าคุณWareZสนใจจะคุยเรื่องประเด็นนี้
ผมก็ขอถามว่า

เซน ต้องมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร จึงจะถึงพระนิพพาน?

เซน กับ กระทู้ของผม เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

ตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ ขอให้มาอธิบายด้วยก็แล้วกันครับ

ผมจะรอ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 18:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 21

แต่ถ้าคุณตอบไม่ได้

หรือตอบไม่ต้องคำถามที่ผมถาม
แล้วยังพยายามย้อนถามผม อาจจะด้วยวิธีการแตกความอุปมาหรือ
วิธีแถไปแถมาของคุณก็ตาม

ผมก็จะไม่ตอบคำถามคุณอีกแต่ผมจะPostข้อความนี้ถามคุณซ้ำไปเรื่อยๆ

ถ้าคุณตอบได้ เราคุยกันต่อ (แต่รบกวนคุณตั้งกระทู้เซนของคุณ แล้วผมจะเข้าไปตอบ)
ถ้าคุณตอบไม่ได้ คุณ กลับไปนั่งสมาธิหรือเซนของคุณที่ว่าเข้าถึงนิพพานได้
ดีกว่าครับ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 18:30:47 ]

ความคิดเห็นที่ 22

นอนไม่หลับครับ เพราะเมาอยู่

เซน เขาตั้งเป้าไว้ที่พระนิพพานอย่างเดียวครับ

เพราะฉะนันเขาเลยตั้งเป้าไว้ที่การนั่งสมาธิอย่างเดียว(คุณ Dhama Cyber คงไม่เถียงนะครับว่านั่งสมาธิเท่านั้นทำให้ถึงพระนิพพานได้)

กระทู้ของคุณคือ คุณรีบสรุปว่าการหลอกคนไปทำบุญไม่ดี

การออก อุบายเพื่อให้คนนำไปศึกษา เพื่อนนำไปสู่จุดหมายเดียวกันได้ ผมว่าไม่ผิดนะครับ

all the road lead to rome คงเคยได้ยินคำๆนี้มาบ้างนะครับ

ถ้าคุณไม่ได้ศึกษาอะไรมา คุณก็ไม่ต้องรีบตอบก็ได้ ว่าไม่ใช่แนวทางของคุณ

รีบตอบโดยไม่ได้ศึกษา ผมว่ามันเป็นการด่วนสรุปนะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 18:34:35 ]

ความคิดเห็นที่ 23

ตอบไปแล้ว ไม่เห็นมา ถก กันต่อเลย

ไม่รักษาคำพูดนี่นา

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 18:57:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24

เซน ต้องมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร จึงจะถึงพระนิพพาน?

เซน กับ กระทู้ของผม เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:20:01 ]

ความคิดเห็นที่ 25

เซนต้อง นั่งสมาธิอย่างเดียวครับ ถึงจะถึงนิพพานได้

กระทู้ของคุณ คือ อยากให้คนเข้าใจหลักศาสนาพุทธ

ศาสนาพุทธที่สุดคือนิพพาน แล้วทำไมมันจะเกี่ยวกันไม่ได้

ผมตอบละเอียดแล้วนะครับ ถ้าไม่เข้าใจก็รบกวน กลับไปอ่าน คห 22 อีกครั้งครับ

แล้วคราวนี้อธิบายให้ผมเข้าใจได้ยังครับเรื่อง
ผมงง ครับ ถ้าอยากไม่อยากไปถึงนิพพาน(ที่สุดของพุทธศาสนา) แล้วประโยชน์อะไรเหรอครับ หรือหลักการอะไรที่คุณจะแนะนำหรือสั่งสอนผู้อื่นในเมื่อคุณ ยังคิดว่าไม่เหมาะสม

ขอความกรุณาครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:27:07 ]

ความคิดเห็นที่ 26

คุณ Dhama Cyber ครับ

ถ้าความเข้าใจในหลักศาสนาพุทธ ของคุณยังมีอยู่อย่างจำกัด

ก็ขอได้โปรดอย่า ไปวิพากวิจารณ์ ใครเขาเลยครับ

ด้วยความเคารพนะครับ ไม่ใช่ดูถูกคุณ แต่การที่คุณจะรีบด่วนสรุปจากความรู้อันจำกัดของคุณ

ผมว่ามันไม่ถูกต้องหรอกครับ

กบในกะลา มันมีอยู่ทุกที่แหละครับ ผมเองก็เป็นเพียงแค่กบตัวเล็กๆตัวนึงเท่านั้นเอง

ด้วยความเคารพอย่างสูงนะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:32:17 ]

ความคิดเห็นที่ 27

ถ้าเช่นนั้นรบกวนอธิบายคำว่าเซนให้ทราบหน่อยครับคุณWareZ?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:37:12 ]

ความคิดเห็นที่ 28

ต้องขอแจ้งให้ทราบครับว่าผมเป็นพุทธเถรวาท
ไม่ใช่มหายาน ถ้าคุณแสดงให้ผมทราบไม่ได้
ผมจะแสดงให้คุณทราบเอง

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:38:38 ]

ความคิดเห็นที่ 29

เมื่ออธิบายแล้วกรุณาอ้างอิงด้วยครับ
อย่าสักแต่ตอบแบบแถกแถ หรือตอแบบคนที่ไม่มีความรู้ในเรื่อง
พุทธศาสนาเลย

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:40:09 ]

ความคิดเห็นที่ 30

ผมเป็นก็แต่เพียงนักศึกษา มีอะไรมาให้ผมศึกษาผมก็ศึกษาไป

ผมไม่อาจ อ้างตัวเป็นผู้รู้ได้หรอกครับ

นิกายใดๆ เป้าหมายคือ นิพพานเช่นกัน

แสดงมาเลยครับ เถรวาทของคุณ

ผมความรู้น้อยครับ อัตตายิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ซึ่งทำให้ผมรับรู้อะไรได้อีกมากครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:41:19 ]

ความคิดเห็นที่ 31

ทุกสิ่งอย่าง นั้นเป็น "ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"
คุณWareZเห็นด้วยไหม?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:42:41 ]

ความคิดเห็นที่ 32

ผมจะขออนุญาตบันทึกไว้ด้วยจะได้ไหมครับ

จะได้ตั้งชื่อว่า การแสดงธรรมะ แบบเถรวาทของคุณ Dhaman Cyber

ผมจะได้มาศึกษาและปฏิบัติตาม เพื่อความเข้าใจที่ดีขึ้น

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:43:38 ]

ความคิดเห็นที่ 33

ดีครับ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:44:42 ]

ความคิดเห็นที่ 34

ทุกสิ่งอย่าง นั้นเป็น "ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"
คุณWareZเห็นด้วยไหม?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 35

เอาเลยครับ ผมรอฟังอยู่

ปล.ผมไม่เคยแก้ไขข้อความนะครับ เป็นอย่างไรก็ให้มันเป็นไปอย่างนั้น

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:45:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36

ทุกสิ่งอย่าง นั้นเป็น "ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา"
คุณWareZเห็นด้วยไหม?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:45:55 ]

ความคิดเห็นที่ 37

ไม่ทราบครับ ช่วยอธิบายด้วย

ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

คืออะไรครับ

แล้วเป้าหมายสูงสุดของ เถรวาทของคุณ คืออะไร ทำอย่างไรจะเข้าถึงได้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:46:38 ]

ความคิดเห็นที่ 38

ผมต้องขอความกรุณาด้วยครับ ผมเคยได้ยินคำว่านิพพาน

แต่ผมไม่ได้มีความรู้ ศัพท์บาลียากๆครับ

โปรดอภัยคนที่มีความรู้น้อยเช่นผมเถิดนะครับ

ช่วยอธิบายด้วยศัพท์ที่ผมพอจะเข้าใจด้วย

ขอบพระคุณล่วงหน้าไว้ ณ.ที่นี้ด้วยนะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:49:59 ]

ความคิดเห็นที่ 39

ถ้าย้อนถามเช่นนี้ผมขอถามเช่นเดิม

เซน ต้องมีวิธีการปฏิบัติอย่างไร จึงจะถึงพระนิพพาน?

เซน กับ กระทู้ของผม เกี่ยวข้องกันอย่างไร?

