ความคิดเห็นที่ 1 ถือศีล 5 แล้วฝึกเจริญสติครับ   ปล. ยืมคำตอบคุณ Kengmanny กระทู้ข้างล่างมา ^_^ จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named - [ 3 มิ.ย. 52 03:13:57 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ศีล 8 ครับ ปฎิบัติธรรม จากคุณ : KornM - [ 3 มิ.ย. 52 04:58:35 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ใครว่าสื่อไม่มีผลผมว่าไม่จริง เด็กที่พ่อแม่เป็นยังไงลูกก็มักจะเป็นแบบนั้น โอเคอาจไม่ 100% แต่ก็เยอะละกัน เด็กสมัยนี้เปิดทีวีมาเจอแต่ตุ๊ดแต่เกย์ ไปโรงหนังก็เจอแต่หนังตุ๊ดหนังเกย์ แถมประกวดตุ๊ดเวทีนั้นเวทีนี้ จนการเป็นตุ๊ดเป็นเกย์เป็นเรื่องปกติและน่าส่งเสริมไปซะแล้ว จากคุณ : bigcy - [ 3 มิ.ย. 52 05:14:39 ]

ความคิดเห็นที่ 4 แนะนำให้พิจารณาอสุภะกรรมฐาน (การพิจารณาซากศพ ลองหาใน Google) ครับ กรรมในอดีตของเพศที่สามมักจะเป็นตัวผลักดันหรือเป็นเหตุปัจจัยให้เขาเหล่านั้นทำผิดศิลข้อ 3 หรือเรื่องเกี่ยวกับทางเพศไปเรื่อยๆในชาติต่อๆไปไม่มีที่สิ้นสุด เช่นการไปรักหรือไขว่คว้าคนที่มีเจ้าของแล้ว หรือหาวิธีบำบัดความใคร่ที่ผิดศิลข้อ 3 ทำให้ทำผิดศิลสะสมไปเรื่อยๆ ไม่สิ้นสุดเสียที ดังนั้นการละเรื่องกามอย่างเด็ดขาดเพื่อตัดวงจรนี้น่าจะเป็นวิธีที่ดีครับ เพราะกามตันหานี่ล่ะเป็นศัตรูตัวฉกาจที่คอยขัดขวางการบรรลุมรรคผล ในจักรวาลนี้คนที่ละกามตันหาได้มีแต่อริยะบุคคลระดับอนาคามีกับพระอรหันต์เท่านั้นครับ จะเป็นการดีไม่น้อยถ้าเราทำอสุภะกรรมฐานจนเห็นไตรลักษณ์ แล้วเราก็จะไม่ทำผิดศิลข้อสามอีก ชาติหน้าหรือชาติต่อไปถ้าเราต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดอีก กรรมไม่ดีที่เกิดจากการผิดศิลข้อสามก็อาจให้ผลไม่ทัน กรรมดีทั้งหลายก็อาจจะส่งผลให้เรามาเกิดเป็นชายจริงหญิงแท้ก็ได้ครับ จากคุณ : Shoe_Shine - [ 3 มิ.ย. 52 07:24:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 กรีก โรมัน เมโสโปเตเมีย ผิดผัวเมีย เริ่มมี เพศที่สาม มันเป็นกรรม จนมาสู่ ยุคเรืองนาม โลกา-ภิวัฒน์หวาม ลามโลกีย์ ธรรมชาติ ไม่มี กระเทยดอก มนุษย์กรอก กิเลสกาม ลามภูติผี สะดีดดิ้ง สะอิ้งชาย หมายโลกีย์ เป็นขัณฑี ทั้งชีวิต และจิตตน มีเพศสาม ก็มี สี่ห้าหก น่าตลก โปกฮา ทุกแห่งหน ผิดเพศไป ก็ดุจกาม หยามเหยียดตน ผิดเพศคน องค์ธรรมะ ละจากไป อย่าแก้ไข อะไร ในโลกนี้ มันต่ำชี้ มันตื้นเขิน เกินแก้ไข คนบูชา ซึ่งแสงเสียง วัตถุไฟ กิเลสใจ จิตอย่าเพี้ยน เปลี่ยนกับมัน จากคุณ : ธนะรัตน์ เอ็กโซติก - [ 3 มิ.ย. 52 08:16:18 ]

