ความคิดเห็นที่ 1 ผมก็พอจะทราบนิดหน่อย แต่ไม่รู้อธิบายอย่างไรดี เอาเป็นว่า คำว่าไซตอน มาร ซาตาล(ไม่ใช่ Mr. ซาตาน ในดรากอนบอลน่ะ)  น่าจะเป็นพื้นฐานเดียวกัน แต่ในความเข้าใจของมุสลิมคือ ไซตอน  มีอำนาจแค่ทำให้จิตใจมนุษย์ไม่เชื่อฟังอัลเลาะห์ไม่เชื่อฟังนบี เท่านั่นเองครับ  ส่วนอำนาจชั่วร้ายที่พวกตะวันตก แต่งเติมมาให้ดูน่ากลัวนั้นสุดแล้วแต่ครับ ไม่ใช่แบบอิสลามแน่นอน จากคุณ : bawon - [ 4 พ.ค. 51 11:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ พยัคฆ์น้อย และ คุณ bawon ครับ ซัยตอน หรือ ซาตาน นั้น เป็นประเภทหนึ่งของญินครับ ญิน ก็คือ เผ่าพันธุ์หนึ่งที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างขึ้นมาครับ มีธาตุกำเนิดจาก เปลวไฟที่ไร้ควัน  มีรูปกายละเอียด  มีการดำรงชีวิตเช่นเดียวกับมนุษย์  มีการกิน การนอน การสืบพันธุ์ ฯลฯ  ในนิทานอาหรับราตรี เรื่อง อาลาดิน จะมียักษ์ในตะเกียง ชื่อว่า จินนี่ ... ความจริงแล้ว ก็คือ ญิน หรือ ญินนี่ นั่นแหละครับ นักวิชาการ  เรียกญินอยู่ 4 ประเภท คือ ญิน (หรือ ญินนี่)  อะมีรฺ  อิฟรีต และ ซัยตอน   ซัยตอนตนแรก นั้น ก็คือ อิบลีส ซึ่งเป็นญินที่ขัดคำสั่งต่อพระผู้เป็นเจ้า  เนื่องจากพระองค์ได้สั่งให้ ทั้ง มาลาอิกะฮ์ (เทวทูต) และ ญิน ทำการสูญุด ( ก้มกราบ) ต่อ อาดัม ... แต่อิบลิสไม่ยอมทำโดยอ้างว่า  อาดัมนั้น ต่ำต้อย เพราะถูกสร้างมาจากดินเหนียวที่เปียกชื้น ... ในขณะที่ตัวมันถูกสร้างมาจากไฟ  ดังนั้น มันจึงถูกขับออกจากสวงสวรรค์ และต่อมามันก็ได้ล่อลวงอาดัม ให้ทำผิด  จนเป็นเหตุให้อาดัม ออกจากสวงสวรรค์ด้วยเช่นกัน   อิบลิสนั้น ได้ถูกสัญญาว่า มันจะเข้าสู่ขุมนรก  มันจึงได้ขอประวิงเวลาจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อต้องการจะล่อลวงลูกหลานของอาดัมให้เข้าสู่นรกพร้อมกับมัน  พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ประทานโอกาสให้แก่อิบลีส  ..แต่พระองค์เองก็ได้ส่งบรรดาศาสทูตลงมายังหน้าแผ่นดิน พร้อมด้วย บทบัญญัติต่าง ๆ   เพื่อชี้ทางที่ถูกต้องแก่มนุษย์ มิให้หลงผิดด้วย ดังนั้น นับแต่วันที่อาดัมออกมาจากสวรรค์ จนถึง วันสุดท้ายของโลก ... มนุษย์ซึ่งเป็นลูกหลานของอาดัม จึงยืนอยู่บนหนทางแห่งการพิสูจน์ ระหว่างการชี้นำจากพระผู้เป็นเจ้า และ การล่อลวงจาก ซัยตอน ซัยตอนนั้น มีอำนาจในการกระทำได้ทุกอย่าง โดยไม่ล่วงละเมิดต่อกฎพื้นฐาน  เช่น สามารถจำแลงร่างเป็นใครก็ได้ หรือ สร้างอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ ให้คนหลงเชื่อ บูชาได้ .. แต่ไม่มีสิทธิ์ให้คุน ให้โทษ หากว่าบุคคลผู้นั้นอยู่ในความคุ้มครองของพระผู้เป็นเจ้า   ดังนั้น ซัยตอนอาจจำแลงเป็น วิญญาณคนตาย มาบอกหวย ได้ เพื่อให้คนศรัทธาบูชา แต่ไม่มีสิทธิ์ไปไล่บีบคอ ฆ่าใครตาย  หากว่าบุคคลนั้นไม่ถึงฆาต  เป็นต้น ด้วยจิตคารวะครับ จากคุณ : kheedes - [ 4 พ.