เมื่ออธิบายแล้วกรุณาอ้างอิงด้วยครับ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 19:51:49 ]

ความคิดเห็นที่ 40

ผมตอบไปแล้วคุณไม่อ่านเอง

ทำอย่างไรถึงจะถึงพระนิพพานในแบบ เถรวาทของคุณครับ

หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณคงตอบผมได้นะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:53:01 ]

ความคิดเห็นที่ 41

เมื่อมีความรู้อยู่ตรงหน้าผมชักจะหายเมาแล้วสิครับ

ต้องเป็นโอกาสอันดีแน่ๆทำให้ผมได้พบกับผู้รู้จริง ทางเถรวาท

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 42

ตอบอีกครั้งก็ได้ครับ

นั่งสมาธิ เป็นทางเดียวที่จะเข้าถึงพระนิพพานได้ ตามความหมายของเซน

แล้วทาง เถรวาทของคุณหละครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:58:08 ]

ความคิดเห็นที่ 43

อย่าเงียบนานสิครับ

นี่เป็นโอกาสทองของผมที่จะได้ตักตวงความรู้ทางด้าน เถรวาทจากคุณ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 19:59:24 ]

ความคิดเห็นที่ 44

ถ้าจะเอาอ้างอิงก็นี่ครับ

http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99

แต่ถ้าคุณเชื่อจากที่อ้างอิง คุณก็ไม่ใช่พุทธแท้แล้วหละครับ เพราะว่าคุณไม่ได้ใช้หลักกาลามสูตร ที่พุทธองค์เคยตรัสไว้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:02:00 ]

ความคิดเห็นที่ 45

ผมขอแสดงง่ายๆ แบบให้เด็กอนุบาลเข้าใจได้ง่ายก่อนกับคำว่า

ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา

ทุกขัง = ทุกข์ คือ ความทุกข์ใจที่เกิดจากสภาพต่างๆที่แสดงผ่านจิตใจให้เกิดความขุ่นมัว หมองมัว

อนิจจัง คือ ความไม่เที่ยงแท้แน่นอน เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

อนัตตา คือ ความไม่มีตัวตน

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:03:02 ]

ความคิดเห็นที่ 46

หายไปเสียแล้วเหรอครับ

แหม ผมเสียดายโอกาสทองของผมจริงๆ

มีไม่มากครับ ที่จะมีผู้รู้จริงมาบอกเกี่ยวกับเถรวาท

ผมยังหวังว่าคุณ Dhama Cyber คงจะกลับมาให้ความรู้กับผมอยู่นะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:03:50 ]

ความคิดเห็นที่ 47

ขอบพระคุณมากๆครับ

แล้วที่สุดของเถรวาท คืออะไรครับ ทำอย่างไรถึงจะไปถึงสภาวะนั้นได้ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:04:53 ]

ความคิดเห็นที่ 48

ความคิดเห็นที่ 44
ผมก็หาเจอจากที่นั่นแหละครับ
เพราะผมไม่รู้เกี่ยวกับเซน จึงต้องเมือนกับคุณนั่นแหละ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 49

คุณไม่เหมือนกับผมหรอกครับ เพราะผมเป็นเพียงนักศึกษา ความรู้ความเข้าใจยังน้อยครับ

แล้วตอบคำถามผมได้หรือยังครับว่า

ที่สุดของเถรวาท คืออะไรครับ ทำอย่างไรถึงจะไปถึงสภาวะนั้นได้ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 50

อย่าเงียบนานสิครับ ผมมันก็นักศึกษาใจร้อนซะด้วยสิ

แต่ผมรอได้ครับ เพราะว่าผมเข้าใจว่านี่เป็นโอกาสทอง

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:13:11 ]

ความคิดเห็นที่ 51

ผมขอกล่าวโดยสรุปนะครับคุณWareZ
ที่สุดของเถรวาท คือ นิพพาน
นิพพาน คืออะไร นิพพาน คือเช่นนี้
นิพพานเป็นเช่นนี้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=23&A=8870

นิพพานสูตร
[๒๓๘] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ พระวิหารเวฬุวัน กลันทก-
*นิวาปสถาน ใกล้พระนครราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล ท่านพระสารีบุตรกล่าวกะภิกษุ
ทั้งหลายว่า ดูกรอาวุโสทั้งหลาย นิพพานนี้เป็นสุข ดูกรอาวุโสทั้งหลาย นิพพาน
นี้เป็นสุข เมื่อท่านพระสารีบุตรกล่าวอย่างนี้แล้ว ท่านพระอุทายีได้กล่าวกะท่าน
พระสารีบุตรว่า ดูกรอาวุโสสารีบุตร นิพพานนี้ไม่มีเวทนา จะเป็นสุขได้
อย่างไร ฯ
ท่านพระสารีบุตรกล่าวว่า ดูกรอาวุโส นิพพานนี้ไม่มีเวทนานั่นแหละ
เป็นสุข ดูกรอาวุโส กามคุณ ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน คือ รูปที่จะพึงรู้
แจ้งด้วยจักษุ อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ เป็นที่รัก ยั่วยวน ชวนให้
กำหนัด เสียงที่จะพึงรู้แจ้งด้วยหู ฯลฯ กลิ่นที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจมูก ฯลฯ รสที่จะพึง
รู้แจ้งด้วยลิ้น ฯลฯ โผฏฐัพพะที่จะพึงรู้แจ้งด้วยกาย อันน่าปรารถนา น่าใคร่
น่าพอใจ เป็นที่รัก ยั่วยวนชวนให้กำหนัด กามคุณ ๕ ประการนี้แล ดูกรอาวุโส
สุขโสมนัสย่อมเกิดขึ้น เพราะอาศัยกามคุณ ๕ ประการนี้ นี้เรียกว่ากามสุข ฯ
ดูกรอาวุโส ภิกษุในธรรมวินัยนี้ สงัดจากกาม ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน
อยู่ ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยกาม
ย่อมฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคล
ผู้มีความสุข เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยกาม
เหล่านั้น ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน
ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพาน
เป็นสุขอย่างไร ท่านจะพึงทราบได้โดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุทุติยฌาน ฯลฯ เพราะวิตกวิจารสงบไป
ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยวิตกย่อม
ฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคล
ผู้มีความสุข เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยวิตก
เหล่านั้น ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน
ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็น
สุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุตติยฌาน ฯลฯ ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหาร
ธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยปีติย่อมฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธของ
เธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีความสุข เพียงเพื่อเบียดเบียน
ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยปีติ ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็น
อาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็น
ความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็นสุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดยปริยาย
แม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหาร
ธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยอุเบกขาย่อมฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธ
ของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีความสุข เพียงเพื่อเบียด
เบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยอุเบกขา ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น
ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธ
นั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็นสุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดย
ปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง เพราะล่วงรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง ฯลฯ ภิกษุ
บรรลุอากาสานัญจายตนฌาน โดยคำนึงเป็นอารมณ์ว่า อากาศไม่มีที่สุด ถ้าเมื่อ
ภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยรูปย่อมฟุ้งซ่าน ข้อ
นั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีความสุข
เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยรูปย่อมฟุ้งซ่านแก่
ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียก
อาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็นสุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้
โดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุวิญญาณัญจายตนฌาน ฯลฯ ถ้าเมื่อภิกษุนั้นอยู่
ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยอากาสานัญจายตนะย่อมฟุ้งซ่าน
ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีความสุข
เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยอากาสานัญจายตนะ
ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน ซึ่งพระผู้มี
พระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็นสุขอย่างไร
ท่านพึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุอากิญจัญญายตนฌาน ฯลฯ ถ้าเมื่อภิกษุนั้น
อยู่ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยวิญญาณัญจายตนะย่อม
ฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้
มีความสุข เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยวิญญา-
*นัญจายตนะย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้นเหมือนกัน
ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส นิพพานเป็น
สุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ฯลฯ ถ้าเมื่อ
ภิกษุนั้นอยู่ด้วยวิหารธรรมข้อนี้ สัญญามนสิการอันสหรคตด้วยอากิญจัญญายตนะ
ย่อมฟุ้งซ่าน ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ เปรียบเหมือนความทุกข์พึงเกิดขึ้นแก่
บุคคลผู้มีความสุข เพียงเพื่อเบียดเบียน ฉันใด สัญญามนสิการอันสหรคตด้วย
อากิญจัญญายตนะ ย่อมฟุ้งซ่านแก่ภิกษุนั้น ข้อนั้นเป็นอาพาธของเธอ ฉันนั้น
เหมือนกัน ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเรียกอาพาธนั้นว่าเป็นความทุกข์ ดูกรอาวุโส
นิพพานเป็นสุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดยปริยายแม้นี้ ฯ
อีกประการหนึ่ง ภิกษุบรรลุสัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะล่วงเนวสัญญา
นาสัญญายตนฌานโดยประการทั้งปวง อาสวะทั้งหลายของเธอสิ้นรอบแล้ว เพราะ
เห็นด้วยปัญญา ดูกรอาวุโส นิพพานเป็นสุขอย่างไร ท่านพึงทราบได้โดยปริยาย
แม้นี้ ฯ

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_line.php?B=25&A=3977

อุทาน ปาฏลิคามิยวรรคที่ ๘

๑. นิพพานสูตรที่ ๑
[๑๕๘] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วย
ธรรมมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้ว
น้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้-
*มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย อายตนะนั้นมีอยู่ ดิน น้ำ ไฟ ลม อากาสานัญจายตนะ
วิญญาณัญจายตนะ อากิญจัญญายตนะ เนวสัญญานาสัญญายตนะ โลกนี้ โลกหน้า
พระจันทร์และพระอาทิตย์ทั้งสอง ย่อมไม่มีในอายตนะนั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย
เราย่อมไม่กล่าวซึ่งอายตนะนั้นว่า เป็นการมา เป็นการไป เป็นการตั้งอยู่ เป็นการ
จุติ เป็นการอุปบัติ อายตนะนั้นหาที่ตั้งอาศัยมิได้ มิได้เป็นไป หาอารมณ์มิได้
นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
จบสูตรที่ ๑

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=3993&Z=4006

๒. นิพพานสูตรที่ ๒
[๑๕๙] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ให้สมาทาน ให้อาจหาญ ให้ร่าเริง ด้วย
ธรรมีกถาอันปฏิสังยุตต์ด้วยนิพพาน ก็ภิกษุเหล่านั้นกระทำให้มั่น มนสิการแล้ว
น้อมนึกธรรมีกถาด้วยจิตทั้งปวงแล้ว เงี่ยโสตลงฟังธรรม ฯ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้วได้ทรงเปล่งอุทาน
นี้ในเวลานั้นว่า
ฐานะที่บุคคลเห็นได้ยากชื่อว่านิพพาน ไม่มีตัณหา นิพพาน
นั้นเป็นธรรมจริงแท้ ไม่เห็นได้โดยง่ายเลย ตัณหาอัน
บุคคลแทงตลอดแล้ว กิเลสเครื่องกังวลย่อมไม่มีแก่บุคคล
ผู้รู้ ผู้เห็นอยู่ ฯ
จบสูตรที่ ๒