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องกรรมเป็นเรื่องซับซ้อนมากมาย คนที่กำลังรับกรรมจะเข้าใจดีว่ามันทุกข์ทรมานมากน้อยแค่ไหน เวลาคนที่กำลังเสวยเคราะห์กรรม อาจจะพอมีคนอื่นช่วยได้บ้าง หรือช่วยไม่ได้บ้างก็แล้วแต่กรรมของแต่ละคนที่เคยทำเอาไว้ กรรมจะหมดไปตามวาระ และวาระเท่าไหร่ก็ไม่อาจรู้ได้ เช่นบางคนเกิดมาตาบอด และไม่รู้ว่าเมื่อตายไปแล้วเกิดใหม่จะตาบอดอีกหรือเปล่า หรือว่าจะหายตาบอดแล้ว   กรรมเกิดได้ จากการกระทำของคนที่เกิดจากเจตนา เจตนาดีก็เป็นกรรมดี เจตนาร้ายก็เป็นกรรมร้าย กรรมทุกชนิดเมื่อเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหาวิธีบรรเทากรรมนั้นๆไป กรรมบางอย่างบรรเทาได้บ้าง กรรมบางอย่างบรรเทาไม่ได้เลย  และสิ่งที่ดีที่สุดคือ ทำกรรมใหม่ให้เป็นกรรมดี ละกรรมไม่ดีทั้งปวงเสีย เมื่อใช้กรรมเก่าหมดแล้วกรรมใหม่ที่ชดใช้จะมีแต่ความสุขกายสบายใจ http://phaputtatad.tripod.com/data/dhamma1.html จากคุณ : รักดี - [ 3 มิ.ย. 52 09:21:44 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เป็นผลมาจากการผิดศีล ข้อ 3 กาเมสุมิจฉาจารา ผลอย่างหนัก ทำให้ไปเกิดในนรกขุมที่ 3 ผลอย่างกลาง เกิดเป็นสุนัข ผลอย่างเบา เกิดเป็นมนุษย์ขายประเวณี เป็นกระเทย หรือพวกเพศที่ 3 จากคุณ : locomotion - [ 3 มิ.ย. 52 09:30:10 ]

ความคิดเห็นที่ 8 ผมว่า ความคิดแรกที่ควรจะสร้างให้เกิดขึ้นมีในจิตใจคือ ต้องไม่ระทมกับรสนิยมทางเพศของตัวเอง จากคุณ : Fluorine - [ 3 มิ.ย. 52 09:56:11 ]

ความคิดเห็นที่ 9 ทำทาน รักษาศีล ภาวนา อย่างจริงจังโดยเฉพาะศีล รักษาไว้ไม่ให้ขาด ถึงแม้ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจบรรลุธรรมในชาตินี้(กล่าวไว้ชัดในพระไตรปิฏก) แต่ผลที่จะส่งให้ชาตินี้ชีวิตเป็นสุขขึ้นมีแน่นอน ส่วนชาติหน้าด้วยกุศลที่ทำคงไม่ต้องทนทุกข์แบบนี้อีก  ชาติก่อนผิดศีล ชาตินี้ก็แก้ด้วยรักษาศีล     ที่สำคัญอย่าหลอกตัวเองและผู้อื่นด้วยการบวชเป็นพระ  จะได้บาปหนักไปอีก เพราะพระพุทธเจ้าห้ามคนเหล่านี้บวช   ก็ต้องยอมรับว่าบวชไม่ได้   แต่ถึงบวชไม่ได้ก็ทำทาน รักษาศีล ภาวนาได้เหมือนกัน จากคุณ : omeg - [ 3 มิ.ย. 52 10:41:12 ]

ความคิดเห็นที่ 10 หลวงพ่อ จรัญ เคยสอนว่า ถือศีล และเจริญกรรมฐาน อาจแก้ไขได้ครับ ความจริงท่านก็มีตัวอย่าง แต่ตัวอย่างของท่านก็ไม่สำเร็จ เพราะเจ้าตัวเขาไม่ทำ คือเลิกราไป อย่างไรก็ตาม ในแง่มนุษย์ชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นธรรมดา เหมือนกันทั่วไป ผมถือว่าเขาก็ เท่า หญิงชายจริง ทุกประการ ครับ เพียงแต่สังคมเรา บางส่วนไม่ยอมรับ ทำให้มีปัญหานิดหน่อย แต่ถ้าใจเขารับได้ โอเค เขาก็เหมือนเรา ก็ไม่ทุกข์ครับ สังคมที่ผมอยู่ ยอมรับ และให้เกียรติ ก็ไม่มีปัญหาครับ จากคุณ : จักรแก้ว - [ 3 มิ.ย. 52 11:03:30 ]

