ความคิดเห็นที่ 1 เป็นการทำจิตให้หยุดนิ่งไง จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 20 ก.พ. 52 01:56:58 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ฝากไว้เท่านี้ครับ http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/80/1/ แล้วคลิก Next ที่อยู่ด้านล่างของบทความไล่อ่านไปเรื่อยๆนะครับ มีทั้งหมด 7 ตอน ส่วนใครอ่านครบเข้าใจดีแล้ว ก็ขออนุโมทนาด้วยครับ ส่วนใครที่อ่านแล้วไม่เข้าใจ หากไม่เห็นด้วย ก็ขอความกรุณาอย่านำข้อความในนั้นมาวิจารณ์ใดๆเพิ่ม และแนะนำว่าไม่ควรวิจารณ์ เสียดสี หรือดูแคลนผู้เขียนข้อความดังกล่าวครับ ..ทั้งนี้เพื่อประโยชน์สุขส่วนตนทั้งในปัจจุบันและภายภาคหน้าครับ จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 20 ก.พ. 52 02:55:27 ]

ความคิดเห็นที่ 3 สายธรรมกายเขาก็ว่าของเขาเป็นส่วนหนึ่งของสติปัฏฐาน ๔  ..แต่สายอื่นๆว่าไม่ใช่ ...  ลองไปอ่านสติปัฏฐานสูตร หรือ มรรควิภังคสูตรจากพระไตรปิฏก  แล้วมาเทียบกันดู จากคุณ : Ck (Clarke) - [ 20 ก.พ. 52 03:01:31 ]

ความคิดเห็นที่ 4 บทความที่ คห.2 ให้ดู  ถูกเขียนไว้ตอนยังไม่บวช  ดังนั้นจึงไม่นับว่าเป็นการวิจารณ์พระ จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 20 ก.พ. 52 03:54:52 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ^ ^ ^ ^ กรุณาแยก สมถะ กับ วิปัสสนา ให้เข้าใจชัดเจนก่อนเถอะครับ และผมไม่ได้หมายถึงสมมติสงฆ์ครับ ถ้าอ่านเข้าใจหรือไม่เข้าใจ หรือจะเห็นขัดแย้งอย่างไร ขอความกรุณาอย่าโพสท์อะไรต่อเลยครับ ลิงค์ใน คห.#2 นั้นยกมาด้วยหวังว่า ผู้ที่ไม่ใช่นิยตมิจฉาทิฏฐิจะได้มีโอกาสอ่านและเรียนรู้ให้เข้าใจกัน http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/25/1/ http://www.bangkokmap.com/pm/content/view/38/1/ จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 20 ก.พ. 52 04:48:34 ]

ความคิดเห็นที่ 6 อธิบายความเพื่อความชัดเจน ปุถุชนทั้งหมด.. ล้วนเป็นมิจฉาทิฏฐิทั้งนั้น (สัมมาทิฏฐิที่แท้นั้นเกิดพร้อมกันในองค์มรรค 8 ซึ่งมีได้เฉพาะในพระอริยเจ้า) ...แต่ปุถุชนน้อยรายนัก ที่จะเป็นนิยตมิจฉาทิฏฐิ และเชื่อว่าทุกท่านในห้องศาสนาไม่ถึงระดับนิยตมิจฉาทิฏฐิครับ จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 20 ก.พ. 52 05:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป้าหมายของพุทธศาสนา คือการดับทุกข์ สติปัฎฐาน4 เป็น สัมมาสติ หนึ่งในองค์มรรค เป้าหมายของมรรค คือ การดับทุกข์ ทุกข์ต่าง ๆ มีเหตุมาจาก สมุทัย คือ กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา จะปฏิบัติแบบไหน สมถะ หรือ วิปัสสนา เมื่อปฎิบัติไปแล้วในวิถีชีวิตของตนเอง เกิด การละ หน่าย คลาย สำรอก สลัดออก วาง ไม่พัวพันกับ กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา ความทุกข์ต่าง ๆ ลดน้อยถอยลง เป็นนัยว่า ถูกต้อง แต่ถ้าปฏิบัติไปแล้วในวิถีชีวิตของตนเอง กิเลส ตัณหา อุปาทาน อวิชชา เพิ่มขึ้น เป็นนัยว่าจะปฏิบัติที่ผิดทางเสียแล้ว จากคุณ : โทมัส (khunz) - [ 20 ก.พ. 52 06:23:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ปฏิบัติสายไหนก็ได้ ดีทั้งนั้น ถ้าถูกจริตและมีความก้าวหน้า คนที่จะตอบว่าถูกหรือผิดก็คือตัวเราเอง-เพราะหลอกตนเองไม่ได้ ท่านเว่ยหล่างกล่าวสอนไว้ว่า"โดยจะพบเห็นแต่ความผิดของตนอยู่เป็นนิจ และไร้การวิพากษ์วิจารณ์ในความดีความชั่วของผู้คน ดังนั้น จึงจะถือว่าตนได้สรณะอย่างแท้จริง" เขียนไม่ค่อยตรงตามกระทู้-ท่านเจ้าของกระทู้คงให้อภัย... จากคุณ : ศิษย์ปู่หมอ - [ 20 ก.พ. 52 08:03:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 สอนแค่สมถภาวนา แล้วหยุดนิ่งแค่นั้น ไม่ยอมสอนต่อ กลัวมีปัญญาเพิ่มมากขึ้น ลาภสักการะจะหายไป   สอนให้ติดแค่สมถ จะได้ติดวิปัสนูปกิเลส (ติดท้้งคนสอนและคนถูกสอน) พวกนี้จะเกิดมีปิติในบุญมากเกินพอดี  อยากได้บุญเยอะๆ สามารถขายบ้าน ขายที่ดิน เอาเงินถวายวัดหมด บางคนขายยกสมบัติให้วัดหมดแล้วไปอาศัยวัดอยู่ ใครห้ามไม่ฟัง เกิดปัญหาในครอบครัวมากมาย ส่วนใหญ่พวกคนวัดพระธรรมกายจะติดอยู่แค่นี้ ใจนิ่งๆใสๆ มีอะไรก็ให้เขาหมด ให้แล้วมีความสุข คนสอนก็สอนแค่นี้ สอนมากเดี๋ยวฉลาดมาก จะอดได้ตังค์ พวกที่เขาได้วิปัสสนาญานไม่มีใครเขาเชื่อคำสอนวัดพระธรรมกายแม้แต่คนเดียว แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 09:20:41 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 08:45:41 จากคุณ : free wind - [ 20 ก.พ. 52 08:42:01 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ธรรมกาย          เห็นกายในกาย หมายถึง เมื่อเจริญสมาธิจนสามารถรวมใจเป็นหนึ่ง สงบนิ่ง ณ ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดอย่างต่อเนื่อง และเกิดความสว่างโพลงขึ้นที่ศูนย์กลางกาย ครั้นแล้วผู้ปฎิบัติก็จะได้เห็น "กายต่างๆ" ปรากฎขึ้น ณ ศูนย์กลางกายของตน เริ่มจากกายมนุษย์ละเอียดเป็นอันดับแรก และต่อเนื่องไปยังกายภายในที่สวยงามขึ้น ถ้าใจยังรวมนิ่งสนิทต่อไปเรี่อยๆ ก็จะได้เห็นกายพระปฎิมากรเกตุดอกบัวตูมซึ่งเรียกว่า "พระธรรมกาย" โดยเริ่มตั้งแต่ธรรมกายโคตรภูเรื่อยไปจนถึงธรรมกายอรหัต สติัปัฏฐาน 4          [๒๗๖] ดูกรภิกษุทั้งหลาย อีกข้อหนึ่ง ภิกษุย่อมทำความรู้สึกตัวในการ ก้าว ในการถอย ในการแล ในการเหลียว ในการคู้เข้า ในการเหยียดออก ในการทรงผ้าสังฆาฏิบาตรและจีวร ในการฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม ใน การถ่ายอุจจาระและปัสสาวะ ย่อมทำความรู้สึกตัว ในการเดิน การยืน การนั่ง การหลับ การตื่น การพูด การนิ่ง ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็น กายในกายภายในบ้าง พิจารณาเห็นกายในกายภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นกาย ในกายทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในกายบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้ง ความเสื่อมในกายบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า กายมี อยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิ ไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ ฯ ธรรมกาย          เห็นเวทนาในเวทนา ผู้เจริญสมาธิภาวนาขณะที่ได้เห็นกายภายในแต่ละกาย ก็จะได้เห็นวทนา  คือ ความรู้สุก ทุกข์ สุข ไม่ทุกข์ ไม่สุข ดีใจ เสียใจ ของแต่ละกายด้วย สติปัฏฐาน 4         [๒๘๘] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่อย่างไร เล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เสวยสุขเวทนาอยู่ ก็รู้ชัดว่า เราเสวยสุขเวทนา หรือ เสวยทุกขเวทนา ก็รู้ชัดว่า เราเสวยทุกขเวทนา หรือ เสวยอทุกขมสุขเวทนา ก็รู้ชัดว่า เราเสวยอทุกขมสุขเวทนา หรือ เสวยสุขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เรา เสวยสุขเวทนามีอามิส หรือ เสวยสุขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวยสุข เวทนาไม่มีอามิส หรือเสวยทุกขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวยทุกขเวทนามี อามิส หรือ เสวยทุกขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวยทุกขเวทนาไม่มีอามิส หรือ เสวยอทุกขมสุขเวทนามีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวยอทุกขมสุขเวทนามีอามิส หรือ เสวยอทุกขมสุขเวทนาไม่มีอามิส ก็รู้ชัดว่า เราเสวยอทุกขมสุขเวทนาไม่มี อามิส ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายในบ้าง พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาทั้งภายใน ทั้งภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในเวทนาบ้าง พิจารณาเห็น ธรรมคือความเสื่อมในเวทนาบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความ เสื่อมในเวทนาบ้าง อีกอย่างหนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า เวทนามีอยู่ ก็เพียง สักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่ แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่า พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ฯ ธรรมกาย          เห็นจิตในจิต นอกจากเห็นความรู้สึกของกายภายในที่ได้เห็นแล้ว ผู้เจริญสมาธิภาวนา ยังสามารถเห็น "ดวงจิต" ของแต่ละกายได้อย่างชัดเจนด้วย สติปัฏฐาน 4          [๒๘๙] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ จิตมีราคะ ก็รู้ว่าจิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะ ก็รู้ว่าจิต ปราศจากราคะ จิตมีโทสะ ก็รู้ว่าจิตมีโทสะ หรือจิตปราศจากโทสะ ก็รู้ว่าจิต ปราศจากโทสะ จิตมีโมหะ ก็รู้ว่าจิตมีโมหะ หรือจิตปราศจากโมหะ ก็รู้ว่าจิต ปราศจากโมหะ จิตหดหู่ ก็รู้ว่าจิตหดหู่ จิตฟุ้งซ่าน ก็รู้ว่าจิตฟุ้งซ่าน จิตเป็น มหรคต ก็รู้ว่าจิตเป็นมหรคต หรือจิตไม่เป็นมหรคต ก็รู้ว่าจิตไม่เป็นมหรคต จิต มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตมีจิตอื่นยิ่งกว่า หรือจิตไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า ก็รู้ว่าจิตไม่มีจิต อื่นยิ่งกว่า จิตเป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตเป็นสมาธิ หรือจิตไม่เป็นสมาธิ ก็รู้ว่าจิตไม่ เป็นสมาธิ จิตหลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตหลุดพ้น หรือจิตไม่หลุดพ้น ก็รู้ว่าจิตไม่หลุด พ้น ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในบ้าง พิจารณาเห็น จิตในจิตภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในจิตบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่าง หนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า จิตมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัย ระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ฯ ธรรมกาย          เห็นธรรมในธรรม ทั้งกายมนุษย์หยาบและกายภายในแต่ละกาย ล้วนมี "ดวงธรรม" ที่ทำให้กายเหล่านั้นดำรงชีวิตอยู่ด้ เช่น กายมนุษย์หยาบก็มีดวงธรรมที่ทำให้กายมนุษย์หยาบ ดำรงชีวิตอยู่ได้ ถ้าดวงธรรมนี้ดับ ชีวิตเราก็ดับทันที สติปัฎฐาน 4                  [๒๙๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ อย่างไร เล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ ภิกษุพิจารณา เห็นธรรมในธรรมคือนิวรณ์ ๕ อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เมื่อกามฉันท์ มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อ กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า กามฉันท์ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ของเรา อนึ่ง กามฉันท์ที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย กามฉันท์ที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย กามฉันท์ที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อพยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อพยาบาทไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า พยาบาท ไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง พยาบาทที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่เกิดขึ้นแล้วจะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อม รู้ชัดประการนั้นด้วย พยาบาทที่ละได้แล้วจะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อม รู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะมีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า ถีนมิทธะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง ถีนมิทธะที่ยังไม่เกิด จะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ถีนมิทธะที่ละได้แล้ว จะไม่ เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อ อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจกุกกุจจะมีอยู่ ณ ภายใน จิตของเรา หรือเมื่ออุทธัจจกุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า อุทธัจจ- *กุกกุจจะไม่มีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา อนึ่ง อุทธัจจกุกกุจจะที่ยังไม่เกิดจะเกิด ขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อุทธัจจกุกกุจจะที่เกิดขึ้นแล้ว จะ ละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อุทธัจจกุกกุจจะที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย อีกอย่างหนึ่ง เมื่อ วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉามีอยู่ ณ ภายในจิตของเรา หรือเมื่อวิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายในจิต ย่อมรู้ชัดว่า วิจิกิจฉาไม่มีอยู่ ณ ภายใน จิตของเรา อนึ่ง วิจิกิจฉาที่ยังไม่เกิดจะเกิดขึ้นด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้น ด้วย วิจิกิจฉาที่เกิดขึ้นแล้ว จะละเสียได้ด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย วิจิกิจฉาที่ละได้แล้ว จะไม่เกิดขึ้นต่อไปด้วยประการใด ย่อมรู้ชัดประการนั้นด้วย ดังพรรณนามาฉะนี้ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมภายในบ้าง พิจารณาเห็น ธรรมในธรรมภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นธรรมทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในธรรมบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในธรรมบ้าง ย่อมอยู่ อีกอย่าง หนึ่ง สติของเธอที่ตั้งมั่นอยู่ว่า ธรรมมีอยู่ ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัย ระลึกเท่านั้น เธอเป็นผู้อันตัณหาและทิฐิไม่อาศัยอยู่แล้ว และไม่ถือมั่นอะไรๆ ในโลก ดูกรภิกษุทั้งหลาย อย่างนี้แล ภิกษุชื่อว่าพิจารณาเห็นธรรมในธรรม คือนิวรณ์ ๕ อยู่ ฯ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 08:45:06 จากคุณ : Kengmanny - [ 20 ก.พ. 52 08:42:53 ]

ความคิดเห็นที่ 11 http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/09/Y7026190/Y7026190.html [ถอดเทป] ประสบการณ์ฝึกสมาธิ หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 09:08:32 ]

ความคิดเห็นที่ 12 จากหนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน โดย หลวงพ่อฤาษีลิงดำ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 09:33:15 ]

ความคิดเห็นที่ 13 #2 ขอบคุณครับ  ผมเพิ่งเคยเห็นเลยนะเนี่ย   (ท่าน.. ในเวลานั้น)อธิบายได้ดีมากๆเลย  *********** thanks #11  :-) จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 09:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 14 เข้ามาขอบคุณคุณ He-Who-Must-Not-Be-Named ด้วยคน.. อ่านแล้วกระจ่างดีครับ จากคุณ : กุมารน้อย - [ 20 ก.พ. 52 09:54:11 ]

ความคิดเห็นที่ 15 link ในคห2 อ่านแล้วตาสว่างเลยค่ะ จากคุณ : dcm - [ 20 ก.พ. 52 10:00:07 ]

ความคิดเห็นที่ 16 มาขอบคุณคุณ He-Who-Must-Not-Be-Named  ด้วยอีกคนค่ะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 52 10:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 ขอด้วยคน อิ อิ แอบปลื้มคุณ He-Who-Must-Not-Be-Named   มานานแล้วเหมือนกัน ในการตอบกระทู้ที่ผ่านมาทุกครั้ง ตอบได้ดีมีเหตุผล มีข้อธรรมะครบถ้วน และพูดจาสุภาพ เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือมากท่านนีง ชื่นชมนะคับ ( : จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 10:08:25 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ^ ^ น้องเรเดี๊ยน ก็มีคุณสมบัตินี้ค่ะ น่ารักเช่นกัน อิอิ  ชมกันเอง ชงกันเอง วุ๊ย!!!หมั่นไส้ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 52 10:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เราปัญญาเท่านี้ ก็มาเถียงกันอยู่ เขาปัญญาใหญ่เท่าโน้น ก็มาเถียงกันอยู่ ของข้าดีกว่าของเอ็ง ของเอ็งผิดของข้าถูก ของข้าเคร่งกว่าของเอ็ง ของเอ็งไม่เคร่งเท่าของข้า หลับตานั่งธรรมะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเถียงกัน ถูกจริตกับการปฏิบัติธรรมแบบไหนก็ทำไป แล้วจะรู้เห็นได้ด้วยตัวเอง ผู้ที่ใฝ่ธรรม มีธรรมะในหัวใจไม่ว่าร้ายใคร เป็นผู้นิวาโต ไม่ผยองพองลม ไม่ล่วงเกินใคร มีปกติทำอย่างไรก็พูดอย่างนั้น พูดอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่มากไป น้อยไป พอเหมาะพอสม ธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นสัจธรรม พิสูจน์ได้ และพิสูจน์ได้ด้วยการปฏิบัติ ไม่ใช่ด้วยการพูด รอคอย และส่องสว่างแก่ผู้ที่มีปัญญาบารมีอยู่เสมอ .................................................................................... จากคุณ : กล้าตะวัน - [ 20 ก.พ. 52 10:51:34 ]