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=4007&Z=4021&pagebreak=0

๓. นิพพานสูตรที่ ๓

[๑๖๐] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้แจงให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ... เงี่ยโสตลงสดับธรรม ลำดับนั้นแล
พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ธรรมชาติไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุง
แต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ดูกรภิกษุทั้งหลาย ถ้าธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็นแล้ว
อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว จักไม่ได้มีแล้วไซร้ การสลัดออก
ซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว จะไม่พึง
ปรากฏในโลกนี้เลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เพราะธรรมชาติอันไม่เกิดแล้ว ไม่เป็น
แล้ว อันปัจจัยกระทำไม่ได้แล้ว ปรุงแต่งไม่ได้แล้ว มีอยู่ ฉะนั้น การสลัด
ออกซึ่งธรรมชาติที่เกิดแล้ว เป็นแล้ว อันปัจจัยกระทำแล้ว ปรุงแต่งแล้ว
จึงปรากฏ ฯ
จบสูตรที่ ๓

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๕ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๗
ขุททกนิกาย ขุททกปาฐะ-ธรรมบท-อุทาน-อิติวุตตกะ-สุตตนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=25&A=4022&Z=4033&pagebreak=0

๔. นิพพานสูตรที่ ๔

[๑๖๑] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวันอารามของ
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาค
ทรงชี้ให้ภิกษุทั้งหลายเห็นแจ้ง ... เงี่ยโสตลงฟังธรรม ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระ-
*ภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ความไม่หวั่นไหว
ย่อมมีแก่บุคคลผู้อันตัณหาและทิฐิอาศัย ย่อมไม่มีแก่ผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัย
เมื่อความหวั่นไหวไม่มี ก็ย่อมมีปัสสัทธิ เมื่อมีปัสสัทธิ ก็ย่อมไม่มีความยินดี
เมื่อไม่มีความยินดี ก็ย่อมไม่มีการมาการไป เมื่อไม่มีการมาการไป ก็ไม่มีการจุติ
และอุปบัติ เมื่อไม่มีการจุติและอุปบัติ โลกนี้โลกหน้าก็ไม่มี ระหว่างโลกทั้งสอง
ก็ไม่มี นี้แลเป็นที่สุดแห่งทุกข์ ฯ
จบสูตรที่ ๔

ผมขอสรุปนะครับ
ดังนั้นการจะเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องทำให้ตนหลุดพ้น
จากความเป็นทุกข์ทั้งหลายครับ
(ที่จริงมีแยกย่อยอีกมากมาย)

เพราะเห็นว่าคุณWareZบอกว่าความรู้ของคุณWareZยังน้อย
จึงขอแนะนำให้ศึกษาเพิ่มเติมได้จากพระไตรปิฏก
ไม่ใช่เพราะธรรมกาย ธรรมกายสอนแบบผิดๆ
โดยบิดเบือน คำสอนพระไตรปิฏก จาก ทุกสิ่งอย่าง
เป็น ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ให้กลายเป็น
นิจจัง สุขัง อัตตา

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:19:10 ]

ความคิดเห็นที่ 52

การเข้าถึงนิพพานแบบ เถรวาทได้ ต้องทำอย่างไรครับ

ทำบุญมากๆหรือเปล่าครับ หรือต้องทำอย่างไรครับ

ไอ้ที่คุณยกมาให้อ่าน ผมก็อ่านแล้วครับ แต่จะทำอย่างไรจึงจะถึงได้

อันนี้ต้องให้ผู้ที่รู้จริงอย่างคุณมาตอบผม ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:21:23 ]

ความคิดเห็นที่ 53

คุณWareZ แสดงให้เห็นแล้วว่า
คุณมันก็เด็กวิทยาศาสตร์คนหนึ่งที่ไม่ได้สนใจศึกษา
ในพุทธศาสนาเลย

จนไม่รู้ว่า ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา เป็นอย่างไร?

ผมตอบคุณหมดแล้ว และทีนี้ผมขอถามคุณบ้างได้ไหม?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:23:26 ]

ความคิดเห็นที่ 54

ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้ คุณไม่เห็นจะตอบผมเลย

เฮ้อ ผมไม่ได้เจอโอกาสทองหรือนี่

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:25:05 ]

ความคิดเห็นที่ 55

ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้
ตอบผมหรือยังครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:26:06 ]

ความคิดเห็นที่ 56

กรุณาย้อนกลับไปอ่าน คหที่51อีกครั้งให้ถ้วนถี่

และกรุณาตอบผมด้วยว่า ผมควรจะได้ถามคุณWareZได้หรือยัง?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 57

คำตอบคืออะไรหละครับ
ตอบเองไม่ได้ เอาแต่อ้างอย่างเดียว

ผมว่าผมคงไม่ได้เจอโอกาสทองอย่างที่ผมคิดแล้วหละ

เสียใจและก็เสียดายมากๆเลยครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:28:39 ]

ความคิดเห็นที่ 58

กรุณาย้อนกลับไปอ่าน คหที่51อีกครั้งให้ถ้วนถี่

และกรุณาตอบผมด้วยว่า ผมควรจะได้ถามคุณWareZได้หรือยัง?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:30:26 ]

ความคิดเห็นที่ 59

ตอบผมไม่ได้ แสดงว่าคุณก็ไม่ได้รู้จริง

ก็ได้แต่เพียงอ้างตำรา ซึ่งนั่นพระพุทธเจ้าก็ทรงตรัสไว้แล้วว่าอย่าไปเชื่อ

ผมคงไม่ต้องคุยอะไรกับคุณ Dhama Cyber อีกแล้วหละครับ

ผมคงต้องไปหาโอกาสศึกษากับท่านอื่นๆเอา

เสียดายจริงๆนะครับ นึกว่าคุณ Dhama Cyber จะรู้จริงเสียอีก

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:31:51 ]

ความคิดเห็นที่ 60

ทำอย่างไรจึงจะเข้าถึงนิพพานได้ คุณเลิกโต้กับคุณ Dhama Cyber เสีย แล้วไปทำตามนี้

พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๐ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=มหาสติปัฏฐานสูตร&book=9&bookZ=33

๙. มหาสติปัฏฐานสูตร (๒๒)
[๒๗๓] ข้าพเจ้าได้สดับมาอย่างนี้-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในกุรุชนบท มีนิคมของชาวกุรุ ชื่อว่า
กัมมาสทัมมะ ณ ที่นั้น พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคว่า พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาค
ได้ตรัสพระพุทธภาษิตนี้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อ
ความบริสุทธิ์ของเหล่าสัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญ
แห่งทุกข์และโทมนัส เพื่อบรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔ ประการ ๔ ประการ เป็นไฉน ดูกรภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑
พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและ
โทมนัสในโลกเสียได้ ๑ พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสียได้ ๑ ฯ
จบอุทเทสวารกถา
[๒๗๔] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นกายในกายอยู่อย่างไรเล่า
ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ไปสู่ป่าก็ดี ไปสู่โคนไม้ก็ดี ไปสู่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า เมื่อ
หายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า เรา
หายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจเข้า
สั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอด
กองลมหายใจทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้ตลอดกอง
ลมหายใจทั้งปวงหายใจเข้า ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก
ย่อมสำเหนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดูกรภิกษุทั้งหลาย นายช่าง
กลึงหรือลูกมือของนายช่างกลึงผู้ขยัน เมื่อชักเชือกกลึงยาว ก็รู้ชัดว่า เราชักยาว
เมื่อชักเชือกกลึงสั้น ก็รู้ชัดว่า เราชักสั้น แม้ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นเหมือนกัน
เมื่อหายใจออกยาว ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกยาว เมื่อหายใจเข้ายาว ก็รู้ชัดว่า
เราหายใจเข้ายาว เมื่อหายใจออกสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจออกสั้น เมื่อหายใจ
เข้าสั้น ก็รู้ชัดว่า เราหายใจเข้าสั้น ย่อมสำเนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดรู้กองลม
ทั้งปวงหายใจออก ย่อมสำเนียกว่า เราจักเป็นผู้กำหนดกองลมทั้งปวงหายใจเข้า
ย่อมสำเนียกว่า เราจักระงับกายสังขารหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เรา
จักระงับกายสังขารหายใจเข้า ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นกายใน
กายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายทั้ง
ภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็น
ธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อม
ในกายบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมีอยู่ ก็เพียง
สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัย
อยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า
พิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ

จบอานาปานบรรพ

ฯลฯ

เอาแค่บรรพแรกก่อน ที่เหลือไปอ่านต่อเองตามลิ้งค์นะพ่อหนุ่มน้อย

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 20:33:41 ]

ความคิดเห็นที่ 61

ไม่รู้จริง คราวหน้าคราวหลังก็อย่ารีบไปตัดสินใครเขา

เดี๋ยวเขาจะหัวเราะเยาะเอาได้ครับ ว่า ไม่รู้จริงยังอยากจะอวดรู้อีก

ส่วนผม ผมไม่คิดมากหรอกครับ ผมก็คงต้องเสาะแสวงหาผู้รู้จริงเพื่อที่จะให้ความกระจ่างผมไปเรื่อยๆ

พวกอ้างตำรานี่ ขอลาเลยครับ ไม่ได้มีความรู้จริงสักนิดเดียว

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:33:51 ]

