ความคิดเห็นที่ 1 -__-" จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:11:55 ]

ความคิดเห็นที่ 2 -__-" . . จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:14:42 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เธอคือใครต้องตามไปอ่านที่ห้องเฉลิมไทย  -*- จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:17:50 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอบคุณ ค.ห. 7 ในกระทู้เดิม เลยทำให่รู้ว่าต้นแบบมาจาก แครอล จากการ์ตูน คำสาปฟาโรห์ นี่เอง - -" จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เทียบกันชัดๆ - - จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:20:28 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อือม์ เด็วนี้มีทำบุญแนวใหม่มากมาย กลุ้มใจ v v v ในมือถือผ้าไตรด้วย -__-" จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 555++ เข้าใจความรู้สึกน้องพลนะ จากคุณ : mammord072 - [ 20 พ.ค. 51 10:25:33 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ดู๊ ดู ดู๊ ดู เธอทำ ทำไมถึงทำ ลงไป ด้ายยยยยยย.........ฮ่วย..... จากคุณ : นกรำพึง - [ 20 พ.ค. 51 10:37:56 ]

ความคิดเห็นที่ 9 วิธีการทำบุญที่ถูกต้อง ศึกษาได้จาก วิธีสร้างบุญบารมี สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก องค์ที่ ๑๙ วัดบวรนิเวศวิหาร ดาวโหลด http://www.star4life.com/forum/index.php?topic=367.0 .. จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 10:42:40 ]

ความคิดเห็นที่ 10 5555 จากคุณ : muk_22 - [ 20 พ.ค. 51 11:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 11 เรียน จขกท. มันเป็นเรื่องของเทพ และเทพี มนุษย์เดินดินกินข้าวแกงไม่เกี่ยว ............เฮ้อ.................. ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 11:22:17 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 20 พ.ค. 51 11:21:41 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ^ ^ ^ ค.ห. บน ถูกกกกกกกกก -__-" จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 11:25:19 ]

ความคิดเห็นที่ 13 บ้า จากคุณ : ต้นโพธิ์ต้นไทร - [ 20 พ.ค. 51 11:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพที่นำมาลงเป็นส่วนหนึ่งในขบวนกฐินประจำปีที่วีดพระธรรมกาย ชุดที่คุณชนันภรณ์และคุณศศินาสวมนั้นเรียก "ชุดมหาลดาปสาธน์"ของมหาอุบาสิกาวิสาขา ชุดนี้เป็นการจำลองแบบมาจากสมัยพุทธกาล ให้คนในยุคของเราที่เกิดไม่ทัน 2,500 กว่าปีก่อน มาให้ดูกันว่า แบบจริงๆเป็นอย่างไร   . แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 16:07:52 จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 20 พ.ค. 51 12:47:22 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นางวิสาขา (มิคารมารดา) เอตทัคคะในทางผู้ถวายทาน นางวิสาขา เป็นอุบาสิกาที่ประเสริฐผู้หนึ่งหาบุคคลเทียบได้ยาก นางเป็นแบบอย่างที่ดีสำหรับอุบาสิกาตราบจนถึงบัดนี้ ประวัติของนางมหาอุบาสิกาผู้นี้ มีเนื้อเรื่องอยู่ในพระไตรปิฎกและอรรถกถามากมาย ดังความย่อว่า ๐ บุพกรรมของมหาอุบาสิกาวิสาขา ดังได้สดับมา นางวิสาขานั้น ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปุทุมุตตระ บังเกิดในเรือนสกุล กรุงหังสวดี ต่อมา กำลังฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดา เห็นพระศาสดาทรงสถาปนาอุบาสิกาผู้หนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะเป็นเลิศกว่าพวกอุบาสิกาผู้ยินดีในการถวายทาน จึงทำกุศลให้ยิ่งยวดขึ้นไป ปรารถนาตำแหน่งนั้น นางเวียนว่ายอยู่ในเทวดาและมนุษย์ถึงแสนกัป ครั้งพระกัสสปพุทธเจ้า ก็ถือปฏิสนธิในพระราชมณเฑียรของพระเจ้ากาสี พระนามว่า กิงกิ กรุงพาราณสี เป็นพระราชธิดาองค์หนึ่ง ระหว่างพระพี่น้องนาง ๗ พระองค์ คือ นางสมณี นางสมณคุตตา นางภิกขุนี (ภิกขุณี) นางภิกขุทาสิกา นางธัมมา (ธรรมา) นางสุธัมมา (สุธรรมา) และนางสังฆทาสี ครบ ๗ พระราชธิดาเหล่านั้น ในบัดนี้ [ครั้งพุทธกาลชาติปัจจุบัน] คือพระเขมาเถรี พระอุบลวรรณาเถรี พระปฏาจาราเถรี พระนางกุณฑลเกสีเถรี (พระภัททากุณฑลเกสาเถรี) พระกิสาโคตมีเถรี พระธรรมทินนาเถรี และนางวิสาขา ครบ ๗ บรรดาพระราชธิดาเหล่านั้น พระนางสังฆทาสีเวียนว่ายอยู่ใน เทวดาและมนุษย์ถึงพุทธันดรหนึ่ง ๐ ปัจจุบันชาติสมัยพุทธกาล ในพุทธกาลนี้ นางวิสาขาเป็นธิดาของนางสุมนเทวี (สุมนาเทวี) (ภริยาหลวง) บิดาชื่อธนัญชัยเศรษฐี เป็นหลานของเมณฑกเศรษฐี และนางจันทปทุมา ผู้เป็นปู่ย่า ในภัททิยนคร แคว้นอังคะ ประมาณพรรษาที่ ๕ แห่งพระผู้มีพระภาคเจ้า เวลานั้นนางมีอายุได้ ๗ ขวบ พระทศพลทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติของเสลพราหมณ์ และเหล่าสัตว์พวกจะตรัสรู้อื่นๆ พระองค์พร้อมด้วยเหล่าภิกษุสงฆ์ เสด็จจาริกไปถึงนครนั้น ในแคว้นนั้น สมัยนั้น เมณฑกคฤหบดี เป็นหัวหน้าของเหล่าผู้มีบุญมาก ๕ คน ครองตำแหน่งเศรษฐี เหล่าผู้มีบุญมาก ๕ คน คือ เมณฑกเศรษฐี ๑ ภริยาหลวงของเศรษฐี ชื่อจันทปทุมา ๑ บุตรชายคนโตของเศรษฐี ชื่อธนัญชัย ๑ ภริยาของธนัญชัยนั้น ชื่อสุมนเทวี ๑ ทาสของเมณฑกเศรษฐี ชื่อปุณณะ ๑ มิใช่แต่เมณฑกเศรษฐีอย่างเดียวดอก ถึงในราชอาณาจักรของพระเจ้าพิมพิสาร ก็มีบุคคลผู้มีโภคสมบัตินับไม่ถ้วนถึง ๕ คน คือ โชติยะ ชฏิละ เมณฑกะ ปุณณะ และกากพลิยะ บรรดาคนทั้ง ๕ นั้น เมณฑกเศรษฐีนี้ ทราบว่าพระทศพลเสด็จมาถึงนครของตน จึงเรียกเด็กหญิงวิสาขา หลานสาวซึ่งขณะนั้นนางมีอายุได้ ๗ ขวบ มาแล้วสั่งอย่างนี้ว่า แม่หนู เป็นมงคลทั้งเจ้า ทั้งปู่ เจ้าจงพาเกวียน ๕๐๐ เล่ม พร้อมด้วยเด็กหญิง ๕๐๐ คน บริวารของเจ้ามีทาสี ๕๐๐ นาง เป็นบริวาร จงทำการรับเสด็จพระทศพล นางฟังคำของปู่ ก็ปฏิบัติตาม แต่เพราะนางเป็นผู้ฉลาดในเหตุและมิใช่เหตุ นางก็ไปด้วยยานเท่าที่พื้นที่ยานจะไปได้แล้ว ก็ลงจากยานเดินไปเข้าเฝ้าพระศาสดา ถวายบังคมแล้วยืน ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง ๐ นางวิสาขาได้โสดาปัตติผลแต่อายุ ๗ ขวบ ครั้งนั้น พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรดด้วยอำนาจจริยาของนาง จบเทศนา นางก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล พร้อมกับเด็กหญิง ๕๐๐ คน แม้เมณฑกเศรษฐี ก็เข้าไปเฝ้าถวายบังคมพระศาสดาแล้วนั่ง ณ ที่สมควรส่วนหนึ่ง พระศาสดาทรงแสดงธรรมโปรด ด้วยอำนาจจริยาของเศรษฐีนั้น จบเทศนา เมณฑกเศรษฐีก็ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล อาราธนาพระศาสดา เพื่อเสวยในวันรุ่งขึ้น วันรุ่งขึ้นก็เลี้ยงดูพระภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยอาหารอย่างประณีตในนิเวศน์ของตน ได้ถวายมหาทานโดยลักษณะนั้นครึ่งเดือน พระศาสดาประทับอยู่ ณ ภัททิยนครตามพุทธอัธยาศัยแล้วก็เสด็จหลีกไป . จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 20 พ.ค. 51 12:48:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 เครื่องประกอบในมหาลดาปสาธน์ มหาลดาปสาธน์นั้นประกอบไปด้วย เพชร ๔ ทะนาน แก้วมุกดา ๑๑ ทะนาน แก้วประพาฬ ๒๐ ทะนาน แก้วมณี ๓๓ ทะนาน ในงานส่วนที่ต้องใช้ด้ายนั้น นายช่างก็จัดทำด้วยเงิน เครื่องประดับนั้นเมื่อสวมที่ศีรษะแล้วยาวลงมาจนจดหลังเท้า ลูกดุมที่เขาประกอบเป็นแหวนในที่นั้นๆ ทำด้วยทอง ห่วงทำด้วยเงิน แหวนวงหนึ่ง ที่ท่ามกลางกระหม่อม หลังหูทั้ง ๒ วง ที่หลุมคอ ๑ วง ที่เข่าทั้งสอง ๒ วง ที่ข้อศอกทั้งสอง ๒ วง ที่ข้างสะเอวทั้งสอง ๒ วง ดังนี้ ก็ในเครื่องประดับนั้น เขาทำนกยูงตัวหนึ่งไว้ ขนปีกทำด้วยทอง ๕๐๐ ขน ได้มีที่ปีกเบื้องขวาแห่งนกยูงนั้น อีก ๕๐๐ ขน ได้มีที่ปีกด้านซ้าย จะงอยปากทำด้วยแก้วประพาฬ นัยน์ตาทำด้วยแก้วมณี คอและแววหางก็เหมือนกัน ก้านขนทำด้วยเงิน ขาก็เหมือนกัน นกยูงนั้น สถิตอยู่ท่ามกลางกระหม่อมแห่งนางวิสาขา ปรากฏประหนึ่งนกยูงยืนรำแพนอยู่บนยอดเขา เสียงแห่งก้านขนปีกพันหนึ่งเป็นไปประหนึ่งทิพยสังคีต และประหนึ่งเสียงกึกก้องดนตรีประกอบด้วยองค์ ๕ ชนทั้งหลายผู้เข้าไปสู่ที่ใกล้เท่านั้น จึงจะทราบว่า นกยูงนั้นไม่ใช่ยกยูงจริง เครื่องประดับมีค่า ๙ โกฏิ ท่านเศรษฐีให้ค่าหัตถกรรม (ค่ากำเหน็จ) แสนหนึ่ง ๐ หญิงถวายจีวรย่อมได้มหาลดาปสาธน์ ถามว่า “ก็เครื่องประดับนั่น อันนางวิสาขานั้นได้แล้ว เพราะผลแห่งกรรมอะไร ?” แก้ว่า “ได้ยินว่า ในกาลแห่งพระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า นางถวายจีวรสาฎก แก่ภิกษุ ๒ หมื่นรูปแล้ว ได้ถวายด้ายบ้าง เข็มบ้าง เครื่องย้อมบ้าง ซึ่งเป็นของตนนั่นเอง นางได้แล้วซึ่งเครื่องประดับนี้ เพราะผลแห่งจีวรทานนั้น จีวรทานของหญิงทั้งหลาย ย่อมถึงที่สุดด้วยเครื่องประดับชื่อมหาลดาปสาธน์ จีวรทานของบุรุษทั้งหลาย ย่อมถึงที่สุดด้วยบาตรและจีวรอันสำเร็จแล้วด้วยฤทธิ์” http://www.dharma-gateway.com/ ประตูสู่ธรรม อุบาสืกา ที่เป็นเอตทัตคะ คนในยุคนี้มัวแต่ดูการ์ตูน  จิตนาการไปเองต่างๆๆนานา เท่าที่จะมีสติปัญญาแค่นั้น แล้วก็สร้างกระแส สร้างความเชื่อตามๆๆกัน  แล้วก็วิพากษ์วิจาณย์ไปตามความคิดที่ตัวเองมีเท่านั้น โดยที่ไม่เคยเห็นของจริง  ที่ไม่เคยศึกษาให้ถ่องแท้  ว่าของจริง ความจริงเป็นอย่างไร . แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 14:44:36 จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 20 พ.ค. 51 12:49:02 ]

ความคิดเห็นที่ 17 วันหนึ่งบริโภคอาหารในที่รับเชิญแล้ว ในงานนั้นนางต้องแต่งเครื่องมหาลดาปสาธน์ไปด้วย แต่เห็นว่าจะแต่งเครื่องประดับเช่นนี้เข้าเฝ้าพระศาสดาจะไม่เหมาะ จึงเปลื้องเครื่องประดับให้คนรับใช้ถือไว้ ส่วนตนเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยเครื่องประดับลำลองชื่อ ฆนมัฏฐกะ ที่พ่อผัวทำให้ เมื่อสดับธรรมพอสมควรแล้วก็ถวายบังคมลา แล้วไปเที่ยวเดินเยี่ยมภิกษุสงฆ์ กับสหายคนหนึ่งชื่อสุปปิยา เพื่อพระรูปใดต้องการอะไรจะได้ถวาย เมื่อเยี่ยมพระเสร็จแล้วออกมาถึงประตูวัดเชตวัน จึงถามหาเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ แต่ปรากฏว่าหญิงคนใช้ลืมไว้ที่วิหาร พระอานนท์เก็บไว้ เมื่อคนรับใช้จะกลับมาเอาเครื่องประดับ วิสาขาสั่งว่า ถ้าพระคุณเจ้าอานนท์เก็บไว้ก็ไม่ต้องรับคืนมา และความจริงก็เป็นเช่นที่วิสาขาคาดหมาย พระอานนท์ได้เก็บไว้ เป็นธรรมเนียมอยู่อย่างหนึ่งว่า หากผู้ที่มาฟังธรรมลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้เป็นหน้าที่ของพระอานนท์ที่จะเก็บของนั้นไว้จนกว่าเจ้าของจะมารับคืน เมื่อหญิงรับใช้ของวิสาขามารับเครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ ทราบว่าพระอานนท์เก็บไว้ นางจึงกราบเรียนท่านว่า นายหญิงมิให้รับคืนสิ่งของที่ท่านจับต้อง แล้วนางรีบกลับไปบอกนางวิสาขา-วิสาขาบอกว่าจะไม่ประดับเครื่องนั้นอีก แต่ครั้นจะให้พระคุณเจ้าอานนท์เก็บไว้ก็จะลำบากกับการรักษา จึงให้หญิงคนใช้ไปรับกลับมา แต่มิได้ประดับเพราะความเคารพในพระอานนท์ นางต้องการขายเครื่องประดับนั้นเพื่อนำเงินมาทำอะไรสักอย่างหนึ่งถวายสงฆ์ เมื่อกลับถึงบ้าน นางให้เรียกช่างทองมาตีราคาเครื่องประดับ พวกช่างทอง บอกว่า ๙ โกฏิ (๙๐ ล้าน) ส่วนค่าจ้างทำอีกแสนหนึ่งต่างหาก รวมเป็น ๙๐ ล้าน ๑ แสน วิสาขาให้คนเที่ยวนำเครื่องประดับนั้นไปบอกขาย แต่ไม่มีใครรับซื้อได้ เพราะไม่มีทรัพย์ประการหนึ่ง อีกประการหนึ่ง หญิงผู้มีบุญพอที่จะประดับเครื่องประดับนี้หาได้ยาก ท่านว่าในพื้นชมพูทวีปทั้งสิ้น มีผู้หญิงมีบุญอยู่ ๓ คนเท่านั้นที่ได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ คือ วิสาขา ๑ มัลลิกา ภรรยาของพันธุลเสนาบดี ๑ และลูกสาวเศรษฐีเมืองพาราณสี ๑ เมื่อขายคนอื่นไม่ได้ วิสาขาจึงรับซื้อเครื่องประดับนั้นเสียเอง แล้วขนเงิน ๙๐ ล้าน ๑ แสนใส่เกวียนนำไปสู่วิหาร ถวายบังคม พระศาสดา แล้วกราบทูลเรื่องทั้งปวงและความเห็นทั้งปวงของตนให้พระศาสดาทรงทราบและทูลถามว่า ตนจะควรทำอย่างไหนในปัจจัย ๔ พระศาสดาตรัสว่า "วิสาขา ตถาคตเห็นว่า เธอควรสร้างที่อยู่เพื่อสงฆ์ใกล้ประตูทางทิศตะวันออกแห่งนคร" วิสาขาดำเนินตามพระดำรัสแห่งพระตถาคต ได้เอาทรัพย์ ๙๐ ล้านซื้อที่ดิน และอีก ๙๐ ล้าน สร้างที่อยู่เพื่อสงฆ์ สร้างอยู่ ๙ เดือน จึงสำเร็จเรียบร้อย นางบริจาคทรัพย์อีก ๙๐ ล้าน ในการฉลองวัด-วัดนั้นให้ชื่อ "บุพพาราม" เพราะอยู่ทางทิศตะวันออกแห่งนครสาวัตถี การสร้างวัดครั้งนี้เป็นการบริจาคอันยิ่งใหญ่ของวิสาขา ซึ่งหญิงอื่นๆ ทำได้ยากเหลือเกิน . . . . 1. ในงานนั้นนางต้องแต่งเครื่องมหาลดาปสาธน์ไปด้วย แต่เห็นว่าจะแต่งเครื่องประดับเช่นนี้เข้าเฝ้าพระศาสดาจะไม่เหมาะ จึงเปลื้องเครื่องประดับให้คนรับใช้ถือไว้ 2. หญิงผู้มีบุญพอที่จะประดับเครื่องประดับนี้หาได้ยาก ท่านว่าในพื้นชมพูทวีปทั้งสิ้น มีผู้หญิงมีบุญอยู่ ๓ คนเท่านั้นที่ได้เครื่องประดับมหาลดาปสาธน์ คือ วิสาขา ๑ มัลลิกา ภรรยาของพันธุลเสนาบดี ๑ และลูกสาวเศรษฐีเมืองพาราณสี ๑ 3. ดังนั้น การที่นำเครื่องประดับอันเป็นของสูงเช่นนี้มาให้คนธรรมดาใส่นั่นสมควรหรือ ??? 4. แม้ในสมัยพุทธกาลนางวิสาขายังถอดออกเมื่อครั้งเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเพราะเห็นว่าไม่เหมาะสมเลย 5. ตามรูปนั้น มันชุดของแครอลในคำสาปฟาร์โรชัดๆ ไม่ใช่ เครื่องมหาลดาปสาธน์สักหน่อย -___-'' 6. ค.ห.66 เคยเห็นของจริงหรือ จึงรู้ว่าชุดของจริงเป้นแบบนี้ที่มีในรูป มีรูปของจริงประกอบไหม โปรดแสดงด้วย รูปในสมัยพุทธกาลนะ ถ้าไม่มีก็อย่าพูดดีกว่า . . แสดงว่าคนสมัยนี้บุญบารมีสูงกว่านางวิสาขาอีก จึงกล้ามาจำลองและนำมาใส่นะนี่ อือม์ บุญเยอะกันมากๆเลย เอ๊ะ แต่นางวิสาขาท่านเป็นพระอริยสงฆ์นะ ถ้ารู้ไม่จริงรู้ไม่หมดก็อย่าพูดดีกว่ามั้งคับ แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 13:38:10 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 13:13:42 จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 13:06:16 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นเช่นนี้นี่เอง...  ก็เหมือนสมัยก่อนอะครับที่ยังไม่มีการสร้าง อะไรมากมาย  แม้แต่รูปแทนพระพุทธองค์ท่าน เพราะคนโบราณ ถือ พระพุทธเจ้า ไว้อย่างสูง แม้พระเจ้าอโศก ยังสร้างแค่หลักศิลา พอคนเริ่มยึดมั่นถือมั่นมาก ก็เลยรับวัตรแบบเทวนิยม เลยสร้าง รูปแทน   จนต่อมาก็ยอมรับกันไป... จากคุณ : นบนอบ - [ 20 พ.ค. 51 13:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณเจ้าของกระทู้ ที่นำภาพมาให้ชมอีกครั้งครับ คำตอบของคุณ จันทร์กลางใจ ในคคห.ที่ 14 , 16  นั้นถูกต้องแล้วครับ ส่วนท่านใดจะมีทัศนวิารณ์อย่างไร ก็เป็็นเรื่องนานาจิตตัง ครับ สำหรับท่านที่ชอมภาพงานศิลป์ ลองชมภาพศิลปะ จำลองเครื่องแต่งกาย ในอดีต จากนิทรรศการ วันวิสาขบูชา ที่วัดพระธรรมกาย วานนี้กันสักนิดหน่อยนะครับ ภาพนี้ เป็นภาพจำลองเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับ ของเจ้าชายสิทธัตถะ ครับ จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 13:15:09 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ตายแล้ว กลายเป็นว่าข้าพเจ้าช่วยโปรโมตวัดนี้หรือนี่ ไม่เอานะๆ ถ้าโปรโมตวัดของครูบาอาจารย์ ย่อมได้บุญ ถ้าโปรโมตวัดที่สอนผิดๆแล้ว เราก็จะได้บาปไปด้วย ขอลบกระทู้ทิ้งดีกว่า ไม่อยากได้บาปติดตัวง่ะ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 13:20:00 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชมเป็นเรื่องงานศิลป์ ก็ไม่เห็นต้องมาขัดแย้งอะไรกันนี่ครับ ส่วนภาพนี้ ก็เป็นภาพศิลป์ อีกภาพหนึ่ง จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 13:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพนี้ ก็เป็นภาพศิลป์ อีกภาพหนึ่ง จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 13:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพนี้ ก็เป็นภาพพุทธศิลป์ อีกภาพหนึ่ง จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 13:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ภาพนี้ ก็เป็นภาพพุทธศิลป์ อีกภาพหนึ่ง นำมาให้ชมเป็นตัวอย่าง ว่า การนำศิลป์มาใช้ศึกษาเรียนรู้พุทธประวัติ ประกอบเนื้อหา ตัวอักษรในคัมภัร์ ทำให้การศึกษาเรียนรู้พุทธประวัติ เหมาะสมกับคนทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและัเยาวชน อีกอย่างเมื่อผมชมภาพพุทธศิลป์แล้ว เป็นภาพที่ยกใจให้เลื่อมใสในพระพุทธคุณ ครับ จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 13:43:27 ]