ความคิดเห็นที่ 20 คุณกล้าตะวันพูดจามีเหตุผล เรายังปัญญาน้อยไม่ควรนั่งเถียงกันจริงๆ และครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ ถึง 3 ท่านก็ได้กล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้ว ^ ^ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 11:28:51 ]

ความคิดเห็นที่ 21 คห19ปัญญาน้อย ก็เงียบปากไปเถิด อยากนั่ง ไปนั่งเงียบๆ ก็ไปนั่ง ไปนั่งแล้วก็ไม่ต้องมาฝอยเลิกนิสัยฝลัดกระทู้ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 11:37:58 จากคุณ : Natty_TT - [ 20 ก.พ. 52 11:29:19 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เป็นหรือไม่จริงๆมองง่ายนิดเดียว สติปัฎฐาน 4  จะพิจารณาสิ่งที่มีอยู่จริงในตัวเรา คือ กายกับจิต เช่น ลมหายใจ, อากับกิริยา, จิต ฯลฯ พิจารณาจนเห็นความไม่เทื่ยง สังขารไม่เที่ยง จิตไม่เที่ยง ส่วนธรรมกาย สมมุติเอานิมิตรเป็นดวงแก้ว เป็นธรรมกาย เป็นสิ่งที่อยู่ในนิมิตร ซึ่งจะไม่มีทางมองว่าสิ่งที่เห็น"ไม่เที่ยง"ได้เลย  เพราะไม่ใช่ของจริงเป็นนิมิตร นิมิตรไม่มีวันที่จะ "เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป " หากไม่ละทิ้งนิมิตรไป นิมิตรก็จะอยู่ของมันอย่างนั้น หากจะให้ธรรมกายเป็นสติปัฎฐาน 4ก็ต้องพิจารณาเห็นความเสื่อมในธรรมกายที่เห็น   แต่เกรงว่าที่สอนๆกันไม่ใช่อย่างนั้น  มีแต่รักษาธรรมกายที่เห็นกันไปเรื่อยๆๆๆๆๆ แล้วยังงั้นเมื่อใหร่จะเห็นความไม่เที่ยงครับ จากคุณ : omeg - [ 20 ก.พ. 52 11:37:37 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ยอดเยี่ยม  คุณ  omeg  อธิบายได้แจ่มชัดมาก จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 52 11:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "ส่วนธรรมกาย สมมุติเอานิมิตรเป็นดวงแก้ว เป็นธรรมกาย เป็นสิ่งที่อยู่ในนิมิตร " จากคุณ : omeg ต้องถามว่า Omeg รู้จริงหรือ ตอบออกมาจากการวิเคราะห์   ไม่ได้เห็นด้วยดวงตาเห็นธรรม  ใช่หรือไม่ ยอมรับมาซะ  ดีดี จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 11:55:25 ]

ความคิดเห็นที่ 25 อย่างไรให้ดี  นะ  ถือศีลกันให้ผ่องใส กันก่อนนะครับ    แล้วเรามาตอบกระทู้นี้ อีกที  เพราะศีลไม่ค่อยจะดีเลย หรือให้ดี ไปบวชกัน ก่อน คนละ 1พรรษา และค่อยมาถกเรื่องนี้   น่าจะดีกว่านี้  มากเลย จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 11:59:42 ]

ความคิดเห็นที่ 26 "พวกธัมมี่ "  จากคุณ : muangsombut เขียนแบบผู้ยังไม่เจริญในทางธรรม ดังนั้น  การเชิญชวนให้คนมาถกในธรรมะ  ขั้นสูงๆ วาจายัง  ไม่ดีเลย   ต้องปรับปรุงนะครับ ท่านอาจเป็นตัวอย่างที่ดีในการนั่งสมาธิ  ขั้นสูงๆ แต่ก็ต้อง  เป็นตัวอย่างที่ดี  ในวจีกรรมด้วยครับ สาธุ จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 12:03:29 ]

ความคิดเห็นที่ 27 #26 จะให้เรียกว่าไงดี ... คนที่ขาดจากความเป็นพระแล้ว เรียกชื่อธรรมดา ก้อถูกแล้วนี่ จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 12:09:49 ]

ความคิดเห็นที่ 28 คุณ kraho ไปอ่าน link #2 รึยังครับ เค้า (ในตอนนั้น)  เขียนไว้ดีมากนะ จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 12:11:46 ]

ความคิดเห็นที่ 29 หากท่านเชื่อ  ว่าขาดความเป็นพระ แล้วเพราะเหตุใด  จึงเชิญคนที่นับถือท่านผู้นี้ มายังกระทู้ท่าน   ด้วยจิต ที่ประสงค์  การใด มาเพื่อ  อย่างไร ต้องการทำลายให้เจ็บใจ  หรือไม่ จิตท่านเองคิดเห็นอย่างไร พิจารณาเห็น  ดวงจิต  ที่เป็นอย่างนี้หรือไม่ และจะปรับปรุงจิตของท่านอย่างไร หรือยังกิเลส  ในใจของท่านอยู่อีกหรือไม่ ต้องปรับปรุง  โดยผ่าน  วินัย  เคารพ  อดทน จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 12:21:59 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ผมตอบผมได้รู้  ได้เห็น จากการปฏิบัติจริง   ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ผมไม่สนใจหรอกครับ   หากคุณ  kraho คิดว่าที่ผมพูดไม่จริง ทำไมไม่ลองปฏิบัติตามสติปัฎฐาน 4ดูบ้างล่ะครับ การภาวนาโดยอาศัยนิมิตรเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวสมาธิใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลย มันก็มีดีครับ  แต่เท่าที่ผมลองมา สติปัฎฐาน 4 มีผลต่อจิตใจในการดำเนินชีวิตมากกว่า  เพราะใช้สติอยู่กับของจริง เห็นความไม่เที่ยงต่างๆได้ดีกว่า  หรือยังไงถ้าคิดว่าผมพูดไม่จริง คุณkrahoเคยเห็นความไม่เที่ยงของธรรมกายไหมละครับ หรือมีท่านใดเคยเห็นความไม่เที่ยงในธรรมกายในดวงแก้วที่มองเห็นกันบ้าง จากคุณ : omeg - [ 20 ก.พ. 52 12:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 31 หลวงปู่สด  ท่านก็พูดสอนเรื่อง สติปัฎฐาน 4 ก็สอนเป็น  ปกติ   ไม่ได้มีข้อขัดแย้ง แต่อย่างใด จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 12:26:16 ]

ความคิดเห็นที่ 32 หลวงพ่อสดไม่ได้มีปัญหา ท่านเป็นพระที่ดีมาก ปัญหาอยู่ที่อลัชชีที่มันอ้างหลวงพ่อสดทำมหารับประทาน !!! จากคุณ : Natty_TT - [ 20 ก.พ. 52 12:37:58 ]

ความคิดเห็นที่ 33 #29  คุณ khaho ผมตั้งกระทู้ด้วยความอยากรู้ pure pure เลยครับ  สงสัยมานานมาก  ส่วนเรียก ธัมมี ก้อ พิมพ์สั้นดี คนอื่นๆ ผมเห็นเค้าใช้คำเด็ดกว่านี้เยอะนะ แต่ ผม ไม่พิมพ์อ่ะ รักษาน้ำใจของคุณ  คุณ kraho จะไม่ลอง share ประสบการณ์การปฎิบัติของคุณในกระทู้นี้หน่อยเหรอครับ ผมรออ่านอยู่  มีคำถามอยากให้คุณ kraho ตอบด้วยครับ ตอบพร้อมๆกับ คำถามของคุณ omeg ใน #30 ก้อได้ครับ  คุณรู้สึกตัวเป็นมั้ย รู้สึกตัวบ้างมั้ยครับ....  เข้าใจคำว่า รู้สึกตัวตรงนี้ ใช่มั้ยครับ ผมหมายถึง รู้สึกตัวจริงๆ (สติ)  เคยสัมผัสกับความรู้สึกนี้บ้างมั้ย จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 14:31:13 ]

ความคิดเห็นที่ 34 คห.5   "และผมไม่ได้หมายถึงสมมติสงฆ์ครับ" คุณพยายามจะบอกว่า ท่านสันตินันท์ เป็นพระอรหันต์ตั้งแต่ยังไม่ได้บวช ว่างั้น??  ใช่มั๊ย? ----------------------------------------------------------------------------- คห.20  "และครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ ถึง 3 ท่านก็ได้กล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้ว" นี่ก็อีกท่านนึง  แต่งตั้งพระอรหันต์เองเลย ----------------------------------------------------------------------------- พระราชวิจิตรปฏิภาณ วัดสุทัศน์ ท่านเคยกล่าวไว้ว่า " อุตตริทั้งนั้น  อรหันต์ทั้งนั้น " จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 20 ก.พ. 52 15:41:18 ]

ความคิดเห็นที่ 35 #34 ผมเคยรู้มาแบบนี้นะ อริยสงฆ์ แปลว่า พระสงฆ์ที่เป็นพระอริยบุคคล หมายถึง ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปจนถึงพระอรหันต์เป็นที่สุด พระอริยสงฆ์นี้กำหนดเอาคุณธรรมเป็นตัวกำหนดคฤหัสถ์ผู้บรรลุธรรมตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไปก็นับเป็นพระอริยสงฆ์ได้ ************* พระราชวิจิตรปฏิภาณ  ใช่ เจ้าคุณพิพิธ ที่ออกทีวี บ่อยๆรึป่าวครับ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 15:48:36 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 15:47:22 จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 15:45:15 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ใช่ ก็เคยรู้มานะ พระที่บวชแต่ไม่บรรลุธรรมใดๆเรียก สมมุติสงฆ์ พระแท้ ก็คือ ผู้ที่บรรลุพระโสดาบันขึ้นไปนะจ๊ะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 20 ก.พ. 52 15:59:01 ]

ความคิดเห็นที่ 37 เรียน ท่านสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ควรที่จะไปเรียนวิชาภาษาไทยกับเด็กมัธยมอีกครั้ง เพราะผมใช้คำว่า "พระอริยสงฆ์" พระอริยสงฆ์หมายถึง ผู้ที่บรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป ไม่เคยกล่าวว่ามีพระอรหันต์ตรงไหนอย่างไร ถ้าเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ยังจับประเด็นไม่ถูกและไม่รู้ ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงความฉลาดออกมาหรอกคับ อย่างน้อยถ้าคุณไม่อายเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานแบบผม ก็ควรจะละอายต่อเด็กสมัยปัจจุบันหลายๆคน ที่มีความรู้ธรรมะและใช้ภาษาไทยได้ถูกต้อง ที่สำคัญมีความสามารถในการอ่านและจับประเด็นได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบและโปรดกลับไปอ่านอีกครั้ง อนึ่ง การยืนยันการบรรลุธรรมนั้น มีการยืนยันโดยครูบาอาจารย์ชั้นหลังต่อๆมา โดยมีหลักฐานชัดเจน แต่เห็นว่าไม่สมควรนำมากล่าว เพราะไม่จำเป็น แลไม่เป็นประโยชน์กับบางท่าน จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 16:07:06 ]

ความคิดเห็นที่ 39 ความรู้ใหม่วันนี้ พระอริยสงฆ์ = พระอรหันต์ อายเด็กจริงๆ   จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 16:20:05 ]

ความคิดเห็นที่ 40 คห.35 ใช่ครับ เจ้าคุณพิพิธ นั่นแหละ ---------------------------------------------------------------- คห.37  ควรที่จะไปเรียนวิชาภาษาไทยกับเด็กมัธยมอีกครั้ง เพราะผมใช้คำว่า "พระอริยสงฆ์" พระอริยสงฆ์หมายถึง ผู้ที่บรรลุธรรมตั้งแต่ชั้นโสดาบันขึ้นไป ไม่เคยกล่าวว่ามีพระอรหันต์ตรงไหนอย่างไร มามุขนี้อีกแล้ว  อย่าพูดเรื่องเรียนภาษาไทยหรือที่ว่าไม่เคยกล่าวเลยครับ จริงอยู่ที่กระทู้นี้คุณไม่ได้กล่าวว่ามีพระอรหันต์ตรงไหนอย่างไร แต่ใครๆ ก็รู้ ว่าคุณกล่าวอยู่ประจำ ว่าหลวงพ่อบางรูป(หลายๆรูป)เป็นพระอรหันต์  แถมฆราวาส(ผู้ยิ่งใหญ่)บางคน คุณก็เคยบอกว่าอรหันต์แล้ว หรือไม่จริง?   แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 16:29:20 จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 20 ก.พ. 52 16:21:48 ]

ความคิดเห็นที่ 41 น้อง Radiant, Archangel ครับ จะพูดอะไรก็ระวังหน่อยนะครับ เพราะกิ๊ฟพี่หมดแล้วหน่ะดิ  กิกิ  นี่ถ้าพูดถูกใจอีกก็ไม่มีกิ๊ฟให้แล้ว  ลำบากแย่เลย  แง่บ  แง่บ...^_^ จากคุณ : kekzo - [ 20 ก.พ. 52 16:21:56 ]

ความคิดเห็นที่ 42 เรียน สมาชิกผู้ทรงเกียรติ ผมเขียนและสื่อความหมาย โดยถ้อยคำทุกคำก็ชัดเจนแล้วในตัว ไม่มีการอุปมาอุปไมยหรือมุขแต่อย่างใด เพราะภาษาไทย หลักภาษาไทย คำศัพท์ทางธรรมะ ก็มีความหมายชัดเจนในตัว คุณคิดไปเองคนเดียวนะคับ อีกครั้งนะคับ คิดไปเองคนเดียว แต่ไม่เป็นไรเพราะคนต่างด้าวหลายคนที่ผมพบ ก็พูดภาษาไทยม่ายยค่อชะ ( ไม่ค่อยชัด ) บางคนก็เข้าใจคำภาษาไทยไปผิดๆ เรื่องแบบนี้ให้อภัยกันได้คับ เรื่องง่ายๆแบบนี้ก็ยังผิดทั้งที่ชัดเจนขนาดนี้ อย่างนี้ความเห็นที่แสดงออกมาจะน่าเชื่อถือและมีเหตุผลได้อย่างไร หรือว่าสมัยก่อนเขาไม่ต้องเรียนหนังสือกันหรอ ? ก็เลยไม่ได้เรียนวิชาภาษาไทยกัน การแต่งประโยคนี่เป้นวิชาที่ผมเรียนตั้งแต่ประถมเลยคับ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 16:30:14 ]

ความคิดเห็นที่ 43 แสดงว่าพระอริยสงฆ์   นี่อาจไม่หมดกิเลส   แสดงว่ายังเชื่อถือไม่ได้  ทั้งหมด งั้น  เอาข้อมูลของพระอรหันต์  เลยดีกว่า ขอหน่อย จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 16:32:02 ]

ความคิดเห็นที่ 44 คห.20  "และครูบาอาจารย์พระอริยสงฆ์ ถึง 3 ท่านก็ได้กล่าวเอาไว้ชัดเจนแล้ว"     ช่วยบอกด้วยครับ   คห.20  ช่วยตัดสินให้ด้วยครับ   องค์ไหนเป็นพระอรหันต์ ตัดสินพระได้ทั่วประเทศ  เลย  เก่งมาก แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 16:36:52 จากคุณ : kraho - [ 20 ก.พ. 52 16:36:00 ]

ความคิดเห็นที่ 45 ^ ^ อ้าวคุยมาตั้งนาน คนนี้ก็เห็นแสดงความฉลาดออกมาบ่อยๆ ก็เพิ่งรู้ว่าพระอริยสงฆ์คืออะไรเหมือนกันหรอเนี่ย ? คนรุ่นเก่าๆ อายุมากๆ เค้าก็ฉลาดๆ กันหลายคนดีจังเลยนะนี่ แบบนี้ความเห็นในกระทู้ก่อนๆ ที่โชว์ความฉลาดทางธรรมะบ่อยๆ นี่จะเชื่อถือได้ไหม   me // ปวดตับ   จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 16:37:53 ]

ความคิดเห็นที่ 46 เฮ้อ ไม่รู้ว่าคนแก่ๆ เขาเป็นโรคความจำสั้น หรือว่าไม่ได้อ่านกันหรือไงนะ เขียนไว้แล้วนี่นา สงสัยจะหูตาฟ้าฟางกันไปตามวัย จะสอบแล้วไปอ่านหนังสือดีกว่า ... เสียเวลาคุยกับคนที่ถามอะไรที่ตอบไปแล้วซ้ำซากน่าเบื่อหน่าย และไร้ซึ่งประโยชน์ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 16:40:15 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ kraho นี่ เค้าชอบตอบคำถาม แบบ.............อ่ะนะ น่าสงสารจัง จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 16:44:22 ]