ความคิดเห็นที่ 62

๑. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา

๒. อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา

๓. อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ

๔. อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา

๕. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา

๖. อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา

๗. อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล

๘. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน

๙. อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้

๑๐.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน

เผื่ออยากจะอ้างอะไรอีก หรือจะอ้างอีกว่านี่พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:36:09 ]

ความคิดเห็นที่ 63

ไอ้คนไม่รู้จริงคือใครกันแน่

แม้แต่ ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา
ก็ไม่รู้จัก

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:36:33 ]

ความคิดเห็นที่ 64

คำถามก็ไม่เห็นยาก

ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้

ตอบไม่ได้ เอาแต่อ้างตำรา ไปนอนดีกว่า

หวังลึกๆว่า ตื่นมาแล้ว กลับมาดู คงได้คำตอบ ที่ไม่ได้อ้างตำรานะครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:37:36 ]

ความคิดเห็นที่ 65

ผมก็บอกแล้วว่าผมไม่รู้ ผมมันก็แค่นักศึกษา

ถ้ารู้จะมาถามคุณทำไมหละ นึกว่าจะเจอขุมทรัพย์

ดันเจอถัง ข....... เซ็งเลย

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:39:16 ]

ความคิดเห็นที่ 66

เจ้าหนูเอ๊ย แล้วรู้มั้ยล่ะว่าตำรา (พระไตรปิฎก) หมายถึงอะไร

หมายถึง บันทึกผลการปฏิบัติของพระพุทธเจ้า รู้ไว้เสีย
เพราะฉะนั้น ถ้าจะทำให้ถึงนิพพาน ก็ต้องทำไปตามที่พระเถระสมัยต่อๆ มา
บันทึกวิธีการปฏิบัติของพระพุทธเจ้าไว้ในพระไตรปิฎก เข้าใจบ่ ????

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 20:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 67

ขอบพระคุณท่านTogether In 80s Dreamที่ยกมหาสติปัฏฐานสูตรมา

ผมเพียงต้องการอธิบายแบบง่ายๆให้ไอ้เด็กวิทยาศาสตร์คนนี้
มันเข้าใจง่ายๆแบบมนุษย์โลก

พออ้างอะไรหน่อยก็ไม่เอา!!!!

แต่อย่างว่าลูกสมุนสาวกอลัชชีตนนี้
คงไม่สนใจคำสอนใครง่ายๆเท่ากับอาจารย์ของมัน

กลับไปเถิดคุณWareZ กลับไปเมา

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 20:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 68

ก็พระองค์ตรัสไว้เองไม่ใช่เหรอครับ

ว่าไม่ให้เชื่อตำรา

โห คำถามผมมันยากมากนักเหรอไงเนี่ย

ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้

ทำบุญเข้าพระนิพพานได้ไหมครับ

ถ้าไม่ได้ต้องทำอย่างไรถึงจะเข้าพระนิพพานได้ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:45:52 ]

ความคิดเห็นที่ 69

กรำจริงๆ ตอบคำถามเขาไม่ได้เพราะไม่รู้จริงก็พาลฟาดงวงฟาดงา

ถึงว่าพระพุทธองค์ จึงได้ตรัสไว้เช่นนี้เอง

ธรรมะจากพระองค์ประเสริฐแล้ว

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 70

คห.62 ไปจำขี้ปากใครเขามาละ ถึงได้มาแค่นี้ ลืมใจความสำคัญไปหรือเปล่า ?????

ฯลฯ
ดูกรกาลามชนทั้งหลาย เราได้กล่าวคำใดไว้ว่า ดูกรกาลามชนทั้งหลาย
มาเถอะท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายอย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟังมา อย่าได้
ยึดถือตามถ้อยคำสืบๆ กันมา อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า ได้ยินว่าอย่างนี้ อย่า
ได้ยึดถือโดยอ้างตำรา อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตาม
อาการ อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่าต้องกันกับทิฐิของตน อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่า
ผู้พูดสมควรเชื่อได้ อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล ธรรม
เหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้
บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข เมื่อนั้นท่าน
ทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่ เพราะอาศัยคำที่เราได้กล่าวไว้แล้วนั้น เรา
จึงได้กล่าวไว้ดังนี้
ฯลฯ

http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=เกสปุตตสูตร&book=9&bookZ=33

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 20:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 71

แล้วเมื่อไหร่จะตอบคำถามง่ายๆของผมได้เนี่ย

นิพพานคือที่สุดของศาสนาพุทธ (อันนี้คงไม่เถียงอีกนะ)

แล้วทำอย่างไรจะเข้านิพพาน(ซึ่งเป็นที่สุดของศาสนาได้)
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้
ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้

ยากมากใช่ไหม ตอบไม่ได้ใช่ไหม ใครกันแน่ที่ แถ ใครกันแน่ที่โยกโย้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:51:58 ]

ความคิดเห็นที่ 72

WareZ เมาก็ไปนอนซะ

ทำอย่างไรจึงจะเข้านิพพานได้

ก็กลับไปอ่าน คห.60 สิ เมาจนอ่านภาษาคนไม่ออกสินี่

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 20:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 73

สรุปก็ตอบไม่ได้

ถามศาสนาอื่นเขาตอบทันทีเลย เพราะเขามั่นใจ

แต่ถามพวกผู้(อ้างตัวว่า)รู้ กลับไม่สามารถตอบได้

เบื่อครับ เบื่อมากๆ เอาแต่อ้างตำรา ตอบอะไรเองก็ไม่ได้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 74

แล้วบอกว่านับถือๆ นับถือแต่ปากเหรอครับ

ไม่มีวิถีทางที่แน่นอนเหรอครับในการไปสู่ที่สุดตามหลักศาสนา

แค่เด็กโง่ๆคนนึงมาถามยังตอบไม่ได้เลย

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:56:00 ]

ความคิดเห็นที่ 75

ท่าน Dhama Cyber ที่ข้าพเจ้ายกอะไรๆ มาก็เพื่อให้คนอื่นเขาเห็นว่า
สมุนอลัชชีมันจะแถกแถแค่ไหนเท่านั้นเอง

เพราะพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ทุกอย่างแล้ว
ไปละนะท่าน Dhama Cyber ข้าพเจ้าไม่ถนัดเถียงกับคนเมา
ถนัดแต่เอาขวดตีกบาลให้มันแหกกันไปข้างนึง 5555555

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 20:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 76

สรุปก็ตอบไม่ได้

ได้แต่ด่า ได้แต่ว่า ได้แต่ประชดประชัน

มันก็ไม่ต่างกับคนที่คุณไปวิจารณ์เขาหรอกครับ

คำถามง่ายๆ ยังตอบไม่ได้ ไหนเลยจะไปทำอย่างอื่นได้

ได้แต่อวดดี ไปวันๆ เบื่อครับ พุทธแต่ปาก

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 20:58:44 ]

ความคิดเห็นที่ 77

เบื่อครับ เบื่อมากๆ เอาแต่อ้างตำรา ตอบอะไรเองก็ไม่ได้
จากคุณ : WareZ

---------------------------------------------
WareZ ก็เลิกสำรอกลมปากเน่าๆ เสีย ปิดคอม แล้วไปนั่งลง ยกตีนขวามาทับตีนซ้าย
หายใจเข้า-ออก ไป อย่าหยุดหายใจล่ะ เดี๋ยวจะตายฮาเสียก่อนจะถึงนิพพาน
นั่งท่อง(ในใจ)ไป เข้า-ออก ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อย่าหยุด
เฮอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอบแล้วจะเข้าใจภาษาคนมั้ยเนี่ย

---------------------------------------

ลาจริงๆ ละนะ ท่าน Dhama Cyber

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 21:02:59 ]

ความคิดเห็นที่ 78

เบื่อตอบ กับไอ้เด็กวิทยาศาสตร์เสียแล้วตอบกี่ทีๆ
มันก็ไม่สนใจ

สงสัยให้มันไปถามอลัชชีปากแดงๆของมันดีกว่า

ให้เห็นด้วยกับผมก็แจ้งบอกด้วยครับ

สอนโคตรกระบิลให้เป็นมนุษย์ มันยากอย่างนี้เองหนอ

อย่าอ๊วกเละเทะเต็มจอ เต็มบอร์ดหล่ะ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 79

แสดงว่านั่งสมาธิ ทำให้ถึงพระนิพพานได้ใช่ไหมครับ

แล้วมีทางอื่นอีกไหมครับ ทำบุญสามารถทำให้เราเข้าถึงพระนิพพานได้ไหม

ตอบดีๆก็ตอบได้นี่นา

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:04:27 ]

ความคิดเห็นที่ 80

ถามดีๆก็ไม่ยอมตอบ กว่าจะตอบก็ด่าซะ

แล้วถามต่อก็ไม่ตอบอีกแล้ว

เอะอะ ก็เมาให้ไปนอน เอะอะก็สมุน อลัชชี

สงสัยมันผิดมากเหรอครับ ตอบไม่ได้ก็ยอมรับสิครับ

ตอนนี้ก็ได้คำตอบแล้วว่า นั่งสมาธิจะทำให้เข้าถึงพระนิพพาน

แล้วทำบุญมากๆ จะเข้าถึงพระนิพพานได้ไหม

ถามดีๆ ไม่ยอมตอบดีๆ เฮ้อออออออออออ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:08:34 ]

ความคิดเห็นที่ 81

ทำบุญอย่างเดียว ทำให้ตายฮา มันก็ไม่ถึงนิพพานหรอก มันต้อง ภาวนา เว๊ย

อ้าว ลืมตัว กรูว่าจะไปแล้วนี่หว่า เหอๆๆ ไปละนะ ง่วงแล้ว

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 21:11:44 ]

