ความคิดเห็นที่ 1 คุณ ธัญเร ครับ ถ้าเขาโทรมาคุยอีกก็บอกไปเลยครับว่า พระเยซูกลับชาติมาเกิด   ก็เป็นเรื่องผิดหลักการศาสนาคริสต์แล้วละครับ เพราะไม่เคยมีคำสอนเรื่องกลับชาติมาเกิดจากองค์พระเยซูคริสต์ครับ และชาวคริสต์  เกิดเพียงชาติเดียวครับ และที่สำคัญ  องค์พระเยซูคริสต์ ทรงฟื้นขึ้นมาจากความตาย ประกอบด้วยเนื้อหนังเป็นๆครับ  ไม่ใช่วิญญาณ จะได้ต้องเข้าไปเกิดใหม่ ในครรภ์ของผู้หญิงอีก   คุณ ธัญเร บอกเจ้าพระคริสต์เทียมเท็จนั้น แบบนี้ได้นะครับ โดยเฉพาะ คำบอกเล่าที่ว่า ผมเห็นผมอยู่บนไม้กางเขน มีคนเขวี้ยงหินใส้ผมจนตาย   องค์พระเยซูคริสต์ไม่ได้ถูกหินเขวี้ยงจนตาย   แต่ทรงสิ้นพระชนม์ เพราะเห็นสำเร็จแล้วทุกอย่างตามคำพยากรณ์ จึงทรงละวิญญาณจิต แล้วก็สิ้นพระชนม์ แต่ในวันที่ 3 ทรงฟื้นคืนพระชนม์กลับมาเหมือนเดิมครับ คุณ ธัญเร เล่าเรื่องนี้ดักคอเจ้านั้นได้นะครับ  ถ้าอยังคุยกันอยู่ครับ ^)^ จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 27 พ.ค. 51 14:51:02 ]

ความคิดเห็นที่ 2 555+ แล้วเช็คเบอร์โทร กลับไปได้อ่ะป่าว งับ ว่าโทรมาจากที่ไหน   ช่ายร.พ.ศรีฯ   อ่ะป่าว .... หุหุหุ .........  พูดย๊างกะหนังฮอลลี่ วู๊ด จากคุณ : cattym - [ 27 พ.ค. 51 14:54:56 ]

ความคิดเห็นที่ 3 จขกท.  (ธัญเร)  ก็เพิ่งเห็นตอบกระทู้ของเพื่อน ๆ ให้ห้องนี้ไปไม่นานค่ะ  เค้ายังอ้างอิงคุณ kongsilp2000 เลยค่ะว่า คุณก้องเองยังชื่นชอบและเห็นด้วยในความเห็นการตอบกระทู้ต่างๆเค้า เลยค่ะ  เรายังมีเบอร์เค้าอยู่ แต่มีไว้ เผื่อโทรมาจะได้ไม่รับสายค่ะ จากคุณ : ธัญเร - [ 27 พ.ค. 51 15:05:12 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อยากเห็นกระทู้ที่ คนนี้เคยโพสต์เอาไว้จัง ใครช่วยหามาดูกันหน่อยดิ  ฮาดีอ่ะ ขำโคตร จากคุณ : mm (muangsombut) - [ 27 พ.ค. 51 15:05:40 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คนที่บอก จขกท.แบบนั้น เป็นคนสติไม่ดี ควรแนะนำให้เขาไป รพ.โรคจิต ตาม คคห 2 ครับ..ด่วนเลย จากคุณ : zakai - [ 27 พ.ค. 51 15:06:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ช่วยบอกชื่อลอ็คอิน หลังไมด์ให้ทราบบ้างได้ไหมครับ...เพื่อคุณภาพสังคมออนไลน์(ประโยคหลังนี่คุ้นๆ..ลอกมาจากคนอายุมากในห้องนี้ครับ) จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 27 พ.ค. 51 15:07:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คราวหน้าก็  ห๊า....จิงดิ   โห...   อู๊ว.....   เราโชคดีจังเลยได้คุยกับคุณ ขอบคุณนะ ตอนนี้เรารู้แล้วว่าคุณเป็นใคร คราวหน้าไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วนะ เพราะรู้แล้ว คงจะบรรลุจุดปรารถนาของเขาระดับหนึ่ง หรือไม่ก็ฟังแบบเฉยๆ อืม อืม โอ๊ย...ใครๆเค้าก็เป็นกัน เค้าคงจะคิดว่า อารายเนี่ยไม่ตื่นเต้นดีใจเลยหรือ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 17:37:31 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 15:13:46 จากคุณ : กบในกะลาแตก - [ 27 พ.ค. 51 15:12:28 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ได้ค่ะ  เรายินดีบอกค่ะว่า  คนที่อ้างตัวว่าเป็นพระเยซุกลับชาติมาเกิด และปัจจุบันเค้าคือพระศรีอริยะเมไตรย  ใช้ ล็อคอินว่าอะไร  จะได้ใช้วิจารญาณ ในการอ่านคำตอบของคนนี้  นี่ถ้าไม่กลัวถูกยึดอ้มยิ้มจะโพสไปเลยว่าชื่ออะไร จากคุณ : ธัญเร - [ 27 พ.ค. 51 15:15:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอ่อ แอบอยากรู้ด้วยคน กระซิบบอกข้าพเจ้าด้วยเด้อออ . . จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 27 พ.ค. 51 15:53:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เค้าอาจจะเป็น พระศรีธัญญา ครับ ขอรับทราบชื่อเค้าด้วยคน ตามประสาคนอยากรู้ครับ หึหึ จากคุณ : นีละปอย~* - [ 27 พ.ค. 51 15:54:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 Who  is he ??? Please tell me now!!! จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 พ.ค. 51 15:55:36 ]

ความคิดเห็นที่ 12 อดไม่ได้ ส่งมาให้ผมทราบด้วยคนครับ (อยากรู้ว่าที่เดาเอาไว้ถูกหรือไม่) จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 27 พ.ค. 51 16:21:45 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ช่าย นู๋ ก้อออยากรู้  แอบกระซิบบอกก๊านหน่อย จิ ......... ปล.  แล้วทามม่าย หลวมตัวให้เบอร์โทร กลับ คุณพระศรีธัญญา ไปได้ อ่ะ ..... จากคุณ : cattym - [ 27 พ.ค. 51 16:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 14 Your request (1) ยกเลิก request นี้ จาก Pending request ของคุณและอีกฝ่าย ดาญาณ 09 พฤษภาคม 2551 - 13:11:40   มันอยู่ในข้อมูลสมาชิกเราค่ะ  เรามิได้เอ่ยชื่อใครก่อนนะ  แต่ในข้อมูลสมาชิกของเรามันขึ้นอย่างนี้  แปลว่าอะไรค่ะ  เพื่อน ๆ  เค้าคนที่เราอ้างถึง เค้า รู้ตัวแล้วใช่ไหม  ว่าเราพูดถึงใคร  เค้าถึงได้ยกเลิกการติดต่อกับเราโดยถาวร จากคุณ : ธัญเร - [ 27 พ.ค. 51 16:38:01 ]