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าคุณเรียกเพศที่สามว่า ... อาการทางจิต ...โรคจิต เพียงแต่เป็นแบบที่ยังอยู่ร่วมในสังคมได้ ไม่ใช่แบบสมัยนี้ เกย์อิน ทอมดี้แฟร์ชั่นทันเทรนด์ มันจะง่ายกว่ามั๊ยครับ สมัยก่อนสังคมรังเกียจคนเหล่านี้ ต่อมาด้วยความปราณีจึงให้การยอมรับ แต่คนตามอารมณ์เกินเหตุพวกนี้เมื่อได้รับก็ตระกรามมากขึ้น ... ถามจริงๆ ... คนเรามีกี่เพศกันแน่ กว่านั้นมันก็แค่โรตจิตนั่นแหละครับ แง่บๆ * เพิ่มเติม .. เพศโดยหน้าที่พื้นฐานคือการสืบพันธุ์ แล้วค่อยขยายมาเป็นหน้าที่ในสังคม หากยอมรับว่าเกิดมีเพศที่สามขึ้น ไอ้เจ้าเพศที่ว่าตามธรรมชาติเนี่ย มันสืบพันธุ์ได้มั๊ยครับ ? แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 13:59:48 จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 3 มิ.ย. 52 11:41:27 ]

ความคิดเห็นที่ 12 เพียงแค่คุณคำนึงคิดถึงเพศตรงข้ามหรือเพศเดียวกัน เพียงเท่านี้แล้วก็เป็นกรรมที่จะนำไปสมทบ ให้ตัวเองเกิดมาเป็นเพศที่สามในชาติต่อๆไปได้แล้วครับ  โหดจิงๆ ถ้าอย่างนี้ ทุกคนส่วนมาก ต้องชดใช้กรรมกันเกือบทุกคนเลยหรือนี่ เพียงแค่คิดคำนึง ไม่มีน้ำหนักมากพอที่จะส่งผลให้เกิดผลในชาติต่อๆไปครับ ต้องเป็นที่สิ่งที่กระทำผิดซ้ำๆ ย้ำลงไป เช่น เกิดมาเป็นชายเบี่ยงเบน แล้วไปผิดสามีคนอื่นซ้ำเข้าไปอีก พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า "สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นแดนเกิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์" นั่นหมายถึง กรรมใดที่เราทำ ย่อมเป็นเหตุให้เราได้เกิดในสถานะที่จะรับผลของกรรมเก่าครับ หากเป็นกรรมดี ก็ได้สถานะดี หากเป็นกรรมไม่ดี ก็ได้สถานะไม่ดี ดังนั้นเมื่อกรรมเก่าส่งผลให้เกิดมาเบี่ยงเบนเต็มที่แล้ว และสืบเนื่องจากนิสัยในอดีตชาติ จะเป็นผลสืบเนื่องมาถึงปัจจุบันด้วย ถ้ายังเลือกที่จะดำเนินรอยทางเก่า ผิดศีลข้อ 3 ต่อไป ก็ย่อมได้ผลลัพธ์เก่าๆอยู่ดี เหมือนปลูกข้าว ถ้าปลูกด้วยเมล็ดพันธ์เดิมๆ สภาวะแวดล้อมเดิมๆ ก็ย่อมได้ผลดังเดิมครับ แต่หากเกิดมาเบี่ยงเบนแล้ว เลือกที่จะกลับตัวกลับใจเสียใหม่ ไม่ยอมย้อนรอยเก่าที่เคยพลาด กรรมใหม่ก็จะส่งผลให้ได้อัตภาพใหม่ๆขึ้นมา เอาแค่ในชาตินี้ ก็จะเห็นความหนักแน่นของจิตใจมากขึ้น ซึ่งความหนักแน่นของจิตใจอันไม่โลเลนี้เอง เป็นลักษณะแห่งบุรุษครับ หากได้สร้างกรรมอันเป็นเผ่าพันธ์แห่งบุรุษจนหนักแน่นพอแล้ว เมื่อเกิดใหม่ ก็ย่อมได้อัตภาพอันเป็นที่รองรับแห่งสถานะของบุรุษอย่างเต็มภาคภูมิครับ =========================================   ท่านผู้อ่านนั่งหลังตรงหรือไม่ หายใจออกหรือเข้า สั้นหรือยาวครับ? ========================================= จากคุณ : Maxymillion (Maxymillion) - [ 3 มิ.ย. 52 14:04:59 ]

ความคิดเห็นที่ 13 อย่าไปสนกรรมมันสิครับ กรรมบางอย่างเราแก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้แต่ยอมรับซะ กรรมไหนแก้ได้ก็แก้ไป จะเพศไหนๆกิเลสตัวเดียวกันทั้งนั้น ตัดกิเลสลงซะบ้าง ก็จะบรรเทาทุกข์ลง จากคุณ : mwmvdoc - [ 3 มิ.