ความคิดเห็นที่ 4
The Passion of The Christ สร้างและกำกับโดย เมล กิบสัน เพื่อรำลึกถึง เหตุการณ์ ในช่วง12 ชั่วโมงสุดท้ายที่พระเยซูคริสต์ถูกทรมานและถูกตรึงกางเขน การสร้างในครั้งนี้ได้ยึดเนื้อเรื่องให้ตรงกับพระคัมภีร์ไว้ให้มากที่สุด แม้นกระทั้งภาษาที่ใช้ก็เป็น ภาษาอาราแมค (Aramaic)และภาษาลาติน ซึ่งเป็นภาษาใช้ในสมัยนั้น กิบสันไม่ได้กังวลว่าผู้ชมจะฟังภาษาที่พูดในภาพยนตร์ไม่เข้าใจ เพราะเรื่องราวนี้คริสตชนรู้จักกันอย่างดีแล้ว
สิ่งที่กิบสันต้องการสื่อสารกับผู้ชมคือ พระเยซูคริสต์ทรงตั้งพระทัยอย่างแน่วแน่ในการเดินทางสู่กางเขน แม้นจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างโหดร้ายแล้วยังทรงอดทนต่อการเยาะเย้ย ดูถูกเหยียดหยามจากมนุษย์ด้วยกันแล้วจะต้องต่อสู้การล่อลวงของมารซาตาน แต่ในที่สุดพระองค์ได้ปฎิบัติภารกิจอันยิ่งใหญ่ได้สำเร็จ ซึ่งไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อ คริสตชนเท่านั้น ยังมีความหมายอย่างมากต่อมวลมนุษยชาติด้วย คือ พระองค์ทรงเสียสละชีวิตเพื่อไถ่บาปแก่มนุษย์ทุกคนบนไม้กางเขน หลังจากถูกตรึงแล้วสามวันพระองค์ก็ทรงฟื้นคืนพระชนม์คือเป็นขึ้นมาจากความตาย นั้นหมายถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สุดของมวลมนุษยชาติทุกคน ตามที่พระองค์ตรัสไว้ว่า ...เราจะทำลายพระวิหารนี้ที่สร้างไว้ด้วยมือมนุษย์ และในสามวันจะสร้างขึ้นอีกวิหารหนึ่ง ซึ่งไม่ทำด้วยมือมนุษย์เลย (มาระโก 14: 58 )
กิบสันได้นำรายละเอียดที่บันทึกไว้ในพระคัมภีร์ใหม่ 4 เล่มแรก (พระธรรมมัทธิว มาระโก และ ลูกา และ ยอห์น) มาถ่ายทอดบนแผ่นฟิล์มได้อย่างงดงาม โดยจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เห็นภาพการทนทุกข์ทรมานและสลับภาพถึงเหตุการณ์หรือภารกิจต่าง ๆ พระเยซูคริสต์ได้ทรงกระทำไว้ จนถึงการตรึงพระองค์ที่กางเขน สะท้อนให้เห็นสัจธรรมและความจริงมากมาย ได้เห็นรากเหง้าของชีวิตของผู้คนในสมัยก่อนคริสตกาลอย่างชัดเจน เช่น
จากคุณ :
ตังเมย์เหนียว
- [
20 ส.ค. 51 15:31:36
]
|
|
|