ค. 51 15:51:38 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอถามเป็นความรู้ มิได้ก่อการต่อต้านหรือ กวนบาทา ใดๆทั้งสิ้น  ที่ผมรู้มานั้นก็มิได้แตกต่างจากที่พูดมาเลย  แต่ผมก็สงสัยที่คุณกล่าวว่า    อิบลีส ซึ่งเป็นญินที่ขัดคำสั่งต่อพระผู้เป็นเจ้า  เนื่องจากพระองค์ได้สั่งให้ ทั้ง มาลาอิกะฮ์ (เทวทูต) และ ญิน ทำการสูญุด ( ก้มกราบ) ต่อ อาดัม ... แต่อิบลิสไม่ยอมทำโดยอ้างว่า  อาดัมนั้น ต่ำต้อย เพราะถูกสร้างมาจากดินเหนียวที่เปียกชื้น ... ในขณะที่ตัวมันถูกสร้างมาจากไฟ  ดังนั้น มันจึงถูกขับออกจากสวงสวรรค์ และต่อมามันก็ได้ล่อลวงอาดัม ให้ทำผิด  จนเป็นเหตุให้อาดัม ออกจากสวงสวรรค์ด้วยเช่นกัน   อิบลิสนั้น ได้ถูกสัญญาว่า มันจะเข้าสู่ขุมนรก  มันจึงได้ขอประวิงเวลาจากพระผู้เป็นเจ้า เพื่อต้องการจะล่อลวงลูกหลานของอาดัมให้เข้าสู่นรกพร้อมกับมัน  พระผู้เป็นเจ้าจึงได้ประทานโอกาสให้แก่อิบลีส  ..แต่พระองค์เองก็ได้ส่งบรรดาศาสทูตลงมายังหน้าแผ่นดิน พร้อมด้วย บทบัญญัติต่าง ๆ   เพื่อชี้ทางที่ถูกต้องแก่มนุษย์ มิให้หลงผิดด้วย   เมื่อเป็นดังที่พูดมานั้นแสดงว่า อิบลีสนั้น ต่ำต้อยกว่า อาดัม  แต่ถึงกระนั้นก็ขอกับอัลเลาะห์ว่าจะล่อลวงลูกหลานอาดัม   ผมเลยสงสัยว่าทำไม อาดัมถึงไม่ขอกับอัลเลาะห์ว่าไม่ให้อิบลิสกระทำการดังกล่าว  หรือลูกหลานอาดัม ขอว่าห้ามอิบลิสมายุ่งเกี่ยวเพราะมันเป็นเรื่องระหว่าง อาดัมกับอิบลีส  ลูกหลานไม่เกี่ยว  หรือสิ่งที่อิบลีสทำกับลูกหลานอาดัมถือเป็นโมฆะให้หมด เมื่อทำได้ดังกล่าวแล้ว พวกเราๆท่านๆ ก็จะไม่มีบาปติดตัวถูกไหมครับ        หรือสิ่งที่บอกว่าพระองค์เองก็ได้ส่งบรรดาศาสทูตลงมายังหน้าแผ่นดิน พร้อมด้วย บทบัญญัติต่าง ๆ   เพื่อชี้ทางที่ถูกต้องแก่มนุษย์ มิให้หลงผิดด้วย   ที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องที่พระเจ้าต้องการความเป็นไปของมนุษย์  ธรรมชาติของมนุษย์ก็คือ ทำดีและทำไม่ดีซึ่งตั้งมีคู่กันไป ไม่มีมนุษย์คนไหนที่ไม่เคยทำผิดเลยซักครั้ง และอิสลามคือประชาชาติตัวอย่างนั่นเอง แต่มิได้หมายความว่าไม่มีเคยทำผิด ดังนั้นผมขอความกระจ่างซักนิดนึง  ว่าสิ่งที่อิบลิสขอใว้นั้น มันเป็นความประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าเองหรือไม่ ? จากคุณ : bawon - [ 6 พ.