ความคิดเห็นที่ 1 ทำไมท่าน จขกท. ไม่ติดต่อสอบถาม ไปที่พระสงฆ์รูปนั้น ๆ โดยตรง ซึ่งรายชื่อพระสงฆ์รูปนั้น ๆ ก็น่าจะหาไม่ยาก ท่านจะมาเปิดเวทีวิจารณ์ในที่สาธารณะ เพื่อประโยชน์อะไร ??????????? จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 ส.ค. 51 05:14:09 ]

ความคิดเห็นที่ 2 รัฐเตรียมเพิ่มทุนเรียนพระสงฆ์ไทย          จากการเปิดเผยของ นายอินจันทร์ พุราพันธ์ เลขาธิการคณะองคมนตรี เปิดเผยว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้า อยู่หัวได้ทรงโปรดเกล้าฯ ให้ตั้งโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับ พระสงฆ์ไทยขึ้นมาตั้งแต่ปี 2547 แตในช่วงที่ผ่านมามีพระสงฆ์ติดต่อขอรับทุนการศึกษาผ่านมายังเลขาธิการองคมนตรี ทำไมพระสงฆ์ไทยที่สอบได้เปรียญ 9 ประโยค 8 ประโยค 7 ประโยค 6 ประโยค บางรูปยังไม่ได้รับทุนการศึกษาเลย นายอินจันทร์ได้ชี้แจงว่า การจัดสรรทุนเล่าเรียนหลวงเป็นหน้าที่ของกองบาลีสนามหลวง มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ (มจร.) และมหาวิทยา ลัย มหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.)          โดยทำเนียบองคมนตรีแล้ว ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง มีหน้าที่เพียงจัดสรรทุนเท่านั้น ส่วนในเรื่องของการคัดเลือกว่าใครจะได้รับหรือไม่ได้รับทุนขึ้นอยู่กับคณะสงฆ์ ส่วนแนวทางในการเพิ่มจำนวนทุนเล่าเรียนหลวงนั้นขณะนี้ติดขัดปัญหาอยู่ที่เงินที่ผู้บริจาคเข้ามายังโครงการเพราะจากที่มีผู้บริจาคเข้ามาสมทบทุนเล่าเรียนหลวงนั้นขณะนี้ติดขัดปัญหาอยู่ที่เงินที่จะบริจาคมาเข้าโครงการ เพราะที่ผ่านมาเงินบริจาคดังกล่าวยังไม่เพียงพอต่อการที่จะนำไปเพิ่มทุน ทำให้ในปีนี้ยังไม่สามารถเพิ่มทุนได้          ส่วนในเรื่องของทุนที่จะได้รับเพิ่มในปีต่อไปนั้น พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ ประธานคณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงฯ เห็นว่าควรมีการเพิ่มไปถึงพระที่สอบได้ประโยค 3 และประโยค 4 ด้วยเพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้กับพระสงฆ์เพื่อที่จะได้ตั้งใจศึกษาภาษาบาลีต่อไป นอกจากนี้จะมีการให้ทุนกับพระที่มีความสามารถและใฝ่รู้โดยเป็นทุนการศึกษาให้ไปศึกษาด้านภาษาบาลียังต่างประเทศที่มีความชำนาญเรื่องของภาษาบาลีอีกด้วย          สำหรับทุนเล่าเรียนหลวงนี้ แบ่งการจัดสรรทุนออกเป็น 4 ลักษณะคือ 1.ทุนการศึกษาระดับปริญญาตรี 76 ทุน ทุนละ 7,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 4 ปี ปริญญาโท 4 ทุน ทุนละ 15,000 บาทต่อปี เป็นเวลา 2 ปี ปริญญาเอก ทุนละ 30,000 บาทต่อปีเป็นเวลา 3 ปี ดำเนินงานโดย มมร. และ มจร. 2.ทุนการศึกษา 76 ทุน สำหรับผู้ที่สอบผ่านประโยค 5 เพื่อสอบประโยค 6 ทุนละ 6,000 บาท ผู้สอบผ่านประโยค 6 เพื่อเรียนประโยค 7 ทุนละ 8,000 บาท ผู้ที่สอบผ่านประโยค 7 ไปเรียนประโยค 8 ทุนละ 12,000 บาท ผู้ที่สอบประโยค 8 ไปเรียนต่อประโยค 9 ทุนละ 16,000 บาทโดย มีกองบาลีสนามหลวงดูแลการจัดสรรทุน 3.