ความคิดเห็นที่ 48 แสดงว่าไม่ยอมรับใช่มั๊ยครับ  ที่คุณเคยบอกว่าหลวงพ่อบางรูป(หลายๆรูป)เป็นพระอรหันต์  แถมฆราวาส(ผู้ยิ่งใหญ่)บางคน คุณก็เคยบอกว่าอรหันต์แล้ว อย่างที่บอกไปแล้วว่า ไม่ใช่ในกระทู้นี้  แต่คุณเคยพูดเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 20 ก.พ. 52 16:45:20 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ฆราวาส(ผู้ยิ่งใหญ่)บางคน  เป็นพระอรหันต์.....   who is he?  มีด้วยรือ ผมว่า น้อง radiant เค้าไม่เคยพูดไว้นะ จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 16:48:36 ]

ความคิดเห็นที่ 50 log in : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ ขยายความอันนี้หน่อยครับ ตอบสั้นๆ อ่านแล้ว งง จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 16:59:13 ]

ความคิดเห็นที่ 51 ส่อสันดานมั่วซั่วอีกแล้วนะ !!! จากคุณ : Natty_TT - [ 20 ก.พ. 52 17:10:44 ]

ความคิดเห็นที่ 52 log in : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ   ผมไปดู ย้อนหลัง หลายกระทู้ เห็นคุณเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาธรรมกาย ตอบกระทู้ ยาวๆหน่อย ตอบสั้นๆ แบบนี้ เพื่อนๆไม่ได้ share ประสบการณ์ของคุณเลยนะ เนี่ย ผมเห็น คุณ บรรยายไว้ยาวเลย http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7527426/Y7527426.html ตรงกระทู้นี้ที่ผม ทำ link ไว้อ่ะ ในความเห็นที่ 3-4 ที่คุณโพสต์อ่ะ ผมว่า....... มันเป็น สมถ ทั้งหมดเลยไม่ใช่เหรอ  แล้ว วิปัสสนา มันเกิดได้ไงอ่ะครับ วิธีของคุณ มัน relate กันยังไง แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 17:20:49 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 17:20:08 แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 52 17:18:46 จากคุณ : muangsombut - [ 20 ก.พ. 52 17:11:09 ]

ความคิดเห็นที่ 53 คนเราก็พูดกันได้เรื่อยๆ ดีเนอะ คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ หากคุณมีเกียรติจริง ขอเรียนเชิญมาพบกัน แล้วเราก็ไปสาบานวัดพระแก้วกันดีไหมคับ ผมขี้เกียจยืนยันอะไรมากมายกับคนอย่างคุณ ผมไม่คุยกล่าวว่ามี "ฆราวาส(ผู้ยิ่งใหญ่)บางคนเป็นพระอรหันต์" ติดต่อเลยคับ มาแล้วถ่ายรูปมาลงเวปกัน ถ้าแน่จริง มีเกียรติจริง เป็นผู้ใหญ่จริง แล้วเราก็ชวนพยานที่ในห้องศาสนานี้ไปด้วย จะได้จบเรื่องกันไปเสียที รำคาญ ... ป.ล. ส่วนคำถามอื่นคงไม่จำเป็นต้องตอบหรือพูดอะไรมากอีก เพราะคนที่ถูกถามไปก็ยังไม่เห็นจะตอบอะไรได้สักอย่างเลย จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 20 ก.พ. 52 17:25:32 ]

ความคิดเห็นที่ 54 ขออนุโมทนากับ link ที่คุณ He-Who-Must-Not-Be-Named โพสต์ใน คคห. ที่ 2 นะครับ ผมว่าชัดเจนที่สุดเท่าที่จะชัดเจนได้แล้วล่ะครับ :-) จากคุณ : Pee Kay - [ 20 ก.พ. 52 17:27:10 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรียนคุณ Radiant, Archangel ลูกอลัชชีพูดจาเพ้อเจ้อส่งเดชเป็นนิสัย เหมือนสุนัขถ่ายเรี่ยราด อย่าให้ไปเป็นเ ส ..... ด กับสถานที่ศักดิ์สิทธิของสำคัญไทยเลย จากคุณ : Natty_TT - [ 20 ก.พ. 52 17:31:36 ]

ความคิดเห็นที่ 56 กระจ่างแจ้งดีแท้  เข้าใจแล้วคับ ว่าทำไม คุณ Natty  ฤทธี  ทวนทอง จิตเกิดดับ  ฯลฯ ถึงใช้คำพูดแรงๆ จนบางครั้งผมเกิดอคติ  คือใมใช่แค่สอนผิด แต่ไม่ใช่พุทธศาสนาเลย จากคุณ : AP.lor - [ 20 ก.พ. 52 18:00:24 ]

ความคิดเห็นที่ 57 อืม สังเกตการณ์มานาน เริ่มออกทะเลไปแล้ว จากถกกันเรื่องสัมมาสมาธิ กลายเป็นเรื่องสมมติสงฆ์กับอริยะสงฆ์ไปซะได้ ผมควรจะงงดีมั๊ยเนี่ย ตอบจขกท.ก็แล้วกันครับ จากที่เคยดูการสอนสมาธิแบบของวัดพระธรรมกายแล้ว ก็บอกได้เลยว่าคงได้สมถะเพียงเท่านั้น หากแต่ว่าถ้ามีคนที่คิดวิธียกเป็นวิปัสนากันจริงๆก็น่าจะทำได้ครับ เพียงแต่ผู้สอนไม่เคยสอนเลย(หรือว่าเคยสอนแต่ผมไม่เห็นเองก็มิทราบได้ครับ) เพราะวิปัสนาที่แท้จริงเมื่อทำไปจะเริ่มได้วิปัสนาญาณที่ 1 คือ แยกรูปกับนามออกจากกันได้ จะเห็นว่าในโลกนี้มีเพียงรูปและนามเท่านั้น สิ่งที่เราเห็นเป็น คน สัตว์ สิ่งของ เวลา เป็นเพียงรูปที่มีสมมติบัญญัติซึ่งเกิดขึ้นโดยนาม(จิต หรือความรู้สึก)ไปรับรู้เท่านั้น จากคุณ : Skalidis - [ 20 ก.พ. 52 18:10:59 ]

ความคิดเห็นที่ 58 ฝึกไปอีกระยะจะได้ วิปัสนาญาณที่ 2 คือเห็นปัจจัยของรูปและนาม ต้องขออภัยที่ผมจำคำบาลีไม่ได้นะครับ ปัจจัยของรูปและนามคือ บางครั้งรูปเกิดขึ้นเพราะมีนามเป็นปัจจัย เช่น จิตอยากกิน(นาม)จึงออกไปหาอะไรกิน(กิริยาที่ทำคือรูป) อยากนอน(นาม)จึงนอน(รูป) เช่นเดียวกันบางครั้งรูปก็ทำให้เกิดนามได้เช่นกัน ตัวอย่าง เราเห็นรูปนางแบบสุดเซ็กซี่(รูป) รูปนี้เกิดจากการที่แสงตกกระทบภาพแล้วเข้าสู่ตาของเรา แสงนั้นเป็นรูป เข้าสู่ตา แปลผลไปสู่สมอง เกิดความรู้สึกชอบ/ไม่ชอบ(นาม) ขึ้นมา   อันนี้คือตัวอย่างนะครับ ส่วนวิปัสนาญาณที่ 3 และ 4 ถ้ายังอยากทราบ เดี๋ยวผมกลับมาเล่าก็แล้วกันครับ อันนี้ได้จากการอ่านศึกษามาบ้างนะครับบวกกับปฏิบัติเองจนเห็นผล ไม่ได้เก่งกาจอะไรนะครับออกตัวไว้ก่อน หากผิดพลาดประการใด ขอช่วยแก้ไขด้วยก็จะเป็นพระคุณครับ จากคุณ : Skalidis - [ 20 ก.พ. 52 18:17:40 ]

ความคิดเห็นที่ 59 เสริมคุณ Skalidis วิปัสสนาญาณที่ 2 บาลีว่า ปัจจยปริคหญาณ จากคุณ : Natty_TT - [ 20 ก.พ. 52 19:33:00 ]

ความคิดเห็นที่ 60 ขออนุโมทนากับทุกท่านที่เข้าไปอ่านจนเข้าใจด้วยอีกทีนะครับ (หากอ่านวันเดียวไม่หมด ก็เซฟลิงค์ไว้อ่านวันหน้าต่อให้ครบก็ได้ครับ หรือเก็บเนื้อหาไว้ใช้อ้างอิง สอนลูกสอนหลานต่อไปในอนาคตครับ) ตอบคุณ Radiantฯ คห.#17 ขอบคุณครับ มีให้ดอกไม้กลางสงครามแบบนี้ เขินนะเนี่ย ^_^ ... ดูจิตดูใจตามแทบไม่ทัน จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 20 ก.พ. 52 19:54:45 ]

ความคิดเห็นที่ 61 แล้วคุณ Radiant เคยกล่าวไว้หรือไม่ ว่ามีคนสำเร็จกรรมฐาน 40 กองภายในวันเดียว (อะไรจะเก่งเหนือมนุษย์ขนาดนั้น)  ฆราวาสคนนั้นหรือป่าวที่คุณคิดว่าเป็นพระอรหันต์   ลองไปนึกทบทวนดูดีๆ ก่อนครับ แล้วค่อยคิดเรื่องสาบาน จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 21 ก.พ. 52 04:42:19 ]

ความคิดเห็นที่ 62 คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติอย่ามาเสียเวลา จะไปสาบานก็มาเลย ผมจำได้และรับผิดชอบคำพูดตนเองเสมอ เรื่องผุ้ที่ฝึกกรรมฐานครบ 40 กองในวันเดียว มีอยู่คือหลวงพ่อฤาษีลิงดำเคยกล่าวไว้ ท่านว่าสอนไปวันเดียวท่านก็ได้ครบ 40 กอง แต่ได้ข่าวว่าองค์นี้ท่านเป็นพระโพธิสัตว์บารมีใกล้เต็ม จะเป็นพระอรหันต์ไปได้ยังไง สมาชิกผุ้ทรงเกียรติแสดงความฉลาดออกมาอีกละ และความฉลาดเบิ้ล 2 คือ คิดไปเองว่าฝึกกรรมฐานได้ 40 กอง จะบรรลุอรหันต์ นั่นมันสมถกรรมฐาน จะบรรลุอรหันต์ได้ยังไง โอ้ กระทู้โชว์ความฉลาดแท้ๆ รู้ถึงไหนอายถึงนั่น   ป.ล. จะสาบานก็รีบมาจะได้จบเรื่อง เว้นแต่ว่าไม่กล้า ดีแต่ปากจ๊ะ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 ก.พ. 52 08:30:54 ]

ความคิดเห็นที่ 63 สรุปว่า ท่านที่ศึกษาการภาวนาจากวัดธรรมกาย ไม่สามารถอธิบายให้ จขกท. ทราบได้ใช่ไหมครับ ว่าแนวทางที่ ทางวัดธรรมกายสอนนั้น ไม่เกี่ยวข้อง กับสติปัฎฐาน 4 ตามที่พระพุทธองค์ทรงเมตตาสอนไว้ ถ้าหากมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน ผมรบกวนขอข้อมูลส่วนนั้น ด้วยคนครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ever rich - [ 21 ก.พ. 52 10:08:16 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คนเรา วันนึงมีเวลา 24 ชั่วโมง  นับเวลาตื่นก็ราว 10 กว่าชั่วโมง บางคนแค่วันเดียวอาจมีความคิดเป็นหลายพันหลายหมื่นเรื่อง ทำกิจการงานได้สารพัดอย่าง กรรมฐาน 40 กอง ก็มาจากในจิตทั้งนั้น วันเดียวถ้ามีเวลา ตั้งใจจริง มีสมาธิ ไม่กังวลอะไร ทำได้แน่ๆ แต่จะทำได้ผลดีระดับไหนนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนโง่เง่า ก็มักทำอะไรซ้ำซากแบบเดียวอยู่ตลอด ไม่รู้จักพัฒนา ถึงได้เป็นทาสสำนักอลัชชีอยู่ทั้งกะปีทั้งกะชาติ ความรู้เลยเหมือนกบในกะลา เขาให้ทำอะไรก็ทำอยู่อย่างเดียว เหมือนมีหัวไว้คั่นหูเฉยๆ เขาว่าให้ทำอย่างไรก็ว่าตามกัน เหมือนดั่งเป็นฝูงควายที่เขาจูงหรือต้อน แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 52 10:17:02 จากคุณ : Natty_TT - [ 21 ก.พ. 52 10:16:05 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เราข้อมูลที่มีอยู่ เป็นไฟล์เสียงหลวงพ่อสดสอนกรรมฐาน ถ้าสนใจก็หลังไมค์มาก็ได้ จะส่งไปให้ จากคุณ : Natty_TT - [ 21 ก.พ. 52 10:18:57 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ตอบเรื่อง   สติปัฏฐาน4  สำหรับกระทู้นี้เลย เริ่มแรก  เลย  นะ .. มีศีลกัน  ให้ ครบ  ก่อนครับ และทำใจสะอาดกันก่อน   โดยการสละความ พยาบาท อารมณ์  บูดเน่า  ของตน หรือพูดง่ายๆ  ฆราวาสธรรม 4 ปฏิบัติฆราวาสธรรม 4  ให้ดีก่อน ยังไม่ต้อง   โลภ  จะไปสำเร็จ อะไร  ต่อมิ  อะไร   ให้ศีล  เป็นปกติ  ก่อน  แล้วค่อย เริ่มศึกษา  ด้านภาวนา  นะ จากคุณ : kraho - [ 21 ก.พ. 52 14:02:48 ]

ความคิดเห็นที่ 67 ธรรมกาย  กับ สติปัฏฐาน4    ทางเดียวกัน  นะครับ หลวงพ่อวัดปากน้ำ  ภาษีเจริญท่านสอนไว้ จากคุณ : kraho - [ 21 ก.พ. 52 14:05:59 ]

ความคิดเห็นที่ 68 ู^ ^ ^ แล้วมันทางเดียวกันได้ยังไงครับ  ผมว่าผมรวมทั้งท่านอื่นๆก็ไม่ได้ยกเหตุผลกำบั้นทุบดินแบบนี้นะ หากอธิบายออกมาเป็นขั้นเป็นตอนกว่านี้ผมรับฟังเสมอครับ ที่ผมบอกว่าไม่ใช่นั้น เพราะผมรู้มาว่า สติปัฏฐาน4 ต้องใช้สิ่งที่มีอยู่จริงเท่านั้น เพราะสังขาร,จิต หรืออะไรก็ตามที่เป็นของจริง มีเกิด มีดับให้พิจารณา ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง มีเสื่อมถอยทั้งนั้น เอาล่ะ ผมจะถือว่าผมเข้าใจธรรมกายน้อยมาก  แต่หากจะให้ผมเชื่อว่าธรรมกาย เป็นทางเดียวกับสติปัฏฐาน4  คุณ kraho ก็ควรแนะผมว่า ธรรมกาย มีเกิดมีดับ มีเสื่อมถอยแบบผม ขน เล็บ ฟัน หนัง  ได้ยังไง  เคลียร์ข้อสงสัยตรงนี้ได้จะได้เป็นภูมิธรรมให้ผมเข้าใจถูกต้องด้วยครับ จากคุณ : omeg - [ 21 ก.พ. 52 14:45:09 ]

ความคิดเห็นที่ 69 ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาตอบในส่วนที่ผมถามไว้ครับ แต่ผมว่า ข้อมูลที่คุณ kraho ตอบก็ยังไม่ละเอียดพอ อยู่ดีครับ   ขออนุญาต จขกท. ถามต่อ ก็แล้วกันครับ ที่ คุณ kraho บอกว่าเกี่ยวข้องกัน มันเกี่ยวข้องอย่างไรครับ รบกวน แจกแจง หรือ แจ้งหลักการ หรือ แนวทางการภาวนาของวัดด้วยครับ ลักษณะอันเดียวกัน กับในบทความ "หยุดเป็นตัวสำเร็จ " และ "หนทางสายกลาง"  ที่อยู่ใน เว็บ ของวัด หรือเปล่า ครับ คุณ kraho ที่ผมถาม ก็เพราะอยากรู้วิธีการภาวนา ของวัดธรรมกาย ครับ เพราะผมเองก็ศึกษา ทั้ง พอง ยุบ , ดูจิต  , พุทโธ หรือ มโนมยิทธิ ครับ ขอบคุณ ทุกท่านที่เข้ามาให้ความกระจ่างในจุดนี้ครับ จากคุณ : ever rich - [ 21 ก.พ. 52 18:00:40 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ Omeg  ตั้งกระทู้ใหม่  ให้หน่อย  สิครับ   กระทู้นี้  เกรงว่า คุณMuangsombat   ท่านไม่ค่อยชอบ ผมเท่าไหร   เปรียบเหมือน  คับที่อยู่ได้   คับใจอยู่ยาก หากผู้รับ  และผู้ตอบ  มีไมตรีจิต ต่อกัน ใครเลยจะปล่อยให้  ท่าน Omeg เข้าใจผิดละ คนที่มาตอบในนี้   รู้เรื่องธรรมกายและสติปัฏฐานสี่ มากกว่าผม  มากมายนัก แต่ท่านเหล่านั้น   ไม่อยากเสียเวลานั่นละครับ หรือเสียเวลาเปล่า     ท่านOmeg เข้าใจดี ใจเปิด  หรือไม่   อันนี้สำคัญ  โจมตีหรือไม่  อันนี้สำคัญ หากกะว่า  จะถล่ม ทำลายแน่ๆ  ก็อย่าตั้งกระทู้เลย เสียเวลา  ท่านจะเสียเวลา  และทุกท่านจะเสียเวลา สาธุ  กับท่าน Omeg จากคุณ : kraho - [ 21 ก.พ. 52 19:03:54 ]

