ความคิดเห็นที่ 1 ให้ลองอ่าน เรื่อง   พระวักกลิเถระ  เอตทัคคะในทางศรัทธาวิมุตติ ย่อ ๆ สั้น ๆ  คือ พระวักกลิ เป็นผู้มีนิสัยหนักไปในทางราคจริตรักสวยรักงาม พอได้เห็นพระรูปโฉมอันสง่างามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็เกิดศรัทธาเลื่อมใสและรักใคร่ไม่รู้จักเบื่อหน่าย ในที่สุดก็คิดได้ว่า "ถ้าเราบวชก็จะได้ตามดูพระวรกายของพระพุทธองค์ ได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา" เมื่อคิดได้ดังนี้จึงขออุปสมบทในพระพุทธศาสนา พระบรมศาสดาก็ประทานให้สมประสงค์ แต่เมื่อท่านบวชแล้ว ก็ไม่ได้ศึกษาพระธรรมวินัย ไม่มีสาธยายท่องบ่นไม่บำเพ็ญเพียรกรรมฐาน ทุกวันมีแต่มัวเมาในพระรูปพระโฉมของพระพุทธองค์ มิได้เว้น   พระพุทธองค์ทรงเตือนก็ไม่ฟัง พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงมีดำริว่า "ภิกษุนี้ ถ้าไม่ได้รับความสลดใจเสียบ้าง ก็จะไม่ได้บรรลุมรรคผลอะไรเลย" ครั้นมีพระดำริอย่างนี้ จึงไล่ให้พระวักกลิออกจากหมู่ไป พระวักกลิ จึงจะไปกระโดดเขาตาย พระพุทธองค์ทรงติดตามดูวารจิตและการกระทำของของเธอตลอดเวลา จึงปรากฏพระองค์มาห้าม และตรัสปลอบใจด้วยธรรมกถา เมื่อพระวักกลิข่มใจลงได้ และพิจารณาถึงธรรม ก็ได้บรรลุพระอรหันตผล ด้วยความที่ท่านเป็นผู้มีศรัทธาอย่างแรงกล้า อาศัยศรัทธาเป็นสื่อนำ จนสามารถบรรลุพระอรหันต์ได้ พระบรมศาสดา จึงทรงยกย่องท่านในตำแหน่งเอตทัคคะ เป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายในทาง ศรัทธาวิมุตติ คือ ผู้หลุดพ้นจากกิเลสด้วยศรัทธา จะเห็นได้ว่า ถ้าผู้ชายถึงแม้จะมีจริตไปทางรักสวยรักงามก็สามารถที่จะบวชในทางพระพุทธศาสนาได้ ทั้งยังสามารถบรรลุพระอรหันต์ได้อีก แต่สำหรับ กะเทย คือผู้ที่มี 2 เพศในคนคนเดียว ไม่สามารถที่จะบวชได้ เพราะมีพระวินัยกำหนดชัดแน่นอน สำหรับคนที่แปลงเพศมา ไม่ว่าจะแปลงไปอะไรไปแล้วก็ตาม ตามความเห็นส่วนตัวของผม ไม่สามารถที่จะบวชเป็นภิกษุได้ครับ แต่การที่ไม่ได้บวชเป็นภิกษุ ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถบรรลุธรรมได้นี่ครับ เป็นฆราวาสก็สามารถ บรรลุธรรมถึงพระอรหันตผล ได้เช่นกัน สรุป คำถาม - การบวช ห้ามกะเทย(มี 2 เพศ ในคนคนเดียว)ครับ อาจจะเป็นเพราะระบุไม่ได้ว่าจะให้บวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี ดี - หากเป็นชายรักชาย ที่ยังไม่ได้แปลงเพศ มีอวัยวะครบถ้วน สามารถบวชเป็นภิกษุได้ครับ เทียบได้จากเรื่องของ พระวักกลิ ครับ จากคุณ : ดอกต้อยติ่ง - [ 18 มิ.