ความคิดเห็นที่ 1 พระพุทธองค์ทรงเห็นเหตุ  และผล  บางอย่างครับ   โดยเหตุผลนั้น   จะอยู่ในข้อความที่เน้นตัวหนาครับ อ้างข้อความตอนหนึ่งจากพระไตรปิฎก ในพระสูตรชื่อว่า  "ตาลปุตตสูตร"               " [๕๙๑] พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกรนายคามณี เราห้ามท่านไม่ได้แล้วว่า อย่าเลยนายคามณี ขอพักข้อนี้เสียเถิด ท่านอย่าถามข้อนี้กะเราเลย แต่เราจักพยากรณ์ให้ท่าน                ดูกรนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะอันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น               เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น               เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมาประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะ อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความเห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่างคือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด ฯ" อ่านคำสอนทั้งหมดในเรื่องนี้ได้จาก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๑๘  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๐ สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค ตาลปุตตสูตร http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=7768&Z=7822&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=18&i=589 จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 29 มี.ค. 52 22:28:30 ]

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วตกลงมีความผิดหรือไม่ผิดครับ   ผมไม่ถนัดแปลพระไตรปิฎก  อ่านแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี    บอกเล่าเป็นภาษาพูดแบบชาวบ้านเขาพูดกันได้ไหมครับ    ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ จากคุณ : พรรษา (พรรษา) - [ 29 มี.ค. 52 22:46:48 ]

ความคิดเห็นที่ 3 เป็นแหล่งให้ผู้คน ลุ่มหลงในความสวย ความงาม ในกิเลสราคะ จึงเป็นผลให้ผู้คนยังคงวนเวียนอยู่ในวัฏฏะสงสาร จากคุณ : ตาต่วน - [ 29 มี.ค. 52 22:54:55 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ประมาณว่า ถ้าการ้องรำทำเพลงนั้นเป็นไปเพื่อนยั่วยุให้เกิดกิเลส ให้เกิดราคะ ให้เกิดโทสะทะเลาะวิวาท เป็นไปเพื่อความมัวเมา มอมเมาให้คนอื่นหลงผิด และผู้ที่กระทำารเต้นรำทำเพลงนั้นทำเพื่อความยั่วยุให้เกิดกิเลสนั้น อันนั้นบาป แต่ถ้าเป็นไปเพื่อความรื่นเริงคลายทุกข์โศก ย่อมไม่ผิด  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยุ่กับเจตนาของผู้แสดงด้วยเป็นสำคัญ ประมาณนี้ป่าวครับ จากคุณ : รอท่านผู้รู้มาแจงอีกที (NotUndo) - [ 29 มี.ค. 52 22:56:05 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ควรดูที่เจตนาด้วยค่ะ ถ้าเป็นการระบำรำฟ้อนที่มิได้เป็นไปเพื่อกระตุ้นกำหนัด เช่น ละครเวทีสมัยนี้บางคณะ ที่อัญเชิญพุทธประวัติ หรือเรื่องราวในพระไตรปิฎก พระสูตรต่างๆ มาสื่อด้วยศิลปะการแสดงที่ทำให้คนทั่วโลกเข้าใจเรื่องดีๆ เหล่านั้นได้ตรงกัน ก็ไม่น่าตกนรก เช่นเดียวกัน การร้องรำทำเพลงที่มีจุดประสงค์ในด้านการบำบัด (Healing) เช่น ดนตรีบำบัด การเสริมสร้างสมาธิ รวมทั้งการใช้ดนตรีสานสัมพันธ์ของกลุ่มชนที่แตกแยกกันให้กลับมาคืนดีกัน หรือทำกิจกรรมร่วมกันให้เกิดความสมัครสมานสามัคคีกัน ก็ไม่น่าจะเป็นบาปเช่นกันค่ะ ที่ไม่ควรลืมก็คือ ดนตรีและการร้องรำทำเพลงนั้น ได้เข้าไปอยู่ในเถรวาทไทย วัดไทยมาตั้งนานแล้วด้วย เช่น พวกปี่พาทย์ที่ประโคมในงานเทศน์มหาชาติ หรือพระภิกษุตามบ้านนอกที่ฝึกฝนการแหล่ต่างๆ ซึ่งในทางคีตศาสตร์ ก็ถือว่าเป็นการขับร้องเพลงอย่างหนึ่งเช่นกัน รวมทั้งเพลงที่มุ่งผลิตให้คนฟังเกิดความเบาสบาย ดวงจิตแจ่มใส เช่น เพลงของเสถียรธรรมสถาน น่าพิจารณาว่า คนที่ทำเรื่องเหล่านี้ทั้งหมด ควรตกนรกด้วยหรือไม่? ถ้าเพียงแต่เล่นดนตรี และร้องรำทำเพลง ก็จะพากันลงนรกได้หมดทุกคนทุกกรณี โดยไม่ดูกันที่เจตนาและเหตุปัจจัยอื่นๆ แล้ว อาชีพใดๆ ในศาสนาพุทธก็พาคนตกนรกกันได้ทั้งหมดทุกอาชีพแหละค่ะ เพราะทุกอาชีพ ล้วนกล่าวอ้างได้ว่า เป็นการบำรุงกำหนัดของปุถุชนด้วยกันทั้งนั้น ไม่มีอาชีพใดที่ไม่มีผลในการบำรุงกำหนัด โทสะ โมหะเลย นอกจากต้องละจากอาชีพต่างๆ ออกบวช ปฏิบัติธรรมในป่า เพียงอย่างเดียวเท่านั้น จึงจะไม่เป็นการบำรุงกำหนัด โทสะ โมหะ ถ้างั้นผู้ไม่นับถือศาสนาพุทธ จะตีความได้ว่าศาสนาพุทธมุ่งแต่จะให้คนละทิ้งโลก ออกป่าบวชกันอย่างเดียว ซึ่งความจริงไม่ใช่ ควรตีความกันในลักษณะที่ไม่ให้คำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเครื่องบั่นทอนกำลังใจคนทั่วไปโดยใช่เหตุค่ะ จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 29 มี.ค. 52 22:56:41 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องนี้เคยพูดกันมาหลายครั้งแล้วค่ะ ข้อเตือนใจ สำหรับดารา นักร้อง นักแสดง และผู้ที่ใฝ่ฝันอยากจะเป็น... http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/05/Y6635690/Y6635690.html คนที่เป็น Entertainer ชอบทำให้คนอื่นเฮฮา ต้องตกนรก หรือเกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/08/Y6852550/Y6852550.html นรกคือที่ไปสำหรับดารานักร้องนักแสดงทั้งหลาย http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/05/Y6606980/Y6606980.html จากคุณ : บุษยมาศ - [ 29 มี.ค. 52 22:56:53 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจแล้วครับ   น่าสงสารท่านที่มีอาชีพนักร้อง นักแสดง โดยเฉพาะหมอลำซิ่ง  เนอะ   สุดท้ายต้องไปตกนรกเพราะความไม่รู้   แต่ก็เป็นอาชีพของเขานะ จากคุณ : พรรษา (พรรษา) - [ 29 มี.ค. 52 23:37:40 ]

