ความคิดเห็นที่ 1 (๑)ชาวพุทธใดที่มีความคิดเรื่อง..(คงจะ)ต้องแก้ไขปรับปรุงพระไตรปิฏกกัน ขนานใหญ่กระมัง.... ...ไม่ น่าจะแตกต่างไปจาก กรณี ....หัวหน้ารัฐบาลเสนอเรื่องรัฐธรรมนูญไม่ดี ต้องแก้ไข (เพราะ ฯลฯ) (๒) ถึงเวลาแล้วที่ต้องจัดการแก้ไขปัญหาพระพุทธศาสนาที่เกิดมาจาก พุทธบริษัทใดนั้น โดยไม่ต้องแก่ไข ธรรมวินัยตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎกตามที่พระเถระ ครั้งปฐมสังคายนาท่านรักษาสืบมา (๓) ไม่ต้องแก้ไข พระไตรปิฎก รักษาไว้เหมือนเดิม (๔) ที่ต้องแก้ไขทันทีฯลฯ คือ ผู้ที่ทำให้ "ธรรมวินัยตามที่ปรากฎในพระไตรปิฎกตามที่พระเถระ ครั้งปฐมสังคายนาท่านรักษาสืบมา" บิดเบี้ยว ฯลฯ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) - [ 15 ก.ค. 51 07:27:12 ]

ความคิดเห็นที่ 2 คุณ : ดาญาณ ................................... หายไป..................................หนาย..................... ????? ตั้งทนาย............................... มาแก้ต่าง ................เร็ว !!!!! แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 09:27:22 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 15 ก.ค. 51 09:22:49 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ขอโอกาสครับ คุณ kongsilp2000 เราคือบุคคลที่ชาวโลกรอคอย ยุคพระศรีอาริยเมตไตรย ปัจจุบันนี้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากสมัยอดีตอยู่มาก เมื่อมีความเจริญทาง วัตถุและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นเพื่อสนองความต้องการของมนุษย์มากขึ้นเท่าไหร่ ความเจริญทางด้านจิตใจกับลดน้อยลงไปทุกทีๆ ทั้งนี้เนื่องจากอะไรเป็นต้น เหตุ ผู้คนเข้าวัดน้อยลง คิดเพียงว่าไปทำบุญ ตักบาตร ถวายพระสงฆ์แล้วเพียง แค่นั้นก็ได้บุญหรือคิดเพียงเป็นการสะเดาะเคราะห์ต่อดวงชะตา เสริมบารมี เหมือนอย่างที่เป็นข่าวให้ได้เห็นการอยู่เรื่อยๆมา เป็นพุทธศาสนิกชนแต่เพียง ชื่อมีมากมายขนาดไหน เรายอมรับกันหรือไม่ ที่ประเทศอินเดียมีผู้นับถือพุทธ ไม่น่าจะเกินร้อยละ 7 ทั้งที่เป็นต้นกำเนิดของพุทธศาสนาเพราะอะไรจึงเป็น เช่นนั้น เราทั้งหลายได้พิจารณาด้วยความคิดและสติปัญญาแล้วหรือยัง ว่า “ความเสื่อมต่างๆ ได้มีขึ้นมานานแล้วโดยที่เราไม่ค่อยได้เห็นหรือสังเกตถึง ความเปลี่ยนแปลงต่างๆ” เมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆความมีศีลธรรมและจริยธรรม เสื่อมลง คนทั้งหลายจะไม่สามารถเข้าถึงวิธีการที่จะสำเร็จบรรลุมรรคผลได้ เมื่อพระสงฆ์ทั้งหลายไม่สามารถชี้แจงสั่งสอนหรือทำให้คนเหล่านั้นเข้าใจถึง หลักคำสอนที่แท้จริงของพระพุทธองค์ได้ คนเหล่านั้นก็ไม่สนใจคำสอนของ พระสงฆ์ คนรุ่นต่อมาจึงขาดความเข้าใจธรรมะที่แท้จริง พระพุทธศาสนาจึงเริ่ม เสื่อมลงด้วยเหตุ 5 ประการ คือ 1.การเสื่อมลงของหนทางแห่งความสำเร็จบรรลุมรรคผล ศีลธรรมและจริยธรรม 2.การเสื่อมลงของวิธีการปฎิบัติธรรมและการเจริญภาวนา 3.การเสื่อมลงของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม 4.การเสื่อมลงของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา 5.การเสื่อมลงของบูรพาอาจารย์ ท่านทั้งหลายคงเคยได้ยินชื่อของนอสตราดามุส(Nostradamus) หรือที่เรา ทราบตามหนังสือว่าเป็นผู้ที่ล่วงรู้เหตุการณ์ในอนาคต แล้วจดบันทึกในสิ่งที่ได้ เห็นในนิมิต นอสตราดามุสเป็นคนฝรั่งเศส มีอาชีพเป็นแพทย์ ได้เขียนคำ ทำนายต่างๆ ไว้มากมายซึ่งได้จดบันทึกไว้เป็นหลักฐาน อีกทั้งข้อมูลจาก ตำนานต่างๆ ข้อมูลจากศาสนาอื่นๆ ที่กล่าวถึงบุคคลผู้ที่ได้ชื่อว่า”เป็นผู้นำสันติ สุข” ซึ่งมีชื่อเรียกปรากฎตามการเรียกของแต่ละศาสนาและภาษานั้นๆ ดังเช่น ศาสนายิว ซึ่งเป็นต้นแบบของศาสนาคริสต์ เรียกว่า มาซายะ (Messiah) ศาสนาคริสต์ เรียกว่า Comforter ศาสนาอิสลาม เรียกว่า มาฮ์ดิ (Maldi) ศาสนาฮินดู เรียกว่า กาลกี(Kalki) ศาสนาพุทธ เรียกว่า เมตไตรยะ(บาลี),ไมเตรยะ(สันสกฤต) (Maitreya) ขอให้สังเกตว่า ทุกศาสนามีคำสอน และความเชื่อที่ต่างกัน และในศาสนาเดียว กันนั้นก็ยังมีการแตกแยกเป็นนิกาย หรือกลุ่มต่างๆ และสอนแตกต่างกัน แต่ ทำไมถึงได้ระบุถึงผู้นำสันติสุขนี้ไว้เหมือนกันและสนับสนุนกัน ซึ่งเรื่องนี้จะ กล่าวต่อไปในภายหลัง จากการศึกษาค้นคว้าของผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาที่ แมหาวิทยาลัยและศูนย์ศาสนาที่สำคัญๆทั่วโลก เช่น กรีก,ฝรั่งเศส,ศรีลังกา, สหรัฐอเมริกา และอินเดีย เป็นต้น ได้มีความเห็นเดียวกันว่า พระเมตไตรย (Maitreya)หรือComforterหรือMessiahหรือ Maldiหรือ Kalki หรือชื่อเรียก ตามศาสนาและภาษานั้นๆ น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกันและจะมาปรากฏตนใน ปัจจุบันนี้ และตามตำนานโบราณยังได้บ่งว่า จะมีมหาภัยต่างๆ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว โรคระบาด มีวิกฤตต่างๆ ผู้คนเดือดร้อน และมีเหตุการณ์ที่เกิดได้ ยากจะปรากฏขึ้นก่อนที่พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏ ดังเช่น 1.การเกิดของวัวป่าสีขาว (White Cow) ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2537 ตามความเชื่อของชาวอเมริกัน-อินเดียน เชื่อว่าสันติสุขของโลกที่แท้จริงจะเกิดขึ้น ข่าวจากหนังสือพิมพ์ในสหรัฐอเมริกา 2.การเกิดของวัวแดง (Red Heifer) ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาก่อนแล้วมากกว่า 2,000 ปี ได้กำเนิดขึ้นใหม่ในปี พ.ศ.2539 ที่ประเทศอิสราเอล การเกิดของวัวแดงตัวปัจจุบันตามความเชื่อของชาวยิวเป็นการแสดงว่า มาซายะ(Messiah) จะมาปรากฏตน สำนักข่าว CNN รายงานข่าวตามความเชื่อของชาวยิว 3.ปรากฎการณ์เรียงตัวกันของดาวนพเคราะห์ทั้งหลายเมื่อต้นเดือน พฤษภาคม พ.ศ.2543 ตามความเชื่อของศาสนาฮินดูโบราณบ่งว่า กาลกี (Kalki) จะมาปรากฏตน 4.พระจันทร์สีแดงอันเกิดจากจันทรุปราคาเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2543 แต่ประเทศไทยมีเมฆปกคลุมทำให้มองไม่เห็น เรื่องของพระจันทร์สีแดง มีในตำนานโบราณอายุกว่า 2,000 ปีกล่าวไว้ว่า “ในเวลากลางคืนไร้แสงอาทิตย์ และเกิดพระจันทร์สีแดงจะเป็นวันที่สำคัญยิ่งเพราะแสดงการมาของผู้นำสันติสุข” และในวันที่ 16 กรกฎาคม 2543 ดังกล่าวนั้นยังตรงกับวันอาสาฬหบูชาอีกด้วย เกี่ยวกับเรื่องที่ได้นำเสนอมาแล้วในตอนที่ 1 และในตอนที่ 2 นี้ก็ไม่ได้ขอให้ เชื่อ แต่ขอให้พิจารณาถึงเหตุผลต่างๆ พิจารณาจากหลักฐานและข้อเท็จจริง การพิจารณาในสิ่งที่ดีงาม เปิดใจให้กว้าง ไม่เป็นกบในกะลาหรือเป็นน้ำชาล้น ถ้วยที่ไม่ยอมรับอะไรเลย ยึดถือกับความเชื่อเก่าๆที่ขาดเหตุผลและหลักฐาน ความจริง จงอย่าลืมว่า พระศรีอาริยเมตไตรยนั้นท่านเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ ที่ 5 ต่อจากพระพุทธเจ้าโคตม และเป็นวงศ์วานเดียวกับพระพุทธเจ้าโคตมใน ภัทรกัป ที่มีพระผู้มีพระภาคเจ้าถึง 5 พระองค์คือ พระกกุสันธะ ,พระโกณาคม มนะ,พระกัสสปะ,พระพุทธเจ้าโคตม และพระเมตไตรย สำหรับการที่ผู้คนส่วน ใหญ่ และผู้ที่บอกกล่าวว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏ ตนเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมปรินิพพานไปแล้ว 5,000 ปี เป็นความเชื่อที่ขาดซึ่ง หลักฐาน แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ระบุเวลาดังกล่าวไว้ สิ่งที่เป็นหลักฐานที่ พบได้ก็คือ หลักฐานที่พระธรรมทูตที่ได้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และต้น ศรีมหาโพธิ์ จากประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ.2484 ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ ทำนายหรือคำตรัสของพระพุทธเจ้าโคตม มาจากศิลาจารึกที่เก่าแก่ ณ เขตมหา วิหาร ในสวนมฤคทายวัน เป็นพระพุทธพจน์ทำนายที่ตรัสว่า พระศรีอาริ ยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏพระองค์หลังจากพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว 2,500 ปี (ศาสนาได้ล่วงเลยมาถึงกึ่งพุทธกาล) พระพุทธเจ้าโคตม ได้ตรัสสอนไม่ให้เชื่อในเรื่องใดทั้งสิ้น ซึ่งได้ตรัสสอนไว้ใน กาลามสูตร 10 ประการ หากสิ่งที่ได้คิด ได้ทำ ได้ปฎิบัตินั้นเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ ด้วยข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่นโดยส่วนรวมแล้วก็ควรจะนำมา ยึดถือปฎิบัติ การเชื่อจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรนำมาถกเถียงกัน แต่ที่สำคัญอยู่ที่การ ศึกษาหาข้อเท็จจริง ความเป็นจริงต่างๆให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่ให้เกิดโทษ การ จะเอาเรื่องความเชื่อมายึดถือโดยตลอดนั้นก็จะขัดกับหลักคำสอนของพระ พุทธเจ้าและหลักความเป็นไปได้ของความเป็นจริง “ใบประดู่ลายในพระหัตถ์ ของพระพุทธเจ้าเพียงไม่กี่ใบ” เป็นสิ่งที่พระองค์ได้นำเรื่องที่เป็นความจริง พิสูจน์ได้และเป็นประโยชน์มาตรัสสอน แต่ใบไม้ที่เหลืออยู่บนต้น และอยู่ในป่า อีกมากมายนั้นเป็นสิ่งที่พระองค์ทรงทราบแต่ไม่ทรงตรัสสอน................แต่ข้าพเจ้าเอาออกมานำเสนอ ไม่ว่าพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นมาในโลกหรือไม่ก็ตาม ธรรมทั้งหลายก็มีอยู่ก่อน แล้วพระพุทธเจ้าทั้งหลายแค่ทรงค้นพบ และนำออกตีแผ่ให้เข้าใจง่าย พระอรหันต์ที่ตรัสรู้อนุตตรส้มมาสัมโพธิญาณด้วยพระองค์เอง และสามารถ โปรดเวไนยสัตว์ให้พ้นทุกข์คือให้ถึงมรรคผลนิพพานได้ด้ วย เพราะทรงเป็นผู้ ถึงพร้อมด้วย อาสยานุสยญาณ ญาณที่สามารถรู้อัธยาศัยของเวไนยสัตว์ทั้ง หลาย อินทริยปโรปริยัตติญาณ ญาณที่สามารถรู้อินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย ว่า ยิ่งหรือหย่อนเพียงใด และสัพพัญญญุตญาณ ญาณที่สามารถรอบรู้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง อันได้พระนามว่าพระสัพญญุพุทธเจ้า ตถาคตพลญาณ ๑๐ ประการ หรือ ทศพลญาณ คือ ๑. ทรงหยั่งรู้สิ่งที่เป็นไปได้ และ เป็นไปไม่ได้ ๒. ทรงหยั่งรู้ผลแห่งการกระทำทั้ง อดีต ปัจจุบัน อนาคต ๓. ทรงหยั่งรู้ข้อปฏิบัติ ที่จะนำไปสู่คติทั้งปวง (คติ-ทางที่จะไปในอนาคต) ๔. ทรงหยั่งรู้สภาวของโลก อันประกอบด้วยธาตุต่างๆ ๕. ทรงหยั่งรู้ความโน้มเอียง และความถนัดแห่งบุคคล ๖. ทรงหยั่งรู้ความยิ่งและความหย่อน แห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย ๗. ทรงหยั่งรู้ความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว การออกแห่งญาณ สมาธิ และ สมาบัติ ๘. ทรงหยั่งรู้ชาติก่อนๆในอดีต ๙. ทรงหยั่งรู้จุติ และอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ๑๐. ทรงหยั่งรู้ความสิ้นไป แห่งอาสวะทั้งหลาย แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 13:55:40 จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 13:54:47 ]

ความคิดเห็นที่ 4 อีกทั้งข้อมูลจาก ตำนานต่างๆ ข้อมูลจากศาสนาอื่นๆ ที่กล่าวถึงบุคคลผู้ที่ได้ชื่อว่า”เป็นผู้นำสันติ สุข” ซึ่งมีชื่อเรียกปรากฎตามการเรียกของแต่ละศาสนาและภาษานั้นๆ ดังเช่น ศาสนายิว ซึ่งเป็นต้นแบบของศาสนาคริสต์ เรียกว่า มาซายะ (Messiah) ศาสนาคริสต์ เรียกว่า Comforter จากคุณ : ดาญาณ ***** คุณดาญาณ ครับ  ลองเข้าไปศึกษา เรื่อง "การกลับมาครั้งที่สองของพระเยซู..... "  เสียก่อนนะครับ   http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2006/10/Y4789059/Y4789059.html มันคนละเรื่องกันกับที่คุณเข้าใจผิดไปครับ   พระเมสสิยาห์ คือพระคริสต์  และพระคริสต์องค์เดียวกันนี่แหละครับจะกลับมาอีกครั้ง  ไม่ใช่เป็นคนอื่น หรือกลับชาติมาเกิดนะครับ จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 15 ก.ค. 51 14:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 5 เรียน ความคิดเห็นที่ 3 คุณ : ดาญาณ ส่วนที่ 1 - ท่านเริ่มต้นด้วยประโยคที่ว่า “เราคือบุคคลที่ชาวโลกรอคอย ยุคพระศรีอาริยะเมตไตรย” คำถามข้อที่ 1 ก็คือ ท่านเป็นอะไรกับพระศรีอาริยะเมตไตรย ?????? ส่วนที่ 2 ท่านบอกว่า ปัจจุบันนี้วิถีชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไปจากสมัยอดีตอยู่มาก เมื่อมีความเจริญทางวัตถุและเทคโนโลยีเพิ่มขึ้น แต่ความเจริญทางด้านจิตใจกับลดน้อยลงไปทุกที ๆ ส่วนนี้ของท่านอธิบายถึงสาเหตุซึ่งมีเหตุผลพอรับฟังได้ .. ส่วนที่ 3 ท่านพูดถึงเรื่องพระพุทธศาสนาเริ่มเสื่อมลง ด้วยเหตุ 5 ประการ คือ 1.การเสื่อมลงของหนทางแห่งความสำเร็จบรรลุมรรคผล ศีลธรรมและจริยธรรม 2.การเสื่อมลงของวิธีการปฏิบัติธรรมและการเจริญภาวนา 3.การเสื่อมลงของการศึกษาธรรมและการเข้าถึงพระธรรม 4.การเสื่อมลงของวัฒนธรรมทางพุทธศาสนา 5.การเสื่อมลงของบูรพาอาจารย์ ส่วนนี้ของท่านก็เป็นข้อเท็จจริงที่รู้กันโดยทั่วไปอยู่แล้ว .. ส่วนที่ 4 ท่านพาดพิงถึงบุคคลอื่นและศาสนาอื่น คือ นอสตราดามุส (Nostradamus) ศาสนายิว ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาฮินดู ผู้เชี่ยวชาญทางศาสนาที่มหาวิทยาลัย และศูนย์ศาสนาที่สำคัญๆทั่วโลก เช่น กรีก, ฝรั่งเศส, ศรีลังกา, สหรัฐอเมริกา และอินเดีย เป็นต้น แล้วท่านบอกว่า พระศรีอารยะเมตไตรย (Maitreya)หรือ Comforter หรือMessiahหรือ Maldi หรือ Kalki หรือชื่อเรียก ตามศาสนาและภาษานั้นๆ น่าจะเป็นบุคคลคนเดียวกัน และจะมาปรากฏตนในปัจจุบันนี้ โดยท่านได้อ้างตำนานโบราณประกอบ พอมาถึงส่วนนี้จะขอแสดงความคิดเห็นและขอท้วงติงดังนี้ คือ • ท่านได้ก้าวออกนกกรอบศาสนาพุทธปัจจุบันแล้วและยังได้ก้าวล่วงศาสนาอื่น ๆ อีกด้วยตรงนี้จึงขอให้ท่านระมัดระวังให้มาก ๆ • ทานบอกว่าศาสนาของศาสนาองค์ต่อไปของทุกศาสนาเป็นท่านเดียวกัน ได้มาปรากฏตัวแล้วในปัจจุบัน คำถามข้อที่ 2  คือ ถ้าพระศรีอาริยะเมตไตรย มาปรากฏตัวแล้วในปัจจุบันตามที่ท่านบอกจริง ถามว่าท่านหมายถึงใคร และมีหลักฐานอะไร????? .. ส่วนที่ 5 ท่านบอกว่า เรื่องที่ได้นำเสนอมาแล้วในตอนที่ 1 และในตอนที่ 2 นี้ ก็ไม่ได้ขอให้เชื่อ แต่ขอให้พิจารณาถึงเหตุผลต่างๆ พิจารณาจากหลักฐานและข้อเท็จจริง โดยท่านบอกว่า ผู้ที่บอกกล่าวว่า พระศรีอาริยะเมตไตรยหรือพระเมตไตรย จะมาปรากฏตนเมื่อพระพุทธเจ้าโคตม ปรินิพพานไปแล้ว 5,000 ปี เป็นความเชื่อที่ขาดหลักฐาน แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ระบุเวลาดังกล่าวไว้ ท่านบอกว่าสิ่งที่เป็นหลักฐานที่พบได้ก็คือ หลักฐานที่พระธรรมทูตที่ได้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และต้นศรีมหาโพธิ์ จากประเทศอินเดียเมื่อ พ.ศ.2484 ได้คัดลอกพระพุทธพจน์ทำนาย หรือคำตรัสของพระพุทธเจ้าโคตม มาจากศิลาจารึกที่เก่าแก่ ณ เขตมหาวิหาร ในสวนมฤคทายวัน เป็นพระพุทธพจน์ทำนายที่ตรัสว่า พระศรีอาริยะเมตไตรยหรือพระเมตไตรย จะมาปรากฏพระองค์หลังจากพระพุทธเจ้า ปรินิพพานไปแล้ว 2,500 ปี (ศาสนาได้ล่วงเลยมาถึงกึ่งพุทธกาล) คำถามเมื่ออ่านถึงตรงนี้ ก็คือ คำถามที่ 3 คือ ท่านมีรายละเอียดของศิลาจารึกที่ท่านอ้างถึงหรือไม่ และท่านสามารถนำเอาหลักฐานมาแสดงได้หรือไม่ ????? .. สรุปก็คือ มีคำถามให้ท่านตอบรวม 4 คำถามได้แก่ 1. ท่านเป็นอะไรกับพระศรีอาริยะเมตไตรย ????? 2. ใครคือพระศรีอาริยะเมตไตรยที่มาปรากฏตัวในปัจจุบันนี้และท่านมีหลักฐานอะไร ????? 3. ขอให้ท่านแสดงหลักฐานรายละเอียดของหลักศิลาจารึกที่ท่านอ้างถึงด้วย 4.ท่านไปพูดพาดพิงศาสนาอื่น ๆ ด้วยเพื่อหวังผลหรือต้องการอะไร ????? นอกจากนี้ ถ้ามีท่านผู้อื่นซักถามในประเด็นอื่น ๆ ก็ขอให้ท่านกรุณาตอบและแสดงหลักฐานประกอบอย่างชัดเจนด้วย ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 15:54:06 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 15:53:05 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 15:51:51 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 15 ก.ค. 51 15:49:53 ]