ย. 51 18:28:45 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อ่านความเห็นที่ 1 แล้ว เป็นการเสริมความเข้าใจในเรื่องกะเทยได้ดีมากๆ เลยครับ    ผู้ชายที่มีลักษณะท่าทางกระตุ้งกระติ้ง รักสวยรักงาม และมีใจอยากเป็นหญิง  พวกนี้ไม่ได้ถูกห้ามบวช เพราะไม่ใช่กะเทยแท้ๆ ที่เกิดจากกรรม  แต่เป็นเพราะมีการสั่งสมความชอบพอมาอย่างนั้นในชาติก่อนๆ หลายๆ ชาตินับไม่ถ้วน สั่งสมมาทีละเล็กละน้อย  จนมีพละกลายเป็นอุปนิสัยให้ส่อไปทางรักสวยรักงาม อยากเป็นหญิง แต่งหญิง มีใจชอบพออยากเป็นหญิง และรักผู้ชายด้วยกัน กะเทยแท้ที่ห้ามบวชในศาสนาพุทธจะต้องเป็นกะเทยที่มีเครื่องหมายเพศอยู่ในตัว 2 อย่าง คือมีเครื่องหมายเพศชายและหญิงรวมอยู่ในตัว แต่ว่ามีเพียงภาวะรูปเดียวเท่านั้น เรียกพวกนี้ว่า อุภโตพยัญชนก   ถ้ามีภาวะรูปชาย มีท่าทางเป็นแมน แต่มีเครื่องเพศทั้งชายและหญิง ก็เรียกว่า "ปุริสอุภโตพยัญชนก"  แต่ถ้ามีภาวะรูปหญิง มีท่าทางเป็นหญิง ส่อไปทางหญิง ก็เรียกว่า "อิตถีอุภโตพยัญชนก" แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 51 19:09:19 จากคุณ : ทนายที่รัก - [ 18 มิ.ย. 51 19:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 3 "บัณเฑาะก์ กะเทย, คนไม่ปรากฏว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง ได้แก่กะเทยโดยกำเนิด ๑ ชายผู้ถูกตอนที่เรียกว่าขันที ๑ ชายมีราคะกล้าประพฤตินอกจารีตในทางเสพกามและยั่วยวนชายอื่นให้เป็นเช่นนั้น ๑" ที่มา : http://www.dhammathai.org/buddhistdic/leaf135.php และจากพระวินัยปิฏก "เรื่องห้ามบัณเฑาะก์มิให้อุปสมบท" ความโดยย่อว่า พระผู้มีพระภาครับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนุปสัมบัน คือ บัณเฑาะก์ ภิกษุไม่พึงให้อุปสมบท ที่อุปสมบทแล้วต้องให้สึกเสีย. ที่มา : http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=4&A=3481&Z=3608&pagebreak=0 แปลได้ตรงตัวเลยครับว่า บัณเฑาะก์ห้ามบวช ทีนี้ถ้าปิดเรื่องแล้วไปบวช ผลจะเป็นเช่นไร ก่อนอื่นเลย หากบวชเป็นหมู่คณะ แล้วมีผู้ต้องห้ามอยู่ด้วย นั่นก็แปลว่า การบวชทั้งคณะครั้งนั้น เสียทั้งหมดทันที ต่อจากนั้น หากมีสังฆกรรมใดๆก็ตาม จะต้องเป็นผู้ที่มีศีลเสมอกันจึงจะทำให้สังฆกรรมนั้นสมบูรณ์ เมื่อบวชไม่สำเร็จแล้ว ก็ไม่ใช่สมมติสงฆ์ ดังนั้น จึงไม่ได้ถือศีลเสมอกัน (อนุปสัมบัน) ก็แปลว่า สังฆกรรมก็เสียทุกครั้ง ดังนั้น ผู้ที่เป็นบัณเฑาะก์นั้น หากบวชไปแล้ว ยังแต่จะทำให้เกิดบาปของตนเองแต่ฝ่ายเดียว เพราะว่าจะเป็นการเบียดเบียนคณะสงฆ์ทันที พระวักกลินั้น ท่านรักเพราะศรัทธา ไม่ได้รักฉันท์ชู้สาวนะครับ ทีนี้ เรื่องศีลนั้น มีอยู่ข้อหนึ่ง ห้ามเรื่องการสัมผัสเพศตรงข้าม เพื่อหลีกเลี่ยงความกำหนัด หากใจเบี่ยงเบนบวช แล้วสัมผัสกายพระรูปงาม ถามว่า ศีลขาดไหม? คนเลี่ยงบาลีน่ะ เยอะนะครับ เพื่อพระศาสนาครับ ดำรงสติ อยู่กับบ้าน ก็ได้ชื่อว่าวิปัสสนาแล้วครับ จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 18 มิ.