ความคิดเห็นที่ 8 - นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ เป็นผู้ทำให้คนดูคนฟังมีราคะมากยิ่งขึ้น คือ ทำให้เรามีความปรารถนาอยากมีอยากเป็นมากยิ่งขึ้น - นักแสดง เป็นผู้ทำให้คนดูคนฟังมีโทสะมากขึ้น เช่น ดูทีวีรู้สึกโกรธตัวร้าย ตัวอิจฉาเป็นต้น - นักแสดง นักร้อง นักฟ้อนรำ ทำให้คนดูคนชมมีโมหะมากขึ้น ทำให้เรามัวเมาในรูป ในเสียง มากขึ้น - ประกอบกับ นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ มีปรกติตั้งอยู่ ตั้งอยู่ในความมัวเมาประมาท ดังนั้นเมื่อตายไปย่อมตกนรก ----------------------------------------------------------------------------- ผิดหรือไม่ ที่ประกอบอาชีพ นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ ตอบว่า ในแง่ศีลของชาวบ้านแล้วไม่ผิด แต่มีโอกาสตกนรกสูง เนื่องจากเป็นผู้ตั้งอยู่ในความมัวเมาประมาท ถ้าหากว่า ประกอบอาชีพ นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ แต่เป็นผู้ไม่มัวเมา ไม่ประมาท ก็ไม่ต้องตกนรก การจะเป็นผู้ไม่มัวเมาประมาทนั้น จะต้อง ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องใส ถ้าสนใจในรายละเอียดก็ถามเพิ่มเติมได้ จากคุณ : wichaphon_me - [ 29 มี.ค. 52 23:37:43 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เข้าใจ กับคนที่อ่าน ตาลปุตตสูตร แล้วไปตีความว่า พวกอาชีพบันเทิง  ตายไปตกนรก เพราะเป็นอาชีพที่ทำให้ คนอื่นมัวเมา เช่นคุณ SpiritWithin_HolyStream  (ผมก็ถามท่านไปตั้งแต่ ปีที่แล้ว ตาม #6  ลิ้งที่ 2  ก็ไม่เห็นตอบไรผม) ยกประโยค ต่อ ประโยค ในพระสูตรนี้   มาคุยกันเลยมั้ย ว่ามีตรงไหนเป็นไปอย่างที่บอกบ้าง ที่ทำตัวหนา ขีดเส้นใต้ มันเกี่ยวกันอย่างไร ? จากคุณ : Panda-baker - [ 30 มี.ค. 52 06:14:25 ]

