ความคิดเห็นที่ 1 ประกาศจากสำนักพิมพ์ครับ (ที่มา http://www.puansanid.com/forums/showthread.php?t=4899 ) การเปิดให้จองสแกนกรรมกับอาจารย์เอ๋และให้ผู้ที่ได้สแกนกรรมแล้วร่วมทำบุญท่านละ 500 บาท ทางสำนักพิมพ์ขอยืนยันว่า ไม่ได้มีการหักเงินตรงนี้จากอาจารย์เอ๋เพื่อเป็นรายได้ของสำนักพิมพ์แต่ประการใด ขอยืนยันอีกครั้งว่า อาจารย์เอ๋จะได้รับเงินครบตามจำนวนที่มีผู้ร่วมใส่ซองให้ ซึ่งเงินจำนวนนี้อาจารย์เอ๋จะแบ่งไปทำบุญให้กับแต่ละคนที่ได้สแกนกรรมอยู่แล้ว และแม้แต่เจ้าหน้าที่ในสำนักพิมพ์ที่ต้องการสแกนกรรมกับอาจารย์เอ๋ก็ต้องใส่ซอง 500 บาทเท่ากับท่านอื่นๆ เช่นกัน นอกจากจะเป็นการนัดสแกนกรรมนอกสถานที่ที่อาจารย์เอ๋ต้องเดินทางไปหาถึงที่ ก็จะต้องร่วมบุญ 1000 บาท ซึ่งนั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง ส่วนเรื่องการจองคิวสแกนกรรมที่ จขกท. บอกว่ารอคิวนานและได้ลำดับคิวที่ 300 กว่า ก็ยังขอยืนยันว่า ทางสำนักพิมพ์จัดคิวให้ตามลำดับของคนที่โทร.เข้ามาจอง ซึ่งตอนนี้มี 800 กว่าท่านแล้ว จะไม่มีการลัดคิว จะไม่มีการใส่ซองพิเศษเพื่อขอแซงคิว หากท่านใดโทร.มาก่อน ก็จะได้สแกนกรรมก่อนเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นหาก จขกท. ได้คิวที่ 300 กว่า ก็แสดงว่า จขกท. โทร.เข้ามาจองเป็นลำดับที่ 300 กว่า...พูดเช่นนี้ถูกต้องหรือไม่... การที่สำนักพิมพ์ไม่ได้ให้เบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์เอ๋ไว้ ก็เพราะเราไม่รู้ว่าคนที่จะโทร.หาอาจารย์เอ๋นั้น จะมีบุคคลจำพวกไหนบ้าง จึงต้องป้องกันไว้ก่อนโดยการให้โทร.ผ่านสำนักพิมพ์เป็นด่านแรก สำหรับเรื่องที่ จขกท. บอกว่า ในหนังสือแจ้งว่าอาจารย์เอ๋สแกนกรรมแค่ 100 บาทหรือตามแต่ศรัทธานั้น หากอ่านและเข้าใจอย่างถูกต้อง จะทราบดีว่านั่นเป็นในช่วงเริ่มต้นที่อาจารย์เอ๋เริ่มสแกนกรรมใหม่ๆ ซึ่งน่าจะราวๆ ปี 2549 และตอนนี้คือปี 2552 แล้ว จึงขอย้ำกับ จขกท. ว่า ข้อมูลที่ได้นำมาตั้งกระทู้นั้น นอกจากจะผิดพลาดแล้ว ยังทำให้ทั้งตัวอาจารย์เอ๋และทางสำนักพิมพ์เสียหาย เพราะฉะนั้น จึงขอให้รับทราบข้อมูลที่ถูกต้องตามนี้ และหากยังต้องการใช้สิทธิ์ในลำดับคิวที่ 300 กว่า ก็ขอให้ในวันนั้นได้สอบถามความจริงทั้งหมดจากอาจารย์เอ๋ดูเอง จากคุณ : มิ้มเฒ่า - [ 27 พ.ค. 52 15:25:10 ]