ความคิดเห็นที่ 82

กลับไปนอนให้หายเมาเถิด

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:12:37 ]

ความคิดเห็นที่ 83

ถ้าทำบุญก็ไม่ได้เข้าพระนิพพานแล้ว คุณ Dhama Cyber แนะนำให้คนไปทำบุญวัดเล็กทำไมหละครับ

ทำไมไม่แนะนำให้เขานั่งสมาธิอย่างเดียว

งง ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:14:06 ]

ความคิดเห็นที่ 84

ลืมๆ ลืมบอกว่า ทำบุญให้ตายฮา มันก็ไปได้แค่ ดุสิตบุรีวงเฮียพืเศษ
ที่พวกอลัชชีมันตอแล่หลอกคนเขาให้ไปทำบุญเยอะๆ ไปทั่วนั่นแหละ

ไปละ เฮอะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 20 ก.พ. 51 21:16:12 ]

ความคิดเห็นที่ 85

ง่วงแล้วเหมือนกัน

เบื่อตอบด้วย เอาเป็นว่า คหที่51น๊ะ

ถ้าอยากรู้ในรายละเอียดก็อ่าน คหที่70น๊ะ

ถ้ายังไม่เข้าใจอีก กลับไปถามอลัชชีปากแดงๆอยู่แถวๆคลอง3น๊ะจ๊ะ! น๊ะจ๊ะ!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:16:42 ]

ความคิดเห็นที่ 86

ครับ ถ้าทำบุญไม่ได้เข้านิพพาน พวกคุณก็ควรจะแนะนำให้เขานั่งสมาธิใช่ไหมครับ

แค่นี้ก็ชัดเจนแล้วครับ

ต่อไปคุณ Dhama Cyber ก็ไม่ต้องไปแนะนำให้ใครทำบุญวัดเล็กแล้วนะครับ

ชัดเจนแล้ว ต้องแนะนำให้คนนั่งสมาธิไปเลย ทราบแล้วก็อย่าลืมทำหละครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:18:38 ]

ความคิดเห็นที่ 87

คคห 54 ถามว่า..ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้ ....

ผมไม่ตอบเอง ว่า นิพพาน เป็นอย่างไร? ..เพราะ พระบรมศาสดายังทรงยังอยู่

ขออัญเชิญ ตามที่พระบรมศาสดาตรัสไว้ ดังนี้ (อ่านดีดีนะครับ)

สฬา สํ ๑๘/๔๕๒/๗๔๑

ภิกษุทั้งหลาย เราตถาคตจะแสดงซึ่งนิพพาน แก่พวกเธอทั้งหลาย (พวกเธอทั้งหลาย สมัยนี้ด้วย มั๊ยครับ)

พวกเธอทั้งหลาย จงฟังความข้อนั้น

ภิกษุทั้งหลาย นิพพาน เป็นอย่างไรเล่า (ไม่ใช่ เป็น อะไร นะครับ)

ภิกษุทั้งหลาย
ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ อันใด
อันนั้น (คือ ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ)
เราตถาคต เรียกว่า นิพพาน

ตกลง นิพพาน ตามที่ตรัสพระสูตรนี้ ตรงกับ นิพพาน ตามที่ "วัดจานบินอะไรนั่น" เสนอไว้ไหมครับ

ทีนี้ กลับมาที่คำว่า
ทำอย่างไรจะเข้าถึงพระนิพพานได้

ก็ เอา นิพพาน ตามที่ตรัส มา แทน ตรง นิพพาน นะครับ
จะได้ พยัญชนะดังนี้

ทำอย่างไรจะเข้าถึง "ความสิ้นไปแห่งราคะ ความสิ้นไปแห่งโทสะ ความสิ้นไปแห่งโมหะ" ได้

ก็จะได้ คำตอบ ..ตามที่ พระบรมศาสดาตรัสไว้ หลายพระสูตร เช่น

(๑) ..เขานั้น ครั้นบวชแล้วอย่างนี้ ละนิวรณ์ทั้ง ๕ ฯลฯ
(๒)...ฯลฯ

จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) - [ 20 ก.พ. 51 21:19:17 ]

ความคิดเห็นที่ 88

ไม่ได้เข้าข้างใครทั้งนั้น แค่เข้ามาหาความรุ้เฉยๆ

ทำไมต้องสรุปให้ผมมีข้างด้วยเนี่ย

ผมมันคนหัวอ่อน หากใครมีเหตุผล ที่ดีพอ ผมก็เชื่อแล้วครับ

แต่ได้คำตอบมาก็อึ้งเหมือนกันนะครับ แล้วอย่างนี้ คุณ Dhama Cyber ไปชวนคนทำบุญวัดเล็ก

คนก็ไม่ได้เข้าถึงพระนิพพานอยู่ดี ทำไมไม่ชวนเขานั่งสมาธิหละครับ

งง ครับ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:23:43 ]

ความคิดเห็นที่ 89

^
^
^
"หากจะนำเงินไปทำบุญพัฒนาวัด ควรเอามาพัฒนาวัดเล็กๆดีกว่ามั๊ย?"

มันอ่านไม่เข้าใจเลยหรือครับ ทั้งๆที่เป็นภาษามนุษย์แท้ๆ
จาก คหที่10

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:28:05 ]

ความคิดเห็นที่ 90

แล้วสมาธิแบบเซนเป็นยังไงหล่ะ?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:29:09 ]

ความคิดเห็นที่ 91

ก็ในเมื่อทำบุญไปมันก็ไม่ได้เข้านิพพานอยู่ดี

ทำไมคุณ Dhama Cyber ไม่ชวนเขาไปนั่งสมาธิหละครับ

หรือคุณ Dhama Cyber ไม่อยากให้เขาหลุดพ้น

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:29:15 ]

ความคิดเห็นที่ 92

สมาธิแบบเซนในความหมายของWareZ
สามารถเจริญให้เข้าสูนิพพานได้อย่างไร?

สงสัยผมจะพบทองเนื้อดีซะแล้ว!!!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 93

หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:31:41 ]

ความคิดเห็นที่ 94

ให้ Dhama Cyber

จากคุณ : rxkku - [ 20 ก.พ. 51 21:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 95

ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:32:24 ]

ความคิดเห็นที่ 96

ขอบพระคุณสำหรับบัวพ้นน้ำ

แล้วตกลง
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:33:50 ]

ความคิดเห็นที่ 97

คุณ Dhama Cyber ไม่ได้หวังดีกับเขาจริงๆนี่นา

ไม่ยอมบอกทางไปสู่นิพพาน มัวแต่หลอกให้เขาไปทำบุญอยู่ได้

คุณ Dhama Cyber รู้ความจริงแล้วก็อย่าเห็นแก่ตัว เก็บไว้คนเดียวสิครับ

ชวนคนอื่นๆไปนั่งสมาธิด้วยสิครับ ไม่ต้องไปชวนใครทำบุญแล้ว

ทำบุญไม่ได้ทำให้ไปถึงนิพพาน นั่งสมาธิดีกว่า จะช้ายังไง นิพพานแน่นอน

รู้อย่างนี้แล้ว คราวหลังก็อย่าเห็นแก่ตัวเก็บความรู้ไว้คนเดียวอีกนะครับ คุณ Dhama Cyber

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:33:52 ]

ความคิดเห็นที่ 98

หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?

แค่นี้ก็ตอบไม่ได้!!!!!!!!!!!!!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:34:30 ]

ความคิดเห็นที่ 99

โธ่เอ่ย ผมว่าผมเจอทองเนื้อดีซะแล้วน๊ะ

นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:35:24 ]

ความคิดเห็นที่ 100

ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

อยากรู้ อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:36:16 ]

ความคิดเห็นที่ 101

ผมไม่รู้ ผมรู้แต่ว่า ที่สุดของเซนคือนิพพาน จะเข้าถึงต้องนั่งสมาธิ

จะว่าไปก็เหมือนๆของคุณนะ

ผมก็บอกไว้แต่แรกแล้วว่า ผมความรู้น้อย ผมเป็นแค่นักศึกษา

จะมาเอาอะไรกับนักศึกษาอย่างผม ใครมีความรู้ดีผมก็ขอฝากตัวหน่อย

แค่นั้น ไม่เข้าใจรึ

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:36:48 ]

ความคิดเห็นที่ 102

ตอบไอ้คนที่รู้น้อยอย่างที่คุณกล่าวหาผมหน่อยเถิด

หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:37:15 ]

ความคิดเห็นที่ 103

ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

ถามตัวเองดีกว่าไหมครับ ไปชวนคนทำบุญหนะ(อย่าบอกนะครับว่าไม่ได้ชวน)
เมื่อตะกี้ก็เพิ่งบอกว่า ทำบุญไม่ได้ทำให้เข้านิพพาน ตอนนี้จะมาถามเอาอะไร
สับสนตัวเองป่าวเนี่ย

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 104

ก็ไหนว่ารู้เรื่อง เซนไง????

หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?
หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 105

ผมได้คำตอบของผมแล้วหละครับ

1.ทำอย่างไรให้เข้านิพพาน
ตอบ นั่งสมาธิ

2.ทำบุญทำให้เข้าถึงนิพพานได้ไหม
ตอบ ไม่ได้

ไปหละครับ ขอบคุณสำหรับคำตอบนะครับ
ถ้าจะสับสนต่อก็ตามสบายครับ ผมไม่สับสนแล้วครับ
แต่ข้องใจว่าทำไมคุณ Dhama Cyber รู้แล้วไม่บอกคนอื่น
มัวแต่หลอกให้เขาทำบุญอยู่ได้

จากคุณ : WareZ - [ 20 ก.พ. 51 21:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 106

หลุดพ้นแบบเซนเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:44:01 ]

ความคิดเห็นที่ 107

นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 108

ความคิดเห็นที่ 83

ถ้าทำบุญก็ไม่ได้เข้าพระนิพพานแล้ว คุณ Dhama Cyber แนะนำให้คนไปทำบุญวัดเล็กทำไมหละครับ

จากคุณ : WareZ

แล้วทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 21:51:15 ]

ความคิดเห็นที่ 109

ตกลงปฏิบัติแบบเซนเป็นอย่างไร? WareZก็ตอบไม่ได้
นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร? WareZก็ตอบไม่ได้

เรื่องทำบุญ ผมก็แสดงให้ดูแล้วว่าคุณ WareZ อ่านไม่เข้าใจ
จากความคิดเห็นที่ 89 ที่ย้ำไปถึงประโยคของ คหที่10
มันก็ไม่ยอมเข้าใจ

จะทำอย่างไรให้เข้าสู่นิพพานในแบบเถรวาท?
ก็ตอบไปแล้ว ถ้าตอบแบบภาษามนุษย์เข้าใจง่ายๆ

มันก็ยังไม่ฟัง

พอจะขอถามกลับ ก็ตอบไม่ได้

เฮ้อ เหนื่อย!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 22:02:12 ]

ความคิดเห็นที่ 110

เหนื่อยว่ะ! เจอพวกหน่อมแน้มแบบนี้!

ทีหลังดก็อย่าอวดความโง่ๆออกมาให้คนอื่นเขารู้

แค่สมาธิก็ไม่เข้าใจแล้วไอ้หนู!!

สมาธิน่ะทำอย่างไรเล่าให้ถึงนิพพาน?
ตอบได้ไหม?

การถือไตรลักษณ์พิจารณาถือว่าเป็นสมาธิไหม?
ถ้าตอบว่าใช่?

สิ่งที่WareZตอบออกมาว่า
"ต้องนั่งสมาธิ ถึงจะเข้านิพพาน"
มันก็เป็นคำตอบแบบแถไปที

พอผมอยากจะแถบ้างว่า
การจะเข้าถึงพระนิพพานได้ ต้องทำให้ตนหลุดพ้น
จากความเป็นทุกข์ทั้งหลายครับ (ยกอ้างมาจากคหที่51)
แค่นี้ก็ไม่เข้าใจ

เดือดร้อนถึงคุณTogether In 80s Dreamต้องเอารายละเอียด
ออกมาแสดงให้อีก มันก็ไม่เข้าใจ!!(ยกอ้างจากคหที่60)

คำตอบมันก็เห็นๆกันอยู่ว่า "วิปัสสนา" ไง ไอ้เบื้อกWareZ!! เข้าใจหรือยัง
สมาธิที่ไหนบ้างมานั่งพิจารณาไตรลักษณ์!!!!!

วิปัสสนา แปลตามใจความว่า การคิดอย่างชาญฉลาด มีปัญญา เกี่ยวกับสังขารธรรมอย่างละเอียดโดยใช้ลักษณะต่าง ๆ นา ๆ เช่น คิดถึงรูปขันธ์โดยใช้ลักษณะที่ไม่เที่ยงของรูปขันธ์ว่า "รูปขันธ์ไม่เที่ยง เพราะปกติแล้วรูปขันธ์ ต้องสิ้นไป หมดไป ทำลายไป. ก็ดูซิ รูปขันธ์ในชาติที่แล้ว ก็หมดไปในชาติที่แล้ว ไม่มาถึงชาตินี้, และในชาตินี้ก็จะไม่ไปถึงชาติหน้า ทั้งหมดล้วนต้องหมดไป สิ้นไป แตกทำลายไป ในชาตินั้นๆ นั่นเอง เป็นต้น, ต้องเปรียบเทียบเช่นนี้ ต่อไปอีก เช่น จากแยกเป็นชาติ ก็แยกเป็น ๓ ช่วงอายุ เป็น ๑๐, ๒๐, ๒๕, ๕๐,..เรื่อยไปจนแยกเป็นชั่วเวลาที่ยกเท้า ก้าวเท้า เบี่ยงเท้าเปลี่ยนทิศ วางเท้าลง เท้าแตะถึงพื้น จนกดเท้านี้ลงให้มั่นเพื่อยกเท้าอีกข้างให้ก้าวต่อไป ทั้งหมดก็จบลงไปในช่วงนั้น ๆ นั่นเอง รูปขันธ์ตอนยกก็อย่างหนึ่ง หมดไปแล้ว รูปขันธ์ตอนก้าวเท้าจึงเกิดขึ้นใหม่ แล้วก็ดับไปอีก เป็นต้น. การใคร่ครวญอย่างนี้ยิ่งละเอียดขึ้นเท่าไหร่ยิ่งทำให้ปัญญาเจริญดีเท่านั้น"

อนึ่ง. ลักษณะต่าง ๆ นา ๆ ที่ว่านั้น ท่านเรียกว่า ไตรลักษณ์ แปลว่า ลักษณะ ๓ อย่าง คือ ลักษณะที่ไม่เที่ยง ลักษณะที่เป็นทุกข์ และลักษณะที่เป็นอนัตตา. ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาท่านระบุไว้ว่า "ขึ้นชื่อว่า ลักษณะ มีคติเป็นบัญญัติ เป็นนวัตตัพพธรรม" ฉนั้น ในพระไตรปิฎกหลายที่ จึงกล่าวไตรลักษณ์ไว้หลายชื่อ เช่น ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็น[^_^] เป็นต้น. ฉนั้นนักศึกษา ควรทราบว่า วิปัสสนา เป็นการใช้บัญญัติ คือ ปัจจัตตลักษณะ(วิเสสลักษณะ,ลักขณาทิจจตุกกะ)เช่น ลักษณะที่มาปะจัญหน้ากันของอารมณ์ วัตถุ และวิญญาณ ซึ่งเป็นลักษณะ คือ เป็นเครื่องหมายบ่งใหสังเกตุ้รู้ได้ว่า "สิ่งนี้คือผัสสะ" เป็นต้น และสามัญญลักษณะ(ไตรลักษณ์)เช่น ลักษณะที่ไม่เที่ยง เป็นทุกข ์เป็นอนัตตา เป็นเหมือนโรค เป็นเหมือนหัวฝี เป็นเหมือนลูกศร เป็นต้น มากำหนดปรมัตถ์ เช่น รูปขันธ์เป็นต้น.
ในนี้ก็มี ก็รออยู่ตั้งนานว่ามันจะเอามาอ้างเหมือน เซน ที่มันอ้างไหม?
ม้านนนนนก็ทำโง่ อวดฉลาด ยกตนข่มท่าน!!!!!!!!!!
http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2

ถ้าไม่นั่งวิปัสสนา กี่ชาติๆ มันก็ไม่ถึงนิพพานหรอก
ไอ้เบื้อก!!!!

แล้วทีนี้จะตอบได้หรือยังว่า
ทำบุญให้เข้าสู่นิพพานเป็นอย่างไร?

ตกลงปฏิบัติแบบเซนเป็นอย่างไร?

นิพพานแบบเซนเป็นอย่างไร?

ทีหลังก็ศึกษามาดีๆซะก่อน อย่ามาเอานิสัยอวดโง่ มาแสดง!!
แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 51 22:24:35

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 20 ก.พ. 51 22:23:44 ]

ความคิดเห็นที่ 111

นอนดีกว่า..นะจ๊ะ นะจ๊ะ
ใสสสสสสสสสสสส.....

จากคุณ : นายใบลาน - [ 20 ก.พ. 51 22:24:20 ]

ความคิดเห็นที่ 112

เหนื่อยแทน - -''

จากคุณ : CupJok - [ วันมาฆบูชา 06:42:36 ]

ความคิดเห็นที่ 113

แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 51 09:34:07

จากคุณ : rxkku - [ วันมาฆบูชา 09:33:05 ]

ความคิดเห็นที่ 114

ให้ จขกท ถ่ม:-)เขฬะขึ้น นภา
กลับตกต้องเกศา
เฉกคนหมิ่นครูบา ปู่เฒ่า
คนที่ดีบ่อเอื้อน กาศเอย
แปดเปื้อน
และฤๅ
เห็นหน้าว่า[^_^]
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 51 09:38:48

จากคุณ : rxkku - [ วันมาฆบูชา 09:38:08 ]

ความคิดเห็นที่ 115

^
^
^
rxkkuพิจารณาด้วยครับว่า บิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า
ถือว่า "ถ่มเขฬะขึ้นนภา" หรือเปล่า?

แต่ถ้าจะให้ผมเปรียบอุปมา สำหรับการบิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า
มันก็ไม่ต่างจาก "เกลือกกลิ้งอยู่ในกองอาจม" มากกว่า

และไอ้การที่สนับสนุนคนที่บิดเบือนคำสอนพระพุทธเจ้า
มันก็ไม่ต่างจาก "หนอนเน่าในกองอาจม" หล่ะครับ
มันคอยเสพธรรมะของอลัชชี แล้วอวดชาวบ้าน สร้างภาพลักษณ์ ดึงดูดคน
ให้เข้าไปเกลือกกลิ้งในกองอาจมเหมือน rxkku ไงล่ะครับ!!!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ วันมาฆบูชา 10:00:46 ]

ความคิดเห็นที่ 116

เป็นชาวพุทธ เชื่อในกฏแห่งกรรมดีกว่าไหม

ใครทำดีก็ได้ดี ใครทำชั่วก็ได้ชั่ว

ใครทำกรรมใดไว้ ตนก็จักต้องเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น

ต่อให้คุณ Dhama Cyber มีอำนาจสามารถฆ่าคนที่บิดเบือนคำสอนได้โดยไม่มีความผิดตามกฏหมาย

คุณ Dhama Cyber จะไปฆ่าเขาไหมครับ

ใครทำกรรมใดไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมของเขาอยู่แล้ว

จากคุณ : WareZ - [ วันมาฆบูชา 13:41:06 ]

ความคิดเห็นที่ 117

.... เข้ามาบอกว่า ....