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท (ธัญเร)  เราติดต่อกับเค้า  เพราะเราสนใจวิธีการนั่งกรรมฐานค่ะ  เค้าเข้าไปตอบกระทู้ของใคร จำไม่ได้  แต่อ่านแล้วรู้สึกน่าเชื่อถือ  เพราะอ้างอิงว่าการปฏิบัติ  มาทางสายหลวงปู่มั่น ค่ะ  จะให้สอนกันทางหลังไมล์  ก็คงลำบาก  เราผิดเองค่ะ  ให้เบอร์โทรไป  เพราะเราเองก็มีข้อสงสัยในการปฎิบัติ  จึงอยากถามผู้รู้ (มิจฉาธิฐิ)  แต่ไม่ได้โทรมาสอนอะไรเลยค่ะ  โทรมาโม้ว่าเป็นพระเยซูกลับชาติมาเกิด  แล้วก็บรรลุเป็นพระศรี อริยะ  ในชาติปัจจุบัน  อย่างที่เขียนเล่าไว้ข้างบน  เค้ายังบอกว่าหลวงพ่อฤาษีลิงดำ ญาณ เสื่อมค่ะ  (ท่านทำนายว่า พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปจะเกิดที่ประเทศพม่า  )  แต่พระพุทธเจ้าองค์ต่อไปเกิดที่ประเทศไทย  เกิดแล้ว (ก็คือเค้านี่แหละค่ะ) จากคุณ : ธัญเร - [ 27 พ.ค. 51 16:46:17 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ถึงจุดหนึ่งแล้ว เราควรเมตตา ใคร่ครวญ ให้หนักอย่าไปซ้ำเติมเขานะครับ ผมบรรยายความรู้สึกไม่ถูก...         เขาไม่ผิดนะครับ เขาน่าเห็นใจ เมื่อเรากำลังจิตและกำลังเหตุผลสูงกว่าควรเมตตาเขา       ผมสาบานว่าหากรู้ว่าเป็นใครผมจะไม่เปิดเผยชื่อเขาต่อไปครับ ...คุณธัญเร   ก็สมควรอภัยครับและควรเมตตากัน       ขอบคุณครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 27 พ.ค. 51 16:57:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 รบกวนช่วยบอกชื่อล็อคอิน หลังไมด์ให้ทราบบ้างนะครับ  นึกไม่ถึงว่าจะมีคนเพี้ยนๆในนี้    ส่วนเรื่องพระเยซูไม่ได้ถูกหินเขวี้ยงจนตายครับ แต่ถูกหอกลองกินุสของทหารโรมันเสียบจนตายสนิท**** **แถมให้ครับ**               ข่าวใหญ่เมื่อวันจันทร์ที่ 26 กุมภาพันธ์ 2007 การแถลงข่าวที่นครนิวยอร์กโดยคณะผู้สร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องใหม่ของรายการ Discovery ซึ่งออกอากาศเมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เกี่ยวกับการค้นพบที่เก็บศพของพระเยซูคริสต์ แมรี่ แมกดาลีน พระแม่มารี โจเซฟ แมทธิวและจูดาห์ ฯลฯ โดยนาย James Cameron ผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง Titanic และ The Terminator และคณะที่หอสมุดสาธารณะแห่งนครนิวยอร์ก โดยได้นำกล่องหินสองกล่องซึ่งอ้างว่าบรรจุซากศพบางส่วนของพระเยซูและแมรี่ แมกดาลีน มาแสดงต่อผู้สื่อข่าวด้วย นาย James Cameron ได้ให้สัมภาษณ์ว่า ตนได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการอำนวยการสร้างสารคดีเรื่องนี้ก็เพราะเชื่อว่าเป็นการค้นพบทางโบราณคดีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศตวรรษนี้ แต่แรกเขาก็รู้สึกวิตกกังวลไม่น้อยที่จะมาสร้างเรื่องนี้ แต่ที่สุดก็ได้ตัดสินใจเข้าร่วมเพราะเห็นว่าเป็นการสืบสวนข้อเท็จจริงที่น่าสนใจ และเป็นความพยายามที่มิได้มุ่งหวังเพื่อเป็นการโฆษณาประชาสัมพันธ์แต่ประการใด แต่เป็นการเผยแพร่ข้อมูลให้ประชาชนได้รับทราบและพิจารณาผ่านสารคดีที่นำเสนออย่างมีเหตุมีผลเท่านั้น สารคดีเรื่องนี้มีชื่อว่า The Lost Tomb of Jesus ซึ่งจะนำผู้ชมไปยังบริเวณ Talpiyot ตะวันออกของกรุงเยรูซาเลม ซึ่งเป็นที่ขุดพบสถานที่เก็บซากศพเหล่านี้เมื่อปี ค.ศ. 1980 ในขณะที่กำลังจะมีการก่อสร้างอาคารใหม่ และได้มีการออกหนังสือใหม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ในโอกาสเดียวกันด้วย ในสุสานดังกล่าว นักโบราณคดีได้ขุดค้นพบหีบหินเก็บชิ้นส่วนมนุษย์ 10 หีบ และมีการสลักชื่อไว้ 6 หีบด้วยกัน ซึ่งยืนยันได้ว่าไม่มีการปลอมแปลงแต่อย่างใดเนื่องจากได้มีการลงบัญชีไว้และเก็บรักษาโดยหน่วยงานทางโบราณคดีของอิสราเอลมาตั้งแต่ต้น ชื่อที่สลักไว้บนหีบทั้ง 6 นั้น ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าเป็นชื่อของเยซู มารี แมรี่ แมกดาลีน แมทธิว โจเซฟ และจูดาห์ จริงอยู่ที่ในศตวรรษที่ 1 นั้น ชื่อเหล่านี้มีคนใช้กันทั่วไปเหมือนชื่อ ทอม ดิ๊ค แฮรี่ ในปัจจุบัน แต่ผู้เชี่ยวชาญทางคณิตศาสตร์ของฝ่ายผู้ผลิตสารคดียืนยันว่า โอกาสที่ชื่อทั้งหมดจะมารวมอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ในที่เดียวกันนั้น มีโอกาสเพียง 1 ในล้านเท่านั้น บนหีบหนึ่งสลักชื่อไว้ว่า Yeshua bar Yosef ในภาษา Aramaic ซึ่งเป็นภาษาที่ชาวยิวใช้ในสมัยนั้นและผู้เชี่ยวชาญแปลว่า Jesus son of Joseph อีกหีบหนึ่งสลักชื่อว่า Maria หรือ Miriam ในภาษาละติน ซึ่งเป็นชื่อที่สตรีประมาณร้อยละ 25 ใช้เป็นชื่อในสมัยนั้น อย่างไรก็ตามเป็นที่ยอมรับกันว่าพระมารดาของพระเยซูมีชื่อที่แท้จริงว่า Maria (หรือ Mary ในภาษาอังกฤษ) และสารคดียืนยันว่าในบรรดาที่เก็บศพเป็นพัน ๆ หมื่น ๆ ในสมัยนั้นที่ค้นพบ มีเพียง 8 รายเท่านั้นที่สะกดตามตัวอักษรฮีบรูของชาวยิวอย่างชัดเจนว่า Maria หีบที่ 3 สลักชื่อไว้ว่า Matia ซึ่งเป็นภาษาฮีบรูของชื่อว่า Matthew ซึ่งผู้สร้างสารคดีว่าในคัมภีร์ไบเบิ้ลเคยเอ่ยหลายครั้งว่าพระนางมารีมีญาติชื่อแมทธิว อยู่หลายคนในครอบครัวของนาง หีบที่ 4 สลักชื่อว่า Yose ซึ่งเป็นชื่อเล่นของคำว่า Yosef ในภาษายิว หรือ Joseph ในภาษาอังกฤษ ในกรณีนี้ผู้สร้างสารคดีได้อ้าง The New Testament อีกครั้งว่ามีระบุไว้ว่าพระเยซูมี “พี่น้อง” 4 คนคือ James, Judah, Simon และ Joseph หีบที่ 5 เป็นหีบที่มีปัญหาที่สุดเพราะผู้สร้างได้อ้างว่าเป็นชิ้นส่วนซากศพของ Mary Magdalene ซึ่งท่านผู้อ่านที่ได้เคยดูภาพยนตร์เรื่อง The Davinci Code มาแล้วคงจำได้ดีว่าถูกอ้างว่าเป็นภรรยาของพระเยซู ภาษาที่สลักบนหีบนี้เป็นหีบเดียวที่สลักเป็นภาษากรีกว่า Mariamene e Mara ซึ่งผู้สร้างแปลว่า Mary known as the Master และได้อ้างผลงานการศึกษาของศาสตราจารย์ Francois Bovon แห่งมหาวิทยาลัย Harvard จากเอกสาร Acts of Phillip ของสมัยศตวรรษที่ 4 หรือ 5 ว่า Mariamene คือชื่อจริงของ Mary Magdalene นอกจากนั้น ทีมผู้สร้างก็ได้ว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญมาพิสูจน์ DNA ของชิ้นส่วนร่างกายในหีบศพของพระเยซู และ แมรี่ แมกดาลีนด้วย (ตามความเชื่อของศาสนายิว หีบเก็บชิ้นส่วนเหล่านี้จะไม่มีการเก็บกระดูกของผู้ตายรวมอยู่ด้วย) ซึ่งปรากฏผลว่าทั้งสองซากมิได้เป็นพี่น้องจากมารดาเดียวกันอย่างแน่นอน ดังนั้นทีมผู้สร้างจึงสรุปว่าทั้งสองน่าจะเป็นสามีภรรยากัน มิเช่นนั้นคงจะไม่ถูกเก็บไว้ด้วยกันในสุสานของครอบครัวเช่นนี้ ซึ่งรวมถึง Judah บุตรชาย ซึ่งบรรจุอยู่ในหีบใบที่ 6 ด้วย การเผยแพร่ออกอากาศของสารคดีเรื่องนี้ได้ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีกันอย่างกว้างขวางทั่วโลกโดยเฉพาะจากชาวคริสต์ เพราะหากเป็นความจริงตามที่สารคดีอ้าง หลักทางศาสนาคริสต์ที่สำคัญก็จะถูกทำลายไปหลายข้อทีเดียว เช่นความเชื่อถือที่ว่าพระนางมารี ยังเป็นสาวบริสุทธิ์ (Virgin Mary) เมื่อทรงประสูติพระเยซู พระเยซูไม่ได้แต่งงานกับแมรี แมกดาลีน ไม่มีบุตร และที่สำคัญที่สุดก็คือพระเยซูไม่ได้กลับฟื้นคืนชีวิต (Resurrection) เหมือนอย่างที่คัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้ จากคุณ : rxkku - [ 27 พ.ค. 51 17:01:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณทุกความเห็นค่ะ และคุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้  เราจะยุติการโพส ตอบกระทู้ค่ะ  แต่การที่เค้ามาด่าบรรพบุรุษรวมถึง หลวงพ่อฤาษีลิงดำที่เรานับถือ เราขอรับปากจะไม่พูดอีก  แต่กรรมเกิดจากการกระทำ  ใครทำใครได้ค่ะ   บุญรักษาค่ะ จากคุณ : ธัญเร - [ 27 พ.ค. 51 17:03:52 ]

ความคิดเห็นที่ 19 รบกวนส่งทางหลังไมค์แจ้งชื่อให้ทราบด้วยครับ ผมเองติดตามอ่านกระทู้ของที่นี่บ่อย ๆ จะได้ระมัดระวังในการศึกษาพระธรรมครับ ขอบคุณครับ _/|\_ จากคุณ : คลื่นธาร - [ 27 พ.ค. 51 17:18:15 ]

ความคิดเห็นที่ 20 อีกคนคร้าบ อยากรู้เหมือนกันว่า who is he เอ...ต่างจากผมเลย นี้กำลังสงสัยอยู่ว่าตัวเองเป็นซาตานมาเกิด 555 แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 17:31:31 จากคุณ : Angleevil - [ 27 พ.ค. 51 17:30:50 ]