ความคิดเห็นที่ 2 อันนี้ไม่ได้เอามาเพื่อ + หรือ - กับเรื่องนี้นะครับ ไว้เตือนใจเฉยๆ พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้แก่ชาว "กาลามะ" ที่แคว้นโกศล ถึงความเชื่อที่อาจจะทำให้ผิดพลาดได้ ๑๐ ประการ ดังนี้ "ดูก่อนกาลามะทั้งหลาย ท่านทั้งหลาย พึง.. ๑.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่ได้ยินแล้ว ๒.อย่าได้ยึดถือตามถ้อยคำที่สืบ ๆ กันมา ๓.อย่าได้ยึดถือโดยตื่นข่าวว่า "ได้ยินว่าอย่างนี้" ๔.อย่าได้ยึดถือโดยอ้างตำรา ๕.อย่าได้ยึดถือโดยนึกเดาเอาเอง ๖.อย่าได้ยึดถือโดยคาดคะเน (อนุมาน) ๗.อย่าได้ยึดถือโดยตรึกตามอาการ ๘.อย่าได้ยึดถือโดยชอบใจว่า ต้องกับทิฏฐิของตน ๙.อย่าได้ยึดถือโดยเชื่อว่าผู้พูดเป็นผู้สมควรเชื่อถือได้ (เพราะอาจผิดทั้งคู่ก็ได้) ๑๐.อย่าได้ยึดถือโดยความนับถือว่าสมณะนั้นเป็นครูของเรา (ครูอาจารย์ก็อาจคิด) จากคุณ : มิ้มเฒ่า - [ 27 พ.ค. 52 15:27:45 ]

ความคิดเห็นที่ 3 รู้จักแต่ CT scan ค่ะ ยังไม่ค่อยชัวร์เลยต้องอาศัยตรวจเพิ่มอย่างอื่นอีก จากคุณ : พานา (panorex) - [ 27 พ.ค. 52 15:46:13 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ขอออกความคิดเห็นดังนี้ครับ เรื่องนี้จะจริงหรือไม่ สิ่งที่ดีที่สุดคือการใช้กาลามสูตร ซึ่งวิธีประยุกต์ใช้กาลามสูตรที่ดีที่สุด คือ การพิสูจน์นั่นเอง ขอเสนอแนะดังนี้ วิธีหนึ่งที่จะทดสอบว่าเขาสแกนกรรมได้จริงหรือไม่? เราอาจจะถามเขาง่ายๆ ถึงเรื่องที่เพิ่งผ่านมาเมื่อวานของเรา เช่น เราทำอะไรเมื่อวาน, ใส่เสื้อสีอะไร, ไปไหนกับใคร, กินอะไรตอนเช้า เป็นต้น หรือถามถึงการกระทำในวันที่เท่านั้นปีนั้นที่เราจำได้ดูว่าเขาตอบถูกหรือเปล่า? หากเขาตอบถูกโดยที่ไม่ได้รู้จักเรามาก่อน ก็น่าเชื่อว่าเขามีญาณรู้อดีตของเราได้จริงครับ แต่หากเขาบอกไม่ถูก บอกได้แต่อดีตชาติเท่านั้น อาจจะเป็นไปได้ว่าเขาไม่ได้ญาณจริงก็ได้ครับ เพราะหากอดีต คือ เมื่อวานเพิ่งผ่านมา หรือวันก่อนในชาตินี้ไม่สามารถบอกได้ สิ่งที่ไกลกว่านั้นชาติก่อนๆ บอกมาอาจจะจริงหรือเปล่าไม่ทราบได้ครับ (ความคิดเห็นส่วนตัว) แต่ที่บอกวิธีไปนี้ไม่ได้ให้ไปอคติหรือให้ลองของใครนะครับ แต่เราควรใช้กาลามสูตรให้มากครับ ขอให้เจริญในธรรม แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 15:53:20 จากคุณ : ศิรัสพล - [ 27 พ.ค. 52 15:50:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 ตัวเองไม่เชื่อเรื่องแสกนกรรม แต่เชื่อเรื่องกรรม ไม่เชื่อเรื่องแสกนกรรม แต่สนใจเรื่องเหตุและผลของกรรม บางทีก็อยากรู้กรรมตัวเองบ้างตามประสาปุถุชน แต่ให้ไปต่อคิวคงไม่ต่อ เพราะแค่เห็นออกทีวีก็คิดว่าคงไม่ใช่ทาง แต่สำหรับยุคนี้สมัยนี้ ถ้าวัยรุ่นอ่านเล่มข้างบนเพราะอยากแสกนกรรม หรืออ่านแล้วเชื่อเรื่องกรรม ก็คงดีกว่าเข้าแคมฟรอก สร้างเวรสร้างกรรมนะคะ สาธุ เรามันยังเป็นบัวปริ่มๆ น้ำเล้ย..... จากคุณ : chaosy - [ 27 พ.ค. 52 16:26:25 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ผมเชื่อในเรื่องกรรม ผมเชื่อว่าผมมีกรรมเป็นตัวกำหนดวิถึชีวิตของผม ทั้งอดีตและปัจจุบัน แต่ผมไม่เชื่อว่าใครจะมารู้เห็นกรรมของผม ทั้งชาติก่อน ชาตินี้ และชาติไหน ๆ ครับ. จากคุณ : เจียวต้าย - [ 27 พ.ค. 52 16:53:02 ]