ความคิดเห็นที่ 25 งามมาก ชอบๆ จากคุณ : กบในกะลาแตก - [ 20 พ.ค. 51 13:43:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 เสื่อม! จากคุณ : Kengmanny - [ 20 พ.ค. 51 14:02:45 ]

ความคิดเห็นที่ 27 และภาพนี้ จำลองภาพ มหาอุบาสิกา วิสาขา ในชุดมหาลดาปสาธน์ ชมเป็นงานศิลป์ แล้วจะได้ประโยชน์ ดีกว่ามาขัดแย้ง จับผิดเพ่งโทษ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับ จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 14:14:32 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ปัจฉิมพุทโธวาท ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ เราขอเตือนพวกเธอว่า สังขารทั้งหลายมีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังประโยชน์ตนและประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 14:34:00 จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 14:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ความงดงามของปีกแมลงทับ ยากที่จะบรรยายเป็นอักษร หากจะเขียนบรรยาย ก็คงบอกได้เพียงว่า มันมีสีเขียว แล้ววันหนึ่งมันก็สูญพันธ์ไป อีกพันปีมีคนทำรูปแมลงทับมาอีกครั้ง มีสีเขียว พร้อมสีเหลือบอื่นๆประกายแวววาวอีกมากมาย คงมีหลายคนบอกว่ามันไม่จริง เพราะว่าตัวเองไม่เคยเห็นของจริง อ่านแต่ตัวหนังสือที่มีผู้บันทึกบรรยายไว้ บางเรื่องเราก็ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถบรรยายได้ให้เหมือนจริง ตัวอักษรไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้หมดหรอก ก็ลองบรรยายสีปีกแมลงทับดูซิ แล้วจะรู้ จากคุณ : กบในกะลาแตก - [ 20 พ.ค. 51 14:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 *** ขออภัยทาน ที่โพสต์ซ้ำ คคห.ก่อนนี้    เพราะเข้าใจว่าโพสต์ครั้งแรก ไม่สำเร็จ *** แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 14:31:52 แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 14:31:32 จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 14:27:21 ]

ความคิดเห็นที่ 31 เอ่อ เรื่องชุดจะเป็นอยางไรก้แล้วแต่นะ แต่ล่าสุดได้ดู ช่อง dmc ยังเห็นเจ้าอาวาสมาเทศน์ญาติโยมเกี่ยวเรื่อง อายตนะนิพพานอยู่เลย ใครก็ได้บอกผมหน่อย คำว่าอายตนะนิพพานนี้ เป็นคำที่มีในพระไตรปิฏกหรือ? จากคุณ : in_my_metal - [ 20 พ.ค. 51 14:52:42 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ตายละกระทู้ข้าพเจ้า กลายพันธ์อย่างแรง อยากตาย อยากตาย 555 กลายพันธ์แบบไหนก็ได้แต่กลายพันธ์เยี่ยงนี้ รับไม่ได้ง่ะ -__-" จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 พ.ค. 51 15:14:24 ]

ความคิดเห็นที่ 33 การสร้างภาพโฆษณาอันเกินจริงเป็นสิ่งที่น่ากลัว สำหรับพระสัทธรรมของพระพุทธเจ้า     เพราะการสร้างภาพอันเกินจริง  จะทำให้ธรรมเกิดคลาดเคลือน ล่วงเลยไปจากธรรม กลายเป็นความยึดมั่นและถือมั่นมาแทนที่ หลงผิดไปจนปิดบังปัญญาในธรรม ที่เป็นไตรลักษณ์ อย่างน่ากลัว ดังมีคำกล่าวที่ว่า    พระพุทธรูปบังพระพุทธเจ้า  เมาบุญหลงภพบังสติปัญญาที่เป็นปัจจุบัน    ก่อให้เกิด หลงบูชาพระโพธิสัตว์ จนเกินพระพุทธเจ้า  บางท่านวิปลาสไปหลงว่าตนยิ่งใหญ่กว่าพระพุทธเจ้าไปเสีย     ควรทำความเข้าใจให้รอบคอบ มีนิโสมนสิการในธรรมด้วย     ศรัทธา คือนอบน้อม เอาสิ่งที่เป็นประโยชน์ถูกต้องตามธรรมนำมาปฏิบัติ       ส่วนความเชื่อ คือ เชื่อถือยึดถือ จนเลยความเป็นจริงไปได้ กลายเป็นหลงปิดบังธรรมของพระพุทธองค์ ผิดเพี้ยนไปได้       ปรารถนาดีไม่ได้ปรารถนาร้าย  หวังความเจริญกับทุกท่าน หาได้ประสงค์ให้ท่านต้องเสื่อมความเจริญในธรรม.. จากคุณ : P_vicha - [ 20 พ.ค. 51 15:14:51 ]

ความคิดเห็นที่ 34 เรื่องการสร้างภาพโดยอ้างอิงจากของมีมาแต่เก่าก่อน  ถามว่ารู้เห็นได้อย่างไร  ตอบว่ารู้เห็นเพราะเขาบอกว่าเขาไปเจอมาในสมาธิ  ถามว่าเชื่อได้จริงหรือกับสิ่งที่เห็น  เขาก็บอกว่าเขาก็เชื่อของเขาอย่างนั้น ก็ศรัทธามีอยู่ท่านผู้อ้างว่าเห็นว่ามีอยู่อย่างไรเป็นเชื่อไปเสียหมด  ถามว่าแล้วทำไมไม่ใช้หลักกาลามสูตรพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อนเล่า...? อันที่จริงเรื่องของวัดพระธรรมกายนี้  มักจะสร้างกระแสสร้างภาพให้เห็นถึงพิธีกรรมและการแต่งกายที่ดูเหมือนลัทธิมากกว่าเป็นเรื่องของความเหมาะสม  นั่นคื้อการสร้างภาพให้ดูประหนึ่งว่า  ผู้นำท่านนั้นไปรู้ไปเห็นในสมาธิแล้วนำมาบอกเล่าให้ช่างภาพกราฟฟิกตกแต่งภาพให้วิจิตรตามที่เห็น  แล้วต้องเน้นว่าต้องดูหรูหราตระการตาเพราะนั่นยิ่งแสดงถึงอภินิหารของบุญ  บุญที่ท่านได้ทำไปกะที่นี่นั้นจะส่งผลให้วิเศสวิเสโสเห็นปานนั้น  แล้วก็ให้หลงสร้างภาพกันไป  ไม่มีใครกล้าคิดนอกกรอบไปจากนี้  เพราะขัดกับศรัทธาในตัวท่านผู้วิเศษท่านนั้น ถามว่าใครยืนยันได้ว่าที่เห็นนั้นถูกต้อง  หรือเห็นแล้วนำมาสร้างหรือฟื้นกลับมาเพื่ออะไร  เพื่อสร้างพิธีกรรมติดบุญราคาแพง  เพื่อให้ดูว่าวิเศษยิ่งนักหรือ...?  เรากำลังปฏิบัติธรรมเพื่อปัญญาหรือเพื่อหาเล่ห์มาหลอกลวงกัน  โดยความเป็นจริงแล้วท่านทั้งหลายไม่คิดหรือว่านั่นมันเกินพอดี  ไม่ใช่พอเพียงแต่เป็นเกินพอ...อย่าให้ใครเขาบังคับสมองความคิดของเราได้ทุกด้าน  เมื่อใดที่เรามีศรัทธาต่อสิ่งใดจนกลายเป็นงมงาย  ปัญญาจะถูกปิดกั้น  เราจะหาเหตุผลเพื่อเข้าข้างศรัทธาของเราได้เสมอแต่นั่นไม่ใช่ปัญญาเพื่อความพ้นทุกข์  เป็นความหลงชนิดหนึ่ง  และจัดอยู่ในกระแสลวงของความเชื่อก็ว่าได้ ถึงแม้ท่านจะเป็นนักบวชผู้ทรงศีลท่านควรหรือที่จะสอนคนให้ติดในลาภสักการะให้ติดให้หลงในทรัพย์และอามิส  สมควรอยู่หรือที่ท่านจะต้องมานั่งหลับตาหาภาพตระการตาเพื่อมาเสริมสร้างพิธีกรรมอันหรูหราราคาแพงของท่าน  สมควรอยู่หรือที่จะนั่งชี้นำคนอื่นในสิ่งที่เขาก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้  สิ่งที่ทำสมดังพระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าอยู่หรือ  นักบวชควรสำรวม  ควรเป็นอยู่ง่ายเลี้ยงง่าย  ฤษีควรผอมไม่ควรอ้วน  ถ้าฤษีอ้วนพีเสียแล้วจักได้ชื่อว่าผู้บำเพ็ญตบะเผากิเลสอยู่อีกหรือ...? ผมมิได้มีเจตนาให้ร้ายแต่ประการใด  เพียงแต่ต้องการให้รู้จักคุณค่าของความพอเพียง  และอยู่ในกรอบของความสำรวมที่สุด  นักบวชหรือผู้ฝึกปฏิบัติธรรมควรที่จะเป็นแบบอย่างของชีวิตอันเรียบง่าย  อย่าให้กล่าวมากว่านี้เลย  พิธีกรรมเช่นนี้เป็นเฉพาะกลุ่มถ้าเผยแพร่สู่สาธารณะชนโลกวัชชะโลกอาจติดเตียนได้  ท่านอาจกล่าวว่าการแต่งกายแบบนี้ไม่แปลกเพราะโบราณเขาแต่งชุดไทยแห่แหนในวันสำคัญทางศาสนาจนเป็นประเพณีก็มีถมไป  ครับผมไม่เถียงในประเด็นนี้  แต่ผมดูที่เจตนาว่า  สร้างกระแสความหรูหราขึ้นมาเพื่อหวังให้คนติดในบุญที่จะนำไปสู่ความหรูหราในสวรรค์ชั้นฟ้าเกินไปหรือไม่  และโปรเจกต่างๆ ที่ทำขึ้นมันสนองตัณหาของผู้ที่ยังติดอยู่ให้ติดแน่นแฟ้นในฉัทะราคะหรือไม่  นักบวชควรหรือที่จะสร้างให้ชาวบ้านติดในทรัพย์ในวิมานในบุญอันนำมาซึ่งความหลงในวัฏฏทุกข์อย่างไม่จบสิ้นเล่า คงไม่โกรธกันนะครับ  เพราะนี่เป็นเพียงความเห็นหนึ่งเท่านั้น  ท่านเห็นว่าไม่เข้าท่าก็ขอได้โปรดชี้แจงมาตามสมควรแก่ศรัทธาสมาทานของท่านเถิด... จากคุณ : สมถะ - [ 20 พ.ค. 51 15:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 35 พระพุทธองค์ สอนให้ละ... ครับ การละที่ ถูกผิด อยู่ที่ เจตนาครับ จากคุณ : อ้ายหนุ่มพลังม้า - [ 20 พ.ค. 51 15:58:09 ]

ความคิดเห็นที่ 36 เห็นด้วยกับท่านสมถะ ความคิดเห็นที่34 นำเสนอได้ดีครับ จากคุณ : ศิษย์ปู่หมอ - [ 20 พ.ค. 51 16:10:04 ]

ความคิดเห็นที่ 37 สาธุครับท่านdeedang   กระทู้นี้ดีมากที่เปิดมุมมองใหม่ๆ ให้กับบางท่านได้พิจารณาครับ จากคุณ : rxkku - [ 20 พ.ค. 51 16:10:12 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นึกว่านำคอนเซ็ปมาจากแม่ชีนกยูง จากคุณ : For nuch - [ 20 พ.ค. 51 16:36:14 ]

ความคิดเห็นที่ 39 เห็นแล้วเหนื่อยใจ   มีคำถามในใจว่า ทำไม หน่วยงาน หรือ พระสงฆ์ที่มีอำนาจถึง ไม่สามารถทำอะไรกับวัด นี้ ได้เลย....  คำถามที่ยิ่งกว่านั้น ก้อคือ ทำไม พวกสื่อถึง อยู่กันนิ่งๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ทำไรเลย และที่แย่ที่สุด คือ คนที่ไปร่วมงานนั่นหน่ะ อันนี้ แย่ไปใหญ่เลย โดนหลอกซะ หน้ามืดตามัว   ที่น่าสงสารกว่าและ ต้องช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน คือ เยาวชน เด็กๆที่ตอนนี้กลายเป็นเป้าหมายใหม่ของวัดนี้ ตามแผนการตลาดแบบใหม่ๆที่ออกมา  ถ้ากลุ่มคนพวกนี้ ถูกล้างสมอง เอาความคิดผิดๆ ใส่ลงไป ในเรื่องการทำบุญ และความเชื่อ แปลกๆ เหล่านี้ ลองนึกดูว่า จะเกิดไรขึ้น ... จากคุณ : mm (muangsombut) - [ 20 พ.ค. 51 16:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 40 .... เพ่งในรูป   ก็ย่อมหลงในรูป  หลงยึดหลงติดอยู่อย่างนี้  เมื่อไหร่จะหลุดพ้นจากรูป จากนาม ซึ่งล้วนแต่เป็นสังขาร    เพราะพระนิพพาน  อยู่นอกเหนือจากรูปนามทั้งปวง จากคุณ : Ck (Clarke) - [ 20 พ.ค. 51 17:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ทำกันไปได้  เฮอ  ชักจะบ้าไปใหญ่แล้ว จากคุณ : ชาวดิน05 - [ 20 พ.ค. 51 17:28:46 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ปล่อยนานไป ศาสนาพุทธ คงเหลือแค่ชื่อ แต่เนื้อในคงไม่ใช่แล้ว จากคุณ : Kengmanny - [ 20 พ.ค. 51 17:33:06 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ทบทวนอีกครั้งนะครับว่า ภาพและความคิดเห็นที่ผมนำมาเสนอในกระทู้นี้ เพื่อมาตอบคำถามเจ้าของกระทู้ ว่า ภาพถ่ายที่เจ้าของกระท้นำมาให้ชมนั้น ไม่ไดีมีแนวคิดหรือลอกแบบมาจาก ภาพการร์ตูน คำสาปฟาโรห์ ดังที่เจ้าของกระทู้บอกไว้ในคคห.ที่ 4 แต่นำมาจากเครื่องประกอบในมหาลดาปสาธน์ ตามที่คุณ จันทร์กลางใจ ขยายความไว้ในคคห.ที่ 16  + ภาพศิลป์ประกอบ สื่อธรรมะเรื่องนางวิสาขา ในคคห.ที่ 27 แล้วก็มีภาพพุทธศิลป์ เกี่ยวเนื่องกับพุทธประวัติ อีกหลายภาพ ก็เพื่อเสนอมุมมองเป็นงานศิลป์ เท่าั้นั้น ไม่ได้เจตนามาโฆษณาอะไร เพราะทราบว่า หลายท่าน ไม่ชอบเรื่องราวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย และขออภัยเจ้าของกระทู้ ถ้าภาพที่นำมาประกอบ การตอบคำถามของผม ไม่ตรงเจตนาเดิม จากเ้จ้าของกระทู้ ด้วยนะครับ จากคุณ : deedang - [ 20 พ.ค. 51 17:41:11 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพพุทธศิลป์ !!!??? แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 18:47:17 จากคุณ : JitZungkabuai - [ 20 พ.ค. 51 18:46:03 ]

ความคิดเห็นที่ 45 หนูมีภาพพุทธศิลป์ และเป็นคติธรรม สอนให้ไม่โลภด้วยล่ะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 พ.ค. 51 18:48:21 ]

ความคิดเห็นที่ 46 ใครเข้ามาบอกหน่อย สร้าง มะ-หา-วิ-หาน  อะไร จะได้บุญ มหาทานข้ามชาติ บอกมาเลย มีเท่าไหร่จะทุ่มสุดตัวเลย จะขายแหวน ขายสร้อย ฯลฯ มาทำบุญนี้ จะให้โขมยเงินพ่อ ลักเงินแม่มาทำก็ยอม โอยยยยยย  เมาว่ะ อยากได้บุญมากๆๆๆๆ  เออ...ใครเมตตามาบอกที เชอะ!! แก้ไขเมื่อ 20 พ.ค. 51 18:51:49 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 พ.ค. 51 18:51:05 ]

ความคิดเห็นที่ 47 :) จากคุณ : JitZungkabuai - [ 20 พ.ค. 51 19:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ปกติไม่เคยเข้ามาในห้องศาสนาค่ะ  แต่กรณีนี้ขอหน่อย "แต่นำมาจากเครื่องประกอบในมหาลดาปสาธน์ ตามที่คุณ จันทร์กลางใจ ขยายความไว้ในคคห.ที่ 16  + ภาพศิลป์ประกอบ สื่อธรรมะเรื่องนางวิสาขา ในคคห.ที่ 27" -คุณคะ สมัยนี้แล้ว จะสรุปอะไรต้องหาหลักฐานมาอ้างอิงนะคะ เช่นภาพวาดหรือภาพสลักในสมัยนั้น ที่เป็นของจริง  หรือภาพวาดภาพสลักในประเทศแถบนั้นสมัยหลังพุทธกาลไม่นาน หรือเอกสารทางวิชาการที่มีผู้ได้ศึกษาวิจัยเรื่องนี้ไว้  ไม่ใช่เอารูปวาดที่เพิ่งวาดขึ้นไม่นานมาบอกชาวบ้าน ว่าสมัยนั้นเค้าแต่งตัวกันแบบนี้   วัดนี้คงมีสมาชิกอยู่ทุกวงการล่ะค่ะ ไม่ว่าจะเป็นในราชการ หรือคนที่ทำงานด้านสื่อสารมวลชนเอง ถึงไม่มีใครจัดการอะไรได้ไง  น่ากลัวมาก ๆ เลยที่ทำให้คนงมงายได้ขนาดนี้ จากคุณ : Sonnenschein - [ 20 พ.ค. 51 19:51:29 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ผมว่าของแท้ต้อง Topless ครับ ภาพฝาผนังจากถ้ำอชัญตะ พุทธศตวรรษที่ 4 จากคุณ : Nexus - [ 20 พ.ค. 51 20:35:03 ]