ความคิดเห็นที่ 10 ขอแสดงความคิดเห็นบ้าง คือตอนแรกนายคามณี เป็นนักแสดงที่มีคนชื่นชอบมาก และคิดว่าตัวเองทำให้คนดูมีความสุข น่าจะได้บุญมาก ก็เลยมาถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าก็ไม่ตอบหลายครั้ง จนสุดท้ายก็ยอมตอบ ดังคดห.1 นั่นแหละ เพื่อแก้ความเข้าใจผิดในอาชีพของนายคามณี ถ้าอาชีพนี้น่าตำหนิจริง พระพุทธเจ้าก็คงบอกตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว แต่มาบอกภายหลังเพื่อให้นายคามณีเข้าใจได้ถูกต้องต่างหาก ผมยกตัวอย่างจากผู้ที่มาถามหลวงพ่อปราโมทย์ว่า เค้าจะเปิดร้านอาหาร เค้าจะตบแต่งจานอาหารให้น่ากินยิ่งขึ้น อันนี้บาปไหม เพราะทำให้คนหลงไหลในความสวยงามทางตา หลวงพ่อตอบว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ต้องทำอาหารให้ไม่อร่อยด้วย จึงจะไม่หลงทางลิ้นด้วยซิ ท่านว่า เรายังเป็นฆราวาสอยู่ ต้องรู้จักแยกแยะว่าอันไหนเป็นหน้าที่ หน้าที่ของฆราวาสยังต้องทำมาหากินเลี้ยงตัวและครอบครัวอยู่ ก็ต้องทำตามโลกซิ ต้องทำอาหารให้อร่อย ทำให้สอาด น่าดูน่ากินไปเลย เพราะนี้คืออาชีพของเรา ส่วนทางธรรม เราก็ปฎิบัติธรรมของเราไป ขนาดองคุลีมาลฆ่าคนตั้งมาก ยังสามารถบรรลุธรรมได้เลย แค่นี้ไม่ต้องกังวลหรอก แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 09:59:19 จากคุณ : ผู้เห็น - [ 30 มี.ค. 52 09:09:07 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ง่ายๆนะครับ อย่างแรก พระไตรปิฎกไม่ใช่กฏหมาย เป็นสื่อแสดงธรรมของพระพุธเจ้าเท่านั้น ดังนั้นจะผิดหรือไม่ผิดในพระไตรปิฎกจึงไม่มี อย่างที่สอง ผู้ที่ขับระบำรำฟ้อน ร้องรำทำเพลง เป็นผู้ที่สามารถทำให้ผู้คนลุ่มหลงมัวเมาได้ ก็มีโอกาสตกนรกครับ แต่ไม่ใช่ว่าจะตกนรกกันทุกคนนะครับ เพราะกรรมที่จะพาไปนรกมันก็มี กรรมที่จะพาไปสวรรค์มันก็มี นักแสดงที่ไม่เลือกบทละคร นักร้องที่ไม่เลือกเนื้อร้อง พวกนี้มีโอกาสสูงครับ จากคุณ : sirnitfi - [ 30 มี.ค. 52 09:57:00 ]

ความคิดเห็นที่ 12 วิเคราะห์ ตาลปุตตสูตร : http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=18&A=7768&Z=7822&pagebreak=0 ท่าน ตาลบุตร ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า “ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร” ท่าน ตาลบุตร มีความเชื่อว่า การทำให้คนอื่นหัวเราะรื่นเริง ตายไปย่อมเกิดในสวรรค์ เป็นสหายกับเทวดาผู้ร่าเริง ลองมาคิดต่อว่า คนที่มีความเชื่อแบบนี้จะขวนขวาย ทำบุญ ให้ทาน รักษาศีล เจริญสติภาวนาหรือไม่ คงไม่ เพราะไม่รู้จะขวนขวายทำไปทำไม ก็ในเมื่อการทำให้คนอื่นหัวเราะรื่นเริง ก็เป็นหลักประกันว่าตายไปจะต้องไปเกิดในสวรรค์อยู่แล้ว แล้วลองคิดต่ออีกว่าเขาจะอบรมกาย อบรมศีล อบรมปัญญาหรือไม่  คงไม่  เพราะไม่รู้จะอบรมไปทำไม ก็ในเมื่อการทำให้คนอื่นหัวเราะรื่นเริง ก็เป็นหลักประกันว่าตายไปจะต้องไปเกิดในสวรรค์อยู่แล้ว คนที่มีความเชื่อแบบนี้ จะกลัวการประกอบกายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริตหรือไม่ คงไม่ เพราะไม่รู้จะกลัวไปทำไม ก็ในเมื่อการทำให้คนอื่นหัวเราะรื่นเริง ก็เป็นหลักประกันว่าตายไป จะต้องไปเกิดในสวรรค์อยู่แล้ว ถามว่า ความเชื่อแบบนี้เป็นมิจฉาทิฐิหรือไม่ ตอบว่า เป็น การไม่ขวนขวาย ในการละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ถือว่าเป็นผู้ตั้งอยู่ในความประมาทหรือไม่ ตอบว่า ใช่   ในตอนท้ายของคำตอบ พระพุทธเจ้าได้สรุปว่า “นักเต้นรำนั้น ตนเองก็มัวเมา ประมาท ตั้งอยู่ในความประมาท เมื่อแตกกายตายไป ย่อมบังเกิดในนรกชื่อปหาสะ อนึ่ง ถ้าเขามีความเห็นอย่างนี้ว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาชื่อปหาสะ ความ เห็นของเขานั้นเป็นความเห็นผิด ดูกรนายคามณี ก็เราย่อมกล่าวคติสองอย่าง คือ นรกหรือกำเนิดสัตว์เดียรัจฉาน อย่างใดอย่างหนึ่ง ของบุคคลผู้มีความเห็นผิด”   ข้อสังเกต เหตุของการตกนรกและเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน คือ การมีความเห็นผิด              อาชีพ นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ ไม่จัดเป็นอาชีพต้องห้าม (อาชีพต้องห้ามดูที่  http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=22&A=4838&Z=4843&pagebreak=0   ) แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 13:53:21 จากคุณ : wichaphon_me - [ 30 มี.ค. 52 11:17:22 ]