ทุนพระธรรมทูต 9 ทุน ทุนละ 20,000 บาท 4.ทุนสำนักเรียน 5 ทุน มอบให้กับสำนักเรียนที่มีผลงานดีเด่นในแต่ละเขตปกครองสงฆ์ รวม 5 ทุน ทุนละ 30,000 บาท http://www.chiangmainews.co.th/viewnews.php?id=4230&lyo=0 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 ส.ค. 51 06:38:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย องคมนตรี “กำธน สินธวานนท์” ประธานคณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นประธานในพิธีเชิญทุนเล่าเรียนหลวงถวายแด่คณะสงฆ์ ประจำปี 2549 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สามของโครงการฯ เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 49 ฯพณฯ พลอากาศตรีกำธน สินธวานนท์ องคมนตรี ประธานคณะกรรมการโครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย เป็นประธานในพิธีเชิญทุนเล่าเรียนหลวงถวายแด่คณะสงฆ์ ประจำปี 2549 ซึ่งนับเป็นครั้งที่สาม จำนวน 312 ทุน ณ หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม โดยถวายแด่พระภิกษุสามเณรที่จะเข้าสอบเปรียญธรรม 6, 7, 8 และ 9 ประโยค ซึ่งได้รับคัดเลือกจากกองบาลีสนามหลวง จำนวน 76 ทุน แด่พระภิกษุสามเณรที่เคยได้รับทุนใน พ.ศ.2548 และศึกษาต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ทั้งในระดับปริญญาตรี โท และเอก จำนวน 76 ทุน และแด่พระภิกษุสามเณรที่มหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งคัดเลือกให้ได้รับทุนใหม่ จำนวน 76 ทุน นอกจากนี้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์ และการเผยแผ่พระพุทธศาสนาให้มีความเข้มแข็งยิ่งขึ้น โครงการนี้จึงได้จัดสรรทุนเพิ่มขึ้นอีก 5 ทุน โยถวายแด่สำนักเรียนพระปริยัติธรรมที่มีผลงานดีเด่น ในเขตปกครองคณะสงฆ์ทั้ง 5 เขต เขตละ 1 ทุน และแด่พระธรรมทูตระดับอำเภอที่มีผลงานดีเด่นทั้ง 9 สาย สายละ 1 ทุน ดังนั้นทุนที่จัดสรรถวายแด่พระภิกษุสามเณรใน พ.ศ.2549 นี้ รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,756,000 บาท ในการนี้ ประธานในพิธีได้ถวายตาลปัตรและย่ามโครงการฯแด่พระภิกษุและสามเณร ผู้ได้รับทุนและสอบได้เปรียญธรรม 9 ประโยค จำนวน 2 รูป พร้อมกันนี้ ฯพณฯ พลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ยังได้ถวายย่ามโครงการฯแด่พระภิกษุและสามเณรผู้ได้รับทุนและสอบได้เปรียญธรรม 6, 7 และ 8 ประโยค จำนวน 25 รูป อนึ่ง โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทยนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2547 และพระราชทานทุนปฐมฤกษ์ จำนวน 13 ล้านบาท เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2547 พร้อมกับทรงมีพระมหากรุณาธิคุณรับเป็นนายกกิตติมศักดิ์ของโครงการฯ ด้วย โดยโครงการนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนให้พระภิกษุสามเณรได้ศึกษาพระธรรมวินัยอย่างลึกซึ้งแตกฉาน