เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้ดูรายการทีวีทายปัญหาแข่งขัน
ของคุณปัญญารายการหนึ่ง
ถามว่าพระไตรปิฎกแบ่งบัวเป็นกี่เหล่า
โดยมีให้เลือกระหว่าง 3 เหล่า กับ 5 เหล่า
แล้วคำเฉลยก็ออกที่ 3 เหล่า
จึงมีปัญหาถามท่านว่า
จริง ๆ แล้ว พระพุทธเจ้าทรงแบ่งบัวเป็นกี่เหล่ากันแน่
ต่อไปนี้เป็นข้อมูลที่ได้ค้นคว้าจากเวบต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ต
ซึ่งมีทั้ง 3 เหล่า 4 เหล่า
(และยังมีบางเวปเสนอเหล่าที่ 5 เอาไว้ด้วยเลย
แต่ไม้ได้นำมาแสดงในที่นี้เท่านั้น)
บัวสี่เหล่า
เมื่อตอนเด็กๆ สมัยประถม จำได้ว่า
เคยเรียนเรื่องบัวสี่เหล่า
คุณครูท่านนำหลักของพระพุทธศาสนาสอนว่า
คนเรานั้นมีด้วยกัน 4 ประเภท
ถ้าเปรียบไปก็เหมือนกับดอกบัว ที่มีอยู่ 4 เหล่า
ตามหลักของพระพุทธศาสนา คือ
1 บัวใต้โคลนตม พวกนี้เปรียบเหมือนคนที่ไม่รู้หนังสือ
ไม่ได้ศึกษาเล่าเรียน เรียกง่ายๆ ว่าเป็นคนโง่ นั่นเอง
เพราะอยู่ไปก็มีแต่จะเป็นอาหารของสัตว์น้ำทั้งหลาย
หรือกลายเป็นโคลนตม
2 บัวใต้น้ำ พวกนี้เปรียบเหมือนเด็กที่กำลังจะเจริญเติบโต
ถ้ามีความขยันหมั่นเพียร ก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นบัวที่ปริ่มน้ำ
3 บัวปริ่มน้ำ พวกนี้ก็เปรียบเหมือนคนที่มีความรู้ในระดับหนึ่ง
แต่ยังไม่รู้แจ้ง รู้จริง ต้องศึกษาเพิ่มเติม
เพื่อที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นบัวที่โผล่พ้นน้ำ
4 บัวพ้นน้ำ พวกนี้เปรียบเสมือนคนที่รู้แจ้ง เห็นจริง
ผ่านการศึกษาเล่าเรียนในระดับที่สูงพอสมควรแล้ว
และเป็นคนที่น่าเชื่อถือ น่าเลื่อมใส
ดิฉันก็พอจะเข้าใจ คน 4 ประเภทเหล่านี้
เพราะคุณครูท่านต้องการสั่งสอนเราให้เป็นเด็กดี ขยันเล่าเรียน
เพื่อที่จะได้เติบโตขึ้นมาเป็นบัวที่อยู่เหนือโคลนตม
หรือบางคนก็เป็นบัวพ้นน้ำได้
Jun 29, '08 1:49 AM
for everyone
http:lovelysann./journal/item/31
"บัว 4 เหล่า"
ดอกบัว ๔ เหล่า คือ
......อุคฆติตัญญู เป็นผู้มีพื้นฐานทางบารมี
อัธยาศัยพื้นฐานทางสมาธิสูง
มีไหวพริบ ปฏิภาณดี
สามารถฟังธรรมที่เขาแสดงเพียงเล็กน้อยก็เข้าใจ
และบรรลุมรรคผลได้
เช่น พระอัสสชิ ได้แสดงธรรมะ
เพียง สองสามบรรทัดแก่พระสารีบุตรว่า
"ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ
มีเหตุเป็นแดนเกิด
พระตถาคตเจ้าทรงแสดงเหตุ
แห่งธรรมนั้น
และความดับแห่งธรรมนั้น
พระมหาสมณะมีปกติ
ตรัสอย่างนี้ "
จากการแสดงธรรมเพียงเท่านี้ พระสารีบุตรก็บรรลุมรรคผล