ความคิดเห็นที่ 13 เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะ คิด พูด ทำ ได้ จากคุณ : locomotion - [ 30 มี.ค. 52 12:35:35 ]

ความคิดเห็นที่ 14 คดห 12 ยกมานี้ แจ่มแจ้งพะยะค่ะ เหมือนเปิดของคว่ำให้หงายขึ้น สาธุ สาธุ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 12:40:23 แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 12:38:26 จากคุณ : ผู้เห็น - [ 30 มี.ค. 52 12:37:00 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ทุกๆด้านของมนุษย์ มีดีมีเลว ของทุกๆอย่าง มีดี มีเลว ของชิ้นเดียวกัน ดีด้วยเงื่อนไขหนึ่ง และ ก็เลวได้เช่นกันในอีกเงื่อนไขหนึ่ง ไม่มีสิ่งใดดีทั้งหมด หรือเลวทั้งหมด ทั้งหมดนี้คงต้องใช้ปัญญา ในการคิดใคร่ครวญ จากคุณ : โปรยปราย - [ 30 มี.ค. 52 17:27:18 ]

ความคิดเห็นที่ 16 "ไม่เข้าใจ กับคนที่อ่าน ตาลปุตตสูตร แล้วไปตีความว่า พวกอาชีพบันเทิง  ตายไปตกนรก เพราะเป็นอาชีพที่ทำให้ คนอื่นมัวเมา เช่นคุณ SpiritWithin_HolyStream  (ผมก็ถามท่านไปตั้งแต่ ปีที่แล้ว ตาม #6  ลิ้งที่ 2  ก็ไม่เห็นตอบไรผม) ยกประโยค ต่อ ประโยค ในพระสูตรนี้   มาคุยกันเลยมั้ย ว่ามีตรงไหนเป็นไปอย่างที่บอกบ้าง ที่ทำตัวหนา ขีดเส้นใต้ มันเกี่ยวกันอย่างไร ? จากคุณ : Panda-baker " พระสูตรกล่าวว่า นักแสดงเหล่านั้น  ทำให้ 1. คนที่ยังมีราคะ  นักแสดงเหล่านั้น ก็ไปทำให้เขามีราคะมากขึ้น เช่น ฉากจูบกันในหนังโรง 2. คนที่มีโทสะ  นักแสดงเหล่านั้น  ก็ไปทำให้เขามีโทสะมากขึ้น  เช่น ละครช่อง 7 3. คนที่มีโมหะ  นักแสดงเหล่านั้น  ก็ไปทำให้เขามีโมหะมากขึ้น  เช่น การเล่านิยายไตรภาค มหากาพย์  แต่ไม่เป็นประโยชน์ในการให้เข้าถึง บุญกุศลเลย  มีแต่ฟังแล้วฟุ้งซ่านมากขึ้น  จินตนาการในสิ่งที่ไม่มีสาระประโยชน์  เป็นต้น สามจุดนี้  ยังไม่รวมส่วนอื่น ๆ ก็เรียกว่าได้ทำให้จิตผู้อื่นเศร้าหมองแล้วครับ เมื่อทำให้จิตคนอื่นเศร้าหมอง  มีราคะ โทสะ โมหะ มากขึ้น  ผู้กระทำเอง   ในฐานะผู้ชักชวน หรือผู้ดึงอารมณ์ของคนเหล่านั้นให้เข้าสู่สิ่งไม่ดีเหล่านัน ย่อมได้รับผลกรรมของตนเอง   "ข้อสังเกต เหตุของการตกนรกและเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน คือ การมีความเห็นผิด             อาชีพ นักร้อง นักแสดง นักฟ้อนรำ ไม่จัดเป็นอาชีพต้องห้าม (อาชีพต้องห้ามดูที่  http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=22&A=4838&Z=4843&pagebreak=0   ) แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 13:53:21 จากคุณ : wichaphon_me " สัมมาอาชีวะ  ในพระสูตรนั้น  มีการไม่ค้าขายสิ่งต้องห้ามดังกล่าวจริงครับ  และรวมไปถึง  การทำมาค้าขายที่ไม่ผิดสัมมากัมมันตะ  และสัมมาวาจา เช่น  ถ้าแต่งนิยายตลกขาย  ก็เป็นการละเมิดสัมมาอาชีวะ  เพราะเป็นการนำมิจฉาวาจามาใช้ในการเลี้ยงชีพครับ จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 30 มี.ค. 52 18:21:30 ]