ความคิดเห็นที่ 21 เป็นนาย ดาญาณ เหรอครับ????? จากคุณ : mammord072 - [ 27 พ.ค. 51 17:32:05 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ถึงว่าคุณคนนี้เห็นออกความคิดเห็นได้ทั้งแบบของพุทธและคริสต์เลยแฮะดูได้จากกระทู้เก่า ๆ รู้เรื่องราว ทั้งสองศาสนาเลย สงสัยศึกษาเรื่องของศาสนามากไปเลยเพี้ยนไปเลย อิอิ แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 51 18:00:42 จากคุณ : moandnoo - [ 27 พ.ค. 51 17:59:51 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ลงชื่อก่อนครับ ใครไม่มีชื่อในทู้นี้อาจจะเข้าข่ายต้องสงสัย จากคุณ : PIWAT - [ 27 พ.ค. 51 19:00:13 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ความคิดเห็นที่ 69   สำเร็จเพศไหนให้คงเพศนั้นไว้    ประสบการณ์ของผมจิตสัมผัสถึงคุณธรรมของพระธัมมชโย หลวงพ่อปัญญา ก็ปรากฏเป็นนิมิตฉายภาพพระนั่งเป็นประมุขอยู่ข้างหน้าองค์ที่ ๑ คือตัวข้าพเจ้าเอง ส่วนหลวงพ่อปัญญานั่งต่อจากข้าพเจ้าเป็นองค์ที่ ๒ ต่อมา พระธัมมชโย ก็ได้นั่งอยู่สุดท้ายสุดเป็นองค์ที่ ๓ ข้าพเจ้าเกิดข้อสงสัยว่าพระระดับประเทศเลยนะทำไมโลกวิญญาณเค้าจัดลำดับภูมิธรรมแบบนี้ ภาพนิมิตเป็นจิตรู้ของข้าพเจ้าเพราะเป็นจิตรู้ของผู้ทำสมาธิภาวนาไปถึงขั้นหนึ่ง ถึงจิตสัมผัสธรรม ว่าตัวข้าพเจ้าเป็นคฤหัสถ์ครองเรือน แต่ในนิมิต ตัวข้าพเจ้านุ่งสบงทรงจีวรน่าเคารพเลื่อมใสมากนั่งเป็นพระอันดับต้น สำเร็จเพศไหนให้คงเพศนั้นไว้เดิมที่ข้าพเจ้าบวชเป็นพระพระธรรมยุตมาก่อนเกิดเบื่อหน่ายในเพศนักบวชและวงการพระจึงดำรงตนในฆราวาส จากคุณ : ดาญาณ  - [ 27 พ.ค. 51 15:57:22 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6639547/Y6639547.html จากคุณ : JitZungkabuai - [ 27 พ.ค. 51 19:11:26 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ดาญาณมันเป็นบ้าไปแล้วครับ !!!! จากคุณ : จิตเละตุ้มเป๊ะเยย (JitZungkabuai) - [ 27 พ.ค. 51 19:13:19 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ท่านWM จะว่าอย่างไรขอรับ? อิสระ เสรีภาพ ในการแสดงความคิดเห็น ของคนบ้า เราควรจัดการอย่างไรดีหนอ อืมมม จากคุณ : JitZungkabuai - [ 27 พ.ค. 51 19:17:00 ]

ความคิดเห็นที่ 27 หึหึหึ    มิจฉาทิฏฐิสมชื่อ แต่คุณ ธัญเร ก็อดทนดีนะครับ อุตส่าห์ทนฟังจนเผยธาตุแท้ออกมาซะเต็มคราบ   ถ้าเป็นผม แค่ 2-3 ประโยคแรก ผมก็กดทิ้งไปแล้วละครับ  เพราะมันบ่งว่า  หมอนี่ จิตไม่ว่างอย่างแรง   คุยไปก็เสียหู เสียปาก จากคุณ : หมอมาเอง (drxbeam) - [ 27 พ.ค. 51 19:39:09 ]

ความคิดเห็นที่ 28 โอ้ววววววว บ้าอย่างแรง 555 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 พ.ค. 51 19:42:59 ]

ความคิดเห็นที่ 29 พระศรีอารย์ชาตินี้จะกลับมาฟื้นฟูศาสนาให้รุ่งเรืองเฟื่องฟูอีกครั้ง และศาสนาพุทธจะอยู่ต่อไปอีก 2500 ปีในแนวทางของพระศรีอาริย์โพธิสัตว์ ถ้าหลวงพ่อธัมมชโยพูดว่าเป็นพระโพธิสัตว์ยังน่าเชื่อถือว่าซะอีก เพราะ ท่านเผยแพร่จริงทั่วโลกหลายประเทศ ก่อตั้งมหาวิทยาัลัยพระพุทธศาสนาที่อเมริกาอีก แล้วคุณดาญาณทำอะไรได้บ้างละ ฟื้นฟูพุทธศาสนาไปถึงไหนแล้ว... หรือกำลังทำให้เสื่อมอยู่ จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 27 พ.ค. 51 19:54:19 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เราควรจะเห็นใจเขามากกว่าจะ มาซ้ำเติมเขานะครับ จากคุณ : Kengmanny - [ 27 พ.ค. 51 19:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 31 5555555555555555555555555555+ เริดๆๆๆ หลังคาแดง จากคุณ : จันทร์กุมลัคนา - [ 27 พ.ค. 51 19:58:32 ]

ความคิดเห็นที่ 32 **** ถ้ามีใครมากล่าวอ้างว่า นี่เป็น.. นี่เป็น... ไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวนั้น ครั้นแล้วให้พึงเรียนบทและพยัญชนะให้ดี แล้วนำไป สอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ถ้าหากลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี่ไม่ใช่คำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคย์แน่นอน ดังนั้น พึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย แต่ถ้าสอบสวนลงในพระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงในข้อนี้ว่า นี่เป็นคำสั่งสอนของพระผู้มีพระภาคย์แน่นอน เพราะฐานที่ตั้งของสติไม่ดีพอ จิตจึงฟุ้งซ่านได้ง่าย...ครับ จากคุณ : หนูเล็กนิดเดียว - [ 27 พ.ค. 51 21:08:21 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สงสัยอยู่เหมือนกันว่าเราเป็น จักรพรรดิ์มาเกิด กับเขาเหมือนกัน พอดีตื่นเสียก่อน จากคุณ : ไฟไฟ - [ 27 พ.ค. 51 21:56:34 ]

ความคิดเห็นที่ 34 บอกเราด้วยดิ ตกลงเป็นใครอ่ะ จากคุณ : mm (muangsombut) - [ 27 พ.ค. 51 22:33:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 ฝากบอกคนนั้นด้วยว่าระวังใช้คำพูดล่วงเกินพระอรหันต์ ชาติหน้าจะเกิดมาเป็นลิงเหมือนวัสสการพราหมณ์ ที่ว่าพระมหากัจจายนะ จากคุณ : AnalystX - [ 27 พ.ค. 51 22:50:21 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ผมสงสาร .... ขอให้ทุกท่าน มี พรหมวิหารครับ จากคุณ : เอก (aunemaek2) - [ 27 พ.ค. 51 23:34:28 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ลงชื่อก่อนครับ ใครไม่มีชื่อในทู้นี้อาจจะเข้าข่ายต้องสงสัย haha จากคุณ : PIWAT /// ไรฟะ อุตสาอ่านอย่างเดียวเจอท่าน พูดแบบนี้ก็ต้องลงชื่อสิครับท่าน ว่าแต่ใครอะ บอกหน่อยสิครับ แ้ล้วดาญาญ คือใครครับ จากคุณ : muk_22 - [ 27 พ.ค. 51 23:51:46 ]

ความคิดเห็นที่ 38 เขาเฉลยใน 14 แล้วครับ ใครที่ยังไม่ทราบกรุณาย้อนไปอ่านให้ละเอียด ปัดโธ่ จากคุณ : ชกใต้เข็มขัด - [ 28 พ.ค. 51 00:15:27 ]