ย. 51 22:15:11 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ^ ^ เอ้อ คุณ Maxymillion ครับ งั้นอย่างนี้หลวงพ่อจรัญ ท่านก็ทำผิดหรือเปล่าครับ ที่ชักชวนคนเป็นบัณเฑาะก์ ให้เข้ามาบวชน่ะครับ ชักสับสนครับ จากคุณ : นายหัวเห็ด - [ 18 มิ.ย. 51 22:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 5 บัณเฑาะก์-กะเทย "บัณเฑาะก์" มาจากคำว่า "ปณฺฑก" หมายถึง ผู้ที่มีเครื่องหมายของบุรุษหรือสตรีเพศขาดตกบกพร่องไป หรือที่เราท่านทั้งหลายเรียกบุคคลประเภทนี้ว่า “กะเทย" แบ่งออกเป็น ๕ จำพวก ได้แก่ ๑.นปุงสกบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่ไม่ปรากฏเพศ (คือ มีรูปร่างลักษณะสัณฐานเป็นชาย แต่ไม่มีอวัยวะเพศ) มีเพียงแต่ช่องปัสสาวะเท่านั้น อีกทั้งไม่สามารถประกอบกิจได้ดั่งบุรุษเพศโดยทั่วไป   ๒.อาสิตตกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เมื่อมีความกระวนกระวายด้วยอำนาจกามราคะขึ้นแล้ว กระทำโอษฐ์กามกับบุรุษอื่น ครั้นดูดกินซึ่งน้ำอสุจินั้นแล้ว จึงระงับความกระวนกระวายลงได้   ๓.อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน ๔.โอปักกะมิกะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยที่เป็นโดยการถูกตอน เพื่อไม่ให้เกิดความกำหนัดยินดี อาทิ พวกขันทีในสมัยโบราณ (กะเทยจำพวกนี้ มิได้เป็นมาแต่กำเนิด) และ ๕.ปักขะบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อเวลาข้างแรม (กาฬปักษ์) มาถึง มักเกิดความยินดี และกระวนกระวายในกามด้วยอำนาจอกุศลกรรม ทั้งนี้ พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช ป.ธ.๙ และราชบัณฑิต) ได้อธิบายความหมายของคำว่า "บัณเฑาะก์" ไว้ในพจนานุกรรมเพื่อการศึกษาพระพุทธศาสน์ ชุด "คำวัด" ไว้ว่า   บัณเฑาะว์ (บัน เดาะ) ได้แก่คน ๓ ประเภท คือ ๑.ชายผู้ประพฤตินอกรีตในทางเสพกาม (ผู้มีราคะจัด) ๒.ชายผู้ถูกตอน หรือ ขันที และ ๓.กระเทยโดยกำเนิด (ผู้ไม่ปรากฏว่าชายหรือหญิง)  บัณเฑาะก์ ในทางพุทธศาสนาถือว่า เป็นอภัพบุคคล คือ บุคคลผู้ไม่สมควรอุปสมบทเป็นภิกษุ ถูกห้ามบวช และห้ามพระอุปัชฌาย์บวชให้เด็ดขาด ถ้าพระอุปัชฌาย์ฝ่าฝืน ย่อมมีความผิด ถึงให้ถอดถอนออกจากตำแหน่งพระอุปัชฌาย์ ตามกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ http://www.tumsrivichai.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538681744&Ntype=40 จากคุณ : wichaphon_me - [ 19 มิ.ย. 51 00:31:16 ]