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ : SpiritWithin_HolyStream  ไม่ดูละครช่อง7 บ้างหรือ ไม่ดูหนัง ฟังเพลง ไม่อ่านการ์ตูน เล่นเกมส์ คุยเล่นบ้างหรือไง ผมว่าคุณนี่ต้องน่าสงสารมากๆเลย ผมรู้สึกว่า คุณไม่เข้าใกล้ธรรมของพระพุทธเจ้าเลย เพราะคุณสุดโต่งบังคับตัวเอง เชื่อว่า คนดีต้องทำอย่างโน้น ไม่ทำอย่างนี้ ตลอดเวลา คุณยังไม่เข้าใจคำว่าทางสายกลาง ละความยึดมั่นในเรื่องต่างๆลง เลิกโพสธรรมะ ฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ แล้วทำเล่นๆดูซัก 3 เดือน ผมว่าคุณจะเข้าใจอะไรต่างๆในสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง คุณจะมีความสุขกว่านี้ ขอโทษคุณด้วย แต่ผมเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 19:05:21 จากคุณ : ผู้เห็น - [ 30 มี.ค. 52 19:02:44 ]

ความคิดเห็นที่ 18 ความคิดเห็นที่ 17   คุณ : SpiritWithin_HolyStream  ไม่ดูละครช่อง7 บ้างหรือ ไม่ดูหนัง ฟังเพลง ไม่อ่านการ์ตูน เล่นเกมส์ คุยเล่นบ้างหรือไง ผมว่าคุณนี่ต้องน่าสงสารมากๆเลย ผมรู้สึกว่า คุณไม่เข้าใกล้ธรรมของพระพุทธเจ้าเลย เพราะคุณสุดโต่งบังคับตัวเอง เชื่อว่า คนดีต้องทำอย่างโน้น ไม่ทำอย่างนี้ ตลอดเวลา คุณยังไม่เข้าใจคำว่าทางสายกลาง ละความยึดมั่นในเรื่องต่างๆลง เลิกโพสธรรมะ ฟังธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์ แล้วทำเล่นๆดูซัก 3 เดือน ผมว่าคุณจะเข้าใจอะไรต่างๆในสิ่งที่คุณคิดไม่ถึง คุณจะมีความสุขกว่านี้ ขอโทษคุณด้วย แต่ผมเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ แก้ไขเมื่อ 30 มี.ค. 52 19:05:21 จากคุณ : ผู้เห็น ดูแล้วจิตได้สมาธิ  ได้เอกกัคคตาหรือไม่ครับ แม้การถือศีลแปด  พระพุทธเจ้ายังทรง"มิให้" นัจจะ คีตะ วาทิตะ และวิสูกะทัสสะนา  ทั้งสี่คำนี้  คุณอาจทราบดีว่าหมายถึงอะไร ขอบเขตที่พระพุทธองค์แสดงไว้   เป็นของที่สัตบุรุษยากจะละเมิดได้ จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 30 มี.ค. 52 19:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 19 โลกนี้คือละครมิใช่หรือครับ จากคุณ : NotUndo - [ 30 มี.ค. 52 19:50:58 ]

ความคิดเห็นที่ 20 แนะนำให้ถกกันด้วยธรรมครับ สนทนาธรรมตามกาลเป็นมงคลอันหนึ่ง แต่อย่าเจือด้วยทิฐิ และโทสะนะครับ เดี๋ยวจะเสร็จกิเลสเอา จากคุณ : mainea - [ 30 มี.ค. 52 21:33:42 ]

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านให้ละเอียด ครับ มีคนเถียงแทนคุณตั้งแต่ ปีที่แล้วแบบคุณเด๊ะ   ผมไม่ได้บอกว่า  ไม่ทำให้คนอื่นจิตเศร้าหมอง (เวลาอ่านคุณต้องอ่านทั้งประโยค  ครับ อย่าตัดคำมาอ่าน มันจะเพี้ยน) ผม บอกว่า คนอื่นจิตเศร้าหมอง  ราคะ โทสะ โมหะ  เนื่องด้วยการแสดง  แล้วเป็นเหตุให้บุคคลนั้นไปนรก หรืออบาย บอก ใน พระสูตรนี้ ตรงไหน ผมถามได้ งง หรือมากไปหรือเปล่า ? จากคุณ : Panda-baker - [ 31 มี.ค. 52 00:53:20 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ผมถามคุณหยก คุณหยก ว่า เสียงเพลงพี่เบิร์ด กับเสียงสับหมูต่างกันตรงไหน พระอรหันต์ยามเดิน นักดนตรีที่กำลังเล่นพิณ ผิดศีล ข้อ นัจจะ คีตะ วาทิตะ และวิสูกะทัสสะนา  หรือไม่ คำถามทั้งหมดในกระทู้นี้ ผม ไม่ได้ต้องการจับผิดคุณหยก  หรือประสงค์ต้องการสร้างความขุ่นเคืองแก่จิตใจ คุณหยก แต่ประสงค์ให้ ลบความเห็นผิด ในการเข้าใจธรรมในทางที่ไม่ถูก แม้ว่าคุณหยกจะมีความรู้ในเชิงปริยัติมากมายกว่าผมนัก ผมขอถามว่า ถ้าสิ่งที่คุณหยกเชื่อ และปฏิบัติตามที่คิดว่าถูกต้องในธรรม เหตุใดจึงมีความทุกข์มากมายอาทิเช่นเรื่องผู้หญิง หรือความรัก ถ้าคุณหยกเชื่อว่าว่าการปฏิบัติของตนได้ถูกต้องแล้ว เข้าใจดีแล้ว กระผมจะไม่ข้อมาโต้แย้งใดๆ กับท่าน อีกต่อไป จากคุณ : Panda-baker - [ 31 มี.ค. 52 01:11:15 ]