ความคิดเห็นที่ 39 สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง แม้แต่ พระอรหันต์ เมื่อก่อนบวช ก็สูญเสียลูกน้อยจนเสียสติร้องไ้ห้ ดูอย่าง นางปฏาจารา เป็นลูกเศรษฐีผู้มีสมบัติ ๔๐ โกฏิในกรุงสาวัตถี นางมีรูปงาม เมื่อคราวนั้น หลงรักกับคนใช้ในบ้าน จึงพากันหนีออกจากเรือน ไปอยู่ในที่ไกล เมื่อท้องใกล้คลอด ตามประเพณี ต้องกลับมาคลอดที่บ้านตน ครั้งแรกก็ลำบากแล้ว ด้วยสามี กลัวจะถูกทำร้ายที่พาลูกสาวเจ้านายหนีมา จึงไม่ยอมนำไป ก็อุ้มท้องแก่ไป คนเดียว จน คลอดในป่า สามี ด้วยเป็นหวง จึงตามมาทัน พบกันก็ว่า ไหนๆก็คลอดแล้ว ก็กลับบ้านเรากันเถอะ ต่อมา ก็ท้องอีก เป็นครั้งที่สอง สามีก็ไม่ยอมพากลับบ้านอีก เมื่อท้องแก่ ก็หนีมาคนเดียว จะกลับไปคลอดที่บ้านตน ตามประเพณี จึงจูงลูกคนแรก อายุประมาณ 6ขวบ จะกลับบ้านเดิม แล้วไป คลอดบุตร กลางป่า สามี ก็มาตามกลับบ้าน ตามกันทัน แต่ติดฝน ตกหนักกลับไม่ได้ สามี เลยเดินเข้าดง จะไปตัด กิ่งไม่มาทำกันฝนให้เมียให้ลูก สามีถูกงู ฉกตาย นางปฏาจารา ร้องไห้เสียใจมาก จูงลูกคนแรก พร้อมอุ้มอีกคน จะกลับบ้านเดิม หวังพึ่งพา พ่อแม่ และ พี่ตน พอไปถึงแม่น้ำ ที่ต้องข้าม ก็วางลูกที่พึ่งคลอดไว้กับพื้น แล้วสั่งลูกคนแรก ให้ดูน้องไว้ แม่จะลงไปยั่งน้ำดูก่อน ว่าลึกแค่ไหน แม่น้ำนั้น โดยปรกติ ก็สูง เพียงเข่า เมื่อฝนตกหนักทั้งคืน จึงสูงถึงอก เมื่อเดินไปได้กลางแม่น้ำ นางหันกลับมา ดูลูกน้อยทั้งสอง ก็แลเห็น เหยี่ยว บินโฉบมา จะคาบลูกที่พึ่งคลอด ด้วยความตกใจ จึงตะโกน โบกไม้โบกมือ บอกลูกคนแรก "ดูน้องดีๆๆ!! เหยี่ยวมันบินมาแล้ว เห็นมั้ย" ลูกคนแรก เห็นแม่ โบกไม้ โบกมือแต่ไกลๆ ก็เข้าใจว่า แม่เรียกให้ไปหา ก็วิ่งลงแม่น้ำ โดนน้ำพัดหายไป และลูกที่พึ่งคลอด ก็โดนเหยี่ยว โฉบไปเป็นอาหาร นางปฏาจารา  ร้องไห้เสียใจมาก ที่สุด พยายามประคองตัว เดินทางต่อไป เพื่อกลับบ้านเดิม หวังพึ่งพา พ่อแม่ และ พี่ตน เมื่อไปถึง ก็เห็น เพียงแต่ซากหักพังของบ้าน หลังที่เคยสวยงาม จึงถามชาวบ้านว่า เกิดอะไรขึ้น ชาวบ้านก็บอกว่า เมื่อคืนฝนตกหนัก น้ำท่วม บ้านหลังนี้พังลงมา ทับคนในบ้านตายหมดทั้ง 3คน คือ เจ้าของบ้าน ภรรยา และบุตร พึ่งจะเผาเสร็จนี่ ยังเห็นควันอยู่เลย ได้ยินเพียงเท่านั้น นางปฏาจารา ก็ถึงกับเสียสติ เป็นบ้าไปเลย เดินไปเรื่อย ผ้าหลุดจากกายก็ไม่รู้สึกตัว คนทั้งหลายเห็นนางแล้ว เข้าใจว่า "หญิงบ้าๆ" จึงถือเอาหยากเยื่อ กอบฝุ่นโปรยลงบนศีรษะ แล้วขว้างด้วยก้อนดิน ครั้งนั้น พระศาสดาประทับนั่งแสดงธรรม อยู่ในท่ามกลางบริษัท ๔ ในพระเชตวันมหาวิหาร ได้ทอดพระเนตรเห็น นางผู้บำเพ็ญบารมีมาแสนกัลป์ สมบูรณ์ด้วยอภินิหารเดินมาอยู่ นางได้ตั้งความปรารถนาไว้ในชาติก่อน นางปฏาจารานั้นเห็นพระเถรีผู้ทรงวินัยรูปหนึ่ง ในตำแหน่งเอตทัคคะ จึงปราถนาบ้าง ชาตินี้ และที่ผ่านๆมา จึงต้องบำเพ็ญบารมีใหญ่นัก ในเวลานางมาใกล้ พระศาสดาจึงตรัส เตือนสตินางว่า "จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง" นางกลับได้สติด้วยพุทธานุภาพ ในขณะนั้นเองแสดงธรรมโปรดนาง พระศาสดาทรงสดับคำของนาง จึงตรัสว่า "อย่าคิดเลย ปฏาจารา, เธอมาสู่สำนักของผู้สามารถ จะเป็นที่พึ่งพำนักอาศัยของเธอได้แล้ว เหมือนอย่างว่า บัดนี้ บุตรคนหนึ่งของเธอถูกเหยี่ยวเฉี่ยวไป, คนหนึ่งถูกน้ำพัดไป, สามีตายแล้วที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายถูกเรือนทับฉันใด น้ำตาที่ไหลออกของเธอผู้ร้องไห้อยู่ในสงสารนี้ ในเวลาที่ปิยชนมีบุตรเป็นต้น ตาย ยังมากกว่าน้ำแห่งมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ฉันนั้นเหมือนกัน" แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 51 09:34:55 จากคุณ : เอก (aunemaek2) - [ 28 พ.ค. 51 00:27:26 ]

ความคิดเห็นที่ 40 # ทราบข่าวการตายของบิดามารดาถึงกับเสียสติ เมื่อสามีและลูกน้อยทั้งสองตายจากนางไปหมดแล้วเหลือแต่นางคนเดียวนางจึงเดินทาง มุ่งหน้าสู่บ้านเรือนของบิดามารดา ทั้งหิวทั้งเหนื่อยล้า ได้รับความบอบช้ำทั้งร่างกายและจิตใจ รู้ สึกเศร้าโศกเสียใจสุดประมาณ พลางเดินบ่นรำพึงรำพันไปว่า:- “บุตรคนหนึ่งของเราถูกเหยี่ยวเฉี่ยวเอาไป บุตรอีกคนหนึ่งถูกน้ำพัดไปสามีก็ตายในป่า เปลี่ยว” นางเดินไปก็บ่นไปแต่ก็ยังพอมีสติอยู่บ้างได้พบชายคนหนึ่งเดินสวนทางมา สอบถาม ทราบว่ามาจากเมืองสาวัตถี จึงถามถึงบิดามารดาของตนที่อยู่ในเมืองนั้น ชายคนนั้นตอบว่า:- “น้องหญิงเมื่อคืนนี้เกิดลมพายุและฝนตกอย่างหนักเศรษฐีสองสามีภรรยาและลูกชาย อีกคนหนึ่ง ถูกปราสาทของตนพังล้มทับตายพร้อมกันทั้งครอบครัวเธอจงมองดูควันไฟที่เห็นอยู่ โน่น ประชาชนร่วมกันทำการเผาทั้ง ๓ พ่อ แม่ และลูกบนเชิงตะกอนเดียวกัน” นางปฏาจารา พอชายคนนั้นกล่าวจบลงแล้วก็ขาดสิตสัมปชัญญะไม่รู้สึกตัวว่าผ้านุ่งผ้า ห่มที่นางสวมใส่อยู่หลุดลุ่ยลงไป เดินเปลือยกายเป็นคนวิกลจริตร้องไห้บ่นเพื่อรำพันเซซวนคร่ำ ครวญว่า:- “บุตรสองคนของเราตายแล้ว สามีของเราก็ตายที่ทางเปลี่ยว มารดาบิดาและพี่ชายของ เราก็ถูกเผาบนเชิงตะกินเดียวกัน” นางเดินไปบ่นไปอย่างนี้ คนทั่วไปเห็นแล้วคิดว่า “นางเป็นบ้า” พากันขว้างปาด้วย ก้อนดินบ้าง โรยฝุ่นลงบนศีรษะนางบ้าง และนางยังคงเดินต่อเรื่อยไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง # หายบ้าแล้วได้บวช ขณะนั้น พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมอยู่ท่ามกลางพุทธบริษัท ทรงทราบด้วยพระฌาณ ว่านางปฏาจารามีอุปนิสัยแห่งพระอรหัต จึงบันดาลให้นางเดินทางมายังวัดพระเชตวัน นางได้ เดินมายืนเสาศาลาโรงธรรมอยู่ท้ายสุดพุทธบริษัทหมู่คนทั้งหลายพากันขับไล่นางให้ออกไป แต่ พระบรมศาสดาตรัสห้ามไว้แล้วตรับกับนางว่า “จงกลับได้สติเถิด น้องหญิง” ด้วยพุทธานุภาพ นางกลับได้สติในขณะนั้นเอง มองดูตัวเองเปลือยกายอยู่ รู้สึกอายจึงนั่ง ลง อุบาสกคนหนึ่งโยนฝ้าให้นางนุ่งห่ม นางเข้าไปกราบถวายบังคมพระศาสดาที่พระบาท แล้ว กราบทูลเคราะห์กรรมของนางให้ทรงทราบโดยลำดับ พระพุทธองค์ได้ตรัสพระดำรัสว่า:- “แม่น้ำในมหาสมุทรทั้ง ๔ ก็ยังน้อยกว่าน้ำตาของคนที่ถูกความทุกข์ความเศร้าโศก ครอบงำ ปฏาจารา เพราะเหตุไร เธอจึงยังประมาทอยู่” ปฏาจารา ฟังพระดำรัสนี้แล้วก็คลายความเศร้าโศกลง พระบรมศาสดา ทรงทราบว่านาง หายจากความเศร้าโศกลงแล้ว จึงตรัสต่อไปว่า:- “ปฎาจารา ขึ้นชื่อว่าบุตรสุดที่รัก ไม่อาจเป็นที่พึ่ง เป็นที่ต้านทานหรือเป็นที่ป้องกันแก่ ผู้ไปสู่ปรโลกได้ บุตรเหล่านั้น ถึงจะมีอยู่ก็เหมือนไม่มี ส่วนผู้รู้ทั้งหลายรักษาศีลให้บริสุทธิ์แล้ว ควรชำระทางไปสู่พระนิพพานของตนเท่านั้น” เมื่อจบพระธรรมเทศนา นางปฏาจาราดำรงอยู่ในโสดาปัตผล เป็นพระอริยบุคคลชั้นพระ โสดาบันแล้ว กราบทูลขออุปสมบท พระพุทธองค์ทรงอนุญาตแล้วจึงบวชเป็นภิกษุณี ไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัตผล เมื่อนางปฏาจาราได้อุปสมบทแล้ว ปรากฏว่าเป็นพระเถรีผู้มีความรอบรู้ในเรื่องพระวินัย เป็นอย่างดี อาศัยเหตุนี้ พระบรมศาสดาจึงทรงยกย่องเธอไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่า ภิกษุณีทั้งหลายในฝ่าย ผู้ทรงพระวินัย http://www.84000.org/one/2/04.html จากคุณ : เอก (aunemaek2) - [ 28 พ.ค. 51 00:27:49 ]