ความคิดเห็นที่ 50 เกินงาม // เกินพอดี จากคุณ : กรุณาใช้บริการช่องถัดไป - [ 20 พ.ค. 51 21:06:20 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เครื่องแต่งกายนี้จะทำพีธีอย่างมากไม่เกินครึ่งชั้งโมง แต่ถ้ามีพิธีแบบนี้วันนั้นก็จะมีการนั่งสมาธิสามเวลาคือ เช้า บ่าย เย็น รวมแล้ววันนั้นก็นั่งไม่น้อยกว่า ๔ ชั้วโมงครึ่ง  ไม่มีใครพูดถึง  รวมถึงภายในวัดห้ามจัดการแสดงมโหรสพด้วยตั้งแต่เป็นวัดมา จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล - [ 20 พ.ค. 51 22:09:36 ]

ความคิดเห็นที่ 52 คนเยอะจัง จากคุณ : zenzen - [ 20 พ.ค. 51 22:19:50 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เออ คำสาปฟาโรห์จริงๆด้วยแฮะ อยากรู้จริงๆว่าประวัติศาสตร์อินเดียเค้าพูดถึงชุดนี้หรือเปล่านะ จากคุณ : แมวเหมียวตัวลาย - [ 20 พ.ค. 51 22:21:27 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ให้ที่ BAO ทำอีกอ๊ะป่าวเนี่ย คราวที่แล้วก็ทำ พัดนกยูงทีนึงละ จากคุณ : positivex - [ 20 พ.ค. 51 22:50:34 ]

ความคิดเห็นที่ 55 ชมเป็นงานศิลป์ก็งาม หรือจะให้เป็นการแสดงเพื่อให้เยวชนได้เข้าใจในพุทธประวัติ ในส่วนของอุบาสิกาท่านหนึ่ง ก็อาจจะช่วยให้คนได้เข้าใจที่ไปที่มา (ให้เห็นภาพตาม) แต่พระศาสนายังไม่ได้ตกต่ำขนาดนั้น ไม่ต้องมีโปรดั๊กชั่นอะไรขนาดนี้ เพราะถ้าทำอย่างนี้ คนก็จะคาดหวังต่อว่าจะศึกษาประวัติองคุลีมาร ก็ต้องมีโปรดั๊กชั่นนิ้วคนมาห้อยบนคออีก ไม่งั้นไม่เอา ไม่เข้าใจ ไม่เข้าวัดเพราะอ่านหนังสือไม่ชอบ จะดูการแสดงประกอบ จากคุณ : CG Guitar - [ 21 พ.ค. 51 02:08:54 ]

ความคิดเห็นที่ 56 ถ้าอ้างว่าเป็นพุทธศิลป์จริง ก็หมายความว่า เป็น ศิลปะ อันเนื่องด้วยพุทธศาสนา เมื่อเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ก็พึงถูกวิจารณ์ได้ ไม่ใช่ว่า นำเสนอออกมาแล้ว ถูกวิพากษ์วิจารณ์ จะมาแก้ตัวว่า "ชมเป็นงานศิลป์ แล้วจะได้ประโยชน์ ดีกว่ามาขัดแย้ง จับผิดเพ่งโทษ เพื่อนมนุษย์ด้วยกันครับ" โดยเฉพาะศิลปะ ที่เกิดจากลัทธิล้างสมองที่หลายๆ ท่านในห้องนี้รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังกันดีอยู่แล้วนะคะ เอาอย่างงี้ก็แล้วกัน เมื่อจะอ้างว่าเป็นพุทธศิลป์ และอ้างว่า เป็นการ "จำลอง" เครื่องแต่งกายของพระนางวิสาขา ตลอดจนเจ้าชายสิทธัตถะแล้ว ก็ต้องถามว่า จำลองขึ้นมาจากหลักฐานอะไร ใช้อะไรเป็นแหล่งข้อมูลในการ Reconstruction? เพราะ จนถึงขณะนี้ ยังไม่เคยมีการค้นพบประติมากรรม หรือจิตรกรรมใดๆ ที่มีอายุอยู่ในสมัยพุทธกาล หรือในยุคสมัยอื่นที่ใกล้เคียงกัน สำหรับเป็นแบบอย่างที่จะสันนิษฐานและนำมา "จำลอง" ขึ้นเป็นชุดแปลกๆ บ้าๆ อย่างที่เห็นในภาพที่จขกท. และคุณ deedang นำมาให้ชมเลยนะคะ โดยเฉพาะชุดในค.ห.๑๙ นั่นน่ะค่ะ เอามาจากไหน? ถ้าบอกว่าไปเห็นมาจากนิมิต เอาละตัดเรื่องที่ว่า เป็นนิมิตแบบของวัดพระธรรมกายออกไปก่อนก็แล้วกัน ดูแค่ว่า ชุดแบบนั้นควรมีมั้ยในประเทศอินเดีย เครื่องแต่งกายเทวรูป หรือภาพวาดที่มีทำกันขึ้นมาสมัยหลังจากนั้น ที่ยังคงเหลือเป็นหลักฐานทางโบราณคดีจริงๆ มีส่วนใดบ้างหรือไม่ที่แสดงให้เห็นว่า เป็นของที่ "พัฒนา" ขึ้นมา หรือมีพื้นฐานมาจากชุดแบบที่วัดพระธรรมกายสร้างขึ้นมาด้วยคอมพิวเตอร์กราฟฟิกนี้? คำตอบก็คือ  ไม่มีค่ะ และใครที่มีพื้นฐานทางคอมพิวเตอร์กราฟฟิก ดูชุดพวกนี้ก็รู้ปั๊บว่าเป็นสิ่งที่จินตนาการขึ้นล้วนๆ บนฐานคิดหรืออุปาทานที่มาจาก Animation ของญี่ปุ่น เอาเทวรูปพระโพธิสัตว์สมัยคันธาระ (Gandhara) ที่สร้างขึ้นประมาณ ๗-๘๐๐ ปีหลังพุทธกาลมาเปรียบเทียบให้ดูเป็นตัวอย่างค่ะ เป็นศิลปะกรีก แต่แต่งกายแบบกษัตริย์อินเดียสมัยนั้น จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 21 พ.ค. 51 02:50:12 ]

ความคิดเห็นที่ 57 Trve,Kult,Grimm!!!! จากคุณ : atheist - [ 21 พ.ค. 51 05:19:48 ]

ความคิดเห็นที่ 58 โอว...ทำไมยิ่งเลอะเทอะไปกันใหญ่แล้วคร้าบท่าน.....สงสัยต้องให้คุณลุงฤทธี มากระหนาบวัดที่ชอบทำตัวเว่อร์ ๆ ซะแล้ว... จากคุณ : PETERUNSW - [ 21 พ.ค. 51 09:09:55 ]

ความคิดเห็นที่ 59 พานิชพุทธศิลป์ ผลประโยชน์แอบแฝง จากคุณ : DEDETE - [ 21 พ.ค. 51 11:13:25 ]

ความคิดเห็นที่ 60 "ชุดนี้เป็นการจำลองแบบมาจากสมัยพุทธกาล ให้คนในยุคของเราที่เกิดไม่ทัน 2,500 กว่าปีก่อน มาให้ดูกันว่า แบบจริงๆเป็นอย่างไร"   จาก คห  14 แปลว่าที่วัดนั้นมีคนที่เกิดทัน 2,500 ปีก่อนอยู่ด้วยเหรอคะ งงจัง จากคุณ : apple a day - [ 21 พ.ค. 51 11:14:13 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เนื่องจากมีความคิดเห็นอื่น ๆ เพิ่มเติมเข้ามา ดูท่าจะแตกประเด็นไปบ้างแล้ว ผมขอทำความเข้าใจ ตามความเป็นจริง อย่างนี้ครับว่า ๑ ผมไม่ใช่ศิลปิน ที่ผลิตภาพศิลป์เหล่านี้ ดังนั้นท่านใด มีคำถามถึงผมเรื่อง หลักฐาน อะไร ๆ ซึ่งเป็นที่มาของรายละเอียด เช่น ลักษณะรูปร่างของบุคคลในสมัยพุทธกาล , เครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับ ฯล เป็นอย่างนี้จริงหรือ ? นั้น คุณถามผิดคนแล้วครับ   ผมไม่ใช่ศิลปินที่ผลิตภาพศิลป์เหล่านี้   ผมแค่คนชมงานศิลป์ แล้วนำภาพมาให้ชมอีกต่อหนึ่ง ก็เหมือน ผมหรือใคร ๆ ที่ไปวัดโน้นวัดนี้ มา เห็นภาพจิตรกรรมฝาผนัง พระพุทธปฏิมากร ของวัดต่าง ๆ หรือใครไปวัดร่องขุ่น ที่เชียงราย  ,ไปชมภาพพุทธศิลป์ ของอาจารย์ เฉลิมชัย หรือคุณหมอจักแก้ว ไปทำบุญกุศล ที่ต่าง ๆ ก็ถ่ายภาพพุทธปฏิมากร จากวัดต่าง ๆ เมื่อเห็นว่า ภาพจิตรกรรม พุทธปฏิมากร งดงาม เห็นแล้วยกใจ ให้เลื่อมใสในพระรัตนตรัย   ก็นำมาแบ่งปันให้ชมกัน  ก็เท่านั้นเองครับ คำถาม คือ ทำไม ไม่ไปถามศิลปินหรือเจ้าอาวาส วัดต่าง ๆ ในประเทศไทย เรื่องหลักฐาน ที่มา ที่ไปของภาพจิตรกรรม ภาพพุทธศิลป์ หรือพุทธปฏิมากร ของแต่ละวัดทั่วไปเทศไทย หรือผู้ผลิตสื่อธรรมะ หนังสือการ์ตูนพุทธประวัติ ,อสีติสาวก หรือภาพยนตร์ พุทธประวัติ ฯล บ้างล่ะครับ ว่าทำไม มีลักษณะ รูปร่าง ของพระพุทธเจ้า เทวดา สรวงสวรรค์ นรก  จึงแตกต่างกัน ทั้งที่เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน นรก สวรรค์เดียวกัน เทวดาในศาสนาเดียวกัน สำหรับความรู้และทัศนวิจารณ์ ต่าง ๆ ของเพื่อนสมาชิก   ผมยินดีรับฟังเป็นความรู้ครับ ส่วนการถาม ซักไซ้ไล่เรียง ที่มา ที่ไป กับผม   ก็ต้องตอบว่า คุณถามผิดคนแล้วครับ จากคุณ : deedang - [ 21 พ.ค. 51 11:36:26 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ๒ การแสดงความคิดเห็นส่วนตัวขอผม ก็คือ ทัศนะของผม กรุณาอย่าเข้าใจ ตีความ โมเม ไปเองว่า เป็นคำตอบจากศิลปินที่ผลิตภาพศิลป์เหล่านี้ หรือ เป็นคำตอบจากวัดพระธรรมกาย   ดังนั้น ถ้าจะวิพากษ์วิจารณ์  เกี่ยวกับความคิดเห็นส่วนตัวของผม ก็ไม่ควรไปพาดพิง วัดพระธรรมกาย หรือศิลปิน คงแยกแยะ และเข้าใจตรงตามความเป็นจริงกันได้นะครับ จากคุณ : deedang - [ 21 พ.ค. 51 11:37:52 ]

ความคิดเห็นที่ 63 ผมแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ตามสมควรกับคำถามเจ้าของกระทู้ แล้ว จึงขอร่วมแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ในกระทู้นี้  เพียงเท่านี้ ส่วนว่าเจ้าของกระทู้ หรือท่านที่เข้ามาอ่านและตอบกระทู้ จะเข้าใจอย่างไร หรือมีทัศนวิจารณ์อย่างไร เกี่ยวกับความคิดเห็นส่วนตัวของผม ก็เชิญตามอัธยาศัยเถิดครับ และหากว่าการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของผม ทำให้ท่านใด ไม่สบายใจ ผมก็ขออภัยทาน และขออโหสิกรรม  มา ณ ที่นี้ ด้วยครับ จากคุณ : deedang - [ 21 พ.ค. 51 11:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 64 มีทรรนศนะแค่ว่า เมื่อจะมาบอกกล่าว ผู้กล่าวก็ควรจะมีความรู้จริงและถูกต้องก่อน มิใช่มากล่าวแบบขอไปทีผักชีโรยหน้า ยิ่งผู้กล่าวมีวัยวุฒิและการศึกษามากเท่าใด ยิ่งต้องควรระวังคำพูดให้มากเท่านั้น มิเช่นนั้น จะกลายเป็นว่า แก้ตัว มิใช่ แก้ต่าง แก้ต่างต้องประกอบด้วยเหตุผลที่ถูกต้องครบถ้วนและครอบคลุม แต่แก้ตัวนั้น คือ เป็นการพูดเพื่อปัดให้พ้นตัว หรือพูดด้วยถ้อยคำที่ดูเหมือนจะมีเหตุผล แต่จริงๆแล้วไม่ถูกต้องครบถ้วนเลย ...................................................................................... ถ้าจะพูดเพื่อให้ดูดีแบบขอไปที ไม่พูดเลยยังดูดีเสียกว่า ถ้าพูดแล้วไม่ถูกต้องครบถ้วน ถามไล่เลียงก็ตอบไม่ได้ มันน่าละอายไหมควรพิจารณาตนเอง แต่เรื่องหน้าด้านหน้าทนนั้น เป็นจริตและนิสัยของแต่ละคน คงจะห้ามกันไม่ได้ ก็ได้แต่อโหสิและแผ่เมตตาให้ไปสู่ที่ชอบๆ เท่านั้นเอง ก็พึงพิจารณาตามวิจารณญาณ สติปัญญา วัย และระดับการศึกษาของแต่ละท่าน แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 12:02:36 แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 12:01:20 จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 พ.ค. 51 11:59:05 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ชุดยังกะพวกกะเทยอัลคาซ่าร์  มหาลดาปสาธน์ของนางวิสาขาคงไม่ติงต๊องแบบนี้มั้ง จากคุณ : autumn whispers - [ 21 พ.ค. 51 12:19:38 ]

ความคิดเห็นที่ 66 คำถาม คือ ทำไม ไม่ไปถามศิลปินหรือเจ้าอาวาส วัดต่าง ๆ ในประเทศไทย เรื่องหลักฐาน ที่มา ที่ไปของภาพจิตรกรรม ภาพพุทธศิลป์ หรือพุทธปฏิมากร ของแต่ละวัดทั่วไปเทศไทย หรือผู้ผลิตสื่อธรรมะ หนังสือการ์ตูนพุทธประวัติ ,อสีติสาวก หรือภาพยนตร์ พุทธประวัติ ฯล บ้างล่ะครับ ว่าทำไม มีลักษณะ รูปร่าง ของพระพุทธเจ้า เทวดา สรวงสวรรค์ นรก  จึงแตกต่างกัน ทั้งที่เป็นพระพุทธเจ้าพระองค์เดียวกัน นรก สวรรค์เดียวกัน เทวดาในศาสนาเดียวกัน ________________________________________ คำตอบคือมันเป็นจินตนาการที่เกิดจากศิลปินล้วน ๆ ไม่ได้อ้างอิงจากหลักฐานอะไร ซึ่งทุกคนรู้ว่ามันเป็นสไตล์และจินตนาการเฉพาะของศิลปิน ส่วนของวัดธรรมกาย ที่กล่างอ้างว่าเป็นการแต่งกายสมัยพุทธกาล จำลองขึ้นมาให้ดู เมื่อเป็นการจำลองเครื่องแบบ นั่นหมายความว่าไม่ใช่จินตนาการ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องมีหลักฐานที่อ้างอิงได้ว่า สมัยพุทธกาลเขาแต่งกายกันอย่างนี้จริง ไม่ใช่อยู่ ๆ ก็เอามาตั้งแสดงหรือแต่งโชว์แล้วบอกให้ทุกคนเชื่อว่าเป็นการแต่งกายสมัยพุทธกาล ? จากคุณ : Kengmanny - [ 21 พ.ค. 51 12:38:02 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ถ้าคิดว่าเป็น "ทองแท้" ไม่แพ้ไฟ  ก็อย่าโหวตลบกระทู้สิครับ ได้โปรดอธิบายด้วยเหตุด้วยผล  สาธุชนที่เข้ามาอ่านจะได้ใช้วิจารณญาณไตร่ตรองเปรียบเทียบ ท่านที่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย  ขอได้โปรดพิจารณาเพิ่มอีกสักเล็กน้อย ว่า   ไม่เพียงแต่สมาชิกบอร์ดศาสนาแห่งนี้จะไม่ชอบแนวทางการสอน/เผยแพร่/ตลอดแม้กระทั่งการโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมของวัดพระธรรมกายเท่านั้น  สมาชิกจากบอร์ดห้องอื่น ๆ ของ Pantip อีกจำนวนไม่น้อย  ที่ไม่ชอบแนวทางการสอน/เผยแพร่/ตลอดแม้กระทั่งการโฆษณาประชาสัมพันธ์และกิจกรรมของวัดพระธรรมกายเช่นกัน  ก็ลองโปรดตามไปอ่าน Link จากตอนต้นกระทู้ดูสิครับ ลองอ่านคำวิพากย์วิจารณ์จากสมาชิกอื่น ๆ ดูบ้าง กลางปีที่แล้วก็มีการวิพากย์วิจารณ์จากห้องหว้ากอ ปีนี้ไปวิจารณ์ที่ห้องเฉลิมไทย รู้ทั้งรู้ว่า Pantip แบนเวบลิงค์ของวัดพระธรรมกาย   อะไร ๆ ที่ปรากฏในเวบลิงค์นั้น ก็สมควรงดการนำมาโพสต์ใน Pantip  โดยเฉพาะถ้าเป็นการโพสต์เพื่อการประชาสัมพันธ์   เพราะจะได้รับการต่อต้านและวิพากย์วิจารณ์อย่างถ้วนทั่ว เวบบอร์ดของวัดพระธรรมกายเองก็มี  หากอยากประชาสัมพันธ์ หรือโปรโมตกิจกรรมต่าง ๆ ก็ขอเชิญที่เวบไซต์ของวัดพระธรรมกายและเครือข่ายของตัวเองเถอะครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 21 พ.ค. 51 14:43:51 ]