เป็นพระอริยบุคคลระดับแรกคือพระโสดาบันแล้ว
ท่านจึงเปรียบเหมือนกับดอกบัวที่โผล่ขึ้นพ้นน้ำ
พอต้องแสงอาทิตย์ก็จะบานในขณะนั้น
วิปจิตัญญู เป็นผู้มีวาสนาบารมี พื้นเพอัธยาศัย
พื้นฐานทางสมาธิและไหวพริบปฏิภาณเป็นต้น หย่อนลงมา
จำเป็นจะต้องอาศัยการแสดงธรรมะไปโดยลำดับ
เพื่อฟองอัธยาศัยของบุคคลนั้นให้พร้อมที่จะศึกษาเรียนรู้
และบรรลุธรรมเบื้องสูงขึ้นไป
เช่น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธัมมจักกัปปธรรม
เพียงคนเดียว คือ โกณฑัญญะ
ต่อจากนั้นก็ทรงนำเอาแต่ละท่านมาชี้แจงธรรมะ
ขัดเกลาไปโดยลำดับ
เป็นการปรับพื้นเพอัธยาศัย พื้นฐานทางสติปัญญา
ให้อยู่ในระดับสม่ำเสมอกัน
จากนั้นก็ทรงแสดงอนัตตลักขณสูตร
ในที่สุดแห่งอนัตตลักขณสูตร
ท่านทั้ง ๕ ก็ได้บรรลุอรหัตเป็นพระอรหันต์
ดังนั้นคนประเภทนี้จึงเปรียบเสมือนดอกบัว
ที่โผล่ขึ้นมาพอเสมอน้ำ
รอคอยที่จะบานในวันต่อไป
หรือเรียกอีกนัยหนึ่งว่า วิปจิตัญญู คือ อาจจะรู้ธรรม
เมื่ออธิบายชี้แจงแสดงหัวข้อธรรมเหล่านั้น
เนยยะ คือผู้พอที่จะฝึกสอนอบรมต่อไป
อย่างคนผู้มีพื้นฐานวาสนาบารมี มีความโน้มเอียง
มีศรัทธา มีศีล มีจาคะ มีปัญญา พอประมาณ
ใช้กาลเวลาฝึกปรืออบรมบ่มนิสัยต่อไปโดยลำดับ
ในลักษณะค่อยเป็นค่อยไป
สามารถทำจิตใจของเขาให้สงบ ประณีตขึ้น ๆ
และในที่สุดก็จะบรรลุธรรมในชาตินี้หรือในชาติต่อไปได้
ตามปกติแล้วบุคคลประเภทนี้ออกจะมีมากเป็นพิเศษ
ซึ่งต้องใช้เวลาฝึกปรืออบรมบ่มนิสัยกันนานพอสมควร
ท่านจึงเรียกว่า เนยยะ คือพอจะแนะนำกันได้
ท่านเปรียบเสมือนดอกบัวที่โผล่มาปริ่ม ๆ น้ำ
รอคอยที่จะบานในวันต่อ ๆ ไป
ปทปรมะ ผู้มีบทเป็นอย่างยิ่ง
ได้แก่บุคคลที่เขาพร้อมที่จะฟัง หรือไม่ยินดีที่จะฟัง
ฟัง ๆ ก็สักแต่ว่าฟังไป อาจจะรู้ อาจจะเข้าใจ
แต่ไม่มีความเปลี่ยนแปลงในทางพฤติกรรม
ตอนเริ่มศึกษาปฏิบัติธรรม
ความโลภ ความโกรธ ความหลง หนาแน่นอย่างไร
ปฏิบัติธรรมมาจนแก่จนเฒ่าแล้ว ก็คงเป็นอย่างนั้น
หรืออาจจะแรงกว่า
ข้อนี้ให้ลองสังเกตว่า ในเชิงของการประพฤติปฏิบัติแล้ว
บุคลทั้ง ๔ ประเภทนี้ มีลักษณะเหมือน บล๊อกสำเร็จรูป
ที่จะพัฒนาคนให้บรรลุประโยชน์ทั้ง ๓
แต่พระพุทธเจ้าทรงมุ่งในคราวแรกนั้น มุ่งปรมัตถประโยชน์
คือประโยชน์สูงสุด แต่ในประโยชน์ที่เป็นทิฏฐธัมมิกัตถะ
คือประโยชน์ในปัจจุบัน
และสัมปรายิกัตถะ ประโยชน์ในภายภาคหน้า
กลุ่มบุคคลทั้ง ๔ ประเภทนี้ก็มีอยู่
แล้วสัมผัสประโยชน์ในปัจจุบันได้แตกต่างกัน