เพื่อสร้างความร่มเย็นในสังคมด้วยการที่มีหลักพุทธธรรมที่ถูกต้องเป็นแกน และเพื่อจรรโลงพระพุทธศาสนาให้เป็นหลักทางจิตใจ และความคิดของประชาชน โดยได้มีพิธีอัญเชิญทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย ถวายแด่คณะสงฆ์เป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2547 จำนวน 152 ทุน และครั้งที่สอง เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2548 จำนวน 242 ทุน สำหรับผู้มีจิตศรัทธาจะทูลเกล้าฯถวายทุนทรัพย์ เพื่อโดยเสด็จพระราชกุศลในการนี้ สามารถดำเนินการได้โดย 1. โอนเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ ชื่อบัญชี “โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” ทางธนาคารต่อไปนี้ - ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยพระบรมมหาราชวัง หมายเลขบัญชี 061-2-06592-5 - ธนาคารกรุงเทพ สาขาถนนตะนาว หมายเลขบัญชี 111-4-14822-2 - ธนาคารกสิกรไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 004-2-37111-4 - ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขาพาหุรัด หมายเลขบัญชี 003-1-15555-5 - ธนาคารกรุงไทย สาขาเสาชิงช้า หมายเลขบัญชี 159-0-00181-8 จากนั้นส่งสำเนาใบโอนเงินไปยังที่อยู่ของโครงการฯ หรือหรือแฟกซ์ใบโอนเงินไปที่ โทรสาร 0-2225-0116 และ 0-2225-0051-2 ต่อ 4214 2. ส่งเป็นธนาณัติ ตั๋วแลกเงินธนาคาร เช็คขีดคร่อม ในนามของ“โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย” หากต้องการทราบรายละเอียดและข้อมูลเพิ่มเติม ติดต่อไปได้ที่ โครงการทุนเล่าเรียนหลวงสำหรับพระสงฆ์ไทย สำนักงานเลขาธิการคณะองคมนตรี สำนักราชเลขาธิการ ทำเนียบองคมนตรี พระราชอุทยานสราญรมย์ กทม. 10200 โทร. 0-2225-0051-2 ต่อ 4214, 4118 และ 4224 โดย ผู้จัดการออนไลน์ 23 มิถุนายน 2549 15:48 น.    http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?p=58606&sid=5a83857e6fa243a44eedff175d428095 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 ส.ค. 51 06:42:05 ]

ความคิดเห็นที่ 4 “ที่ประชุมยังได้อนุมัติงบฯ 20 ล้านบาท ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ดำเนินโครงการแลกเปลี่ยนนักเรียนภายในประเทศ รุ่น 3 จำนวน 500 คน ให้มาเรียนในกรุงเทพฯ แต่มีเงื่อนไขว่า สพฐ.จะต้องจัดส่งนักเรียนกรุงเทพฯ 30 คน ไปเรียนต่างจังหวัดด้วย รวมทั้งเห็นชอบจัดสรรทุนการศึกษาให้พระสงฆ์ สามเณร และแม่ชี ที่กำลังเรียนในโรงเรียนสาธิต ป.1-ม.6 และในมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่งในระดับปริญญาตรี ส่วนปริญญาโท และเอก และพระชาวต่างประเทศที่มาศึกษาอยู่ในประเทศจะไม่อยู่ในเงื่อนไข” รองปลัด ศธ. กล่าว.--จบ--          --เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 18 ส.ค. 2549-- http://www.moe.go.th/webemisc/modules.php?name=News&file=article&sid=253 จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 ส.ค. 51 06:44:15 ]