ความคิดเห็นที่ 6 3. ขอให้ท่านแสดงหลักฐานรายละเอียดของหลักศิลาจารึกที่ท่านอ้างถึงด้วย ตอบคุณ : kongsilp2000  พระพุทธพจน์ทำนาย http://www.geocities.com/Tokyo/Flats/7018/way2survive-09.htm 1. ท่านเป็นอะไรกับพระศรีอาริยะเมตไตรย ????? ตอบคุณ : kongsilp2000 กายตรัสรู้เป็นพระอรหันต์ที่มีเลือดมีเนื้อคือ กายที่ยังตกอยู่ในไตรลักษณ์ คือความเกิด แก่ เจ็บ ตาย เหมือนมนุษย์ทั่วไป 2. ใครคือพระศรีอาริยะเมตไตรยที่มาปรากฏตัวในปัจจุบันนี้และท่านมีหลักฐานอะไร ????? ตอบคุณ : kongsilp2000 วิวรณ์ 19 ข้อที่ 16 http://www.christianthai.net/reveTH.html 4.ท่านไปพูดพาดพิงศาสนาอื่น ๆ ด้วยเพื่อหวังผลหรือต้องการอะไร ????? นอกจากนี้ ถ้ามีท่านผู้อื่นซักถามในประเด็นอื่น ๆ ก็ขอให้ท่านกรุณาตอบและแสดงหลักฐานประกอบอย่างชัดเจนด้วย ตอบคุณ : kongsilp2000พระอนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ นำบทข้อสอง มอบหมายศรีอาริย์ ถือโองการ เทวัญช่วย ต่างอำนวย แสดงบุญญาบารมี มาเสริมส่ง แม่บัญชา เหล่าพุทธา ไม่เหลือหลง แบ่งภาคลง ทุกโพธิสัตว์โสดา มาเกิดกาย http://thai.mindcyber.com/modules.php?name=Sections&op=viewarticle&artid=208&page=28 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 17:06:06 จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 17:04:16 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณดาญาณครับ สำหรับการที่ผู้คนส่วนใหญ่ และผู้ที่บอกกล่าวว่า พระศรีอาริยเมตไตรยหรือพระเมตไตรยจะมาปรากฏ ตนเมื่อพระพุทธเจ้าโคตมปรินิพพานไปแล้ว 5,000 ปี เป็นความเชื่อที่ขาดซึ่ง หลักฐาน แม้แต่ในพระไตรปิฎกก็ไม่ได้ระบุเวลาดังกล่าวไว้ ---------------------------------------------------------------------- หลักฐานนั้นไม่ต้องมีก็ได้นะครับ แต่ในเมื่อคำสอนของพระโคดมยังอยู่จะยังไม่มีพระพุทธเจ้าองค์ใหม่มาตรัสรู้ในตอนนี้ เพราะพระพุทธเจ้าต้องตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง ผมขอร้องคุณดาญาณ  อย่าทำให้คำสอนของพระโคดมผิดเพี้ยนไปยิ่งกว่าที่เป็นอยู่เลย ผมขอร้องคุณดาญาณให้ช่วยกันเผยแพร่ศาสนาของพระโคดมให้คงอยู่ครบอายุ 5000 ปีด้วยเถิดนะครับ อานิสงค์มีเอนกอนันต์ยิ่งนัก จากคุณ : เพชรฆาตสีส้ม - [ 15 ก.ค. 51 17:33:45 ]

ความคิดเห็นที่ 8 2. ใครคือพระศรีอาริยะเมตไตรยที่มาปรากฏตัวในปัจจุบันนี้และท่านมีหลักฐานอะไร ????? ตอบคุณ : kongsilp2000 วิวรณ์ 19 ข้อที่ 16 http://www.christianthai.net/reveTH.html จากคุณ : ดาญาณ ***** ขอแย้งนะครับ  ตามที่คุณดาญาณ ยกมาไม่ได้มีอะไรไปเกี่ยวข้องกับ พระศรีอาริยะเมตไตรย เลยนะครับ 16 พระองค์ทรงมีพระนามจารึกที่ฉลองพระองค์ และที่ต้นพระอูรุของพระองค์ว่า "จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย" คำว่า "จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย"  ในคริสศาสนาหมายถึง พระนามของพระเมษโปดก ครับ  และพระเมษโปดก เป็นใคร   ก็ต้องย้อนกลับไปดูที่ข้อ 13 13 พระองค์ทรงฉลองพระองค์ที่จุ่ม {สำเนาต้นฉบับบางฉบับว่า เปื้อน} เลือด และพระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ พระวาทะของพระเจ้า ก็น่าจะเป็นที่ทราบกันดีว่า  พระวาทะของพระเจ้า ในคริสตศาสนา  ก็คือ องค์พระเยซูคริสต์ครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 17:59:54 จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 15 ก.ค. 51 17:59:03 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อไหร่โรงพยาบาลศรีธัญญาจะมารับตัวดาญาณไป จากคุณ : ณัฐกร - [ 15 ก.ค. 51 18:09:26 ]

ความคิดเห็นที่ 10 จะขอชี้แจงให้คุณดาญาณ  เข้าใจในหลักศาสนศาสต์ อีกครั้งนะครับ ในพระธรรมวิวรณ์ บทที่ 19 ข้อ 11 - บทที่ 20 ข้อ 15 เป็นการพูดถึงการเสด็จมาของพระคริสต์กับสงครามอารมาเกดดอน ครับ พระธรรมตอนนี้ยังได้พูดถึงพระนามของพระคริสต์หลายพระนามด้วยกัน และแต่ละพระนามก็มีความหมายและเหตุผลเฉพาะ 1. พระนามว่า สัตย์ซื่อสัตย์จริง (19:11) คำนี้ยืนยันให้เห็นถึงความสัตย์จริงต่อพระสัญญาของพระองค์ ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับสัตว์ร้ายที่อสัตย์อธรรม ตามการอธิบายของทัศนะก่อนพันปี (Premillennial) ว่าสัตว์ร้ายได้ทำสัญญากับชนชาติอิสราเอลที่จะอยู่อย่างสันติร่วมกันสามปีครึ่ง แต่หลังจากนั้นก็ทำลายสัญญา มันใช้วิถีทางล่อลวงให้ประชาชาติมาต่อสู้กับธรรมมิกชน และต่อต้านการเสด็จมาปกครองยังโลกของพระเยซูคริสต์ 2. พระนามที่จารึกไว้บนมงกุฎซึ่ง ไม่มีผู้ใดรู้จักเลย นอกจากพระองค์ (19:12) นี่เป็นพระนามใหม่ที่เราไม่รู้จัก ซึ่งอาจเป็นพระนามที่พระองค์สัญญาให้กับคริสตจักรที่มีมงกุฎแห่งชัยชนะ (3:12) ด้วยเหตุที่ไม่มีผู้ใดรู้จักเลย จึงไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าหมายถึงอะไร แต่ก็ให้ความรู้สึกว่ามีสิ่งใหม่อีกมากที่ต้องเรียนรู้ในสวรรค์ 3. พระนามที่เรียกพระองค์นั้นคือ พระวาทะของพระเจ้า (19:13) ในพระธรรมยอห์น บทที่ 1:1-14 ได้บ่งบอกว่าพระเยซูคริสต์ทรงเป็นพระวาทะ พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์สำเร็จแผนการณ์แห่งความรอดของพระเจ้า และจะทรงพิพากษามนุษย์ด้วยพระวาทะ (ยอห์น 5:22) 4. จอมกษัตริย์และจอมเจ้านาย (King of Kings and Lord of Lords (19:16) เป็นพระนามที่บ่งบอกความเป็นเอกและเป็นจอมกษัตริย์ของพระเยซูคริสต์ (1 ทิโมธี 6:14-16) ซึ่งสำเร็จตามคำพยากรณ์ว่าพระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ พระองค์เท่านั้นที่มีสิทธิอำนาจในการมาปกครองในโลกนี้ 1000 ปีในช่วงเวลาของพระคริสต์(เมสสิยาห์) ก่อนจะมีสงครามครั้งสุดท้ายครับ การอธิบายความ พระคริสต์ได้ใช้พระแสงจากพระโอษฐ์ทำลายบรรดาประชาชาติที่มาทำสงครามกับพระองค์ โดยการนำของสัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ (16:14-16) ผลของสงครามอารมาเกดดอน สัตว์ร้ายและผู้เผยพระวจนะเทียมเท็จ ถูกจับทิ้งลงไปในบึงไฟที่ลุกไหม้ด้วยกำมะถัน ส่วนเหล่าทหารนั้นถูกฆ่าด้วยพระแสง ที่ออกมาจากพระโอษฐ์ของพระองค์ และมีทูตองค์หนึ่งถือกุญแจบาดาลและโซ่ใหญ่ ออกมาจับพญามารมัดไว้ และทิ้งลงในบาดาลลั่นกุญแจ ประทับตราไม่ให้มันล่อลวงประชาชนได้อีกต่อไปเป็นเวลา 1000 ปี ฉะนั้น เนื้อเรื่องตอนนี้ ที่คุณดาญาณยกมา เป็นคนละเรื่องกันเลยกับ พระศรีอาริยะเมตไตรย ครับ อยากให้คุณดาญาณ ทำความเข้าใจหลักศาสนศาสตร์ของศาสนาให้เข้าใจก่อนนะครับ  จะได้ไม่มาอ้างอิง แล้วทำให้เกิดความเข้าใจผิดไปครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 18:16:57 จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 15 ก.ค. 51 18:13:59 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ท่าน จิต....อย่าเพิ่งลบครับ ขอศึกษาแกให้จบก่อน คงไม่นาน เพราะผู้รู้มาค้านแกมากคนแล้ว จะดูว่าแกจะตอบอย่างไรครับ ขอใจเย็นๆขอเป็นกระทู้ศึกษาครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 15 ก.ค. 51 18:33:46 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เกิดเป็นคนช่างยากแท้ รู้หลง กับรู้แจ้งโลกมันต่างกันมาก ๆๆๆ จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 18:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 13 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ๓. จักกวัตติสูตร (๒๖) ....             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เอง โดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้ เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ไปดีแล้ว รู้แจ้ง โลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้ แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณ- *พราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ ทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตถาคตเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามอยู่ พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งาม ในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ แสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหาร ภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้น ฯ .... จักกวัตติสูตร ที่ ๓ -----------------------------------------------------             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๑๑๘๙ - ๑๗๐๒.  หน้าที่  ๕๐ - ๗๐. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=1189&Z=1702&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=33 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 19:07:20 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 18:57:24 จากคุณ : JitZungkabuai - [ 15 ก.ค. 51 18:56:23 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 15 ก.ค. 51 19:00:50 ]

ความคิดเห็นที่ 16 พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) พระธรรมปิฎก (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) พระพุทธเจ้า พระผู้ตรัสรู้เองโดยชอบแล้วสอนให้ผู้อื่นรู้ตาม, ท่านผู้รู้ดีรู้ชอบด้วยตนเองก่อนแล้วสอนประชุมชนให้ประพฤติชอบด้วยกาย วาจา ใจ;       พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์ที่ใกล้กาลปัจจุบันที่สุดและคัมภีร์กล่าวถึงบ่อยๆ คือ พระวิปัสสี พระสิขี พระเวสสภู พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ และพระโคดม;       พระพุทธเจ้า ๕ พระองค์แห่งภัทรกัปป์ปัจจุบันนี้ คือ พระกกุสันธะ พระโกนาคมนะ พระกัสสปะ พระโคดม และพระเมตเตยยะ (เรียกกันสามัญว่า พระศรีอาริย์ หรือ พระศรีอารยเมตไตรย);       พระพุทธเจ้า ๒๕ พระองค์นับแต่พระองค์แรกที่พระโคตมพุทธเจ้า (พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน) ได้ทรงพบและทรงได้รับการพยากรณ์ว่าจะได้สำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า (รวม ๒๔ พระองค์) จนถึงพระองค์เองด้วย คือ ๑. พระทีปังกร ๒. พระโกณฑัญญะ ๓. พระมังคละ ๔. พระสุมนะ ๕. พระเรวตะ ๖. พระโสภิตะ ๗. พระอโนมทัสสี ๘. พระปทุมะ ๙. พระนารทะ ๑๐. พระปทุมุตตระ ๑๑. พระสุเมธะ ๑๒. พระสุชาตะ ๑๓. พระปิยทัสสี ๑๔. พระอัตถทัสสี ๑๕. พระธัมมทัสสี ๑๖. พระสิทธัตถะ ๑๗. พระติสสะ ๑๘. พระปุสสะ ๑๙. พระวิปัสสี ๒๐. พระสิขี ๒๑. พระเวสสภู ๒๒. พระกกุสันธะ ๒๓. พระโกนาคมน์ ๒๔. พระกัสสปะ ๒๕. พระโคตมะ       (เรื่องมาในคัมภีร์พุทธวงส์ แห่งขุททกนิกาย พระสุตตันตปิฎก);       ดู พุทธะ ด้วย .... พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=พระศรีอาริย์&detail=on http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=%BE%C3%D0%C8%C3%D5%CD%D2%C3%D4%C2%EC&detail=on _______________________________________________________ อย่าเลย...ดาญาณ การกล่าวตู่ พระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ดีหรอก!!!! จากคุณ : JitZungkabuai - [ 15 ก.ค. 51 19:25:52 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบ   ความคิดเห็นที่ 13 คฤหัสถ์นักบวช ทั้งหลาย มาพิจารณาเห็นแจ้งชัดใน รูป นาม จิต เจตสิก โดยเป็นอนัตตาดังนี้แล้ว ก็จะมีอานิสงส์ไม่มีส่วนที่จะพึง ประมาณได้ ท่านพิจารณาแต่คำว่า อฏฺฐิมิญฺชํ เยื่อใน กระดูกเหล่านั้น ท่านถือเอาอัฏฐิกสัญญาอย่างเดียวเป็น อารมณ์ ก็จะผ่องใสรุ่งเรืองเห็นแจ้งในร่างกายของตน จนได้บรรลุธรรมวิเศษ จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 21:27:54 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณดาญาณคงหมายถึง "อิหม่ามมะห์ดี" น่ะสิ ไม่มีมุสลิมท่านใดมาทักท้วงเลยแฮะ !? มุสลิมคงถือคติ "อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา" น่ะครับ แกคงเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวง แต่ไม่มีพิษภัยต่ออิสลามเท่าไหร่ ถล่มคุณดาญาณมาก ๆ ก็ดูเหมือนรุม ดูไม่แมนไงไม่รู้ง่ะ แกไม่มีพรรคพวกร่วมอุดมการณ์เลยสักคน จากคุณ : DJC - [ 15 ก.ค. 51 21:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 19 ความคิดเห็นที่ 6 3. ขอให้ท่านแสดงหลักฐานรายละเอียดของหลักศิลาจารึกที่ท่านอ้างถึงด้วย ตอบคุณ : kongsilp2000  พระพุทธพจน์ทำนาย http://www.geocities.com/Tokyo/Flats/7018/way2survive-09.htm จากคุณ : ดาญาณ  - [ 15 ก.ค. 51 17:04:16 ] เรียน จขกท. เข้าไปดูแล้วเวบที่ท่านให้มาแล้ว มีข้อความแห่งหนึ่งว่า “พระพุทธพจน์ทำนาย” “ .เมื่อศาสนาของอาตมาล่วงมาได้ ๒๕๑๒ (ปีจอ) พระจันทร์จะเริ่มเปล่งแสงฉายโลก ครั้นล่วงได้ ๒๕๑๕ (ปีชวด) นับพ้นระยะปี ๓๐ ปี พวกอธรรม คือพวกที่ไม่ตั้งอยู่ในศีลในสัตย์ ไร้ซึ่งศีลธรรมนั้น จะหมดสิ้นไปเพราะพวกมิจฉาทิฐิจะดับสูญไปจากโลก อธรรมแพ้ในที่สุด ครุฑจะบินกลับถิ่นสถาพร คนที่จรจะกลับเข้ากรุงบำรุงธรรม ธรรมจะชนะ พระจะอยู่บ้านเมืองต่อไป การงานของมนุษย์จะสำเร็จด้วยอริยศาสตร์ ซึ่งไม่ต้องเบียดเบียนแรงผู้ใด ทุกคนจะสมบูรณ์ด้วยศีลธรรมและชีวิตผาสุก มหากษัตริย์ธรรมิกราชผู้เป็นพระโพธิสัตว์องค์หนึ่ง จะเกิดภายในความอุปภัมถ์ของพระมหาเถระโพธิสัตว์ทั้งสององค์นั้น จะจัดการบำรุงศาสนาของอาตมา ในระยะนี้เป็น "ยุคศิวิไล" พระมหาเถระโพธิสัตว์ จะเกิดในสมัยของอาตมา ล่วงมาแล้ว ๒๔๕๔ ปี ... “ ต่อไปนี้เป็นคำถามเพิ่มเติมนะ “คำว่าศาสนาของอาตมาล่วงเลยมาได้ 2512 .” หมายถึงเริ่มนับจากพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้ว 2512 ปีหรือ ????? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็แปลว่าพระศรีอารยะเมตไตรยเกิดปี พ.ศ.2454 ใช่ไหม????? ตอนนี้ก็อายุ 97 ปีแล้วสินะ คำถามที่ 1 ก็คือ ท่านดาญานรู้ไหมว่า พระศรีอริยะเมตไตรยที่มาเกิดแล้วนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน????? (หมายเหตุ – การที่ท่านอ้างพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นั้น ทางศาสนาคริสต์เขาก็บอกแล้วว่า ท่านเข้าใจแบบผิด ๆ แล้วข้อนี้ท่านจะตอบว่าอย่างไรด้วย ?????) คำถามที่ 2 ก็คือ การที่ท่านอ้างเวปแล้วเชื่อแค่นี้ มันไม่งมงายไปหน่อยหรือ ????? ท่านมีหลักฐานอื่นที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้อีกไหม ????? ขอให้ท่านยังโชคดีไม่ถูกยึดอมยิ้มนะ และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม จากคุณ : kongsilp2000 - [ 15 ก.ค. 51 21:30:44 ]