ความคิดเห็นที่ 41 คนที่มีมิจฉาทิฏฐินั้น...น่าสงสารนะครับ...เค้าไม่รู้ตัว...เค้าหลงตัว...เค้ายึดติด...เค้าคิดไม่ได้... อย่าซ้ำเติมเค้าอีกเลยครับ...เรารู้ เราเห็น เราเข้าใจ ก็ค่อยๆเมตตาเค้าไป...ถ้าอดใจไว้ไม่ได้ก็เลิกสนทนากับเค้าเสีย...ปล่อยวางเสีย เข้าใจคุณเจ้าของกระทู้นะครับ...ขอบคุณมากครับ จากคุณ : อินทร์นิล - [ 28 พ.ค. 51 08:53:35 ]

ความคิดเห็นที่ 42 อืมม เจอวิปัสสนูกิเลสเล่นงานหรือเปล่า ????? น่าสงสารนะ ช่วยกันแผ่เมตตาให้เขาดีกว่า ส่วนท่าน จขกท. ก็คงต้องคอยกดสายทิ้งเอาแหละ ถ้าเขาโทรมาอีก นานๆ ไป เห็นไม่เป็นผลคงเลิกไปเอง ทนเอาหน่อยค่ะ จากคุณ : Together In 80s Dream - [ 28 พ.ค. 51 09:27:48 ]

ความคิดเห็นที่ 43 โอ้วววววววว์ อะไรจะขนาดนั้น ใครหนอช่างหาญกล้า  อยากรู้ๆๆๆๆๆๆๆๆ ด้วยคน แต่ก็น่าสงสารนะคะ ท่าจะเพี้ยนไปแล้วล่ะนั่น จากคุณ : คนไม่สวยแต่จน - [ 28 พ.ค. 51 12:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 44 ไม่แน่ใจ เหมือนว่าเขาจะรับดูดวงด้วยนะ ส่วนใหญ่ ท่าจะโทรหาแต่ สาวๆ ยังไง สาวๆทุกคนก็ระวังตัวหน่อยนะครับ เจตนาเป็นที่ตั้ง ใจเป็นสำคัญ จากคุณ : A+ (eayx) - [ 28 พ.ค. 51 17:29:25 ]

ความคิดเห็นที่ 45 อยากบอกว่า ผมเดาถูกครับ 555+ เอะใจมาหลายครั้งแล้วครับ จากคุณ : ever rich - [ 28 พ.ค. 51 17:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 46 จขกท.  ใช่ค่ะ  เค้าเคยบอกว่า เค้าสามารถดูดวงได้  แต่เราไม่ได้สนใจ  คุยกันแค่ทางโทรศัพท์  ขอบายแล้วจ้า จากคุณ : ธัญเร - [ 29 พ.ค. 51 09:30:58 ]

ความคิดเห็นที่ 47 เค้าคงไม่ได้บ้าหรอก แค่นั่งเบื่อๆ อยู่ที่บ้านก็เลยหาเรื่องสนุกๆ ทำ ผมเองก็เคยเจอ หนุ่มน้อยอินทราวุฒิลูกพระอินทร์ที่ถูกถีบให้ลงมาเกิดในแดนมนุษย์โลกเหมือนกัน ก็ไม่ต้องโวยวาย ฟังเค้า  ให้เค้าระบาย ถึงที่สุดก็จะเลิกและหายขาดเอง เพราะเค้าไม่ได้เป็นคนไม่ดีครับ แค่ป่วยทางวิญญาณเท่านั้น จากคุณ : ซามมาเอล ซิน - [ 29 พ.ค. 51 14:30:27 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ศาสนาคริสต์ ไม่มีการกลับชาติมาเกิด เกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียว ไม่มีชาติหน้าและชาติที่แล้ว นี่ถ้ามีสายนี้มาหาเรานี่เราเถียงเลยนะเนี่ย ฮ่ะๆ จากคุณ : GermanShapherd - [ 30 พ.ค. 51 14:09:16 ]

ความคิดเห็นที่ 49 เดิมทีพระเยซูสอนเรื่องการเวียนว่ายตายเกิด แต่ฝ่ายอณาจักรมองว่าถ้าคนมีเวลาศึกษาค้นคว้า เรื่องภพชาติการเวียนว่ายตายเกิดกันมากๆ ก็จะทำให้อาณาจักรไม่ยิ่งใหญ่ เพราะคนจะไม่สนใจที่จะเสียภาษี เพราะมีเวลาว่างมากที่จะหาทางหลุดพ้น ก็จะทำให้อาณาจักรไม่เข้มแข็ง ผู้ที่มีอำนาจในฝ่ายอาณาจักร สั่งให้ทำลายคัมภีร์ที่เกี่ยวกับ ภพชาติการเวียนว่ายตายเกิดทิ้งไปให้หมดโดยการเผาและทำลายล้างให้หมดไปจากพระศาสนจักร และพระจักรพรรดิ ก็สั่งให้จัดทำพระคัมภีร์ใหม่โดย ตัดสาระเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดทิ้งไป เข้าใจผิดคิดเอาเองว่า จะไม่มีคนมาพัฒนาประเทศชาติ โดยใส่เรื่องจะไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดในคริสตศาสนาลงในพระคัมภีร์ใหม่ที่ฝ่ายทางอาณาจักรจัดทำขึ้นดังนั้นชาวคริสตร์ศึกมากมายทำไมไม่บรรลุ เพราะจะไปติดสุขในสมาธิ http://www.gotquestions.org/Thai/Thai-second-coming.html จากคุณ : ดาญาณ - [ 31 พ.ค. 51 07:36:50 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ผู้ที่พูดโกหกเป็นคนโง่ที่สร้างรอยแผลให้กับ ตนเองด้วยลิ้นของตน ผู้ที่ตบตาผู้อื่นก็เหมือนกับขโมยของของผู้อื่น                   ความรู้จะถูกเก็บ คนโง่จะขึ้นแสดงธรรม ผู้ที่คอยดูแต่ความผิดของผู้อื่น  จะเป็นคนที่ได้รับการตำหนิติเตียนจากพระ ผู้ที่รู้ว่าพลังของมนุษย์มีเพียง 9 ส่วน แต่พลังของพระมีอยู่อย่างเต็มที่จะไม่ดูถูกพระ “ ดูก่อนภิภษุทั้งหลาย! เธอทั้งหลายพึงกำหนดรู้ว่าธรรมะที่เราแสดง มีอุปมาดังผู้อาศัยพ่วงแพ แม้แต่ธรรมก็ยังต้องละเสีย จักกล่าวไปไยกับอธรรมเล่า” จากคุณ : ดาญาณ - [ 31 พ.ค. 51 07:39:26 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เจ้าตัวมาเองเลยแฮะพระเยซูเนี่ยนะสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิด โอ้ยไมเกรนขึ้นสมองเลย ปวดหัวจี๊ด ๆ อิอิ พึ่งเคยรู้นี่แหละ สอนเรื่องพระเยซูจบด้วยพุทธศาสนา โอ้วโลกนี้ช่างวุ่นวายจริง ๆ จากคุณ : moandnoo - [ 31 พ.ค. 51 23:11:03 ]

ความคิดเห็นที่ 52 มายืนยันอีกครั้ง ว่า องค์พระเยซูคริสต์ไม่เคยสอนเรื่องเวียนว่ายตายเกิดจ๊ะ และไม่มีพระคัมภีร์ตอนใดสอนถึงเรื่องชาติภพนะจ๊ะ จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 1 มิ.ย. 51 13:04:20 ]

ความคิดเห็นที่ 53 มิฉาทิฐิมาตอบเองเลยแฮะ จากคุณ : ธัญเร - [ 1 มิ.ย. 51 16:01:42 ]

ความคิดเห็นที่ 54 มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ จากคุณ : MichaeLPauL - [ 1 มิ.ย. 51 17:39:23 ]

ความคิดเห็นที่ 55 สายตาเล็ก ๆของมนุษย์ย่อมไม่เข้าใจในโครงการ แห่งโลกสวรรค์อันยิ่งใหญ่ จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 17:39:47 ]

ความคิดเห็นที่ 56 โครงการณ์ของพระที่รอคอยมาตลอดระยะเวลา หลายหมื่มปี บัดนี้กำลังจะเกิดเป็นจริงขึ้นมา จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 17:43:09 ]

ความคิดเห็นที่ 57 เราเรียกยุคที่บาปหรือมลทินแม้แต่เพียงเท่า ผงธุลีก็ไม่สามารถปกปิดได้ว่าโลกแห่งแก้วผลึก จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 17:58:11 ]

ความคิดเห็นที่ 58 เมื่อใดที่ยุคพระศรีอาริย์ปรากฏขึ้นในโลกมนูษย์ เมื่อนั้นปัญญาแห่งความจริงและแสงแห่งความรักจะ แผ่กระจายออกไปอย่างเต็มเปี่ยม จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 18:03:46 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เพี้ยนไปเลย หลุดโลกไปแล้วนะคะคุณ ดาญาณ คิคิ จากคุณ : moandnoo - [ 1 มิ.ย. 51 18:28:53 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ... ไม่ได้บังคับให้เชื่อคับ. พลังของพระจะทำลายเปลือกแห่งความหลง ของผู้หมกมุ่นอยู่ในวัตถุนิยมและวิทยาศาสตร์ได้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 18:43:58 ]

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณครับmoandnoo มีอะไรจะสอนสั่งผมอีกไหมครับ เชิงฌานหยั้งแค่พรหม ดูฉิวฉนสัมโพชฌงค์นิ่งไซร์ หยั้งเฉลย โพชฌงค์ ๗ คือ ๑. สติสัมโพชฌงค์ ๒. ธัมมวิจยสัมโพชฌงค์ ๓. วิริยสัมโพชฌงค์. ๔. ปีติสัมโพชฌงค์ ๕. ปัสสัทธิสัมโพชฌงค์ ๖. สมาธิสัมโพชฌงค์ ๗อุเบกขาสัมโพชฌงค์ โพชฌงค์ ๗ จึงล้วนเป็นธรรมเหล่าใดที่บุคคลเจริญแล้ว กระทำให้มากแล้ว ย่อมยังให้เกิดวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์หรือถึงที่สุดแห่งการดับทุกข์ครับmoandnoo จากคุณ : ดาญาณ - [ 1 มิ.ย. 51 19:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 62 อ่าขอโทษจ้า แหะๆๆ ข้าน้อยขออภัยมิกล้าไปสั่งสอนหรอกจ้า ^ ^ กลัวโดนลงโทษ หุหุ จากคุณ : moandnoo - [ 1 มิ.ย. 51 19:12:49 ]