ความคิดเห็นที่ 6 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑ เรื่องห้ามบัณเฑาะก์มิให้อุปสมบท             [๑๒๕] ก็โดยสมัยนั้นแล บัณเฑาะก์คนหนึ่งบวชในสำนักภิกษุ. เธอเข้าไปหาภิกษุ หนุ่มๆ แล้วพูดชวนอย่างนี้ว่า มาเถิดท่านทั้งหลาย จงประทุษร้ายข้าพเจ้า. ฯลฯ เรื่องห้ามอุปสมบทอุภโตพยัญชนก             [๑๓๒] ก็โดยสมัยนั้นแล อุภโตพยัญชนกคนหนึ่งได้บวชในสำนักภิกษุ. เธอเสพ เมถุนธรรมในสตรีทั้งหลาย ด้วยปุริสนิมิตของตนบ้าง ให้บุรุษอื่นเสพเมถุนธรรมในอิตถีนิมิต ของตนบ้าง.... เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๔  บรรทัดที่ ๓๔๘๑ - ๓๖๐๘.  หน้าที่  ๑๔๑ - ๑๔๖. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka1/v.php?B=4&A=3481&Z=3608&pagebreak=0 จากคุณ : wichaphon_me - [ 19 มิ.ย. 51 00:37:32 ]

ความคิดเห็นที่ 7 จากความเห็นที่ 5 และ 6 ผมคิดว่า บัณเฑาะก์ = เกย์ควีน ตุ๊ด ส่วน เกย์คิง เสือไบ ไม่จัดเป็นบัณเฑาะก์ น่าจะบวชได้นะครับ อุภโตพยัญชนก = คนที่มีทั้งอวัยวะเพศชาย และ เพศหญิงในคนเดียวกัน ถูกผิดอย่างไรลองวินิจฉัยกันดูนะครับ จากคุณ : wichaphon_me - [ 19 มิ.ย. 51 00:42:49 ]

ความคิดเห็นที่ 8 เกย์คิงเกย์ควีนจัดเป็น ๒.อาสิตตกะบัณเฑาะก์ ชัดเจน และเสือไบพอจะจัดไปเป็น อุภโตพยัญชนกโดยพิจารณาจากเจตนา เจตนาคือกรรม พิจารณาจากพระสูตรแล้วทั้งคู่บวชไม่ได้ครับ จากคุณ : EndEarth - [ 19 มิ.ย. 51 02:28:58 ]

ความคิดเห็นที่ 9 อุภโตพยัญชนก นี่น่าวิเคราะห์  จะบอกว่าเป็นคนที่มีอวัยวะทั้งสองเพศได้หรือไม่ เพราะโดยปกติคนที่มีสองอวัยวะของคนกลุ่มนี้พัฒนาไม่เต็มที่ ในส่วนของอวัยวะเพศชายนั้นผมไม่แน่ว่าใช้งานได้ในลักษณะแบบปกติหรือเปล่า พวกอัณฑะก็อาจจะฝ่อ ไม่ผลิตฮอร์โมนเท่าที่ควร เรียกว่าโดยทางร่างกายเนี่ยโอกาสทำให้เกิดสิ่งเร้าเป็นไปได้ยาก คาใจตรง อุสสูยบัณเฑาะก์ ตีความยังไง ก็หมายถึงพวกที่ดูหนังโป๊นี่หว่า อูย ผิดกนบานเลยมั้ง นั่น จากคุณ : Panda-baker - [ 19 มิ.ย. 51 03:03:04 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่ได้ช่วยอะไร แต่เข้ามา งง ครับ จากคุณ : ever rich - [ 19 มิ.ย. 51 03:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน นั่นสิครับอ่านแล้วชายแท้หลายคนก็เข้าข่ายนี้นะครับ แล้วจะบวชได้หรอครับ ปัญหาก็คือยังไม่มีใครตอบคำถามผมเลยว่า ตกลงแล้ว ทำไมหลวงพ่อจรัญ ถึงอนุญาตให้เกย์บวชได้ครับ ผมว่ามันน่าจะมีข้อยกเว้นอะไรหรือเปล่า เพราะพระอย่างหลวงพ่อจรัญเป็นพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบอยู่แล้ว น่าจะมี เหตุผลพิเศษนะครับ จากคุณ : นายหัวเห็ด - [ 19 มิ.