ความคิดเห็นที่ 5 มูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัยฯในปัจจุบัน 7. ส่งเสริมการศึกษาวิชาการชั้นสูงของพระภิกษุในต่างประเทศโดยจัดทุนการศึกษาแก่พระภิกษุผู้สำเร็จการ ศึกษาจากมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้งสองแห่งที่ไปศึกษาต่อวิชาการชั้นสูงในสถาบันการศึกษาในต่างประเทศเพื่อจะได้กลับมาช่วยพัฒนาการศึกษาระดับสูงของคณะสงฆ์ไทยตลอดถึงทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองต่อไป http://community.thaiware.com/thai/lofiversion/index.php/t321286.html จากคุณ : kongsilp2000 - [ 6 ส.ค. 51 06:46:46 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ช่วงนี้มีพิธีใหญ่ของสำนักบางสำนัก สำนักนี้ยังเคลียร์ข้อครหาของสังคมไม่ได้ จนกระทั่งปัจจุบัน ล่าสุดก็ไม่รู้ไปเอาพระมาจากไหนเยอะแยะ ทั้งๆที่จำนวนพระเมืองไทยไม่ได้มีมากแบบนั้น ทำการตักบาตรทั่วประเทศ เอาเบื้องสูงมาอ้างบ้าง เอาสถานการณ์ไม่สงบมาอ้างบ้าง เงินบริจาคที่ได้คงมากมาย หมุนกันจ้าละหวั่น ล่าสุดคงเอาไปจัดเลี้ยงสร้างภาพความฟู่ฟ่าร่ำรวย หรือเอาไปซื้อนักบวชเรียนเก่งๆ ให้เข้ามาอยู่ในสำนักตน อัดฉีดงบประมาณเต็มที่ ทำการตลาดสุดขีด เสร็จแล้วเดี๋ยวก็อดรนทนไม่ไหวที่จะอวดว่า นักบวชที่ไหนหนอ เก่งจัง อะไรทำนองนี้ แต่ประเด็นสำคัญ คือ แม้สำนักนี้จะมีจำนวนคนมาก แต่สำนักนี้ไม่มีอริยะสงฆ์ มีแต่ นักบวชเปรียญ ดร. คนรวย เสี่ย นักธุรกิจ ผู้มีอิทธิพล นักการเมือง คนการศึกษาสูงแต่ไม่สัมมาทิฏฐิ หรือประเภทคนมีกิเลสหนาอยากรวยชาติหน้า คนอยากขึ้นสวรรค์ คนเข้ามาหมุนกองทุนบางอย่าง ด้วยความโลภหวังผลในภายหลัง แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 51 10:16:47 จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 6 ส.ค. 51 10:12:01 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คุณ Radiant, Archangel   ครับ ผมว่าเพลาๆบ้างเถอะครับ  ผมเองก็เห็นว่าสำนักที่คุณกล่าวมานั้นมีความประพฤติและคำสอนที่ไม่ถูกต้องในหลายๆประการ  แต่ก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องยกมาโจมตีในทุกๆประเด็นเลยนี่ครับ มันจะหนักเกินไปรึเปล่า? ส่วนคำถามของ จขกท. นั้น  ขอเรียนว่า พระสงฆ์ที่ไปศึกษาในต่างประเทศ  โดยมากจะเป็นในอินเดียเสียมากกว่า  ส่วนพระสงฆ์ที่ไปจำพรรษาในสหรัฐอเมริกา หรืออังกฤษนั้น  โดยมากท่านไม่ได้ไปเรียน  แต่ไปเป็นพระธรรมทูตสายต่างประเทศ ท่านก็จำพรรษาในวัดไทยต่างประเทศนั่นแหละครับ แต่ถ้าหากจะมีรูปที่ไปเรียนบ้าง ท่านก็จำพรรษาในวัดไทยนั่นแหละครับ ส่วนที่คุณบอกว่าพระท่านต้องทำอาหารเองนั้นผมไม่เคยได้ยินว่ามีนะ  พระส่วนใหญ่ชาวพุทธในวัดไทยต่างประเทศก็ให้การสนับสนุนกันดี มีการถวายภัตตาหารเพล  และในวัดเองก็คงจะมีโยมวัดทำอาหารถวาย เรื่องทุน ก็คงจะมีญาติโยมจากประเทศไทยช่วยเหลือ  เพราะโดยมากพระที่ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ก็เพราะมีการสนับสนุนจากญาติโยมในเมืองไทยนี่แหละครับ  นอกจากนั้นก็เป็นงบประมาณสนับสนุนของรัฐ ป.ล. ท่านเจ้าคุณพระศรีญาณโสภณ วัดพระราม ๙ กาญจนาภิเษก ท่านก็จบจากอังกฤษ แก้ไขเมื่อ 06 ส.ค. 51 11:01:54 จากคุณ : chohokun - [ 6 ส.ค. 51 11:00:26 ]