ความคิดเห็นที่ 63 บ้า .. เพี้ยน .. ประสาท .. จิตตก .. มั่ว .. จะเอาคำไหนมาใช้ดีกับกรณีแบบนี้นะ จากคุณ : นายแทม - [ 2 มิ.ย. 51 00:54:05 ]

ความคิดเห็นที่ 64 - http://72.14.235.104/search?q=cache:5ZAfulQo6bYJ:larndham.net/index.php%3Fshowtopic%3D23938%26st%3D23+%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2&hl=th&ct=clnk&cd=43&gl=th - จากคุณ : ดาญาณ - [ 2 มิ.ย. 51 08:51:31 ]

ความคิดเห็นที่ 65 คุณ"ดาญาณ"ครับ   ผมอยากให้คุณตั้งสติดีๆ แล้วศึกษาพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ละเอียด  พิจารณาด้วยใจที่เป็นกลาง  ปฏิบัติอย่างรอบคอบในความควบคุมของครูอาจารย์  ดูความสอดคล้องของสิ่งที่คุณคิดกับคำสอนของพระพุทธเจ้า  ว่ามันไปด้วยกันได้หรือไม่ ผมก็เป็นชาวพุทธและศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกๆพระองค์  แต่ไม่อาจศรัทธาต่อผู้ที่สำคัญผิดว่าตนเป็นพระพุทธเจ้า  เพราะมันคนละเรื่องกัน จากคุณ : พุทธามาตย์ - [ 3 มิ.ย. 51 09:00:44 ]

ความคิดเห็นที่ 66 อ้างอิง " ***พงศาธรรมอนุตตรธรรมที่แท้จริง*** " สวัสดีครับ ขอโทษครับช่วงนี้ผมสอบไม่ค่อยมีเวลาตอบครับ ที่ผมเขียนว่าสายทองนั้น คืออะไรต่างกับสายธรรมอย่างไร ผมขออธิบายพงศาธรรมอย่างคร่าวๆนะครับ อนุตตรธรรมที่เรารู้จักกันอยู่ทุกวันนี้มีมาตั้งแต่ก่อนโลกนี้จะเกิดซะอีก โลกของเราใบนี้มีพระพุทธเจ้าทั้งหมด 10 พระองค์ มีพระบรรพจารย์ทั้งหมด 64 รุ่นควบคู่กันมา องค์ที่1-7 มีหน้าที่มาพัฒนาโลก ช่วงนี้เป็นเรื่องที่ลึกไป ผมขอพูดยุคที่ 8-10 เลยแล้วกัน พระพุทธเจ้าองค์ที่ 8 คือพระทีปังกรพุทธเจ้า เรียกว่ายุคเขียว สังเกตุจะมีการพนมมือแบบ ใบบัว สร้างโลกให้น่าอยู่ ผู้คนรักใคร่ปรองดอง ส่งผู้สร้างลงมาเช่น นักวิทยาศาสตร์ พระพุทธเจ้าองค์ที่ 9 คือพระศรีศากยมุนีพุทธเจ้า เรียกว่ายุคแดง สังเกตุจะมีการพนมมือแบบ ดอกบัวตูม เผยแพร่คำสอนที่จะทำให้ทุกคนเป็นคนดี พระพุทธเจ้าองค์ที่ 10 คือพระศรีอารยเมตตรัยพุทธเจ้า เรียกว่ายุคขาว สังเกตุจะมีการพนมมือแบบ ... มีหน้าที่เก็บรวมโลกใบนี้เพราะผู้คนลุ่มหลงกันมากมาย ...เมื่อถึงเวลา พระบรรพจารย์ตั้งแต่ รุ่น 1-64 จีน มี18 รุ่น อินเดีย 28 รุ่น จีนอีก 18 รุ่น ครบ 64 รุ่นอย่างชัดเจน สายธรรมในยุคของพระอาจารย์ชายยังรวมเป็นหนึ่งเดียว นั้นคือสายทอง มีองค์การสวรรค์แท้จริง พระศรีอารยเมตตรัยยังไม่ปรากฎตัว เพราะหน้าที่ของพระอ.ชาย คือ ตามหาพระศรีอารยเมตตรัยแล้วมีหน้าที่มอบองค์การสวรรค์ คืนกับพระศรีอารย์ฯ ผู้มีหน้าที่มาเก็บรวม มาถึงปัจจุบัน พระอาจารย์ชาย พระอาจารย์หญิง 2 ท่าน เป็นรุ่นที่ 64 หรือรุ่นที่ 18 ของจีน หน้าที่ต่อไปก็คือ เป็นหน้าที่ของพระศรีอารยเมตตรัย นั้นเอง แต่ทานตามหายังไม่พบจึงให้พระอาจารย์หญิงถือพระองค์การตามหาต่อ แต่ก็ยังไม่พบ ***จุดสำคัญอยู่ตรงนี้ เมื่อพระอาจารย์ชายกลับไป ไม่มีใครรู้ว่าพระองค์การสวรรค์อยู่ที่ใด จึงมีนักธรรมอาวุโสผู้ดูแลใกล้ชิดต่างๆ คิดว่าตนนั้นก็มีพระองค์การจึงตั้งตนขึ้นมา เป็นสายธรรมต่างๆผู้ที่เชื่อก็ไปอยู่ด้วย แยกเป็นสายธรรมมากมายมาก นี้เรียกว่าเป็นการสอบครั้งยิ่งใหญ่ ผู้ที่ตามพระอาจารย์หญิงมา ก็ยังอยู่ในสายทอง แต่พระอาจารย์หญิงก็ยังหาไม่พบจึงมอบงานนี้ให้อาจารย์ใหญ่หวังเกิดการสอบอีกเมื่อท่านพบพระศรีอารยเมตตรัยแล้ว ท่านกล่าวกับทุกคนว่าคนนี้อย่าไปเรียกเขาว่าอาจารย์ใหญ่ เขาไม่ใช่อาจารย์ใหญ่ ผู้คนมากมายเข้าใจว่าอาจารย์คนนี้ไม่ดี จึงเป็นเช่นนั้น ช่วงนี้หน้าที่ของพระอาจารย์ชาย ได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว อาจารย์ใหญ่หวังท่านพบแล้ว ท่านจึงกลับไป *****งานตอนนี้จึงอยู่กับ พระศรีอารยเมตตรัย ที่อยู่บนโลกมนุษย์นี้แล้ว สายทองที่แท้จริงอยู่ตรงนี้แล้ว ที่ทำงานขององค์แม่นี่นี้อยู่ที่นี่แล้ว ผู้คนมากมายไม่เข้าใจและไม่เชื่อว่านี่คือ พระศรีอารยเมตตรัย เป็นเรื่องที่ไม่แปลก สมัยพระพุทธองค์ก็เช่นเดียวกัน ท่านเดินบิณทบาตรอยู่ ยังโดนทำร้ายอยู่เลย สายธรรมทุกสายต้องมารายงานตัวกับท่าน เรียกว่าเชื่อมสายทอง ตอนนี้งานของธรรมการยุค 3 เริ่มอย่างเต็มตัวแล้ว *ดังนั้นการรับธรรมะในสายธรรมต่างๆตอนนี้ บางที่ก็หยุดทำแล้วเพราะกลัว บางที่ก็ยังทำต่อโดยที่ไม่มีองค์การสวรรค์ที่แท้จริง ทำไปก็ไม่ได้อะไรซึ่งเป็นเรื่ยงที่น่าสงสารมากๆ ***เรื่องที่ผมพูดไปทั้งหมดเป็นเพียงส่วนเล็กน้อย แต่สำคัญมากๆ ถ้าคุณอยากทราบรายละเอียดที่มากกว่านี้ อยากช่วยงานธรรมะในที่ที่มีองค์แม่อยู่ด้วย พระศรีอารยเมตตรัยอยู่ด้วย และสิ่งศักสิทธิ์ทุกพระองค์ตอนนี้ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์พร้อมใจช่วยงานเก็บรวม สามภพอยู่ในสายทองที่แท้จริงนี้แล้ว โทรหาผมได้ทุกเวลา 017866560 บรรพชนของท่านรอท่านอยู่ หรือที่เมลล์ก็ได้ครับ kongol_easy_law@hotmail.com จากคุณ : ดาญาณ - [ 3 มิ.ย. 51 13:09:18 ]