เช่น สำหรับการศึกษาเล่าเรียน บางคนก็หัวไว เรียนอะไรได้เร็ว
ก็เหมือนบุคคลประเภทแรก
คนบางคนก็ต้องอ่านซ้ำ ๆ ซาก ๆ กันหน่อย
แต่ในที่สุดก็จะผ่านการศึกษาการเล่าเรียนไปได้
อีกประเภทหนึ่งอาจจะต้องจ้ำจี้จ้ำไข ลงโทษ เฆี่ยนตีกัน
อาจจะต้องซ้ำชั้นบ้าง แต่ในที่สุดก็อาจจะสอบผ่านได้
คนบางประเภทนั้น จะขึ้นไปได้ในระดับหนึ่ง
แล้วต่อขั้นสูงไม่ได้อีกแล้ว
เราจะเห็นนักเรียน นักศึกษา
คนประสบความก้าวหน้าในชีวิตในการทำมาค้าขายก็ดี
ในการศึกษาเล่าเรียนก็ดี
ในการปฏิบัติราชการ เป็นทหาร ตำรวจ เป็นต้นก็ดีนั้น
ดูแล้วก็มีแต่บุคคล
๔ ประเภทในแนวนี้เสมอไป
(จากแบบประกอบนักธรรมโท - ธรรมปริทรรศน์ เล่ม ๒)
โดย: ปั้น [30 ต.ค. 48 13:31] ( IP A:203.151.140.116 X: )
http://www.pantown.com/board.php?id=12577&area=&name=board1&topic=177&action=view
บัว 3 เหล่า ..
พระพุทธเจ้า บัญญัติ อุปมาอุปมัย
คน ดั่ง บัว 3 เหล่า
1 บัวพ้นน้ำ
2 บัวปริ่มน้ำ
3 บัวใต้น้ำ
แล้วบัวเหล่าที่
4 บัวที่เป็นอาหารเต่าปลา
มาจากไหน ใครเพิ่มเติมเข้าไป
.
จากคุณ : ใครทำ - [ 7 ม.ค. 48 02:56:13 A:210.246.69.6 X: TicketID:056088 ]
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3217623/Y3217623.html
..
เรื่องดอกบัว ๓ เหล่า ทรงเปรียบบุคคลด้วยดอกบัว ๓ เหล่า
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๕ มัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์
ในโพธิราชกุมารสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/item.php?book=13&item=510&items=2&preline=1
เรื่องดอกบัว ๔ เหล่า ทรงพิจารณาสัตวโลกเปรียบด้วยดอกบัว ๔ เหล่า
พระไตรปิฏก เล่มที่ ๔ พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๔ มหาวรรค ภาค ๑
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=4&A=209&Z=258
ดอกบัว ๓ เหล่าหรือ ๔ เหล่า ล้วนเป็นพุทธวจนะครับ
จากคุณ : mop (ebusiness)- [ 7 ม.ค. 48 11:01:08 ]
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3217623/Y3217623.html
.
ตามนัยแห่งพระสูตร แบ่งเป็น ๓
ตามนัยอรรถกถา แบ่งเป็น ๔ ตามลักษณะบุคคล ๔ ประเภท คือ อุคคติตัญญู วิปจิตัญญู เนยยะ ปทปรมะ
จากคุณ : ชิตังเม - [ 7 ม.ค. 48 11:06:35 A:24.31.120.117 X: TicketID:000833 ]
http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/Y3217623/Y3217623.html
.
แก้ไขเมื่อ 25 ต.ค. 51 05:16:38