ความคิดเห็นที่ 7 คันปาก ขอตอบคห6 นะครับ แต่ผมไม่เชื่อว่าใครจะมารู้เห็นกรรมของผม ทั้งชาติก่อน  ชาตินี้ และชาติไหน ๆ ครับ. ลืมไปแล้วเหรอ อย่างน้อยๆก็มีท่านนึงครับ องค์สมเด็จพระสัมมาสุมพุทธเจ้างัย ^_^ จากคุณ : มิ้มเฒ่า - [ 27 พ.ค. 52 17:00:32 ]

ความคิดเห็นที่ 8 http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7901181/Y7901181.html มีใครอ่าน เนชั่น เรื่อง สแกนกรรม นายก บ้างค่ะ ... ในการเผยแพร่ข้อมูลที่ online เช่นนี้ คงจะกล่าวอะไรมากไม่ได้ คงจะกล่าวได้เพียงข้อเท็จจริงสั้นๆ เท่านั้นว่า มีผู้แต่งหนังสือฉบับหนึ่งได้กล่าวว่า ตนไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันและนับถือหลวงพ่อจรัญมาก ถ้าใครไปปฏิบัติธรรมที่วัดอัมพวันในช่วงหลังๆ จะทราบว่าผ้ดูแลก็จะกล่าวว่า หลังจากออกทีวี คุณคนนั้นก็ไม่เคยมาวัดอีกเลย !!! ในปัจจุบันมีคนไปวัดอัมพวัน แต่ไม่ใช่ไปกราบทำบุญกับหลวงพ่อจรัญ แต่ไปเพื่อมาหาอาจารย์ท่านนึงให้ช่วยดูกรรม ? ... ขอฝากข้อคิดของหลวงพ่อจรัญไว้ว่า "ของจริงเป็นนิ่งใบ้ พูดไม่ได้" ( ของจริงนิ่งเป็นใบ้ ของพูดได้ไม่จริง ) เจริญในธรรม ป.ล. Edit แก้ไขบางส่วนคับ จากคุณ : Radiant, Archangel - [ 27 พ.ค. 52 17:07:07 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นด้วยกับ ความคิดเห็นที่ 8 จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 27 พ.ค. 52 17:13:35 ]

ความคิดเห็นที่ 10 แต่ตามความเชื่อทางศาสนาบางอย่าง(ที่ผมไม่เชื่อ) บอกว่าเรื่องนี้มีคนทำได้ เช่นผู้มีณาน หรือบรรลุแล้ว บางคนจึงเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มีจริง แต่ในกรณีนี้นั้น คนส่วนใหญ่รวมถึงในห้องนี้ ไม่เชื่อในตัวคนที่ออกมาบอกว่าตัวเองสแกนได้...สรุปคือคนส่วนใหญ่ไม่เชื่อในตัวบุคคลแต่ยังเชื่อในหลักการอยู่ ...ส่วนผมไม่เชื่อเลยว่ามันมีจริง จากคุณ : siam starlian - [ 27 พ.ค. 52 17:32:50 ]

ความคิดเห็นที่ 11 คนที่ทำได้จริงเค้าไม่คิดค่าครู หรือค่าดำเนินการหรอกครับ มีแต่ของปลอมเท่านั้น ที่คิด  ไม่ว่าจะ 500 หรือ 1,000 นั่นคืออาชีพ อาชีพหนึ่งเท่านั้น เพราะมีค่าจ้าง  (ภาษาศาลรัฐธรรมนูญ) ถ้าไม่มีค่าจ้างก็ไม่ทำ  แสดงว่าจิตใจไม่ได้เจตนาช่วยคนจริงๆ จิตใจต้องการเพียงแค่ ค่าจ้างเท่านั้น จากคุณ : อ้ายเซียงจ่อย - [ 27 พ.ค. 52 18:55:05 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าเจ๋งเหมือนในเรื่อง Dead Zone ก็น่าสนใจกว่าค่ะ   รู้สึกว่าการมองเห็นอะไรๆ ของคนอื่นในอดีตกับอนาคต พี่ไทยกับฝรั่งจะมอง เห็นคนละประเด็นกัน จากคุณ : พยัคฆ์น้อย - [ 27 พ.ค. 52 22:24:17 ]