ความคิดเห็นที่ 71 คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติคับ ผมกำลังรอคำตอบ คำชี้แจงของท่านอยู่นะคับ เวลาว่าคนอื่น นำเอาข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมาพูด พูดได้ไม่อายปาก พอคนอื่นเอาความจริงเอาเรื่องจริงมาพูดกลับเงียบสนิท ชวนให้ไปสาบานก็ไม่กล้าไป กรุณาแสดงความรับผิดชอบต่อคำพูดของตัวเองด้วยคับ หรือท่านอยากจะชื่อว่า ...ไม่มีความรับผิดชอบ ดีแต่พูด หาเรื่องเด็กแล้วหน้าแตกกลับไปเอง เพราะชอบโชว์ความฉลาดอยู่เนืองๆ ผมก็ไม่ว่าหรอกคับ    แต่เขาจะว่าเอาได้ว่า ... เป็นผู้ใหญ่เสียเปล่า เสียทีที่เกิดมานาน อายุอานามก็มากกว่าคนอื่นไม่รู้กี่สิบปี ความรู้ธรรมะก็แสดงความฉลาดออกมาตั้งหลายความเห็นบน แล้วก็ข้อความที่คิดยัดเยียดให้คนอื่นอีก ความจริงเป็นสิ่งไม่ตายคับ สมควรที่จะให้ท่านอื่นๆ ทราบได้แล้วว่าคุณเป็นคนยังไง !!! จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 21 ก.พ. 52 21:24:08 ]

ความคิดเห็นที่ 72 ผมว่านะจะตั้งกระทู้ใหม่ทุกคนก็ตามไปได้อยู่ดีครับ ที่นี่เป็นบอร์ดสาธารนะใครก็เข้ามาดูมาโพสได้ครับ ถ้าคุณkraho จะตอบก็ตอบที่นี่เลยครับ ไม่ต่างกันหรอกผมว่า จากคุณ : omeg - [ 21 ก.พ. 52 21:33:36 ]

ความคิดเห็นที่ 73 ต่างครับ Omeg   เชื่อสิ     นั่นๆ  ตาเขียวๆกันเป็นแถวแล้ว ไปก่อนละ  อยู่นานไม่ได้ จากคุณ : kraho - [ 21 ก.พ. 52 22:38:03 ]

ความคิดเห็นที่ 74 ทุกคนสามารถพูดอะไรก็ได้  และจะยอมรับก็ได้ หรือ จะไม่ยอมรับก็ได้ ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะไม่มีใครบันทึกข้อมูลไว้ จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 22 ก.พ. 52 01:54:08 ]

ความคิดเห็นที่ 77 อ่านแล้ว "ขำว่ะ" หึหึหึหึ จากคุณ : Ritti Janson - [ 23 ก.พ. 52 11:57:15 ]

ความคิดเห็นที่ 78 ^ ^ ขำ  ด้วย   ฮ่า  ฮ่า จากคุณ : kraho - [ 23 ก.พ. 52 17:18:54 ]

ความคิดเห็นที่ 79 ^ ^ ขำด้านบนที่ติดกันด้วยคน   ................................................................................... ความเห็นที่ 75 และ 76 ของผมที่ตอบความเห็น 74 ถูกลบไปทั้ง 2 ครั้ง ทั้งที่ไม่น่าจะติดคำกรองแต่อย่างใด ผมเซพข้อความไว้จะนำข้อความที่ถูกลบมาลงใหม่ วันพรุ่งนี้ได้มีเสียผู้ใหญ่กันไปหล่ะ   ....................................................................................... หมายเหตุ  แก้ไขเพื่อเพิ่มความขำนะจ๊ะ แก้ไขเมื่อ 23 ก.พ. 52 17:21:46 จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 23 ก.พ. 52 17:19:47 ]

ความคิดเห็นที่ 80 มาตอบแล้วหรือครับ  ยังไม่ทันได้เห็นเลย  ทำไมต้องรอพรุ่งนี้ด้วยล่ะครับ จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 23 ก.พ. 52 21:03:19 ]

ความคิดเห็นที่ 81 รู้สึกถึง..โทสะ..กับ..โมหะกันบ้างไหมครับ จากคุณ : ปลากรอบคุง - [ 23 ก.พ. 52 21:05:54 ]

ความคิดเห็นที่ 82 กรรมฐานที่พระพุทธเจ้าทรงประทานสอนมีอยู่ 40 กอง เลือกปฎิบัติได้ตามอัธยาศัยและจริต  จะเลิกอันใดก็แล้วแต่ จุดหมายปลายทางคือนิพพานมิใช่หรือ ผมว่าไม่ควรจะวิวาทะกัน  เพราะ "พูดถูก (วิจารณ์ถูก) เสมอตัว พูดผิด (วิจารณ์ผิด) เข้าตัว" จากคุณ : อย่างนั้นมั้ง (Zhounat) - [ 23 ก.พ. 52 22:33:37 ]

ความคิดเห็นที่ 83 ตอบความเห็นที่ 74 อีกครั้ง ... จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 24 ก.พ. 52 08:42:30 ]

ความคิดเห็นที่ 84 "จิตมนุษย์นี้ยากแท้หยั่งถึง" แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 12:33:07 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 12:31:47 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 12:30:27 จากคุณ : อิทธิบาทสี่ - [ 24 ก.พ. 52 11:27:55 ]

ความคิดเห็นที่ 85 "ค้นพบตัวตนที่แท้จริง ภายในของคุณ กายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ซ้อนสับลึกลงไปทั้ง 18 กายหลัก ตั้งแต่ กายมนุษย์หยาบ จนถึง กายธรรมพระอรหัตต์ละเอียด ... ด้วยการฝึกอบรม วิชาธรรมกาย แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 12:30:53 จากคุณ : อิทธิบาทสี่ - [ 24 ก.พ. 52 11:30:30 ]

ความคิดเห็นที่ 86 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๙ สังยุตตนิกาย ขันธวารวรรค             [๑๖๑] ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่ เที่ยง?             ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า.             พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?             ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.             พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอ ที่จะตาม เห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?             ภิ. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.             พ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?             ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.             พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?             ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.             พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา ควรหรือหนอ ที่จะตาม เห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา นั่นเป็นเรา นั่นเป็นตัวตนของเรา?             ภิ. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.             [๑๖๒] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และ ปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ รูปทั้งหมดนั้น เธอทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอันชอบ ตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา. เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สัญญาอย่างใดอย่าง หนึ่ง สังขารอย่างใดอย่างหนึ่ง วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และ ปัจจุบัน ฯลฯ อยู่ในที่ไกลหรือใกล้ วิญญาณทั้งหมดนั้น เธอทั้งหลาย พึงเห็นด้วยปัญญาอัน ชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา นั่นไม่เป็นเรา นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้ เราเรียกว่า ย่อมทำให้พินาศ ย่อมไม่ก่อ ย่อมละทิ้ง ย่อมไม่ถือ มั่น ย่อมเรี่ยราย ย่อมไม่รวบรวมเข้าไว้ ย่อมทำให้มอด ไม่ก่อให้ลุกโพลงขึ้น.             [๑๖๓] อริยสาวก ย่อมทำอะไรให้พินาศ ย่อมไม่ก่ออะไร? ย่อมทำรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้พินาศ ย่อมไม่ก่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. ย่อมละทิ้งอะไร ย่อมไม่ถือมั่นอะไร? ย่อมละทิ้งรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อมไม่ถือมั่นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. ย่อมเรี่ยรายอะไร ย่อมไม่รวบรวมอะไรไว้? ย่อมเรี่ยรายรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อมไม่รวบรวมรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ. ย่อมทำอะไร ให้มอด ย่อมไม่ก่ออะไรให้ลุกโพลงขึ้น? ย่อมทำรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้มอด ย่อมไม่ก่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้ลุกโพลงขึ้น. ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก ผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ทั้งในเวทนา ทั้งในสัญญา ทั้งในสังขาร ทั้งในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น. เมื่อหลุด พ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว. รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี ดูกรภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกนี้ เราเรียกว่า ย่อมไม่ก่อ ย่อมไม่ทำให้พินาศ แต่เป็นผู้ทำให้พินาศได้แล้วตั้งอยู่ ย่อมไม่ละ ย่อม ไม่ถือมั่น แต่เป็นผู้ละได้แล้วตั้งอยู่ ย่อมไม่เรี่ยราย ย่อมไม่รวบรวมไว้ แต่เป็นผู้เรี่ยรายได้แล้ว ตั้งอยู่ ย่อมไม่ทำให้มอด ย่อมไม่ก่อให้ลุกโพลงขึ้น แต่เป็นผู้ทำให้มอดได้แล้วตั้งอยู่.             [๑๖๔] อริยสาวก ย่อมไม่ก่ออะไร ย่อมไม่ทำอะไรให้พินาศ แต่ทำให้พินาศแล้ว ตั้งอยู่. ย่อมไม่ก่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้พินาศ แต่เป็นผู้ทำให้พินาศได้ แล้วตั้งอยู่. ย่อมไม่ละอะไร ย่อมไม่ถือมั่นอะไร แต่เป็นผู้ละได้แล้วตั้งอยู่ ย่อมไม่ละรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อมไม่ถือมั่นรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่ เป็นผู้ละได้แล้วตั้งอยู่. ย่อมไม่เรี่ยรายอะไร ย่อมไม่รวบรวมอะไรไว้ แต่เป็นผู้เรี่ยรายได้แล้ว ตั้งอยู่. ย่อมไม่เรี่ยรายรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ย่อมไม่รวบรวมรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ แต่เป็นผู้เรี่ยรายได้แล้วตั้งอยู่. ย่อมไม่ทำอะไรให้มอด ย่อมไม่ก่อ อะไรให้ลุกโพลงขึ้น แต่เป็นผู้ทำให้มอดได้แล้วตั้งอยู่. ย่อมไม่ทำรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้มอด ย่อมไม่ก่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ให้ลุกโพลงขึ้น แต่เป็น ผู้ทำให้มอดได้แล้วตั้งอยู่. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เทวดาพร้อมด้วยอินทร์ พรหม และท้าวปชาบดี ย่อมนมัสการ ภิกษุผู้มีจิตพ้นแล้ว อย่างนี้แล แต่ที่ไกลทีเดียวว่า                          ข้าแต่ท่านผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้าพเจ้าทั้งหลายขอนอบน้อม                          ต่อท่าน ข้าแต่ท่านผู้เป็นอุดมบุรุษ ข้าพเจ้าทั้งหลายขอนอบน้อม                          ต่อท่าน ผู้ซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลายมิได้รู้จักโดยเฉพาะ และผู้ซึ่งได้                          อาศัยเพ่งท่านพินิจอยู่ ดังนี้. จบ สูตรที่ ๗. จากคุณ : อิทธิบาทสี่ - [ 24 ก.พ. 52 11:44:02 ]

ความคิดเห็นที่ 87 #85 ดู่ทางเข้าใจยากนะครับกายอะไรตั้ง 18 กาย ผมขอฝึกแนวทางสติปัฏฐน 4 ก็เพียงพอแล้วล่ะครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อธิบายให้ละเอียดไปเลยดีกว่านะครับ จากคุณ : Skalidis - [ 24 ก.พ. 52 12:55:43 ]

ความคิดเห็นที่ 88 ผมยังไม่ได้อ่านคำตอบของท่านอื่นๆ นะครับ แต่ประเด็นนี้ไม่ทราบว่าผู้ถามเข้าใจไปว่าอย่างไร ทำความเข้าใจเรื่อง  สติปัฏฐาน ๔ กันก่อนนะครับ   ท่านฝึกปฏิบัติสติปัฏฐานให้เกิดกับกายมนุษย์หยาบกายนี้กายเดียวอย่างไร  ตามที่พระไตรปิฎกกล่าว  ผู้ฝึกธรรมกายก็ฝึกเช่นนั้น  แต่เราไม่ได้ฝึกให้สติปัฏฐาน ๔ เกิดแก่กายมนุษย์กายนี้กายเดียวเท่านั้น  เราเจริญสติปัฏฐานให้เกิดกับกายในกายทุกกายนั่นเอง   เรื่องมันก็แค่นี้เอง  ไม่แปลกอะไรเลยนี่ครับ  เพราะวิชชาธรรมกายสามารถเห็นกายในกายเป็นชั้นๆ เข้าไป  เราก็ต้องเจริญสติปัฏฐาน ๔ เป็นชั้นๆ เข้าไป  เรียกว่าให้สติปัฏฐานละเอียดเข้าไป  การพิจารณากายในกายนั้น เราก็พิจารณาตามพระไตรปิฎก  และเราก็พิจารณาสติปัฏฐาน ๔ ให้เกิดแก่กายในกายทุกกายเข้าไปเป็นชั้นๆ ทั้ง ๑๘ กายด้วยนั่นเอง แปลว่าผู้ฝึกภาวนาวิชชาธรรมกายเจริญสติปัฏฐาน ๔ เข้าไปเป็นชั้นๆ ละเอียดเข้าไปเช่นนี้นั่นเองครับ วิธีการนี้วัดปากน้ำสอนนะครับ  สายอื่นๆ เขาเรียนเขาฝึกกันอยู่แล้วเรื่องสติปัฏฐาน ๔ แต่สายที่ปทุมผมไม่ทราบว่าฝึกกันหรือเปล่าเท่านั้นเอง จากคุณ : สมถะ - [ 24 ก.พ. 52 14:03:56 ]

ความคิดเห็นที่ 89 สติปัฏฐานสูตร (๑) : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5251529/Y5251529.html มหาสติปัฏฐานสูตร (๒) : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5255676/Y5255676.html วิปัสสนาภูมิ : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5250264/Y5250264.html วิชชาธรรมกาย  สติปัฏฐาน ๔ และอานิสงส์ http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-25/215820 การเดินวิชชาธรรมกายตามแนว สติปัฏฐาน ๔ http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-08/85675 จากคุณ : สมถะ - [ 24 ก.พ. 52 14:11:21 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ถ้าท่านต้องการเข้าไปศึกษาสมถะวิปัสสนาและสติปัฏฐาน ๔ ตามแนวการฝึกภาวนาวิชชาธรรมกาย เชิญหาความรู้ได้ในเวปของผมนะครับ   เพียงท่านค้นหาในกูลเกิ้ล  พิมพ์คำว่า "เวปคุณสมถะ"  ก็สามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ทั้งหมดครับ   ความจริงผมเพียงแค่แนะนำแหล่งความรู้เพื่อความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้  ถ้าท่านมีใจเป็นกุศลจริง  ก็ไม่ต้องแจกถั่งแดงกันดอกนะครับ จากคุณ : สมถะ - [ 24 ก.พ. 52 16:48:18 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ขอขอบคุณ ความคิดเห็นที่ 2 ครับ เนื้อหาใน link อธิบายได้เรียบง่าย แต่ชัดเจน และตรงประเด็นดีครับ จากคุณ : zmen - [ 24 ก.พ. 52 17:23:40 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ข้อมูลดีมากครับ นี่สิของแท้ ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้องเลย อนุโมทนาครับ จากคุณ : Hualon - [ 24 ก.พ. 52 20:16:48 ]