ความคิดเห็นที่ 8 คุณ chohokun จะมีอะไรเป็นอกุศลกรรมหนักกว่า การทำให้พระธรรมคำสอนคลาดเคลื่อนไปอีกหรือครับ? สิ่งที่ผมกล่าว รู้กันทั้งประเทศ ความจริงมีอยู่แล้ว ไม่ว่าใครจะนำมาเอ่ยหรือไม่ก็ตาม การได้เปรียญ หรือการเผยแพร่พุืทธศาสนาในต่างประเทศ ผู้บวชนั้น ควรจะเข้าใจหลักธรรมคำสอนให้ถ่องแท้ด้วย เพราะถ้าเข้าใจแต่ตำรา แต่ในชีวิตจริงปฏิบัติไม่อยู่กับร่องกับรอยตามที่ได้เรียนมาหรือมีส่วนสนับสนุนผู้ที่ทำลายพุทธศาสนา เพียงเพราะได้ลาภสักการะ อันนี้แทนที่จะได้กุศลผลบุญเต็มเม็ดเต็มหน่วย จะกลายเป็นว่า มีอกุศลกรรมติดตัวไปด้วย นี่เป็นเรื่องน่าอนาถในวงการนักบวชนะครับ ผมเห็นว่า หากผู้ที่โพสท์เรื่องเหล่านี้ มีเจตนาบริสุทธิ์ใจจริงๆย่อมไม่ต้องกลัวอะไร ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟอยู่แล้ว ก็น่าอนุโมทนา แต่หากมีวาระอะไรซ่อนเร้นก็เป็นธรรมดาจะเกิดความร้อนรนในใจ ชาวไทยที่ต่างประเทศ ฉลาดที่จะเลือกวัดนะครับ บางวัดเขาไม่นิยมไปใส่บาตรทำบุญ เพราะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร นักบวชบางสำนักเลยอาจต้องทำกับข้าวเอง ที่ประเทศนิวซีแลนด์ เมืองโอ๊คแลนด์ คนไทยกลับนิยมไปวัดลาวมากกว่าสาขาของบางสำนักที่อ้างว่าเป็นวัดไทย เนื่องด้วย วัดลาวเป็นวัดพุทธแท้ๆ ทำบุญตามศรัทธา ส่วนสาขาของบางสำนักทำตัวเป็นซุปเปอร์มาเก็ต เอาข้าวของที่ชาวบ้านบริจาค มาติดราคาขาย เน้นกินเงินมากๆ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 6 ส.ค. 51 11:51:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ ^ คุณเป็นอะไรครับ จะยัดเยียดให้ผมเป็นเด็กวัดนั้นซะให้ได้ ------------------------------------------------------------- ผมเห็นว่า หากผู้ที่โพสท์เรื่องเหล่านี้ มีเจตนาบริสุทธิ์ใจจริงๆย่อมไม่ต้องกลัวอะไร ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟอยู่แล้ว ก็น่าอนุโมทนา แต่หากมีวาระอะไรซ่อนเร้นก็เป็นธรรมดาจะเกิดความร้อนรนในใจ ***เดี๋ยวผมแก้ตัว---ก็หาว่าผมร้อนตัวอีก --------------------------------------------------------------- ที่ผมสงสัยก็แค่สงสัยมานานแล้วเพราะเคยดูช่องหนึ่ง(ที่ไล่รัฐบาล) เขานิมนต์ พระมารูปหนึง(ผมจำชื่อท่านไม่ได้หรอก) ท่านจบดอกเตอร์ จาก ฮาว-หวาด  ท่านได้ทุนวัดที่คุณอ้างถึงแหละแต่ตอนนี้ท่านย้าย วัดเพราะความคิดไม่ตรงกันไปแล้ว(จำไม่ผิดท่านจบแพทย์ด้วย) --------------------------------------------------------------------- อีกท่านอยู่วัดบวร