ความคิดเห็นที่ 20 โมหะนั้นคือความหลงมีหลงรัก หลงชังหลงลาภหลงยศเป็นต้น ชื่อว่าโมหะ, มานะ, นั้นคือ ความถือตัวถือตน ดูถูกดูหมิ่นท่านผู้อื่น ชื่อว่ามานะทิฏฐินั้น คือความถือมั่นในลัทธิอันผิด เห็นเป็นอุจเฉททิฏฐิและ สัสสตทิฏฐิไป ปล่อยวางความเห็นผิดไม่ได้ชื่อว่าทิฏฐิ ถ้า ดับกิเลสทั้ง ๕ นี้ได้แล้ว ก็ชื่อว่าดับกิเลสได้สิ้นทั้ง ๑,๕๐๐ ถ้าดับกิเลสทั้ง ๕ นี้ไม่ได้ ก็ชื่อว่าดับกิเลสไม่ได้เลย ดูกร อานนท์ ปุถุชนคนหนาทั้งหลาย ที่ปรารถนาพระนิพพาน ได้ด้วยยากนั้น ก็เพราะเหตุที่ไม่รู้จักดับกิเลสตัณหา เข้าใจ เสียว่าทำบุญทำกุศลให้มากแล้ว บุญกุศลนั้นจักเลื่อนลอย มาจากอากาศเวหา นำตัวขึ้นไปสู่พระนิพพาน ส่วนว่า พระนิพพานนั้นจะอยู่แห่งหนตำบลใดก็หารู้ไม่ เป็นแต่ คาดคะเนเอาอย่างนั้น จึงได้พระนิพพานด้วยยาก แท้ที่จริง พระนิพพานนั้นไม่มีอยู่ในที่อื่นไกลเลย หากมีอยู่ที่จิตใจ จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 21:54:43 ]

ความคิดเห็นที่ 21 (หมายเหตุ – การที่ท่านอ้างพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นั้น ทางศาสนาคริสต์เขาก็บอกแล้วว่า ท่านเข้าใจแบบผิด ๆ แล้วข้อนี้ท่านจะตอบว่าอย่างไรด้วย ?????) ตอบ บุคคลผู้ไม่รู้ ไม่แจ้งไม่เข้าใจในพระ นิพพาน ไม่ควรจะสั่งสอนพระนิพพานแก่ท่านผู้อื่น ถ้าขืน สั่งสอนก็จะพาท่านหลงหนทาง จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่ตน ควรจะสั่งสอนแต่เพียงทางมนุษย์สุคติ สวรรค์สุคติ จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 22:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 22 คำถามที่ 1 ก็คือ ท่านดาญานรู้ไหมว่า พระศรีอริยะเมตไตรยที่มาเกิดแล้วนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน????? ตอบ ท่านก็คือพุทธะ วันหนึ่ง พระหลิงซินได้ไปเยี่ยมพระกุยจง พระหลิงซินถามพระกุยจงว่า “พุทธะคืออะไร” พระกุยจงตอบว่า “ผมบอกท่านไม่ได้” พระหลิงซินถามอีกว่า “ทำไมจึงบอกผมไม่ได้” พระกุยจงตอบว่า “เพราะว่าถึงบอกท่านท่านก็คงไม่เชื่อ” พระหลินซินรีบแย้งว่า “ไม่หรอก ท่านเป็นรุ่นพี่ คำพูดของท่าน ผมไม่เชื่อได้อย่างไร?” พระกุยจงกระซิบที่หูของพระหลิงซินว่า “เมื่อครู่นี้ท่านถามอะไระนะ” พระหลิงซินบอกว่า “ผมถามว่าพุทธะคืออะไร ใครคือพุทธะ?” พระกุยจงรีบกระซิบที่ข้างหูว่า “ท่านก็คือพุทธะ” พระหลิงซินได้ฟังถึงกับตกตะลึง ฉับพลันก็เกิดความรู้แจ้ง แล้วหัวเราะเสียงดังว่า “ฮ่า ฮ่า ผมก็คือพุทธะ” “ผมก็คือพุทธะ จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 22:06:42 ]

ความคิดเห็นที่ 23 คุณดาญาณ !!!! คุณยกคิริมานนทสุตร ฉบับแปลจากภาษาเหนือ ของ ท่านพระครูอุบาลีจันทร์ สิริจันโท มาอีกแล้ว ทำไมคุณต้องทำอย่างนี้ซ้ำซากครับ อย่าคิดว่าไม่มีใครรู้นะครับ ผมรู้คนหนึ่งแหละ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 15 ก.ค. 51 22:07:55 ]

ความคิดเห็นที่ 24 ท่านมีหลักฐานอื่นที่น่าเชื่อถือมากกว่านี้อีกไหม ????? ขอให้ท่านยังโชคดีไม่ถูกยึดอมยิ้มนะ และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม ส่งที่อยู่หลังไมค์แล้วผมจะจัดไปให้โดยไม่คิดตังค์บาทเดียวก็ไม่ต้องเสีย จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 22:09:15 ]

ความคิดเห็นที่ 25 ผมรู้คนหนึ่งแหละ ที่รู้หลง หงส์ติดบ่วงJitZungkabuai จากคุณ : ดาญาณ - [ 15 ก.ค. 51 22:11:39 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 24 ท่านมีหลักฐานอื่นที่น่าเชื่อถือ มากกว่านี้อีกไหม ????? ส่งที่อยู่หลังไมค์ แล้วผมจะจัดไปให้ โดยไม่คิดตังค์บาทเดียวก็ไม่ต้องเสีย จากคุณ : ดาญาณ  - [ 15 ก.ค. 51 22:09:15 ] ........................... เรียน คุณ ดาญาณ เรื่องนี้ อย่าทำลับ ๆ ล่อ ๆ ทุกอย่างไม่ควรส่งหลังไมค์ แต่ควรทำอย่างเปิดเผยให้รู้ทั่วกัน จริงไหม ????? แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 23:02:14 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 15 ก.ค. 51 22:58:04 ]

ความคิดเห็นที่ 27 ********* ไปๆมาๆ  ดาญาณ แยกไม่ออก ระหว่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า(ผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองและตรัสเทศนาสั่งสอนสัตว์)  กับ  คำว่า พุทธที่เป็นสภาวะผู้บรรลุธรรมที่เกิดได้เพราะพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  จึงได้ยกสภาวะพุทธมาอ้างปะปนกับสภาวะแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  (ความเห็นที่ 22) ------ ส่วน การเสด็จมาอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย์ จะเกิดขึ้นในกาลอนาคตข้างหน้า เมื่อคราวที่มนุษย์อายุมนุษย์อายุ 80,000 ปี หาได้มีในกาลปัจจุบันไม่   ผู้เข้าใจว่าจะทรงอุบัติในปัจจุบันย่อมเป็นผู้ไม่ทราบ ไม่รู้ หรือหลงผิดไปอย่างชัดเจน  ทั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมไม่อุบัติในคราวที่มีพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนยังทรงปรากฎอยู่   ผู้ที่คิดว่าจะทรงอุบัติในปัจจุบันย่อมเป็นผู้ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ได้ศึกษา  หลงเข้าใจผิดอย่างชัดเจน ------------------------ ความคิดเห็นที่ 13   พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๓ ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค ๓. จักกวัตติสูตร (๒๖) ....            ดูกรภิกษุทั้งหลาย ในเมื่อมนุษย์มีอายุ ๘๐,๐๐๐ ปี พระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่าเมตไตรย์ จักเสด็จอุบัติขึ้นในโลก พระองค์เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เอง โดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถี ฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้ เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม เหมือนตถาคตอุบัติขึ้นแล้วในโลกในบัดนี้ เป็นอรหันต์ ตรัสรู้เองโดยชอบ ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ไปดีแล้ว รู้แจ้ง โลก เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึกไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกพระธรรม พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้ แจ้งชัดด้วยพระปัญญาอันยิ่งด้วยพระองค์เองแล้ว ทรงสอนหมู่สัตว์พร้อมทั้งสมณ- *พราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตาม เหมือนตถาคตในบัดนี้ ทำโลกนี้พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ให้แจ้งชัดด้วยปัญญาอันยิ่งด้วยตถาคตเองแล้ว สอนหมู่สัตว์ พร้อมทั้งสมณพราหมณ์เทวดาและมนุษย์ให้รู้ตามอยู่ พระผู้มีพระภาคพระนามว่า เมตไตรย์พระองค์นั้นจักทรงแสดงธรรม งามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งาม ในที่สุด ทรงประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิงเหมือนตถาคตในบัดนี้ แสดงธรรมงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด ประกาศพรหมจรรย์ พร้อมทั้งอรรถ พร้อมทั้งพยัญชนะ บริสุทธิ์ บริบูรณ์สิ้นเชิง พระผู้มีพระภาคพระนามว่าเมตไตรย์พระองค์นั้น จักทรงบริหาร ภิกษุสงฆ์หลายพัน เหมือนตถาคตบริหารภิกษุสงฆ์หลายร้อย ในบัดนี้ฉะนั้น ฯ .... จักกวัตติสูตร ที่ ๓ -----------------------------------------------------            เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๑  บรรทัดที่ ๑๑๘๙ - ๑๗๐๒.  หน้าที่  ๕๐ - ๗๐. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=11&A=1189&Z=1702&pagebreak=0            ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=33 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 19:07:20 แก้ไขเมื่อ 15 ก.ค. 51 18:57:24 จากคุณ : JitZungkabuai   - [ 15 ก.ค. 51 18:56:23 ] ------------------------- ความคิดเห็นที่ 22   คำถามที่ 1 ก็คือ ท่านดาญานรู้ไหมว่า พระศรีอริยะเมตไตรยที่มาเกิดแล้วนี้เป็นใครอยู่ที่ไหน????? ตอบ ท่านก็คือพุทธะ วันหนึ่ง พระหลิงซินได้ไปเยี่ยมพระกุยจง พระหลิงซินถามพระกุยจงว่า “พุทธะคืออะไร” พระกุยจงตอบว่า “ผมบอกท่านไม่ได้” พระหลิงซินถามอีกว่า “ทำไมจึงบอกผมไม่ได้” พระกุยจงตอบว่า “เพราะว่าถึงบอกท่านท่านก็คงไม่เชื่อ” พระหลินซินรีบแย้งว่า “ไม่หรอก ท่านเป็นรุ่นพี่ คำพูดของท่าน ผมไม่เชื่อได้อย่างไร?” พระกุยจงกระซิบที่หูของพระหลิงซินว่า “เมื่อครู่นี้ท่านถามอะไระนะ” พระหลิงซินบอกว่า “ผมถามว่าพุทธะคืออะไร ใครคือพุทธะ?” พระกุยจงรีบกระซิบที่ข้างหูว่า “ท่านก็คือพุทธะ” พระหลิงซินได้ฟังถึงกับตกตะลึง ฉับพลันก็เกิดความรู้แจ้ง แล้วหัวเราะเสียงดังว่า “ฮ่า ฮ่า ผมก็คือพุทธะ” “ผมก็คือพุทธะ จากคุณ : ดาญาณ  - [ 15 ก.ค. 51 22:06:42 ] ------------------------------- จากคุณ : วงกลม - [ 15 ก.ค. 51 23:58:56 ]

ความคิดเห็นที่ 28 เครื่อง สแกน ผมไม่ได้ใช้นานแล้ว ปกติผมจะสแกนให้ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 00:02:22 จากคุณ : ดาญาณ - [ 16 ก.ค. 51 00:00:49 ]

ความคิดเห็นที่ 29 จากคุณ : วงกลม มีประโยชน์อะไรบอกไปก็ยังตัด สังโยชน์ 3 ไม่ได้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 16 ก.ค. 51 00:05:03 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ********* ไปๆมาๆ  ดาญาณ แยกไม่ออก ระหว่าง พระสัมมาสัมพุทธเจ้า(ผู้ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เองและตรัสเทศนาสั่งสอนสัตว์)  กับ  คำว่า พุทธที่เป็นสภาวะผู้บรรลุธรรมที่เกิดได้เพราะพระธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  จึงได้ยกสภาวะพุทธมาอ้างปะปนกับสภาวะแห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  (ความเห็นที่ 22) ------ ส่วน การเสด็จมาอุบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระศรีอริยเมตไตรย์ จะเกิดขึ้นในกาลอนาคตข้างหน้า เมื่อคราวที่มนุษย์อายุมนุษย์อายุ 80,000 ปี หาได้มีในกาลปัจจุบันไม่   ผู้เข้าใจว่าจะทรงอุบัติในปัจจุบันย่อมเป็นผู้ไม่ทราบ ไม่รู้ หรือหลงผิดไปอย่างชัดเจน  ทั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าย่อมไม่อุบัติในคราวที่มีพระศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนยังทรงปรากฎอยู่   ผู้ที่คิดว่าจะทรงอุบัติในปัจจุบันย่อมเป็นผู้ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ได้ศึกษา  หลงเข้าใจผิดอย่างชัดเจน ------------------------ จากคุณ : วงกลม - [ 16 ก.ค. 51 06:07:49 ]

ความคิดเห็นที่ 31 วงกลม  ถ้านักปฏิบัติคนใดปฏิบัติตามมรรคมีองค์ ๘ โลกก็จะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์     ตัวหนังสือบนคัมภีร์     ตัวหนังสือดำ ก็เป็นสีดำ     กระดาษขาว ก็เป็นสีขาว     จะช่วยคนให้พ้น เกิดตายได้อย่างไร.     มีธรรมะ ก็เหมือนไม่มี     หากจะว่าไม่มี ก็มีคนพูดธรรมะกันทั้งเมือง จะเป็นนักปฏิบัติ  จะเรียนธรรมขั้นไหน ก็ควรได้ชิมวิมุตติรสเสียก่อน เป้าหมายสูงสุดที่จุดเดียวคือวิมุตติ (ความหลุด พ้นทุกข์) ดังพุทธพจน์ที่ ว่า “เปรียบเหมือนมหาสมุทรมีรสเดียวคือรสเค็ม ฉันใด ธรรมวินัยนี้ก็มีรสเดียว คือวิมุตติรส พระองค์เทศน์ให้พระสารีบุตรฟัง เทศน์ไปๆเทศน์จบแล้วจึงตรัสถามว่า"สารีบุตรเธอเชื่อเราไหม" พระสารีบุตรทูลว่า "ยังไม่เชื่อ เชื่อไม่ได้"พระองค์จึงตรัสว่า http://209.85.175.104/search?q=cache:2GuIgMZr5bMJ:www.watnongpahpong.org/ebooks/chahthai/Toward_the_Unconditioned.php+%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1&hl=th&ct=clnk&cd=3&gl=th จากคุณ : ดาญาณ - [ 16 ก.ค. 51 07:57:43 ]

ความคิดเห็นที่ 32 เรียน ความคิดเห็นที่ 31 คุณ : ดาญาณ ในการตอบปัญหาของคุณ และคุณได้อ้างถึงเวปประกอบ และทำลิ๊งก์ให้เข้าไปดูด้วยนั้น เราได้เข้าไปดูแล้ว ปรากฏว่าเป็นพระธรรมเทศนาปกติ ของหลวงพ่อชา ไม่เห็นมีอะไรพิเศษ เพื่อสนับสนุน หรือเกี่ยวขอ้งกับการโต้ตอบกระทู้ท่าน เลยสักนิดเดียว จึงเกิดคำถาม ก็คือ คุณเอาหลวงพ่อชา มาเกี่ยวข้องกับกระทู้ที่เป็นปัญหานี้ ทำไม ????? แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 11:38:22 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 16 ก.ค. 51 10:11:25 ]

ความคิดเห็นที่ 33 เข้ามาเกาะติดสถานการณ์ ขอบเวที       จากคุณ : รักดี - [ 16 ก.ค. 51 10:28:19 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเคยโดนความเพี้ยนและผิดกาละเทศะของ  ด า ญ า ณ   เล่นงานมารอบนึงแล้วครับ ผมถามอย่างพี่แกตอบอีกอย่าง   คำถามของผมก็เป็นคำปกติ  ไม่ได้ต้องการอะไรลึกซึ้งอะไร  แบบเด้ก ๆ ก็ตอบได้หรือทำได้   แต่ ดาญาณน้ำเมือก  กลับไปขุดเอาหลักปรัชญาแบบเซนมาตอบ   ทำให้เกิดความงง งวยไปพักนึง มาตั้งหลักได้ก็เพิ่งรู้ว่าเขาเพี้ยนไปแล้ว  เพราะได้ยินว่าเมื่อก่อนใช้ชื่อ ทำนิ้วเมือก  เอ๊ย  ทิวน้ำ   ที่อ้างว่ามีผีสาวมาร่วมเพศทางนิ้วกับเขา เขาก็อ้างไปมั่วแหละครับคุณ  อาศัยก็อปปี้เก่งหน่อย แล้วก็อ้างว่าบรรลุนั่นบรรลุนี่  แล้วก็เที่ยวสั่งสอนอบรมคนโน้นคนนี้ ไม่สนว่าในวงสนทนานั้นเขาคุยเรื่องอะไร เกี่ยวข้องกันกับตนเองและเนื้อหาที่อุตส่าห์ไปหามาลงหรือไม่ ขอให้ได้แสดงอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อก่อกวน  และแสดงความเพี้ยนเท่านั้นเป็นพอ จากคุณ : hollowpig - [ 16 ก.ค. 51 11:52:54 ]