ความคิดเห็นที่ 14 โดยส่วนตัวผมคิดว่าดีนะ อย่างน้อยก็ทำให้คนที่คิดเลวทำเลวหันเปลี่ยนมาทำความดีเพิ่มขึ้น จะได้ไม่ทำชั่วให้เกิดกรรมขึ้นอีก และที่ต้องคิดราคาก็เพราะอาจมีบุคคลที่อิจฉาไม่หวังดีแอบแฝงเข้ามาลองของ ถ้าไม่คิดราคาตามมาตรฐานหรือแล้วแต่จะให้ก็จะมีบุคคลพวกนี้แฝงเข้ามาสร้างความวุ่นวายให้ อย่างน้อยถ้าทำให้สังคมดีขึ้น การก่ออาชญากรรมน้อยลง คนหันมาสร้างกรรมดีมากขึ้น ผมว่าน่าสนับสนุนนะ ส่วนใครไม่เชื่อก็ไม่ต้องไปดูเท่านั้นเอง อยู่กับบ้านเฉยๆสบายใจกว่า ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วตัวเองก็ไม่เดือดร้อนด้วย แก้ไขเมื่อ 27 พ.ค. 52 22:28:01 จากคุณ : น้ำพริกลงเรือ - [ 27 พ.ค. 52 22:26:09 ]

ความคิดเห็นที่ 15 คุณศิรัสพล คคห. 4  แล้วเขาจะยอมบอกเหรอ  บอกออกมาก็รู้กันหมดสิว่าเขาไม่แม่น       จากคุณ : Smiling-girl - [ 27 พ.ค. 52 23:25:49 ]

ความคิดเห็นที่ 16 คห12 ที่ว่า "สาวกสมณะโคดม อย่างพวกคุณ นี่ถ้าจะสนใจใฝ่ศึกษา ในเรื่องของ ป่าแห่งอวิชชา และ  ใบไม้นอกกำมือ จังแฮะ" งง? อธิบายดีครับ จากคุณ : มิ้มเฒ่า - [ 28 พ.ค. 52 02:54:03 ]

ความคิดเห็นที่ 17 การรำลึกชาติกำเนิดของตนเอง ของคนอื่นเป็นเรื่องปกติของผู้มีญาณ พระผู้มีญาณระดับนี้ ท่านมักอยู่เงียบๆ ส่วนคนปรกติอ้างว่าเป็นผู้มีญาณ รับจ้างสแกนกรรมหลอกเอาเงินชาวบ้าน เป็นเรื่องของการทำมาหากิน..ครับ แม้แต่เรื่องแบบนี้ยังมีคนหลงเชื่ออยู่มาก.. Top 10 สิ่งที่ไม่ควรค่าแก่การกราบไหว้บูชาในประเทศไทย http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X7902350/X7902350.html จากคุณ : zakai - [ 28 พ.ค. 52 08:21:36 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เรื่องการรู้ว่าเคยทำกรรมอะไรมาก่อนนั้น ก็เป็นวิชาตามที่พระพุทธเจ้าได้กล่างถึงในพระไตรปิฎก คนที่เคยฝึกญาณมามากพอก็สามารถทำได้ไม่ใช่เรื่องแปลก และแม้แต่คนที่เกิดในยุคที่ไม่มีพุทธศาสนาก็ทำได้ หากฝึกฝนมากพอ ฉะนั้นคุณเอ๋และคนอื่นๆ อาจะจะทำได้จริงๆก็ได้ หรืออาจจะทำไม่ได้ก็ได้ ซึ่งประเด็นนี้เป็นสิ่งที่เราไม่ทราบและไม่ควรวิจารณ์ แฟนผมเคยอยากไปดู ผมบอกว่า หากเรารู้ว่าเราเคยทำกรรมอะไร  สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำบุญ ละบาป ทำจิตใจให้ผ่องใส แม้หากเราไม่รู้ว่าเราเคยทำกรรมอะไร สิ่งที่เราต้องทำก็คือ ทำบุญ ละบาป ทำจิตใจให้ผ่องใส อยู่ดี ฉะนั้นจะรู้หรือไม่รู้สิ่งที่ทำก็เหมือนเดิม แถมรู้แล้วจิตใจอาจจะแย่ลงเพราะไปยึดกับกรรมเก่าที่ได้ทำ เราจึงได้ข้อสรุปว่า วางอุเบกขากับเรื่องสแกนกรรม(และอะไรที่คล้ายๆกัน) เพราะเราไม่รู้ว่าเขาทำได้จริงหรือไม่ หากเขาทำได้จริงเราก็จะบาป แล้วมาทำบุญ ละบาป ทำจิตใจให้ผ่องใส จบข่าว.... จากคุณ : nipana - [ 28 พ.ค. 52 14:50:31 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ของจริงของแท้ต้องฟรีครับ ต้องให้ด้วยความเมตตาไม่หวังสิ่งใดๆตอบแทน พระพุทธเจ้าทรงให้ธรรมแก่ชนทุกเหล่าชั้นวรรณะด้วยความเมตตาไม่เคยหวังสิ่งใดๆตอบแทนเลยครับ จากคุณ : swinger (swinger) - [ 28 พ.ค. 52 22:02:29 ]