ท่านเป็นชาวเนปาลมาอยู่ตั้งแต่เป็นเณรแล้วไปจบ อังกฤษ ผมดูตอนเข้าพรรษา ทางช่อง 9 นี่เอง ผมก็เก็บข้อสงสัยไว้ เลย เอามาตั้งคำถาม ----------------------------------------------------------------------- 1** ผมไม่รู้จักท่าน จะไปถามได้อย่างไร ว่าตอนอยู่เมืองนอกท่าน ใช้ชีวิต ความเป็นอยู่อย่างไร แล้วก็ถามแบบรวมๆ ไม่ใช่อยากจะ ไปวิจารณ์ อะไรท่านทั้งน้านนนน ------------------------------------------------------------------------ แก้ไขเมื่อ 07 ส.ค. 51 02:06:48 จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!! - [ 6 ส.ค. 51 17:32:47 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ผมชอบพระสงฆ์ที่ได้เปรียญสูงๆ เพราะผมนับถือความ ขยัน หมั่นเพียร ของท่าน ถามว่าที่จำวัดอยู่นะอยู่วัดไหนมากที่สุด คุณก็หาว่าผมมีอะไรแอบแฝง รู้อยูแล้วมาแกล้งถาม แถมยังไป กระทบ กระเทียบ พระที่ท่านได้เปรียญอีก... ----------------------------------------------------------- จขกท มีวาระซ่อนเร้นในการตั้งกระทู้เกี่ยวกับ เจ้าสำนักบางสำนักหรือเปล่า จะโฆษณา เยินยอกัน หรือประกาศศักดา ก็มีสถานที่เว็บบอร์ดสำหรับกลุ่มอยู่แล้ว รางวัลจากเมืองแขก ไม่ได้การันตีความเป็นอรหันต์แต่ประการใด ข้าพเจ้าเห็นว่า การได้เปรียญ 9 ไม่ได้หมายว่าพิเศษอะไร สำหรับการปฏิบติธรรมที่แท้จริง ท่องเก่ง จำได้เยอะ ไม่ได้เป็นอริยะบุคคล ไม่พ้นทุกข์ ยิ่งคนเก่ง บางทีไปสนับสนุนคนบาปปลอมปนพระธรรม หรือไปหลอกชาวบ้านเพื่อให้ได้ลาภสักการะมากๆ ก็ถือเป็นมารศาสนา ทำให้ศาสนาและสังคมเสื่อม แถมจะได้รับผลอกุศลวิบากในนรกด้วย พระอริยบุคคล อยู่ตามบ้านนอกไกลๆ ทางอีสานบ้าง ทางเหนือบ้าง หลายท่านไม่ได้มีการศึกษาสูงอะไร ไม่ได้เดือดร้อนกับการเป็นพระมหา หรือเปรียญอะไร แต่ท่านก็มีคุณธรรมอย่างแท้จริง ตามดำรัสของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จากคุณ : Radiant, Archangel  - [ 5 ส.ค. 51 00:44:26 ]     ------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!! - [ 6 ส.ค. 51 17:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถามหน่อบ เปรียญธรรม 9 ประโยค นี่ความยากมันขนาดไหน... อยากจะทราบวิธีการสอบนะครับ...ต้องเข้าห้องเรียนแล้วไปสอบเหรอ.. ส่วนใหญ่ พระภิกษุ สามเณร ที่เก่งๆกว่าจะสอบได้ใช้เวลากี่ปี... ในประเทศนี่มี พระภิกษุ สามเณร กี่รูปที่ได้ เปรียญ 9 ประโยคไปแล้ว.. แล้ววัดไหนครับที่เก่ง...มีชื่อทางด้านการสอบเปรียญ จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!!  - [ 4 ส.ค. 51 16:58:17 ]   ***ผมถามถึงความยากของการเรียน เปรียญ ก็เพราะชื่นชม ศรัทธาในตัวท่านเหล่านั้น  คุณก็โยงวัดนั้นเข้ามาอีกจนได้ มันอะไรกันหนา ------------------------------------------------------------------- ความคิดเห็นที่ 6   สำนักที่ซื้อตัว นักบวชเก่งๆ ได้ ต้อง "มาร" และ "ทุนหนา" จริงๆ จากคุณ : Radiant, Archangel  - [ 6 ส.ค. 51 10:18:42 ] จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!! - [ 6 ส.ค. 51 17:41:44 ]