ความคิดเห็นที่ 35 hollowpig   ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง เราผิดท่านประหาร เราชอบ เราบ่ผิดท่านมาล้าง ดาบนั้นคืนสนอง  hollowpig   พบพระภิกษุณีอรหันต์ในสมัยพุทธกาล -------------------------------------------------------------------------------- ข้อเท็จจริง เบาะแสมีผู้หญิงสวยงามตัวนั่งอยู่ในลูกแก้วลอยไปมาในอากาศลอยผ่านใบไผ่ต้นไผ่ก็ลั่นดังเปี๊ยๆๆๆๆๆๆๆ ที่ถ้ำขามคอนสาร จ.ชัยภูมิ  สโลแกน นักบวชไม่มีใครสำเร็จเพราะน้ำชากาแฟหลอก มี แต่ปฏิบัติเท่านั้น พวกเมาชากาแฟก็จะโม้แต่เหตุการณ์เดิมๆ นักฟังตัวยงก็ตั้ง ตารอจะฟังแต่เรื่องใหม่ๆ เมื่อไม่มีประสบการณ์ใหม่สดๆร้อนคนฟังก็เบื่อนัก ภวนาก็จะขี้เกียดปฏิบัติธรรม เพราะประมาท ตัวเองยังไม่ถึงที่พึ่งอันแท้จริง ก็ สอนโดยรู้ไม่เท่าทันว่าเสียท่าให้กิเลสหลอก กว่าจะรู้ตัวนักปฏิบัติบางคนก็อายุ อานามปาไป ๘๐ บางคนก็ยังหลงตัวจนตายไปแล้วก็ยังไปหลงในเมืองผี เรื่องของพี่ตอนออกวิเวก กุ๊ก สังคมนักบวชก็มีพระทั้งดีและไม่ดี มีทั้งเก่งและไม่เก่ง คละเคล้ากันไป นั่ง คุยกันจนมืดค่ำก็ไม่เห็นเข้าสมาธิ นั่งคุยกันว่าเมื่อคืนมีพระเจอผีหลอกถอนกลด หอบบาตรหนีกันกลางดึก ลงมาก็ไม่กล้ากลับเข้าไปอีกเลยบอกว่าเจอผีหัว ขาด เดินมาหาท่านและก็โยนหัวให้ท่าน ท่านว่าท่านใส่ตีนหมาธรรมอะไรผมก็ ไม่เอาแล้ว และก็อ้อนวอนพี่รวิพันธุ์อย่าขึ้นเขาเลย เปลี่ยนความตั้งใจล้มเลิกที่ จะขึ้นเขาอย่าไป พี่รวิพันธุ์บอกพระกลางวงกาแฟหมดแก้วนี้ผมจะขึ้นเขา พระ ในวงกาแฟแซว ท่านไม่กลัวได้ผีเป็นเมียรึไง _/l\_ ขึ้นหลังเสือเขาไม่ให้ลงหลังเสือ ก็ตอบแบบมวยวัดว่า มีแต่พวกขาดสติ เท่านั้นเหละที่ได้นางฟ้าเป็นเมีย และก็ไม่สนใจกับคำสบประมาท เดินขึ้นเขา ไปคนเดียวเวลากลางคืนเดือนมืด มีไฟฉายส่องนำทางไปในป่าขึ้นเขาไปตาม ทางสันเขาข้ามเขาเป็นลูกๆจนมาถึงปากถ้ำก็พบสถานที่ปฏิบัติธรรมและของสะ สมสะเบียงอาหารของแม่ชีประทุม และพี่รวิพันธุ์ก็สำรวจบริเวณรอบปากถ้ำก็ พบ ลายแทงสมบัติที่คนโปราญเขียนด้วยสีแดงของเลือดสัตว์ผสมสีแดง ของดอกไม้ป่าไว้ฝาผนังหน้าถ้ำเป็นรูปหมาป่าเห่าหอนยืนเฝ้าเปรตตัวสูงถูก ล่ามด้วยโซ่ที่ข้อมือข้อเท้าอย่างแน่นหนา ข้างหลังผีเปรตมีเพชรเม็ดโตเท่าหัว คน พี่ก็แกะรอยเดินลึกเข้าไปในถ้ำตามลายแทงสมบัติ ลึกเข้าไปลึกเข้าไปก็ พบเตียงสำหรับแขวนกลดสำหรับนั่งภาวนา นักปฏิบัติที่เก่งควรรู้ว่าจะเจริญ ธรรมแบบไหนทำให้สมาธิไม่เสื่อมง่าย ก็คือต้องเดินจงกลมก่อนที่จะนั่งสมาธิ และก็นอนกำหนดจิตจนหลับไปหรือจะเข้าฌานก็อยู่ที่ความฉลาดของจิตดวง นั้น แต่พี่รวิพันธุ์ออกเดินจงกลมจนจิตสงบก็มีความรู้สึกว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมา ที่เราแต่ก็ไม่มาให้เห็นเลย สัมผัสที่ ๖ บอกเราว่ามีผีหัวขาดยืนถือหัวอยู่ในถ้ำที่ ลึกเข้าไปอีก  พี่เดินจนเหนื่อยก็มานั่งสมาธิในมุ้งกลดเมื่อจิตรวมก็มองเห็นผีหัว ขาดมาจ้องหน้า และก็เดินกลับไปกลับมาวนเวียนอยู่นานทีเดียวกว่าจะเดินเข้า ไปในถ้ำลึก เมือผีหัวขาดไปแล้วพี่รวิพันธุ์ก็ถอนจิตออกจากสมาธิ และก็ นอนภาวนาต่อไม่ช้าไม่นานจิตก็รวมใหญ่ แต่บังคับไม่ให้จิตส่งนอกให้มีสะติกับ ร่างกาย สว่างรุ่งเรืองอยู่เป็นธรรมภายใน จู่ๆก็มีอสุรกายหน้าตาหน้าเกียดหน้า กลัวเล็บยาวตามมือตามตัวเต็มไปด้วยเลือดโซมกายเข้ามาปลุกปล้ำข่มขืนพี่รวิ พันธุ์จะสมสู่กับพระให้ได้ ตัวพี่รวิพันธุ์ถูกระดมจูบไปทั่วเรือนร่าง ก่อนที่จะเกือบ ตกเป็นผัวของผี พี่รวิพันธุ์ต่อรองกับอสุรกายเพศหญิงว่า ทำไม่มากระทำย่ำยี เรา และเราก็เป็นพระที่รักษาพรหมจรรย์ ตั้งแต่วัดที่พระบรรลุธรรม จะขอแบ่ง บุญให้เธอครึ่งหนึ่ง หยุดการกระทำอันจะทำให้พระต้องมีมลทินหัวใจ ได้ผล อสุรกายหยุดการจู่โจม และก็เปลี่ยนจากร่างที่น่าขยะขแยง กลับคืนสภาพเป็น พระภิษุณี อรหันต์มีรัศมีปัญญารอบหัวและลอยในระดับอกพระ พร้อมสาธุการ บอกว่าเธอมาลองกรรมฐานของพระ ต่อแต่นี้จะไม่มีอะไรมารบกวนการภาวนา ท่านอีก ขอให้พระเจริญในพระศาสนาขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และก็อยู่ในถ้ำโดยอบอุ่นจนเป็นเช้าของวันใหม่ก็ลงจากเขาเพื่อจะไปบิณฑ บาตรโปรดสัตว์ ระหว่างทางพบแม่ชีประทุมถามพระด้วยเสียงใส ครูบาเมื่อคืน เจออะไรบ้างว่าจะนิ่งเก็บเป็นความลับ แต่ถูกทวงถามจากแม่ชีประทุมถึงสามค รั้ง ก็บอกด้วยอาการสำรวม ว่าตอนแลกพบอสุรกาย ภายหลังอสุรกายกลับ กลายเป็นพระภิกษุณีอรหันต์ในสมัยพุทธกาล หลังจากนั้นก็ขึ้นไปอีกสิ่งที่ไม่ เคยได้รู้ก็ได้รู้สิ่ง ที่ไม่เคยได้เห็นก็ได้เห็น เช่นเหล็กไหลน้ำหนึ่ง ให้ดูเฉย ๆ เพราะไม่ใช่ของเรา จากคุณ : ดาญาณ - [ 16 ก.ค. 51 12:15:50 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ความคิดเห็นที่ 21   (หมายเหตุ – การที่ท่านอ้างพระคัมภีร์ของศาสนาคริสต์นั้น ทางศาสนาคริสต์เขาก็บอกแล้วว่า ท่านเข้าใจแบบผิด ๆ แล้วข้อนี้ท่านจะตอบว่าอย่างไรด้วย ?????) ตอบ บุคคลผู้ไม่รู้ ไม่แจ้งไม่เข้าใจในพระ นิพพาน ไม่ควรจะสั่งสอนพระนิพพานแก่ท่านผู้อื่น ถ้าขืน สั่งสอนก็จะพาท่านหลงหนทาง จะเป็นบาปเป็นกรรมแก่ตน ควรจะสั่งสอนแต่เพียงทางมนุษย์สุคติ สวรรค์สุคติ จากคุณ : ดาญาณ  - [ 15 ก.ค. 51 22:01:31 ] *****  อ่านแล้ว ทำให้ผมนึกถึง   ซันเมียงมูน เจ้าลัทธิมูนนี่  กับอีกคน แม่นางชิงไห่  ผู้อ้างอวดอุตริ เหมือนกันแดะเลยครับ   ผมคาดหวังว่า คุณดาญาณ จะไม่เป็นแบบสองคนนี้นะครับ   ถ้าเข้าใจผิดหรือมีความคลาดเคลื่อนทางความคิดหรือสับสน เกี่ยวกับหลักคำสอนของศาสนาต่างๆ   ก็เริ่มต้นใหม่ได้นะครับ  น่าจะยังไม่สายไป แก่นแท้ของศาสนาพุทธ คืออะไร แก่นแท้ของศาสนาคริสต์ คืออะไร นำมาประยุกต์ใช้ได้ไม่ผิดครับ แต่ไม่ใช่ตั้งตัว ไปอ้างอิงหลักคำสอนเข้าข้างตนเอง เหมือนประหนึ่งจะเป็นเจ้าลัทธิเสียเอง   ฝากเตือนอยากให้กลับมาในทางที่ถูกต้องครับ จะเป็นทางพุทธ หรือทางไหนก็ได้ที่ถูกกับจริตของคุณครับ แก้ไขเมื่อ 16 ก.ค. 51 12:58:24 จากคุณ : ศรัทธาพลัง - [ 16 ก.ค. 51 12:57:46 ]