ความคิดเห็นที่ 23 สวัสดีครับคุณ SpiritWithin_HolyStream ผมอ่าน ตาลปุตตสูตร แล้วผมตีความต่างออกไปนะครับ ถือว่าแลกเปลี่ยน ไม่ต้องการให้เชื่อตามผมหรอกครับ ลองเพ่งคำถามที่ท่าน ตาลปุตตสูตร ถามพระพุทธองค์ดูสิครับ “ข้าพระองค์เคยได้ยินคำของนักเต้นรำ ผู้เป็นอาจารย์และปาจารย์ก่อนๆ กล่าวว่า นักเต้นรำคนใดทำให้คนหัวเราะ รื่นเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ ผู้นั้นเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง ในข้อนี้พระผู้มีพระภาคตรัสอย่างไร” ผมมีความเห็นว่า ท่านตาลบุตร มีความเชื่อว่า การทำให้คนหัวเราะรื่นเริง เป็นการทำบุญแบบหนึ่ง ผลจากบุญนี้ เมื่อตายไปจะทำให้เกิดในสวรรค์เป็นสหายแห่งเทวดาผู้ร่าเริง จากท่อนนี้ "ดูกรนายคามณี เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากราคะ อันกิเลสเครื่องผูกคือราคะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้ง แห่งความกำหนัด ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์ เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อนสัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโทสะ อันกิเลสเครื่องผูก คือโทสะผูกไว้ นักเต้นรำรวบรวมเข้าไว้ซึ่งธรรมเป็นที่ตั้งแห่งโทสะ ในท่ามกลาง สถานเต้นรำ ในท่ามกลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น เมื่อก่อน สัตว์ทั้งหลายยังไม่ปราศจากโมหะ อันกิเลสเครื่องผูกคือโมหะผูกไว้ นักเต้นรำ ย่อมรวบรวมไว้ซึ่งธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งโมหะ ในท่ามกลางสถานเต้นรำ ในท่าม- *กลางสถานมหรสพ แก่สัตว์เหล่านั้นมากยิ่งขึ้น" ผมมีความเห็นว่า เที่ยบได้กับคำตอบที่ว่า การที่ทำให้คนอื่นหัวเราะร่าเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ไม่ใช่การทำบุญ เป็นการทำบาปมากกว่า เพราะเป็นการเพิ่มราคะโทสะโมหะ แก่เขาเหล่านั้น ความเชื่อตามที่ท่านเข้าใจ จัดเป็นความเห็นผิด ผู้ที่มีความเห็นผิด ย่อมตกนรก หรือ ต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน ผมยังไม่เคยพบที่ตรัสว่า การทำให้คนอื่นมี ราคะ โทสะ โมหะ มากขึ้น เป็นเหตุให้ตกนรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานครับ ถ้าคุณเจอ ขอความเมตตาแปะลิงค์ไว้ด้วยนะครับ ผมจะได้ไม่อธิบายผิด ๆ ต่อไป จากคุณ : wichaphon_me - [ 31 มี.ค. 52 02:26:35 ]

ความคิดเห็นที่ 24 "ผมขอถามว่า ถ้าสิ่งที่คุณหยกเชื่อ และปฏิบัติตามที่คิดว่าถูกต้องในธรรม เหตุใดจึงมีความทุกข์มากมายอาทิเช่นเรื่องผู้หญิง หรือความรัก ถ้าคุณหยกเชื่อว่าว่าการปฏิบัติของตนได้ถูกต้องแล้ว เข้าใจดีแล้ว กระผมจะไม่ข้อมาโต้แย้งใดๆ กับท่าน อีกต่อไป จากคุณ : Panda-baker" ประเด็นที่ยกมาเกี่ยวข้องกับเนื้อหาหรือไม่ครับ ? "ผมยังไม่เคยพบที่ตรัสว่า การทำให้คนอื่นมี ราคะ โทสะ โมหะ มากขึ้น เป็นเหตุให้ตกนรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉานครับ ถ้าคุณเจอ ขอความเมตตาแปะลิงค์ไว้ด้วยนะครับ ผมจะได้ไม่อธิบายผิด ๆ ต่อไป จากคุณ : wichaphon_me" ซึ่งคำตอบ  มีดังนี้ครับ "ผมมีความเห็นว่า เที่ยบได้กับคำตอบที่ว่า การที่ทำให้คนอื่นหัวเราะร่าเริง ด้วยคำจริงบ้าง คำเท็จบ้าง ไม่ใช่การทำบุญ เป็นการทำบาปมากกว่า เพราะเป็นการเพิ่มราคะโทสะโมหะ แก่เขาเหล่านั้น ความเชื่อตามที่ท่านเข้าใจ จัดเป็นความเห็นผิด ผู้ที่มีความเห็นผิด ย่อมตกนรก หรือ ต้องเกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน" จากคุณ : wichaphon_me  - [ 31 มี.ค. 52 02:26:35 ] จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 31 มี.ค. 52 09:49:42 ]