ความคิดเห็นที่ 94 อย่าไปเชื่อถือคุณสมถะเลยครับ เพราะ คุณสมถะเป็นหนึ่งในวิปัสสนาจารย์วิชชาธรรมกายอีกหลาย ๆ ท่าน ที่ยัง ไ ม่ ไ ด้ แ ม้ ด ว ง ป ฐ ม ม ร ร ค   ที่เป็นจุดเริ่มต้นก่อนที่จะเข้าไปสู่กายต่าง ๆ อีก 18 กายนั่น เ พ ร า ะ  คุ ณ ส ม ถ ะ เ ป็ น เ พี ย ง วิ ปั ส ส น า จ า ร ย์ แ บ บ ท่ อ ง จำ น่ ะ ค รั บ เสมือนเป็นครูสอนว่ายน้ำที่ผ่านการเป็นครูมาได้ก็เพราะเรียนและสอบว่ายน้ำด้วยการท่องจำเฉพาะในตำรับตำราเท่านั้น เมื่อโดดลงสระพาศิษย์ออกว่ายน้ำ  ก็รังแต่จะพาศิษย์จมน้ำตายเท่านั้นเอง การปฏิบัติสมถะ/วิปัสสนาไม่ว่าแบบใด ๆ ก็เหมือนกัน จริง ๆ คุณสมถะก็ยังไม่สามารถปฏิบัติได้แม้แต่กายเดียว   มิหนำซ้ำแม้ดวงปฐมมรรคก็ยังไม่ได้อย่างที่เที่ยวกล่าวสาธยายความในกระทู้และเวบไซต์ ดังนั้น เมื่อถึงคราวพาศิษย์ออกปฏิบัติจริง   ก็จะพาศิษย์-หลง-วน-เวียน-อยู่เพียงแค่การกำหนดดวงแก้วและนำพาดวงแก้วจากฐานที่ 1 ถึงฐานที่ 7 เท่านั้น วน-เวียน อยู่อย่างนั้น  จึงยังไม่ได้ดวงปฐมมรรคสักที เปรียบไปแล้ว   ก็เสมือนครูว่ายน้ำที่ทำได้เพียงแค่พาลูกศิษย์เกาะอยู่ขอบสระว่ายน้ำเท่านั้น ถ้าพาศิษย์ลงคลอง/แม่น้ำธรรมชาติที่ไม่มีขอบอย่างขอบสระว่ายน้ำ   ก็ไม่รู้ว่า จะพาศิษย์ลงคลอง/แม่น้ำไปได้ไกลสักเพียงใด ใครจะจมน้ำก่อนกันก็ไม่รู้สิ !!!!!!!!!!!!!! \/ \/ \/ \/ \/ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7543422/Y7543422.html#38 ***************************************************************************** ความคิดเห็นที่ 38 ***************************************************************************** ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ที่   2 7     อื ม . . . ร้ อ น ตั ว จั ง ต า ม ส บ า ย น ะ ค รั บ     เ ชิ ญ ต า ม ส บ า ย จ า ก คุ ณ   :   ส ม ถ ะ       -   [   1 9   ก . พ .   5 2   2 0 : 4 9 : 2 3   ] ***************************************************************************** ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ผมเข้าใจแล้ว   คุณสมถะหมายถึงใครหรือครับที่บอกว่า  กอดคอตายทั้งคู่น่ะ ชี้แจงแถลงไขให้ชัด ๆ สิครับ มือถือสาก  ก็กรุณาใช้ถ้อยคำให้สมกับที่เป็นแม่ค้าส้มตำนั่นแหละเหมาะสมกันแล้ว มือถือขัน/บาตร  ก็กรุณาใช้ถ้อยคำให้สมกับที่ได้กระทำตัวให้คนเข้าใจว่าเป็นคนถือศีล มีศีลมีสัตย์ อย่าได้กระทำตัวเป็นมือถือสาก  ปากถือศีลไปได้ การพูดจากกระทบกระเทียบเปรียบเปรยในเชิงเสียดสี ดูถูก เหยียดหยัน เยาะเย้ย นั้น   ไม่ใช่วิสัยของวิปัสสนาจารย์  ซึ่งควรที่จะกอรปด้วยคำพูดที่อยู่ในศีลานุวัตรอันบริสุทธิ์ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา  การตอบโต้ของคุณสมถะ และเหล่าสานุศิษย์วิชชาธรรมกายทั้งหลายนั้น   ไม่ใช่วิสัยของผู้ที่ได้แสดงตัวตนเป็นคนทรงศีล อย่างที่ได้แสดงตนด้วยการแต่งกายสะอาด/ชุดขาว/เสื้อขาว/สุภาพเรียบร้อย/ใช้คำพูดไพเราะเพราะพริ้ง   เพราะแม้คำพูดจะดูไพเราะเพราะพริ้งก็จริง   แต่ก็แฝงด้วยถ้อยคำที่จากกระทบกระเทียบเปรียบเปรยในเชิงเสียดสี ดูถูก เหยียดหยัน เยาะเย้ย จากคุณ : ทวนทอง   - [ 20 ก.พ. 52 03:56:05 ] ***************************************************************************** แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 22:14:03 แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 52 22:10:18 จากคุณ : ทวนทอง - [ 24 ก.พ. 52 22:06:01 ]

ความคิดเห็นที่ 95 เรื่องวิชชาธรรมกาย น่าจะศึกษาจากหลวงพ่อวัดปากน้ำ ไม่ใช่ฟังจากสำนักวิปัสสนากรรมฐานสายอื่นครับ บุคคลที่คุณสมบัติ "ถึงพอเริ่มจะเข้าใจวิชชาธรรมกายนี้ได้"  หลวงพ่อท่านได้กล่าวไว้ว่า "... การศึกษาวิชชาธรรมกาย พระพุทธศาสนาในแนวทางปฏิบัติ ถ้าจะศึกษาวิชชานี้โดยอาศัยแนวทางด้านปริยัตินั้นย่อมเข้าใจได้ไม่ลึกซึ้ง ผู้ที่จะเข้าใจวิชชาธรรมกายได้นั้น ต้องทำสมาธิได้มรรคผล 18 กายเบื้องต้นก่อน แล้วต้องปฏิบัติด้วยความสม่ำเสมอต่อไปอีก 10 ปี ถึงพอเริ่มจะเข้าใจวิชชาธรรมกายนี้ได้ ...." หลวงพ่อวัดปากน้ำสอนตามแนวสติปัฏฐาน 4 คือมีสติพิจารณาเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต และธรรมในธรรมทั้ง ณ ภายนอก และ ณ ภายใน เข้าไปจนสุดละเอียด ผ่านกาย-เวทนา-จิต-ธรรม ของกายมนุษย์-มนุษย์ละเอียด กายทิพย์-ทิพย์ละเอียด การรูปพรหม-รูปพรหมละเอียด กายอรูปพรหม-อรูปพรหมละเอียด อันเป็นกายโลกิยะที่ประกอบด้วยปัจจัยปรุงแต่ง เมื่อสุดละเอียดพ้นกายโลกิยะนี้แล้วจึงจะถึงธรรมกายต่อไป ขอยกความสำคัญของธรรมปฏิบัติพระธรรมเทศนาหลวงพ่อวัดปากน้ำ มีความตอนหนึ่งว่า "ต้องกล่าว เห็น นะ ไม่ใช่กล่าว รู้" และ "นั่นเห็นอย่างนี้ เห็น หรือ รู้ ล่ะ รู้กับเห็นมันต่างกันนะ เห็นอย่างหนึ่ง รู้อย่างหนึ่ง นะ ไม่ใช่เอารู้กับเห็นมาปนกัน ไม่ได้" ท่านที่สนใจจริงสามารถอ่านจากพระธรรมเทศนาหลวงพ่อวัดปากน้ำ เช่นที่หอสมุด วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ครับ จากคุณ : ebusiness - [ 25 ก.พ. 52 01:00:19 ]

ความคิดเห็นที่ 96 ทางสายกลาง  ตามแนวทางพระบรมครู   " พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระนามว่าโคดม   ก็ได้เสด็จไปแล้วโดยทางนั้น พระพุทธเจ้า ๗ พระองค์นี้  ทรงปราศจากตัณหา ไม่ทรงถือมั่น  ทรงหยั่งถือความสิ้นกิเลส เสด็จ  อุบัติแท้โดย   ธรรมกาย  ผู้คงที่ ทรงเอ็นดู  อนุเคราะห์สัตว์ทั้งหลาย ....  " (พระสุตตันตปิฎก) จากคุณ : kraho - [ 25 ก.พ. 52 01:44:23 ]

ความคิดเห็นที่ 97 อืม...แปลกนะครับ  กระแสดิสเครดิสก็มีด้วย ผมไม่เข้าใจว่าท่านจะผูกใจอาฆาตเรื่องใดหรือ...? ผมไม่ขอกล่าวเรื่องที่ท่านกล่าวหานะครับ  เพราะถึงอย่างไร  ผมก็ไม่ได้แสดงตนเป็นผู้วิเศษใดๆ  และไม่เคยอวดอ้างถึงความวิเศษใดๆ ทำไมเราต้องมาสร้างกระแสกระทบกระทั่งกันไปมาด้วยล่ะ กระทู้นี้ผมไม่ได้แสดงอวดตัวอะไรนะครับ  ความรู้ที่นำมาแสดงก็คือคามรู้ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ  และผู้เข้าธรรมกายอื่นๆ   ผมไม่ติดใจกระแสที่บางคนพยายามสร้างขึ้นนะครับ  เพราะผมมีประสบการณ์ทางวิชชาที่ผมมีความมั่นใจและรับรู้ได้ด้วยตนเองมาพอสมควร  แต่ถามว่าทำไมต้องมาสร้างกระแสแบบนี้ด้วยล่ะ  ท่านมีความประสงค์อะไร  ในใจท่านร้อนรนจนทนไม่ไหวเพียงแค่ผมนำเสนอข้อมูลอย่างนั้นหรือ..? ย้ำนะครับ  ผมนำเสนอข้อมูลชัดเจนแล้ว  อย่าได้พยายามขวนขวายในสิ่งที่ไม่ควรเลย  ผมไม่ต้องการผูกเวรกับใคร   ขอให้ท่านไปติดตามอ่านความรู้ตามที่ผมแนะนำเถิด  แม้ในเวปของผมเองก็มีผู้เข้าถึงธรรมกายระดับรู้จริงหลายท่าน  และก็มีหลายคนที่ผมฝึกจนกระทั่งมีความรู้และเข้าถึงธรรมกายอย่างแท้จริง  เพียงแต่เราไม่นำเรื่องเหล่านี้มาโฆษณา  เราต้องการให้ความรู้ทางวิชชาธรรมกายตามแบบอย่างของหลวงพ่อวัดปากน้ำเท่านั้น เรื่องของโลกธรรม ๘ อันนินทา  สรรเสริญ  เป็นเรื่องธรรมดา  สังคมเราเป็นเช่นนี้มานานแล้ว  ผมมีเจตนานำการฝึกสมาธิพัฒนาใจผู้คนให้สว่างใสตามแนววิชชาธรรมกายนี้  ไปฝึกให้เกิดประโยชน์แก่คนทั่วไป  ทำมานานแล้ว  ได้ผลมามากแล้ว  ดังนั้นใครจะว่าอย่างไร  ผมเองเพียงนึกถึงความลำบาก  ความอุสาหะที่เราได้ไปฝึกสมาธิมาเกือบทั่วประเทศ  ผมก็ถือว่าผมได้มีส่วนช่วยสังคมมาบ้างแล้ว  ผมมิได้มานั่งทำร้ายใครในบอร์ดนี้  ผมนำเสนอความรู้ให้ท่านได้พิจารณาแล้ว  ท่านจะมีใจเป็นกุศลและแสดงถึงความเป็นผู้ใฝ่รู้ใฝ่เรียนด้วยใจเป็นกลางๆ หรือไม่  ก็อยู่ที่ใจของท่านเองแล้ว หวังว่าใจของท่านจะไม่พลุกพล่านกับสิ่งที่ผมนำเสนออยู่ตอนนี้อีกนะครับ  ผมไม่ประสงค์วิวาทะกับใคร  ผมนำเสนอความรู้ให้อ่านแล้ว  ไม่ประสงค์ต่อความยาวสาวความยืดกับใครนะครับ สติปัฏฐานสูตร (๑) : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5251529/Y5251529.html มหาสติปัฏฐานสูตร (๒) : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5255676/Y5255676.html วิปัสสนาภูมิ : พระธรรมเทศนาของหลวงพ่อวัดปากน้ำ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2007/03/Y5250264/Y5250264.html วิชชาธรรมกาย  สติปัฏฐาน ๔ และอานิสงส์ http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-25/215820 การเดินวิชชาธรรมกายตามแนว สติปัฏฐาน ๔ http://gotoknow.org/blog/dhammakaya-08/85675 ถ้าท่านต้องการเข้าไปศึกษาสมถะวิปัสสนาและสติปัฏฐาน ๔ ตามแนวการฝึกภาวนาวิชชาธรรมกาย เชิญหาความรู้ได้ในเวปของผมนะครับ   เพียงท่านค้นหาในกูลเกิ้ล  พิมพ์คำว่า "เวปคุณสมถะ"  ก็สามารถเข้าไปศึกษาหาความรู้ได้ทั้งหมดครับ   ความจริงผมเพียงแค่แนะนำแหล่งความรู้เพื่อความกระจ่างในเรื่องเหล่านี้  ถ้าท่านมีใจเป็นกุศลจริง  ก็ไม่ต้องแจกถั่งแดงกันดอกนะครับ จากคุณ : สมถะ - [ 25 ก.พ. 52 08:30:55 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ผมไม่ได้ต้องการสร้างกระแสกระทบกระทั่ง  หรือต้องการดิสเครดิตคุณสมถะแต่อย่างใด ก็สิ่งที่คุณสมถะแสดงไว้ใน คห.88 นั้น   มันเป็นการแสดงข้อมูลรายละเอียดที่อาจทำให้คนอื่นเข้าใจไขว้เขวเอาได้ว่า  คุณสมถะเป็นผู้เชี่ยวชาญวิชชาธรรมกายและมหาสติปัฏฐานสี่  เห็นอธิบายไว้ละเอียดเชียวครับว่า ใช้สติปัฏฐานสี่ในการพิจารณาทุก ๆ กาย ทั้ง 18 กายธรรม ผมจึงได้เอาข้อมูลที่ผมได้รับรู้มาว่า  คุณสมถะยังไม่ได้แม้ดวงปฐมมรรค    ผมจึงต้องออกมาบอกกล่าวแก่เพื่อนสมาชิให้พิจารณาโดยถ้วนถี่   เพราะวิปัสสนาจารย์ที่ยังไม่ได้แม้ดวงปฐมมรรคจะมาสาธยายเรื่องวิชชาธรรมกายและสติปัฏฐานสี่ได้อย่างไรกันครับ   คุณสมถะปฏิบัติด้วยวิชชาธรรมกายมากี่ปี  เป็นวิปัสสนาจารย์วิชชาธรรมกายมากี่ปี  ทำไมยังไม่ได้ดวงปฐมมรรค อันเป็นพื้น ๆ แรกสุดที่จะก้าวเข้าสู่กายธรรมแรก เมื่อตนเองยังไม่ได้แม้ดวงปฐมมรรคแล้ว  จะมาเจรจาแจ้ว ๆ เสมือนหนึ่งผู้เชี่ยวชาญนั้น  คงไม่ถูกร่องถูกรอยกับสิ่งที่ควรจะเป็นหรอกครับ ผมจึงจำเป็นต้องบอกกล่าวให้เพื่อนสมาชิกได้รับรู้กันครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 99 "ไม่ได้แม้แต่กายเดียวแล้ว จะเป็นวิทยากรสอนวิชชาธรรมกายได้อย่างไรกันล่ะครับ ? " ตอบ: ผมเคยไปฝึกหัดอยู่พักนึงสัก 2 ปีมาแล้ว ประมาณ 3-4 ครั้งครับ เคยถามคุณสมถะว่าเคยเห็นดวงปฐมมรรคไหม คุณสมถะบอกว่า ยังไม่ถึงขั้นเห็นดวงปฐมมรรค ผมเลยถามต่อไปว่า คุณสมถะไม่เคยเห็น แล้วไปสอนคนทั่วไปได้อย่างไร ? คุณสมถะบอกว่า  ไ ม่ เ กี่ ยว กั น   แ ค่ รู้ ห ลั ก เ ดิ น วิ ช ช า ก็ ส า ม า ร ถ ส อ น ไ ด้ แ ล้ ว แม้ตัวเค้าเองไม่เคยทำได้มาก่อน (น่าจะสรุปได้ว่า รู้แค่หลักการเฉยๆ ปฏิบัติยังไม่ได้อะไรครับ) " คุ ณ   e n li g h t e n e d     ฝี ก ใ น ส า ย ธ ร ร ม ก า ย ด้ ว ย เ ห ร อ ค รั บ  ? [b] จึ ง รู้ ข้ อ มู ล ว่ า   คุ ณ ส ม ถ ะ ไ ม่ ไ ด้ แ ม้ แ ต่ ก า ย เ ดี ย ว   แ ม้ ด ว ง ป ฐ ม ม ร ร ค ก็ ยั ง ไ ม่ ไ ด้  ! ! ! ! ตอบ: อย่างที่บอกไปครับ ผมเคยไปฝึกอยู่ 3-4 ครั้ง เมื่อ 2 ปีมาแล้ว ปัจจุบันฝึกแนวสติปัฏฐานอยู่ครับ ส่วนที่ทราบว่า คุณสมถะ  ยั ง ไ ม่ ไ ด้ ด ว ง ป ฐ ม ม ร ร ค   เพราะเคยถามคุณสมถะไป   และคุณสมถะก็ยอมรับกับผมเองว่า ยั ง ไ ม่ ไ ด้ ด ว ง ป ฐ ม ม ม ร ร ค ครับ "ข้อมูลนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ?" ตอบ: ผมไปเจอคุณสมถะมาแล้ว ได้พูดคุยมาแล้ว คิดว่าเชื่อถือได้ไหมครับ แก้ไขเมื่อ 25 ก.พ. 52 21:35:33 จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:30:03 ]

ความคิดเห็นที่ 100 อืม...ข้อมูลนี้ไปได้มาจากไหนหรือครับ  ผมก็ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเลยนะ คุณenlightenedนี่คือใครกัน  มารู้จักผมได้อย่างไร  ผมก็ไม่รู้จักเขานะครับ แปลกนะครับ  ขอบคุณคุณทวนทองที่แจ้งที่มาที่ไป  เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง  ใครกันหนอ...? ผมเองก็อยากคุยกับคุณenlightenedนี่ซะแล้วซี  คุณทวนทองช่วยอธิบายหน่อนยซีครับ  ว่ารู้จักกันได้ไง จากคุณ : สมถะ - [ 25 ก.พ. 52 21:32:09 ]