ความคิดเห็นที่ 37 ศาสดาก็ต้องมีแนวคำสอนของตนบ้าง          พระพุทธเจ้า มิใช่สมบัติของชาวพุทธเท่านั้น แต่เป็นสมบัติ ของมนุษยชาติทั้งมวล พระธรรมคำสั่งสอนของพระองค์ ก็เป็นสมบัติรวมของ ทุกคน          ศาสนาทุกศาสนาที่เกิดหลังพระพุทธองค์ ต่างก็ได้ยืมเอาแนวคิดดี ๆ ไปจากพระพุทธเจ้าทั้งนั้น "ปัจจตัง" รู้ได้เฉพาะตน ใครไม่เห็นก็ไม่รู้ -------------------------------------------------------------------------------- สมัยที่เราเป็นนักบวช เก็บตัวเองขัดเกลาตนเอง ไม่เคยเพ่งโทษใคร คอยตรวจดูศีลของตนเพ่งกายทำลายเชื้อ และก็ไม่ได้ปฎิบัติธรรมเพื่อให้ใครมาศรัทธาเลื่อมใส ไม่เห็นแก่หน้าใครถ้าเดินถูกทางแล้ว แต่เราบำเพ็ญตบะเพื่อประโยชน์ตนคือความหลุดพ้น และก็นึกท้อแท้ที่จะตีแผ่ธรรมที่ได้ตรัสรู้มา ว่าเป็นธรรมที่มีความหมายสุขุม ละเอียด ยากที่จะเข้าใจได้ ในการที่จะแสดงธรรมเพื่อโปรดสรรพสัตว์ ก็ได้หลวงปู่แหวนมาให้กำลังใจในขณะที่พระกำลังทรงฌาน กายทิพย์พระได้ เดินไปในเส้นทางที่ลาดปูไปที่แท่งศิลาหินรูปธรรมจักรพระได้เอาฝ่ามือไปจับ ตรงกลางดุมของพระธรรมจักร ธรรมจักร และมีรอยเท้าที่อยู่ข้านหน้าแท่นธรรมจักรพระได้เอาเท้าทั้งสองข้างมาทาบทับ ดูก็เข้ากันได้สนิทพอดี และได้คุกเข่าลงกราบธรรมจักรและร้องให้บ่นน้อยใจว่า ทำไม่ทุกคนไม่เข้าใจว่าเรามาเพื่ออะไร และพระก็ลุกขึ้นมองไปรอบๆตัวพระก็ พบหลวงปู่แหวนและคณะผู้ติดตามหลวงปู่แหวนพากันแห่ตามหลวงปู่แหวน ยาวเป็นหางเว้า ทันทีที่หลวงปู่แหวนเห็นพระก็รีบตรงเข้าก้มกราบพระแบบพระธิเบตจนพระ ตกใจ โดยไม่สนใจสายตาของใครปากของพระก็ร้องขอว่าหลวงปู่อย่าทำอย่าง นั้นครับหลวงปู่ท่านก็ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นพูดแต่ว่าให้ท่านรีบไปหาหลวงตามหา บัวที่วัดป่าบ้านตาดเดียวจะไม่ทันกาลจนเราที่เป็นพระผู้น้อยต้อง เข้าไปประคององค์หลวงปู่ลุกขึ้นยืน และหลวงปู่แหวนก็เรียกพระว่า ท่านเจ้าคุณ จะพาไปดูอะไร และท่านก็จูงมือพระออกเดินไปพร้อมๆกันโดยทิ้ง คณะผู้ติดตามเอาไว้ข้างหลัง และหลวงปู่ก็พามาที่ที่หนึ่งเมื่อประตูเปิดออก ก็มีผู้ดูแลห้องทักทายด้วยประโยคแรกว่า ท่านเจ้าคุณมาถึงเมื่อไหร่ครับมาได้สักพักครับ และพระก็เข้าไปสำรวจห้องจัดแสดงรูปเหมือนฉาบทาด้วยทองคำ ของพระกุมาร“สิทธัตถะ” ที่เดินได้เจ็ดก้าว ทันทีที่ประสูติ ทรงดำเนินด้วยพระบาท 7 ก้าว มีดอกบัวผุดรองรับ ทรงเปล่งพระวาจาว่า "เราเป็นเลิศที่สุดในโลก ประเสริฐที่สุดในโลก การเกิด ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายของเรา" และก็ได้ถอนออกจากฌานที่เป็นเครื่องอยู่ โดยที่ไม่สนใจกับคำพูดของหลวงปู่แหวนและก็มา ทบทวนนิมิตรจริงหรือเท็จหรือว่าหลวงตามหาบัวจะลาโลก และก็ไม่สนใจจนอยู่เฉยเรื่องก็วิ่งมาชน มีพระไสวยชอบบอกหวย มาหาเรื่องเราด่าว่าเราว่าพระบ้า เราก็โกรธอยู่เหมือนกันนะแต่ก็ดูจิตที่มันเกิดกับดับ และก็นึกถึงคำพูดหลวงปู่แหวนว่าให้รีบไปหาหลวงตามหาบัว ที่วัดป่าบ้านตาด ทันทีที่คิดได้ก็รีบแต่งบาตรแต่งกลดออกเดิน ทางด้วยเท้าลัดเส้นทางไปตามท้องทุ่งนา จะไม่เดินไปตามเส้นทางที่ลาดยางร้องเท้าก็ไม่ใส่ เดินจนเท้าชีกไปหยีบต่อของใบหม่อนเลี้ยงไหมที่ชาวบ้านตัดเป็นปากฉลาม เอาไว้ผีซ้ำด้ามพลอยผ่านสวนพริกเม็ดพริกก็เข้าไปยัดรอยชีดของแผลที่ฝ่าเท้าปวดแสบปวดร้อนไปหมด แต่ไม่ไปกระทบถึงจิต เดินมาจนตะวันจะตกดินก็ลุถึงจังหวัดชัยภูมิ ก็เข้าไปหาลูกศิษย์ที่เราเคยช่วยชีวิตเค้าไว้ ก็ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ โยมเปี้ยกก็ออกปากว่าท่านจะมีอะไรให้ผมรับใช้ครับ อาตมาจะไปจังหวัดอุดรจะไปวัดป่าบ้านตาด โยมเปี้ยกว่าเวลาค่ำๆค่อยออกเดินทางกันโทรชวนอาจารย์แอ๊ดไปเป็นเพื่อน ด้วยตกลงมีเพื่อนร่วมเดินทางด้วยกันสามคนและก็เรียกลูกเมียมากราบอาตมา โยมผู้หญิงถามอาตมาว่าครั้งก่อนที่ท่านมาฉันเช้าที่บ้านโยม โยมจับดูอาการ ของท่านทั้งสององค์ โยมว่าครูบาจิตอยู่ใกล้แล้วร้อนอึดอัด ไม่เหมือนท่านเย็นหูเย็นตา พระคิดอยู่ในใจนี่เล่นชมกันต่อหน้าเลย และก็ดูที่ใจตัวเองมันกำลังฟูและก็เกิดดับ และก็วางเฉยกับคำยกยอ และตอบโยมว่าครูบาจิตนิสัยท่านไปทางฤทธิ ของอาตมานิสัยทางเมตตา และก็ออกปากลาโยมผู้หญิง มุ่งหน้าเดินทางโดยรถเก๋งของโยมเปรี้ยก และอาจารย์แอ๊ดที่เป็นครูบ่ายหน้าเข้าจังหวัดอุดร เดินทางถึงสำนักวัดป่าบ้านตาดก็เป็นเวลาตีสี่ ประตูวัดยังปิดอยู่ โยมเปี้ยกกับทิดแอ๊ดก็ถามอาตมาอาจารย์ยังจะรออยู่หรอกลับพร้อมกันเลยครู บาวันหน้าเราค่อยมาใหม่ก็ได้ครับ ตกลงเราจะรอให้เช้าและก็จะเข้าไปข้างใน ถ้างั้นผมอาจารย์แอ๊ดขอส่งอาจารย์แค่นี้นะครับ อนุโมทนาบุญกับโยมแอ๊ดโยมเปรี้ยกไปเถอะขอบใจมาก หลังจากรถออกตัวไปแล้ว เราก็เข้าที่นั้งสมาธิอยู่ที่ศาลาริมทางรอเวลาให้เช้า ระหว่างที่เข้าสมาธิที่หน้าวัดบ้านตาดก็ฟังเสียงไก่ตีปีกขัน จนได้เวลาก็ออกจากสมาธิ เข้าไปติดต่อพระลูกวัด แจ้งความประสงค์ว่าจะขออยู่ลงพระปาฎิโมกข์ ท่านก็อนุญาตให้เข้าไปหาที่ พัก ดูความเป็นไปภายในวัดพระที่นี่มากด้วยความเพียร ใครขี้เกียดภวนาอยู่วัดนี้ไม่ได้ ตั้งแต่เช้าจดเย็นมีแต่ผู้ไม่ประมาท ค่ำลงก็ไม่มีไฟฟ้าใช้ บางองค์ก็นั้งสมาธิ บางองค์ก็สนทนาธรรมมะ ที่เห็นเข้าทางจงกลมก็มาก นอนภวนาก็มี ที่พักเต็มหมดอาตมาต้องเข้าไปนอน ที่ศาลาการเปรียญ ได้ที่จำวัดข้างหลังพระประธาน ก็นอนภวนาจนจิตรวมก็ได้ยินเสียงเทวดาที่อยู่ ในองค์พระร้องว่าร้อนๆๆอยู่ไม่ได้แล้ว และภายนอกศาลาก็มีเทพเทวาประกาศไปทั่ววัดป่าบ้านตาดว่า พระเมตไตรมา พระเมตไตรมา พระเมตไตรมา เกิดโกลาหลในทางโลกวิญญาน เราก็ไม่สนใจเสียงดีก็แค่เสียงเสียงร้ายก็แค่เสียงตลอดถึงทำจิตวางเฉย จน หลับสนิทตื่นขึ้นมาก็เห็นพระจัดอาสนะรองนั้งให้พระที่จะมาลงฟังพระปา ฎิโมกข์ผมก็ยังต้องลุกไปช่วยพวกท่านจัดอาสนะจนเรียบร้อย ก็มีพระมาประชุมกันฟังพระปฎิโมกข์ สอดสายตามองหาหลวงตามหาบัวก็ไม่เห็นมาร่วมฟังพระปาฎิโมกข์ เพื่อให้แน่ใจก็ถามหลวงพี่ที่อยู่ข้างๆ มีใครเห็นหลวงตาบ้าง คำตอบที่ได้คือท่านไม่มาหรอกครับมีแค่นี้แหละครับ หลังจากนั้นพระสงฆ์ก็ออกบิณฑบาตรโปรดสัตว์ และก็พากันกลับมาที่ศาลาฉันข้าวเช้าแล้วเสร็จก็พากันแยกย้ายไปทำกิจส่วน ตัว ส่วนหลวงตามหาบัวก็แสดงธรรมโปรดชาวบ้าน ทั้งที่มาจากที่ไกลและใกล้ พอท่านเทศน์มาถึงจุดคายแม็กซ์ ว่าสมัยหลวงตาเร่งความเพียรแบบโสตาย ไม่มีใครบ้าเท่าหลวงตาบัวอีกแล้วบ้ากว่าพวกกว่าหมู่ ใครจะบ้าเกินกว่าหลวงตามหาบัวไม่มีอีกแล้ว ในระหว่างที่อาตมากวาดลานวัดไปก็กำหนดจิตตามพระธรรม และก็น้อมเข้ามาในใจ สว่างโพลงขึ้นมาภายใน คนบ้าที่ไหนจะกล้าว่าตัวเองว่าตัวเองเป็นคนบ้า มีแต่จะโทษคนอื่นความผิดของตัวเองมองไม่เห็น ธรรมมะที่บ้านตาดทำให้พระรู้ว่าคนดีกับคนบ้าต่างกันอย่างไร ก็หมดความกังวลในคำสั่งของหลวงปู่แหวน ก็มาคำนึงว่าเราไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีกแล้ว ก็พอดีหลวงตาแสดงธรรมจบลงญาติโยมพากันสาธุการสนั่นหวั่นไหว พาให้ปิติยินดีไปกับธรรมของท่านที่สุกเต็มที่แล้ว เมื่อสิ้นเสียงสาธุ วัดทั้ววัดก็เงียบสงบลง พระกำลังกวาดลานวัดอย่างสบาย อารมณ์จนเลยมาถึงโรงย้อมผ้าก็ก็ประดังกับหลวงตา แบบแทบประชิดตัว เราเป็นผู้น้อยก็วางไม้กวาด ลงลดตัวลงในอริยาบทนั้งแบบสำรวม มองดูท่านคิดในใจว่าผิวท่านเป็นสีชมพู ผิวละเอียดอ่อนเมือนผิวเจ้า และในมือท่านก็ถือผ้าอาบน้ำฝน มาด้วยและท่านก็โยนให้อาตมาด้วยอาการสำรวม เหมือนกับที่แม่พระเคยเล่าว่าท่านเคยโยนหนังสือ ประวัติพระอาจารย์มั่นให้กับแม่ของพระ และพูดกับแม่อาตมาว่า หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติของอาจารย์อาตมาเอง และหลวงตาก็ออกปากชมแม่ของพระว่าโยมนี่เป็นคนดีนะ รักษาหนังสือให้ดีนะ ไปกันก็หลายคนให้เล่มเดียว คนอื่นก็ขอท่าน ท่านก็บอกว่าหมดแล้วมีเล่มเดียว นอกเรื่องไปนิดกลับมาเข้าเรื่องต่อ ยังไม่ได้มีโอกาสกราบเรียนท่าน ก็เห็นพระสี่ห้าองค์พากันล้อมหน้าล้อมหลังหลวงตา อาตมาก็นมัสการท่านแล้วก็เดินเลี่ยงออกไปจัดข้าวของจะเดินทางกลับก่อน กลับอาตมาก็ไปลาอาจารย์บัณฑิต อาจารย์ก็เมตตาหารถให้เผื่อเดินทางกลับวัด และก็นำผ้าอาบน้ำฝนที่หลวงตามหาบัวประทานให้มาเอาไปย้อมด้วยสีหิน สีของผ้ากับสีหินซักตากแห้งออกมาสีชมภู แบบที่อาตมามองเห็นผิวหนังของหลวงตามหาบัว นิสัยของเราพระกฤษฏาชอบเที่ยวธุดงค์ อยู่ในก้ำ ตามเรือนล้าง ป่าช้าไต้ ต้นไม้ ที่โล่งแจ้ง และก็กลัวผีที่หนึ่งเลย ใครก็ตามถ้า กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่าง สามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้ อวดความสามารถของตัวเอง) ขาดจากการเป็นพระ บุคคลใดก็ตาม กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง) ถ้ามีอยู่จริงต้องอาบัติปาจิตตีย์ ปรงอาบัติก็ หายและก็สำรวมระวังในคราวต่อไป พระอรหันต์ไม่ต้องอาบัติ จิตเป็นอสังขธรรมได้ถึงธรรมที่ไม่สามารถ อะไรเข้าไปปรุงแต่งได้อีกแล้ว เปรียบได้กับน้ำที่กลิ้งบนใบบัว อสังขธาตุ    พระอรหันต ์ แต่เมื่อท่านดับขันธปรินิพพานแล้ว เพราะผู้ที่เป็นพระอรหันต์เมื่อดับขันธปรินิพพานแล้ว จะต้องเกิดปาฏิหาริย์ต่างๆ เช่น กระดูกกลายเป็นหิน เป็นเพชร พลอย เป็นต้น ปาฏิหาริย์ ใช่ว่าจะเกิดกับพระอรหันต์ทุกองค์ที่ดับขันธปรินิพพาน จะเกิดขึ้นก็เฉพาะแต่กับผู้ที่ได้อธิษฐานไว้เท่านั้น สำหรับการอธิษฐานนั้น พระอรหันต์ท่านอธิษฐานเองก็มี เทวดาที่เลื่อมใสในพระอรหันต์นั้นอธิษฐานให้ก็มี   หรือมนุษย์ที่มีฤทธิ์อธิษฐานให้ก็มี เอวังจบ จากคุณ : ดาญาณ - [ 16 ก.ค. 51 14:10:34 ]

ความคิดเห็นที่ 38 นิสัยของเราพระกฤษฏา หึหึ รู้แล้วว่าตอนบวชดาญาณได้สมญานามว่า กฤษฏา อ่านที่เขียนมา รู้เลยว่า... เหอๆๆๆๆ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 16 ก.ค. 51 14:48:26 ]

ความคิดเห็นที่ 39 น้ำกลิ้งบนใบบัว ช่างเปรียบเทียบ ถ้าใบบัวเป็นธรรม คุณดาญาณเป็นน้ำใช่มั้ยครับ ผมฟังรายการธรรมะเพื่อประชาชน FM 103.25 ช่วงประวัติครูบาอาจารย์ คุณดาญาณคือพระรูปใหนเหรอ จากคุณ : Hualon - [ 16 ก.ค. 51 14:56:16 ]

ความคิดเห็นที่ 40 เข้ามาดู หุหุ จากคุณ : monojo - [ 16 ก.ค. 51 16:01:24 ]

ความคิดเห็นที่ 41 เรียน คุณ : ดาญาณ ในความคิดเห็นที่ 37 นั้น ท่านได้ประกาศตัวออกมาแล้วว่า ท่านนั่นเหละ คือพระศรีอาริยะเมตไตร !!!!! ใช่ไหม????? คุณดาญาณบอกว่า ได้ บำเพ็ญตบะและได้ “ตรัสรู้” แล้ว ข้อความตรงนี้ คุณดาญาณใช้คำว่าได้ “ตรัสรู้” แล้ว อย่างเต็มที่เลย และคุณดาญาณ บอกด้วยว่า ได้พบหลวงปู่แหวนและคณะมาให้กำลังใจ แต่เป็นการพบในขณะที่กำลังทรงฌาน มีกายทิพย์พระ คุณดาญาณบอกว่า ทันทีที่หลวงปู่แหวนเห็นพระก็รีบตรงเข้าก้มกราบ.......... กับบอกให้รีบไปหาหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาด .. เสร็จแล้วคุณดาญาณก็ได้ถอนออกจากฌาน แล้วตอนนี้ตัดฉากกลับมาโลกมนุษย์ ก็มีพระไสวที่ชอบบอกหวย มาพูดด่าคุณดาญาณว่าเป็นพระบ้า คุณดาญาณบอกว่าก็โกรธอยู่เหมือนกัน แต่ก็ดูจิตที่มันเกิดกับดับ และคุณดาญาณก็นึกถึงคำพูดหลวงปู่แหวน ว่าให้รีบไปหาหลวงตามหาบัวที่วัดป่าบ้านตาด .จึงรีบแต่งบาตรแต่งกลดออกเดิน ถึงสำนักวัดป่าบ้านตาดเวลาตีสี่ประตูวัดยังปิดอยู่ .คุณ ดาญาณ ก็เข้าที่นั้งสมาธิอยู่ที่ศาลาริมทางรอเวลาให้เช้า . เข้าไปติดต่อพระลูกวัด แจ้งความประสงค์ว่า จะขออยู่ลงพระปาฎิโมกข์ ท่านก็อนุญาตให้เข้าไปหาที่พัก . ที่ศาลาการเปรียญได้ที่จำวัดข้างหลังพระประธาน ก็นอนภวนาจนจิตรวม ก็ได้ยินเสียงเทวดาที่อยู่ในองค์พระร้องว่าร้อนๆๆอยู่ไม่ได้แล้ว และภายนอกศาลาก็มีเทพเทวาประกาศไปทั่ววัดป่าบ้านตาดว่า พระเมตไตรมา พระเมตไตรมา พระเมตไตรมา เกิดโกลาหลในทางโลกวิญญาน เรา (คุณดาญาณ) ก็ไม่สนใจ เสียงดีก็แค่เสียง เสียงร้ายก็แค่เสียง ตลอดถึงทำจิตวางเฉย จนหลับสนิท .. ..นิสัยของเราพระกฤษฏา ชอบเที่ยวธุดงค์ อยู่ในก้ำ ตามเรือนล้าง ป่าช้าไต้ต้นไม้ ที่โล่งแจ้ง และก็กลัวผีที่หนึ่งเลย สรุปก็คือ คุณดาญาณ ก็คือ พระกฤษฏา เป็นพระศรีอารยะเมตไตร และมีเพื่อนพระเรียกว่าเป็นพระบ้า ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 17 ก.ค. 51 04:56:40 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 16 ก.ค. 51 17:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าได้ขนาดนั้นแล้ว คุณดาญาณ สึกออกมาทำไม หรือยังไม่สึก แล้วมาข้องเกี่ยวเรื่อทางโลกทำไม ได้ขนาดนั้นยังนั่งเล่นบอร์ดอีกเหรอ นั่งวิปัสนามีความสุขกว่าเยอะมิใช่รึ จากคุณ : ผีเสื้อสมุทรประเภท2 - [ 16 ก.ค. 51 18:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 43 จนแต้มแล้ว...ไม่ยอมตอบ ดาญาณ คุณเป็นอะไรรึ... จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 16 ก.ค. 51 18:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 44 เหตุเกิด ณ ที่แห่งหนึ่ง .. นึกเอาเองแล้วกันว่าที่ไหน  คนหลายคน นั่งคุยสนทนากันเรื่องอะไรก็ไม่รู้ เห็นเถียงกันลั่นๆๆๆ  อยู่ๆ ก็มีคนวิ่งออกมา แล้วตะโกนว่า  หมอๆๆๆ รีบมาจับตัวไอ้นี่ออกไปจากวงที  มันคุยเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ฟังไม่เข้าใจ และเพี้ยนๆ  คุยกับมันมาตั้งนาน ตอนนี้ชัวร์แล้วว่า ... บ้า  เอวังฯ  ไม่มีคำตอบ สำหรับคำถามว่า "สถานที่ไหน" จากคุณ : แมวเหมียวพุงป่อง - [ 17 ก.ค. 51 07:52:44 ]

ความคิดเห็นที่ 45 กลับไปสถานที่นั้นเถอะ คุณแมวเหมียวพุงป่อง ไม่ต้องถามนะครับว่า สถานที่ไหน จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 ก.ค. 51 09:44:27 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เหมือนมีอะไรคล้าย ๆ เดิมวนกลับมา แต่ว่าพิมพ์อ่านยากกว่าเดิม จากคุณ : นบนอบ - [ วันเข้าพรรษา 21:53:36 ]

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าได้ขนาดนั้นแล้ว คุณดาญาณ สึกออกมาทำไม หรือยังไม่สึก แล้วมาข้องเกี่ยวเรื่อทางโลกทำไม ได้ขนาดนั้นยังนั่งเล่นบอร์ดอีกเหรอ นั่งวิปัสนามีความสุขกว่าเยอะมิใช่ร ปุจฉาวิสัชนา พระอาจารย์สงบเปิดเผยกับเราเป็นการสนทนาธรรมะ กันว่าขณะนี้ พระอาจารย์มั่นเรียกลูกศิษย์คณะของท่าน เข้าพระนิพพาน เพราะถึงเวลายุค- `๏’ - ขาว- `๏’ -  ยุคของพุทธองค์เป็นยุคแดงกำลังจะสิ้นยุค ดาญาณจึงต้องสึกมาเพื่อรองรับศาสนาพระศรีอาริย์เค้าจะมาทำหน้าที่ เก็บรวม การบำเพ็ญจะง่ายกว่ายุคแดงมาก ๆ "บำเพ็ญกึ่งปุถุชนกึ่งอริยะ"พระอาจารย์สงบท่านเล่าให้ดาญาณฟังว่า ตั้งความปรารถนา รู้ธรรมเห็นธรรมแบบพระมหากัสสปะเถระ ในยุคที่พระศรีอาริย์มาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในโลก จากคุณ : ดาญาณ - [ 19 ก.ค. 51 08:45:35 ]

ความคิดเห็นที่ 48 เข้ามาอ่านแล้ว ไม่ค่อยรู้เรื่องเลยครับ คุณ ดาญาณ ยังปกติ ดีอยู๋หรือเปล่าครับ เป็นห่วงคุณนะครับ รักษาสุขภาพจิตตัวเองบ้าง จากคุณ : pittboy2603 - [ 19 ก.ค. 51 13:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 49 อันที่จริง ถ้าพวกเราทุกคน พร้อมใจกันไม่ตอบ สนองเขา เดี๋ยวเขาก็เลิกไปเองครับ ยิ่งไป ตอนสนอง ต่อเขา เขายิ่งชอบครับ แบบนี้ ถ้าไม่ชอบ เขา ก้เลี่ยงเขาไปเลยดีกว่าครับ ไม่ต้องตอบกระทู้ของเขา ทำเมหือนเขาไม่มีตัวตน แล้วเขาก็จะหายไปเอง ครับ จากคุณ : pittboy2603 - [ 19 ก.ค. 51 13:51:25 ]

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ ดาญาณ...ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ คุณน่าสงสาร                 จริงๆ...ผมมีเพื่อนมากมายแต่ไม่มีใครเหมือนคุณ ผมจะไม่ทำลายคุณ การได้คุยกับเพื่อนๆในห้องนี้ "คือยารักษาคุณ" ผมรู้ ผมเดาเอา ปลดปล่อยออกมาเลยให้เต็มกำลัง...คุณดาญาณ                เพราะคุณทำให้ผมและเพื่อนๆหลายคนในห้องนี้.. สลดใจ..ได้ระดับหนึ่งจริงๆ ผมเชื่ออย่างนั้น ...ทุกคนเขาเป็นห่วงคุณ ในฐานะพุทธบุตรด้วยกันครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้  - [ 19 ก.ค. 51 17:27:02 ] จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 19 ก.ค. 51 17:34:32 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เกิดเป็นคนช่างยากแท้ เราไม่ได้ขาดความรักกับความอบอุ่น และเราก็ไม่ใช่เด็กมีปัญหา เราก็เติมเต็มความสุขของเราเองได้  แต่เราก็ขอขอบใจในความห่วงใย เราจึงลงความเห็นว่าการศึกษา  ที่ไม่เพียงพอปฏิบัติน้อยไป ก็เป็นอุปสรรคในการสื่อ ธรรมะ ออกไปแล้วไม่เข้าใจ   พุทธองค์แบ่งดอกบัวมี 4 เหล่า สติปัญญาของแต่ละคนไม่เท่ากัน จากคุณ : ดาญาณ - [ 19 ก.ค. 51 19:09:17 ]