ความคิดเห็นที่ 67 คุณ : ธัญเรสาเหตุที่ผมยกเลิก ก็คุณเองเป็นคนบอกว่าคุยกันวันสุดท้าย  และผมก็คิดว่าไม่จำเป็นจะต้องติดต่อ ก็เลยยกเลิกยกเลิก request นี้ จาก Pending request ของคุณและอีกฝ่าย และไม่คิดจะโทรไปลบกวนเลยเรื่องนี้เรารู้กันอยู่แค่ 2 คน พระพุทธเจ้าของเราก็ยังมีเศษกรรม          เพราะเคยใส่ความนันทภิกขุ สาวกพระพุทธเจ้าสัพพาภิธู ว่าทำสตรีท้อง คถาคตจึงต้องท่องเที่ยวอยู่ในนรกตลอดกาลนาน หลายเหมื่อนปี เมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ถูกใส่ความมากด้วยกรรมเก่า ที่เหลือ นางจินจมาณวิกาสาวกเดียรถีย์ จึงได้ใส่ความตถาคต ว่าทำนางจนท้อง ด้วยคำไม่จริงต่อหน้าหมู่ชนฟังธรรมเป็นอันมาก โดยนางถูกจ้างวานจากอาจารย์เดียรถีย์ว่าให้แกล้งทำท้อง โดยเอา ผ้ากลึงไม้ผูกไว้ที่ท้อง แกล้งด่าพระผู้มีพระภาคเจ้าในที่ประชุมชน การฟังธรรม แต่เผอิญไม้ที่นางผูกไว้ถูกหนูกัดเชือกขาด จึงหลุดตก ลงพื้น ความจริงคือการโกหกจึงปรากฏ และถูกประชาทัณฑ์ถึงแก่ ความตายในที่สุด นี่ก็เป็นกรรมเก่าที่เคยใส่ความพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์ จากคุณ : ดาญาณ - [ 3 มิ.ย. 51 13:37:05 ]

ความคิดเห็นที่ 68 คุณ : ธัญเร" ไม่มีอะไรที่จะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับตัวเธอทำตัวของตัวเอง ให้เธอคิดเอาเอง..ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร ไม่มีอะไรที่จะทำร้ายเธอ ..ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ ถูกเขาทำร้าย..เพราะใจเธอแบกรับมันเอง.."คุณ : ธัญเร จากคุณ : ดาญาณ - [ 3 มิ.ย. 51 13:38:10 ]

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ : ธัญเร เคยมีใครสักคนได้บอกฉันมา        ว่าเวลาใครมาทำกับเราให้เจ็บช้ำใจ        ลองไปเก็บก้อนหินขึ้นมาสักอัน        ถือมันอยู่อย่างนั้นและบีบมันไว้ คุณ : ธัญเร        บีบให้แรงจนสุดแรง ให้มือทั้งมือมันเริ่มสั่น ใครคนนั้นยิ้มให้ฉัน ถามว่าเจ็บมือใช่ไหม คุณ : ธัญเร     คุณ : ธัญเร ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง      ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร      ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ      ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง คุณ : ธัญเร คุณ : ธัญเร     ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ได้เท่ากับเธอทำตัวของเธอเอง     ให้เธอคิดเอาเอง ว่าชีวิตของเธอเป็นของใคร     ไม่มีอะไรจะทำร้ายเธอ ถ้าเธอไม่รับมันมาใส่ใจ     ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอแบกรับมันเอง     ถูกเขาทำร้าย เพราะใจเธอรับไว้เอง คุณ : ธัญเร จากคุณ : ดาญาณ - [ 3 มิ.ย. 51 13:43:32 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ความสามารถ พิเศษ  เป็น  "นักร้อง" จากคุณ : ธัญเร - [ 3 มิ.ย. 51 15:55:09 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ไอ้ซ่นตีน ดาญาณ... เลิกกวนเขาเสียที!!!! จากคุณ : JitZungkabuai - [ 4 มิ.ย. 51 20:28:06 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ไปลงนรกที่นี่ ดาญาณ V V http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6674761/Y6674761.html จากคุณ : JitZungkabuai - [ 4 มิ.ย. 51 20:48:55 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โหย...กระทู้อย่างนี้ผลาดได้ไงวะเนี่ยเรา ด้วยความจริงใจนะครับ มิจฉาทิฐิ (ผมไม่ได้เอ่ยชื่อนะ) คุณพยายามของคุณต่อไปเถอะ ใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องไปพยายาม ทุกคนมีวิธีทางของตัวเอง คุณเชื่อในทางของคุณ ผมก็เชื่อในทางของผม อย่าไปรบกวนใครเขาอีกเลยนะ อยู่ข้างนอกนี่ล่ะดีแล้ว ในนั้นมันมืด จากคุณ : CG Guitar - [ 5 มิ.ย. 51 02:26:43 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร การติฉินนินทาผู้อื่นเป็นสิ่งที่ไม่ดี ไครทำกรรมเช่นไรผลกรรมย่อมได้เช่นนั้น ถ้าคุณดาญานเค้าทำสิ่งที่ไม่ดี ผลกรรมที่ไม่ดีย่อมส่งกลับไปเท่านั้น กรรมเป็นผู้ตัดสินค่ะ การที่คุณหลายคนไปตัดสินเค้า ว่ากล่าว หรือให้ร้ายเค้านั้น เป็นสิ่งที่ไม่ดีกรรมย่อมส่งผลกระทบกลับไปเท่ากันค่ะ ดิฉันว่าให้กรรมเป็นผู้ตัดสินดีกว่านะค่ะ เพราะเราไม่ใช่ผู้รู้เสมอไปหลอกค่ะ จากคุณ : แม่น้องเอดา (najar) - [ 5 มิ.ย. 51 03:19:54 ]

ความคิดเห็นที่ 75 อ้างว่าเป็นบัณฑิตแต่มักโกรธอย่างหนึ่งไม่ดีเลย JitZungkabuai จากคุณ : ดาญาณ - [ 5 มิ.ย. 51 08:39:48 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มีหลักฐานเรื่องเวียนว่ายตายเกิดในคำสอนของพระเยซูไหมครับ ถ้ามีนำมาโชว์ ถ้าไม่มีเท่ากับว่าคุณกำลังให้ร้ายพระศาสนจักรอยู่ครับ เรียนคุณ MichaeLPauL ผมสารภาพตามตรงว่าวันอาทิตย์ที่ 22 -6-51 ที่ผ่านมา  ผมไปค้นหาหนังสือเล่นนั้นแต่ไม่พบแล้ว              แต่ถ้าคุณ MichaeLPauL จะใช้พลังจิตตรวจสอบความรู้นอกตำราผมก็ยินดี เรื่องนี้เกิดที่วัดหลวงปู่ชอบสร้างเอาไว้ วัดป่าบ้านบง ผมได้มีโอกาสไปบำเพ็ญเพียร เพื่อน ๆผมได้เลือกกุฏิ  ที่พักก่อนหน้าผม ส่วนตัวผมเองมีสิ่งศักสิทธิ์ดนใจให้ไปได้กุฏิไม้ไผ่มุงแฝก มารู้เอาที่หลังว่าเป็นกุฎิที่หลวงปู่ชอบท่านมาภาวนา  พระในวันว่าเป็นกุฏิหลวงปู่ชอบ คุณ MichaeLPauL  ก่อนขึ้นกุฏิผมแสดงอาการกราบคารวะที่บันไดทางขึ้นกุฏิหลวงปู่ชอบ ผมมาอาศัยฝึกภาวนาไม่ได้คิดมาจับจองเป็นของตน  การภาวนาของผมก็เป็นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป                         จนมีอยู่คืนหนึ่งเดินจงกรมแล้วก็ขึ้นกุฏิเข้าที่ภาวนา ปรากฏว่าเห็นร่างตนเองนอนตายและจิตกำลังจะออกไปเที่ยวแต่บังคับไม่ให้จิตออกนอกกาย   จึงกำหนดดู  หนังเลือดเนื้อ ข้างในเป็นอะไร  ก็ปรากฏเป็นโครงกระดูก ตั้งคำถามเข้าไปอีกว่า ในโครงกระดูกมีอะไรอยู่ข้างในอีก ก็กลับคืนเป็นฝุ่นผงขี้เถ้า จึงเพ่งลงไปอีกที่ฝุ่นผงขี้เถ้าก็พบความจริง เป็นความว่างเปล่า ก็ ภาวนาตามปกติปรากฏภาพนิมิต  พระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลท่านไม่ได้บอกชื่อหรือนามท่านแต่ท่านก็ให้เรานั่งนิพพานให้ดู  และท่านยังแสดงอาการนิพพานในท่านั่งให้ดู  ท่านนั่งไปสักพักก็ล้มพับไป แล้วก็เปลี่ยนเป็นรูปเดิน เดินไปสุดทางจงกลม แล้วก็เดินมาถึงกลางทางจงกลมก็ล้มลงนิพพาน  จากนั้นเปลี่ยนเป็นรูปยืนท่านยืนได้สักพักหนึ่งก็ล้มลงกับพื้นกองกับพื้นดิน รูปนอนก็นอนตะแคงและก็หลับตานิพพานไปเลย  เกิดธรรมะสังเวชบงตกกับชีวิต ถ้าเวลาตายของเรามาถึงจะหลบไปตายในถ้ำด้วยรูปนั่งไม่ต้องการให้ใครมาพบมาเห็น จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 มิ.ย. 51 18:01:13 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ก่อนหน้านั้นที่จะถึงกิเลสนิพพาน ไม่ว่าจะเดิน ยืน นั่ง นอน  ก็จะมีฝนนี้เรียกว่าฝนโบกขรพรรษสีเม็ดน้ำฝน แดงเรื่อ เหมือนแก้วทับทิม ผู้ใดปรารถนาให้เปียกก็เปียก ผู้ไม่ปรารถนาแม้ละอองก็ไม่สัมผัสผิวกาย ตกกระทบกายแต่ไม่เปียกแต่ก่อให้เกิดความชุ่มชื่นเย็นของสายฝนที่ผัสผัสผิวกาย                         เป็นอยู่อย่างนี้นานทีเดียวนอนหลับเป็นเห็นเทพเทวาพากันมารดน้ำสังข์ ประกอบกับเห็นนิมิตรูปเจดีย์สีขาวล้อมรอบไปด้วยไม้กางเขน มีอักษรจารึกเป็นคำว่า เจดีย์พระคุณแม่ จนวันที่ผมทิ้งสำนักเดินทางไปหาวิเวกที่วัดป่าเขาเจริญธรรม  ผมก็ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาตั้งสัจจะไม่ทานข้าวทานแต่น้ำ      เร่งความเพียนเพื่อเผากิเลสให้หมดในชาตินี้   แต่ก็มีเรื่องที่เกิดขึ้นในวันที่ผมลงมาปักกลดข้างล้างกุฏิ ผมก็นอนภาวนาจนหลับดิ่งลึก   มาตื่นเอาตอนหูได้ยินเสียงปีกนกตีกับอะไรก็ไม่ทราบ เสียงปีกของนกตีถี่มาก จนผมต้องถอนจิตออกจากฌาน ลืมตาขึ้นดูก็เห็นนกกางเขน คู่หนึ่งบินลงมาจิกตีงูสิงที่เลื่อยมาทางกลดที่ผมปักอยู่           พอนกกางเขนเห็นว่าผมตื่นแล้ว  ผมก็เข้าใจทันที่ว่านกกางเขนเค้ามาให้ความคุ้มครองเราในขณะที่นอนภาวนา คุณ MichaeLPauL  ผมได้บอกขอบใจนกกางเขนที่เขามาปกป้องเราไม่ให้ได้รับอันตรายจากงูสิงตัวใหญ่  และผมก็ใช้ไม้กลดเขี่ยงูให้ออกพ้นทางจนมันเลื่อนเข้าไปในป่า        ผมมารู้ทีหลังคุณ MichaeLPauL ว่าผมไปปักกลดปิดทางเข้ารูของงูสิงตัวใหญ่ พ้นเรื่องงูไปผมก็มาพบเห็นวิญญาณจากนักซิ่งมอเตอร์ไซด์ตายคารถ ญาติก็เอามาฝากไว้ที่วัดผมก็ลงไปชักอนิจจา เวลา 2 ทุ่มก่อนเดินจากซากมอเตอร์ไซด์ก็เกิดวิตกว่า  ไม่มีชิ้นดีอย่างนี้ใครจะขับไปได้          กลางดึกสะงัดในฝันได้ยินเสียงวัยรุ่นมาตะโกนเรียกหน้ากุฏิ  หลวงพี่ ๆ ไปขี่มอเตอร์ไซด์เล่นกัน ผมก็ออกมาจากกุฏิอ้าวมอเตอร์ไซด์มันพังไปแล้ว  ทำไมมันอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ละ        วิญญาณก็บอกว่าคนที่ตายแล้วสามารถรวบรวมสสานและพลังงานที่อยู่รอบ ๆตัวเป็นวัตถุต่างๆได้อย่างสบาย แล้วผมกับวิญญาณก็นั่งรถไปเที่ยวพอมีบ้านขวางอยู่ข้างหน้าผีก็ไม่หลบพระก็ซ้อนท้ายไปพอสมควร ชนจะๆ กันเห็นๆ                       ก็กลายเป็นความว่างเปล่าขับไปแหวไปไม่มีสิ่งกรีดขวางหวาดเสียวไปหมด จนขับมาส่งที่หน้ากุฏิแล้วหมุ่นนักบิดเมืองผีก็กล่าวอำลาจากไป จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 มิ.ย. 51 18:01:29 ]