ความคิดเห็นที่ 101 คุณสมถะไม่ต้องถามหรอกครับ ว่า คุณ enlightened คือใคร เพราะผมคงไม่บอกกล่าวอะไรมากไปกว่าที่จะมาแสดงหลักฐานให้ดูว่า ผมรู้ข้อมูลมาจากไหน คุณสมถะลองทบทวนสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือครับว่า เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวข้างต้นกับใครบ้าง ? ลองอ่านดูต่อไปนะครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:41:34 ]

ความคิดเห็นที่ 102 . จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:42:33 ]

ความคิดเห็นที่ 103 จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:44:49 ]

ความคิดเห็นที่ 104 จากคุณ : ทวนทอง - [ 25 ก.พ. 52 21:46:04 ]

ความคิดเห็นที่ 105 อืม...ฟังแล้วก็ต้องขอขอบคุณน้ำใจของคุณenlightenedนะครับ  ที่ได้นำเรื่องมาเล่าสู่ให้ฟัง  ก็แปลว่าตั้งใจมาเล่าสู่ได้ถูกคนเสียด้วย  หวังว่าผมกับคุณenlightenedคงไม่มีเรื่องผิดใจกันมาก่อนนะครับ  เพราะดูเหมือนว่าจะตั้งใจมาเล่าเรื่องเพื่อช่วยโฆษณาเวปให้ผมจริงๆ ด้วย ผมขออธิบายความให้กระจ่างก่อนนะครับ  การฝึกวิปัสสนาจารย์นั้นเป็นงานเร่งด่วน  เพราะวิทยากรไม่เพียงพอต่อความต้องการของสังคม  คือฝึกไม่ทัน  งานที่ได้รับตอนนั้น  คือโครงการโรงเรียนสีขาว 400 รร.ทั่ว กทม. วิทยากรมีไม่กี่คน  จำเป็นที่เราจะต้องฝึกคนที่สนใจเป็นวิทยากรอย่างเร่งด่วน บางคนยังไม่เห็นธรรมกายมาก่อนจริงๆ พอมาถึงคุณลุงท่านจะมีนโยบายให้ฝึกท่องจำเนื้อวิชชาก่อน  เพื่อเอาไปลงช่วยวิทยากรรุ่นพี่  คือเป็นผู้ช่วยวิทยากร  จากนั้นก็ไปรับการฝึกส่วนตัวกับวิทยากรรุ่นพี่จนกว่าจะเป็นธรรมกาย  คุณลุงให้เหตุผลว่า  ถ้าเรารอให้เขาเห็นก่อน  พลาดบารมีสำคัญไปมากมาย  ลุงใช้คำว่า  "เรียนไปทำไป"  เดี๋ยวก็เป็นเอง  แต่ในระหว่างที่ฝึกส่วนตัวก็ได้บารมีงานสอนไปด้วย  ได้ความรู้ความชำนาญในงานสอนไปด้วย  พอถึงเวลาก็จะเห็นธรรมกายเอง  ถึงตอนนั้นก็ชำนาญการทุกรูปแบบแล้ว  เรารอกันได้ไหม เมื่อก่อนวิทยากรมีน้อยครับ  ไม่เพียงพอจริงๆ เดี๋ยวนี้มีมากขึ้นแล้ว  หลายๆ คนฝึกเป็นธรรมกายก่อนแล้วมาสอบเป็นวิปัสสนาจารย์ที่หลังก็มี  ต้องเข้าใจนะครับ ทีนี้ถ้าคุณenlightenedได้เคยคุยกับผมจริง  ผมก็นึกไม่ออกนะว่าเป็นใคร  เพราะผมแนะนำให้ความรู้มาหลายคน  ด้วยความปรารถนาดีต่อเขาจริงๆ ทีนี้ไม่ทราบว่าตอนนี้มาผิดใจอะไรกับผมหรือเปล่า  เพราะคนเราเคยเกื้อกูลกันมาก็ไม่น่ามีพฤติกรรมเช่นนี้นะครับ  โดยปกติผมไม่เคยมีปัญหากับใครนะครับ ช่วงแรกๆ ผมยังไม่ได้ประสาเลยจริงๆ ฝึกแบบเห็นๆ หายๆ ไม่ได้ความ  แปลว่าไม่เป็นจริงๆ ตอนนี้ผมว่าอะไรๆ มันก็ดีขึ้นนะครับ  ใจสงบหยุดนิ่งได้ดีขึ้น  จะว่าเป็นแบบเก่งแล้วก็ไม่เชิง  แค่ดีกว่าเมื่อก่อนมากนักก็เท่านั้นเอง  เมื่อ ๒ ปีที่แล้วนั้น  ผมก็ยังหมกมุ่นอยู่ในเวปบอร์ดที่นี่อยู่เลย  ใจมันฟุ้งครับ  เพราะช่วงนั้นถกกันดุเดือดเหลือเกิน  ดังนั้นเราก็เอาแน่เอานอนทางปฏิบัติได้แบบที่บอกใครเขาก็ไม่ควร  ตอนนี้กับตอนนั้นต่างกันเยอะนะครับ  ตอนนั้นจะว่าไม่เป็นก็ไม่ใช่  จะว่าเป็นแบบเก่งเห็นชัดเจนก็ไม่เชิง  มันก็ตัดปัญหาซะก็เท่านั้น ทีนี้เรื่องเวปนั้น  ทำไมมองกันในแง่ว่าผมอยากเด่นอยากดังล่ะครับ  ผมทำเวปขึ้นมานั้นก็โดยการแนะนำของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ  ผมอยู่ในเวปบอร์ดแห่งนี้มานานแล้ว  โพสต์เรื่องธรรมกายและพุทธศาสนามามากแล้ว  ก็รวบรวมทำขึ้นเป็นเวปไซต์  ก็เป็นเวปส่วนตัวนี่ครับ  ส่วนที่ทำเวปบอร์ดก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป  ใครๆ เขาก็ทำเวปบอร์ดได้  ผมมีวิทยากรที่เก่งๆ มีรุ่นพี่ที่เก่งๆ เป็นธรรมกายชนิดเห็นชัดเจน  ทำวิชชาระดับต่างๆ ได้  ก็หลายคน  เขาเหล่านั้นก็มาช่วยกันตอบคำถาม  โดยผมถนัดกว่าใครเพื่อนเพราะมีพื้นฐานมาจากที่นี่  ก็ทำกันไป เราสอนสมาธิวิชชาธรรมกายกันมามากกว่า  ๑๐ ปี  ดังนั้น  เราจึงพอมีความรู้แนะนำได้บ้าง  เราสอนจริงๆ จังๆ นะครับ สอนมานับร้อยนับพันแห่งแล้วทั่วประเทศ  ก็อย่างที่บอก  "เรียนไปทำไป"  แล้วมันก็ชำนาญขึ้นมา  ที่ไม่เห็นก็เห็นขึ้นมา  ที่ไม่ชัดก็ชัดขึ้นมา  ก็ทำกันมาอย่างนี้   ผมให้ความรู้ทุกคนแบบเปิดใจอย่างนี้แหละ  คือใครมาฝึกผมก็ฝึกให้  บางคนฝึกก็ทำได้เลย  บางคนก็ทำยังไม่ได้  แต่ทุกคนถ้าต้องการเป็นวิทยากร  ก็ต้องปฏิบัติตามที่บอก  "เรียนไปทำไป"  นั่นเอง ผมไม่ติดใจเอาความคุณenlightenedดอกนะครับ  และต้องขออภัยด้วยถ้าผมเคยล่วงเกินอะไรคุณไป  คนเราเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา  ทำไมจะมาคิดทำร้ายหรือผิดใจกันได้ลงคอล่ะ  ผมไม่ทำเช่นนั้นดอกครับ อดีตส่วนอดีต  ปัจจุบันส่วนปัจจุบันนะครับ  ถ้าผมพูดเช่นนั้นในวันนั้น  แต่หลังจากคุณจากไปแล้วผมดีขึ้น  ก็แปลว่าเดี๋ยวนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกันแล้ว  ก็แปลว่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่อง  คุณอาจหยุดไปทำอย่างอื่น  แต่ผมไม่เคยหยุดฝึก  ไม่เคยหยุดปฏิบัติ  ไม่เคยหยุดสอน  ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง  ดังนั้นวันนี้ก็ส่วนวันนี้  วันนั้นก็ส่วนวันนั้น  ถ้าผมทำเวปขึ้นมาก็แปลว่าวันนี้ผมพร้อมกว่าวันนั้นนั่นเองครับ จากคุณ : สมถะ - [ 25 ก.พ. 52 22:23:16 ]

ความคิดเห็นที่ 106 อ้อ...เวบคุณสมถะ  สามารถค้นหาในกูลเกิ้ลได้เลยนะครับ  ผมไม่ได้ทำคนเดียวนะครับ  รับรองได้ว่าเวปนี้มีคนเป็นธรรมกายแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์มาช่วยตอบคำถามให้แก่คุณๆ คนยังไม่เห็นหรือยังเห็นไม่ชัดก็จัดว่ายังไม่ได้ความแต่ชำนาญการสอน  รอวันเห็นรอวันชัดเจนก็มีมาช่วยด้วยหลายคน  แปลว่าความรู้มีแนะนำท่านได้ทุกรูปแบบ  เพราะมีคนหลากหลายประสบการณ์มาเคยแนะนำน่ะครับ คนไทยเขาถือกันว่า  ข้าวสักทัพพี  อาหารสักชิ้น  ถ้าเคยเกื้อกูลกัน  โดยเฉพาะความรู้ทางธรรมะถ้าเราเคยเกื้อกูลกันก็ถือว่าเราร่วมสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่กันมาบ้าง  เขาถือว่าสิ่งเหล่านี้ต้องรักษาไว้  เพราะคนเราจะดีหรือไม่เจตนาเท่านั้นเป็นตัวชี้วัด   ผมเองให้ความรู้ทุกคนโดยไม่หวังสิ่งใด  แต่ถ้าท่านมองว่าผมอวดเก่ง  อยากเด่นอยากดัง  ผมก็ต้องขออภัยด้วย  ที่ทำให้ท่านมองผมผิดไป  ผมจะไม่ติดใจเอาความท่าน  เพราะเราต่างเคยเกื้อกูลกันมา  ผมจะพยายามทบทวนตนเองนะครับว่า  คนเราต้องปรารถนาดีต่อกันด้วยใจบริสุทธิ์จริงๆ ถ้าเราบริสุทธิ์ใจต่อเขาแล้วเขาจะคิดอย่างไรกับเรา  ก็ช่างเขาเถิด  ถือหลักความปรารถนาดีด้วยใจของเราให้เป็นมั่นคงเถิด... ขอชี้แจงแต่เพียงเท่านี้นะครับ...เจริญธรรมครับ... จากคุณ : สมถะ - [ 25 ก.พ. 52 22:39:44 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คุณ enlightened คงไม่ต้องออกมาแสดงความคิดเห็นอะไรเพิ่มเติมหรอกครับ เพราะการที่คุณสมถะแสดงความเห็นใน 105 กะ 106 ก็บ่งบอกระดับศีลานุวัตรได้อยู่พอประมาณที่จะเปล่งประกายความเป็นผู้มีคุณธรรม/จริยธรรมในความเป็นวิปัสสนาจารย์เพียงไร ? จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:15:08 ]

ความคิดเห็นที่ 108 “อืม...ฟังแล้วก็ต้องขอขอบคุณน้ำใจของคุณ enlightened นะครับ  ที่ได้นำเรื่องมาเล่าสู่ให้ฟัง  ก็แปลว่าตั้งใจมาเล่าสู่ได้ถูกคนเสียด้วย  หวังว่าผมกับคุณ enlightened คงไม่มีเรื่องผิดใจกันมาก่อนนะครับ  เพราะดูเหมือนว่าจะตั้งใจมาเล่าเรื่องเพื่อช่วยโฆษณาเวปให้ผมจริง ๆ ด้วย” /\ /\ /\ คำพูดประโยคข้างต้นแสดงถึงการเหน็บแนมเสียดสี  โดยเฉพาะในช่วงท้ายนั้นค่อนข้างชัดมาก   และเป็นการกล่าวขอบคุณแบบขอไปที  ไม่ได้เป็นการขอบคุณด้วยความจริงใจ   เพราะในช่วงท้าย ๆ ความเห็น  คุณสมถะก็ออกมาทวงคุณข้าวแดงแกงร้อน  ในทำนองลำเลิกบุญคุณ จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:20:22 ]

ความคิดเห็นที่ 109 “ทีนี้ถ้าคุณ enlightened ได้เคยคุยกับผมจริง  ผมก็นึกไม่ออกนะว่าเป็นใคร  เพราะผมแนะนำให้ความรู้มาหลายคน  ด้วยความปรารถนาดีต่อเขาจริง ๆ ทีนี้ไม่ทราบว่าตอนนี้มาผิดใจอะไรกับผมหรือเปล่า  เพราะคนเราเคยเกื้อกูลกันมาก็ไม่น่ามีพฤติกรรมเช่นนี้นะครับ  โดยปกติผมไม่เคยมีปัญหากับใครนะครับ ช่วงแรก ๆ ผมยังไม่ได้ประสาเลยจริง ๆ  ฝึกแบบเห็น ๆ หาย ๆ ไม่ได้ความ  แปลว่าไม่เป็นจริง ๆ ตอนนี้ผมว่าอะไร ๆ มันก็ดีขึ้นนะครับ  ใจสงบหยุดนิ่งได้ดีขึ้น  จะว่าเป็นแบบเก่งแล้วก็ไม่เชิง  แค่ดีกว่าเมื่อก่อนมากนักก็เท่านั้นเอง  เมื่อ ๒ ปีที่แล้วนั้น  ผมก็ยังหมกมุ่นอยู่ในเวปบอร์ดที่นี่อยู่เลย  ใจมันฟุ้งครับ  เพราะช่วงนั้นถกกันดุเดือดเหลือเกิน  ดังนั้นเราก็เอาแน่เอานอนทางปฏิบัติได้แบบที่บอกใครเขาก็ไม่ควร  ตอนนี้กับตอนนั้นต่างกันเยอะนะครับ  ตอนนั้นจะว่าไม่เป็นก็ไม่ใช่  จะว่าเป็นแบบเก่งเห็นชัดเจนก็ไม่เชิง  มันก็ตัดปัญหาซะก็เท่านั้น” /\ /\ /\ นี่ก็เข้าข่ายลำเลิกทวงบุญคุณข้าวแดงแกงร้อน  ไม่ใช่วิสัยของผู้เป็นครูบาอาจารย์ที่เปี่ยมด้วยศีล สมาธิ ปัญญา อย่างที่คุณ enlightened ได้บอกไว้ไงครับ  ว่า เพื่อประโยชน์แก่พระพุทธศาสนา  จึงได้ยินยอมให้ผม capture ข้อความดังกล่าวออกมาเผยแพร่  และที่คุณ enlightened  หลังไมค์มาบอกผมเรื่องคุณสมถะยังไม่ได้แม้ดวงปฐมมรรคเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 52 นั้น  น่าจะเกิดจากการที่คุณ enlightened ได้อ่านการแสดงความคิดเห็นของคคุณสมถะจากกระทู้ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7398253/Y7398253.html มากกว่านะครับ  คุณ enlightened  คงทนเห็นคุณสมถะมาแสดงภูมิรู้วิชชาธรรมกายอย่างขาดสติสัมปชัญญะที่เข้าใจผิดตั้งแต่ต้นว่า คุณ Zilarx ตั้งกระทู้สอบถามเรื่อวิชชาธรรมกาย  ทั้งที่ความจริงแล้วคุณ Zilarx ตั้งกระทู้ชวนเชื่อให้คนอื่นที่เข้าใจวิชชาธรรมกายผิด ๆ ให้มาทำความเข้าใจในเนื้อหาวิชชาธรรมกายใหม่ จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:21:05 ]