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาอ่าน ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นสักหน่อย ในครั้งสมัยก่อน ที่สร้างพระพุทธรูปขึ้นมาครั้งแรก ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นตัวจริงของพระพุทธเจ้า ก็น่าจะจากคำบอกเล่า แล้วจำลองขึ้นมาเป็นรูปตัวแทน ฉันใดก็ฉันนั้น รูปภาพพวกนี้ ถ้ามองโลกในแง่ดี ก็นับว่าเป็นการเผยแพร่ที่ดีอย่างหนึ่ง ที่หลายๆที่ และหลายๆคน ไม่สามารถทำได้ ขอมองต่างมุมกันสักนิด ถ้า สังคม โลก วิทยาการ เทคโนโลยี มีพัฒนาการไปไวกว่าศีลธรรม แล้วใช้วิธีการแบบเก่าๆ เพื่อมาสอนกับคนรุ่นใหม่ วัยรุ่น เด็กๆ เอาเป็นว่าหลับตาแล้วนึกถึง สมัยก่อน สมัยเราเด็กๆ มีใครอยากเข้าวัดกันบ้าง :) ถ้ามีช่วยยกมือหน่อย ? ถึงขนาดสมัยนี้ พระภิกษุบางรูป ท่านจะเทศน์สอนเด็ก ต้องคอยดูละคร อ่านหนังสือที่วัยรุ่นชอบ แล้วมาแกะเอาแง่คิดออกมาให้เป็นธรรมะ ก็คิดๆกันดูและกันว่า โลกยุคนี้เค้าไปไหนกันแล้ว ถึงขนาดนั้น ทำกันขนาดนั้นแล้ว มันก็ยังไม่ดึงดูดใจวัยรุ่น เท่ากับ สายเดี่ยว ยาอี ยาไอซ์ ยาบ้า เหล้ายาปลาปิ้ง เซ็กส์หมู่ อาบอบนวด มันมีแรงดึงดูดได้มากกว่า มองให้เป็นแง่ดี ก็ดี มองให้ร้ายมันก็ร้าย สำหรับผม มองง่ายๆ แค่เป็นการเอาเทคโนโลยี มาใช้ในทางที่ดี และที่ถูกจังหวะ ในยุคที่ศีลธรรมเสื่อมโทรม โลกเค้าไปข้างหน้าแล้ว เรายังจะเดินถอยหลังอีกหรือ ? ศาสนาพุทธ เป็นศาสนาที่อ่อนไหวมาก เพราะมีทั้งเรื่องศีล เรื่องความสำรวม และความเหมาะสมเข้ามาเกี่ยว ที่หลายๆคนออกมาแสดงความคิดเห็น มองแปลกเพราะ ไม่มีที่ไหนทำ ไม่เคยเห็น และก็มองติดกับตรงที่ว่า จะทำให้ศาสนาพุทธคลาดเคลื่อน มองเข้าไปแล้ว ผมยังมองไม่เห็น ว่าจะคลาดเคลื่อนตรงไหน พ่อก็พ่อเดียวกัน พระพุทธเจ้าเหมือนกัน มีแค่ความเห็นต่างมุมกันบางเรื่อง ก็เอากันมาเป็นเรื่อง ในสมัยหนึ่ง การเทศน์ของหลวงพ่อพุทธทาสเอง ก็โดนต่อว่าเช่นกัน นึกแล้วก็คล้ายๆกับกรณีนี้ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 14:58:06 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ศิลปะ มันไม่มีบอกได้ว่ามันถูกมันผิดครับ คนจินตนาการจากจิตเอาเอง มันอยู่ที่คุณไปรับมาปรุงแต่ง  ถ้าคุณมีอคติกับวัดนี้เป็นทุนเดิม ต่อให้เขา ทำยังคุณก็มองว่า  ไม่ดีนี่เป็นการแต่่งเติม ปรุงแต่ง กันเอง อย่างที่ผมเสนอ แท้จริง พุทธแท้ ไม่ได้มีแม้งานศิลป์ซักชิ้นให้เป็นเครื่องยึดเหนี่ยว พระพุทธองค์ให้ธรรมนั่นแหละยึดเหนี่ยว   แต่คนยังต้องการจินตนาการเพื่อการเล่าขาน เลยต้องสร้าง ต้องปั้นแต่งวัตถุ  แรก ๆ คนก็รับไม่ได้เช่นกัน เพราะเมื่อก่อน คนสมัียก่อนไม่กล้าปั้นรูปพระพุทธองค์ขึ้นมา เพราะความเคารพอย่างสูง แต่คนปั้นขึ้นมาคนแรก ไม่ได้เข้าใจแต่ติดจากวัตรชาวกรีก ที่ชอบปั้นรูปคนสำคัญไว้ คนก็เลยค่อยๆ  ติดแบบเทวนิยม  ระบบ บุญนิยม ก็เกิดมา วัตถุนิยม พุทธพานิชย์ ไสยศาสตร์  เดรัจฉานวิชา ก็เข้ามาร่วมสนองกิเลสคนครับ อยู่ที่ อคติ  ครับของตัวคุณจะตีความ ศิลปะ ถ้ามีใครแหวกแนวจากเดิม ก็จะโดนว่าเป็นพวกฉีกกฏ  ก็เหมือน พวกศิลปินฉีกกฏ ก็โดนว่าในยุึคเขานั่นแหละ จากคุณ : นบนอบ - [ 21 พ.ค. 51 15:05:20 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ขออนุญาตต่ออีกสักนิด ในยุคสมัย สายเดี่ยวเฟื่องฟู ผับ บาร์ ฟรีเซ็กส์ เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง คนไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ เรื่องความดี มันมีคำถามน่าคิดอยากถามสักนิดนึงว่า ทำไม ? ทำไมวัยรุ่น ทำไมผู้คนส่วนใหญ่ไม่เชื่อ เพราะอะไร ? อันนี้เป็นเรื่องน่าคิดครับ โจทย์นี้ น่าจะช่วยสังคมได้มาก ขอตอบแบบความคิดของปุถุชน ที่ไม่ชอบเข้าวัด ชอบแสงสี ตอบว่า เพราะมองเห็นได้ยาก เวลาเราทำบาป ผลไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบันทันตาเห็น การทำบุญ ผลก็ไม่ได้เกิดขึ้นในปัจจุบันทันตาเห็น การที่นำภาพ หรือการจำลองการทำความดี มาเพื่อ ยกระดับใจคนให้อยู่ในความดี ผมกลับมองว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่เหมาะสมกับปัจจุบัน และ เหมาะสมกับ สังคมวันนี้ แต่ก็แปลกดี พูดเหมือนง่าย แต่กลับไม่มีที่ไหนทำ แต่พอมีคนทำขึ้นมา กลับมองว่า ศาสนาจะเสื่อม แต่ไม่ดูสถานการณ์ปัจจุบัน ว่า จริงๆแล้ว สังคมยุคนี้ เสื่อมไปถึงขนาดไหนแล้ว ? ถ้าสังคมเสื่อม แสดงถึงอะไร ? สังคมเสื่อมก็คือ ศาสนาเองเสื่อมลงไปด้วย อย่ามองแค่ตัวเรา มองย้อนกลับไปรอบๆข้าง เด็กๆ วัยรุ่น หรือคนรู้จัก ถามว่าจริงมั้ย ? จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 15:20:46 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรียน คุณทวนทองและท่านอื่นๆ ในฐานะ จขกท.เอง ก็ต้องขอโทษด้วยเช่นกัน เจตนาจริงๆ มิได้ต้องการโปรโมทหรือประชาสัมพันธ์วัดแต่อย่างใดเลย ถ้าเจตนาเช่นนั้น จขกท.เองคงจะได้รับกรรมหนักและมหาศาลทีเดียว อาจถึงขั้นทำให้ตนเองติดขัดในการปฏิบัติธรรมเลยก็ว่าได้ เพราะเผยแพร่คำสอนและแนวทางปฏิบัติที่ผิด ผู้เผยแพร่ย่อมได้รับผลนั้นตอบสนองกลับมาตามกฎแห่งกรรม เจตนาที่แท้จริงเป็นอย่างไรก็รู้ๆกันอยู่ ประการหนึ่งเนื่องจากในห้องเฉลิมไทยอาจมีผู้ยังเข้าใจผิดอยู่มาก การนำมาลงที่ห้องศาสนาก็สามารถให้พี่ๆทั้งหลายเข้าไปช่วยแนะนำในสิ่งที่ถูกต้องได้ทางหนึ่ง อันเป็นการป้องกันผู้ไม่รู้เข้ามาอ่านแล้วจะเข้าใจผิดกลับไป ในเหตุการณ์สมัยก่อนที่มีการลงกระทู้โปรโมตวัดเป็นประจำที่ห้องศาสนานั้น ก็ได้พบว่ามีหลายท่าน พลาดและหลงไปอ่าน จนบางท่านกว่าจะรู้จริงและถอนตัวออกมาได้ก็ใช้เวลาเสียนาน น่าเห็นใจยิ่งนัก อย่างไรก็ดีต่อไปจะพยายามมิให้เกิดความผิดพลาดเช่นนี้ขึ้นอีก ขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของ จขกท. แก้ไขเมื่อ 21 พ.ค. 51 16:09:57 จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 พ.ค. 51 16:08:22 ]

ความคิดเห็นที่ 72 เรียน นายกัณฑ์ ความเห็นที่ตอบมาในทางศาสนาของท่านนั้น เป็นมุมมองที่ผิดพลาด เข้าใจพุทธศาสนาเพียงแค่เปลือก ดังนั้น ขอให้ท่านศึกษาให้ถ่องแท้ถึงคำสอนและหลักในพุทธศาสนาเสียก่อน ความเห้น 70 ของท่านนั้น ฟังดูเหมือนมีเหตุผล แต่แท้จริงเป็นเพียงการเล่นลิ้นตีสำนวนให้ดูสละสลวยเท่านั้น หาคุณค่าและเหตุผลในทางธรรมที่แท้จริงมิได้ เช่นเดียวกับคุณนบนอบ ที่กล่าวในสิ่งที่ตนเองยังรู้ไม่หมด จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 พ.ค. 51 16:13:34 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เรียน ท่าน Radiant, Archangel ถ้าเช่นนั้นท่านลองช่วยชี้แนะ ปุถุชน อย่างกระผมสักหน่อยดีมั้ย ? ศาสนานั้นมีทั้งเปลือก กระพี้ แก่น กระผมเองเป็นแค่ปุถุชน ยังหลงไหลแสงสี ว่างๆลองแวะไปนั่งดูกับผมมั้ย ว่าสังคมมันเสื่อมแบบไหน :) ผมมองในมุมมองที่ผมเห็น ผมไม่ได้หวังที่จะบรรลุ แต่ผมมองด้านปัญหา และผมเชื่ออย่างหนึ่งว่า สังคมคือการอยู่ร่วมกัน ถ้าสังคมย่ำแย่ ไม่ต้องรอให้อะไรมาทำลายศาสนา ไม่ต้องคิดว่าศาสนาจะเสื่อมเพราะอะไร ? ความเสื่อมของสังคมนั่นแหล่ะ ที่จะทำลายศาสนาเอง และ สังคมทุกวันนี้ มันก็แย่ขนาดที่ว่าคนเราเดินชนพระได้ มันเสื่อมขนาดที่เราๆท่านๆก็ทราบ ผมเองมองว่า เรามองอะไรไกลเกินไปมั้ย ลองมองเข้ามาใกล้ๆตัวซิท่าน ความเสื่อมของสังคมมันสะท้อนอะไรบ้าง มันสะท้อนกลับมาที่เรานั่นแหล่ะ ทั้งหมดที่กล่าว ผมมองที่ภาพรวม มองสิ่งที่อยู่ใกล้ตัว เหมือนที่ผมบอกว่า คนทำดี ความดี ไม่ได้ปรากฎให้เห็นทันที คนทำเลว ความเลวไม่ได้ปรากฎให้เห็นทันที สังคมทุกวันนี้ เสื่อมเพราะ ผู้คนไม่เชื่อเรื่อง บาป กรรม ถ้ามีคนที่สามารถจำลองมันขึ้นมา อย่างน้อยๆ ก็เป็นแนวทาง เป็นจุดเริ่มต้น และก็ทำให้คนเข้าใจ และ มองเห็นภาพ ในเรื่องราวเหล่านี้ได้มากขึ้น หรือท่านจะเถียงว่าไม่จริง ? และ ที่ผมบอก ถ้ามองแง่ดี มันก็ดี ถ้าอยากมองแง่ไม่ดี ก็มองได้ ต่างคนก็ต่างมุมมอง ดีใจครับ ที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น :) ผมไม่ทราบ นิยาม คำว่า คุณค่าทางธรรม ของท่าน กรุณาช่วยชี้แนะ ธรรม คืออะไร ? แล้วอะไรคือ ธรรม ? ขอบคุณ ที่กรุณาช่วยชี้แนะครับ :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 16:50:52 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ขอแสดงความคิดเห็นส่วนตัวค่ะ   อย่างที่สวนโมกข์ก็มีภาพจำลอง วัดไผ่โรงวัวก็มีเปรตใช่ไหม จินตนาการหรือเห็นจริง ที่อื่นๆๆก็มีอีกมากมาย ไม่เห็นตั้งหน้าตั้งตาโจมตีเลย ส่วนชุดมหาลดาปสาธน์ที่จำลองมาให้ดู ที่นำภาพมาลงให้ดูในกระทู้นี้  เมื่อเทียบเคียงกันที่บรรยายในอถกถาธรรม ตาม คคห.16 ก็ใกล้เคียงกันมากใช้ไหม หรือภาพศิลป์ของวัดพระธรรมกายที่วาดภาพกายมหาบุรุษ 32 ประการของเจ้าชายสิททัตธะก่อนบวช ว่าตรงกัน 100 % หรือใกล้เคียงกัน 90 % 80% แค่ไหน หรือในการ์ตูนที่เขาวาด/วัดอื่น/สถานที่อื่นที่นำออกเผยแผ่ ใกล้เคียงกันหรือห่างไกลราวฟ้ากับดิน คุณๆๆ แค่นำไปให้ครูบาอาจารย์ของคุณ ที่เป็นพระอรหันต์ดูก็สิ้นเรื่อง ของแค่นี้ ท่านมีวิธีตอบคุณได้  อธิบายให้คุณฟังได้ โดยตัวท่านไม่เป็นการอวดอุตริมนุษยธรรมหรอกค่ะ ดพราะเรื่องเล่านี้มีอยู่จริง เป้นเรื่องจริงในพระพุทธศาสนา พระอรหันต์ท่านมีเมตตา ท่านจะตอบคุณๆให้หาสงสัย หมดสิ้นความครางแครงใจได้ สะเหมือนหนึ่งหงายของที่ควำให้เห็นความจริงได้ เพราะพระอรหันต์ท่านสามารถระลึกชาติของตัวท่านเอง และสรรพสิ่ง ไปได้ตั้งแต่ชาติแรกที่ท่านตั้งใจ ตั้งความปรารถนาจะเป็นพระอรหันต์แล้ว แค่ท่านระลึกชาติย้อนหลังไปสมัยพุทธกาล   2,500 กว่าปีแค่นี้ จิ๊บๆๆ ออก ท่านตอบให้คุณหายสงสัยอยู่ได้แล้ว ไม่ตั้งเสียเวลามาโต้แย้งกันเลย จริงไหมค่ะ แล้วพระอาจารย์ของใครมีคำตอบว่าอย่างไร นำมามาให้สมาชิกรับฟังบ้างค่ะ  สาธุ . จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 21 พ.ค. 51 17:21:07 ]

ความคิดเห็นที่ 75 สงสัยจะแต่ง Cosplay ล่ะมั้ง 555 จากคุณ : น้ำปลาเดือนห้า - [ 21 พ.ค. 51 17:26:42 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ธรรมะ คือ คุณากร ส่วนชอบสาทร ดุจดวงประทีปชัชวาล แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน สว่างกระจ่างใจมล ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล และเก้ากับทั้งนฤพาน สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร พิสุทธิ์พิเศษสุกใส อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง คือทางดำเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง ยังโลกอุดรโดยตรง ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนงค์ ด้วยจิตและกายวาจา ********ขอให้มีธรรมะเกิดขึ้นในใจของทุกๆท่านค่ะ สาธุ***** จากคุณ : จันทร์กลางใจ - [ 21 พ.ค. 51 17:31:39 ]

ความคิดเห็นที่ 77 คุณ Radiant, Archangel #71 ผมไม่ได้เจตนากล่าวหาว่า ท่านมาประชาสัมพันธ์วัดพระธรรมกาย เพราะมีคนโหวตลบกระทู้นี้    โดยผมเข้าใจเอาเองว่า ผู้ที่โหวตลบ  ไม่ต้องการให้ใครวิพากย์วิจารณ์กิจกรรมของวัดฯ  ผมจึงโหวดปล่อยกระทู้  แล้วแสดงความเห็นเตือนสมาชิกที่ศรัทธาวัดพระธรรมกาย ว่า ควรจะชี้แจงแสดงด้วยเหตุด้วยผล เพื่อให้สมาชิกได้อ่านได้พิจารณา ถ้ามั่นใจในกิจกรรมที่วัดพระธรรมกายจัดทำว่าเป็นสิ่งดีเป็นของดี(ตรงตามเจตนารมณ์ของพระพุทธองค์ทั้งสอดรับกับพระไตรปิฎก) ก็ขอให้อธิบายแสดงด้วยเหตุด้วยผล อย่าโหวตลบเลย ทั้งได้อธิบายเตือนสมาชิกผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกาย ว่า   สมาชิกในบอร์ด Pantip  อย่างน้อย ๆ ตอนนี้ก็ 3 ห้องคือ ห้องศาสนา, ห้องหว้ากอ และห้องเฉลิมไทย  ที่ไม่ต้อนรับพฤติกรรม/พฤติการณ์/กิจกรรมของวัดพระธรรมกาย  หากสมาชิกผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกายปรารถนาจะเผยแพร่ก็เชิญเผยแพร่ที่เวบไซต์ของวัดพระธรรมกายและเครือข่ายเอาเอง  เพราะนอกจากสมาชิกที่นี่เขาไม่น้อมรับทั้งยังติเตียนแล้ว  เวบไซต์ Pantip ยังแบนเวบลิงค์ของวัดพระธรรมกายอีกด้วย  การเอากิจกรรมใด ๆ ของวัดพระธรรมกายมาเผยแพร่  น่าจะขัดต่อกฏกติกาของ Pantip ด้วย แต่ถ้ามีการตั้งกระทู้ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกายแล้วไซร้  สมาชิกผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกาย  ก็ต้องยอมรับในคำวิพากย์วิจารณ์ของสมาชิกร่วมห้อง  จะโหวตลบเพื่อหนีคำวิพากย์วิจารณ์นั้น  ผมไม่เห็นด้วย สำหรับคุณ Radiant,  ผมทราบดีว่า คุณ Radiant, ไม่ใช่ผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกาย ตอนที่คุณ Radiant, ลาบวชที่วัดอัมพวันเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา  ผมอยากจะปลีกตัวไปร่วมอนุโมทนาถึงวัด  แต่ไม่สามารถปลีกตัวไปได้เพราะภาระเยอะแยะไปหมด การที่คุณ Radiant, ตั้งกระทู้นี้  ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรที่เสียหายมาก  ทั้งยังแนะวิธีทำบุญที่ถูกต้องใน คห.9 อีกด้วย  อีกอย่างหนึ่งก็คือ  สมาชิกผู้ศรัทธาวัดพระธรรมกายจะได้มีโอกาสชี้แจง  ถ้าลบกระทู้ทิ้งไปแล้วมันก็จะเป็นกิจกรรมที่อึมครึม  เพราะภาพนี้ผมเห็นมาตั้งแต่ปีกลายปีก่อนแล้ว  ต่างคนต่างก็อธิบายตามแต่ที่ต้องการได้ตามจินตนาการ เพราะในพระไตรปิฎกไม่ได้บันทึกภาพและพิธีกรรมเช่นนี้ไว้ วัดพระธรรมกายจัดทำขึ้นตามจินตนาการปรุงแต่ง  นั่นเป็นสิทธิ์ของเขา เราก็วิพากย์วิจารณ์ตามสิทธิ์ของเราที่เห็นว่านั่นเป็นจินตนาการเกินจริง !!! จากคุณ : ทวนทอง - [ 21 พ.ค. 51 18:03:41 ]

ความคิดเห็นที่ 78 รำคาญพวกหน้ามืดตามัว เฮ่อ ตอบมาได้ เรามองว่า การแต่งตัวเหมือนกระเทยอัลคาซ่าจริงๆแหละ โห..... เหมือนตรงไหนฟะ กะของอินเดีย ดูตรีมูรติแล้ว แต่งไม่เหมือนเลยอ่ะ ติ๊งต๊อง จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 21 พ.ค. 51 18:46:52 ]