ความคิดเห็นที่ 52 ความรู้อะไรทำให้คุณ....ค้านกับคนจำนวนมากได้โดยคุณไม่เอะใจ อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณสำเร็จแล้วทั้งๆที่ไม่มีใครเชื่อคุณ...     อะไรต่ออะไรอีกมากมาย...ที่ทำไมคุณไม่สงสัยตัวเองบ้าง คุณมั่นใจในอะไร ความรู้-ศิล  ที่ขาดหลักปฏิบัติหรือ คุณดาญาณ.. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 19 ก.ค. 51 19:58:18 ]

ความคิดเห็นที่ 53 ยังติดตามอ่านอยู่ครับ จากคุณ : Hualon - [ 19 ก.ค. 51 20:46:24 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ความรู้อะไรทำให้คุณ....ค้านกับคนจำนวนมากได้โดยคุณไม่เอะใจ อะไรทำให้คุณคิดว่าคุณสำเร็จแล้วทั้งๆที่ไม่มีใครเชื่อคุณ... เพราะผมเห็นตัวอย่างล้มเหลวมามาก ผมไม่มีวันเดินร่วมทางกับคนล้มเหลว  และชอบถ่ายทอดประสบการณ์ผิด ๆ จากคุณ : ดาญาณ - [ 19 ก.ค. 51 22:23:54 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรียน คุณ : ดาญาณ ทุกชีวิตมีสิทธิ...................และเสรีภาพ ที่จะเป็นอะไร...................หรืออย่างไรก็ได้ ....................................ตามที่ต้องการ ตราบเท่าที่......................ไม่ไปรุกล้ำเสรีภาพและสิทธิ .....................................ของผู้อื่น .....................................หรือส่วนรวม ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร.......แต่ต้องมีความระมัดระวังให้มาก ๆ ....................................จริงไหม ????? ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 08:33:15 แก้ไขเมื่อ 20 ก.ค. 51 03:19:32 แก้ไขเมื่อ 19 ก.ค. 51 22:47:09 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 19 ก.ค. 51 22:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 56 "ผมไม่มีวันเดินทางร่วมกับคนล้มเหลว และชอบถ่ายทอดประสบการณ์ผิดๆ......".                แสดงว่าคุณ....ยังเข้าไม่ถึงแก่นธรรม ..     หากคุณคิดเช่นข้างบน คุณขาดการเข้าใจผู้อื่น ขาดอภัยทาน ไม่ยอมรับกฏแห่งกรรม เขาโง่ ฉลาด เพราะกรรมสร้าง คุณจะไปกีดกัน ไม่ให้โอกาสเขาบ้างได้อย่างไร      ....หากคุณสามารถจะให้เขาได้.....คุณเป็นผู้สำเร็จและเพชรฆาตร ในตัวเดียวกันอย่างที่คุณโพสต์มาหรือ คุณดาญาณ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 08:09:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สามร่ม โพธิ์ศรี http://www.thaimisc.com/freewebboard/php/vreply.php?user=pimonracha&topic=272 จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 11:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 58 โลกของใคร โลกของมัน เนอะ !!!!! ไม่ว่ากัน ????? จากคุณ : kongsilp2000 - [ 20 ก.ค. 51 14:11:11 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เหนือดวงดาวมีท้องฟ้า เหนือท้องฟ้ามีจักวาล เหนือจักรวาลมีแกแลคซี่ เหนือแกแลคซี่มีเอกภพ เหนือเอกภพยังมีใครอีก ...ดาญาณ    แอบซ่อน หลบจิต เป็นพวกไม่สู้ความจริง......แล้วจะรู้ธรรมได้ยังไง จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 14:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 60 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ คุณ อยากรู้ธรรม ก็อย่าคบกับคนพาล ที่อยู่ที่จิต จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 15:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 61 กระแสจิตของคนธรรมดา ไหลไปทางต่ำ คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ เน้นหนักไปทางฝึกฝนทางจิต ละความเมาต่าง ๆ จึงเรียกว่าทวนกระแส ลึกซึ้ง  เห็นได้ยาก  รู้ตาม ไม่ยาก  สงบ  ปราณีต แต่เป็นธรรม  ที่บัณฑิตพึงเห็นได้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 15:18:41 ]

ความคิดเห็นที่ 62 เฉไฉ นักไข้วเขว.. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 15:20:50 ]

ความคิดเห็นที่ 63 อาจารย์ผม...ท่านเน้นย้ำมากเรื่อง การเริ่มต้นปฏิบัติธรรม ว่า....        การปฏิบัติธรรมนั้น หากตั้งจิตไว้ผิด หรือออกสตาทร์ผิดตั้งแต่แรกแล้วละก็...ผลจะเป็นอย่างที่เกิดกับท่านนี้แหละ..       เบื้องต้นหากตั้งจิตไว้ผิด หรือศิลไม่บริสุทธิ์...ในท่ามกลาง และเบื้องปลาย ผลแห่งการปฏิบัติที่ออกมาก็จะคดๆงอๆ ชนิดประมาณมิได้....ทีเดียว            แล้วจะไม่ให้พวกเราสลดใจ ไม่ช่วยกันรักษาธรรม...ได้อย่างไรครับ คุณดาญาณ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 15:40:20 ]

ความคิดเห็นที่ 64 เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ในสายตาของเราทั้งอาจารย์ทั้งศิษย์ เป็นคนเจ้าปัญหา ละวิจิกิจฉาก็ยังไม่ได้   หมายถึง ความลังเลสงสัย (ในคำสอนของพระ พุทธเจ้า) ซึ่งรวมไปถึงหลักการที่ถูกต้อง ความจริงของสภาวธรรมต่างๆ ในโลกของการคาดหวัง ใคร ๆ ก็ว่าทั้งศิษย์ทั้งอาจารย์ เป็นอัฉริยะ แต่ผมว่าเจ้าเป็นคนมีปัญหา ยังไม่เจนจบโลกุตระ (อ่านว่า โลกุดตะระ) แปลว่า พ้นโลก อยู่เหนือวิสัยของโลก เป็นคำที่ใช้คู่กับ โลกิยะ ซึ่งแปลว่า ยังเกี่ยวข้องกับโลก เรื่องของโลก ยังไม่ใช่บ่อคืนกิเลสทั้งมวล จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 19:35:22 ]

ความคิดเห็นที่ 65 ถ้าไม่เรียนรู้โลกแล้ว จะปล่อยวางอะไรได้..ไม่สร้างเหตุแล้ว.จะเอาเหตุอะไรมาพิจารณา                   ธรรมใดเกิดแต่เหตุ...มิใช่รึ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 20:15:48 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ดับเหตุแล้ว ทุกข์จะมาจาก ทิศไหนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 20:21:54 ]

ความคิดเห็นที่ 67 แล้ว..มาป้วนเปี้ยนสร้างเหตุอะไรในห้องศาสนานี้อีก ..คุณดาญาณ ไหนบอกดับเหตุหมดแล้วไง จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 ก.ค. 51 20:39:18 ]

ความคิดเห็นที่ 68 จบกิจแล้ว ก็ว่างมาก  ครับคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ เลยเข้ามา แบ่งปัน และเรียนรู้ร่วมกันครับ   คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 20 ก.ค. 51 22:26:20 ]

ความคิดเห็นที่ 69 แหม..........เหมือนกันเลย คุณ : ดาญาณ .............................. ????? ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 01:38:13 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 21 ก.ค. 51 01:28:43 ]

ความคิดเห็นที่ 70 ความคิดเห็นที่ 69   แหม..........เหมือนกันเลย คุณ : ดาญาณ ตอบ คุณ : kongsilp2000 ให้แสดงขั้นตอนการละอาสวะ ไม่ต้องพิสดาร แสดงโดยย่อ ๆ จากที่ว่าพ้นแล้ว ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 13:11:40 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 13:11:36 จากคุณ : ดาญาณ - [ 21 ก.ค. 51 13:08:36 ]

ความคิดเห็นที่ 71 ^ ^ ^ คุณดาญาณแสดงก่อนดีไหมครับ :) จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 21 ก.ค. 51 15:10:55 ]

ความคิดเห็นที่ 72 แจ้งลบ (ซ้ำ) แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 15:53:40 จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 15:46:08 ]

ความคิดเห็นที่ 73 โอ้โฮ...ผมไม่ไหวแล้วครับ คนเดียวผมก็แย่แล้วครับ             เหตุใด หรือเหตุอันใดท่านมาเผลอตัวจนสำเร็จเอาอีกคน ..ท่าน klongsilp 2000 ด้วยเหตุใด จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 15:46:40 ]

ความคิดเห็นที่ 74 เรียน คุณ : ดาญาณ คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ คุณ : Maxymillion (Maxymillion) และ ทุก ๆ ท่าน ........................... เอ้าเร็ว..................................... ขอเชิญทุก ๆ ท่าน สมัครเข้าชมรมผู้บรรลุธรรม ท่านไม่ต้องแสดงขั้นตอนการละอาสวะ หรือหลักฐานใด ๆ หรอก และท่านไม่ต้องเสียค่าสมัครใด ๆ ทั้งสิ้นด้วย โดยหลังจากท่านสมัครมาแล้ว ทางชมรมจะขอความร่วมมือให้ท่านดาญาณ ส่งกระแสจิตไปตรวจสอบคุณสมบัติของท่าน และให้คำแนะนำทางกระแสจิตถึงบ้าน หวังว่าท่านดาญาณและทุก ๆ ท่าน คงไม่ขัดข้องนะ .......................................  ????? ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 16:09:41 แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 16:05:45 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 21 ก.ค. 51 16:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 75 5555555 คุณ : kongsilp2000 ส่องในไม่ใช่ส่องนอก จบข่าว จากคุณ : ดาญาณ - [ 21 ก.ค. 51 16:21:20 ]

ความคิดเห็นที่ 76 ชมรม "ผู้บรรลุธรรม"......หัวหน้าชมรมอยู่ได้วาระกี่ปี หากไม่ยอมออกจะทำไงครับ....(ผมเชื่อแน่ว่าคุยกันยาก ไม่ลาออกแน่)                               ใบประกาศ จะออกยังไง ใช้รูปไหมครับ แล้วรับได้ที่เขาอภินิหารหรือปล่าวครับท่าน...kongsilp 2000 จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 16:29:37 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ความคิดเห็นที่ 71   ^ ^ ^ คุณดาญาณแสดงก่อนดีไหมครับ :) จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion)  - ตอบ ยินดีครับ การเข้าไปยึดมั่นถือมั่น   - `๏’ -    ในสัจจะปรมัตถ์แล้วไม่มี เหตุเพราะความยึดมั่นถือมั่น    - `๏’ -     ในความเป็นมนุษย์ คน สัตว์ สิ่งของ มันจึงผิดสัจจะบัญญัติ  เราเรียกว่า - `๏’ - วิมุติ- `๏’ - การหลุดพ้นทางภาษาบัญญัติ แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 16:31:07 จากคุณ : ดาญาณ - [ 21 ก.ค. 51 16:29:55 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ลบ(ซ้ำ) แก้ไขเมื่อ 21 ก.ค. 51 16:33:31 จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 16:29:59 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ก็รู้ว่าสำเร็จด้วยสัญญา.....ภาษาบัญญัติ...แล้วยังไง ใครๆก็รู้ อีกหน่อยก็แก้ทุกข์ด้วยสัญญา เหมือน ดาญาณ.... จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 16:37:54 ]

ความคิดเห็นที่ 80 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ผู้พูดไม่เป็นธรรม ขึ้นชื่อว่าไม่เป็น สัตบุรุษ จากคุณ : ดาญาณ - [ 21 ก.ค. 51 17:38:12 ]

ความคิดเห็นที่ 81 ไม่เป็นธรรมตรงไหน จริงก็ธรรม ไม่จริงก็ธรรม   เคยได้ยินบทสวด บทนี้ไหม ดาญาณ...กุศลาธรรมมา อกุศลาก็ธรรมมา. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 19:43:01 ]

ความคิดเห็นที่ 82 หากอ่านตำรา หนังสือเพียงอย่างเดียว แล้วแก้ทุกข์ได้....พระพุทธองค์คงไม่ต้องออกผนวช นัง่อ่านตำราอย่างเดียว...ใช่ไหมดาญาณ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 ก.ค. 51 19:57:19 ]

ความคิดเห็นที่ 83 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ตอบ  วาจาสุภาษิต จะไม่มีผลกับผู้ไม่ทำตาม จากคุณ : ดาญาณ - [ 22 ก.ค. 51 08:19:59 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ไม่เป็นธรรมตรงไหน จริงก็ธรรม ไม่จริงก็ธรรม เคยได้ยินบทสวด บทนี้ไหม ดาญาณ...กุศลาธรรมมา อกุศลาก็ธรรมมา. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ตอบ   ต่อให้คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ยกพระไตรปิฏกมาทั้งตู้    ก็เป็นเท็จ เพราะคุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ข้างในยังเป็นเท็จ ธรรมะ 84,000 พระธรรมขันธ์ล้วนออกมาจากใจของ พระพุทธเจ้า   ที่ข้างในใจท่านจริงแล้ว บวกกับสัจจะธรรมความจริงที่มีอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่ท่านจะมาตรัสรู้ธรรมะ คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้   มาเป็นศิษย์เราดีกว่า เราคือบุคลที่  ที่สำนักดัง ๆ ดึงเอาประวัติไป แบบคัดน้ำเข้านาตัวเอง "นอสตราดามุสได้ย้ำไว้อย่างชัดเจนในบทโคลงทำนายร่วม 60 บทว่า จะมี ศรัทธาใหม่ หรือ New Faith ที่คนทั่วโลกหันมาทุ่มเทความศรัทธาให้ ท่านระบุ ไว้หลายครั้งว่า ความเชื่อใหม่จะปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์ก่อนสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 หรือก่อนการสิ้นสุดของ ค.ศ. 2000" จากคุณ : ดาญาณ - [ 22 ก.ค. 51 08:43:43 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ก็ได้...ผมยอมเป็นลูกศิษย์คุณ ดาญาณ ...แต่คุณต้องตอบปัญหาผมก่อน และไม่ตะแบง มีหลักฐานอ้างอิงได้ อยากดูว่าคุณมีภูมรู้ ทั้งโลกและธรรมพร้อมไหม.        ข้อแรก. .ใครคืออาจารย์ สอนธรรมคุณ        ข้อสอง.. คุณสนใจศึกษาธรรม เพราะอยากเป็นศาสดาใช่ไหม อะไรเป็นเหตุให้คุณบวชพระ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 ก.ค. 51 09:13:54 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ความคิดเห็นที่ 84 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้   มาเป็นศิษย์เราดีกว่า เราคือบุคลที่   ที่สำนักดัง ๆ ดึงเอาประวัติไป แบบคัดน้ำเข้านาตัวเอง "นอสตราดามุสได้ย้ำไว้อย่างชัดเจน ในบทโคลงทำนายร่วม 60 บทว่า จะมีศรัทธาใหม่ หรือ New Faith ที่คนทั่วโลกหันมาทุ่มเทความศรัทธาให้ ท่านระบุไว้หลายครั้งว่า ความเชื่อใหม่ จะปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์ก่อนสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 หรือก่อนการสิ้นสุดของ ค.ศ. 2000" จากคุณ : ดาญาณ  - [ 22 ก.ค. 51 08:43:43 ] .................................. ความคิดเห็นที่ 85   ก็ได้...ผมยอมเป็นลูกศิษย์คุณ ดาญาณ ... แต่คุณต้อง....................... จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้   - [ 22 ก.ค. 51 09:13:54 ] ....................................... 5555555555555555555 เสร็จแน่ คราวนี้ คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ 555555555555555555 ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม จากคุณ : kongsilp2000 - [ 22 ก.ค. 51 11:23:49 ]

ความคิดเห็นที่ 87 ผมให้ท่าน... kongsilp 2000 สมัครก่อน จะได้เป็นศิษย์พี่ใหญ่ครับ... จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 ก.ค. 51 14:01:16 ]

ความคิดเห็นที่ 88 55555555555555555555555 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ไปตกลงรับปากเขาแล้ว เบี้ยวไม่ได้แล้วนะ 555555555555555555555555 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 22 ก.ค. 51 14:05:35 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ถ้าสองท่านข้างบนสมัคร ผมก็สมัคร เอ้าาา จากคุณ : Hualon - [ 22 ก.ค. 51 14:19:46 ]