ความคิดเห็นที่ 110 “.....ทีนี้เรื่องเวปนั้น  ทำไมมองกันในแง่ว่า ผ ม อ ย า ก เ ด่ น อ ย า ก ดั ง ล่ะครับ  ผมทำเวปขึ้นมานั้นก็โดยการแนะนำของผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการ  ผมอยู่ในเวปบอร์ดแห่งนี้มานานแล้ว  โพสต์เรื่องธรรมกายและพุทธศาสนามามากแล้ว  ก็รวบรวมทำขึ้นเป็นเวปไซต์  ก็เป็นเวปส่วนตัวนี่ครับ  ส่วนที่ทำเวปบอร์ดก็เป็นเรื่องทั่วๆ ไป  ใคร ๆ เขาก็ทำเวปบอร์ดได้  ผมมีวิทยากรที่เก่ง ๆ มีรุ่นพี่ที่เก่ง ๆ เป็นธรรมกายชนิดเห็นชัดเจน  ทำวิชชาระดับต่างๆ ได้  ก็หลายคน  เขาเหล่านั้นก็มาช่วยกันตอบคำถาม  โดยผมถนัดกว่าใครเพื่อนเพราะมีพื้นฐานมาจากที่นี่  ก็ทำกันไป..... ” /\ /\ /\ ตรงนี้คุณสมถะก็ตอบด้วยอาการ “กินปูนร้อนท้อง”  แท้ ๆ เพราะข้อความที่ผมพูดคุยกับคุณ enlightened นั้น  ไม่มีตรงไหนที่ผมกล่าวหาคุณสมถะว่า ทำเวปไซต์เพราะอย่ากเด่นอยากดัง \/ \/ \/ นี่ครับ  ถ้อยคำสนทนา ระหว่างผมกับคุณ enlightened   “.....แล้วทำไมคุณสมถะถึงได้มานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อสร้างเวบไซต๋ส่วนตัวในการเผยแพร่วิชชาธรรมกายล่ะครับ ? ตอบ: น่าจะเกิดจากการศรัทธาในแนวทางวิชชาธรรมกายกระมังครับ อีกเหตุผลหนึ่งคือ ทุกๆเดือน จะมีการประชุมวิปัสสนาจารย์ 1 ครั้ง จะมีการนับจำนวนยอดผู้ที่เข้าอบรม เหมือนแข่งกันอมรมว่า เดือนนั้นๆ วิปัสสนาจารย์กลุ่มไหนจะอบรมคนได้มากกว่ากัน คุณสมถะเลยมาเปิดเว็บไซต์แข่งขันเพื่อประชาสัมพันธ์อีกทางนึงมั้งครับ เท่าที่เห็นคุณสมถะ น่าจะมีอายุไม่เกิน 35 ปีครับ (เมื่อ 2 ปีที่แล้วนะครับ) แต่เสียงจะดูเหมือนคนมีอายุประมาณ 50 ปีขึ้นไป ไว้ถ้ามีโอกาส ผมจะเล่าถึงการสอนของวิปัสสนาจารย์กลุ่มนี้ให้ลองฟังดูนะครับ.....” แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 09:37:38 แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 09:36:35 จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:22:08 ]

ความคิดเห็นที่ 111 “.....อดีตส่วนอดีต  ปัจจุบันส่วนปัจจุบันนะครับ  ถ้าผมพูดเช่นนั้นในวันนั้น  แต่หลังจากคุณจากไปแล้วผมดีขึ้น  ก็แปลว่าเดี๋ยวนี้กับวันนั้นไม่เหมือนกันแล้ว  ก็แปลว่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาทำให้เป็นเรื่อง  คุณอาจหยุดไปทำอย่างอื่น  แต่ผมไม่เคยหยุดฝึก  ไม่เคยหยุดปฏิบัติ  ไม่เคยหยุดสอน  ไม่เคยหยุดพัฒนาตนเอง  ดังนั้นวันนี้ก็ส่วนวันนี้  วันนั้นก็ส่วนวันนั้น  ถ้าผมทำเวปขึ้นมาก็แปลว่าวันนี้ผมพร้อมกว่าวันนั้นนั่นเองครับ.....” \/ \/ \/ \/ \/ การแสดงความเห็นของคุณสมถะในกระทู้  http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7398253/Y7398253.html นั้น  มันก็บ่งบอกได้พอสมควรว่า ยังไม่ได้มีความก้าวหน้าในสมถะ/วิปัสสนาใด ๆ เป็นเพียงแค่ปุถุชนที่ศีลานุวัตรยังไม่สมบูรณ์พร้อม  เพียงแค่มีความรู้มีสติปัญญาในการท่องจำการเดินวิชชาธรรมกายได้อย่างแม่นยำเท่านั้นเอง  แต่ในการปฏิบัติแล้วยังไม่ได้คืบหน้าไปมากกว่าเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เพราะการแสดงความเห็นของคุณสมถะช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานั้น  แนวทางการตอบ  แนวทางการแสดงความเห็น  ไม่ได้แตกต่างไปจากเมื่อ 2 ปีก่อน  หรือแม้กระทั่งเมื่อ 3-4 ปีก่อนหน้านี้  แนวทางการตอบยังเต็มไปด้วยการเหน็บแนม/เสียดสี/แขวะ/แดกดัน ฯลฯ ซึ่งมันเป็นวิสัยการตอบคำถามของปุถุชนธรรมดา ๆ คนนึงเท่านั้นเอง  ไม่ใช่เป็นการตอบคำถามธรรมอย่างที่วิปัสสนาจารย์เขาตอบกัน จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:23:24 ]

ความคิดเห็นที่ 112 “.....ผมไม่ติดใจเอาความคุณ enlightened ดอกนะครับ  และต้องขออภัยด้วยถ้าผมเคยล่วงเกินอะไรคุณไป  คนเราเคยช่วยเหลือเกื้อกูลกันมา  ทำไมจะมาคิดทำร้ายหรือผิดใจกันได้ลงคอล่ะ  ผมไม่ทำเช่นนั้นดอกครับ....” “.....คนไทยเขาถือกันว่า  ข้าวสักทัพพี  อาหารสักชิ้น  ถ้าเคยเกื้อกูลกัน  โดยเฉพาะความรู้ทางธรรมะถ้าเราเคยเกื้อกูลกันก็ถือว่าเราร่วมสร้างบุญสร้างกุศลให้แก่กันมาบ้าง  เขาถือว่าสิ่งเหล่านี้ต้องรักษาไว้  เพราะคนเราจะดีหรือไม่เจตนาเท่านั้นเป็นตัวชี้วัด   ผมเองให้ความรู้ทุกคนโดยไม่หวังสิ่งใด  แต่ถ้าท่านมองว่าผมอวดเก่ง  อยากเด่นอยากดัง  ผมก็ต้องขออภัยด้วย  ที่ทำให้ท่านมองผมผิดไป  ผมจะไม่ติดใจเอาความท่าน  เพราะเราต่างเคยเกื้อกูลกันมา  ผมจะพยายามทบทวนตนเองนะครับว่า  คนเราต้องปรารถนาดีต่อกันด้วยใจบริสุทธิ์จริง ๆ ถ้าเราบริสุทธิ์ใจต่อเขาแล้วเขาจะคิดอย่างไรกับเรา  ก็ช่างเขาเถิด  ถือหลักความปรารถนาดีด้วยใจของเราให้เป็นมั่นคงเถิด......” \/ \/ \/ \/ คำตอบของคุณสมถะเชิงตัดพ้อ/เสียดสีเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้  อีกทั้งเหน็บแนมทำนองลืมคุณข้าวแดงแกงร้อน ทำนองปรามไม่ควรเอาความจริงออกมาเปิดเผย ทำไมคุณสมถะไม่มองย้อนกลับไปบ้างล่ะครับ ว่า  การที่มีผู้ที่รู้ความเป็นไปของคุณสมถะออกมาแสดงความเห็นอย่างชัดแจ้งนี้  น่าที่คุณสมถะควรจะขอบคุณซะด้วยซ้ำที่คุณ enlighteded ได้ออกมาแสดงความจริงอันเป็นเสมือนกระจกเงาสะท้อนให้เห็นหน้าตาตนเอง ว่า หน้าตาตนเองตรงไหนที่บกพร่อง หน้าตา/เนื้อตัวตรงไหนมีกลากเกลื้อนสิวฝ้าหรือว่าเสื้อผ้าขาดวิ่นตรงไหนบ้าง แต่นี่คุณ สมถะกลับมาแสดงอาการทวงคุณข้าวแดงแกงร้อน   คุณ enlighteded บอกแล้วว่า  เพื่อประโยชน์พระพุทธศาสนา  ยินยอมให้ผม capture ความเห็นเอามาแสดงหน้าเวบบอร์ดได้   และผมเชื่อโดยสนิทใจว่า  คุณ enlighteded หลังไมค์มาบอกกล่าวผมเรื่องนี้ก็เพราะไม่อยากให้มีการถ่ายทอดความรู้จาคนที่ไม่รู้จริง และปฏิบัติจริงไม่ได้  ทั้งคุณสมถะเองก็เคยกล่าวว่า ธัมมชโย ยังไม่ได้ 18 กายธรรม  อีกทั้งยังอาบัติปาราชิกขาดจากการเป็นพระไปแล้ว  ในเวบไซต์ WisdomInside ก็บ่งบอกไว้ชัดเจนแล้วนี่ครับ  การบอกเช่นนั้นก็ในทำนองเดียวกันแหละครับว่า พุทธศาสนิกทั้งหลายอย่าได้ไปร่ำเรียนวิชชาธรรมกายจากวัดพระธรรมกาย/ธัมมชโยเลย  เพราะที่นั่นไม่มีใครได้ธรรมกาย  ทีมงานของอาจารย์การุณย์  ยังไม่อยากให้พุทธศาสนิกไปร่ำเรียนกับคนที่ยังไม่ได้กายธรรมที่วัดพระธรรมกายเลย   แต่ทางคุณลุงการุณย์กลับผลิตวิปัสสนาจารย์แบบนกแก้วนกขุนทองที่ยังไม่ได้แม้ดวงปฐมมรรค  ออกไปเป็นวิทยากรสอนคน นับแสน ๆ คนได้อย่างไรกัน ปรามาสคนอื่นเขาไว้แล้ว    แต่ตนเองก็ทำแบบเดียวกัน   ไม่ได้แตกต่างจากกันเท่าไรเลยนะครับ แก้ไขเมื่อ 26 ก.พ. 52 08:25:16 จากคุณ : ทวนทอง - [ 26 ก.พ. 52 08:24:31 ]

ความคิดเห็นที่ 113 *** จากคุณ : สมถะ - [ 26 ก.พ. 52 08:55:54 ]

ความคิดเห็นที่ 114 หึหึ จากคุณ : Ritti Janson - [ 26 ก.พ. 52 11:26:50 ]

ความคิดเห็นที่ 115 โกย...อ้าวว..อิอิ จากคุณ : zakai - [ 26 ก.พ. 52 14:41:45 ]

ความคิดเห็นที่ 116 เข้ามาดูค่ะ จากคุณ : Tiger Bood - [ 26 ก.พ. 52 20:05:09 ]

ความคิดเห็นที่ 117 เคยติดตามกระทู้ของคุณ.....? ที่กล่าวถึงเรื่องคุณทวนทองเคยทำไว้  ทำให้รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง ที่คุณทวนทองยังกล้ามาแสดงตัว ตั้งกระทู้ และแสดงความเห็นต่างๆ ด่าคนนู้น คนนี้ อยู่ได้อีก  เหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น  ทำให้ผมรู้สึกนับถือคุณทวนทองมากๆ ครับ ทำให้อดคิดไม่ได้ว่า  ถ้านำมวลสารอย่างใดอย่างหนึ่ง จากใบหน้าของคุณทวนทอง  มาเป็นส่วนผสมของคอนกรีต สำหรับสร้างถนน คงจะเกิดประโยชน์แก่มวลมนุษยชาติเป็นอย่างยิ่ง  เพราะถนนสายต่างๆ ที่สร้างโดยมีส่วนผสมจากมวลสารจากใบหน้าของคุณทวนทอง  คงมีความคงทน  ให้ผู้คนได้ใช้สัญจรกันเป็นระยะเวลายาวนาน  ประมาณว่า  ไม่ต้องซ่อมถนนสายนั้นไปตลอดกาลเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 15:48:55 จากคุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ - [ 27 ก.พ. 52 05:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 118 คำพูดที่คุณ สมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ใช้ใน คห.117 ถึงแม้มันจะไม่หยาบคาย   แต่มันเป็นคำด่าแน่นอน  ก็เลยรู้สึกแปลกใจว่า คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ยังจะมีความทรงเกียรติอะไรหลงเหลือติดตัวอีกบ้างไหมครับ ? ในฐานะที่คุณ สมาชิกผู้ทรงเกียรติ  แสดงความเห็นปกป้องธัมมชโย/วัดพระธรรมกายมาโดยตลอด  นั่นแสดงว่า คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ต้องเป็นผู้ฝึกวิชชาธรรมกายด้วย   ปกติคนที่ฝึกวิชชาธรรมกาย  จะต้องทำบุคคลิกภายนอกให้ดูสวยสะอาดขาวบริสุทธิ์  เริ่มตั้งแต่แรกเห็น คือการแต่งกาย รวมไปถึงการพูดจาอันไพเราะเพราะพริ้ง  ที่สำคัญคือ ต้องถือศีลให้บริสุทธิ์อยู่สม่ำเสมอ การที่คุณ สมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ได้กล่าววาจากระทบกระเทียบเปรียบเปรย และด่าผมนั้น  ถึงแม้ว่า จะเป็นการใช้ถ้อยคำที่สุภาพก็ตาม  นั่นแสดงถึงว่า คุณ สมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ได้ทำให้ศีลด่างพร้อยไปแล้ว  และได้แสดงตัวตนที่แท้จริงที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพการแต่งกายที่สะอาดสะอ้าน/พูดจาไพเราะเพราะพริ้งออกมาให้เห็นได้อย่างชัดเจน หรือคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  จะเห็นว่า การกล่าววาจาอย่างนั้นเป็นบาปเล็ก ๆ ๆ ที่ตามไม่ทัน BigBoon ที่คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ร่วมสร้างสมบารมีกับธัมมชโย   กว่าที่บาปเล็ก ๆ นี้จะตามติดไปถึง  ก็เป็นเวลาที่คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ กำลังเสวยกุศลผลจาก BigBoon ร่วมกับธัมมชโย คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  แน่ใจแล้วเหรอว่า คุณจะมีวันนั้น   เพราะหนทางอีกยาวไกลอีกี่กัปป์/มหากัปป์ก็ไม่รู้   คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  ไม่คิดว่า จะหลงทางกับธัมมชโยบ้างเลยหรือ ?  เพราะขณะนี้  มีนิตยโพธิสัตว์ที่รอคิวการเป็นพระพุทธเจ้าหลายพระองค์ด้วยกัน มีพระโพธิสัตว์จำนวนมากที่เดินทางไปไม่ถึงที่สุดที่ตั้งเป้าหมายไว้  หลาย ๆ ท่านก็ได้หลงทางหลายซับหลายซ้อนกว่าที่จะได้บรรลุการตรัสรู้เป็นอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณเป็นพระพุทธเจ้า อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ธัมมชโยปรารถนาเป็นพระบรมพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของจักรวาล จักรวาลที่ไม่มีเบื้องต้นและเบื้องปลาย พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า  การที่จะกล่าวถึงเบื้องต้น/เบื้องปลายของจักรวาลนั้น   เป็นอจินไตย  ไม่ควรเสียเวลากับเรื่องเหล่านนี้ แต่ธัมมชโยกลับมุ่งมั่นที่จะเป็นพระบรมพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของจักรวาล จึงใคร่ขอให้คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  หมั่นทำความดีและรักษาศีลให้บริสุทธิ์  เพื่อที่จะได้ไม่หลงทาง  และเพื่อจะได้มีโอกาสพบหนทางธรรมที่ถูกต้อง   ผมไม่ถือโทษโกรธคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ   เพราะคุณกำลังเข้าใจผิด  อีกทั้งเป็นการเข้าใจผิดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวที่จิตใจคุณมุ่งที่จะปกป้องครูบาอาจารย์  แทนที่จะปกป้องพระธรรมของพระพุทธองค์  เพื่อความดำรงคงอยู่ของพระพุทธศาสนาสืบไป กรรมหนักจะตกอยู่กับคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  หลายระลอกนัก  ขอให้ทบทวนให้ดี ๆ จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 06:26:53 ]

ความคิดเห็นที่ 119 อ้อ  ชี้แจงเพิ่มอีกนิดนึง การที่คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  กล่าวใน คห.117 ว่า  ผมด่าคนโน้น  ด่าคนนี้  นั้น  ผมอยากให้คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ   ทบทวนดูใหม่ด้วยครับ ในแต่ละกระทู้  แต่ละความเห็น  ของผมเหล่านั้น  เป็นการวิพากย์วิจารณ์ด้วยข้อความด้วยเหตุการณ์ที่มีหลักฐานยืนยันมาโดยตลอด แต่ผู้ที่ถูกวิพากย์วิจารณ์  คือธัมมชโยและเหล่าสานุศิษย์ทั้งหลายไม่เคยชี้แจงด้วยเหตุด้วยผลอย่างตรงไปตรงมา   มีแต่สานุศิษย์ที่ออกมาแสดงความเห็นด้วยการด่ากราดกลับมาใส่ผม  แทนที่จะชี้แจงแถลงไขด้วยข้อความที่สมเหตุสมล และด้วยหลักฐานต่าง ๆ มาหักล้างคำวิพากย์วิจารณ์ผม   แต่คุณ ๆ ทั้งหลายทำกันไม่เป็น  ชี้แจงกันไม่ได้  มีแต่คำด่าโต้ตอบกลับมา  อันเป็นการแสดงถึงตัวตนที่แท้จริงภายใต้การแต่งกายที่สุภาพอ่อนน้อมถ่อมตนพูดจาไพเราะเพราะพริ้ง  แต่จิตใจที่แท้จริงได้แสดงออกมาบนหน้าบอร์ดและถูกยึดอมยิ้มไปมากมายหลายคนแล้ว หากคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ    มีหลักฐานอะไรที่จะชี้แจงแทนธัมมชโย  ก็ขอได้โปรดแสดงออกมาเถอะครับ   เพื่อนสมาชิกทั้งหลายรอการชี้แจงอยู่นะครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 06:38:42 ]

