ความคิดเห็นที่ 6

คุณ : itoursab
ก่อนอื่น ผมหวังว่าคุณ itoursab คงไม่ลบ ความเห็นของผม นะครับทั้งนี้ เพราะว่า เรื่องที่คุณนำมาตั้งเป็นกระทู้นี้ เป็นเรื่องที่ Sensitive ต่อความศรัทธาของทุกๆท่าน ผู้มีศรัทธา ในห้องศาสนานี้ โดยเฉพาะศาสนาที่มีความศรัทธาต่อพระเจ้าองค์เดียว และ ศาสนาที่พระศาสดาสอนให้มนุษย์เชื่อในกฏของกรรมในการกระทำความดี และไม่ให้ยึดมั่นใน วัตถุและสภาวะที่มีการเสื่อมสลาย เช่น รูป, รส, กลิ่น, และเสียง
การเชื่อในกฏของกรรมในที่นี้ผมเข้าใจจากการพิจารณาการสอนของศาสนาต่างๆแล้ว ผมเห็นว่า มีความหมายร่วมกัน ตามหลักตวามศรัทธาของทุกๆศาสนาว่า,
เราควรจะเชื่อว่า เมื่อเรามีการกระทำตามแนวทางการสอนและหลักบัญญัติ ตามหลักการของศาสนานั้นๆ อย่างถูกต้อง โดยไม่มีการต่อเติม แล้วเราก็จะได้รับผลของการกระทำที่ดี ซึ่งสุดแล้วแต่ว่า หลักศรัทธานั้นๆได้วางเป้าหมายไว้เช่นไร?
" เมื่อเราฝ่าฝืนหรือมีการกระทำที่ออกนอกแนวทาง จาก คำสอนหรือบัญญัติ ของหลักการศรัทธาของศาสนานั้นๆแล้ว, เราก็จะได้รับโทษของการกระทำนั้นๆ ซึ่งเช่นเดียวกัน ซึ่งสุดแล้วแต่ว่า หลักศรัทธานั้นๆวางเป้าหมายผลของการกระทำความชั่วนั้นอย่างไร?
เช่นเดียวกับคำพังเพยที่ว่า, "ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ซึ่งเป็นคำพังเพย ที่ใช้ได้ร่วมกันทุกๆศาสนา แต่ผมไม่มีความเข้าใจว่า ถ้าเรากระทำกรรมโดย การ ทำลายชีวิต ลิง แล้วจะเกิดมาเป็นลิง ในชาติหน้า ซึ่งไม่ใช่เป็นการลงโทษ เนื่องจากการ ฆ่า ทั้งนี้เพราะว่าการเกิดเป็นอะไรก็ตาม ชีวิตเหล่านั้นอาจจะมีความสุขสบายตามวงจรชีวิตของมันเอง โดย ที่เราจะใช้บรรทัดฐานของความเป็นมนุษย์ เปรียบเทียบไม่ได้
ศาสดาของทุกๆศาสนา ตั้งแต่ที่เก่าแก่ที่สุดที่จนถึงคนสุดท้าย ที่สุด ตามความศรัทธาของแต่ละศาสนา, จะได้วางหลักคำสอน ด้วยการค้นพบโดยตนเองหรือ จะด้วยการรับข่าวสารจากพระเจ้าก็ตาม,ไม่มีหลักฐานว่าศาสดาท่านใดสอนให้ มนุษย์ใช้รูปปั้นหรือ วัตถุต่างๆ เป็นสื่อกลาง ในการ ถ่ายทอดความรู้สึก ความรัก, ความเคารพบูชา ต่อพระเจ้าหรือ ศาสดาหรือผู้มีพระคุณท่านใดเลย
ตัวอย่าเช่น ใน
หลักปรัชญาของศาสนาฮินดู ไม่มีคำสอนให้กราบไหว้ ปลุกเสก เทวรูปเหล่านั้น เพื่อให้เข้าถึงความสะอาดทางจิตใจ
พุทธศาสนา ไม่เคยปรากฏคำสอนว่าพระพุทธองค์ทรงสอนให้ พุทธศาสนิกชนท่านใด สร้างรูปสมมติของพระองค์ เพื่อกราบเคารพบูชา
ศาสนาจุดาย ไม่มีคำสอนหรือบัญญัติ ในเรื่องการกราบไหว้เคารพวัตถุ ที่เป็นสัญญาลักษณ์ แทนพระเจ้า
คริสตศานา ไม่มีคำสอนหรือบัญญัติ ในเรื่อง การกราบไหว้เคารพวัตถุ ที่เป็นสัญญาลักษณ์ แทนพระเจ้า
ศาสนาอิสลาม , ไม่มีการสอนให้ใช้ ก้อนหินหรือวัตถุใดๆ เป็นสื่อกลางในการ แสดงความรัก,ความคิดถึง, ความรู้สึกบุญคุณ ของพระเจ้าหรือท่านศานทูตมูฮัมมัด
เหตุผลที่ ท่านศาสดา ในศาสนาทั้งหลาย ไม่มีการสอนดังกล่าว ก็เพราะว่า เมื่อใดก็ตาม เมื่อ มนุษย์ ได้ เอาวัตถุมาเป็นสื่อกลางในความศรัทธาแล้ว มนุษย์จะไม่มีทางตัดกิเลสในเรื่อง ค่านิยม ทางวัตถุ อันเกิดจาก รูป รส กลิ่น เสียง หรือ ความลุ่มหลงใน สิ่งที่เกิดจากการสัมผัสด้วย ประสาตทั้ง 5 ของมนุษย์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ จะทำให้ ผู้ศรัทธาไขว้เขว ไปจาก คำสอนและบัญญัติ ซึ่งเป็นหลักการของความศรัทธาของแต่ละศาสนา
จากคำแนะนำให้อ่านกระทู้นี้ .....
http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7795223/Y7795223.html
ผมได้อ่านอย่าละเเอียด ทุกๆความเห็นและตัวอักษร เนื่อง จาก จะหาว่า มีข้อความ ใดบ้าง ที่เป็นคำสอนของ ท่านศาสดาท่านใดท่านหนึ่ง, ที่ให้เหตุผลหรือ คำอธิบายในการ กราบไหว้เทวรูป, รูปปั้น, สัญญาลักษณ์ หรือ การใช้ วัตถุเป็นสื่อกลาง หรือ แม้แต่การ นำสิ่งเหล่านั้นมาปกป้อง ความปลอดภัยของชีวิตมนุษย์
ปรากฏว่า ไม่มีเลยทั้งหมดเป็นคำอธิบายจากจินตนาการของมนุษย์ทั้งนั้น เป็นเทพนิยายล้วนๆ, เพื่อหาเหตุผลมาประกอบการกระทำที่ ต่อเติม ออก นอกลู่นอกทาง จาก การสอน ของศาสดาในทุกๆศาสนา ซึง การอธิบาย โดยใช้เหตุผล เช่นนี้ มีอยู่ในทุกๆศาสนา
ถ้าศาสนิกชนทุกๆท่านปฏิบัติตนตามหลักคำสอนของ ท่านศาสดาต่างๆ ด้วยความศรัทธาที่แท้จริงแล้ว ก็ไม่จำเป็นจะต้องใช้วัตุ ไว้เป็นเครื่องมือในการสืบทอดศาสนา
ถ้าจะเปรียบเทียบกับคอมพิวเตอร์ คือ ไม่มีคอมพิวเตอร์เครื่องไหนสามารถทำในสิ่งที่มันไม่ถูกโปรแกรมไว้ แต่ถ้าจะเปรีบเทียบศาสนา หรือพิธีกรรมที่ถูกต้องใดๆคือโปรแกรมของ คอมพิเตอร์แล้ว
การต่อเติมศาสนา หรือหลักความศรัทธาที่ถูกต้องใดๆก็ตาม จะเสื่อมลง หรือ ถูกทำลายไป, โดยการต่อเติมศาสนา เช่นเดียวกับ ไวรัส ชนิดต่างๆ ที่พยายามจะ เพิ่มเติมโปรแกรมหรือ ทำโปรแกรมของ คอมพิวเตอร์ให้ยุ่งเหยิงเสียหายและในที่สุด โปรแกรมที่ดีของ คอมพิวเตอร์ เครื่องนั้นก็ ถุกทำลายไป
จากรูปภาพที่เห็น ผมไม่เคยเห็นและมีประสบการณ์ เช่นนี้มาก่อน เป็น หน้า ที่ ของ อิหม่ามของมัสสยิดนั้น และ ผู้รักษาระเบียบวินัยของสงฆ์ จะพิจารณา
ถ้าจะกล่าวอย่างทั่วๆไปแล้ว ถึงแม้ ว่ามุสลิมจะทำการละหมาด กัน 100 % ก็ ตาม แต่ มีมุสลิมจำนวนมากที่ไม่เข้าใจว่า เขาสวดหรือกล่าวว่าอะไรในขณะที่ทำการละหมาดเป็นภาษาอรับ
มีบัญญัติในอัลกุรอานให้ ผู้ที่ทำการละหมาดเข้าใจในทุกๆคำกล่าวคำสวด ในการทำละหมาด, ด้วยเหตุผลนี้ จึงมีบัญญัติห้ามผู้ที่มึนเมาทำการละหมาด (ไม่ว่าจะด้วย สารเคมีใดๆ), เขาจะ ต้อง หายจากการมึนเมาและมีความเข้าใจในการ กล่าวคำสวด ในภาษาที่เขากำลังทำละหมาดเสียก่อน ในกรณีนี้ผมไม่ทราบว่า ท่านทั้งสอง ที่เห็นอยู่ในรูปภาพนี้ กล่าวและคิดถึงอะไรในขณะทำการละหมาด, ในซาอุดิอารเบีย ประเทศ แม่บทของศาสนาอิสลาม ไม่ อนุญาตให้ผู้ใดที่ไม่ใช่มุสลิมร่วมละหมาดเช่นนี้ แม้แต่ในประเทศไทยเอง มุสลิมซุนนีย์และ ซีอะต์ ยังยากที่จะทำละหมาดร่วมกัน
จากคุณ :
แมทท์
- [
9 พ.ค. 52 02:44:30
]
|
|
|