ความคิดเห็นที่ 78 หลังจากที่ผีนักซิ่งหายลับตาไปแล้ว  ก็สะดุ้งตื่นลุกออกมาเข้าทางจงกลมต่อ                         เดินไปก็พิจารณาธรรมะ ไปจนเป็นเช้าวันใหม่   ก็ไปวางดอกไม้จันทน์ให้ผีนักซิ่ง และก็ร่วมเผาจนเก็บกระดูก  และก็ขึ้นเขาไปปฏิบัติธรรมต่อแต่คืนนี้ว่าจะไม่เดิน เอาแค่นั่งสมาธิกับนอนภาวนาเท่านั้น    คืนนี้ได้รับคำตักเตือนจากจ้าวป่าเจ้าเขา มาให้ปัญญา  ท่าน ๆ  การอดนอนผ่อนอาหารเอาแค่พอดี อย่าทำให้มันเกินเลย   พุทธเจ้าในอดีตก็ไม่กิเลสนิพพานด้วยการอดอาหาร  สังขารต้องการอาหาร                       แม้แต่ผมก็ยังมีอาหารทิพย์ทาน  ส่วนท่านนั้นไม่พักผ่อนก็ไม่เป็นไรแต่ร่างกายต้องการอาหาร การภวนามันจึงจะเป็นไปในมรรคผล   เสียงเจ้าป่าท่านนี้ดังมาจากแท่นศิลาอาสน์ นั่งคู่กับมเหสีแต่งองค์ด้วยชุดกษัตริย์โบราณกำลังเสวยอาหารทิพย์อยู่บนฟ้าสวรรค์ที่แหวกเป็นชั้น ๆ ฟ้ามองมาที่โลกมนุษย์  บอกให้สติพระอยู่                       เมื่อตนพิจารณาตามก็เห็นว่ากำลังตกอยู่ในความประมาทตามคำบอกของบัณฑิตทางธรรม ก็ละความเพียรอันทำให้ตนลำบากเปล่า                       ลงจากเขาไปหามะกูดเชื่อมทานเพื่อให้ร่างกายได้มีกำลังกลับคืนมา   และก็ลงจงกลมต่อในขณะที่เดินไปก็คิดไปว่า อภิธรรมเจ็ดคัมภีร์ในครั้งพุทธกาล พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสด็จไปโปรดพุทธมารดา ได้ยกพระอภิธรรม ๗ คัมภีร์ เพื่อตอบแทนพระคุณของมารดา                        คุณ MichaeLPauL ผมก็ได้เอามาย่นย่อลงเหลือแค่การเข้าไปยึดมั่นถือมั่นในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่นในความเป็นมนุษย์ สัตว์สิ่งของมันจึงผิดวิมุติที่พ้นสมมุติบัญญัติ                       เมื่อปัญญาญาณสามารถแยกสมมุติบัญญัติจริงตามสมมุติ   วิมุติตามจริงวิมุติออกจากกัน เป็นเอกเทศก็ลงจากทางจงกลมเดินขึ้นกุฏินั่งภาวนาจนได้นิมิตในระนาบเดียวกันกับผู้มีความบริสุทธิ์หลุดพ้นไปแล้วก่อนหน้าพระ  เสียงหัวเราะกับคำแสดงความชื่นชม ดังเข้ามาในกุฏิ  หุหุหุ  พระอมิตาภะรูปนี้นั่งตรัสรู้ไม่เหมือนใคร และมีเสียงกำชับว่ารู้รึยังว่าท่านเป็นใคร ผมรู้สึกได้ถึงเสียงที่ตั้งคำถามเสียงที่ทรงอำนาจนั้น ผมตอบว่าไม่รู้ครับ เสียงนั้นก็นำทางกระแสจิตอีกว่า ระลึกดี ๆ ว่าท่านเป็นใคร คุณ MichaeLPauL ผมพยายามระลึกชาติจนทำใจให้นิ่งได้แล้ว ก็มองเห็นภาพเบื้องหน้าเป็นพระเยซูคริสต์ แขวนบนไม้กางเขน การเห็นเห็นเป็นภาพ 3 มิติ    มีรูปที่ตรึงกับไม้กางเขน  กับภาพนั่งคุกเข่าลงบนก้อนหินสวดภาวนาและภาพยืนภาวนา   ส่วนภายไต้ไม้กางเขนลงมา  มีลูกแกะแยกออกจากความมืด  และก็มีเสียงกำกับว่า รู้ภพชาติของตนแล้วซินะผมตอบว่าทราบแล้วครับว่าผมเป็นพระเยซูคริสต์กลับมาเกิด                      และพร้อมกับคำเชิญชวนให้ออกมาข้างนอกจะพาไปดูของดีและผมก็เดินลงมาหาเจ้าของเสียงที่ทรงพลังทันใดนั้นผ้าม่านที่มีคนหามเกี้ยว ก็เปิดออกให้เห็นใบหน้า  ที่แท้เกี้ยวหามหลวงปู่มั่น ภูริทัตโตท่านเรียกให้เข้าไปนั่งกับท่านพอท่านพูดจบ ตัวผมก็เข้าไปนั่งในเกี้ยวหามพร้อมท่านพระอาจารย์มั่น คนหามเกี้ยวก็ทะยานออกจากป่าเดินเหินอากาศจนมาลงที่อำเภอหนองไผ่และท่านอาจารย์มั่นกับผมก็ลงจากเกี้ยวและท่านก็ชี้ให้พระดู ขุมทองคำอยู่ไต้พสุธาเป็นทองคำทั้งสิ้นดูแล้วก็ไม่ได้เกิดความโลภขึ้นมาเลย  และท่านก็พาเดินดูทรัพย์ไต้ดินจนได้เวลากลับท่านก็บอกให้คนหามเกี้ยวพระไปส่งพระที่กุฎิและท่านก็ลาจากไปพร้อมกับคนหามเกี้ยวพระ                      เมื่อท่านอาจารย์มั่นจากไปไม่นานก็มองเห็นพระเดินออกมาจากทะเลทราย แล้วท่านก็บอกว่า ผมพระพระมหากัสสปะ ทราบว่าท่านพ้นทุกข์เข้าถึงแดนอำมตะแล้วก็เลยนำเอาพระอบทองคำที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุมามอบให้ท่านเก็บรักษา ก่อนผมจะกลับไบในทีที่ผมมาผมก็จะมอบหนังของผมให้ท่านไป ผมมาพบความหมายของหนังไม่ยึดติดตัวอักษรคัมภีร์     แต่ก็ไม่ทิ้งตัวอักษรคัมภีร์     อยู่เหนือการยอมรับ และเหนือการปฏิเสธ     นั่นแหละ คือ ธรรมะที่แท้จรง                        คุณ MichaeLPauL และพระพระมหากัสสปะก็เดินทางเข้าทะเลทรายห่างออกไป ๆจนลับตาผม แก้ไขเมื่อ 24 มิ.ย. 51 09:50:44 จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 มิ.ย. 51 18:02:07 ]