ย. 52 15:23:03 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าใช้หลัก ทวิภาวะ (Dualism) ที่ใช้กันในมายาศาสตร์อินเดียและจีน น่าจะช่วยให้เข้าใจง่ายขึ้นค่ะ ทวิภาวะ หรือ หญิง-ชาย จีนเรียก หยิน-หยาง เป็นภาวะคู่ ซึ่งมีในทุกๆ สิ่งทั้งสิ่งที่มีชีวิต และไม่มีชีวิต เพราะเป็นธาตุของสิ่งที่เป็นคู่ตรงข้ามกัน เช่น เย็น (หญิง-หยิน) ตรงข้ามกับร้อน (ชาย-หยาง) มืด (หญิง-หยิน) ตรงข้ามกับสว่าง (ชาย-หยาง) ฯลฯ สิ่งที่เป็นคู่ตรงข้ามกันนี้ ต้องอยู่ร่วมกันอย่างผสมกลมกลืนกัน จึงจะก่อรูปขึ้นเป็นสิ่งต่างๆ ในโลกนี้ และมีการพัฒนา, เปลี่ยนแปลง เจริญขึ้นได้ คนเราก็เช่นกัน แม้ตัวจะเกิดขึ้นมาเป็น ช. แต่ธาตุหลักของแต่ละคนนั้น มีทั้ง ช. และ ญ. คือมีทั้ง หยาง และ หยิน ถ้ามีแต่หยางอย่างเดียว ไม่มีทางเกิดมาเป็นคนได้หรอกค่ะ เป็นไปไม่ได้ตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว ต้องมีทั้งสองอย่างนี้ประกอบกัน ถึงเกิดมาเป็นคน และเจริญเติบโตได้ ทีนี้ มันก็มีหลักอยู่แค่ว่า ถ้า ช. คนนั้น มีความเป็นหยางทั้งในกาย และจิต มากกว่าหยิน เค้าก็เป็นแมนตามแบบ ช.ทั่วไป ตามที่สังคมยอมรับกันเท่านั้นเอง แต่ ช.คนไหน ที่มีหยิน มากกว่าหยาง ก็อาจเป็นไปได้ทั้ง ช. ที่เรียบร้อย สุภาพ นิ่มๆ ไม่ค่อยจะเป็นแมนเท่าไหร่ จนกระทั่งเป็นไปได้ถึงเกย์คิง เกย์ควีน กะเทย แล้วแต่ระดับความอ่อนแก่ของหยินที่มีมากกว่าหยาง เช่นเดียวกัน ในตัว ญ. หนึ่งคน ก็ต้องมีทั้งหยินและหยาง ถ้าหยินมากกว่า เธอก็เป็นหญิงตามที่สังคมยอมรับ ถ้าหยางมากกว่า เธอก็เป็นหญิงห้าวๆ แข็งๆ ไม่เป็นแม่บ้านแม่เรือน ถ้าหยางแรงมาก เธอก็เป็นทอม เป็นเรื่องธรรมชาติ ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติ และไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมานั่งวิตกกังวล หรือเอามาใช้กล่าวหากันว่า คนที่มี "ธรรมชาติ" ผิดจากที่สังคมหรือศาสนาใดศาสนาหนึ่งยอมรับนั้น เป็นโรคจิต หลักทวิภาวะ แสดงให้เห็นอยู่แล้วว่า "สมมุติ" ที่พวกเราตั้งกันขึ้นมาว่า ชาย หญิง นั้น เป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามธรรมชาติ เพราะอย่างที่บอกแล้ว ทุกคน ทุกชีวิต มีความเป็น ช และ ญ อยู่ในตัว ธรรมชาติกำหนดมาอย่างงั้น แล้วก็กำหนดมาด้วย ว่าใครจะมีภาวะของ ช และ ญ หรือ หยาง-หยินในตัวอ่อนแก่แค่ไหน ดังนั้น คนเราจะยึดมั่นถือมั่นใน "สมมุติ" หรือ "เพศ" ของคนเราด้วยกันเองยังไง ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นอยู่กับศาสนา และวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติ ถ้าเป็นศาสนาที่เข้าใจในธรรมชาติ เค้าก็จะไม่ให้ความสำคัญกับ "สมมุติ" ตรงนี้มากนัก เพราะว่าในธรรมชาติ ชาย หญิง และเพศที่สาม ไม่มีอะไรแตกต่าง จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 4 มิ.ย. 52 01:41:05 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผิดเพศ แต่ไม่ผิดใจ นะย่ะ อิอิ จากคุณ : น้องนิดหน่อย - [ 4 มิ.ย. 52 06:41:51 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เกย์ เป็นความชอบ มากกว่าเป็นเรื่องกรรม ถ้าเป็นเกย์ ในบางประเทศ เช่น อัฟ.... นั่นเป็นกรรมของแท้เลย จากคุณ : คุณฟิน - [ 4 มิ.ย. 52 06:52:19 ]