ความคิดเห็นที่ 12 แล้วก็กะทู้นี้อีกผมถามเพราะอยากรู้รู้  อย่างที่อ้างไปใน 9*** คุณก็มาอ้างอิงทันที!!! ---------------------------------------------------------------- ตั้งใจอะไรครับ จะโยงให้ผมให้ได้งั้นเลยใช่ไหม --------------------------------------------------------------- ห้ามแก้ตัวด้วยนะ..ดักคอผมอีกต่างหาก ผมเห็นว่า หากผู้ที่โพสท์เรื่องเหล่านี้ มีเจตนาบริสุทธิ์ใจจริงๆย่อมไม่ต้องกลัวอะไร ทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟอยู่แล้ว ก็น่าอนุโมทนา แต่หากมีวาระอะไรซ่อนเร้นก็เป็นธรรมดาจะเกิดความร้อนรนในใจ ----------------------------------------------------------------------------- ถ้ารู้ข้อมูลล่าสุดของปีนี้ อ่านด้วยตัวท่านเอง ข้อมูลมีอยู่แล้ว หาทั่วจาก google ผมแน่ใจว่า เป็นธรรมดาที่จะสงสัยกันได้ ผมเพียงติงเอาไว้ก่อน หรือข้อความ ไปดักคอใครเข้าหรือเปล่า เลยโดนต้องถูกด่าว่าเป็นคนบ้า หรือกลัวอุจจาระอะไรที่ไหน จากคุณ : Radiant, Archangel  - [ 5 ส.ค. 51 23:32:24 ---------------------------------------------------------------------------- จากคุณ : ขอเน้นๆสักทีเถอะ!!! - [ 6 ส.ค. 51 17:49:58 ]

ความคิดเห็นที่ 13 โห เข้ามาอ่านกระทู้คุณขอเน้นๆสักทีเถอะ!!!อีกกระทู้นี่ เอิ้ก ขอแสดงความนับถือคุณขอเน้นๆสักทีเถอะด้วยนะคะ ขนาดนานๆมา post หาความรู้ห้องศาสนาที ถูกระรานโดยคนที่คุณไม่รู้จักเลยทุกกระทู้ แต่คุณยังมีขันติได้ขนาดนี้นี่ ขอแสดงความนับถืออีกครั้งค่ะ ^_^ จากคุณ : oor_dt - [ 6 ส.ค. 51 22:18:13 ]

ความคิดเห็นที่ 14 ผ่านมาอ่าน...   จากคุณ : ชายยอดนักทดลอง - [ 6 ส.ค. 51 22:30:38 ]

ความคิดเห็นที่ 15 พี่สาวผมไปเรืยนต่ออยู่ที่ มหาวิทยาลัย ปูเน ที่ประเทศอินเดีย เป้นมหาลัยหนึ่งที่พระบ้านเราไปเรียนเยอะเหมือนกัน จากที่พี่สาวเล่าให้ฟัง ผมก็แทบไม่อยากเชื่อเหมือนกัน เพราะไม่ได้เห้นกับตาตัวเอง  ผมไม่ขอวิจารณ์มากแล้วกัน แต่ขอบอกว่า ไม่เหมาะสม ถึงกับ น่าจะอาบัติ  เลยก็ได้ ถ้าเป้นจริงตามที่พี่สาวเล่า จากคุณ : lindow - [ 7 ส.ค. 51 22:30:20 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ตรงนี้จะเรียกว่าได้ทุนไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ... ได้บ้างไหมนี่ สมัยเมื่อบวชใหม่ ไปหาวิเวกที่วัดอุดมคงคาคีรีเขต ตำบลนางาม อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น มีกลุ่มนายทุน  จัดหาพระภิกษุที่สมัครใจจะไปอยู่ประเทศอังกฤษ ยื่นข้อเสนอให้รวบรวมพระวัดป่า ไปอยู่ประจำที่ประเทศอังกฤษ ค่าหนังสือเดินทางออกให้  VISA ขอให้ขอให้ไปอย่างเดียว ที่ประเทศอังกฤษต้องการพระนักปฏิบัติสายวิปัสสนา http://www.comzibzong.com/oldboard/data/board/img975-3.jpg จากคุณ : ดาญาณ - [ 8 ส.ค. 51 08:58:19 ]