ค. 51 01:38:59 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอความสันติสุขจงมีแด่คุณ  bawon ครับ ผมตอบแยกเป็นประเด็นดังนี้นะครับ 1. เรื่องการที่พระผู้เป็นเจ้า สั่งให้ มาลาอิกะห์ (เทวทูต) หรือ ญิน สูญุด ต่อ  อาดัมนั้น  ไม่ได้หมายความว่า  ทั้ง มาลาอิกะห์ หรือ ญิน นั้นต่ำต้อยกว่าอาดัมครับ โดยเนื้อแท้ของธาตุกำเนิดนั้น อาดัม ต่ำต้อยสุดครับ... แต่เหตุที่พระผู้เป็นเจ้า สั่งให้ทั้ง มาลาอิกะห์ (เทวทูต) หรือ ญิน สูญุด ต่อ  อาดัมนั้น  ก็เพื่อทดสอบความภักดีครับ  มาลาอิกะห์นั้น ยอมทำตามแต่โดยดี  โดยไม่โต้แย้งว่าตนมีธาตุกำเนิดที่สูงส่ง  (เพราะมาลาอิกะห์ กำเนิดจากรัศมีของพระผู้เป็นเจ้า)  ทั้งนี้ ก็เพราะโดยธรรมชาติของ มาลาอิกะห์ คือ ผู้ที่มีความภักดีสุงสุดต่อ พระผู้เป็นเจ้า...  ในขณะที่ญินนั้นแม้จะมีธาตุกำเนิดที่สูงกว่าอาดัม  แต่สิ่งที่ต่างจากมาลาอิกะห์ ก็คือ  ญินมีอิสระในการตัดสินใจเลือก  เช่นเดียวกับมนุษย์ ดังนั้น  การที่อิบลีส ขัดคำสั่งพระผู้เป็นเจ้า โดยอ้างเอาเหตุเรื่องความต่ำต้อยมาอ้าง จึงเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า อิบลีสนั้น มีความทระนงตน มากกว่า ความภักดีที่มีต่อพระเจ้า 2.การที่พระเจ้าสั่งให้สูญุดต่อ อาดัมนั้น เป็นการแสดงให้เห็นฮิกมะห์ (วิทยญาณ) ว่า  พระเจ้านั้น ให้ความสำคัญต่อความรู้  มากกว่า ธาตุกำเนิด ... ทั้งนี้ เพราะ  แม้อาดัมจะมีกำเนิดที่ต่ำต้อย  แต่ อาดัม เป็นมนุษย์ ที่มีการเรียนรู้  มีการจดจำ มีการคิด  มีการตัดสินใจเลือก  ซึ่งสิ่งเหล่านี้เองที่จะพัฒนามนุษย์ไปสู่ความยิ่งใหญ่ได้   ...มาลาอิกะห์นั้น แม้จะรอบรู้  แต่ก็เป็นความรู้ที่พระเจ้าบอกเท่านั้น อะไรที่ไม่ได้บอก ก้ไม่รู้  ... ส่วนญินแม้จะมีระบบความคิดเหมือนมนุษย์ แต่ ญิน มีอิทธิฤทธิ์  มีพลังอำนาจเหนือธรรมชาติ   ... ในขณะที่มนุษย์นั้น ไม่มีอะไรเลยนอกจาก 1 สมองและ 2 แขน ... ซึ่ง ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  มนุษย์เองก็ได้ใช้ความรู้ในการพัฒนาตนเอง จนก้าวขึ้นสู่ความเจริญในด้านต่างๆ  ทั้งกายภาพ และ มโนธรรม  ... นี่คือ  สิ่งที่พระเจ้า มองว่า มนุษย์นั้นมีคุณค่าในตัวเองสูงกว่า ธาตุกำเนิดของมนุษย์เอง 3.การที่อิบลีส ตั้งใจจะล่อลวงลูกหลานอาดัม เพื่อการแก้แค้นนั้น  เป็นสิ่งที่อิบลีสขอต่อพระผู้เป็นเจ้าเอง  พระองค์ประวิงเวลาให้อิบลีส  แต่ไม่ได้มีเจตนาเพื่อยืมมืออิบลีสไปล่อลวงมนุษย์นะครับ   ... ประเด็นก็คือว่า อิบลีสนั้น ได้ถูกตัดสินเข้าสู่ขุมนรกตั้งแต่แรกแล้ว ... แต่การประวิงเวลานั้น เป็นสิทธิ์ที่อิบลีสขอต่ออัลเลาะห์ ... ด้วยสิทธิ์นี้ อาดัมจึงไม่มีสิทธิ์ไปขัดขวางหรือ อ้อนวอนให้ อัลเลาะห์ ยกเลิกสัญญาที่ทำไว้กับอิบลีส  ...