ความคิดเห็นที่ 25 "นักดนตรีที่กำลังเล่นพิณ ผิดศีล ข้อ นัจจะ คีตะ วาทิตะ และวิสูกะทัสสะนา  หรือไม่" จากคุณ : Panda-baker   - [ 31 มี.ค. 52 01:11:15 ] ผิดในข้อของคีตะนะครับ จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 31 มี.ค. 52 09:51:44 ]

ความคิดเห็นที่ 26 ตัวอย่างของผู้ที่ชักชวนให้ผู้อื่น มีราคะ โทสะ โมหะ มากขึ้น  ด้วยการกระทำทางกาย  วาจา  และใจ ส่งผลให้ผู้ที่ชักชวนเอง  หรือผู้ที่ทำให้ผู้อื่นมีราคะโทสะและโมหะ ในกรรมนั้น ๆ ลงนรก พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๑  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๓ อังคุตตรนิกาย จตุกกนิบาต กรรมปถวรรคที่ ๗ http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=21&A=6723&Z=6784&pagebreak=0             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :- http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=21&i=264 โปรดพิจารณาคำว่า "ชักชวน" จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 31 มี.ค. 52 10:00:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 การชักชวนผู้อื่นให้เกิดราคะ  โทสะ  โมหะ  เช่นที่แสดงมาในความคิดเห็นที่ 26  จะเห็นได้ว่า   การชวนให้ผู้อื่นเกิดราคะ  โทสะ  โมหะ  ไม่ได้เหมือนกับการเอาดินไปวางที่ฝ่ามือของเขา  ว่า  "เธอ  วันนี้เรามาเกิดราคะกันดีไหม"  ,  "เธอ  มาเกิดโทสะหรือโมหะเป็นเพื่อนกันหน่อยได้ไหม"   แต่การเกิดราคะ  โทสะนั้นจะเกิดได้ด้วยการถูกชักชวนให้ทำกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งที่เป็นอกุศล   ด้วยนัยที่ทรงแสดงมา  การให้ผู้อื่นเกิดราคะ โทสะ โมหะ  ย่อมทำให้ผู้ที่ชวนได้รับผลกรรมไม่ดีเอง ยกตัวอย่างเช่น  พระพุทธเจ้าตรัสว่า  ทานที่ไม่ควรให้มีอย่างหนึ่งคือ  "การให้รูปเขียนประกอบด้วยเมถุนธรรมเป็นทาน"   ในสมัยนี้อาจจะเป็นการส่งภาพโป๊  การส่งคลิปโป๊   การกระทำแบบนี้  ไม่ได้เป็นการบอกว่า  "เธอมามีราคะกันนะ"  แต่ก็เป็นการทำให้ผู้อื่นมีราคะเพิ่มขึ้น พระพุทธเจ้าได้แสดงไว้ว่า  ผู้ที่ให้รูปเขียนดังกล่าวเป็นทาน  ย่อมตกนรก เพราะเหตุว่า  นำจิตผู้อื่นให้เกิดราคะ จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 31 มี.ค. 52 12:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ ขอบคุณครับสำหรับลิงค์ แต่ผมคิดว่า ไม่ตรงกับคำถามของผมครับ แต่ก็มีประโยชน์ในแง่อื่นสำหรับผมมาก ผมจะพยายามไม่ทำเรื่องพวกนี้ครับ ผมมีความเห็นแย้งดังนี้ พระสูตรที่ยกมาประกอบด้วย 10 เรื่อง - การฆ่าสัตว์ - การลักทรัพย์ - การประพฤติผิดในกาม - จากการพูดเท็จ - การพูดส่อเสียด - การพูดคำหยาบ - การพูดเพ้อเจ้อ - ความโลภ - ความพยาบาท - ความเห็นผิด ด้วยกริยา 4 คือ - การเป็นผู้ทำเอง - การชักชวน - การเห็นดีเห็นงาม(ในใจไม่แสดงออก) - การยกย่องสรรเสริญ (การเห็นดีเห็นงามแล้วแสดงออก) สำหรับนักร้องนักแสดง ในขณะแสดง - เขาเป็นพูดกระทำเอง คือ การกล่าวการแสดงออก ซึ่งคำเท็จ คำส่อเสีอด คำหยาบ คำเพ้อเจ้อ - เขาไม่ได้ชักชวนให้กระทำเรื่องเหล่านี้ (ผมยังไม่เคยได้ยินบทเพลง ที่ชักชวนให้กระทำเรื่องพวกนี้เลยครับ ในละครอาจจะมี(สำหรับตัวร้าย) แต่นักแสดงไม่มีเจตนาที่จะกระทำเรื่องพวกนี้เอง นอกจากนี้ ตอนท้าย ก็แสดงผลของกรรม ที่ได้รับ ซึ่งถือเป็นการชักชวนให้งดเว้นนะครับ) - สำหรับการพอใจ และสรรเสริญ ก็มีแต่หัวหน้าตัวร้าย เพื่อนตัวร้ายที่กระทำ และในตอนท้ายของเรื่อง เขาก็ได้รับผลกรรมอย่างสาสมครับ) สรุปก็คือ พระสูตรที่ยกมาไม่ได้เปลี่ยนแปลงความเห็นของผมที่ว่า "นักร้องนักแสดงศิลปินแขนงต่าง ๆ ตกนรก เพราะเหตุแห่งความเห็นผิดและความมัวเมาประมาท ไม่ได้เกิดจาก การเพิ่มราคะ โทสะ และโมหะให้แก่ผู้ชม ผู้ฟังครับ ศิลปินเหล่านี้ถึงแม้จะยังประกอบอาชีพนี้อยู่ แต่ถ้าไม่ใช่ผู้มีความเห็นผิด ไม่ใช่ผู้ที่มัวเมาประมาทเขาก็ไม่ต้องตกนรก หรือเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานครับ" ผมไม่ได้ประกอบอาชีพที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้หรอกครับ การแสดงความของผมก็เพื่อให้คนอ่านคนอื่น มีข้อมูลประกอบการพิจารณามากขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ต้องการให้ใครมีเชื่อแบบผมครับ ยังไงเสียผมก็ถือว่า สมาชิกในห้องนี้มีวิจารณญาณในการตัดสินใจด้วยตนเองอยู่แล้วครับ ยินดีที่ได้สนทนาด้วยครับ จากคุณ : wichaphon_me - [ 31 มี.ค. 52 12:21:21 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ไม่เป็นไรครับ ขอโทษด้วยที่ให้ข้อมูลได้ไม่ครบนะครับ เพราะเรื่องบางเรื่อง เราสามารถรู้ได้ด้วยนัย  ไม่ใช่การอ่านโดยตรงจากพระสูตรก็มีเช่นเดียวกันครับ อย่างไรก็ขออภัยด้วยนะครับ จากคุณ : SpiritWithin_HolyStream - [ 31 มี.ค. 52 17:01:20 ]