ความคิดเห็นที่ 18 เป็นเกย์ ไม่ใช่เรื่องของกรรมหรอก ที่เป็นกรรม คือมาการที่เป็นเกย์แล้วอยู่ในประเทศโลกที่มีพวกเหยียดเพศที่สามต่างหาก อันที่จริงการเป็นเกย์ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ กลับกันคนที่ออกอาการ homophobia ต่อต้านเกย์ โทษเรื่องการเลียนแบบ คนพวกนี้มีปมในจิตใจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คนเหล่านี้ต่างหากที่ผิดปกติ เป็น mental illness จากคุณ : damn cold night - [ 5 มิ.ย. 52 01:25:27 ]

ความคิดเห็นที่ 19 เผอิญ ตื่นเร็วไปหน่อย เลยมาเล่นเน็ตฆ่าเวลาระหว่างรอลูกทัวร์ เห็นคุณ itoursab มาแก้ไขเพิ่มเติมไว้ใน ค.ห.๑๑ เป็นคำถามที่น่าสนใจค่ะ * เพิ่มเติม .. เพศโดยหน้าที่พื้นฐานคือการสืบพันธุ์ แล้วค่อยขยายมาเป็นหน้าที่ในสังคม หากยอมรับว่าเกิดมีเพศที่สามขึ้น ไอ้เจ้าเพศที่ว่าตามธรรมชาติเนี่ย มันสืบพันธุ์ได้มั๊ยครับ ? แก้ไขเมื่อ 04 มิ.ย. 52 13:59:48 จากคุณ : itoursab (itoursab)    - [ 3 มิ.ย. 52 11:41:27 ] ตอบในทรรศนะเราว่า สืบพันธุ์ไม่ได้ แต่คนเราไม่ได้เกิดมาในโลกใบนี้เพื่อจะเอาแต่ "สืบพันธุ์" อย่างเดียวแน่นอนค่ะ ถ้าจะวัดความเป็นคนกันที่ความสามารถในการสืบพันธุ์ อืมม์...ไม่หมกมุ่นไปหน่อยเหรอคะ เพศที่สาม ไม่ใช่เรื่องผิดธรรมชาติค่ะ เป็นสิ่งที่ธรรมชาติจัดสรรมาให้ เหมือนเพศชาย เพศหญิง ตามที่แต่ละวัฒนธรรมนิยามกันแหละค่ะ สิ่งที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ไม่มีอะไรผิดธรรมชาติเลยแม้แต่อย่างเดียว จริงๆ ค่ะ ^ ^ จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 5 มิ.ย. 52 04:14:47 ]

ความคิดเห็นที่ 20 #19 "ถ้าจะวัดความเป็นคนกันที่ความสามารถในการสืบพันธุ์ อืมม์...ไม่หมกมุ่นไปหน่อยเหรอคะฮ่าฮ่าฮ่า" เอิ๊กๆ พูดอย่างกับว่า เพศที่สาม(หากมี) ไม่ได้จบลงบนเตียงงั้นแหละครับ แถมมันผิดที่ผิดทางจนเกินเลย จับเอาแต่อารมณ์ไคร่ได้สำเร็จ ไม่ได้คิดว่ามีเซ็กส์ทำไมซะด้วยซ้ำ คำว่า "ผมรักคุณ เราทำกับเพราะเราอยากมีตัวเล็กๆ ด้วยกัน" เนี่ยรู้จักรึเปล่าครับ ก็ของมันไม่มีก็จะให้มันมี ของมีก็จะไม่ให้ไม่มี ปรุงแต่งกันทั้งนั้น... จนเกินเลย แง่บๆ ... ก็จากแค่คำง่ายๆ สืบพันธ์ เนี่ยแหละครับ ที่กลายมาเป็นกำหนดหน้าที่ ของสิ่งที่มีมาแต่กำเนิด เช่น..