เพราะมันเป็น เรื่องระหว่าง อัลเลาะห์ กับ อิบลีส ... ไม่ใช่เรื่องระหว่างอัลเลาะห์ กับอาดัม ..ดังนั้น ในช่วงที่ประวิงเวลานี้  อิบลีสจะไปนั่งบำเพ็ญความดี หรือ ไปล่อลวงใคร ก็เป็นสิทธิ์ของอิบลีสเอง  สิ่งที่อาดัมทำได้ ก็คือ ขอความคุ้มครองจากอัลเลาะห์ ให้พ้นจากการล่อลวงของมันเท่านั้น  ...ดั่งเช่น ที่มุสลิมทุกคน กล่าวอยู่เสมอ ก่อนที่จะลงมือทำการงานใดก็ตาม 4.เรื่องบาปติดตัว  ต้องทำความเข้าใจใหม่ครับ ... ตามหลักศาสนาอิสลาม มนุษย์ทุกคน ที่เป็นลูกหลานอาดัมนั้น เกิดมาอย่างบริสุทธิ์ครับ ไม่มีบาปติดตัว  ... เรื่อง ที่อาดัมถูกล่อลวง จนทำบาป  ก็เป็นบาปของอาดัม ไม่ได้ตกทอดมายังลูกหลานครับ   ...ความบาปที่เกิดขึ้นในแต่ละคนทุกวันนี้ เกิดจากตัวเองครับ  คุณทำอะไรไว้ก็ได้สิ่งนั้น  ทำดีก็ได้ดี  ทำชั่วได้ชั่ว ... อิบลีสทำได้เพียงชี้ช่องทาง หรือยุยงให้ทำชั่ว  แต่ไปจับมือให้คุณทำชั่วไม่ได้  ถ้าคุณไม่ลงมือทำเอง   กุรอานกล่าวว่า "อัลลอฮ์จะไม่ทรงบังคับชีวิตหนึ่งชีวิตใดนอกจากตามความสามารถของชีวิตนั้นเท่านั้น  .... ชีวิตนั้นจะได้รับการตอบแทนดีในสิ่งที่เขาได้แสวงหาไว้ และชีวิตนั้นจะได้รับการลงโทษในสิ่งชั่วที่เขาได้แสวงหาไว้..." (กุรอาน 2:286) 5.สิ่งที่อิบลีส ขอไว้ นั้นเป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าหรือไม่นั้น   คำตอบ คือ ไม่ได้เป็นครับ  พระองค์ไม่ได้ดลใจให้อิบลีสทำการล่อลวงลูกหลานอาดัม  แต่อิบลีสเป็นผู้เลือกเองที่จะทำการล่อลวงลูกหลานอาดัม  (ดูกรุอาน ซูเราะห์ อัลอะรอฟ อายะห์ ที่ 17) ต้องทำความเข้าใจตรงนี้ครับ ... "ไม่ได้เป็นพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า แต่ ไม่ได้อยู่เหนือความรอบรู้ของพระผู้เป็นเจ้า"  ครับ ถ้าการเลือกทำผิดเป็นสิ่งที่พระเจ้าดลใจ หรือ บังคับให้ผู้นั้นกระทำ  เช่นนั้น การลงโทษผู้ที่ทำผิดโดยพระเจ้าเอง จึงขัดต่อหลัก อาดิล ( ความยุติธรรม) ในพระผู้เป็นเจ้าครับ  และขัดต่อ เจตจำนงค์อิสระแห่งการเลือก ครับ ในการเลือกที่จะทำดี หรือ ทำชั่วนั้น  เป็นการเลือกของบุคคลผู้นั้นเอง  โดยที่ไม่ว่าเขาจะเลือกทำดีหรือ ทำชั่วก็ตาม ... ทั้งหมดก็มาจากพระผู้เป็นเจ้า พระองค์ไม่ได้เป็นผู้เลือก แต่พระองค์เป็นผู้ให้ครับ ด้วยจิตคารวะครับ แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 51 19:19:23 จากคุณ : kheedes - [ 6 พ.ค. 51 19:16:09 ]