ความคิดเห็นที่ 79 นานๆได้เข้ามาอ่านที ดีใจครับ ที่ได้มาร่วมแสดงความคิดเห็น ปกติผมเองก็ไม่ค่อยได้เข้าวัดเท่าไหร่ รู้สึกว่าตัวเราจะร้อนๆ :) จริงๆ อ่านกระทู้ตั้งแต่ต้นกระทู้แล้วก็เลยอยากมาคุยด้วย คุยกันในเรื่องของความคิดเห็น กับ มุมมอง ก็เลยคุย ไหนๆคุยมาแล้ว 2 ความคิดเห็น เลยอยากคุยต่อสักนิดครับ ไหนๆก็คุยแล้วนิ :) เอาเป็นถือว่าผมเริ่มเข้ามาเรียนรู้เรื่องศาสนาและกันนะครับ ผมชอบมองอะไรง่ายๆ และตรงไปตามความเป็นจริง ไหนๆคุยกันในกระทู้อันนี้ ผมก็ขอแสดงความคิดเห็นเฉพาะ กระทู้อันนี้ บนสังคมที่เราอยู่เนี่ย มันก็มีเรื่องกระทบกระทั่งกันเป็นปกติ ผมเข้ามากระทู้นี้ เพราะ อ่านหัวข้อแล้ว น่าสนใจ เลยเข้ามาอ่านๆดู แต่ก็เหมือนเป็นการเขียนกระทู้เพื่อ ประชด หรือ น้อยเนื้อต่ำใจอะไรหรือเปล่า ท่านเจ้าของกระทู้ :) เจตนาของกระทู้ ไม่ใช่คำถาม แต่ดูเหมือนจะเหน็บๆ กับ ต่อว่า คนเรานั้นเห็นต่างกันก็ไม่น่าเป็นเรื่องแปลก แต่ที่แปลก และแปลกยิ่งกว่าก็คือ การที่ไปยกเอาถึงสิ่งที่เรามองไม่เห็น แล้วมาบอกว่า ไม่มีในที่นั่นที่นี่ แต่ไม่ได้มองอะไรให้ลึกซึ้ง จริงๆแล้ว ประเด็นคงไม่ใช่ แต่จุดประสงค์ อันนี้ น่าสนใจกว่า ผมอยากจะบอก ผมขออนุญาตบอกแบบปุถุชน คนไกลวัด จะบอกว่า บางทีการที่เรามาเถียงกัน เรื่องคุณวิเศษ ภูมิรู้ ภูมิธรรม เรื่อง อจินไตย มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แล้วไอ้ตัวคำว่ากิเลสเนี่ยแหล่ะ มันชอบเห็นใครดีกว่าใครไม่ได้ ไม่เฉพาะทางธรรม ทางโลก ทางไหน เจ้าตัวนี่แหล่ะ ตัวดี ก็แหม ถ้าเราเห็น เราระลึกชาติ มีญาณ มีภูมิรู้ ภูมิธรรม เราจะมานั่ง พิมพ์ๆ นั่งเถียงกันแบบนี้ เพื่อ สร้างเวรต่อกันทำไม ? จริงมั้ยท่านๆครับ ? ป่านนี้ ท่านๆในนี้ ละเพศ คฤหัส กันหมดแล้ว ถ้าตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ผมว่า เอาเป็นพอเหมาะพอดี น่าจะดีกว่า มานั่งตำหนิ ติเตียนกัน ไม่เกิดประโยชน์ตน ประโยชน์ท่าน เหมือนเราจะมานั่งถามๆ ว่า นี่ แม่เคยเห็นปู่ของแม่มั้ย ? อืม แล้วแม่เคยเห็นปู่ของปู่แม่มั้ย ? อ้อ แล้วงั้น แม่เคยเห็นปู่ของปู่ของปู่แม่มั้ย ? เฮ้อ แล้ว ปู่ ของ ปู่ ของ ปู่ ของปู่ ของ ปู่ ปู่ ปู่ ปู่ แม่ล่ะ แม่เคยเห็นมั้ย ? อืม ถามใครจะตอบว่าไงดีล่ะครับเนี่ย ? ใครตอบได้ ยกมือให้ผมดูหน่อยสิ :) อืม ผมตอบก่อนเลย ผมไม่เคยเห็นหรอก ปู่++(ปู่พลัสๆ) แบบนั้น เอ ถ้าเราไม่เคยเห็นเนี่ย ทำไมล่ะ ทำไมเราเชื่อว่ามี ทำไมเราต้องเชื่อว่าเรามีปู่ ทั้งๆที่เราไม่เคยเห็น ? สรุปว่า เรามอง เราเถียงกับสิ่งที่เราเชื่อว่ามี แต่เราเห็นไม่ตรงกัน กระนั้นหรือ ? หลานบอกปู่ของปู่ของปู่ของปู่ปู่ปู่ ต้องหน้าตาแบบนี้ๆๆๆ อีกคนบอก ต้องแบบนี้ แบบนี้ และแบบนี้ แหม เพื่ออะไรครับ เข้าใจว่ามีเหตุ แต่เหตุเกิดจากอะไร ? งูกินหาง ไม่จบ ถ้าเราจะมานั่งเถียง ถก กันด้วยเรื่อง ละเอียดอ่อนแบบนี้ ผมมองว่า แต่ละคน มีจิตบริสุทธิ์ มีเจตนาดี น่าจะช่วยกัน เอาธรรมมะ หรือ เอาสิ่งดีๆที่พระพุทธเจ้าสอน ไปถ่ายทอดให้สังคมได้ เห็นแต่ละท่าน โหยยย ภูมิรู้ ภูมิธรรม เยอะมากมาย ทำไมต้องเอามาเหน็บแนบ หรือ ต่อว่า ผู้อื่น หรือ คนที่คิดเห็นไม่เหมือนกับตน แล้วบอกว่า นี่ๆ ความคิดชั้นถูก แกผิดนะเว้ย แหม มันก็ไม่ค่อยสร้างสรรค์เลย จริงมั้ยครับ ? ผมว่า แทนที่จะมานั่งเถียงกัน ลองๆช่วยกันคิดวิธีดีๆ ไม่ดีกว่าหรอครับ ให้เป็นเจตนาบริสุทธิ์จริงๆ เป็นการ ติเพื่อก่อ เหรียญมีสองด้านฉันใด กระจกสะท้อนเงาตัวเองฉันใด ของทุกสิ่งมักจะมีสองด้านเสมอ ผมมองง่ายๆแบบนี้ ผมชอบ ความคิดเห็นที่ 76 คุณ จันทร์กลางใจ สมัยเรียน จำได้ว่าสวดบทสวดนี้ทีไร ขนลุกทุกที ขอบคุณครับ ที่นำมาให้รำลึกถึงอีกครั้ง ขอบคุณจากใจจริงครับ ชอบ บทสรภัญญะ บทนี้ อืม แต่ว่าแต่ผมเขียนถูกมั้ยน้อ กลัวทำภาษาไทยวิบัติ ถ้าเขียนผิด ขออภัยด้วยครับ ธรรมะ คือ คุณากร ส่วนชอบสาทร ดุจดวงประทีปชัชวาล แห่งองค์พระศาสดาจารย์ ส่องสัตว์สันดาน สว่างกระจ่างใจมล ธรรมใดนับโดยมรรคผล เป็นแปดพึงยล และเก้ากับทั้งนฤพาน สมญาโลกอุดรพิสดาร อันลึกโอฬาร พิสุทธิ์พิเศษสุกใส อีกธรรมต้นทางครรไล นามขนานขานไข ปฏิบัติปริยัติเป็นสอง คือทางดำเนินดุจคลอง ให้ล่วงลุปอง ยังโลกอุดรโดยตรง ข้าขอโอนอ่อนอุตมงค์ นบธรรมจำนงค์ ด้วยจิตและกายวาจา ด้วยความเคารพครับ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 19:36:28 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ไม่เคยเห็น ก็มั่วเอาตามจินตนาการก็ได้อย่างนั้นหรือครับ นายกัณฑ์ แล้วจะมีวิชาประวัติศาสตร์ โบราณคดี ไปทำไม ดูนี่ ตุตันคาเมน v v จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 19:54:14 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ดู คห.๕๖ ของ คุณหนอนดาวเรือง แล้วหรือยัง นี่เขาเทียบให้ดูแล้ว นายกัณฑ์ เอาสวยเอางามเข้าว่า ผมถามคุณ ถ้าไม่มีโลงพระศพหรือภาพวาด รูปสลัก ฯลฯ ของตุตันคาเมน มาเป็นข้อยืนยัน จะมีใครเขาทำอย่างคุณบ้างครับ อย่างคุณ ตุตันคาเมนคงสวมชฎา!!! จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 82 มองกันต่างมุมเยอะๆดีครับ ได้เห็นหลากหลายมุมมอง แหม เอาเป็นถ้าเรายึดประวัติศาสตร์ กันนี่ ทุกอย่างต้องตรงตามประวัติศาสตร์ ง่ายๆ ผมถามกลับนิดสิครับ วิชาโบราณคดีที่บอกๆว่าๆกันนี่ หลักส่วนหนึ่งก็ใช้การอ้างอิง + การสันนิฐาน กับประวัติศาสตร์นั้นๆ ถามกลับอีกนิดสิครับ ทำไมเราเชื่อ ? ทุกเรื่องของโบราณคดี หรือ ประวัติศาสตร์ไม่เคยผิดหรอครับ ? เฮ้่อ ผมก็มึนๆและ ขอถามนิดนึงสิ เถียงกันจะตายกับเรื่องนี้ เอาใกล้ๆตัวครับ ว่า ไทยเรามาจากไหน ? มาจากยูนาน หรือว่าอยู่มานานตรงนี้ ? ตอบผม แล้วหาขอมูลวิชาการที่หักล้างกันได้ให้สักนิดสิครับ อุปปมา เรื่อง นรก สวรรค์ ศาสนาพุทธ นิกายเดียวกัน ยังมองต่างกันลึกลงในรายละเอียด เฮ้อ ละทิฐิ แล้วมองกว้างนิดดีมั้ยครับ ? อย่าพยายามเอาไปเปรียบเทียบกับศาสนาครับ เรื่องพวกนี้ กาลเวลาที่ผ่านเลย ผู้ชนะเท่านั้น ที่เขียนประวัติศาสตร์ มีอาจารย์ด้านประวัติศาสตร์ หลายท่าน ยังงงๆกับประวัติศาสตร์ และพยายามหา สมมุติฐาน มาหักล้าง เหมือนกาลิเลโอ บอกโลกกลม แต่คนในยุคนั้น บอกโลกเอียง แต่แปลก พระไตรปิฎก บอกโลกกลมมาตั้งนมนาน อย่ามองมุมมองทางโลกเลยครับ เพราะผมเอง มองทางโลกตลอดๆ อยากฟังที่เป็นทางธรรมมมากกว่า :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:08:30 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตุตันคาเมนอย่างนี้ สวยพอใหมตามจินตนาการ หา?? คุณดีดัง คุณกัณฑ์ v v จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 84 มันเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์ ตามหลักฐาน เราต้องค้นหาหลักฐานครับ ไม่ใช่มั่วเอาเองเพราะดูแล้วงดงามน่าศรัทธา ถ้าหาหลักฐานไม่พอสรุป ก็อย่าสรุป มันจะเลอะเทอะ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:17:02 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ท่าน JitZungkabuai เอ ผม ถามไม่ตอบ ไทยเราอยู่ไหนกันแน่ตั้งแต่เริ่มต้น ? เอาแบบพออุ่นๆครับ แหม ตอบนิดก่อนได้มั้ยครับเนี่ย เดี๋ยวผมจะได้คุยต่อได้ ท่านนักโบราณคดี :) จริงๆเจตนาจุดประสงค์เนี่ย ผมพยายามชี้ให้เห็น กลับ แชว๊บไป ซะงั้น เอาไหนๆ เรามาคุยกันแล้ว ก็คุยกันต่อๆ ไปครับ สนุกๆ ขำๆ กำลังว่างๆ ได้มองมุมมองความคิดเห็น หลายหลากดี ผมชอบ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:17:45 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ผมไม่รู้ครับ รู้แต่ชาวไต มณฑลยูนนานในจีน เราคุยกับเขารู้เรื่องด้วยภาษาไทยเรานี่แหละ เขารำก็เหมือนเรา แล้วมันเกี่ยวอะไรกันนี่ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:23:47 ]

ความคิดเห็นที่ 87 เอาเป็น ผมจะบอกคุณว่า ถ้าคุณ เอาเรื่อง โบราณคดีมา เพื่อจะมาหักล้างศาสนา ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มันไม่ใช่ไงครับ พระพุทธเจ้าเนี่ย ก็ไม่มีใครเคยเห็นท่าน สร้างรูปเคารพกันมาก็จากคำบอกเล่า แล้วพวก รูปปั้นต่างๆในสมัยขอมเรืองอำนาจ ก็สร้างรูปพระแทนกษัตริย์ มุมมองเรื่องราวพวกนี้ ถ้ามองกันที่เรื่อง ศาสนา แล้วอย่าไปโยงโบราณคดีครับ ผิดกัน แก้กันไม่รู้เท่าไหร่ สมมุติฐานใครดีกว่าก็ อืม ครับ ยอมรับไป แต่ถ้ามี สมมุติฐานที่ดีกว่านั้น มาหักล้าง ก็ต้องยอมรับไป เอาเป็น ถ้าคุณจะมาหาหลักฐาน เกี่ยวกับเรื่อง ศาสนา รบกวนนิดสิครับ :) แหม ก็ผมเองไม่ค่อยมองอะไรยากๆ มองง่ายๆ ตลอด ช่วยไปหา สมมุติฐาน นรก สวรรค์ แล้วช่วยเอามาให้เพื่อนๆ ในนี้ ดู แบบเป็น วิทยาศาสตร์หน่อยได้มั้ย ? ทำให้เห็นหน่อยสิครับ แหม ขอแนะนำนิดนะครับ บนเรื่องของความเชื่อ คนหนึ่งคนเห็น อีกคนนึงไม่เห็น ส่วนอีกคนเห็นแต่ไม่ตรง จะสรุปยังไงครับ ? ช่วยสรุปทีกับสิ่งที่เห็น ? ผมขอสรุปว่า วิทยาศาสตร์ทางใจน่ะครับ มันจะให้ใครมาสรุปก็คงไม่ได้ คงจะมองกันต่างมุมไปเรื่อยๆ แต่ว่า เอาแค่พอเหมาะพอดี ติดเพื่อก่อ ดีกว่ามั้ย ? จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:28:07 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ผมเบื่อที่จะตอบเรื่องในจินตนาการ แล้วบอกว่าอย่าลบหลู่ศรัทธา เพราะคนนั้นเชื่ออย่างนี้อย่างนั้น แล้วมันถูกยังไง ผิดยังไง ไม่รู้ใช่ใหมครับ คุณกัณฑ์น่าจะเป็นผู้ศึกษาที่ดีได้ ถ้าไม่สรุปเร็วเกินไป และการที่หลายท่านกล่าวแย้ง คุณดีดัง นั้น ไม่ใช่ท่านเหล่านั้นไม่ได้ศึกษามาก่อนเลย จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:31:07 ]

ความคิดเห็นที่ 89 จะบอกเพิ่มเติมนิดนะครับ เรื่องคนไทยเราเนี่ยมาจากไหนกันเนี่ย ทุกวันนี้ ยังสรุปกันไม่ได้ แล้ว ให้มองยังไงดีครับ นักโราณคดีบอกว่า อืม อยู่ที่นี่แหล่ะ ไม่ได้อพยบมาจากไหน อีกพวกบอก มาจากยูนาน ถ้ามองวิทยาศาสตร์ตรงๆเลยนะครับ นรก สวรรค์ วิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ ยกเว้น วิทยาศาสตร์ ทางใจ แล้วจะตอบแบบวิทยาศาสตร์ยังไงครับ เรื่อง นรก สวรรค์ แหมๆๆ :) คุยกันไปกันมา ดันไปทางโลกซะและ ผมอุตส่าห์เบื่อๆ ทางโลก อยากลองมาหาความรู้สักหน่อย ขอบคุณครับ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นครับ :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:32:54 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ผมเอาโบราณคดีมาหักล้างศาสนาตรงไหนครับ ผมเอามาหักล้างจินตนาการต่างหาก อริยสัจจ์สี ในจินตนาการของคุณเป็นอย่างไรเล่าครับ? จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ไม่อยากคุยทางโลก แล้วคุณจะคุยเรื่องพ้นโลกได้อย่างไรครับ คุณกัณฑ์ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:36:46 ]

ความคิดเห็นที่ 92 แล้วมุมมองของท่าน JitZungkabuai มองเรื่องนรก สวรรค์เป็นจินตนาการ ด้วยมั้ยครับ ? ถามนิดก่อน :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:40:38 ]

ความคิดเห็นที่ 93 บอกคุณไว้ก่อนนะครับ ผมก็เหมือนคุณนั่นแหละว่ามี อย่าได้มีมานะคุยกับผมครับ นรก สวรรค์นั้นอยู่ที่จิต จิตคิดผิดเป็นนรก จิตคิดถูกเป็นสวรรค์ ไม่พ้นทุกข์เลย จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:44:32 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จิตนั่นแหละตัวสร้างจินคนาการ ถ้าไม่หยุดซึมซับอดีต ก็แล่นไปแส่หาอนาคต เป้นทุกข์ ทำไมไม่อยุ่กับปัจจุบัน มีปัญญาพิจารณาไม่ประมาทของหลอกของลวง จากคุณ : JitZungkabuai - [ 21 พ.ค. 51 20:50:40 ]

ความคิดเห็นที่ 95 แหม นี่เราคุยกัน ขำๆนะครับเนี่ย ผมบอกแล้ว ขำๆ มานะผมไม่มีครับ :) ขำๆมากกว่า แต่กำลังจะบอกท่านว่า สิ่งที่ได้รู้ได้เห็น จากภูมิรู้ ภูมิธรรม เนี่ยครับ จะเอาวิทยาศาสตร์ทางโลกมาพิสูจน์ หรือเอา อะไรทางโลกมาพิสูจน์ คงไม่ได้ อ่านๆนิดสิครับ ผมบอกแล้ว ผมปุถุชน ชอบแสงสี แต่อ่านแล้วสนใจ เลยเข้ามาคุยด้วย แล้วจะสรุปยังไงดีครับ อะไรถูก อะไรผิด ? ถึงได้บอกว่า มองให้ใกล้ๆตัวก่อนดีมั้ย ? ในเมื่อ เราเอง ยังไม่มีภูมิรู้ ภูมิธรรมอะไร รู้จากอ่าน จากสื่อ แล้วมองกันยังไงดีครับเนี่ย ช่วยผมคิดที ไปๆมาๆ หลุดกรอบไปซะอีก จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 20:51:48 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ทุกข์เท่านั้นเกิดขึ้น ทุกข์เท่านั้นดับไป ถ้าคุณไม่สามารถกำหนดลงว่า กายและใจของคุณเป็นทุกข์ได้ ก็เปล่าประโยชน์ เพราะคุณไม่เห็นทุกข์ แล้วคุณจะเห็นสาเหตุได้อย่างไร พอเสียทีและอย่าทำอย่างในกระทู้นี้อีกนะครับ เจริญในธรรมครับ จากคุณ : จิตดับไป (JitZungkabuai) - [ 21 พ.ค. 51 20:58:49 ]

ความคิดเห็นที่ 97 ทุกข์ คืออะไรครับ ? แหม หรือ ท่าน JitZungkabuai เป็นทุกข์ ? เฮ้อ ท่านครับ รบกวนช่วยอ่านความคิดเห็นผมตั้งแต่ต้นนิดสิครับ อ่านแล้วดูนิดว่าผมกำลังจะบอกอะไร ? ผมเอง เข้ามาแสดงความคิดเห็นเนี่ย เพราะอยากได้มุมมองที่แตกต่างสักนิด แต่แหมๆ ไปๆมาๆมาว่าจะคุยเอาเหตุกับผลสักหน่อย ไหง ไปซะงั้นครับเนี่ย :) ผมไม่อยากบอกอะไรซ้ำๆครับ แล้วก็ไม่อยาก คุยกันแบบ อคติ หรือ ไม่เป็นเหตุ หรือ ผล เพราะ ไม่ได้ประโยชน์อะไรที่จะเอาชนะกัน แต่มาพาดพิงแล้ว ไม่แก้ ก็กระไรอยู่ครับ ศาสนาพุทธเรา สอนเรามากมาย แต่คนเราเนี่ยสิครับ เอาตัวเองไปยึดติดซะจน มองด้วยใจสบายๆ กว้างๆ ไม่ดีกว่าหรอครับ ท่าน JitZungkabuai ผมต้องขออโหสิกรรมด้วยนะครับ ถ้าทำให้ใจท่านขุ่น :) แต่ว่า ช่วยๆอ่านความเห็นผมหน่อย ว่าผมสื่ออะไร เพราะ ล่วงมาหลายกระทู้ มันไม่เป็นประโยชน์ตน ประโยชน์ท่านครับ ไร้อวกาศ :) ใจเย็นๆ อ่านด้วยใจสบายๆนะครับ :) ขอบคุณครับ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 21:07:15 ]

ความคิดเห็นที่ 98 เท่าที่อ่านดูคร่าวๆแล้ว คุณกัณฑ์เป็นคนที่มีเหตุผลและความคิดที่ดีคนนึงเลย เสียดายที่ว่า ถ้าได้ศึกษาธรรมะที่ถูกต้องของครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์แล้วคงไปได้ไกล เอ๊ะ ทำไมตอนพิมพ์คำตอบนี้แล้วขนลุกวูบวาบ .... 555 มาแนวนี้อีกละแต่รู้สึกจริงๆ ถ้าลากคุณกัณฑ์ออกมาจากวัดธรรมกายได้ผมจะดีใจมากเลยหล่ะ แล้วให้ลองปฏิบัติของจริงดูบ้าง .............................................................................................. จำได้ว่านานแล้วเคยลากพี่คนนึงในบอร์ดออกมาจากธรรมกายได้ระดับนึง จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 พ.ค. 51 21:15:54 ]

ความคิดเห็นที่ 99 เห็นคุณกัณฑ์ มากล่าวตอบล่าสุดแล้ว อยากเจอของจริงไม๊คับ ขอเชิญให้มาพิสูจน์ ... ถามตรงๆคับ คุณกัณฑ์เป็นคนที่เข้าและปฏิบัตที่วัดธรรมกายใช่ไหมคับ ขอตอบแบบจริงใจคับ แอบเสียดายคนที่มีความคิดดีๆแบบคุณอ่ะคับ จริงๆนะ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 พ.ค. 51 21:20:09 ]

ความคิดเห็นที่ 100 ผมรู้และอีกหลายๆคนก็รู้ว่าท่านเกลียดวัดพระธรรมกายเข้าถึงในไขกระดูกและอาจถึงระดับ DNA    ดังนั้นไม่ชอบสิ่งไหนก็อย่ามาโพสเพื่อจุดประกายสงครามน้ำลายเลย  เอาเวลาไปภาวนายุบหนอพองหนอของท่านเพื่อแพ้วถางทางแห่งพระนิพพานเถิด จากคุณ : rxkku - [ 21 พ.ค. 51 21:23:05 ]