ย. 51 08:27:47 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบ คห.4 =========================================== เอ้อ คุณ Maxymillion ครับ งั้นอย่างนี้หลวงพ่อจรัญ ท่านก็ทำผิดหรือเปล่าครับ ที่ชักชวนคนเป็นบัณเฑาะก์ ให้เข้ามาบวชน่ะครับ ชักสับสนครับ =========================================== เรื่องนี้ผมไม่ทราบว่า เป็นจริงหรือไม่ประการใดครับ ถ้าหลวงพ่อจรัญไม่ยืนยัน ผมก็ยังไม่เชื่อครับ ถึงอย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือ เมื่อมีรายที่ 1 ต้องมีรายต่อไปตามมา แล้วมีผู้มีใจเบี่ยงเบนบวชมากๆเข้า ถึงจะประพฤติตนดีแค่ไหน หมู่ชนก็ยังสามารถหาเรื่องติเตียนได้ แล้วจะกล่าวไปใยในกรณีประพฤติตนไม่ดี ดังที่กล่าวไว้แล้ว ผมจึงไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง กับการที่จะมีผู้เบี่ยงเบนมาบวชครับ จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 19 มิ.ย. 51 08:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ตามความเห็นส่วนตัวของผม พระวักกลิไม่ใช่ตุ๊ดนะครับแต่เป็นพวกอาร์ติ๊สท์ที่หลงในปฏิมากรรมหรือรูปวาดอะไรประมาณนั้น คือหลงในรูปร่างของพระพุทธเจ้าเพราะความสง่างาม แต่กระเทยปัจจุบันนี้เขาไม่ได้หลงในความสง่างามของผู้ชายแต่เขาต้องการเสพกามกับผู้ชายมากกว่าเขาไม่ได้หลงหน้าตาแต่ต้องการอย่างอื่น แค่ข่าวที่ออกมาตามสื่อในปัจจุบันก็น่าจะบอกได้แล้วว่าสมควรหรือไม่สมควร คุณลองนึกภาพของคนที่คุมสติไม่ได้ไปคลุกคลีกับหมู่สงฆ์วันดีคืนดียับยั้งชั่งใจไม่อยู่ออกลายตุ๊ดขึ้นมา ดูได้ที่ไหน แต่ในความเป็นจริงทุกวันนี้ก็มีแล้ว เยอะ ด้วย ปาราชิกหมู่กันไปเยอะแล้วด้วยที่ยังอยู่ได้เพราะชาวบ้านเขาไม่อยากยุ่งด้วย (และเป็นสาเหตุหนึ่งที่ชาวบ้านเริ่มห่างวัด) ตามความคิดเห็นส่วนตัวของผม กลุ่มกระเทยไม่ว่าจะรุ่นใหญ่หรือรุ่นฝึกหัดอย่าบวชดีกว่าครับ ปฏิบัติธรรมทำได้เลยครับไม่ต้องพิธีรีตอง ศาสนาอาจอยู่ได้ถึง 5000 ปีจริงแต่นึกสภาพไม่ออกว่าจะเป็นแบบไหนเหมือนกัน จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 19 มิ.ย. 51 11:15:51 ]

ความคิดเห็นที่ 14 อ่างั้นขอถามต่อนะครับ คำว่าเบี่ยงเบนนี่หมายถึง บัณเฑาะก์ ถูกไหมครับ ดังนั้น อุสสูยบัณเฑาะก์ ก็ไม่ควรบวชเช่นกันใช่ไหมครับ นั่นคือ ถึงแม้จะมีจิตใจเป็นชายปกติ แต่หากชอบดูหนังโป๊ (ดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน) ก็ไม่ควรบวชเช่นกันถูกไหมครับ เพราะในที่นี้คุณ SomeoneFromKK ได้ใช้การคุมสติไม่ได้ เป็น เงื่อนไขในการพิจารณาว่าสมควรเข้าบวชหรือไม่ เพราะข่าวสมัยนี้ ออกมาก็รู้แล้วครับ ว่ามีคนใส่ผ้าเหลืองดูหนังโป๊ คนใส่ผ้าเหลืองเสพเมถุนกับสีกา โดยเฉพาะข่าวแบบนี้มีมากกว่าข่าวคนห่มผ้าเหลืองที่เป็นกระเทยหลายเท่า (ข่าวคนห่มผ้าเหลืองที่เป็นกระเทย เพิ่งมีช่วงไม่กี่เดือน ในขณะที่ข่าว คนห่มผ้าเหลืองเสพเมถุน ดูหนังโป๊ มีมานานหลายสิบปีแล้ว) และ เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนห่างวัดด้วย แถมเป็นสาเหตุที่เกิดประจำกว่าด้วย แต่ทีนี้ในเมื่อเราเหมารวมว่ากระเทย จะต้องชอบทำอนาจารกับผู้ชายทุกคน