ความคิดเห็นที่ 90 ผมรักษาสัจจะแน่....แต่ท่านดาญาณ จะต้องพิสูจน์ตัวเองด้วย ว่าท่านเป็น สัมมาทิฏฐิ แบบมีที่มา มีที่ไป             เอาแค่ ให้ผมรู้ที่มาที่ไป ของเหตุที่เกิด พอยืนยันหลักฐานได้ละก็ไม่ต้องละเอียดแค่ให้ สรุปเหตุได้ว่าท่านมีภูมิรู้จริง ผมจะยอมรับท่านเอง        แล้วผมจะขอให้ท่านสอนสั่งหลายๆเรื่องครับ เพราะคนอย่าง คุณดาญาณ มิใช่จะหาง่ายๆ ในยุคนี้  พวก"มังคุดคัด" ซะด้วย และเท่าที่คุยมาเขามีความรู้ก้ำกึ่งกับจิตนาการแปลกๆ   ...ว่าแต่ว่าท่าน kongsilp 2000  ไม่ต้องย้ำบ่อยนักหรอกครับ ....ผมเขินทำไงได้ เผลอ พลาดไปแล้วววว....ครับ . จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 ก.ค. 51 15:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 91 กระทู้นี้สนุกกันใหญ่ พระสีข้างแสดงสเปโตปริยยานนนนนนนน กระจาย !!!!! เหอ ๆ ๆ จากคุณ : สุภวิโมกข์ - [ 22 ก.ค. 51 15:55:59 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ข้อแรก. .ใครคืออาจารย์ สอนธรรมคุณ ตอบ พ่อเราศึกษาธรรมะ ในสำนักหลวงปู่บุญมี อิณนุมุตโต และพ่อเราถ่ายทอดภูมิรู้ ทั้งหมดให้กับเรา และเราก็นำมาสานต่อ หลังจากหลวงปู่บุญมี ท่านสำเร็จธรรมพระอนาคามี จากคำยืนยัน ของหลวงปู่อ่ำ  ธัมมกาโม ท่านเป็นศิษย์รุ่นกลางของหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายปฏิบัติวิปัสสนาชื่อดัง เราวิงวอน ขอร้อง  ให้หลวงปู่อ่ำ ดูว่าหลวงปู่บุญมีท่าน เข้านิพพานหรือยัง  ท่านปฏิเสธถึง 2 ครั้ง เราอ้อนวน 3 ครั้ง  ท่านจึงบอกคติของชั้นภูมิของหลวงปู่บุญมี อย่างขัดเราไม่ได้  ท่านบอกเราว่า จากที่หลวงปู่พิจารณา ดูแล้ว อย่างนี้เราว่าไปเกิดนะ ท่านยืนยัน 3 ครั้ง ก่อนวันที่ผมจะค้นพบตัวเอง  ผมเดินจงกลมรอบอุโปสถ กับพระพล จาก 4 ทุ่ม ไปถึง ตี 4  ตีห้าเข้าที่นั่งสมาธิ ได้นิมิต มีชายขาวร่างใหญ่  มีอินทรีย์ที่ผ่องใส นำข่าวจาก  สุทธาวาสพรหม  มาบอกผม ว่า  หลวงปู่บุญมีท่านฝากพรมาให้ พรข้อที่ 1 . ให้ได้ความหลุดพ้น พรข้อที่ 2 . ให้แม่เราขายที่ได้ ต่อมาในพรรษาสี  เทวดาลงมาบอกว่าท่าน ๆ หลวงปู่บุญมีท่านสำเร็จเป็นพระอรหันต์แล้ว ท่านนิพพานในพรหมโลก  ไม่เชื่อให้ไปดูกระดูกท่าน เป็นพระธาตุแล้ว   ผมก็ไปพิสูจน์กระดูกท่านมีสีเหลือง ดอกมะลิ นี่คือส่วนที่ผม  เก็บงำไว้ ไม่ได้เล่า ต่อเนื่องในธรรมะ จักรวาลย้อนหนึ่ง ข้อสอง.. คุณสนใจศึกษาธรรม เพราะอยากเป็นศาสดาใช่ไหม อะไรเป็นเหตุให้คุณบวชพระ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ตอบ ผมมารู้ว่าตนตั้งความปราถนาพุทธภูมิบารมี 30 ทัศเต็มแล้ว จากที่ผมฟังแม่ผมบ่นเรื่อง พระพุทธเจ้าเกิดมามากกว่า 10 ชาติ และท่านจะต้องเกิดมาเป็นอะไร ๆ  ต่ออะไร ตั้งมากมาย แม่ผมอธิฐานไม่ขอเป็นพระพุทธเจ้า  ขอแค่ความหลุดพ้น จากที่เราฟังจบ  ก็เกิดญาณหยั้งรู้ว่า  บุญเต็มแล้ว เพราะเอาตัวเองไปเทียบกับ  ชาติภพของพระพุทธเจ้าที่มาเกิดมากกว่าเม็ด ทรายในมหาสมุทร คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้  ผมจึงไม่ให้ความสนใจกับการทำบุญ ทำทาน  เท่ากับการถือศีลภาวนา  จนทาน ศีล ภาวนา มรรคสมังคีคืออริยมรรคมาประชุมเสมอกันในการประหารกิเลส เป็นเป็นสมุทเฉกประหารกิเลส รวมกันเป็นจิตหนึ่ง  คือพุทธะ จากคุณ : ดาญาณ - [ 22 ก.ค. 51 18:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ... คืนหนึ่งเราจิตสัมผัสหลวงตามหาบัว ท่านเอาผ้าไตรจีวรใส่พานมาให้  กับชุดนักธุรกิจพร้อมกระเป๋าเจมบอล หลวงตามหาบัวถามเราว่า  ตกลงจะใช้จีวรพระ หรือชุดนักธุรกิจ ออกไปเผยแพร่พระศาสนา ผมกล่าวกับท่าน  ด้วยเสียงเรียบปกติ หลวงตาครับผมขอชุดนักธุรกิจครับ ก็เห็นท่าน หงายหลังล้มไป ... จากคุณ : ดาญาณ  - [ 22 ก.ค. 51 09:30:17 ] http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6791141/Y6791141.html#80 จากคุณ : JitZungkabuai - [ 22 ก.ค. 51 18:59:30 ]

ความคิดเห็นที่ 94 จิตหนึ่ง  คือพุทธะ  ต้อง ชุดนักธุรกิจพร้อมกระเป๋าเจมบอล เท่านั้น สาทุด บร๊ะสีข้างอานดาญาณ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 22 ก.ค. 51 19:02:40 ]

ความคิดเห็นที่ 95 ท่านจิต....ขอโอกาส ขอยืมกระทู้ท่านสื่อสารต่อครับ อนุโมทนาครับ   คุณดาญาณ..หลวงปู่บุญมี องค์ที่ท่านดุมากๆนั่นใช่ไหมครับ จังหวัดสุรินทร์ใช่ไหม  คุณพ่อคุณ ศึกษาธรรมสายพระป่าหรือ เหตุใดคุณจึงมีความรู้ปริยัติสูงล่ะ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 ก.ค. 51 20:27:58 ]

ความคิดเห็นที่ 96 เราคือ....อหิงสโก .........ดาญาณ เชื่อหรือไม่ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 ก.ค. 51 20:49:36 ]

ความคิดเห็นที่ 97 5555555555555555555555555555 กระทู้นี้.........กำลังซานุก........... 5555555555555555555555555555 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 22 ก.ค. 51 23:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ตอบว่าไม่ใช่ครับ  องค์นี้ท่านมากด้วยเมตตา-อิทฐิฤทธิ์ -บุญญฤทธิ์ หลวงปู่บุญมีท่านมีอาจารย์หลายองค์ ล้วนแต่มีบุญญฤทธิ์  องค์นี้ท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเฌร และโคจรไปพบ  กับหลวงปู่สิงห์ ขนฺตยาคโม  ท่านพาไปฝากไว้กับ ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ท่านมีสหธรรมมิก  หลวงปู่กินรี จนฺทิโย ต่อมาท่านมาสร้างวัดใช้ ชื่อวัด  - `๏’ - วิมุตติยาราม- `๏’ - ท่านพาญาติโยมตาสีตาสา เข้าไปหา หลวงปู่เทศก์  เทสรังสี ท่านชื่นชมหลวงปู่บุญมี  และชมต่อหน้าศรัทธาญาติโยม ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์  รักษาให้ดีนะ พระองค์นี้เป็นเพชร จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 09:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ความคิดเห็นที่ 96   เราคือ....อหิงสโก .........ดาญาณ เชื่อหรือไม่ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ ตอบ อย่าพึงโกรธ ถ้าผมยังไม่เชื่อ ต่อเมื่อ คุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้ มาเข้าข่ายญาณผมก่อน แล้วผมจะกลั่นกรองพิจารณาอีกครั้ง ว่าควรเชื่อ จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 09:20:36 ]

ความคิดเห็นที่ 100 คนที่ 100 ยิปปี้ ( 8 - @ จากคุณ : hollowpig - [ 23 ก.ค. 51 09:41:36 ]

ความคิดเห็นที่ 101 .. จากคุณ : @mantras - [ 23 ก.ค. 51 10:01:27 ]

ความคิดเห็นที่ 102 ความคิดเห็นที่ 99 ต่อเมื่อ คุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้ มาเข้าข่ายญาณผมก่อน แล้วผมจะกลั่นกรองพิจารณาอีกครั้ง ว่าควรเชื่อ จากคุณ : ดาญาณ  - [ 23 ก.ค. 51 09:20:36 ]   ............................................ อ้าว ท่าน ดาญาณ ท่านบอกใน ความคิดเห็นที่ 75   ว่า "ส่องในไม่ใช่ส่องนอก" ไง แล้วข่ายญาณจะไปรู้เรื่อง คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ เ ว่าเป็น....อหิงสโก ........ได้หรือไม่ได้ยังไงกันล่ะ ????? .............................. ????? ถามแบบซีเรียสนะเนี่ย ..................... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 11:34:16 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 23 ก.ค. 51 10:04:30 ]

ความคิดเห็นที่ 103 heh ! heh ! heh ! จากคุณ : hollowpig - [ 23 ก.ค. 51 11:29:11 ]

ความคิดเห็นที่ 104 อ้าว ท่าน ดาญาณ ท่านบอกใน ความคิดเห็นที่ 75   ว่า "ส่องในไม่ใช่ส่องนอก" ไง แล้วข่ายญาณจะไปรู้เรื่อง คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ เ ว่าเป็น....อหิงสโก ........ได้หรือไม่ได้ยังไงกันล่ะ ????? .............................. ????? ถามแบบซีเรียสนะเนี่ย ..................... แก้ไขเมื่อ 23 ก.ค. 51 11:34:16 จากคุณ : kongsilp2000  - [ 23 ก.ค. 51 10:04:30 ตอบ   พระสัพพัญญุตญาณ สามารถ   ซูมเข้าซูมออกเพื่อส่อง ข่ายญาณหาผู้มีอุปนิสัย เหมือนมีเครื่องรับคลื่นพลังจิต พร้อมกับเป็นเครื่องส่งคลื่นพลังจิตไปในตัว เพื่อการบรรลุธรรม ในปัจจุบัน หรือ แม้แต่ในอนาคต กล่าวแล้วคือ การสำเร็จแก่พระสร้อยเพชชุดาญาณ จักได้ตรัสเป็นพระพุทธเจ้า ทรงพระนามว่า พระศรีอาริยเมตไตรย์   ว่า "ส่องในไม่ใช่ส่องนอก" ไง ข้อนี้ไม่ฟิตอยู่กับ ผู้ที่ฝึกจิตมาดีแล้ว จิตตัง ทันตัง สุขาวะหัง:จิตที่ฝึกดีแล้ว นำความสุขมาให้ คุณ kongsilp2000 อาวุโส จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 11:57:54 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อย่าลืมตอบ คห.81 ของผมที่กระทู้ จิตพระอรหันต์ในยุครับปีมิลเลนเนียม 2008 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6791141/Y6791141.htm ล่ะกันครับ จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 23 ก.ค. 51 13:32:33 ]

ความคิดเห็นที่ 106 การเข้าญาณ-สมาบัติ ถอดจิต อันเป็นกีฬาทางจิต..                  .เปรียบเหมือนการจุติเป็นเทพ สามารถไปได้ทั่วสามภพ-ภูมิ ไม่สนุกกว่าห้องศาสนานี้หรือ ไม่มีผู้โต้แย้ง ให้กระทบกระเทือนอารมณ์....ทำไมคุณ ดาญาณไม่เลือกสื่อสารในทางนั้น ยังครองสังขารขันธ์ไว้เพื่ออะไร..ทำไม   ท่านนั่งสมาธิ บ้างไหม วันละกี่ครั้ง กี่ชั่วโมง ภาวนาอะไรเป็นอารมณ์ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 23 ก.ค. 51 13:34:23 ]

ความคิดเห็นที่ 107 เราทรงฌาน 4 ได้ทั้งวัน และทุกวัน เป็นอัตโนมัต อริยาบถไหนก็เป็นธรรมทั้งแท่ง สมาธิลืมตาก็ได้  พระอรหันต์จิตท่านบริสุทธิ์แล้ว ไม่นิยมไปสงบในสมาบัติ แต่ถ้าเป็นผลสมาบัติ นิยมเข้านิโรธสมาบัติ เท่าที่จะยับยั้งได้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 16:05:52 ]

ความคิดเห็นที่ 108 สภาวะฌาน4.....มีอาการอย่างไร หากท่านลืมตาอยู่และทำงานตามปกติ เห็นภพภูมิอื่นหรือไม่ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 23 ก.ค. 51 17:25:09 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ......... ท่าท่าง ศิษย์ - อาจารย์ คู่นี้ จะเอาจริงแฮะ .............. ........  เลื่อม สาย  ๆ ๆ ๆ .............................................. จากคุณ : kongsilp2000 - [ 23 ก.ค. 51 17:56:39 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ลมหายใจละเอียด มาก ๆ แทบจะไม่ได้หายใจ เทียบได้เท่ากับ  ทารกที่อยู่ในครรภ์มารดา หรือการดำน้ำ เห็นแต่ต่างคนต่างอยู่  ก็มีบ้างพึ่งพาอาศัยกัน จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 18:10:08 ]

ความคิดเห็นที่ 111 คุณ : ดาญาณ ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว ท่านจะเปิดตัวให้มากกว่านี้ ก็เปิดไปเลยนะ เอารูปลงด้วยก็ได้ ไม่ต้องรอให้ถาม ๆ  ๆ ๆ ขอให้ท่านโชคดี และขอให้ทุก ๆ ท่านเจริญในธรรม จากคุณ : kongsilp2000 - [ 23 ก.ค. 51 19:05:29 ]

ความคิดเห็นที่ 112 คุณ : kongsilp2000 ให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่าให้มันดังหลาย ปะเดี๋ยวมันจะแตก แบบพระยันตระ จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 19:56:08 ]

ความคิดเห็นที่ 113 คุณ : Maxymillion (Maxymillion) คห.81 ของผมที่กระทู้ จิตพระอรหันต์ในยุครับปีมิลเลนเนียม 2008 ผมดาญาณ  เข้าไปตอบแล้วนะครับ ความคิดเห็นที่ 93 คุณ : Maxymillion (Maxymillion) เข้าไปดูบ้างนะครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6791141/Y6791141.html จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 20:47:28 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ท่าน..kongsilp ศิษย์พี่ใหญ่....ช่วยผมบ้าง ท่านดาญาณ ความรู้สูงส่งยิ่งและของจริงซะด้วย ผมยังไม่หมดคำถามครับ อนุโมทนา เราคุยกันจนเป็นกันเองแล้ว บรรยากาศดีมากครับ ผมจะรอถามลึกๆคุณดาญาณต่อไป ไม่นานครับ  คุณดาญาณ...เห็นหลวงพ่อ ฤษี ท่านเดินไปไหนมาไหน ออกบิณฑบาตร .ในป่า ยังทรงแค่อุปจารสมาธิ ...แล้วเจริญพรมหวิหารตลอด  เหตุใดคุณต้องเข้าฌาน4 อยู่ทั้งวัน ... จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 23 ก.ค. 51 20:55:18 ]

ความคิดเห็นที่ 115 เรื่องกามล่ะครับ ท่านพิจราณาอย่างไร ที่สำคัญที่สุด ...เหตุใดท่านข้ามสมมุติโลก ไม่เคารพสมมุติ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร...ท่านดาญาณ     เรื่องที่ท่านสื่อเรื่อง ผีสาวนั้น เป็นเพราะอะไร...ทำไม ?(ขอโทษ) จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 23 ก.ค. 51 21:14:18 ]

ความคิดเห็นที่ 116 ตอบคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ เหตุที่ผมเข้าฌาน4 อยู่ทั้งวัน ... ขนฺตี ปรมํ ตโป ตีติกฺขา ขันตี คือความอดกลั้น เป็นธรรมเครื่องเผากิเลสอย่างยิ่ง นิพฺพานํ ปรมํ วทนฺติ พุทฺธา ผู้รู้ทั้งหลาย กล่าวพระนิพพานว่าเป็นธรรมอันยิ่ง น หิ ปพฺพชิโต ปรูปฆาตี ผู้กำจัดสัตว์อื่นอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นบรรพชิตเลย สมโณ โหติ ปรํ วิเหธยนฺโต ผู้ทำสัตว์อื่นให้ลำบากอยู่ ไม่ชื่อว่าเป็นสมณะเลย สพฺพปาปสฺส อกรณํ การไม่ทำความชั่วทั้งปวง กุสลสฺสุปสมฺปทา การทำความดีให้ถึงพร้อม สจิตฺต ปริโยทปนํ การทำใจให้สะอาดบริสุทธิ์ เอตํ พุทฺธานสาสนํ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธศาสนา อนูปวาโท อนูปฆาโต การไม่พูดร้าย การไม่ทำร้าย ปาติโมกฺเข จ สํวโร การสำรวมในปาติโมกข์ มตฺตญฺญุตา จ ภตฺตสฺมึ ความเป็นผู้รู้ประมาณในการบริโภค ปนฺตญฺจ สยนาสนํ การนอน การนั่ง ในที่อันสงัด อธิ จิตฺเต จ อาโยโค ความหมั่นประกอบในการทำจิตให้ยิ่ง เอตํ พุทฺธานสาสนนฺติ นี้เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย มีข้อความในโอวาทปาฏิโมกข์ที่อาจจะจำเพาะเจาะ จงสำหรับนักบวชหรือบรรพชิต และบางข้อก็นำไปประพฤติปฏิบัติได้ทั้ง บรรพชิตและผู้ครองเรือน พ่อ ฤษี ท่านเป็นสาวกภูมิ ไม่ใช่พุทธภูมิ ท่านจึงไม่ขอแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า แข่งเรือแข่งพายแข่งได้ แข่งบุญวาสนาแข่งกันไม่ได้ ตามวาสนาเหตุ ปัจจัยที่ทำมา จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 22:26:21 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เรื่องกามล่ะครับ ท่านพิจราณาอย่างไร ที่สำคัญที่สุด ...เหตุใดท่านข้ามสมมุติโลก ไม่เคารพสมมุติ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร...ท่านดาญาณ เรื่องที่ท่านสื่อเรื่อง ผีสาวนั้น เป็นเพราะอะไร...ทำไม ?(ขอโทษ) จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้  - [ 23 ก.ค. 51 21:14:18 ] ตอบ ผีสาวที่คุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้กล่าวถึง ผมไม่รู้จัก เอาความหลุดพ้นเป็นการันตรี ผมรู้จักแต่นางกวัก   เพราะท่านมาสื่อกับผม ให้ระรึกถึง นางนงประจันต์ หรือ นางพระจันทร์ หรือแม่ย่าศรีประจันทร์ นำใยบัวมาทอเป็นจีวรจนสำเร็จเป็นผืน เพื่อนำไปถวายแด่พระศรีอาริยะเมตไตรย ที่จะทรงเสด็จมาตรัสรู้  ท้าวกกขนากจึงจะพ้นคำสาป เพื่อที่จะได้แผ่เมตตาให้ นางที่ทำเพื่อผม ยอมทนลำบากมานาน  มาก ๆ  จนผมซึ้งน้ำใจ แม่ย่าศรีประจันทร์ถ้าท่านต้องทุกข์ขอให้พ้นจากทุกข์ ถ้าท่านมีความสุขแล้วก็ขอให้สุขยิ่ง ๆ ขึ้นตราปเข้าพระนิพพาน ในสำนักของเราตถาคต และผมมีรูปท่านนางกวัก  ที่มีร่างญาณผ่านเข้าผ่านออก http://www.dek-d.com/board/view.php?id=961198 เรียกว่าตัญหา 3 กามตัญหา ความทยานอยากในกามคุณ เรื่องกามไม่ใช่เรื่องเพศอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันรวมอยู่ในความอยากทั้งหมด ภวตัญหา  มีหนึ่งแล้ว ก็สาม  สี่  ไปจนเป็นอินฟินิตี้ วิภาวะตัญหา  ได้มาแล้วก็อยากผะทิ้ง ผะออก ไม่อยากได้ในสิ่งที่มีแล้วเป็นแล้ว แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 09:35:04 จากคุณ : ดาญาณ - [ 23 ก.ค. 51 22:53:09 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ท่านดาญาณ จบนักธรรมโท บรรพชาที่ สำนักหลวงปู่ชอบ จังหวัดเลย ศึกษาธรรมกับ บิดา มารดา ตั้งแต่อายุ 5ขวบ แต่อยู่ปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่ บุญมี ปัจจุบันทำงาน(สึกแล้ว) ยังไม่มีครอบครัว อายุไม่บอก        ผมพยายามถามท่าน เพื่ออยากทราบสภาพโดยทั่วไปของจิตใจท่าน เพื่อให้เพื่อนๆในนี้ได้ร่วมเข้าใจท่าน  เกี่ยวกับตัวท่านเพื่อความเป็นกัลยาณมิตรกัน ผมรู้ว่าท่านดาญาณ ก็ทราบดีจึงตอบมาให้โดยไม่ปิดบัง        และเพื่อให้เพื่อนๆในบอร์ดนี้เข้าใจท่านด้วย พร้อมที่จะเป็นมิตรและช่วยกันซักถาม ท่านให้หายสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่ท่านสื่อมา ความรู้ท่านหากเอาตัวผมวัดแล้วท่านเหนือกว่าผมมาก  ท่านต้องทราบดีว่า สภาวะโสดาบัน หรืออรหันต์ นั้นใครที่บรรลุแล้ว เขาจะไม่มาคุยบอกใคร ๆ เพราะจะถูกกล่าวหาว่าบ้า เหตุใดท่านจึงบอกเขาไปทั่ว..ขออภัยที่ต้องถามท่านอีก จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 23 ก.ค. 51 23:04:55 ]