ความคิดเห็นที่ 101 เรียนท่าน Radiant, Archangel ผมเคยไปวัดธรรมกายไม่กี่ครั้งครับ :) ผมเคยอยู่กับพระอาจารย์ แถวภาคอิสาน ได้อยู่ใกล้ชิดท่านพอสมควร อยู่ระยะเวลานานพอสมควร ครูบาอาจารย์ที่ผมพบเจอ แปลกดีนะครับ ไม่ค่อยกล่าวว่าร้ายใคร พระอาจารย์ที่ผมรู้จัก ส่วนใหญ่ถ้าสายทางภาคอีสาน ท่านถือพรหมวิหาร 4 ผมไปทุกที ถ้าผมมีโอกาส ผมไม่เลือกสถานที่ ผมเคารพในธรรมของครูบาอาจารย์ และพระที่ท่านตั้งใจปฎิบัติดี ปฎิบัติชอบ ผมมองโลกตามความเป็นจริงมากกว่า และก็มองทุกอย่างสองด้านเสมอ ผมอยากเห็นการติเพื่อก่อ มากกว่าเพื่อกดดัน หรือเหน็บแนม หรือ ตีวัววกระทบคราด ครับ มันไม่ใช่ วิสัย นิสัย ที่ดี ที่ชาวพุทธเรา พึงกระทำ ถ้าเราจะเอาเวลามานั่งทะเลาะกันเอง เปลี่ยนดีมั้ยครับ ? เปลี่ยนเป็น ตั้งกระทู้คนละกระทู้ทุกวัน แล้วช่วยกันคิด คิดหาวิธี ฟื้นฟู ศีลธรรมที่มันตกต่ำ แทนที่เราจะมาเถียงกัน ผมว่าร่วมกันช่วยกัน คนละไม้ละมือ ไม่ดีกว่าหรอ ? อ่านแล้ว อืม อะไรกัน เถียงกัน เรื่องไกลตัว ไอ้เรื่องใกล้ๆตัว ไม่เห็นมีใครคิด ไม่เห็นจะช่วยกัน มีแต่มานั่งข่มๆกันว่า เฮ้ย ของข้าดีกว่าเฮ้อ มันเกิดอะไรขึ้นมาครับ ขอแสดงความคิดเห็นในมุมมองของคนไกลวัด ชอบแสงสียามราตรีครับ :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 21:39:55 ]

ความคิดเห็นที่ 102 เคลียร์โทรศัพท์งานเสร็จ ขออนุญาตต่อนะครับ นานๆ ได้มาระบายสักที แต่ก็อย่างที่ผมบอกแหล่ะครับ ผมมองอะไรมองเผื่อๆไว้ตลอด มองสองด้านเสมอๆ และครูบาอาจารย์ที่แต่ละท่านที่ผมได้ใกล้ชิดท่านก็มักจะบอกว่า ผู้ปฎิบัติ ย่อมรู้ได้เฉพาะตน ผมเองก็ไม่ใช่ผู้ปฎิบัติ เหมือนหลายๆท่านที่สามารถ ฟันธงได้ ว่า อืม มันผิด มันไม่ผิด อย่างที่บอกครับ ผมบอกไม่ได้เพราะ ศีล สมาธิ ปัญญา ผมไม่ได้เสมอ หรือเทียบเท่า ผมก็แค่ปุถุชน ที่ยัง วนๆเวียนๆ อยู่บนโลกที่วกวน ศีล 5 ข้อ ยัง ทุรักทุเร เอาเป็นผมขอแสดงมุมมองในส่วนที่ผมเห็น แล้วน่าจะเป็นประโยชน์ ถ้ามีสิ่งหนึ่งสิ่งใด ล่วงเกิดผู้ใด ผมกราบขออโหสิกรรมด้วยครับ แต่ถ้าเป็นการพาดพิงมา ไม่ว่าใคร ก็คงต้อง แสดงจุดยืน และ แสดงความคิดเห็น ขอบคุณครับ สำหรับพื้นที่ให้แสดงความคิดเห็น และ เพื่อนๆพี่ๆ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็น เอาเป็นว่า เราชาวพุทธด้วยกัน เห็นแตกต่างแต่ไม่แตกแยกกันดีกว่านะครับ คงอีกนานหลังจากวันนี้ ถ้ามีโอกาสผมขอความอนุเคราะห์ช่วยชี้นำด้วยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 21 พ.ค. 51 22:04:35 ]

ความคิดเห็นที่ 103 ครับ สำหรับวัดธรรมกายในด้านการเผยแพร่ โครงการดี ๆ หลายอย่างผมยอมรับครับว่าทางวัดมีส่วนช่วยให้สังคมดีขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อย ทำให้คนที่ไม่ค่อยสนใจพระพุทธศาสนาหันมาสนใจได้ ด้วยสื่อการเรียนรู้ต่าง ๆการ์ตูนสำหรับเด็ก ๆ การเผยแพร่สื่อธรรมมะที่ทันยุคทันสมัยเป็นต้น            ครับ สำหรับคนที่ไม่ได้จริงจังที่จะปฎิบัติธรรมอะไรมากนัก เป็นคนปกติทั่วไปที่มีความสุขกับการเข้าวัดทำบุญ ไปวัดกันทั้งครอบครัว ธรรมกายให้ตรงนี้กับเขาได้ และทำได้ดีด้วย      แต่สำหรับนักปฎิบัติธรรมผู้ศึกษาพระไตรปิฎกชั้นดั้งเดิม จะรู้ได้ทันทีว่าคำสอนของวัดธรรมกายกล่าวตู่พุทธพจน์ไว้หลายที่หลายแห่ง เป็นการบ่อนทำลายและกัดกร่อนเนื้อแท้ของศาสนาจนคนไม่สนใจว่าแก่นแท้คำสอนคืออะไร ขอยกพระสูตรนึงมาให้ท่านทั้งหลายพิจารณา ๗. อาณิสูตร             [๖๗๒] พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระเชตวัน อารามของท่าน อนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ... พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เรื่องเคยมีมาแล้ว ตะโพนชื่ออานกะของพวกกษัตริย์ผู้มีพระนามว่า ทสารหะได้มีแล้ว เมื่อตะโพนแตก พวกทสารหะได้ตอกลิ่มอื่นลงไป สมัยต่อมา โครงเก่าของตะโพนชื่ออานกะก็หายไป ยังเหลือแต่โครงลิ่ม แม้ฉันใด ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย พวกภิกษุในอนาคตกาล เมื่อเขากล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม อยู่ จักไม่ปรารถนาฟัง จักไม่เข้าไปตั้งจิตเพื่อรู้ และจักไม่สำคัญธรรมเหล่านั้น ว่าควรเล่าเรียน ควรศึกษา แต่ว่าเมื่อเขากล่าวพระสูตรอันนักปราชญ์รจนาไว้ อันนักปราชญ์ร้อยกรองไว้ มี อักษรอันวิจิตร มีพยัญชนะอันวิจิตร เป็นของภายนอก เป็นสาวกภาษิต อยู่ จัก ปรารถนาฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่งจิตเพื่อรู้ และจักสำคัญ ธรรมเหล่านั้น ว่าควรเรียน ควรศึกษา ฯ             [๖๗๓] ดูกรภิกษุทั้งหลาย พระสูตรเหล่านั้น ที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบด้วยสุญญตธรรม จักอันตรธาน ฉันนั้นเหมือนกัน เพราะเหตุดังนี้นั้น เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า เมื่อเขา กล่าวพระสูตรที่ตถาคตกล่าวแล้ว อันลึก มีอรรถอันลึก เป็นโลกุตตระ ประกอบ ด้วยสุญญตธรรม อยู่ พวกเราจักฟังด้วยดี จักเงี่ยโสตลงสดับ จักเข้าไปตั้งไว้ซึ่ง จิตเพื่อรู้ และจักสำคัญธรรมเหล่านั้นว่า ควรเรียน ควรศึกษา ดังนี้ ดูกรภิกษุ ทั้งหลาย เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ ฯ จากคุณ : Kengmanny - [ 21 พ.ค. 51 23:17:28 ]

ความคิดเห็นที่ 104 เข้ามาช้าไป แต่ขอเสริมเรื่องประวัติศาสตร์ สำหรับคุณกัณฑ์ที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์-โบราณคดีมาเท่าที่ควร แล้วมาพูดเองเออเอง "จะบอกเพิ่มเติมนิดนะครับ เรื่องคนไทยเราเนี่ยมาจากไหนกันเนี่ย ทุกวันนี้ ยังสรุปกันไม่ได้ แล้ว ให้มองยังไงดีครับ นักโราณคดีบอกว่า อืม อยู่ที่นี่แหล่ะ ไม่ได้อพยบมาจากไหน อีกพวกบอก มาจากยูนาน" ขอย้อนถามก่อนนะคะ ว่า คำว่า "คนไทย" นี่ แปลว่าอะไร ถ้าหมายถึง คนที่อยู่ในอาณาบริเวณหนึ่งที่เพิ่งถูกเรียกว่า "ประเทศไทย" เมื่อสมัยเปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นต้นมา ทุกทฤษฎีที่สันนิษฐานกันอยู่ก็ถูกหมด และ "สรุป" กันได้ในทางวิชาการมาเป็นเวลาไม่น้อยกว่า ๒๐ ปีมาแล้วหละค่ะคุณ เพราะในดินแดนที่เป็นประเทศไทยนี้ มีหลักฐานทางโบราณคดีกำหนดอายุย้อนไปได้ถึงสมัยหินเก่า ก่อนประวัติศาสตร์ที่ จ.กาญจนบุรี รวมทั้งยังมีอยู่ในทุกภาคของประเทศไทย แสดงให้เห็นว่า มีคนอยู่ในอาณาบริเวณนี้มาตั้งแต่ยุคหินแล้ว และต่อมา ก็มีคนหลากหลายเชื้อชาติอพยพเข้ามา ผสมปนเปกับผู้คนในถิ่นเดิม รวมทั้งมาจากทางตอนใต้ของจีนด้วย เกิดเป็นคนหลายเชื้อชาติอยู่ร่วมกัน ตั้งบ้านตั้งเมืองขึ้นมาเป็นแห่งๆ เรียงลำดับเป็นอารยธรรมฟูนัน ทวารวดี ศรีวิชัย หริภุญไชย ลพบุรี เชียงแสน มาตั้งแต่ก่อนสมัยสุโขทัย เสริมแค่นี้ และขอแนะนำคุณกัณฑ์ ว่าอย่าเฉไฉออกไปเรื่องอื่นที่นอกเนื้อขอบเขตของกระทู้ ตราบใดที่คุณเป็นคนเอาภาพเหล่านั้นมาอวด แล้วพอถูกถามคุณก็ไม่มีปัญญาอธิบาย ได้แต่แก้ตัวน้ำขุ่นๆ แล้วก็เบี่ยงเบนประเด็นไปพูดเรื่องอื่น ไม่มีใครเค้าหลงกลคุณหรอกค่ะ สาวกวัดธรรมกายรุ่นเก่าๆ ในบอร์ดนี้ ใช้วิธีนี้กันมาแล้วทั้งนั้น อ้อ แล้วอย่ามานึกคิดเอาเองว่า ใครแย้งคุณเพราะโกรธ ใจขุ่นมัว อคติ แตกแยก ถ้าคุณคิดเป็นแต่แบบนี้ คุณก็จะไม่มีวันเข้าใจสาระของสิ่งที่คนอื่นเค้าพยายามยามเตือนสติคุณได้หรอกค่ะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 22 พ.ค. 51 03:09:57 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อ้างถึง ค.ห. ที่ 101 นะคับ ครูบาอาจารย์สายปฏิบัติท่านน่าเคารพศรัทธาครับ และส่วนมากท่านจะไม่สงจิตออนนอก ทำแต่กิจทีควรทำ ดังนั้น ที่ท่านเห็นจึงเป็นดังที่เห็นคับ มีข้อน่าสังเกตว่า แปลกมาก คนที่เข้าวัดธรรมกายคนนึงที่เคยคุยกันแบบ มีเหตุผลและมีความคิดก็ตอบแบบเดียวกับคุณเลยว่าเคยไปวัดที่อื่นมาแล้วด้วย แล้วก็จะอ้างถึงสายวัดป่าสายอิสานเหมือนกันเลย เป็นรูปแบบเดียวกันยังกับจำมาตอบแหนะ ....................................................................... ปัญหาสังคมที่คุณกล่าวถึงนั้น คงจะอยู่ในหน้าที่ของกรพทรวงวัฒนธรรมหรือ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เสียมากกว่า คนธรรมดาอย่างเราๆตัวเท่ามด ทำอะไรไม่ได้หรอกคับ การคิดช่วยสังคมเป็นสิ่งที่ดีแต่ควรที่จะต้องดูกำลังและฐานะอัตภาพของเราด้วย จริงไหมคับ ผมเป้นเด็กอายุ 20 จะให้มาคิดเรื่องสังคมเรื่องระดับชาติที่คุณบอก มันจะดูเกินกำลังมากไปไหม แล้วคิดไปจะทำสิ่งใดต่อได้คับ จะมีก็แต่เสียความฟุ้งซ่านและจะมากด้วย ตอนนั้นจะกำหนดทันหรือไม่ก็ยังเป็นที่สงสัย ........................................................................................ ประเด็นสุดท้าย นี่ไม่ใช่เรื่องเถียงว่าใครดีกว่าใคร ถ้าปฏิบัติตาที่พระพุทธเจ้าสอนและตามพระธรรมแล้ว ดีเหมือนกันหมดคับ แต่ที่เป้นประเด้นคือ สอนผิดและบิดเบือน มีแต่เรื่องถูกผิดคับ ถูกหรือผิด ถ้าถูกแล้วไม่ว่าปฏิบัติสายไหนก็ดทีทั้งนั้น แต่เมื่อข้อเท็จจริงเห็นอยู่ว่าสอนผิดบิดเบือนก็ต้องเอาความจริงมาพูดกัน ก็เท่านั้น ดังนั้นตรรกะสุดท้ายของคุณกัณฑ์ในค.ห. 101 จึงขาดเหตุผลอันดีคับ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 22 พ.ค. 51 08:44:51 ]

ความคิดเห็นที่ 106 พิจารณาง่ายๆว่า อะไรที่ทำแล้ว เป็นไปเพื่อความคลายกำหนัด ลดการยึดมั่นถือมั่น นั่นถือว่าเหมาะสมกับพุทธบุตร อะไรที่ทำแล้วเป็นไปเพื่อเพิ่มความกำหนัด เพิ่มความยึดติดถือว่าไม่เหมาะสม อย่างเรื่องพุทธศิลป์ ก็จะเห็นในท่าทีที่ว่าไม่ค่อยมีที่จะเพิ่มความกำหนัด แต่ "อ้างว่า"พุทธศิลป์ ในกระทู้นี้ มองกันเองดูกันเอง อย่าเอาไปเทียบกับพุทธศิลป์ในสวนโมกข์เลย มันคนละระดับกัน อันหนึ่งเน้นปัญญาอันหนึ่งเน้นตัณหา จากคุณ : Nexus - [ 22 พ.ค. 51 09:13:43 ]

ความคิดเห็นที่ 107 วันนี้นึกว่าจะได้ได้เข้ามาซะแล้ว ดีใจครับ เลื่อนไปอีก 1 วัน ขออนุญาตเข้ามาใช้สิทธิ แก้การพาดพิงถึงด้วย :) ตอบคุณ หนอนดาวเรือง ต้องขออนุญาตชี้แจงนะครับ อย่ามองว่าเป็นเรื่องนอกกระทู้ซะล่ะ ไหนๆพาดพิงผมแล้วนิ :) ถ้าเราใช้สิทธิเราพาดพิงคนอื่นได้ เราก็ต้องยอมให้คนอื่นใช้สิทธิพาดพิงเราได้ :) เจตนาที่ผมพูดเรื่องคนไทย มาจากไหนเนี่ย ก็เหมือนกับอุปมาครับ เรื่องประวัติศาสตร์ไม่มีใครเกิดทัน ก็ใช้ข้อมูลหลักฐานที่พอจะมี มาสันนิฐานเอา พอมีข้อมูลที่ดีกว่า และน่าเชื่อถือกว่า ก็จะยอมรับข้อมูลนั้นๆ ในวงการวิชาการเอง ก็ยังเถียงกันไม่จบ ว่า ไทยเรามาจากไหน สงสัยคงอ่านความเห็นผมแค่ผ่านๆ เลยไม่เข้าใจว่าผมต้องการสื่ออะไร ผมก็แค่เปรียบเทียบให้เห็น แค่อุปมา อ่านความคิดเห็นให้ดีก่อนที่จะจับมาแค่บางส่วนครับ :) อ้อ ถ้า คุณ หนอนดาวเรือง คิดว่าทุกทฤษฎีที่สันนิษฐานกันอยู่ก็ถูกหมด ลองใช้ google ช่วยดูครับ ข้อมูลเยอะมากเลย :) ผมไม่ใช่นักโบราณคดีครับ แต่ชอบ ชอบอ่าน ก็เห็นบทความทางวิชาการ ที่นำมาพูดคุยกันทางวิชาการ ว่าก็ยังหักล้างกันไม่จบ ตำราสมัยรุ่นโบราณ อย่างหนังสือหลักไทยของขุนวิจิตรมาตรา บอกว่าคนไทยเราเดิมอยู่แถวๆ ภูเขาอัลไตในมองโกเลีย อพยพลงมาเรื่อยๆ พอสักพัก อีกส่วน บอกว่า คนไทยไม่ได้มาจากไหนเลย แต่อยู่ในแหลมทองนี่แหละมาเป็นเวลาช้านานแล้ว อ้างถึงแหล่งอารยธรรมก่อนประวัติศาสตร์อย่างที่เจอที่บ้านเชียงเป็นหลักฐานยืนยัน เอาเป็นลองๆดูใน google นะครับ ช่วยได้เยอะเลย :) ท่าทาง คุณ หนอนดาวเรือง มองโลกแง่ร้าย แบบน่ารัก น่ารัก เกินไปหรือเปล่าครับ แหม มากล่าวหาผมว่า "ไม่มีใครเค้าหลงกลคุณหรอกค่ะ สาวกวัดธรรมกายรุ่นเก่าๆ ในบอร์ดนี้ ใช้วิธีนี้กันมาแล้วทั้งนั้น" เฮ้อ ชีวิต ทำไมน่ารักแบบนี้ อิๆๆ มองโลกซะสุดๆเลย :) ผมไม่ใช่สาวกวัดธรรมกายครับ แค่เคยไปมาไม่กี่ครั้ง แต่ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นเนี่ย ก็เห็น เถียงกันเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนเรามันก็มองต่างมุมกันได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนที่มองต่างมุมจะผิด จริงป่ะครับ ลองอ่านความคิดเห็นผมให้ดีตั้งแต่ต้นนิดสิครับ ผมเนี่ยก็บอกๆอยู่ผมเข้าวัดไม่ค่อยได้ครับ แหม ก็มันร้อน :) ผมยังชอบแสงสีครับ :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 22 พ.ค. 51 11:29:03 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ตอบท่าน Radiant, Archangel จริงๆหลักก็มีอยู่ ถ้าเราเปิดใจกว้างๆ ยอมมองอะไรสองด้าน เราก็จะเห็นเอง ทั้งสิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี ถ้าสิ่งนั้นไม่ได้ดำทีเดียว เอาเป็นว่า ก็แนะนำ ด้วยจิตที่ไม่มีอคติ ก็น่าจะดี ผมก็ใช้หลักเดียวกันนี้ กับทุกๆเรื่อง อันนี้คือคำตอบครับ ปัญหาที่ผมบอกไม่ต้องรอให้ใครมาแก้หรอกครับ แค่พวกเราเนี่ย ช่วยๆกัน มดเนี่ยตัวเล็กๆ แต่หลายๆตัว เนี่ยน่าคิดกว่ามั้ยครับ :) ทำไมต้องไปคิดว่ามันเป็นระดับชาติครับ แหม คิดแค่ระดับครอบครัวก่อนดีกว่ามั้ย ? ครอบครัว เพื่อนบ้าน มันก็จะไปต่อได้เองล่ะครับ อย่าพยายามมองอะไรที่ไกลตัวมาก มองไกลๆมากแล้วมันไม่เห็น กลัวไปก่อน สรุปแล้ว ไม่ต้องทำอะไร :) ส่วนเรื่องสอนผิด สอนถุกนี่ผมขอไม่แสดงความคิดเห็นร่วมนะครับ ขอแสดงความคิดเห็นแค่ในส่วนของเนื้อเรื่องของกระทู้ เรื่องคำสอน ผิดถุกเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เรื่องผิด เรื่องถูกนี่ ผู้ปฎิบัติเท่านั้นที่รู้ ผมไม่ได้เป็นผู้ปฎิบัติ ขอผ่านครับ :) จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 22 พ.ค. 51 11:39:17 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ยินดีคับ ผมคิดไม่ผิดจริงๆว่าคุณกัณฑ์เป้นท่านึงที่ดีและมีเหตุผลนะคับ เรื่องการแนะนำคนอื่นในข้อธรรมะหรือการปฏิบัติ เกี่ยวกับทางพุทธศาสนาโดยส่วนตัวจริงๆก็ทำอยู่ประจำ กับคนที่สอบถามและรู้จักแหละคับ แต่คงไม่ถึงขนาดมาคิดอ่านวางแผนกันเป้นกิจจลักษณะให้เป็นโครงการอย่างใด เรียกว่า ก็แนะนำและให้ความรู้แก่ท่านต่างๆเท่าที่สามารถทำได้หน่ะคับ ........................................................................................................... ขอสรุปประเด็นนึงนะคับว่า เรื่องนานาจิตตังต่างมุมมองนี่มีได้คับ บางเรื่องมองหลายมุมและมีหลายเหตุผลได้จริงคับ แต่ *** บางเรื่องมันมีถูกและผิด ไม่อาจคิดต่างได้เลยนะคับ ผิดคืดผิด ถูกคือถูก ไม่ใช่เรื่องมองต่างมุมต่างความคิดคับ มันมีหลักการที่ชัดเจนและเหตุผลที่ยินยันได้ ก็ฝากไว้เท่านี้คับ ในอนาคตอาจได้เจอกันก็ได้ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 22 พ.ค. 51 11:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ครับ ด้วยความยินดีครับ ผมดีใจครับ ที่ได้ร่วมแสดงความคิดเห็นแลกเปลี่ยนกันด้วย เหตุผล ขอบคุณครับ จากคุณ : นายกัณฑ์ - [ 22 พ.ค. 51 11:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 111 เขาว่ากันว่า ไม่อยากจะมีปัญหา หรือ เสียเพื่อน ควรเลี่ยงการสนทนาเรื่องศาสนา และการเมืองคะ จากคุณ : หวังดี (สาวเจียงใหม่) - [ 22 พ.ค. 51 18:53:29 ]