จากคุณ : cattym - [ วันมาฆบูชา 14:15:40 ]

ความคิดเห็นที่ 118

ผลกรรมของคุณWareZอยู่นี่
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6353335/Y6353335.html

จากคุณ : Dhama Cyber - [ วันมาฆบูชา 16:23:27 ]

ความคิดเห็นที่ 119

อ้อ ต้นเหตุมาจากกระทู้นี่นี่เอง

เอา เริ่มที่นี่ก็จบมันที่นี่

ในกระทู้นี้ มีตอนไหน ท่อนไหน ที่ผมบอกว่าผมรู้ดีเกี่ยวกับเซน ว่ามา

แล้วในกระทู้นี้ผมตอบคำถามคุณหรือยัง ถ้าบอกว่าผมยังไม่ตอบ กลับไปอ่านดีๆ

Stupid is as stupid does. again lol

จากคุณ : WareZ - [ วันมาฆบูชา 16:25:59 ]

ความคิดเห็นที่ 120

Bye! Bye!

Mr.Stupid wareZ
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6353335/Y6353335.html

จากคุณ : Dhama Cyber - [ วันมาฆบูชา 16:55:38 ]

ความคิดเห็นที่ 121

Mr.Stupid Dhama Cyber
แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 51 21:55:46

จากคุณ : rxkku - [ วันมาฆบูชา 21:55:23 ]

ความคิดเห็นที่ 122

^
^
^
rxkku ครับ "หลงอยู่ในวังวนวิชชาธรรมกาย" เป็นทาสอลัชชี
คอยตามแก้ต่างให้นาย! คอยตามด่าพวกต่อต้านอลัชชี!
ยิ่งเสริมสร้างให้ตัวของrxkkuเองยิ่งอลัชชีขึ้น

ดังนั้นคำว่า
"Mr.Stupid"

เหมาะกับrxkkuมากกว่าผมน๊ะ!

"Mr.Stupid rxkku"

เฮ้อ! rxkku เอ๋ย อยู่ๆก็โผล่ขึ้นมา Stupid อีกตัว!!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ วันมาฆบูชา 23:51:45 ]

ความคิดเห็นที่ 123

จะให้คนอ่านเรื่องของเซน แต่ต้องมาอ่านผ่านเรื่องธรรมกายหรือค่ะ

.

จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 22 ก.พ. 51 09:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 124

ความคิดเห็นที่ 14

อัศจรรย์ตะวันแก้ว คืออะไรคะ ไม่รู้จริงๆ

จะมีกี่หลังก็ขายกันไปเถอะ
ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอก
อยากทำไรกันก็เชิญ

พูดอวดรวยก็ผิดวิสัยนักปฏิบัติธรรมแล้วล่ะ
แสดงว่า บ้าบุญเพราะ กิเลสอยากอยู่ดุสิตบุรี
ทำบุญด้วยกิเลส ก็คิดเอาเถิด ท่านผู้มีปัญญา?????
จะได้ไปไหนกันก็ตามสบาย

จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 51 14:53:57 ]

ดิฉันไม่ได้อวดรวยค่ะ บอกตั้งแต่ต้นแล้ว มีบ้านให้คนเช่าแต่เขาไม่จ่ายค่าเช่าเป็น 1 ปี มาขอความกรุณา"คุณก็เป็นคนใจบุญสุนทาน เมตตาเขาเถอะน่ะ" ก็ยกหนี้ให้ไป แล้วติดค่าเช่าเป็นปีอีก ก็ทำซำ 2 ครั้ง 3 ครั้ง ฉะนั้น ขายบ้านมาทำบุญดีกว่า จะได้ทำบุญตามที่เราต้องการทำ ไม่ใช้ทำกับคนไม่รู้จักเช่นนี้ หลายคนเป็นอย่างดิฉัน

.

จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 22 ก.พ. 51 09:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 125

ความคิดเห็นที่ 14

อัศจรรย์ตะวันแก้ว คืออะไรคะ ไม่รู้จริงๆ

*****************************

อัศจรรย์ตะวันแก้ว คือปรากฏการณ์พิเศษที่เกิดในวันครูธรรมกาย 6 กันยายน 2541 เป็นวันฉลองปิดยอดองค์พระแกนกลางทีประดิษฐ์ในมหาธรรมกายเจดีย์ ท่ามกลางประจักษ์พยานกว่า 20,000 คน ซึ่งดิฉันเป็นคนหนึ่งในนั้นด้วย

ในเวลาบ่ายประมาณ 4 โมงเย็นเมื่อทุกคนรวมใจเป็นหนึ่งเดียว ปรากฏว่าพระอาทิตย์ที่กำลังสว่างจ้าอยู่ๆๆ แสงสว่างหายไป กลายเป็นแสงสีนวลๆๆเย็นตา และมีภาพหลวงพ่อวัดปากนำปรากฏบนท้องฟ้าทับดวงอาทิตย์ ตรงกลางท้องหลวงพ่อ แล้วพระอาทิตย์ใสๆๆ แสงเย็นๆตาก็เริ่มหมุน กลายเป็นแสงสีต่างๆ สีทอง สีชมพู สืฟ้า ฯ เป็นระยะเวลานานกว่า 20 นาที นี่คือปรากฏการณ์ที่เกิดจากการรวมใจ การพัฒนาด้านจิตของมนุษย์ ที่เขามารวมบุญ ร่วมกันเป็นหนึ่งเดียวกันค่ะ

มีคนพยายามออกมาโจมตีว่าทางวัดยิงเลเซอร์ขึ้นไปบนท้องฟ้า เป็นการสร้างภาพ ขอถามว่าเหตุการณืนี้ผ่านมาแล้ว 10 ปี มีใครสามารถยิงเลเซอร์ไปบนท้องฟ้าให้เป็นภาพในเวลากลางวันได้บ้าง มีไหมค่ะ ขนาดอเมริกาว่าเก่งๆๆ ยังไม่มีใครทำได้ องค์การนาซ่า ก็ยังทำไม่ได้เลย พวกที่พัฒนาทางวัตถุ

.

จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 22 ก.พ. 51 10:00:03 ]

ความคิดเห็นที่ 126

/\
/\

เสริม คคห125

.........ครั้งแรกได้เชิญชวนให้คนยืนหันหน้าจ้องไปยังทิศตะวันออกก่อน จากนั้นแจกธงสีแดงมีรูปพระมหาสิริราชธาตุอยู่ตรงกลาง ข้างหลังเป็นสีเงินทึบตลอดแผ่นและโบกไปทั่ว พร้อมกับพระเผด็จให้สาวกตะโกนคำว่า "ทุ่มสุดชีวิต สร้างพระธรรมกายเจดีย์ ชิตังเม ๆ ๆ" จากนั้นให้ฝูงชนหันหน้ามาทางทิศตะวันตกที่พระอาทิตย์กำลังอัสดง และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือบรรดาผู้นำบุญและเจ้าหน้าที่ของวัดที่กระจายกันนั่งเป็นกลุ่มเล็ก ๆ 10 คนบ้าง 20 คนบ้าง ทั่วบริเวณก็เริ่มแสดงปาฏิหาริย์ด้วยการกรี๊ดส่งเสียงว่า "เห็นแล้ว อัศจรรย์ตะวันแก้ว" ทำให้คนที่อยู่ในบริเวณลุกฮือขึ้นมาจ้องไปที่แสง อาทิตย์ ..........

โปรดติดตามอ่านต่อที่

http://rabob.tripod.com/daily76.htm

จากคุณ : dcm - [ 22 ก.พ. 51 11:45:44 ]

ความคิดเห็นที่ 127

หลงผ่านเข้ามาจากห้อง ศุภฯ ผมนึกว่าอยู่ในห้องกฬา ซะอีก มันต่างอะไรกับ ในห้องกีฬาครับเนี่ย ลองเข้าไปดูกระทู้ แมนยู - อาเซนอล
สรุปใจความแล้วก็ เถียงกันแบบในกระทู้นี้เลยเพียงแต่เปลี่ยนหัวข้อแค่นั้นเอง เหอะๆ ตลกดีครับ ความเหมือนที่แตกต่าง

จากคุณ : RuudVanNis10 - [ 22 ก.พ. 51 12:00:52 ]

ความคิดเห็นที่ 128

ตอน วันอัศจรรย์สิงหไกรภพ
เคยอ่านหรือเปล่า อิอิ

ฟ้าผ่าเปรี้ยงงงง!!!
ช้ากกกก แหง่ก ๆๆๆๆ

ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

จากคุณ : JitZungkabuai - [ 22 ก.พ. 51 12:31:18 ]

ความคิดเห็นที่ 129

ผ่าเบี้ยวไปนิด...เฉี่ยวกบาลไปหน่อย
ขออำภัย นะจ๊ะ

จากเทวดาเอง(สิงหไกรภพ)