ความคิดเห็นที่ 120 หรือจะชี้แจงแทนคุณสมถะ/เวบไซต์ WisdomInside ก็ได้นะครับ ขอให้มีเหตุผลและหลักฐานประกอบพร้อม เพราะคุณสมถะเข้ามารับทราบการแสดงความคิดเห็นของผมแล้ว  แต่ขอละไว้ที่จะชี้แจงอะไร  คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ  จะชี้แจงแทนก็ได้กระมังครับ จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 06:43:08 ]

ความคิดเห็นที่ 121 คุณ : สมาชิกผู้ทรงเกียรติ คห.117 การดิสเครดิตคุณทวนทองด้วยข้อความกำกวมอย่างนี้มันไม่ดีนะ เพราะจะทำให้คนที่ไม่รู้เรื่องราว ไม่ได้ติดตามเหตุการณ์จนครบถ้วนกระบวนความเข้าใจคุณทวนทองผิด คุณไปยกกระทู้นั้นมาเลย เพราะทั้งคุณทวนทองและคุณ taken01 ต่างได้แสดงหลักฐานและคำชี้แจงไว้มากมาย แต่ใครๆ จะคิดยังไงย่อมขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน ไม่ใช่คุณจะมามั่วเหมารวมว่าทุกคนเขาต้องคิดอย่างคุณ และต่อมาในกระทู้หนึ่ง คุณ taken01 ได้โพสต์หน้าบอร์ดขอโทษต่อคุณทวนทองแล้วว่าเป็นการเข้าใจผิด หรือว่าคุณทำแกล้งไม่เห็นกระทู้นั้น จะเลือกเฉพาะบางกระทู้มาดิสเครดิตคุณทวนทอง จากคุณ : สุภวิโมกข์ - [ 27 ก.พ. 52 08:38:27 ]

ความคิดเห็นที่ 122 เห็นด้วยกับคุณสุภวิโมกข์ (คห 121) คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติ หยุดพาดพิงกระทู้เก่าเรื่องคุณทวนทองได้แล้ว เรื่องมันจบไปนานเนแล้วคุณ อีกอย่าง มันก็ไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรกับกระทู้นี้เลย หรือว่าคุณชี้แจงในประเด็นที่คุณทวนทองยกมาไม่ได้ ก็เลยทำตัวขี้แพ้ชวนตี เหมือนตอนใช้อมยิ้มเก่า ที่คุณไปใส่ร้ายคนอื่นจนอมยิ้มกระเด็น? จากคุณ : บุษยมาศ - [ 27 ก.พ. 52 09:35:13 ]

ความคิดเห็นที่ 123 แจ้ง WM ถึงความแย่ของ ท่านสมาชิกผู้ไร้เกียรติเถอะ หลายกระทู้แล้ว รำคาญลูกตา รกบอร์ด ขยะสังคม ไปตอบน้องเรเดียนเขาหรือยังก็ไม่รู้ แย่มาก แสดงให้เห็นเลยนะ ............... นิสัยขี้แพ้ชวนตี แก่ไม่รู้จักแก่ โดนเด็กถอนงอกมาแล้วไม่เข็ด แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 14:35:51 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 ก.พ. 52 10:12:43 ]

ความคิดเห็นที่ 124 มนต์หลานคุณยาย  ไอ้บ้าเอ๊ยยยยยยยยยยยย     งานเข้าแล้วไง   ควันธูปจากทวนทอง เต็มกล่องข้อความของผมไปหมดแล้ว !!!!!!!!! งานผมล้นแล้ว  จะรับผิดชอบได้มั๊ยครับ  หลานคุณยาย !!!!! จะด่าทวนทอง ก็ด่าไป  ไม่ต้องมาอ้างผม อ้างหาพระแสงอะไร ตอนนี้ทวนทอง เตรียมข้อมูลจะโพส เต็มไปหมดแล้ว   คุณโพสเสร็จ คุณสะใจ แล้วทวนทองโพสมั่ง สุดท้ายต้องมีคนเสียหายเพิ่มอีก สาเหตุเพราะคุณมาโชว์โง่ไม่รู้เวลาออกมา ในกระทู้นี้ แล้วหลานคุณยาย  จะรับผิดชอบอะไรได้บ้างครับ   จะรับผิดชอบอะไรได้บ้างครับ  นอกจากหายหัวไปเปลี่ยนชื่อล็อคอิน !!!!!!!!! จากคุณ : taken01 - [ 27 ก.พ. 52 12:42:25 ]

ความคิดเห็นที่ 125 หลานคุณยาย  กรุณาลบ117   แล้วไปหาชื่อใหม่มาด่าทวนทอง โดยไม่ต้องอ้างผมนะครับ  ผมขอเลยจริงๆ จากคุณ : taken01 - [ 27 ก.พ. 52 12:48:54 ]

ความคิดเห็นที่ 126 อ่ะ ความแตก T T จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 14:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 127 คุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติคับ เรื่องที่พาดพิงกล่าวข้อความถึงผมนั้น ก็ยังไม่จบนะคับ ยังรอคำตอบอยู่ กรุณาแสดงความรับผิดชอบด้วย แล้วเมื่อไรจะไปสาบานวัดพระแก้วกับผมคับ ผมยังรอท่านอยู่ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 27 ก.พ. 52 14:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 128 ^ ^ จะกล้ามั้ยล่ะนั่น ดีแต่เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ แย่จริงๆ คนนิสัยไม่ดี แก่แล้ว น่าถอนหงอกมาก แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 14:35:28 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 ก.พ. 52 14:34:02 ]

ความคิดเห็นที่ 129 หน้าใครกัน ที่หนายิ่งกว่าคอนกรีต ของคนที่โดนยึดนามแฝงเพราะ สันดานต่ำหรือเปล่า วานบอก ขำ ขำ ขำ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 ก.พ. 52 14:40:23 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ไม่รู้ว่าทรงเกียรติตรงไหนเหมือนกันนะครับ อ่านความเห็นของเขามาหลายๆอัน มันไม่มีเกียรติเลยก็ว่าได้ล่ะนะ ด้วยความเคารพเถอะ จากคุณ : Skalidis - [ 27 ก.พ. 52 15:37:08 ]

ความคิดเห็นที่ 131 เข้าใจอะไรกันผิดหรือป่าว  จ๊ะ จากคุณ : kraho - [ 27 ก.พ. 52 16:41:08 ]

ความคิดเห็นที่ 132 .... ..... .... แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 17:20:03 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 52 17:16:06 จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 17:14:36 ]

ความคิดเห็นที่ 133 ต้องขอโทษคุณ taken01 ด้วยนะครับ ที่ผมมีความจำเป็นที่จะต้องเอาข้อความหลังไมค์มาเปิดเผย   รับรองว่า  ไม่กระทบกระเทืนคนอื่นแน่นอน คุณผู้ไร้เกียรติ  กล้าทำแต่ไม่กล้ารับผิด  หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่ได้ คอยแต่รับชอบ  และรับคำชมเชยเพียงอย่างเดียว เผลอแป๊บเดียวคุณ AYXC ก็เข้ามาให้กิฟว์  ให้กำลังใจ  ให้คำชมเชยกันแล้ว แสดงว่า คุณ AYXC ก็มีจิตใจอันหนึ่งอันเดียวกันกับคนไร้เกียรติอย่างคุณที่แสดงบุคคลิกภายนอกให้คนทั่ว ๆ ไปเข้าใจว่าเป็นคนมีศีลมีธรรม  ด้วยการแต่งตัวสะอาดสะอ้านพูดจาไพเราะเพราะพริ้ง  แต่ในใจเต็มไปด้วยอกุศลจิตมากมาย ด้วยความรีบเร่ง  ทำให้เมื่อเช้านี้หากระทู้ที่คุณ taken01 เข้ามาขอโทษไม่เจอ   ตอนนี้หากระทู้นั้นเจอแล้ว พร้อมกันนี้ก็ขอนำเอาข้อความหลังไมค์ที่คุณ taken01 เข้ามาขอโทษผม นับเป็นเรื่องที่น่าชื่นชมยินดีที่เมื่อรู้ว่าเข้าใจผิดพลาด  ก็ขอโทษขอโพยกัน โดยส่วนตัวผมนั้น  ผมไม่ติดใจมาแต่แรกเริ่มแล้ว  ผมคงไม่ต้องกล่าวอะไรมากกว่านี้   เพราะทุกอย่างเราเข้าใจดีต่อกันแล้ว Y7352052 แจ้งกทม.ให้มาจับหมาข้างบ้าน ฉลองปีใหม่... http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/12/Y7352052/Y7352052.html#216 จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 17:24:29 ]

ความคิดเห็นที่ 134 เราเป็นคนไทยด้วยกัน    อย่าทะเลาะกันเลย ทำเพื่อในหลวงของเรา  เถอะครับ จากคุณ : kraho - [ 27 ก.พ. 52 17:28:27 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ^ ^ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเหรอ เสียทีปุ๊ป ถูไถไปเรื่อย แทนที่จะออกมาขอโทษ คุณเห็นหรือยังเค้าสอนพวกคุณยังงัย จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 17:42:54 ]

ความคิดเห็นที่ 137 ส่วนนั้น  อยากให้หลังไมค์  ไปคุย  กันเองดี  กว่า ครับ   ช่วงนี้  ประเทศเรา ซึมเซา   เศรษฐกิจก็แย่ เห็นใจ  อย่าให้พ่อ  ต้องมาเหนื่อย  กับพวกเราอีกเลยนะครับ สร้างความสมานฉันท์    รักกันเถิด  พี่น้องผองไทย จากคุณ : kraho - [ 27 ก.พ. 52 18:23:17 ]

ความคิดเห็นที่ 138 ผมว่ากลับเป็นประโยชน์ซะอีกนะครับ เพราะผม ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้อ่าน จะได้รู้ว่าคนที่ให้ข้อมูลเรานั้น มีนิสัยอย่างไร น่าเชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 18:32:56 ]

ความคิดเห็นที่ 139 ไม่มีประโยชน์  หรอกครับ   เพราะไม่ได้คุย  กันด้วยเหตุผล   ถล่มกัน  ไปมา   เกิดจากอารมณ์ เรื่องเก่าๆ     ให้มันผ่านไปเถอะนะครับ มาโพสต์  กระทู้แบบดีดี   ให้เด็กอ่าน ไม่มีความรุนแรง       นะครับ ปล.  แซวกันบ้าง   คิดถึงกันได้  ตามสมควร แต่  ในใจขอให้    คำนึงถึงพ่อของเราเป็นที่ตั้งนะครับ พ่อของเรา  ไม่สอนอย่างนั้น จากคุณ : kraho - [ 27 ก.พ. 52 18:44:59 ]

ความคิดเห็นที่ 140 ผมอย่าอย่าดึงฟ้าลงมาต่ำเลยครับ เค้าไม่ได้ทะเลาะกัน มีคนเอาขี้มาป้าย คนโดนป้ายก็ต้องล้างออกสิครับ แล้วหลายๆ กระทู้ที่ผ่านมา คุณ kraho โต้กลับหรือปล่าวครับเมื่อโดนกล่าวหา เหตุใดจึงออกมาแนวนี้ ในกระทู้นี้ จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 19:20:17 ]

ความคิดเห็นที่ 141 แล้วยัง เอาเบื้อสูงมาอ้าง โดยไม่ละอายใจ พิจารณาความสัมพันธ์ ธรรมกาย กับ อดีตนาย... กับ สี... กับ ขบวนการล้ม.... ไม่เอาดีกว่า มันเป็นของห้องราชดำเนิน จากคุณ : Hualon - [ 27 ก.พ. 52 19:26:41 ]

ความคิดเห็นที่ 142 การพูดคุยในเวบบอร์ดสาธารณะแห่งนี้  ย่อมมีการกระทบกระทั่งกันเป็นธรรมดา เมื่อกระทบกระทั่งกันก็สมควรที่จะพูดคุยกันด้วยเหตุผล   แต่เมื่อปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล  เราก็คุยกันไม่รู้เรื่อง หลายครั้งที่กระทู้ถูกชักจูงออกนอกลู่นอกทาง  แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่กับเรื่องแวดวงที่คุยกันบ่อย ๆ บางทีก็ดึงเนื้อเรื่องจากกระทู้อื่น ๆ เข้ามาร่วมคุยในอีกกระทู้นึงก็มีอยู่ออกจะบ่อย ๆ ไป  แต่เนื้อเรื่องมันก็มักเกี่ยวพันกันอยู่ แม้ว่าคุณสมาชิกผู้ไร้เกียรตินี้จะหยิบยกกรณีคุณ taken01 ออกมาเป็นเหตุในการด่าทอผมด้วยการเข้าใจผิดนั้น  ผมไม่ถือสา  เพราะอย่างน้อยเรื่องราวที่คุณ taken01 เคยติติงวิพากย์วิจารณ์ผมนั้น  มันก็ยังเป็นเรื่องที่คุยกันในบอร์ดแห่งนี้อยู่แล้ว  ซึ่งผมก็ได้ชี้แจงแสดงการเข้าใจที่ดีต่อกันกับคุณ taken01 ออกมาให้เห็นแล้ว ว่าแต่คุณ kraho เถอะ  คุณได้กระทำการอันไม่เหมาะสมด้วยการนำพระบรมรูปของในหลวงมาลงประกอบความเห็นด้วยเรื่องอันใดกัน คุณไม่มีเหตุลอะไรที่จะมาชี้แจงแถลงไขให้ได้ถูกต้องตรงประเด็นอีกแล้วหรือ คุณ ๆ ทั้งหลายผู้เป็นสานุศิษย์ธัมมชโย/วัดพระธรรมกาย  ตั้งแต่อดีตเมื่อราว 30 ปีที่แล้วจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบัน   สำนักธัมมชโยของคุณ ๆ ทั้งหลายได้พยายามแอบอิงและพยายามที่จะหาโอกาสเชื้อชเญให้บรมวงศานุวงศ์เข้าเกี่ยวข้องกับวัดพระธรรมกาย  ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง  แต่ธัมมชโยไม่เคยกระทำได้สำเร็จ  โดยธัมมชโยไม่เคยสำเหนียกตนเองว่า ได้กระทำการหมิ่นสถาบันในหลายโอกาส อาทิเช่น การขุดต้นไม้ที่ทรงปลูกไว้บริเวณหน้าโบถส์ออกด้วยอารมณ์เกรี้ยวกราดของธัมมชโย  และยังมีกิจกรรมอีกหลาย ๆ กิจกรรมที่มักอ้างอิงว่า จัดทำโครงการเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล  อย่างเช่น เมื่อวาน/วันซืนนี้คุณรัตนมาลี  ก็ตั้งกระทู้ชวนตักบาตร 1,250 รูปที่ศาลายา/พุทธมณฑล  ร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์  พร้อมทั้งอ้างว่า ตักบาตรเพื่อเป็นมหากุศลถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ฯลฯ และอีกประเด็นนึงที่ คุณ AYXC และคุณจันทร์กลางใจ ได้แอบอ้างสถาบันเข้ามาโพสต์กระทู้ในเวบบอร์ดแห่งนี้  โดยคุณ Ritti กับคุณ Jitzungkabuai ได้ซักถามหลายรอบหลายหนแล้ว   แต่คุณ AYXC ไม่สามารถตอบได้   ทั้งยังแก้เกี้ยวไว้ว่า ได้ตอบไปตั้งแต่กระทู้นั้น ๆ ในครั้งกระโน้นแล้ว  ซึ่งทั้งผม ทั้งคุณ Jitzungkabuai และคุณ Ritti ตรวจสอบด้วยสติสัมปชัญญะแล้ว  เห็นว่าคุณ AYXC ตอบไม่ตรงคำถาม  และได้พยายามเอามาถามอีก  แต่คุณ AYXC ก็ไม่เคยเข้ามาตอบ   ดีแต่เสนอหน้าเข้าไปตอบในเรื่องที่เขาไม่ได้ถาม ตอนนี้คุณ Ritti ก็กลับมาแล้ว  ลองถามคุณ Ritti ดูสิครับว่าได้รับคำตอบตรงประเด็นตรงเรื่องตรงราวหรือไม่ ? Y6364577 วันนี้วันจันทร์แล้วนะครับ คุณจันทร์กลางใจ ... http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/02/Y6364577/Y6364577.html จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 23:05:25 ]

ความคิดเห็นที่ 143 ข้อเท็จจริงกรณี ล็อกอิน จันทร์กลางใจ และ AYXC แอบอ้างสถาบันฯ ...... !!!!!! ประการแรกที่ควรทราบก็คือ ไม่เป็นการสมควรเลยที่ใครก็ตามจะมาตั้งกระทู้ โดยเอ่ยอ้างสถาบันชั้นสูง ทั้งๆที่ไม่มีความจำเป็น ที่จะต้องทำเช่นนั้น !!!!!!! ใจคอ สาวกธรรมโกย คิดจะแอบอ้างสถาบันเบื้องสูง มาคุ้มกะลาหัวของตน โดยหวังว่า จะได้ไม่มีใครกล้าเข้ามาวิพากษ์วิจารณ์  สำนักอลัชชี อย่างนั้นหรือครับ ? ... จากคุณ : Ritti Janson  - [ 25 ก.พ. 51 21:29:59 ] http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/02/Y6366486/Y6366486.html จากคุณ : ทวนทอง - [ 27 ก.พ. 52 23:26:09 ]