ความคิดเห็นที่ 112 สาธุ ชออย่าให้ได้มีอาการ สติวิปลาส สํญณาวิปลาส เกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้าเลย ในกาลใดๆก็ตามเลย สาธุ จากคุณ : jiewee - [ 22 พ.ค. 51 19:11:45 ]

ความคิดเห็นที่ 113 แท้จริงแล้ว “มหาลดาปสาธน์” ก็คือชุดเจ้าสาวของมหาอุบาสิกาวิสาขา ซึ่งบิดาของมหาอุบาสิกาวิสาขาจัดสร้างให้นางวิสาขาได้ใส่ในวันแต่งงาน http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6632829/Y6632829.html จากคุณ : ทวนทอง - [ 22 พ.ค. 51 21:30:49 ]

ความคิดเห็นที่ 114 โสมนัส ทิฐิคตสัมปยุต จิตอกุศล รุตัวกันหรือเปล่า จากคุณ : ธรรมชาติไพศาล - [ 22 พ.ค. 51 22:42:42 ]

ความคิดเห็นที่ 115 อ่านแล้วเมา.......... เอาเป็นว่าผมวิจารณ์ชุดดีกว่า ชุดสวย แต่มันไม่ใช่ชุดอินเดียครับ ออกไปทางจินตนาการ(ว่าเป็นชุดอียิปทั้งๆ ที่ไม่ใช่อียีป)ของนักวาดการ์ตูนยี่ปุ่นมากกว่า จากคุณ : ซามมาเอล ซิน - [ 24 พ.ค. 51 13:57:21 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ดูไร้สาระ จากคุณ : WCT - [ 24 พ.ค. 51 14:06:41 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คนพาล ก็ คือ คนพาล วัดพระธรรมกาย ขยายพระพุทธศาสนาไปทั่วโลก ได้รับรางวัลมากมาย พวกคนพาลไม่รู้หรอก มีไรก็ด่า ด่า ด่า ว่า ติ อย่างเดียว ไม่สนใจว่า ทำแล้วได้ประโยชน์มากน้อยแค่ไหน.....โอ้ย บาป จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 25 พ.ค. 51 13:02:21 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ^ ^ ช่วย  อลัชชี ทำลายพระสัทธรรม โอ้ย บาป จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 25 พ.ค. 51 18:02:24 ]

ความคิดเห็นที่ 119 ศาสนาพุทธเป็นไปเพื่อการคลายจากทุกข์ รูปเคารพองค์พระพุทธเจ้า อาจเป็นสิ่งสมมติ แต่ก็เป็นเครื่องช่วยเตือนสติ ถ้าชุดของป้าแครอลนี้ทำให้ใจของใครคลายความหลงไปได้ ก็ถือว่าเป็นพุทธศิลป์ ถ้าไม่ก็ไม่ใช่ เรื่องก็มีแค่นั้น เรื่องราวในโลกมี3แบบ สมมติว่าจริง เท็จแท้ และจริงแท้ ถ้าจะดัดแปลงเรื่องสมมติจริงบางอย่าง เพื่อดึงบางคนให้พ้นจากความเท็จย่อมไม่น่าตำหนิ ถ้าจะดัดแปลงเรื่องจริงแท้บางอย่าง เพื่อดึงบางคนให้พ้นจากความเท็จย่อมไม่ถูกต้อง เพราะคนผู้นั้นจะมองเห็นเพียงจริงสมมติ ไม่อาจเห็นความจริงแท้เลย จากคุณ : YF-01 - [ 25 พ.ค. 51 22:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 120 บุษกรจันทร์.......ไม่เคยศึกษาธรรมะแบบภาวนามยปัยญาหรอ สงสัยจะเคยแต่ สุตตมยปัญญา .....(รู้ความหมายป่าวเนี่ย?) จะว่าใครก็ระวังบาปบ้างนะท่านนะ .......จ้าก......... กล่าวหาพระว่าเป็น อลัชชี บาปขนาดไหน ไปหาพระไตรปิฎกอ่านเอา เรายังไม่รูว่าท่านเป็นไง ก็ไม่ควรหาบาปใส่ตัว.....จ้าก จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 26 พ.ค. 51 12:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 121 ^ ^ ขอตอบคุณกวีสวรรค์แทนคับ เรื่องภาวนายมปัญญาคงต้องให้พระอริยสงฆ์ท่านยืนยัน ดังนั้น ขอสรุปคำยืนยันที่ได้สอบถามมา ดังนี้ " หลวงพ่อสดและวิชชาธรรมกายของหลวงพ่อสดของจริง แต่วัดธรรมกายนี่มั่วเอาไปยำซะเละเลย " ชัดเจนพอไหมคับ มาจากภาวนยมปัญญาแน่นอนคับ ว่าแต่คุณ กวีสวรรค์ ปฏิบัติจนเห็นสภาวธรรมแล้วหรือคับ จึงมาถามท่านอื่นๆแบบนี้ ถ้าได้ของจริงก็ขอโมทนาสาธุ แต่ถ้าไม่เคยสอบอารมณ์กับพระอริยสงฆ์ ก็จะมั่นใจได้หรือว่าของจริงหรือของปลอม จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 27 พ.ค. 51 10:53:24 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กวีสวรรค์ ไม่ต้องสาระแนถาม ตัวเองเก่งแค่ไหน ไม่ต้องห่วงแส่ถามชาวบ้าน คนอย่าง ....  จะทำอะไรไม่ต้องมีใคร สาระแนหรอก ให้ดีกว่าคนอื่นเสียก่อนถึงมาถาม ที่ถามน่ะ search net เอา คนมีปัญญาแบบ ดาว๕ เป็นเกษตร และ ได้วรโคตมนวางค์คงจะรู้ได้ไม่ยากหรอกมั้ง เฮ่อ......เบื่อพวกเอาคำศัพท์บาลีมาพูดจริงๆ ทั้งที่จริงๆมันก็ไม่รู้เท่าไร ถ้ามันรู้มันจะไปสวามิภักดิ์ อลัชชี Janrai รึ?? เหมือนคน รู้ภาษาอังกฤษ งูๆปลาๆ แต่เอามาพูดที่บ้านนาป่าดอน ยังไงมันก็ดูดีกว่าละว้า....... เอาเป็นว่าถ้า born to be ต่อให้รู้ช้า แต่ไล่ทันยังไงมันก็ทัน ควาย!!!!!!!!!!!!บ้านนา ที่น่ายกย่อง ก็ดีกว่า รถไถใช้น้ำมัน อิอิอิ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 พ.ค. 51 21:28:09 ]

ความคิดเห็นที่ 123 จ๊าก.......ร้อนตัวกันเป็นแถว......เฮ้อ!!! น่าสงสารอีกแล้ว... รู้มั้ยว่านรกถามหาเด้อครับ.... ส่วนการไปว่าวัดพระธรรมกายว่า เอาวิชชาธรรมกายมายำซะเละ ....จ๊าก...คุณรู้ได้ไงว่าเละแล้ว หรือ เป็นคนยำซะเอง จ๊ากกกกกกก...หึหึ คุณไม่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย คุณจะมาเอาวิชชาธรรมกายมาทำให้เสื่อมเสียทำไม.......ห๊าาาาา คนเราจะนับถืออะไรมันก็สิทธิ์ของคนนั้น คุณทั้ง 2 จะนับถืออะไรมันก็สิทธิ์ของคุณ ........จะนับถือวัดพระธรรมกาย มันก็สิทธิ์ของผม คุณก็ไม่ควรจะมาลบหลู่แบบนี้ ถ้าคุณศรัทธาที่ไหนแล้วมีคนไปลบหลู่บ้าง คุณจะคิดอย่างไร.... ไม่รู้จริง อย่าพูดดีกว่า......ผมไม่ใช่คนรู้จริงอะไร......แต่ ฝากไว้คิึิดว่า ...ถ้าพระในวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่พระจริง หรือ ไม่ใช่คำสอนที่ถูกต้องจริง หรือ บิดเบือนคำสอนจริง... คุณคิดว่า เทวดา ฟ้า ดิน จะปล่อยไว้มั้ย?... คิดแบบเป็นกลางเน่อ... จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 28 พ.ค. 51 10:58:36 ]

ความคิดเห็นที่ 124 คนที่ไม่รู้จริงเป้นใคร ตายไปก็รู้เองคับ แค่นี้แหละ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 28 พ.ค. 51 19:32:30 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เห็นด้วย กับ Radiant, Archangel ไอ้กวีสวรรค์ นิสัยคุ้นๆ คล้ายคนที่เคยโดนยึดอมยิ้มไปแล้ว ช่างมันเถอะ 5555555555 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 28 พ.ค. 51 19:38:48 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คุณกวีสวรรค์ พึงรู้ไว้ด้วย เลือดดำอุดตัน ภูมิแพ้ เบาหวาน นี่แหละครับ นรกบนดินชัดๆ อยู่แล้ว ลองไม่มีเทคโนโลยีเสื้อแขนยาวกระตุ้นเลือด ป่านนี้ได้ไปชดใช้กรรมในนรกของจริงแล้ว สัตว์นรกที่กรรมสนองตอนยังไม่ทันตาย ยังไม่รู้ตัวเลยครับ เผอิญว่า สัตว์นรกตัวนี้ มันลบหลู่ว่า พระพุทธเจ้าเป็นพันธุ์หนีวัฏฏะ แล้วยกตัวเองเป็นหัวหน้าคณะพันธุ์รื้อวัฏฏะ จะเก่งกว่าพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นบาปมาก เพราะฉนั้น ชาวพุทธที่นับถือพระพุทธเจ้ารู้ตรงนี้ ต้องออกมาปกป้องเหมือนกันครับ ถ้าไม่รู้จริง ก็อย่ามาแถวนี้เลยครับ เพราะขนาดคนที่อ้างว่ารู้จริงของแท้ ฝึกวิชชาสมาธิลูกแก้วเป้นสิบๆ ปี ยังจนมุมต่อคำสั่งสอนจากพุทธพจน์ วิชชาสมาธิลูกแก้วไม่มีในพุทธศาสนาแต่แรกอยู่แล้วครับ ถ้าคุณจะนับถือ ก็ยกอาจารย์ขึ้นเป็นศาสนา จะอาจารย์สักเท่าไหร่ก็ได้ เพราะ พระพุทธเจ้่้าท่านค้นพบทางสายเอกคือสติปัฏฐานสี่ พระพุทธเจ้าไม่ใช่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ฟ้าผ่าเบี้ยวไปหน่อย !!!! จากคุณ : hollowpig - [ 29 พ.ค. 51 02:27:42 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion - [ 29 พ.ค. 51 21:24:23 ]

ความคิดเห็นที่ 128 มอบให้ กวีนรก จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 30 พ.ค. 51 20:32:04 ]

ความคิดเห็นที่ 129 คุณ hollowpig  คงเข้าใจไรผิดแล้วล่ะ..... เสื้อยืดแขนยาวกระตุ้นเลือด หึหึ คิดได้ไง ไปดูพระตามต่างจังหวัดหรือต่างประเทศสิ ท่านหนาวท่านก็สวมอังสะแขนยาว ...... และ พระพุทธเจ้า มิใช่ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย แต่ ผู้ค้นพบิชชาธรรมกาย คือ พระมงคลเทพมุนี หลวงพ่อวัดปากน้ำ ผมถามนิดนึงว่า... ในเมื่อคุณคิดว่า วิชชาธรรมกายไม่มีในพระพุทธศาสนา แล้ว จตุคาม ฯมีป่ะ เจ้าแม่กวนอิม มีป่ะ พิฆเนศ มีป่ะ ฯลฯ พระพุทธเจ้า เคยตรัสไว้ว่า คำสอนที่พระองค์มาสอนนั้น เป็นเพียงใบไม้ในกำมือ และยังมีความรู้ในพระพุทธศาสนาอีกมาก ที่เป็นใบไม้ในป่า ... คำสอนอื่นๆอีกมาก ทั้งคุณและผม ไม่รู้ ... เราทั้งสองฝ่ายก็ไม่ควรตีกันด้วยเหตุแห่งความเขลานี้...... ผมขอโทษแล้วกัน ถ้าพูดแรงไป คุณนับถืออะไรก็นับถือไป อย่าไปทำลายความศรัทธาหรือลบหลู่สิ่งที่ผู้อื่นนับถือ ผมเองก็ไม่เคยไปลบหลู่ความเชื่อของคุณเลย..... หวังว่าคงเข้าใจ ... เลิกแล้วต่อกัน ป.ล. ตายแล้วจะรู้เอง.... (ทั้งผมและพวกคุณ) โหสิ จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 30 พ.ค. 51 21:05:14 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ไม่ใส่ stocking เลือดจะอุดตันจนตายได้ คนที่ทำบาปซ่อนเร้น มักจะเป็นโรคภายใน(ที่คนอื่นเขาไม่ค่อยเป็น) เศรษฐีที่ไปทำบุญสำนักนี้เป็นทักมะเร็งกันเยอะ ก็ดึงดูดเข้าไปอยู่ด้วยกัน ภายนอกจะโบ๊ะเท่าไหร่ก็ได้ แต่ถ้าเห็นข้างในที่แสดงผลกันแล้ว ไมมีทางจะลวงโลกไปได้ พระพิฆเณศของฮินดู พระโพธิสัตว์กวนอิม-จตุคามรามเทพเป็นของพุทธมหายาน ถ้าใบไม้ในกำมือไม่รู้จักให้ชัด แต่สะเออะไปหาข้างนอก นี่แสดงถึงความเขลา แล้วจะอวดเบ่ง พระพุทธเจ้าสอน เรียนถึงไหนบ้างแล้ว เจ้าสำนักมีอุปกิเลสแบบไหน ก็สอนสาวกให้เป็นเช่นนั้น ลบหลู่พระพุทธเจ้าได้ บิดเบือนคำสอนก็ทำได้อย่างไม่ละอาย (อยากรู้ดูกระทู้แนะนำ) ถ้าคุณบอกว่า ไม่ตีกัน คุณก็เงียบไป ไม่ต้องเถียง ไม่ต้องถามเพิ่ม ถ้าทำได้แล้วค่อยมาพูด อย่าทำเพียงแต่สร้างภาพหรือบิดประเด็น การขอโทษ ถ้าขอโทษเพียงแต่เบี่ยงประเด็นหนี ไหลหนี ไม่แสวงหาความจริง คุณก็จะแสดงความเขลาต่อไปเรื่อย สะสมความเขลาไปนับอเนกชาติ เผลอๆ จะตามไปเป็นบริวารของอลัชชีที่จะไปเป็นสัตว์นรกด้วยซ้ำ ขอโทษจึงไม่เป็นประโยชน์อะไรมากมาย ถ้าสักแต่พูดว่ารอ้ตายแล้วรู้ ก็แสดงว่ายังไม่รู้อะไรเลย พูดเพราะความเขลา ไปจำขี้ปากคนอื่นเขามาพูด ไม่มีสติปัญญาด้วยผลปฏิบัติตอนเอง ถ้ารู้จริงต้องหาเหตุผลได้ พยากรณ์ได้ชัดเจน ถ้าเห็นแค่สิ่งหยาบๆ ภายนอกที่ฉาบไว้ คือไม่รู้อะไรเลย โดนภาพลักษณ์หน้าใสเด้งหลอกเอาง่ายๆ ได้ คนเป็นแสนไม่ได้ช่วยให้มีปัญญาไปได้ เพราะธรรมดาาแล้ว คนโง่ย่อมมีมากกว่าคนฉลาดเจ้าเล่ห์ ปล่อยวาง !!!! จากคุณ : hollowpig - [ 2 มิ.ย. 51 10:49:32 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เรื่องศูนย์กลางกาย ไม่มีแม้แต่นิดเดียวในพระไตรปิฎก และไม่ได้ศูนย์หายอะไร อย่างที่บางคนพยายามจะแต่งนิยายขึ้นมา จากคุณ : hollowpig - [ 2 มิ.ย. 51 10:52:09 ]

ความคิดเห็นที่ 132 คุณ hollowpig  ปฏิบัติธรรมขั้นไหนแล้วหรอ ถึงตัดสินอะไรชั่วๆแบบนั้น แสดงว่า ลบหลู่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ระวังนรกนะคุณ ไปอ่านประวัติหลวงพ่อวัดปากน้ำดู แล้วจะรู้ว่า วิชชาธรรมกาย ของจริง ที่คุณพูดถึงศูนย์กลางกายว่าไม่จริงนั้น ปฏิบัติรึยัง..... ในเมื่อคุณกล่าวหาว่าวิชชาธรรมกาย ไม่มีในพระไตรปิฎก เมื่อพระพุทธศาสนาเป็นของจริง มีเพียงหนึ่ง แล้ว กวนอิมหรือกวนเอง จตุคามหรือจตุแคม ในพระไตรปิฎกก็ำไม่มีนะคุณ .... ไปตรวจสอบจัดกระบวนความคิดใหม่ก่อนนะ แล้วค่อยมาเถียง เอางี้.... ผมชักเหนื่อย คุณจะคิดยังไงก็ตามสะดวก ผมคิดแบบนี้ เชื่อแบบนี้ คุณคิดว่าถูกก็ทำไป อย่าทำลายผู้อื่น จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 2 มิ.ย. 51 19:54:39 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ใครคิดว่าด่าว่าวัดแล้วสบายใจก็ด่าไป แล้วก็เตรียมตัวรับบาปที่ทำไว้ด้วยนะ จะเอานรกขุมไหน เป็นเปรตสายพันธุ์ไหนก็เลือกเอา มีเวลาว่างนักหรือไงมาว่าวัดไม่ดี พระไม่ดี กับไปดูตัวเองก่อนไปว่าตอนนี้ มีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง (คล้ายเปรต) หรือยัง เอาเวลาไปทำความดีเถอะคุณชีวิตคนเรามันสั่นนะจะตายเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ อย่าสร้างบาปใส่ตัวอีกเลย ที่พูดเนี่ยหวังดีนะ อ่านกระทู้มาเยอะและขอระบาย บ้างนะอดทนมานานและ สงสารพวกคุณมากมายเลย อ้อ!  คุณบุษกรจันทร อย่าให้เจอนะจะซัดให้สักทีแล้วจะเอาเข็มเย็บผ้ามาส่อยปาก จะได้หยุดพูด หยุดสร้างบาปให้ตัวเองสักที สงสารว่ะ เอาไว้จะอุทิศส่วนบุญไปให้นะ อโหสิด้วยนะ  แต่แค่หมัันใส่ แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 51 00:04:17 แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 51 00:02:35 จากคุณ : สงสารคนบาป (กวีสวรรค์) - [ 4 มิ.ย. 51 00:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 134 กวีสวรรค์เอาผลปฏิบัติตัวเองมาลงบ้างสิ อย่าเอาแต่ใช้ขี้ปากเที่ยวท้าคนอื่น ตรงไหนลบหลู่หลวงพ่อสด? ความจริงอยู่ในพระไตรปิฎกทั้งหมด ศูนย์กลางกายไม่มีในพระไตรปิฎก ถ้าไม่มีปัญญาพอ ไปตรวจตั้งแต่หน้าแรกจนหน้าสุดท้ายดู รู้ไม่จริง ปฏิบัติได้ผิวๆ ก็อยู่เฉยๆ อย่าแสดงความโงซ้ำๆ อย่างที่สาวกอลัชชีรุ่นก่อนๆ เคยทำ ไปศึกษาความโง่ของกวีสวรรค์เองให้รู้เรื่องก่อน แล้วค่อยมาพูดเรื่องจัดเรียงความคิด คนที่ตู่ว่ามี หรือแต่งเรื่องว่าหายไป นั่นละ จะเป็นสัตว์นรกขุมลึกเสียด้วย ผมจะไม่เสียเวลานอกเรื่องกับ จตุคาม หรือเจ้าแม่กวนอิม ก่อนจะบอกให้คนอื่นหยุดได้ ก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองหยุดได้ก่อน ไม่เช่นนั้น ก็เป็นพวกว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง !!! ใครจะสงสารอะไรใครก็สงสารไป แต่ผมไม่สงสารสาวกสัตว์นรกอลัชชีหน้าด้านที่มันบิดเบือนคำสอน แต่มือถือสากปากถือศีล ด่าเสร็จ อุทิศส่วนกุศลให้ ถ้าโง่มากนักก็สงสารตัวเองบ้าง ที่ไม่มีญาณหยั่งรู้เหมือนคุณทิดฉัตร เงียบปากไปเหอะ เพราะคุณเจตนาพาดพิงในทางอกุศลต่อพระโพธิสัตว์เสียแล้ว บาปหนักยิ่งกว่าด่าอลัชชีบิดเบือนศาสนาหลายเท่าตัวนัก จากคุณ : hollowpig - [ 4 มิ.ย. 51 01:07:39 ]