ความคิดเห็นที่ 119 พระศาสดาบรรลุธรรม บอกตั้งแต่วันแรกที่พบคนมีอุปนิสัยอรหันต์ แล้วมักจะบอก  ถ้าไม่บอกก็จะไม่มีใคร บรรลุตาม  ธรรมนี้เป็นของลอกเรียนได้ยาก ต้องสำเร็จเสียก่องจึงประกาศข่าวดีออกไป อายุเรา  37 เรากำลังคบหาดูใจกับคนในวงการดารา เป็นคนที่มี ทิฐิสูง ด้วยชาติตระกูล การศึกษา แต่มีของเก่าได้อภิญญาใหญ่ ขาดแต่  "อาสวักขญาณ" จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 08:08:20 ]

ความคิดเห็นที่ 120 อายุเรา  37 เรากำลังคบหาดูใจกับคนในวงการดารา จากคุณ : ดาญาณ  - [ 24 ก.ค. 51 08:08:20 ] .............................. แปลว่า คุณ ดาญาณ อายุ 37 กำลังคั่วอยู่กับสาวที่เป็นดารา ในวงการมายาใช่ไหม ????? ................... ????? อะไรจะขนาดนั้น????? จากคุณ : kongsilp2000 - [ 24 ก.ค. 51 09:10:29 ]

ความคิดเห็นที่ 121 เข้ามาคลายเครียดยามเช้าเสียหน่อย เอิ๊ก ๆ ๆ จากคุณ : สุภวิโมกข์ - [ 24 ก.ค. 51 09:27:30 ]

ความคิดเห็นที่ 122 คุณ : kongsilp2000 บุคคลที่  ท่านกำลังคิด เค้าจะมาเป็นผู้นำสตรี ในกาลที่ยุคศีลธรรมเสื่อมทรามลง พระเจ้าเลือกเค้าไว้ก่อนแล้ว เหมือนที่พระเจ้าเลือกเราเป็นผู้รับพร ท่าน: kongsilp2000 จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 09:29:46 ]

ความคิดเห็นที่ 123 ...เหตุใดท่านข้ามสมมุติโลก ไม่เคารพสมมุติ ท่านจะอธิบายเรื่องนี้อย่างไร...ท่านดาญาณ บุญบาปเป็น  ของสมมุติ  เอาไว้ใช้ในโลกมนุษย์เท่านั้น ก้าเราอยากอยู่เหนือโลก เราต้องละทั้งบุญทั้งบาป ถ้าคนในโลกนี้  เกลียดบาป  รักคุณธรรมความดี ก็จะเป็นความมืดสีขาว น่ากลัวกว่า  พวกทำบาปจะ ๆ อีกนะคุณ kongsilp2000 ,  คุณ เกิดเป็นคนช่าง ยากแท้ จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 09:47:26 ]

ความคิดเห็นที่ 124 ความคิดเห็นที่ 122   คุณ : kongsilp2000 บุคคลที่  ท่านกำลังคิด เค้าจะมาเป็นผู้นำสตรี ในกาลที่ยุคศีลธรรมเสื่อมทรามลง พระเจ้าเลือกเค้าไว้ก่อนแล้ว เหมือนที่พระเจ้าเลือกเราเป็นผู้รับพร ท่าน: kongsilp2000 จากคุณ : ดาญาณ  - [ 24 ก.ค. 51 09:29:46 ]   ................................. อ้าว........... ท่าน ดาญาณ ท่านมี "พระเจ้า" ด้วยหรือ ????? หลงคิดว่าท่านนับถือศาสนาพุทธมาตั้งนาน !!!!! ...................................... ????? จากคุณ : kongsilp2000 - [ 24 ก.ค. 51 10:36:41 ]

ความคิดเห็นที่ 125 เรียน คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ กระทู้นี้ยุติการสนทนาได้แล้วมั๊ง ขืนคุยต่อไป ประเดี๋ยวคุณก็อาจจะหลุดโลก ตามคุณ ดาญาณไปด้วย หรือว่าไง ?????? จากคุณ : kongsilp2000 - [ 24 ก.ค. 51 10:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 126 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ จะบรรลุธรรม เอายามเช้า แต่คุณ : kongsilp2000 มาเพลี้ง พล้ำ เอายาม         - `๏’ -  สาย- `๏’ - จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 12:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 127 คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ คุณคิดว่าผมจะต้องมีลักษณะเป็นยังใงครับ นักบวช ทรงศีล มาจากป่า ไว้เครา ถือไม้เท้ารึปล่าวครับ จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 12:26:03 ]

ความคิดเห็นที่ 128 หลวงพ่อพุธ ฐานิโย "พระเจ้า" ของพระพุทธเจ้านี่คืออวิชชา จากคุณ : Hualon - [ 24 ก.ค. 51 12:35:06 ]

ความคิดเห็นที่ 129 คุณ : Hualon รวมกับคำว่า พระเจ้าห้า พระองค์ ด้วยใช่หรือไม่ แต่มีคำพูดที่ค้านกันอยู่ พระพุทธเจ้ายอมรับการมีอยู่ของเทวดา แต่พระพุทธเจ้าปฏิเสธการมีอยู่ของพระเจ้า คุณ : Hualon  ช่วยดิดแทนผมด้วยครับ จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 13:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ขออภัยนะครับคุณ JitZungkabuai กระทู้เก่าปุ่มส่งข้อความโหลดไม่ขึ้นเลยครับ ขอฝากข้อความในกระทู้นี้ต่อครับ ผมถามคุณดาญานใน คห. 81 กระทู้ "จิตพระอรหันต์ในยุครับปีมิลเลนเนียม 2008" 1. อารมณ์จัดเป็นผลที่เกิดจากการปรุงแต่ง "ฤทธิ์จึงเป็นบุญญฤทธิ์ เป็นของเล่นของพระอริยเจ้า และเป็นเครื่องอยู่เครื่องอาศัยให้หายเบื่อหายเซ็ง" (คห.70) ประโยคนี้ก็บ่งบอกว่า "มีเบื่อมีเซ็ง" อยู่ ถ้าไม่เกิดการปรุงแต่ง(สังขาร) แล้วจะเบื่อจะเซ็งได้อย่างไรครับ? 2. กองลมที่เรียกว่าวิญญาณ วิญญาณเป็นกองลมชนิดหนึ่งหรือครับ? คุณตอบใน คห. 93 "อาการไม่ มีจิต ไม่มีใจ กองลมหายไปหมด พรหมไร้กาย แต่จิตอยู่ แต่นี่ไร้กาย ไร้จิต แม้แต่จุดดำที่เท่าปลายเข็ม ก็ลบหมด เราอยู่ทุกที่" คุณดาญาณกำลังจะบอกผมใช่ไหมว่า ไม่มีจิต จึงไม่เกิดการปรุงแต่ง แต่คุณเองก็เป็นคนบอกว่า "มีเบื่อมีเซ็ง" ถ้าไม่มีจิตจะมีเบื่อมีเซ็งไหมครับ? อีกอย่างหนึ่ง พระอรหันต์ที่ยังครองร่างกายที่ไหนครับ ที่ไม่มีจิต? ไม่เคยเจอครับ เรื่องกองลมหายไปก็เป็นธรรมดาของฌาน 4 อีก แล้วกองลมเกี่ยวอะไรกับวิญญาณครับ? จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 24 ก.ค. 51 14:09:01 ]

ความคิดเห็นที่ 131 ความคิดเห็นที่ 126   คุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ จะบรรลุธรรมเอายามเช้า แต่คุณ : kongsilp2000 มาเพลี้ง พล้ำ เอายาม         - `๏’ -  สาย- `๏’ - จากคุณ : ดาญาณ  - [ 24 ก.ค. 51 12:13:57 ]     ........................................... เสนอให้ยุติการคุยกัน เลยไม่พอใจหรือไง ท่านดาญาณ จากคุณ : kongsilp2000 - [ 24 ก.ค. 51 14:48:43 ]

ความคิดเห็นที่ 132 5555 ผมวัดพลัง ของ คุณkongsilp2000 อย่าคิดอะไรให้มาก ท่าน ผมแค่ยั่วโทษะเล่น ๆ จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 15:12:14 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ขอบคุณ..ครับท่าน kongsilp 2000 ที่เป็นห่วง แต่ผม "ข้องใจ" อยู่หลายอย่าง         1.ท่านผู้รู้อีกมากมายในกระทู้นี้ ยังเงียบกันอีกมาก ขออนุโมทนาด้วย อ่านแล้ว หากเข้าใจเจตนาผม ขอได้โปรดสร้างกุศลร่วมกันด้วยครับ ท่านที่เข้มแข็งต้องสานต่อ รับช่วงจากผม เพราะผมต้องพักบ้างครับ หรือท่านจะฆ่าเขาทิ้ง.......ครับ               มีท่าน maxymillion ท่าน kongsilp ท่าน Houlon  ที่ติดตามสนใจจริงท่านอื่นๆอาจตามอ่านแต่ยังไม่ออกมาช่วยเท่านั้น โดยเฉพาะ ท่านจิต ซัง ฯเมตตาด้วยครับ...ช่วยคนๆเดียว อานิสงส์ มากกว่าสร้างโบสถ์ถึงร้อยโบสถ์พันโสถ์ ตอนนี้ทุกท่านมีโอกาสแล้ว เหตุใดจะทิ้งเสียเล่าครับ...            2. หากท่านตัดสิน เขาไปแล้ว  ผมว่าเหมือนประหารเขาในบอร์ดนี้ เราจะช่วยรักษาเขาไม่ใช่รึครับ หรือช่วยให้เขารู้ตัว        อาการเขาเหมือนหลง ไม่ได้หนักสาหัสอะไรนัก ท่านพุทธทาส ฯล ก็ยังเคยรักษาคนโดยให้สติแบบนี้แหละครับ       ท่านดาญาณ มีความรู้มาก ชวนคุยก็จะสร้างสติเขาเช่นกัน ตามไสตล์แต่ละคน      แหย่บ้าง สนุกบ้าง แย้งให้เขาตอบเหตุผล เรื่องปฏิบัติ ก็ได้ครับ เขาย้อมเราไม่ได้นานหลอกครับ เพราะหลักเราดี มั่นคง สัมมาทิฏฐิ       การชวนเขาคุย จะทำให้เขามีสติ แต่สติจะติดต่อขนาดไหน  แสดงภูมิรู้ ผิดเพี้ยนหรือไม่ มากมายเกินการแก้ไข ไหม....เราก็จะรู้ครับ                          เขายิ่งคุยกับเรามากๆ เราก้ได้ข้อมูลและศึกษาภูมิเพี้ยน-ภูมิรู้เขามาก ตามไปด้วย แต่คุยด้วยความจริงใจครับ ไม่ใช้เล่ห์หลอกเขา             เพียงแต่ ต้องเปลี่ยนหน้าผู้คุยบ้าง เพราะผมอาจจะเป็นอย่างท่าน kongsilp ..ว่าแล้วครับ เพราะผมก็ยังชักเชื่อเขาไปแล้วจริงๆครับ เพราะบางเรื่องเขาพูดจริง มีหลักปฏิบัติที่ไล่เหตุหลักฐานดูได้.     ..ท่านจิตซังฯจขกท . ทำได้แต่จะโดยวิธีใดและจะทำหรือไม่เท่านั้นครับ สาธุ เห็นคนจมน้ำแล้วไม่ช่วย...บ้างหรือครับ อนุโมทนา จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 24 ก.ค. 51 15:20:18 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เป็นอาการ ที่รู้สึกผัสสะ เป็นปัจจัย แล้วก็ถอน  จาก ความยึด มั่นถือมั่น "มีเบื่อมีเซ็ง" มีหิว มีร้อน มีหนาว ฯลฯ คุณ : Maxymillion (Maxymillion) เพราะพระอริยะเจ้ามาเห็นกฏของจักรวาล เกิดขึ้น  ตั้งอยู่  แตกดับไป มาเทียบกับอารมณ์  ที่เกิดดับ เวลามีโลภ ก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน  ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง เวลามีโกรธก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน  ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง เวลามีหลงก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน   ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง อริยะคือผู้เจริญแล้วมองเห็นอารมณ์เป็นกระแสจิต สลับกันไปมา จึงไม่หลงโลกหลงธรรมหลงตัวเอง คุณ : Maxymillion (Maxymillion) แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 15:53:00 แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 15:51:11 จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 15:38:13 ]

ความคิดเห็นที่ 135 ท่านผู้เจริญ Maxymillion (Maxymillion) อีกอย่างหนึ่ง พระอรหันต์ที่ยังครองร่างกายที่ไหนครับ ที่ไม่มีจิต? ไม่เคยเจอครับ ตอบ  ถ้าอย่างที่ท่านเข้าใจเอาเอง เราเรียกว่ายังมีรูป  กับนาม แล้วจะนิพพานได้ยังไง เค้าเรียกว่าตายหลอก ๆ จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 15:57:42 ]

ความคิดเห็นที่ 136 เรื่องกองลมหายไปก็เป็นธรรมดาของฌาน 4 อีก แล้วกองลมเกี่ยวอะไรกับวิญญาณครับ? ตอบ ท่านผู้เจริญ ธาตุ 4  ดิน น้ำ ลม ไฟ เป็นของประจำโลก ใครจะมาเกิด  ก็ต้องเอา ธาตุ 4 มาเกิด เวลาคนจะตายลมเป็นสิ่งสุดท้าย ถ้าดับลมไม่ได้ Maxymillion (Maxymillion) ก็ต้องเกิดอยู่บ่อย ๆ เวลาเราดึงลมหายใจเข้าออก จนละเอียด เราจะพบดวงกสิณ  ในกสิณก็จะเป็นวิญญาณ เมื่อไม่สลายวิญญาณ ก็จะเป็นสสารและพลังงาน เข้ากฏนักวิทยาศาสตร์ สสารและพลังงานไม่สูญหายไปจากโลก คุณ  Maxymillion (Maxymillion) แล้วจะไม่เกิด เป็นไม่มี ทางอื่นเราไปหามาหมดแล้ว ทางเดียวเท่านั้นถ้าไม่ต้องการเกิด สลายวิญญาน  ก็จะดับรูปกับนามได้ - `๏’ - ไม่กลับคืนเป็นสสารและพลังงานได้อีกต่อไป- `๏’ - คุณ  Maxymillion (Maxymillion) แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 16:18:34 จากคุณ : ดาญาณ - [ 24 ก.ค. 51 16:15:18 ]

ความคิดเห็นที่ 137 "พระเจ้า" หมายถึง พระเจ้าใน คคห.122 #133 ถ้าคุณดาญาณ รู้ว่าตนไม่สำเร็จอรหันต์ แล้วโกหกคนอื่นว่าสำเร็จนี่ ก็เลิกคุยกันได้แล้ว แต่ถ้า คุณดาญาณคิดว่าตัวเองสำเร็จ แล้วบอกคนอื่นสำเร็จนี่ อาจพอมีทาง ไม่ฝ่ายคุณดาญาณยอมรับเรา หรือ พวกเรายอมรับคุณดาญาณ #134 ผมคิดว่า ความเบื่อเซ็ง กับ ความหิว  จากความรู้อันน้อยนิด มันคนละเรื่องเลยนะ จากคุณ : Hualon - [ 24 ก.ค. 51 16:37:20 ]

ความคิดเห็นที่ 138 อาการเบื่อและเซ็ง ผมเห็นเป็นกิเลสประเภทหนึ่ง พระอรหันต์หมดกิเลสแล้ว จะเกิดเบื่อกับเซ็งที่เป็นส่วนเกิดจากกิเลสที่ว่าได้อย่างไรครับ? ส่วน หิว ร้อน หนาว อันนั้นเป็นสามัญลักษณะของกายมนุษย์นี่ครับ ส่วนเรื่องจิตนั้น เท่าที่ผมทราบ พระอภิธรรมก็บอกไว้ว่า พระอรหันต์ยังมีจิต แต่เป็นจิตฝ่ายกุศลเท่านั้น ไม่มีอกุศลจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่จิตหายไปเลย เวลามีโลภ เวลามีโกรธ เวลามีหลง คุณดาญาณบอกว่า   "เวลามีโลภ ก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน  ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง    เวลามีโกรธก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน  ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง    เวลามีหลงก็ตรัสรู้ได้เร็วกว่าปุถุชน   ปุถุชนมองเห็นอารมณ์เป็นของต่อเนื่อง" แล้วก่อนหน้าความโลภ ความโกรธ ความหลงเกิดล่ะ อะไรเกิดขึ้นก่อนครับ? คุณดาญาณกล่าวว่า   "ถ้าดับลมไม่ได้ Maxymillion (Maxymillion) ก็ต้องเกิดอยู่บ่อย ๆ    เวลาเราดึงลมหายใจเข้าออก จนละเอียด    เราจะพบดวงกสิณ  ในกสิณก็จะเป็นวิญญาณ" ส่วนในปฏิจจสมุปปบาทที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้นั้น   "อวิชชา สังขาร วิญญาณ นามรูป อายตนะ ผัสสะ เวทนา ฯลฯ" จะเห็นได้ว่า สังขารเป็นปัจจัยให้เกิดวิญญาณ อวิชชาเป็นปัจจัยให้เกิดสังขาร คุณดาญาณกล่าวต่ออีกว่า   "ทางเดียวเท่านั้นถ้าไม่ต้องการเกิด    สลายวิญญาน  ก็จะดับรูปกับนามได้" ก็จะขัดกันกับปฏิจจสมุปปบาทที่พระพุทธเจ้าตรัสไว้สิครับ เพราะต้องดับอวิชชาเท่านั้น จึงจะดับส่วนที่เหลือได้ *Edit: เรียบเรียงประโยคใหม่ครับ แก้ไขเมื่อ 24 ก.ค. 51 17:11:00 จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 24 ก.ค. 51 17:06:46 ]