โดยเกิดจากการคุมสติไม่ได้ เราก็ควรจะเหมารวมว่าผู้ชายชอบดูหนังโป๊ และ ชอบข่มขืนผู้หญิงทุกคน โดยเกิดจากการคุมสติไม่ได้ เช่นกัน เอ่อ ไม่ได้กวนนะครับ แต่ผมคิดว่าหากจะไม่ให้บัณเฑาะก์บวช ก็ควรจะห้ามทุกประเภท ถูกไหมครับ เพื่อความบริสุทธิ์ ของพระศาสนา จะบอกว่า บัณเฑาะก์ประเภทนี้(อุสสูยบัณเฑาะก์) ตรวจสอบไม่ได้ เพราะไม่แสดงอาการ (ว่าชอบดูหนังโป๊) ก็ต้องตอบด้วยเหตุผลเดียวกันว่า หากรู้ตัวว่าเป็นคนชอบดูหนังโป๊แล้วล่ะก็ไม่ควรจะมาบวชให้เสื่อมเสียเลย ถูกหรือเปล่าครับ ไม่ได้หวังว่าจะบิดเบือนกฏนะครับ แต่ไหน ๆ จะมีกฏก็ควรจะให้มันใช้บังคับ กับทุกคนครับ ไม่ใช่ใช้กับบางกลุ่มที่เปิดเผยตัวเพียงกลุ่มเดียว จากคุณ : นายหัวเห็ด - [ 19 มิ.ย. 51 12:04:33 ]

ความคิดเห็นที่ 15 นายหัวเห็ด เราก็คิดเหมือนคุณนะ ผู้ชายดูหนังโป๊ เรียกว่า ร้อยทั้งร้อยเลยก็ว่าได้ เราไม่เชื่อว่าผู้ชายคนไหนไม่เคยดูหนังโป๊คะ แต่คนเป็นเกย์กะเทย มียังพอมีให้เห็นว่า พวกปกติเรียบร้อย พวกไม่บ้ากามราคะจัดเหมือนผู้ชายก็มาก คำว่าบัณเฑาะก์ ไม่ได้แปลถึงการแสดงอาการตุ้งติ้ง แต่หมายเอาพวกมีกามราคะจัด อันที่จริงที่ศาสนาเสื่อมอยู่ทุกวันนี้ ก็อาจเป็นเพราะอุสสูยบัณเฑาะก์ นี่แหละตัวการหลัก จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 19 มิ.ย. 51 12:32:36 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ออกตัวก่อนว่า ผมตอบกระทู้คุณนายหัวเห็ด ในมุมมองของชาวบ้านธรรมดานะครับไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ เป็นความเห็นส่วนตัวล้วนๆ (ผู้ปรกครองควรพิจารณา) อ้างอิงจาก #6 "อุสสูยบัณเฑาะก์ หมายถึง กะเทยซึ่งเมื่อได้โอกาสแอบดูบุรุษและสตรีร่วมเสพกามรสกัน" ผมคิดว่าผู้ชายดูหนังโป๊ไม่จัดอยู่ในข่ายนี้ครับเพราะมันไม่ได้ "แอบ" คือ  ผมตีความว่าไม่ใช่อุสสูยบัณเฑาะก์ครับ อย่างไรก็ตาม ถ้าใครมีราคะจัดจนถึงระดับควบคุมสติไม่อยู่ก็ไม่ควรบวชครับไม่ว่าจะเป็น ชาย หญิง หรือ กระเทย ถึงบวชได้โอกาสปาราชิกมีสูงมาก แต่ประเด็นคือ degree ของความมีราคะจัดเป็นปริมาณที่วัดจากภายใน การดูภายนอกไม่สามารถประเมินได้ ยังไงผมก็มองว่ากระเทยน่ากังวลมากกว่าเพศอื่น ส่วนเรื่องพระมั่วสีกากับพระกระเทยในสังคมไทยนั้น มีมาในระยะเวลาเท่าๆกันครับ แต่ข่าวสมีจะขายได้ดีกว่า ส่วนข่าวพระกระเทยมีอยู่เรื่อยๆแต่สื่อไม่เล่นต่อเนื่องเพราะขายข่าวไม่ได้ (คงเป็นเพราะว่าคณะสงฆ์จัดการได้ง่ายกว่ากรณีแรก) ยอมรับว่ามีอคติกับเพศที่สามอยู่ในระดับหนึ่ง ดังนั้นผมจะหยุดออกความเห็นเรื่องของคนกลุ่มนี้เอาไว้แค่นี้เดี๋ยวจะเป็นบาปติดตัว เป็นเวรเป็นกรรมต่อกันในอนาคต ที่เหลือก็ปล่อยไปตามกรรมของสัตว์โลกก็แล้วกัน แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 51 13:43:00 จากคุณ : SomeoneFromKK - [ 19 มิ.ย. 51 13:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ^ ^ เอ้อ... ผมว่าการไม่ "แอบ" นี่หนักกว่า "แอบ" อีกนะเนี่ย มันดูเหมือนว่าจงใจทำทั้ง ๆ ที่รู้ว่าผิดอ่ะครับ แอบนี่มันเหมือนจะดูตรง ๆ ก็กระไรอยู่ ยังรู้สึกกระดาก ๆที่จะดูอย่างเปิดเผยน่ะครับ รอท่านอื่นมาแสดงความคิดเห็นต่อละกันครับ จากคุณ : นายหัวเห็ด - [ 19 มิ.ย. 51 14:26:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 มีแต่พวกมือถือสากปากถือศีล ตาดูหนังโป๊ จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 19 มิ.ย. 51 16:07:48 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เข้ามา งง อีกรอบ กับการจัดประเภท ของ เพศ พิเศษ 555+ หนังโป๊ หรือ ภาพอนาจาร ทั้งหลายแหล่ ก็มีประโยชน์นะท่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ต้องการทดสอบ ว่า เป็นพระอนาคามี หรือยัง ใช้ในทางที่ถูก มันก็เป็นประโยชน์ ใช้ในทางที่ผิดก็ยิ่งเพิ่มตัณหาครับ จากคุณ : ever rich - [ 19 มิ.ย. 51 23:37:11 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ^ ^ ^ ท่านข้างบน เคยทดสอบว่าอนาคามีแล้วหรือยังแหงเลย ^ ^ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 มิ.ย. 51 09:03:21 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คุณ ever rich ขา งั้นพระอนาคามีสมัยก่อนนี่ต้องไปปีนบ้านแอบดูเค้ามีเซ็กซ์กันงั้นสิ จากคุณ : นางฟ้าเซเลส - [ 20 มิ.ย. 51 11:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 22 อะนะหลังคามี ปีนไปดูลงมาไม่ได้ กลายเป็น อรแห้ง นิพพัง บนหลังคาฯ จากคุณ : จิตเปื่อยยุ่ยยย (JitZungkabuai) - [ 20 มิ.ย. 51 13:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้เริ่มออกทะเลจาก ชายรักชาย กลายเป็นดูหนังโป๊ + พระอนาคามี 555+ ขออนุญาต จขกท. ด้วยนะครับ ผมยังไปไม่ถึงหรอก พระอนาคามี เพราะมีเครื่องบ่งชี้อยู่ 555+ ที่ผมเล่าว่า ภาพโป๊ สามารถใช้ให้เกิดประโยชน์เพราะมี ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่ง สมัยที่ท่านยังเป็นฆราวาส ท่านทดสอบตัวเอง ด้วยการไปหาซื้อหนังสือโป๊ ครับ เพื่อความมั่นใจร้อย % จึงต้องทำแบบนี้ ส่วนในอดีตผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า  มีการปีนหลังคาบ้านหรือเปล่า 555+ ท่านจิตฯ ทำให้ผมขำ นะท่าน 555+ จากคุณ : ever rich - [ 21 มิ.ย. 51 00:07:58 ]

ความคิดเห็นที่ 24 คิดว่าถึงจะเป็นชายแท้แต่ถ้าบวชไปแล้วไม่สำรวม ผิดวินัย ฯลฯ อันไม่ควรกระทำ ก็ผิดมากกว่า เกย์ทั้งหลายที่บวชไปแล้วปฏิบัติตนได้ดี ไม่นอกลู่นอกทาง (เคยได้ยินมาอย่างงี้อีกทีอ่ะ) จากคุณ : SunToRy - [ 26 มิ.ย. 51 23:03:42 ]