ความคิดเห็นที่ 30 ^ ^ ไม่มีอะไรต้องขออภัย ผมต่างหากที่จะต้องขอบคุณ คุณ SpiritWithin_HolyStream  สำหรับธรรมทานครับ ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปครับ จากคุณ : wichaphon_me - [ 31 มี.ค. 52 21:06:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 #24 อันนี้แล้วแต่คุณจะพิจารณา  เพราะโดยเนื้อแท้ประเด็นนี้แค่ประเด็นเดียว สามารถเชื่อม ถึงลักษณะการพิจารณา ในข้อธรรมของคุณได้ทั้งหมด เมื่อใช้เกณฑ์ที่ผมตรึกแล้วว่า ไมใช่ทางที่ถูก ผมไม่เตือน ผู้ที่แสวงธรรมอย่างแท้จริง ผมก็จัดว่าชั่ว    ถ้าผมตรึกผิด แล้วคุณแก้ผมคิดถูก ก็แก้มิจฉาทิฐิของผมได้ ถ้าตัดใจว่าไม่เกี่ยว ก็แล้วแต่คุณ ถ้าคุณไม่ยินดีพิจารณาต่อด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม ถือว่าประเด็นนั้นตกไปเลยก็ได้ครับ #25 พระอรหันต์ยามเดิน นักดนตรีที่กำลังเล่นพิณ ผิดศีล ข้อ นัจจะ คีตะ วาทิตะ และวิสูกะทัสสะนา  หรือไม่ ผมพิมพ์ตก คำว่า "ผ่าน" เอง แต่จริงๆ ก็น่าจะพอเดาได้นะครับ  ทำไมถึงเลือกตัดคำมา ยังไงก็อยุ่ในบรรทัดเดียวกัน พิจารณาใหม่อีกที แล้วก็อ่านทั้งกระทู้ด้วยครับ ผมไม่ได้ถามแค่คำถามเดียวในความเห็นนั้น     #26 คุณ wichaphon_me  ได้ตอบไปแล้ว ใน #28 และหลักๆตรงกับทิฐิผม  ดังนั้นคงไม่ต้องตอบให้มันยืดยาวเพิ่มกระมั่ง คุณจะตั้งกระทู้ ถามใหม่เลยก็ได้ครับ ว่า ในที่นี้ ใน ตาลปุตตสูตร  จัดเป็นการชักชวน หรือไม่ ให้ผู้ทรงภูมิ ท่านอื่นให้ตัดสิน ให้บุคคลที่คุณนับถือ ได้เป็นผู้ตอบ ให้คุณได้สบายใจ ให้คุณได้ชัดแจ้ง หรืออาจทำให้ผมชัดแจ้ง คุณก็ได้ถือว่าทำบุญใหญ่ จากคุณ : Panda-baker - [ 31 มี.ค. 52 22:01:15 ]

ความคิดเห็นที่ 32 ไม่ทราบว่าผมตีความผิดหรือไม่ครับ ขอผู้รู้ช่วยชี้แนะ พ่อบ้านนักแสดง น่าจะหมายถึง ผู้กำกับ หรือผู้อำนวยการสร้าง จากคุณ : Pu121 - [ 4 เม.ย. 52 13:17:07 ]