ความคิดเห็นที่ 135 กลับไปปฏิบัติเสีย ให้รู้แจ้งเห็นจริงก่อน หายโง่เมื่อไหร่   แล้วค่อยมาพูดเรื่องปฏิบัติกับคนอื่น จากคุณ : สงสารสาวกสัตว์นรกบนดิน (hollowpig) - [ 4 มิ.ย. 51 01:09:00 ]

ความคิดเห็นที่ 136 คุณ hollowpig อยากรู้ใช่มั้ย ว่าลบหลู่หลวงพ่อวัดปากน้ำตรงไหนหรอ อย่างน้อยคุณเองก็ลบหลู่ว่าศูนย์กลางกายไม่มี ใช่ ไม่มีในพระไตรปิฎก แต่นั่นก็หมายถึง ว่า คุณกล่าวตู่เป็นนัยๆว่า วิชชาธรรมกายไม่มีจริง นั่นล่ะ ok ยัง? ดูภาพเอาเอง จะได้คิดออก อีกอย่าง ถ้าอ้างพระไตรปิฎกนะ ผมถามไปแล้วว่า ในเมื่อศูนย์กลางกายไม่มีในพระไตรปิฎก แล้ว จตุแคมแรมเท่ง เจ้าแม่กวนเอง มีอยู่พระไตรปิฎกหน้าไหนหรอ.....หือ หือ พอผมถามก็ไม่กล้าตอบอ้างว่าจะเสียเวลา แน่จริงก็ตอบดิ ไม่ได้ท้านะ ในเมื่อคุณอ้างได้ผมก็อ้างบ้าง จะว่าไง หือ หือ ผมยอมรับว่า ผมยังโง่อยู่ การปฏิบัติธรรมก็ไม่ได้ดีเลิศอะไร อย่างไรซะ ผมก็ไม่ฉลาดเป็นหนึ่งของโลกเช่นคุณ hollowpig หรอก  แล้วก็ไม่ได้ด่าคนอื่นจนบรรลุเป็นอรหานเยี่ยงคุณด้วย..... จะเลิกตอบกระทู้ซะหน่อย โดนอ้างชื่อถึงอีกและ เฮ้อ !!! ใครจะเป็นไงก็ตามสะดวก แต่ตายไปก็รู้ ผมก็ผม คุณก็คุณ ขึ้นหรือลง ตายไปก็รู้เอง ... จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 4 มิ.ย. 51 15:29:53 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ^ ^ ^ เอาให้แน่  บอกว่าเจอจะซัดสักที รออยู่ กล้ารึป่าว ไอ้ควาย มาเลย รับรอง ไม่ปล่อยให้ ให้ทำฝ่ายเดียวแน่ เดี๋ยวนี้สมุน สันดานถ่อย ของอลัชชีนี้ สำแดงกันแบบนี้เหรอ เห็นแล้วนึกถึง ไอ้ก่อนฟ้าสาง ชะมัด   จะบอกให้ คนอย่างข้า  เคยกระทืบผู้ชายอกสามศอกมาแล้ว ถ้าไม่เคยเห็นตัวจริงอย่ามาพูดอย่างนี้ ขอบอก ปากเก่งๆ น่ะชอบนัก ********************************************** อ้อ!  คุณบุษกรจันทร อย่าให้เจอนะจะซัดให้สักทีแล้วจะเอาเข็มเย็บผ้า มาส่อยปาก จะได้หยุดพูด หยุดสร้างบาปให้ตัวเองสักที สงสารว่ะ เอาไว้จะอุทิศส่วนบุญไปให้นะ ********************************************* เลวจริง กับผู้หญิงเก่งนัก  ข้าไม่ใช่คนที่เอ็งจะมาพูดอย่างนี้ได้นะโว้ย จะซัดปาก ระวังจะเจอเท้านะ นี่ไม่ได้อ่อนหัดนะ แหม..กลัวว่าถ้าเจอตัวจริง จะกล้าอย่างที่พูดมั้ย จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 7 มิ.ย. 51 14:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 138 หึๆ ไอ้ก่อนนรกแตกเอ๋ย ผู้หญิงไม่ได้มีไว้รองรับมือตีนคนชั่วๆ บอกไว้ก่อน จากคุณ : บุษยมาศ - [ 7 มิ.ย. 51 14:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 139 โทษจริงๆนะบุษกรจันทร์... กระทู้นั้นน่ะนะ เหอะๆ ผมไม่ได้โพสว่ะ ผมล็อคอินไว้ แล้วก็มีคนมาเล่น มันไม่รู้ว่าการโพสของพันทิปต้องใช้ชื่ออะไรยังไง ก็เลยเกิดข้อความแบบนั้นขึ้น ผมส่งให้เว็บมาสเตอร์ลบแล้ว แต่เค้าก็ยังไม่ลบให้ เอาเป็นว่า ขอโทษ แล้วกัน ถ้าคิดว่าผมโกหกก็เชิญโกรธต่อไปแล้วกัน พูดได้อย่างเดียวว่า ผมไม่ได้โพสข้อความนั้นลงไป... จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 8 มิ.ย. 51 22:08:42 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ง่ายไปมั้งคำพูดโคตร non sense เลยว่ะ เอาไปบอกคนปัญญาอ่อนเหอะ! ปัญญาอย่างนี้นี่เอง มิน่า!!! ถึงเชื่อ ทำมะชะโย โกรธน่ะ ไม่โกรธหรอก แต่สมเพชว่ะ ผู้ชายรึเปล่า????????????????? คนอย่างข้าถึงเป็นหญิง ก็รับผิดชอบการกระทำของตัวเองเสมอโว้ย ใครพูดดีมา ข้าก็พูดดีตอบอยู่แล้ว จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 9 มิ.ย. 51 12:33:31 ]

ความคิดเห็นที่ 141 ไม่รับผิดชอบตรงไหนวะ... ก็บอกไปแล้วว่า ไม่ได้โพส จะให้ตอบว่า โพสเองรึไง ยัดเยียดให้สารภาพผิดนี่หว่า... ตอบก็ตอบไปแล้ว ว่า ไม่ได้โพสเอง ปัญญามีแค่นี้หรอ ที่มายัดเยียดให้คนนั้นคนนี้รับผิด ทั้งๆที่ไม่ได้ทำ....สัน.ด....เหมือนพันธมิตรเลยว่ะ.... จะโกรธไม่โกรธ ก็ตามสะดวก....แต่ ....สมเพชตัวเองก่อนเถอะ...นรกกินหัวยังไม่รู้ตัวอีก.... อย่างน้อย คนที่คุณเรียกว่า ทำมะชะโย ท่านก็ศีลบริสุทธิ์กว่าคุณ รึคุณกล้าพูดว่าคุณศีลบริสุทธิ์กว่าท่าน.... ตามสะดวกเถิดคุณ... ถ้าคิดว่าตัวเองดีโด่นักก็ตามใจเถิด ผมก็ขอโทษแทนคนโพสไปแล้ว แล้วก็ตอบไปตรงๆอย่างถูกต้องตามความจริงแล้วว่า มิได้โพส แต่ก็ยัดเยียดหาว่าไม่รับผิดชอบ .....กรูล่ะงง..... เนี่ยนะลูกขุนพลทหารเรือ...ไร้เหตุผลสิ้นดี... จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 9 มิ.ย. 51 21:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 142 ปาราชิกไปนานเนแล้ว สาวกมาเพ้ออะไรอยู่ได้ นรกกินหัวใคร เดี๋ยวก็รู้ อย่าเอานรกมาขู่เสียให้ยาก หยาบคายแบบนี้ มิทราบว่าเป็นนังก่อนนรกแตกหรือนังกี้ คืนชีพมา เอะอะก็ลงใต้สะดือตลอด มีปมด้อยเหรอ?? จากคุณ : บุษยมาศ - [ 10 มิ.ย. 51 00:53:32 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ตายไปก็รู้เองแล้วท่านเอ๋ย....จะปาราชิกไม่ปาราชิก จะลงไม่ลง ก็รู้กันล่ะ อย่างน้อยก้ให้รู้ไว้ด้วยว่า คนที่ท่านว่าปาราชิก ศีลบริสุทธิ์กว่าท่ายหลายเท่านัก... จากคุณ : กวีสวรรค์ - [ 10 มิ.ย. 51 09:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 144 แด่....คคห. 133          v          v จากคุณ : /kd (@mantras) - [ 10 มิ.ย. 51 15:21:46 ]

ความคิดเห็นที่ 145 พระธาตุวิภัชชนปริวัตต์ ----- การแบ่งแยกพระธาตุ(ตอนที่ ๒ )   เนื้อความ :        จากนั้น องค์บรมขัติยะมัลลราช  ก็ให้นำมาซึ่งสุคนธมา ลาและผ้าสาฎก ๕๐๐ คู่  นำมาเข้าสู่พระพุทธอสุภสรีรกาย แล้วถวายอภิวาทกระทำการสัการบูชา ด้วยนัจจคีตวาทิตะ อุป การกิจ  พิพิธสุคนธบุปผานานาประการ  ผูกซึ่งเพดานห้อย ย้อยพู่พวงบุปผาชาติกระทำการตกแต่งมณฑปราชอาสน์  คือ ที่รองพระศพแล้วโสรจสรงพระอสุภสรีระแห่งบรมด้วยสุคนโธ ทกธารา ปกคลุมด้วยพิพิธภูษาอันมีค่ามหาศาล พ้นประมาณ มิได้      แล้วประโคมด้วยเบญจารงค์ดุริยภัณฑ์  มหันตสัพพารมย์ ระดมศัพท์สำเนียงนฤนาท ยับยั้งอยู่ในพระราชูทยานนั้น   สิ้นวันยันค่ำ     กระทำการบูชาสักการะอยู่ถึง ๖ วันเป็นกำหนด ครั้นคำรบ ถึงวันที่ ๗ จึงกษัตริย์มัลลราชทั้งหลาย พากันดำริว่า จะ อัญเชิญพระศพไปด้วยเครื่องสักการะนานาเอนกดุริยางค์โดย ทางทักษินทิศนอกเมืองแล้วถวายพระเพลิงในที่นั้น     กษัตริย์มัลลราชทั้ง ๘ พระองค์ซึ่งเป็นประธานแก่ กษัตริย์ทั้งหลาย ก็ชวนกันยกพระบรมศพแต่ก็ไม่สามารถจะ ยกขึ้นไหว  จึงถามพระอนุรุทธเถระว่า เหตุผลเป็นประการใดจึง ยกพระบรมศพไม่เคลื่อนขึ้นจากตั่งดั่งนี้   พระอนุรุทธเถระจึงกราบทุลว่าอุบายแห่งบพิตรทั้งหลาย เป็นอย่างหนึ่งและอุบายของเทพยดาทั้งหลายก็เป็นอีกอย่าง หนึ่งไม่ต้องกัน เหตุฉะนั้นเทพยดาเขาไม่ยอมจึงยกพระบรม ศพไม่เคลื่อนจากที่ได้        ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า อุบายแห่งเทพยดาเป็นฉันใด?        ดูกรบพิตร เทพยดาทั้งหลายดำริกันว่าจะเชิญพระบรมศพ แห่ไปโดยทางอุดรทิศ แล้วจะเข้าไปในนครโดยอุดรทวาร จนถึง ท่ามกลางเมืองโดยทวารฝ่ายประจิมทิศเชิญไปสถิตยังมกุฎ พันธเจดีย์อันมีปุริมทิศาแห่งนคร  แล้วจะถวายพระเพลิงใน ที่นั้น        เมื่อกษัตริยืมัลลราชทั้งหลายได้สดับเหตุดังนั้นก็ ตรัสว่า     ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า  เนื่องว่าอุบายแห่งเทพยดาฉันใด ข้าพเจ้าก็จะกระทำตามนั้น    ในลำดับนั้น  เทพยดาและกษัตริย์มัลลราชทั้งหลาย  ก็ พร้อมกันสักการบูชาพระสรีระพระบรมศพด้วยนัจจคีตะวาทิ ตะ  อันเป็นของทิพย์และของมนุษย์มีประการต่างๆ  แล้วอัญ เชิญพระบรมศพขึ้นประดิษฐานบนมณฑลมาลาอาส์นแล้วหาม แห่ไปโดยอุดรทิศทวาร  จนถึงกลางเมือง       ขณะนั้น นางมัลลิกาผู้เป็นภริยาแห่งพันธุลาเสนาบดี   มีนิวาสสถานอยู่ในเมืองนั้น  ได้สดับข่าวว่าพระบรมศพของ พระสัพพัญญูแห่มาจึงจินตนาการว่า จำเดิมแต่สามีได้กระ ทำกาลกิริยาไปแล้ว และมหาลดาปสาธน์เครื่องประดับแห่งนาง ซึ่งเหมือนกับของนางวิสาขาเมืองสาวัตถีนั้น นางนิได้ตก แต่งประดับกาย  ตั้งไว้กับที่ ก็กาลบัดนี้ควรจะบูชาพระ พุทธสรีระพระบรมศพด้วยมหาสดาปสาธน์นั้น จึงได้นำมาชำระ ล้างขัดสีด้วยสุคนธวารี แล้วนำออกไปคอยอยู่ ณ ประตูบ้าน ดังที่รู้มาว่ามหาลดาปสาธน์อลังการนี้มีอยู่แต่ ๓ นาง คือนางวิสาขาหนึ่งนางมัลลิกาหนึ่ง และนางเศรษฐีธิดาอัน เป็นภริยาแห่งเทวปานิยสาระคหบดี ณ เมืองพาราณสี สตรีอื่น ใดหามีอาภรณ์ดังนี้หามิได้       กาลเมื่อพระศพแห่มาถึงทวารา  นางมัลลิกาจึงกล่าวแก่ ชนทั้งปวงว่า ดูกรพ่อทั้งหลายซึ่งอาสนะที่รองพระบรมศพลง ในที่นี้  แล้วจงนำเอามหาลดาปสาธน์นั้นสวมคลุมพระพุทธ สรีระบรมศพ ตั้งแต่พระอุตตมังศศิโรตน์ ตราบเท่าถึงฝ่าพระ ยุคล  และพระสรีระกายพระทศพลผู้มีพระภาคมีพรรณดั่งสุ วรรณธรรมชาติ เมื่อสวมทรงซึ่งมหาลดาปสาธน์อันขจิตล้วน แล้วด้วยแก้ว ๗ ประการ ก้ยิ่งโสภณอุฬารแลเลิศพิลาสโอภาส รุ่งเรืองยิ่งนัก    เมื่อนางมัลลิกาได้ทัศนาดังนั้นก็บังเกิดปสันนะ จึงกระ ทำปณิธานปรารถนาว่า    ข้าแต่พระศาสดาเบื้องหน้า  ข้าพระองค์ยังเวียนว่ายอยู่ ในวัฎสงสารสิ้นกาลตราบใด ของจงอย่าได้ต้องสวมทรงซึ่งอลัง การกิจให้มหาลดาปสาธน์นี้จงปรากฎอยู่กับกาย ดุจสวมใส่ อยู่เป็นนิตย์สิ้นกาลตราบนั้น นั่นแล     ฝ่ายชนทั้งหลายก็ยกมณฑลมาลาอาสน์ซึ่งรองพระบรมศพ ออกจากที่นั้น  แล้วนำไปออกประตูเมืองเบื้องบูรพาทิศ  ไป สู่มกุฤพันธนเจดีย์แล้ววางลงซึ่งมณฑลอาส์น สถิตในที่ แห่งนั้น    กษัตริย์มัลลราชทั้งหลายจึงตรัสปรึกษาพระอานนท์ว่า จะ ตกแต่งพระบรมศพพระทศพลประการใดจึงจะสมควร?    พระอานนท์เถระเจ้าจึงกล่าวว่า ดูกรบพิตรทั้งหลายผู้เป็น วาเสฎฐ์โคตร จงหุ้มห่อพระบรมศพเข้าด้วยทุกูลพัสตร์ภูษา และผูกพันด้วยด้ายให้มั่น และกระทำโดยนิยมดังนี้    หุ้มห่อพระบรมศพพระชินสีห์ด้วยพระภูษาจนถ้วนได้ ๕๐๐ ชั้นแล้วเชิญลงใส่ในหีบทองอันเต็มไปด้วยน้ำหอม  แล้วเอา หีบทองอันอื่นๆปิดลงเป็นฝาเบื้องบนให้เชิญพระหีบขึ้นสู่ เชิงตะกอนอันประดับด้วยสรรพสิ่งเสาวคนธชาติจึงถวายพระ เพลิง  เมื่อพระเพลิงมอดแล้วจึงเก็บซึ่งพระสารีริกธาตุแล้ว ให้ก่อพระสถูปในที่อันถวายพระเพลิง  ท่ามกลางแห่งหนทาง ๔ แพร่ง กระทำการสักการบูชาด้วยประทีบธูปเทียน สุคนธบุปผาต่างๆ อย่างพรรณนานี้จะมีผลประสบสุข เกษม ศานติ์ในกาลอนาคตภายหน้า    กษัตริยืมัลลราชทั้งหลายก็กระทำตามคำพระอานนท์เถระ บอกนั้นทุกประการ  สั่งให้ทำจิตกาธานเชิงตะกอน ล้วนแล้ว ไปด้วยแก่นจันท์สูงถึง ๑๒๐ ศอก (น่าจะเป็น  ๑๒ ศอกมาก กว่า....ผู้รวบรวม  ) แล้วถึงอัญเชิญพระหีบทองซึ่งใส่พระ บรมศพขึ้นประดิษฐาน ณ เบื้องบนเชิงตะกอนนั้น     กษัตริย์มัลลราชทุกพระองค์ซึ่งเป็นประธานตรัสว่า เราจะ ถวายพระเพลิงพระบรมศพพระสัมมาสัมพุทธะก็เอาอัคคีจุด แต่เพลิงก็มิได้ติด  จงตรัสถามพระอนุรุทธ ก็ได้คำตอบว่า อุบายเทพยดาทั้งหลายจะคอยท่าพระมหากัสสปเถระ  อันเป็น พระสาวกผู้ใหญ่ก่อน  เมื่อพระมหากัสสปเถระยังมิได้มา นมัสการพระบาทยุคลพระทศพลตราบใด  เพลิงนั้นก็มิได้ไหม้ พระสรีระกายตราบนั้น จากคุณ : ไข่เจียว [ 10 พ.ย. 2542 / 18:32:31 น. ]     [ IP Address : 203.155.247.40 ] จากคุณ : สู้เพื่อชนะ - [ 16 มิ.ย. 51 01:12:55 ]