ความคิดเห็นที่ 21 ชอบคห20 ครับ จริงๆยอมรับว่าตนเองก็อยากไปดู ว่าจะยอมเสียเงิน 500 บาท หรือมากกว่านั้นไปต่อคิวดู พออ่านข้อความจากเพื่อนๆเลยท่าน รู้สึกดีขึ้นมากเลยครับ ไม่จำเป็นต้องไปดูก็ได้ ผมว่าต่อให้เราไม่รู้ว่าเจ้ากรรมนายเวรเป็นใคร? เราเคยไปทำร้ายทำลายอะไรเขา? **** ถ้าใจเราตั้งใจอุทิศบุญให้เขาจริงๆ เรายึดในศีลธรรมจริงๆ ผมว่าเขาจะเข้าใจเราเอง **** ถ้าการต้องรับรู้เจ้ากรรมนายเวรสำคัญจริงๆ เกิดมาคงไม่ต้องลืมให้หมด ที่เกิดใหม่แล้วลืมเรื่องในอดีตชาติหมด ผมว่าก็เพื่อไม่ให่ไปผูกติดกับสิ่งเก่า ให้เรามีโอกาสเริ่มต้นใหม่นั่นเอง ชอบคห20 มาก เป็นเรื่องจริงพระพุทธเจ้าท่านทำนายผู้ใด ท่านก้ไม่เคยจะเก็บเงินเลย ท่านให้ด้วยเมตตา และแถมปัญญาให้ผู้ฟังด้วย ขอบคุณมากครับที่เตือนสติผม.... จากคุณ : มิ้มเฒ่า - [ 29 พ.ค. 52 09:22:48 ]

ความคิดเห็นที่ 22 เรื่องที่ว่ากัน... -จะสแกนได้จริงหรือไม่ เห็นจริงหรือไม่ ที่เธอเห็นเป็นกรรมหรือวิบากไม่แน่ชัด(เพราะสับสนกันเสมอระหว่างกรรมกับวิบาก) สิ่งที่เห็นจะเป็นความจริงหรือไม่...มันไม่ใช่สิ่งสำคัญ ความจริง..... -กรรมเป็นสิ่งที่ได้ยุติและดับไปแล้ว เหลือแต่ผลแห่งกรรมคือวิบากเท่านั้น วิบากเป็นผลของกรรม แก้ไม่ได้ ทำอย่างไรได้อย่างนั้น มีทางเดียวสร้างกรรมขาวให้มากและเข้มข้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอไหว แต่ถ้าเรื่อยเปื่อยไปถึงการ "แก้กรรม " สวดมนต์บรรเทากรรม หรือไปจัดการใดใดกับกรรม(ซึ่งคือวิบาก)ได้ เป็นเรื่องโกหกและวิปลาศ ไม่ใช่คำสอนของพระศาสดาครับ ผู้รู้ย่อมไม่เป็นเหยื่อของพวกนอกลูนอกทางเหล่านี้  ....สาธุ จากคุณ : สามก้อนเส้าเตาก้อนหิน (เตาฟืน) - [ 29 พ.ค. 52 10:53:17 ]