เพศชายต้องไปหาเลี้ยงดูหญิง เพราะ หญิงต้องเป็นฝ่ายเลี้ยงดูบุตร ชายต้องเป็นเท้าหน้าที่ไปไข่วคว้าและเสี่ยงเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว หญิงต้องเป็นเท้าหลังที่ใหญ่กว่าเพื่อเป็นหลักประกัน และฉุดรั้ง เป็นต้น ก็จากคำง่ายๆ ที่แตกแขนงได้มากมายแค่นี้ จึงไม่เห็นจะต้องไปปรุงแต่งหนีไปจากที่มี หลักทวิภาวะหยินหยางอย่างไรก็ยังวนภายในวง การหยิบหลักนั้นๆมาใช้จึงต้องอยู่ในขอบเขตด้วย ไม่ใช่หลุดขอบจากเพศที่ถูกกำหนดมาในเบื้องต้น คนมักจะเก็บเกี่ยวแต่อารมณ์ที่ตนพอใจ ก็เรียกว่าเจ้าอารมณ์ แล้วเจ้าอารมณ์มากจนเกิินจากสิ่งที่ตนมีก็เรียกเพ้อเจ้อ ไกลหน่อย ก็เรียกโรคจิต ... ที่สุดก็ บ้า ยอมรับว่ามันเป็นธรรมชาติจริงๆ ว่าอาการทางจิตชนิดหนึ่งละใช่ครับ เพียงแต่บุคคลประเภทนี้ก็ควรได้รับความสงสาร ยอมรับให้ใช้ชีวิตได้ในสังคมละใช่ และหากชี้นำให้กลับสู่้ทางปรกติได้ก็ดีกว่า เพราะยังไงเขาก็คนเหมือนๆ กัน ส่วนถ้าถามว่าทำไมถึงมีเยอะ มีคนยกตัวอย่างถึุงสมัยกรีกโน่น หลักๆก็คงมาจากคำว่า เชื่อใจ และ เข้าถึงง่ายกว่า เรื่องยาวครับ อันนั้น แง่บๆ จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 5 มิ.ย. 52 13:44:00 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ไม่วาเพศไหน ต่างก็มีความทุกข์ทั้งทุกข์ประจำเพศและทุกข์ทุกเพศอยู่ครับ ในที่นี่ จขกท. ว่าเฉพาะ เพศที่สาม ทำไมจึงเกิดมาแล้วบางคนโน้มเอียง ไปทางนั้นได้  คำตอบน่าจะมีสองส่วนครับ คือ ๑. เป็นวิบากมาจากอดีต ซึ่งเป็นเศษกรรมที่เคยทำผิดศีลข้อที่ ๓ แล้วมาส่ง ผลที่เหลือในปัจจุบัน     ๒. เป็นกรรมในปัจจุบันที่เขาสั่งสม ชอบ คบ เสพ จึงโน้มเอียงไปทางนั้นได้   วิธีแก้ที่พอบรรเทา นั่นคือ ทำทาน รักษาศีล  และเจริญภาวนา ทำทานเพื่อปรับพื้นฐานแห่งจิตใจให้โน้มเอียงมาสร้างความดี รักษาศีลโดยเฉพาะข้อสาม เพื่อสร้างเหตุให้จิตใจมั่นคงมีภูมิคุ้มกัน และเจริญภาวนา เพื่อให้จิตใจละตัวตนความรู้สึกทางเพศเบาบางลง แต่ข้อเสียของเพศที่สาม คือ ส่วนมากมีราคะกล้า  ซึ่งละลำบาก และทำให้ผมเชื่อว่าคนที่เกิดมาเป็นเพศที่ ๓ มีวิบากเพราะผิดศีลข้อที่สาม น่าจะเป็นจริง ด้วยสังเกตจากข้อนี้ประการหนึ่งด้วย... ขอให้เพื่อน จขกท.โชคดีครับ... จากคุณ : มีนัดกับผู้รู้ - [ 5 มิ.ย. 52 19:51:27 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ค.ห.๒๐ หลักทวิภาวะหยินหยางอย่างไรก็ยังวนภายในวง การหยิบหลักนั้นๆมาใช้จึงต้องอยู่ในขอบเขตด้วย ไม่ใช่หลุดขอบจากเพศที่ถูกกำหนดมาในเบื้องต้น ใครเป็นผู้กำหนดเพศในเบื้องต้นเหรอคะ ถ้าไม่ใช่ธรรมชาติ? ธรรมชาติเป็นผู้กำหนดนะคะ ว่าใครจะเป็นเพศอะไร เพศที่สามก็มาจากธรรมชาติกำหนดอีก ก็บอกแล้ว ว่าถ้าใช้หลักทวิภาวะ ก็จะเข้าใจได้ว่า ๑) ทุกคนมีทั้งชายและหญิงในตัว ธาตุใดอ่อนแก่ไปทางใด คนคนนั้นก็มีสภาวะอ่อนแก่ไปทางนั้น ไม่จำเป็นว่า ร่างกายเป็นชาย แล้วจิตใจ ความรู้สึกนึกคิด จะต้องเป็นชาย แบบที่คนเรามาปรุงแต่ง และ "สมมุติ" กันเอง ๒) การปรุงแต่ง และ "สมมุติ" กว่า ถ้าร่างกายเป็นชาย จิตใจต้องเป็นชาย ร่างกายเป็นหญิง จิตใจต้องเป็นหญิงเสมอไป เป็นเรื่องของศาสนาและวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติ เรื่องของเรื่องก็คือ อ่านไม่เข้าใจ แล้วก็ดันทุรังจะยัดเยียด "โรคจิต" ให้กับบุคคลอื่นที่คุณ itoursab เห็นว่า ไม่ตรงกับทิฐิ ความเชื่อ และวัฒนธรรมของคุณเอง ซึ่งในสายตาคนเหล่านั้น คุณ itoursab ก็คงหนีไม่พ้น "โรคจิต" เช่นกัน ที่กับแค่คนที่ทำอะไรแตกต่างจากความคิดของคุณ itoursab เท่านั้น ก็ถูกยัดเยียดความเป็น "โรคจิต" ได้ แถมยัง "หวังดี" ขนาดต้องไปแสดงความสงสาร และเมตตาชี้นำให้เค้ากลับไปสู่ความ "ปกติ" ซึ่งก็แค่ความเป็น "ปกติ" ในทรรศนะของคุณ itoursab ไม่ใช่ "ปกติ" ตามความเป็นจริงของธรรมชาติ เพียงแต่บุคคลประเภทนี้ก็ควรได้รับความสงสาร ยอมรับให้ใช้ชีวิตได้ในสังคมละใช่ และหากชี้นำให้กลับสู่้ทางปรกติได้ก็ดีกว่า เพราะยังไงเขาก็คนเหมือนๆ กัน บางที ในทางกลับกัน คนที่มีความคิดแบบ itoursab นั้นต่างหากค่ะ ที่ควรได้รับความสงสาร ยอมรับให้ใช้ชีวิตได้ในสังคม (ที่มีเพศที่สามปะปนอยู่) และควรได้รับการชี้นำให้กลับไปสู่ทางปรกติ (คือ เข้าใจในธรรมชาติตามที่เป็นจริง) จากคุณ : หนอนดาวเรือง - [ 5 มิ.ย. 52 23:43:49 ]

ความคิดเห็นที่ 24 #19 ได้เจ้าค่ะ ถ้า ผู้ฉิงคนนั้น เป็น กระเทยแท้ ----- โลกตามธรรมชาตินี้มีกี่คนเหรอครับ? ที่เหลือส่วนมาก ก็อย่างที่รู้ๆ ชายไปตัดทิ้ง ก็แค่ชายพิการ หญิงไปเติม ก็แต่คนมีเนื้องอก มันไม่ได้ทำให้ใคร กลายจากเพศหนึ่งไปอีกเพศหนึ่งได้ เพราะ.. มันไม่น่าจะใช่อาการทางจิตแต่อย่างไรเลย มันน่าจะเป็นเรื่องของความชอบมากกว่า นะ ----- แล้วไอ้ความชอบกับเรื่องทางใจ เนี่ยมันไม่ใช่เรื่องเดียวกันเหรอครับ ผมสับสนนะเนี่ย แง่บๆ แห่มถ้าได้แบบคุณว่านะ ผมก็ชอบนะรู้ตัวเสมอว่าเป็นเทวดา เสียว่าเกิดมาพิการ ปีกหายว่าจะไปต่อปีก (หึหึ... แล้วมันจะบินได้มั๊ยเนี่ย) แต่คิดอีกที ผมว่าผมชอบเป็นควายนะ ไม่ปวดหัวดี ว่าจะไปเสริมเขาให้ตัวเองเนี่ย เอิ๊กๆ ดังนั้นผมไม่ได้ไปบอกว่า ใครต้องกลับมาชอบแบบไหน แต่ถ้าถามผมว่ามองเค้าแบบไหน ก็นั่นหละ มุมมองของผม โรคจิตขนิดหนึ่งที่ยังอยู่ร่วมกันได้ในสังคม เพราะทุกคนก็มีความเป็นโรคจิตกันทุกคนอย่างละเล็กละน้อย มันเป็นเรื่องปรกติ จริงม๊ะ แง่บๆ อิฉัน มีแต่ ความชื่นชม จะให้คุณ เพราะ อย่างน้อย คุณก็เป็นคนกล้าหาญ พอที่จะเดินตามทางที่คุณเลือกที่จะไป ---------- คนเราควรปิดสิ่งที่ควรปิด และเปิดในสิ่งที่ควร หากรู้จักคำว่าละอาย สิ่งใใดควรละอาย จะเรียกความกล้ารึเปล่า คนสูบบุหรี่ส่วนมาก ไม่แนะนำให้ใครมาสูบเพิ่มหรอกครับ เพราะเรารู้ว่ามันไม่ดี และไม่อยากให้ใครมาทำตาม ก็เปรียบเทียบเอากับเรื่องการเรียกร้องทำนองนี้แล้วกัน เพราะคนมีโอกาสเขว แต่เราห้ามรึส่งเสริมละ? #23 ๒) การปรุงแต่ง และ "สมมุติ" กว่า ถ้าร่างกายเป็นชาย จิตใจต้องเป็นชาย ร่างกายเป็นหญิง จิตใจต้องเป็นหญิงเสมอไป [b]เป็นเรื่องของศาสนาและวัฒนธรรม ไม่ใช่เรื่องของธรรมชาติ[b] ------ อือ ตามสะดวกเลยครับ เมื่อศาสนาก็ไม่ถูก วัฒณธรรมก็ไม่ใช่ หึหึ หมดข้อโต้แย้ง หึหึ เชิญมีชีวิตอยู่โดยไร้ความเกี่ยวพันกับสองสิ่งนี้ตามแบบคุณเถอะครับ คำว่าทวิภาวะนั้น น่าจะแยกย่อยได้อีกนะครับ เช่น ชายจู้จี้ ขี้แย ก็เรียกว่ามีส่วนหนึ่งของนิสัยหญิง หญิงห้าว โผงผาง  ก็เรียกว่ามีส่วนหนึ่งของนิสัยชาย ซึ่งทั้งหมดยังถือครองเพศตามสภาวะของตน หญิงและชายตามปรกติ หรือแม้แต่จะคิดว่าตนจากหญิง แต่สภาพจิตใจเชื่อว่าตนเป็นชาย นั่นเพราะไปเอาคำว่าว่า กาม มารวมก็ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนจากเพศของตน กลายเป็นคิดว่าตนแปลงร่างเป็นอีกเพศ ไม่มี กะเทย ทอม ดี้ จะฝักใฝ่ในเพศอื่นจากตน ไม่มีทอมอยากร่วมเพศกับชาย ยิ่งกระเทยยิ่งหนัก (เพราะหากไม่เกิดความต้องการ อวัยวะ ก็ไม่สามารถใช้งานได้ เกิดในเพศชายนั้นภาระหนักหนาจริงๆเห็นมั๊ยครับ) ดังนั้น คนที่ถูกเรียกว่าเพศที่สาม จึงอาจจะกล่าวได้ว่าเป็นพวก กามวิตรถารฝักใฝ่ในเพศเดียวกัน จับแต่อรรถรสทางความกระสัันต์จนเกินควร ซึ่งแน่นอนในทุกคนล้วนมีส่วนดี เขาก็ย่้อมมีดีของเขา กระเทยนั้น ส่วนมากรักสวยรักงามมาก ถึงมากๆ เรื่องการตกแต่งรึให้ทำอะไรสวยงามเขาก็ย่อมได้ดีกว่าคนอื่น หากจะมีเพศที่สามจริงๆ ผมคงยกให้เพศพรหมจรรรณ์ของพระ ผู้ละแล้วซึ่งความฝักใฝ่ทางกามมากกว่า เพศที่บิดเบือนพวกนั้นครับ จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 7 มิ.ย. 52 19:07:51 ]

ความคิดเห็นที่ 26 # 25 "หรือ เป็นควายเขาเดียว ก็ตามสบายจ้า" ---- กร้ากกกก.... กลัวเป็นควายเขาโบ๊ อ่ะครับ(แต่ตอนนี้ยังไม่กุด เอิ๊กๆ) http://video.mthai.com/player.php?id=6M1213758644M0 เป็นเรื่องราวการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องจิตวิทยา เรื่องการแบ่งเพศชาย-หญิงจากปากของ ทันตแพทย์หนุ่มที่ชื่อ สม สุจิรา ---- อือ.. แล้วไงเหรอครับหมอฟันพูดเรื่องจิตวิทยา หมอดูพูดเรื่องดาราศาสตร์ยังหนักแน่นกว่า แง่บๆ (แต่เข้าใจเลยทำไมผู้หญิงจับผิดเก่ง และขี้ระแวง เอิ๊กๆ) Forget not that modesty is for a shield against the eye of the unclean. อย่าลืมว่าความอายนั้นเป็นเพียงเครื่องกำบังต่อสายตาของคนใจสกปรก ---- ชอบจังครับ มิน่าสมัยนี้เค้าถึงไม่อายกันที่จะแต่งโชว์หวิว โชว์ร่อง ผมก็ชอบดู แต่อย่ามาว่าผุ้ชายหื่นนะ ก็คนน่ะ ของแบบนี้พระยังหายใจขัด แง่บๆ ลองอ่านนี่ซิครับ ง่ายดี http://main.dou.us/view_content.php?s_id=284&page=6 ขึ้นเรือ ถ้าเรือมันเอียงเกินไป บางทีเราก็จำเป็นต้องถ่วงซะข้างนะครับ ไม่ว่าเราจะชอบข้างนั้นรึไม่ก็ตาม ไม่งั้นก็ล่มพอดี แง่บๆ # แถมให้ ผู้ชาย(จริงหรือ)ท้อง หึหึ http://breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=385853 ในความคิดผมก็แค่หญิงอยากเป็นชายแล้วไงเหรอ ยังไงก็กลับสู่สภาพของหญิงอยู่ดี ... ก็รับหน้าที่ท้องอยู่ดีนะครับ แง่บๆ แก้ไขเมื่อ 10 มิ.ย. 52 11:09:40 จากคุณ : itoursab (itoursab) - [ 9 มิ.ย. 52 12:35:05 ]