จากคุณ : JitZungkabuai - [ 22 ก.พ. 51 12:36:55 ]

ความคิดเห็นที่ 130

เอาอีกแล้ว 003

ให้ใช้ 003 เท่านั้น

จากบอกอจ๋าจ้ะ
-สำนักเข่าลอยเด้อ-

จากคุณ : บันนาทิกานจ๋าจ้ะ (JitZungkabuai) - [ 22 ก.พ. 51 12:42:20 ]

ความคิดเห็นที่ 131

ยืนยันรายงานเข่า
เรื่องทั่นสิงหไกรภพผ่าเบี้ยว แต่มีลงไปชัก
ตามภาพที่ยกมาอ้างว่าผ่าเบี้ยวจิงๆนะจ๊ะ

ปล.ขออำภัย ทั่นบอกอค้าบบบ

-003 รายงาน-

จากคุณ : 003 Reuder (JitZungkabuai) - [ 22 ก.พ. 51 12:51:19 ]

ความคิดเห็นที่ 132

กลับฐานเถอะจ้ะ! ลูกจันทร์กลางใจ
ขายบ้านเข้าวัดหรือยังลูก?
ถ้าขายแล้ว เดี๋ยวหลวงพ่อจะลงประกาศบุญในDMCให้น๊ะจ๊ะ!
ตอนนี้กลับมานั่งฐานเจ็ดก่อนนะจ๊ะ!
อ้อ! เอาเงินมาทำบุญด้วยน๊ะจ๊ะ! เดี๋ยวหลวงพ่อให้พระของขวัญ!
พกติดตัวไว้องค์ละ30,000 บูชาทุกวัน

รวยเลยน๊ะจ๊ะ! คะ รวยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!

จากคุณ : Dhama Cyber - [ 22 ก.พ. 51 13:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 133

เข้ามาบอกว่า อ้อ!! เข้าใจแล้วคุณจันทร์กลางใจ

แต่ไหงตอนแรกพูดไม่สวยเลยนี่

ฟังทะ:-)ๆยังกะอวดรวยว่า มีบ้านหลายหลัง

จะทำไม อะไรประมาณนี้

คุณลองอ่าน คห. นี้ของคุณดีๆ

ว่ามันเป็นการพูดคล้ายแดกดันไหม

แต่ถ้าคุณคิดว่าทำแล้วดี ก็ทำเถอะ????

ตามสบาย กระดิ่ง

จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 22 ก.พ. 51 19:02:23 ]

ความคิดเห็นที่ 134

โหยว มีฟ้าผ่าแถวนี้ด้วย

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 23 ก.พ. 51 11:39:21 ]

ความคิดเห็นที่ 135

เข้ามาชม

จากคุณ : Joyful Joyful (greenpapayasalad) - [ 23 ก.พ. 51 12:59:07 ]

ความคิดเห็นที่ 136

ทาง(มรรค)เข้าสู่นิพพาน มีองค์8

สัมมาทิฏฐิ เราต้องมีความเห็นอันชอบก่อน เปรียบเหมือนเริ่มเดินทาง ถ้าเลือกถนนผิดเส้นก็ไปไม่ถึงปลายทาง

สัมมาสังกัปปะ เราต้องมีดำริอันชอบก่อน ปลายทางแห่งความสงบนั้นไม่ใช่แต่สักว่าจะไปก็ไปถึง ต้องมีความตั้งมั่นในการออกเดินทางว่าจะละสิ่งที่รบกวนความสงบด้วย

สัมมาวาจา เราต้องมีวาจาอันชอบ ผู้ตามหาความจริง ความสงบ กล่าววาจายังโกหกส่อเสียด จะไปถึงความจริงอันสงบได้อย่างไร?

สัมมากัมมันตะ เราต้องมีการกระทำอันชอบ ผู้ตามหาความจริง ความสงบ กระทำการล่วงละเมิดผู้อื่น จะไปถึงความจริงอันสงบได้อย่างไร?

สัมมาอาชีวะ เราต้องมีการเลี้ยงชีพอันชอบ การเดินทางนั้นอาจต้องหาเสบียงในช่วงแรก แต่ถ้าเราหาเสบียงมาด้วยวิธีมิชอบแล้ว จะไปยังปลายทางอันชอบธรรมได้อย่างไร?

สัมมาวายามะ เราต้องมีความเพียรอันชอบ เมื่อเราต้องเดินทางเพื่อการพ้นกิเลสแล้ว ย่อมต้องมีความเพียรในการดิ้นหนีจากกิเลสและสร้างเส้นทางแห่งกุศลด้วย

สัมมาสติ เราต้องมีสติอันชอบ รู้ตัวตลอดเวลาว่าเรากำลังทำอะไร

สัมมาสมาธิ เราต้องมีสมาธิอันชอบ มุ่งมั่นในทางที่ถูกที่ควร

ถ้าคิดว่ามีแค่สมาธิก็พอ ถือเป็นมิจฉาทิฏฐิครับ สมาธิเป็นเพียงองค์เดียวใน8องค์ของมรรคไปสู่นิพพาน

การทำบุญ เรียกได้ว่าเป็นสัมมาวายามะ คือเพียรลดละอกุศล เสริมสร้างกุศล เพื่อรักษาเส้นทางในชาติภพต่อไปด้วย การทำบุญจึงถือว่าเป็นหนึ่งในมมรคที่นำไปสู่นิพพาน

แต่การทำบุญที่ปราศจากการใช้ความคิด ทำบุญเพื่อหวังผลบุญ ย่อมเป็นมิจฉาทิฏฐิ คือขาดโยนิโสมนสิการ ใช้เพียงศรัทธาเป็นที่ตั้ง ทั้งศรัทธานั้นก็ผิด เรียกว่าผิดตั้งแต่เริ่มเดินทางแล้ว

จากคุณ : YF-01 - [ 23 ก.พ. 51 20:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 137

เรื่องบ้าน ปัจจุบันอยู่บ้านหลังที่อยู่ในเมือง ส่วนวันเสร์-อาทิตย์ก็จะอยู่บ้านหลังที่ใกล้วัด ส่วนบ้านที่เอาไว้ทำสำนักงานก็แยกต่างหาก แค่นี้ก็ดูแล ค่าใช้จ่ายมากแล้ว

บ้านหลังที่ขายมาทำบุญก็เป็นบ้านให้คนเช่าไม่จ่ายค่าเช่าก็ขายมาทำบุญสร้าง “ มหาวิหารพระมงคลเทพมุนี ” อยู่ตรงด้านหน้าทางเข้าวัด(ตรงข้ามที่ว่าการอำเภอคลองหลวง) ไปวัดทุกวัน เห็นวิหารทุกครั้งที่ไปวัด ก็ปลื้มทุกครั้ง ปลื้มในบุญทุกวัน ปิติสุขใจในบุญทุกวัน

บ้านในเมืองมนุษย์ก็อยู่กันแค่ไม่กี่ปี อยู่ได้ไม่กี่คน แต่เอาบ้านเรามาแปรสภาพให้เป็นบ้านหลังใหญ่อยู่ได้เป็นแสน เป็นล้านคน พวกเราทุกคนช่วยกันสร้างบ้านหลังใหญ่ เป็นเจ้าของบ้านร่วมกันทุกคน ไว้ให้เป็นบุญสถาน ถวายแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้แก่สงฆ์ที่จรมาจากจตุรทิศ ให้เป็นสาธารณะประโยชน์แก่บุคคลที่มาจากทั่วประเทศและทั่วโลก ให้คนทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ทุกเผ่าพันธ์

สิ่งก่อสร้างที่วัดนี้สามารถอยู่คงทนถาวรไปนานกว่า 1,000 ปี ทุกครั้งที่มีคนมาทำบุญ มานั่งสมาธิในบุญสถานที่เรามีส่วนร่วมในการสร้างเราก็ได้บุญแล้ว ได้บุญทุกครั้ง ถ้าเขาพ้นทุกข์ มีสุข เข้าถึงธรรม เราก็ยิ่งได้บุญไปกับเขาด้วย ผู้ที่มีส่วนร่วมสร้าง แค่อิฐสักก้อน ตะปูสักตัว หรือที่ทำมากกว่านี้ ก็มีส่วนในบุญไปตลอด 1,000 ปี ที่ยังอยู่ ยังมีคนมาใช้อยู่ตลอดไป

ก็ขอแบ่งบุญให้กับทุกคนน่ะค่ะ

3. ทราบมาจากคุณหมอฟัน ทันตแพทย์ที่รักษารากฟัน ให้กับหลวงพ่อธัมมชโยฯ แล้วคุณหมอขออนุญาตนำฟันของท่านไปเป็นที่ระลึก บูชา ปรากฏว่า “ ฟันของท่านกลายเป็นแก้วใสๆๆ ” ด้วยธาตุธรรมที่บริสุทธิ์ของท่าน จนสามารถกลั่นธาตุหยาบ กลั่นให้ฟันกลายเป็นแก้วใสๆๆได้

จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 25 ก.พ. 51 14:44:35 ]

ความคิดเห็นที่ 138

.

จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 25 ก.พ. 51 17:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 139

^
^
^
ถ้ากลายเป็นแก้วใส แล้วจะผุได้ยังไงเหรอครับ รบกวนอธิบายที

จากคุณ : YF-01 - [ 25 ก.พ. 51 22:14:07 ]

ความคิดเห็นที่ 140

5555555555555 จันทร์กลางใจ
เสร็จไปแล้ว เรื่อง บิดเบือน เธอก็ทำเป็นเหมือนกันนะ

จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 ก.พ. 51 20:16:21 ]

ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป