ความคิดเห็นที่ 1 เช้าใจอะไรผิดหรือเปล่า กับความหมายของคำว่าเกิดดับ จากคุณ : Kpetcharat - [ 17 มิ.ย. 52 18:08:49 ]

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ทราบธรรมะของท่านสงบ ทราบแต่ ท่านปราโมช สอนเจริญสติในทางของพระพุทธองค์ แล้วก็เกิดประโยชน์กับคนมากมาย รวมทั้งตัวเราด้วย ทั้งนี้ ก็ขึ้นกับ คนแต่ละคนน่ะนะ เกิดมาเพื่อเจ็บ แก่ ตาย เหมือนกันทุกคน ต่างกันตรงที่คนไหนเคยทำบุญมา มากพอ เท่านั้นอะ จากคุณ : mumu_i - [ 17 มิ.ย. 52 18:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 3 ฮื้อ รุว่า โมโห แต่ก็โมโห ไปแล้วอะ จากคุณ : mumu_i - [ 17 มิ.ย. 52 18:19:30 ]

ความคิดเห็นที่ 4 ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าคุณ #3 น่าเอือมระอานะครับ คนอื่นเขียนตอบมาเป็นร้อยๆความเห็นคุณไม่ได้อ่าน ไม่ได้ทำความเข้าใจ แต่ก็เหยียบย่ำความศรัทธาผู้อื่นด้วยประโยคเดิมๆ ข้อหาเดิมๆ โดยอ้างหลวงพ่อท่านนั้น ทั้งที่ถ้าคุณไม่อ่านสิ่งที่คนอื่นเขียน ไม่ได้อ่านเหตุผลคนอื่น คุณจะตั้งคำถามซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อหาอะไร คุณควรดูตัวเองนะครับ ว่าพฤติกรรมคุณเป็นอย่างไร จากคุณ : นพมาร - [ 17 มิ.ย. 52 18:08:45 ] อย่าบ้าให้มากนัก จากคุณ : นพมาร - [ 17 มิ.ย. 52 18:25:45 ]

ความคิดเห็นที่ 5 คุณคะ ถ้าคุณอยากระรานคน เช่น บุคลที่คุณยกตัวอย่างมาโดยอ้างธรรมมะ ก็อย่าหยิบยืมชื่อเหล่าครูบาอาจารย์มาเป็นข้อกล่าวอ้างสนับสนุนคุณเลย ที่ผ่านมา เขียนว่า ครูบาอาจารย์ทราบแล้ว ในกระทู้ก่อน ครูบาอาจารย์ที่คุณพูดถึง คือ ใครเหรอคะ และใครบอกคุณเหรอคะ เหมือนว่า ที่คุณออกมาตั้งกระทู้ กล่าวว่าลพ ปราโมทย์ซ้ำแล้วซ้ำอีก คุณทำให้คนคิดว่า คุณเป็นลูกศิษย์ พระอาจารย์สงบ ขอถามแค่ว่า ท่านทราบไหม มีคุณเป็นลูกศิษย์ของท่าน และ ท่านเห็นดีงามด้วย ที่คุณออกมากระทำการแบบนี้ โดยกล่าวอ้างท่าน ถ้าเราเข้าใจเจตนาคุณผิดไปก็ขออภัยคะ แต่ของแบบนี้  เราไม่ได้ต้องดูที่ธรรมะ ดูที่เจตนา การกระทำคะ จากคุณ : น้องต๋าว - [ 17 มิ.ย. 52 18:31:49 ]

ความคิดเห็นที่ 6 ถูกตรงที่ ดูเกิด ดับเฉยๆ จะได้อะไร แต่ผิดตรงที่ เข้าใจไปว่า นั่นคือหลักการสำคัญ ที่อาจารย์ ปราโมทย์สอน หมอ กับ ปอเต็กตึ๋ง ก็เห็น ศพ พระที่เจริญอสุภะ ก็ใช้ศพ คนทั่วไปอาจจะเห็นศพมากกว่าพระด้วยซ้ำ ไม่เห็นจะบรรลุอะไร อะไรคือความแตกต่าง ? ---------------- ขอยืมจาก กระทู้คุณหนอนฯ ข้างล่าง หุๆ Two folks look through same hole, one sees mud, one sees star. สองคนยลตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม คนหนึ่งตาแหลมคม เห็นดวงดาวอยู่พราวพราย -- "ฟาเธอร์ฮีแลร์"  แห่งอัสสัมชัญ --   จากคุณ : Fluorine   - [ 14 มิ.ย. 52 15:34:17 ] จากคุณ : Panda-baker - [ 17 มิ.ย. 52 18:45:57 ]

ความคิดเห็นที่ 7 เอาจิตมาทำเป็นวัตถุ ให้ดู เกิด-ดับ เกิด-ดับ... ดูเสาไฟฟ้าข้างถนนซี เกิด ดับ ไหม ? จิตมันไม่ได้เกิดดับ....มันเพียงแต่เคลื่อนไหว แสดงอาการของจิต จิตไม่ได้เที่ยง  ตัวจิตเองก็ตกอยู่ภายใต้กฏไตรลักษณ์เหมือนกัน ทั้งเสาไฟฟ้า ทั้งหลอดไฟฟ้า และแสงไฟฟ้า ก็เกิดดับเป็นสิ่งไม่เที่ยงเหมือนกัน เพียงแต่ช้าหรือเร็วเท่านั้น จากคุณ : ฮูฮง - [ 17 มิ.ย. 52 18:46:15 ]

ความคิดเห็นที่ 8 แนวทางของใคร ก็ของมันครับ คนอื่นทำแล้วไปได้ดี ก็เรื่องของเขา ตัวเราไม่ชอบ ไม่ถูกจริต จะว่าของเขาไม่ดีก็ไม่ได้ เรื่องคำสอนของครูบาอาจารย์ อย่าเอามาเป็นเรื่องทะเลาะกันจะดีกว่า ครับ เกิดอกุศล กะตัวเรา เสียเปล่าๆๆ จากคุณ : muk_22 - [ 17 มิ.ย. 52 19:01:04 ]

ความคิดเห็นที่ 9 เอาแน่ หรือขอรับ ท่านเกิดฯ ? มาได้ทุกรูปแบบครับ ยินดียิ่ง Chuck จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 19:10:24 ]

ความคิดเห็นที่ 10 เอาจิตมาทำเป็นวัตถุ ให้ดู เกิด-ดับ เกิด-ดับ...ดูเสาไฟฟ้าข้างถนนซี เกิด ดับ ไหม ? ^ ^ อย่าพูดเป็นเล่น ผมอาราธนายกมาแล้วจะหนาว จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 19:15:32 ]

ความคิดเห็นที่ 11 แต่จิต...ไม่ใช่เครื่องใช้ไฟฟ้า เอามันมาทำเหมือนเป็นวัตถุ ดูเกิด ดับ เกิด ดับ...ดูเสาไฟฟ้าข้างถนนซี..เกิด ดับ เกิด ดับ.....จนตาย..?   จะแก้ยังไงมันยากมาก จิตมันติดสบายๆๆ ดูแต่เกิด เกิด ดับ ดับ ...จิตมันมักง่ายแล้ว..? ^ ^ คุณเกิดพูดเอง หรือหลวงพี่สงบพูดขอรับ? จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 19:18:26 ]

ความคิดเห็นที่ 12 ผมถามคุณไปอย่างนั้นแหละ ไม่ได้สนใจว่าใครพูด แต่ถ้าผมจะยกคำพูดของ ท่าน มา คุณต้องฟัง เพราะอะไร? จะรอดูดีไหม... ขอรับ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 19:22:27 ]

ความคิดเห็นที่ 13 ขอความสงบใจอยู่กับคำของพระอาจารย์ของท่านเกิดฯ สักหนึ่งคืน เถิดฯ หลับให้สบาย ขอรับ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 19:25:50 จากคุณ : จิตไหน.... (JitZungkabuai) - [ 17 มิ.ย. 52 19:25:14 ]

ความคิดเห็นที่ 14 สงสัยจะเหงามั้ง จากคุณ : ทำเป็นทำ - [ 17 มิ.ย. 52 19:34:40 ]

ความคิดเห็นที่ 15 ตาคนนี้ตั้งกระทู้แบบนี้อีกแล้วเหรอ จากคุณ : บุษกรจันทร์ - [ 17 มิ.ย. 52 19:42:09 ]

ความคิดเห็นที่ 16 ผมมีความจำเป็นที่ต้องใส่เกล้ายกมา ให้ เพื่อพวก กเฬวราก ถอยไปได้ จะเป็นดีแก่ตัว สิ่งที่คุณเกิดยกมากล่าว เรื่องเกิด-ดับ สมควรที่คุณจะต้องพิจารณาให้ถ้วนถี่ พบกันวันศุกร์ มะรืนนี้ ถ้าทนไหวนะ อีกหนึ่งคืน ผมไม่ว่างเท่าไหร่ช่วงนี้ขอรับ เฮอะๆๆๆ Chuck จากคุณ : จิตโคดๆ (JitZungkabuai) - [ 17 มิ.ย. 52 19:44:16 ]

ความคิดเห็นที่ 17 เข้ามาฮา กับ คำว่า กเฬวราก ครับ ศัพท์ใหม่ เพิ่งรู้ ปล่อยๆเจ้าของกระทู้เขาไปเถอะครับ เขาจะเชื่ออย่างไรก็ช่างเขา ใครจะเชื่อตามเขา ก็กรรมใครกรรมมันครับ เสียเวลาเราเปล่าๆครับ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 19:54:59 จากคุณ : the GO novice - [ 17 มิ.ย. 52 19:52:15 ]

ความคิดเห็นที่ 18 คุณเกิดครับ พอเถอะครับสำหรับกะทู้แบบนี้ พระอาจารย์ได้ตอบคำถามก็ต่อเมื่อมีคนไปกราบเรียนถามปัญหากับท่านเท่านั้น ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นการกราบเรียนซักถามถกกันโดยตรง จึงไม่สมควรที่คุณจะไปหยิบยกบางส่วน บางช่วง หรือบางตอนของการตอบปัญหาหรือการสนทนาธรรมนั้น มากล่าวอ้างไว้เฉย ๆ ลอย ๆ โดยไม่มีที่มาที่ไป สิ่งอันนี้จะทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อคนหมู่มาก ผมขออนุญาตเสนอความคิดเห็นต่อทุกคนไว้ดังนี้ ก็คือ ในส่วนของลูกศิษย์พระอาจารย์ปราโมช ที่ไม่เคลือบแคลงในคำสั่งสอนของท่าน ก็ขอให้มุ่งปฏิบัติต่อไป และขอให้เจริญในธรรม ส่วนท่านใด(ถ้าจะมี) ที่เคลือบแคลงสงสัย รบกวนไปกราบเรียนซักถามหรือถกปัญหา หาเหตุผลกับพระอาจารย์โดยตรง  จะดีที่สุด ผมเชื่อว่าอันนี้จะดีกว่าที่เราจะมาถกกันในนี้แทน ซึ่งต่างคนก็ต่างมีทิฐิมานะ มีความคิดเห็น มีเหตุผลของตนเองอยู่แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ลงใจกันตรงนี้ไม่ได้ ดังนั้น ขอให้ยุติซะตรงนี้จะดีว่าครับ จากคุณ : เด็กอุทัย - [ 17 มิ.ย. 52 19:55:29 ]

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ เด็กอุทัย  จะไม่เห็นทิฎฐิมานะเลย เมื่อผมอาราธนา ใส่เกล้ายกมา ครับ :) อีกทั้งยังไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดด้วยขอรับ Chuck แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 20:03:08 จากคุณ : จิตเกิดดับ (JitZungkabuai) - [ 17 มิ.ย. 52 20:02:27 ]

ความคิดเห็นที่ 20 ฟังจากเทปท่านครับ...ที่คุณRadain ArchtecC...ลิงค์มาให้ คุณ จิต..ฟังดีๆนะครับ แต่สรุปแล้วคือยกตัวอย่างแบบนี้ไม่ผิดแน่ครับ ...ดูเจตนาคำพูดทั้งหมดตลอดเทป ประโยค ความหมายไม่ต่อกันแต่แปลแล้วเป็นเยี่ยงนี้ ...ผมไม่มีตัดต่อแน่...? (ไปฟังเทปให้เข้าใจก่อนครับ อยู่ท่อนท้ายๆการแก้จิต).....!    ผมเห็น THeAct....ยกวิธีการตามดูจิตมา ดังที่ยกมาให้วิเคราะห์ ..จึงตรงกับการเทศน์ ของพระอาจารย์ สงบ..ในเทปcd...ร้อยเปอร์เซนต์ครับ ไม่ใช่ผมพูดเอง.. ผมรับผิดชอบครับ.. แจ้งความจับผมได้เลย ขอนามแฝงแล้วดำเนินการ..!        นี่คือมุมมองของท่านครับ...ไม่ใช่ผม ไปฟังเลย สักสองเที่ยวครับ ผมท้าทุกคนครับ..ขอคุณเรเดียน ลิงค์มาใหม่ครับ..อย่ามามองผม ผมคัดมาจากเทป...มุมมองของท่าน อาจารย์ สงบ มนัสสันโต ครับ                  วันนี้ ขอยกตัวอย่างเท่านี้ก่อน ยังมีอีกนะครับ...? เมื่อคุณ จิต ฯขอร้องได้เลยผมจะได้พักครับ ..ประเด็นนี้ยังไม่มีการโต้ครับ จึงยกมา จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 20:05:46 ]

ความคิดเห็นที่ 21 การที่คุณเกิดฯ ตำหนิ การดู เกิด-ดับ เกิด-ดับ... โปรดพิจารณา ว่าสอดคล้อง หรือขัดแย้งกัยที่ผมยกมาข้างล่างครับ _____________________________________ ภิกษุย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตภายในบ้าง พิจารณาเห็น จิตในจิตภายนอกบ้าง พิจารณาเห็นจิตในจิตทั้งภายในทั้งภายนอกบ้าง พิจารณา เห็นธรรมคือความเกิดขึ้นในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือความเสื่อมในจิตบ้าง พิจารณาเห็นธรรมคือทั้งความเกิดขึ้นทั้งความเสื่อมในจิตบ้าง จากคุณ : sysiphus - [ 17 มิ.ย. 52 20:10:35 ]

ความคิดเห็นที่ 22 ใครพูดเรื่อง   เกิดดับ ...ดูเสาไฟฟ้าข้างถนนซี..เกิด ดับ เกิด ดับ.....จนตาย..? พอเสียที รอฟังในสิ่งที่ควรจะฟัง ไม่ใช่โจมตีกันไปมา นะครับ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 20:34:05 ]

ความคิดเห็นที่ 23 ภาพที่ควรจะเกิดในห้องศาสนานั้นควรจะเป็นคือ การที่ทุกคนต่างปฏิบัติแล้ว นำผลการปฏิบัตินั้นมาเล่าสู่กันฟัง แนะนำกันแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกัน ไม่ไช่การนำวิธีปฏิบัติของตนเข้าข่มเหนือผู้อื่น พึงทำตัวเป็นเช่นนักวิจัยเถิด หมั่นวิเคราะห์ความถูกต้องและวิธีปฏิบัติของเราอย่างสม่ำเสมอ ไม่ให้หลง ทิศ หลงทางก็เชื่อแน่ว่าจะเดินได้ถูกทางอย่างแน่นอน ดังเช่นที่พระพุทธเจ้า ทรงสอนว่าให้เชื่อด้วนการปฏิบัติด้วยตนเอง ดังนั้นจึงเปล่าประโยชน์ที่จะมา โพสคัดง้างกันอยู่ อย่างไรเสียหากพยายามถ่ายทอดประสบการณ์ที่ดีในการ ปฏิบัติของเราอย่างสม่ำเสมออย่งสร้างสรรค์ ผู้มีดวงตาที่ผ่านมาย่อมเห็นเอง จากคุณ : ธรรมสถิต - [ 17 มิ.ย. 52 20:38:24 ]

ความคิดเห็นที่ 24 สงบใจตัวเองก่อน เป็นไหม? ขอรับ จากคุณ : JitZungkabuai - [ 17 มิ.ย. 52 20:39:38 ]

ความคิดเห็นที่ 25 พวกคุณไม่สงบ ก็เปล่าประโยชน์ ไม่ต้องฟังอะไรทั้งนั้น ทะเลาะกันไปเรื่อยๆ ผมก็กลับไปที่ที่สมควรจะอยู่ เชิญตามสบาย ไม่ยกอะไรมาให้แล้ว จากคุณ : จิตดับไป (JitZungkabuai) - [ 17 มิ.ย. 52 20:44:11 ]

ความคิดเห็นที่ 26 การร่วมกิจกรรมแสดงความเห็นในกระทู้ ผู้เข้าร่วมพึงต้องปฏิบัติดังต่อไปนี้ 4.ห้ามเสนอข้อความอันมีเจตนาใส่ความบุคคลอื่น ให้ได้รับการดูหมิ่นเกลียดชังจากบุคคลอื่น โดยไม่มีแหล่งที่มาของข้อมูลอ้างอิงที่ชัดเจน 5.ห้ามเสนอข้อความอันเป็นการท้าทาย ชักชวน โดยมีเจตนาก่อให้เกิดการทะเลาะวิวาท หรือก่อให้เกิดความวุ่นวายขึ้น โดยมูลแห่งความขัดแย้งดังกล่าว ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นโดยเสรีเช่นวิญญูชน พึงกระทำ จากคุณ : ตะวันดับ - [ 17 มิ.ย. 52 20:44:57 ]

ความคิดเห็นที่ 27 คคห4...ลบทิ้งไม่เหมาะสม(แพ้อารมณ์) คคห5...คุณน้องต๋าว ก็เช่นกัน ศรัทธาให้ลืมหูลืมตาบ้าง...ฝึกจนถึงขนาดมือโปรแล้วนะนี่ ไปตอบความเห็นที่คุณ sotarinai ถามรึยัง รึบลบความเห็นทิ้งทำไม กลัวอะไรหากถูกจริง..       .หรือจะปกป้องอาจารย์ แบบไม่ลืมหูลืมตารึไงครับ..แต่อย่ามาด่าผมซึ ผมแค่นำมาเสนอให้วิเคราะห์        บอกแล้วตั้งแต่กระทู้ ทิฎฐิพระ...เป็นไง...วนกลับมาดูจิตใหม่ มองผมแง่ร้าย แง่เดียว ไม่มองแง่ดี แบบ อาจรย์ สงบฯลบ้างล่ะ...ผมด่าได้ แต่พระอาจารย์สงบไม่กล้าด่ารึไง เคารพสัจจะไหม มีแยกถูกผิด ไม่พอ แยกสภาพบุคคลด่าอีกด้วย...!       นี่ประเด็นใหม่...ผมตั้งคำถามซ้ำซากที่ไหน ...?    ปกป้องอาจารย์ ซะเกินงาม ...ทีธัมมชโย  ธรรมกายนะ ยันตระนะ ..โพธิรักษ์ สันติอโศกล่ะ...ทำไมพวกคุณ ไปวิจารณ์ ด่า เขาได้ มีสมองรึปล่า  ..ผมบอกแล้ว ผมสงสัยวิธีทำ ไม่ได้โจมตีตัวบุคคล..ไม่เคยด่าท่าน คุณคิดแทนอาจารย์ซะจนท่านคิดเองไม่เป็นเหรอ.....? แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:18:39 จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 20:57:26 ]

ความคิดเห็นที่ 28 ถ้าสงสัยวิธี ตามที่พยายามพูด เชิญไปบ้านอารีย์ มีอาจารย์ที่ได้รับมอบหมายให้สอน ท่านตอบคำถามคุณเคลียแน่ๆ แต่มาตั้งกระทู้ เหมือนอมขี้มาพ่น ไม่เห็นว่า ใจบริสุทธฺอยากเรียนรู้ตรงไหน ดีแต่กระหนะกระแหน่เดกดัน นิสัยแบบนี้ผู้หญิงบางคนยังไม่เป็นเลย แพ่งโทษผู้คนไปทั่ว แต่ตัวนั้นวิเศษถูกต้องอยู่คนเดียว วิธีคิด วิธีพูด แน่ใจเหรอว่าปฎิบัติธรรมอยู่ แสดงว่า ในกระทุ้ก่อนแอบอ้างซินะ ว่ามีครูบาอาจารย์รับทราบ ที่แน่ๆเราไม่เคยปรามาส พระอาจารย์สงบ และเราไม่เห็นว่าใครปรามาสท่าน แน่จริงคุณไปถามลพ โดยตรงซิ ไปถามคนที่บ้านอารีย์โดยตรงซิ หรือกล้าปรามาสศรัทธาคนแค่ในกระทู้ จากคุณ : น้องต๋าว - [ 17 มิ.ย. 52 21:11:23 ]

ความคิดเห็นที่ 29 ผมหาไม่เจอนะ ข้อความที่คุณบอกว่าอ.หรือจะหวังลาภสักการะ จากผุ้คนที่ไปหาท่านมากมาย แล้วก็อีกอย่าง ฟังแล้วห่วยมาก ไม่รู้คุณลบไปแล้วหรือเปล่า คนเขาโมโหเพราะคุณไม่ฟังเหตุผลที่คนอื่นยกมาหน่ะสิ ไม่ใช่ว่าคนอื่นยกมาแล้วแก้ไม่ได้ แต่เพราะคุณมันปัญญาไม่เข้าใจเองหน่ะสิ มันเลยวนไปมาไม่ไปไหน ผมถามว่า อย่าบ้าให้มาก ผิดตรงไหน จากคุณ : นพมาร - [ 17 มิ.ย. 52 21:18:34 ]

ความคิดเห็นที่ 30 เอาละครับ คุณนพมาร ข้อความที่ว่า" อ.หรือจะหวังลาภสักการะ" คุณจำคนผิดซะแล้ว ไม่ใช่ผมแน่นอนนะครับ,... ผมไม่เคยโพสต์>>>... คุณ น้องต๋าว..ผมหยุดโต้คุณ ดีกว่าคุณทั้งสองคน ไม่มีประโยชน์...หากคุณทนไม่ได้เมื่ออ่านคุณก็ไม่ต้องเข้ามาแสดงความเห็น ก็เท่านั้นครับ. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 21:25:06 ]

ความคิดเห็นที่ 31 >> หากคุณทนไม่ได้เมื่ออ่านคุณก็ไม่ต้องเข้ามาแสดงความเห็น ประโยคนี้ใช้กับตัวเองก่อนดีกว่าครับคุณเกิดฯ  หากคุณทนไม่ได้เมื่ออ่านคุณก็ไม่ต้องเข้ามาแสดงความเห็น  ก็เท่านั้นครับ. มีสติต้องเห็นตัวเองด้วยนะครับ แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:38:07 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:37:45 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:36:57 แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:36:08 จากคุณ : qwe - [ 17 มิ.ย. 52 21:31:38 ]

ความคิดเห็นที่ 32 อยากจะไปกราบหลวงพ่อสงบบ้างวันเวลาไหนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงจะเหมาะครับ (เดือนนี้คิวเต็มแล้ว)  ใครทราบช่วยแนะนำที จากคุณ : qwe - [ 17 มิ.ย. 52 21:37:14 ]

ความคิดเห็นที่ 33 สวัสดีครับ ผมมาตามคำชวนแล้วนะครับ เรียนคุณเกิดฯ ให้กลับไปอ่านหลาย ๆรอบนะครับ ผมอาจมีความสามารถไม่พอที่จะทำให้เข้าใจ ถ้าอย่างไรแล้วรบกวนไปที่บ้านอารีย์ก็ดีครับ จากคุณ : TheAcT - [ 17 มิ.ย. 52 21:56:38 ]

ความคิดเห็นที่ 34 ฟันธงว่า... พระอ.สงบไม่ได้ฟัง หรือ อ่านธรรมเทศนาที่พระอ.ปราโมทย์พยายามสอนอยู่ครับ เพียงแต่ได้ยินได้รับถวาย fragment บางส่วนมาจากลูกศิษย์เท่านั้น ท่านกล่าวสักคำไหมครับว่าท่านฟัง CD พระอ.ปราโมทย์ตั้งแต่ต้นจนจบ ทำความเข้าใจแล้วพบว่าผิด ผมเห็นท่านแค่กล่าวว่า fragment นั่นนี้ผิด และท่านก็เอ่ยปากถามลูกศิษย์กันตรงนั้นด้วยซ้ำว่า "เขาสอนว่าไงนะ" พอลูกศิษย์ท่านพูดเรื่อง "ดูเกิด-ดับ ว่างๆ" ท่านถึงได้จวกให้ กรุณาอ่านบทถอกเทปต่อไปนี้ด้วยนะครับ ----------------------------------------------------------------------------- "...เวลาเราภาวนาเรามีตัณหานำหน้าไปก่อน อยากรู้ อยากเห็น อยากเป็น อยากได้ หลงออกไปข้างนอกบ้าง ให้เรารู้ทันเอา หลายคนพลาดตรงนี้ คือ ใจไม่ตั้งมั่น (ขาดสัมมาสมาธิ) ใจที่มันส่งนอกส่งในเพราะว่าใจมันไม่ตั้งมั่น ตรงนี้สำคัญนะต้องรู้ทัน ผู้ปฏิบัติส่วนใหญ่แทนที่จะดูจิตดูใจตัวเอง กลับส่งจิตไปดูโน่นดูนี่ (มีตัณหา สร้างภพ กระทำกรรม-อภิธรรม) จิตมันเคลื่อนไป... ไปดู เราคิดว่าดูจิตอยู่ความจริงส่งจิตไปดู ส่งจิตไปดูไม่ได้มีอะไรขึ้นมา จิตมันหลงไปแล้ว คอยรู้สึกนะ คอยรู้สึกเอา ไม่ได้ยากเท่าที่คิดหรอก ถ้าใจเราไม่หลงไป ไม่ไหลไปนะ ตั้งมั่นสักว่ารู้ สักว่าเห็น ถ้าใจตั้งมั่นแล้วปัญญามันจะเกิด สมาธิเป็นเหตุให้เกิดปัญญา (สมาธิเป็นเหตุใกล้ให้เกิดปัญญา-อภิธรรม) สมาธิก็คือใจที่ตั้งมั่น ความตั้งมั่น" "สิ่งที่ผิดมี 2 อันนะหนึ่งคือจิตมันไหลไป หลงไป อีกอันนึงก็ไปเพ่งเอาไว้ ไปกดเอาไว้ให้นิ่งๆ หลงไปก็ใช้ไม่ได้ เพ่งไว้ก็ใช้ไม่ได้ (ส่วนหนึ่งของธรรมจักรกัปวัตรสูตร) พอหลงไปเราลืมกาย ลืมใจ นี่แย่ที่สุดเลย ถ้าเพ่งไว้นะมันเหมือนรู้กายรู้ใจอยู่ แต่มันไม่รู้จริงหรอก ไปเพ่ง (แทรกแซงการปฏิบัติ) ..กายก็นิ่ง ใจก็นิ่ง ใช้ไม่ได้........มันไม่ยากนะ มันไม่ยากเลย แต่ก่อนภาวนาทำไมมันไม่ได้ผลสักที มันล้มลุกคลุกคลานไป ในที่สุดหลวงพ่อก็มาจับเคล็ดได้ว่า มันขาคความตั้งมั่นของจิต (สมาธิ) จิตของเราชอบหลงไปไหลไปเรื่อยๆ ดังนั้นไม่ว่าเราจะเจริญวิปัสสนายังไง แขวนป้ายว่าเจริญวิปัสสนา เอาเข้าจริงก็ไม่ได้เจริญวิปัสสนาจริง " "ทำยังไงก็ไม่เห็นไตรลักษณ์ แต่ถ้าใจเราตั้งมั่นนะ ใจเราไม่หลงไป ไม่ไหลไป เช่น รู้ลมหายใจ เราก็เห็นร่ายกายมันหายใจ จิตเราไม่ไหลเข้าไปในลม รู้ท้องพองยุบ เห็นท้องมันพองยุบ เห็นร่างกายนี้พองยุบ จิตไม่ไหลเข้าไปอยู่ที่ท้อง จิตเป็นคนดูอยู่ต่างหาก เดินจงกลมก็เห็นร่างกายมันเดินนะ จิตไม่ไหลไปอยู่ที่เท้า บางคนไหลเลยเท้าไปอีกนะ ไหลไปที่พื้น ไปรู็ว่าพื้นเย็นร้อนอ่อนแข็ง ไม่รู้ไปรู้หาอะไร มันไม่มีใครรู้สึกว่าพื้นเป็นตัวเราสักหน่อย ไม่ต้องไปดูมันหรอก ดูที่สิ่งที่เรียกว่ากายใจของเรานี้ เพราะเรารู้สึกว่ากายนี้ใจนี้คือตัวเรา รู้สึกอยู่ที่กายที่ใจนี้จนเห็นความจริงว่ามันไม่ใช่ตัวเรา" "ไม่ใช่การสะกดจิตตัวเองให้คิดว่ากายใจไม่ใช่เรานะ แต่ดูของจริงเลย ดูความจริงเข้าไป ซ้ำแล้วซ้ำอีก ที่เรียกว่ารู้ทุกข์รู้ทุกข์แจ่มแจ้งก็คือรู้ความจริงของกายของใจว่ามันไม่เที่ยง มันเป็นทุกข์ มันไม่ใช่ตัวเรา เป็นอนัตตา เรียกว่ารู้แจ้ง ไม่ใช่รู้ถึงความมีอยู่ของมันนะ แล้วก็เพ่งร่างกายนิ่งๆทื่อๆ นั่นได้แต่สมถะ (มิจฉาสมาธิ)" "เพราะงั้นไม่ใช่ว่ารู้กายรู้ใจแล้วเป็นวิปัสสนาเสมอไป ต้องรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถึงจะเป็นวิปัสสนาได้ จิตที่ตั้งมั่นเป็นแค่คนดู เวลามันเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ มันรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา เห็นความโกรธเกิดขึ้นนะ รู้เลยว่าจิตมันโกรธไม่ใช่เราโกรธ กายมันยืน กายมันเดิน กายมันนั่ง กายมันนอน ไม่ใช่เรา กายมันทำหน้าที่ของมันไป.... มันไม่มีความรู้สึกเป็นตัวเราแทรกขึ้นมา เพราะใจเราตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถ้าใจเราไหลไปเมื่อไหรนะมันก็มีตัวเราขึ้นมา ถ้าใจตั้งมั่นอยู่จะไม่มีตัวมีตนนะ..." "วิธีทำให้ใจตั้งมั่นมี 2 วิธี วิธีที่หนึ่งคือทำสมถะฏรรมฐานถึงฌานที่ 2 ขึ้นไป (มีเอโกทิภาวะเกิดขึ้น).....แต่คนที่เล่นฌานได้ หลวงพ่อเห็นน้อยเต็มที ในรุ่นพวกเรานี่.... นี่สำหรับคนที่ทำฌานไม่ได้นี่มีอีกวิธีนึงที่จะทำให้จิตตั้งมั่นขึ้นมา คือ การที่รู้ทันว่าจิตไม่ตั้งมั่น ถ้าเมื่อไรรู้ทันว่าจิตไม่ตั้งมั่นนะ จิตจะตั้งมั่นได้เอง (ชั่วขณะ)...ของเราถ้าทำฌานไม่ได้ มีขณิกะสมาธิ คือ สมาธิชั่วขณะ เป็นขณะๆไป ใจไหลไปเรารู้ทัน ใจไหลไปเรารู้ทัน ใจหนีไปคิดรู้ทัน..." "งั้นถ้าเมื่อไรเรารู้ทันนะว่าใจมันฝัน มันจะตื่นขึ้นมา เราจะรู้จักความตื่นที่แท้จริง ผู้ใดรู้จักความตื่นที่แท้จริง ผู้นั้นจะได้ต้นทางแล้ว ต้นทางนะ ไม่ใช่ปลาย ทาง อยากเดินทางนี้ต่อไปก็คือพอตื่นขึ้นมาแล้ว ทำสติปัฏฐานไว้ รู้สึกกาย รู้สึกใจตามความเป็นจริง ไม่ใช่ตื่นมาแล้วก็อยู่เฉยๆ อยู่ในความตื่นเฉยๆ ในความว่างเฉยๆ อันนั้นยังเป็นสมถะได้อีก งั้นเมื่อใจตื่นขึ้นมานะ ให้คอยรู้สึกกาย รู้สึกใจ เห็นกายมันทำงาน เห็นใจมันทำงานเรื่อย ถ้าเรารู้กายรู้ใจที่มันทำงานด้วยจิตที่ตื่นขึ้นมาแล้ว หลุดออกจากโลกความคิดความฝันขึ้นมา จะเห็นทันทีว่ากายนี้ไม่ใช่ตัวเรา จะเห็นทันทีว่าเวทนา ความสุขความทุกข์ไม่ใช่ตัวเรา จะเห็นทันทีว่าสังขาร (ความปรุงแต่ง) อย่างโลภ โกรธ หลง ก็ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่แปลกปลอมผ่านมา แล้วผ่านไปทั้งสิ้น จะเห็นว่าจิตก็ไม่ใช่ตัวเรา เกิดแล้วก็ดับ เกิดแล้วก็ดับอยู่ตลอดเวลา...แม้แต่ความรู้สึกตัวก็ป็นอารมณ์ที่เกิดทางใจ เกิดดับ...อะไรก็ไม่ใช่ตัวเราสักอย่างเดียว เมื่อเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก 7วัน 7 เดือน 7 ปีเห็นมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ดูลูกเดียว รู้ลูกเดียวเลย ไม่ต้องแทรกแซง (ไม่ได้หมายถึงไม่ทำสมถะ)  วันที่จิตมันพอ จิตมันจะรวมเข้าอัปนาสมาธิเอง ทั้งๆที่เราไม่เคยฝึกเข้่าฌาน..." ------------------------------------------------------------------------------ ตัดตอนจากส่วนหนึ่งของธรรมเทศนา ณ สวนสันติธรรม โดยพรอ.ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วันที่ 17 เดือนมกราคม พ.ศ. 2552 ปล. หวังว่าคงสร้างความเข้าใจตรงกันได้นะครับว่า พระอ.ปราโมทย์สอน (1)ให้มีสมาธิ (2)ไม่ใช่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเฉยๆ ว่างๆ (3) สติปัฏฐานสี่โดยเริ่มจากดูกาย ดูจิต (เพียงท่านเน้นดูจิต เพราะท่านถนัด) ปล. ส่วนเรื่อง "ศีล" ถ้าผมมีเวลาจะถอดเทปที่หลวงพ่อสอนเน้นเรื่องศีลเป็นพิเศษมาให้ (ส่วนมากมักจะแทรกๆอยู่เวลาตรวจการบ้าน แต่ก็มีหลายชุดที่สอนหนักๆในช่วงต้น) แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 21:58:27 จากคุณ : 44SFA1 - [ 17 มิ.ย. 52 21:57:07 ]

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ crystalheade....ครับ ช่วยผมยืนยัน สักสองเรื่อง หรืออธิบายเรื่อง หลวงตามหาบัว..กับ พระอาจารย์ ปราโมช ปราโมชโช หน่อยครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:06:40 ]

ความคิดเห็นที่ 36 ใช้สติ ปัญญา ตอบด้วยธรรมะของจริง อย่าไปตอบโต้ด้วยกิเลส ธรรมะครูบาอาจารย์ของจริงท่านชัดเจนแล้ว ใช้ธรรมะครูบาอาจารย์ตอบแบบอ้างอิงเข้าใว้ จะดีแล เดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏ ใกล้แล้ว ครูบาอาจารย์หลายท่านทราบอยู่ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:22:56 ]

ความคิดเห็นที่ 37 Crystalhead [17 มิถุนายน 2552 01:11]         ใช้สติ ปัญญา ตอบด้วยธรรมะของจริง อย่าไปตอบโต้ด้วยกิเลส ธรรมะครูบาอาจารย์ของจริงท่านชัดเจนแล้ว ใช้ธรรมะครูบาอาจารย์ตอบแบบอ้างอิงเข้าใว้ จะดีแล เดี๋ยวความจริงก็จะปรากฏ ใกล้แล้ว ครูบาอาจารย์หลายท่านทราบอยู่ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:25:54 ]

ความคิดเห็นที่ 38 Crystalhead [17 มิถุนายน 2552 18:26]         ถ้าพระปราโมทย์ คิดว่าตนบรรลุธรรมและสอนถูกต้องแล้ว ลองท้าให้ไปกราบหลวงตามหาบัว เสียเดี๋ยวนี้ ไหนว่าหลวงตาท่านรับรองตนตอนเป็นฆราวาส แค่เข้าไปนั่งฟังธรรมห่างๆเมื่อปี 40 กระเทือบออกมาก็อ้างหน้าตาเฉยว่าหลวงตาเทศน์รับรองการปฏิบัติของตน ลองท้าให้ไปกราบหลวงตามหาบัว ใหม่เสียเดี๋ยวนี้ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:27:32 ]

ความคิดเห็นที่ 39 Crystalhead [17 มิถุนายน 2552 19:58]         ท้าไปเลยว่า... ถ้าพระปราโมทย์คิดว่าตนเองบรรลุธรรมแล้วสอนถูกต้อง ให้เข้าไปกราบถามหลวงตามหาบัว ภายใน 7 วันหลังจากนี้. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:29:14 ]

ความคิดเห็นที่ 40 นึกว่าคุณAct หายไปไหน มาอยู่กับคุณน้องต๋าวที่นี่เอง ยังขาดคุณต้นแมกโนเลียอีกคน... สวัสดีครับ ยังไง ทุกๆท่าน ทำให้ผมได้ใช้/ได้พิจารณา "ตรรกะ" ลับคมความคิดทางโลกได้มากขึ้น... ขอขอบคุณจากใจ จะเอาเรื่อง "เจริญมิจฉาสติปัฏฐานโดยเริ่มจากเจริญมิจฉาสมาธิ" หรือ "เรื่อง ลพ.ปราโมทย์สอนขัดแย้งในตัวเอง" มาพูดกันดีครับ จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 22:30:59 ]

ความคิดเห็นที่ 41 ขออภัย...ท่านcrystal..ไว้ด้วยครับ ผมส่งข้อความถึงท่านแล้วท่านไม่มาผมเห็นไม่ค่อยงามผมเลยต้องเอาข้อความที่ท่านส่งมาให้ผมมาโพสต์ ขออภัยอีกครั้งหากทำให้ท่านไม่สบายใจ ผมกลัวถูกหลอกใช้ครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 17 มิ.ย. 52 22:32:01 ]

ความคิดเห็นที่ 42 ใครรู้จักหลวงตาบัวท่าน ก็เข้าไปกราบถามท่านเองซี... แล้วก็เอามาโพสต์ประกาศ ตัวเองอยากรู้แต่ให้คนอื่นลำบากนิ คุณเป็นขโมย คุณจงพิสูจน์ตัวเองให้ผมเห็น ผมจะรอฟัง ...ถ้ามีคนสงสัยมากๆ เรื่องโน้นเรื่องนี้ ถ้าจะตามใจโยม พระท่านไม่ต้องเดินไปเหนือใต้ออกตกหรือ? --------------------- ถามกันแย้งกันเรื่องหลักการธรรมะนั้นดี ผมก็ชอบอ่าน ได้ความรู้ดี แต่หลังๆ กลายเป็นอะไรไปแล้วหนอ... จากคุณ : ปล่อย - [ 17 มิ.ย. 52 22:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 43 ลองดูนะครับ พื้นฐานของพื้นฐาน ยังพูดไปซะ... >>>>"ทำยังไงก็ไม่เห็นไตรลักษณ์ แต่ถ้าใจเราตั้งมั่นนะ ใจเราไม่หลงไป ไม่ไหลไป เช่น รู้ลมหายใจ เราก็เห็นร่ายกายมันหายใจ จิตเราไม่ไหลเข้าไปในลม รู้ท้องพองยุบ เห็นท้องมันพองยุบ เห็นร่างกายนี้พองยุบ จิตไม่ไหลเข้าไปอยู่ที่ท้อง จิตเป็นคนดูอยู่ต่างหาก" **** ตกลงจะเอาลมหรือเอาท้องเป็นฐานของสมาธิ นี่เอา ทั้งลม ทั้งท้อง ทั้งท้องพอง ทั้งท้องยุบ คิดตามไปทุกจังหวะ แล้ว จิตมันจะรวมเข้าลงเป็นสมาธิได้อย่างไร??? ภาวนาจับลมหายใจนั้น ครูจารย์เค้าให้ดูเพียงหนึ่งตามลมหายใจที่สัมผัสจมูก แค่อย่างเดียวตามให้ตลอด เพราะมันต้องตลอดอยู่แล้ว  ลมหายใจไม่มีหยุด >>>>"เดินจงกลมก็เห็นร่างกายมันเดินนะ จิตไม่ไหลไปอยู่ที่เท้า บางคนไหลเลยเท้าไปอีกนะ ไหลไปที่พื้น ไปรู็ว่าพื้นเย็นร้อนอ่อนแข็ง ไม่รู้ไปรู้หาอะไร มันไม่มีใครรู้สึกว่าพื้นเป็นตัวเราสักหน่อย ไม่ต้องไปดูมันหรอก ดูที่สิ่งที่เรียกว่ากายใจของเรานี้ เพราะเรารู้สึกว่ากายนี้ใจนี้คือตัวเรา รู้สึกอยู่ที่กายที่ใจนี้จนเห็นความจริงว่ามันไม่ใช่ตัวเรา" **** เดินจงกรม จะให้ไปเห็นไปนึกร่างกายกำลังเดินทำไม (งั้นไม่ต้องเดิน...คิดสิจินตนาการสิว่ากำลังเดิน) เดินก็คือเดิน เรารู้อยู่แล้วว่าเดิน เพราะมันกำลังเดินอยู่ตลอด รู้ว่าเดินเพียงอย่างเดียว ถ้าหลงไปที่อื่น ก็ย้อนกลับมาสิ .... เราเดินเรารู้เดิน ไม่ใช่รู้กายหรือรู้ใจนะ.... แล้วนี่ สอนให้กระโดดไป "เห็นความจริงว่ามันไม่ใช่เรา"... จะเอาอะไรกันแน่ เดินจงกรมเพื่อลงสมาธิ อยู่ดีๆ ยังไม่ทันถึงสมาธิ จะมาเจริญสติปัฏฐาน แบบนึกคิดดั้นด้นทึกทักเอาว่า "...มันไม่ใช่เรา" จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 22:46:18 ]

ความคิดเห็นที่ 44 >>>>"ต้องรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถึงจะเป็นวิปัสสนาได้" ****ผิดครับ !!??!! ต้องรู้กายหรือรู้ใจที่ตั้งมั่น (ด้วยการเจริญสมาธิที่ไม่เป็นมิจฉา) ถึงจะเริ่มเจริญวิปัสสนาได้ คุณ นับหนึ่งสองพร้อมกันได้มั้ย ต้องนับหนึ่งก่อนถึงนับสองตาม แก้ไขเมื่อ 17 มิ.ย. 52 23:02:29 จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 22:53:26 ]

ความคิดเห็นที่ 45 >>>>"มันเป็นแค่คนดู เวลามันเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ มันรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" **** แล้ว "มัน" น่ะ .... "มัน" น่ะ... คืออะไร..."มัน" น่ะ คืออะไร..... "มัน"เป็น...."มัน"เห็น..."มัน"รู้..... รู้สึกว่าอันนี้ เคยพูดกับคุณน้องต๋าว อยู่   อ๋อ....มาจากนี่เอง จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 22:57:01 ]

ความคิดเห็นที่ 46 >>>>"เมื่อเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก 7วัน 7 เดือน 7 ปีเห็นมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ดูลูกเดียว รู้ลูกเดียวเลย ไม่ต้องแทรกแซง (ไม่ได้หมายถึงไม่ทำสมถะ)  วันที่จิตมันพอ จิตมันจะรวมเข้าอัปนาสมาธิเอง ทั้งๆที่เราไม่เคยฝึกเข้่าฌาน..." **** ไหนบอกทางลัดสั้นไงครับ ไหนบอก "ง่าย" "ง่ายที่สุด" แต่จบไม่ลง จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 23:00:25 ]

ความคิดเห็นที่ 47 คุณ satoranai อย่าเอาดิฉันไปเข้ากลุ่มกับคนที่เขามีความรู้ดีๆในพระธรรมเลยคะ ดิฉันมันแค่นักเรียน เรียนธรรมะ เปรียบวัยอนุบาล ดีอยู่อย่าง ที่ถูกคุณปรามาส ทำให้ดิฉันเร่งแก้ไข เจอความผิดพลาดหลายส่วน เชื่อว่าเมื่อแก้ไขได้ ธรรมคงเจิรญขึ้น เป็นผลดีต่อตนเองอย่างมาก ทั้งที่เนื้อความเป็นกระทู้เละเทะ เต็มไปด้วยทิฐิ อัตตาของคนแท้ๆ อีกประการธรรมะดิฉันไม่เติบโตพอจะถก ด้วย และเห็นแล้วว่าการคุยธรรมะเป็นการเร่งความฟุ้งในจิต จึงไม่ขอคุยเรื่องธรรมะให้เกิด มานะอัตตา เป็นผลเสียต่อตนเอง ถ้าเลิกพาดพิงดฉันเสียก็ดีคะ (ส่วน มัน ที่คุณพยายาม แหย่ๆ คิดว่าคุณก็คงรู้เหมือน ดิฉันรู้แหละคะ ถ้าพิมพ์คำว่า จิต คุณพอใจ เลิกมาเย้าแหย่ แสดงกิริยาน่าเบื่อ ขออภัย..ไม่หงุดหงิดหรอกคะ แต่มันเห็นความน่าเบื่อเท่านั้นเอง) ดิฉันมาใหม่ห้องนี้ ไม่รู้จัก  คุณ Crystalhead คุณเกิด ถ้าแจ้งได้ ช่วยบอกดิฉันให้สว่างทีเถิด ว่าเขาคือใคร ขอตามอ่านเงียบๆเท่าเวลาอำนวยแล้วกัน แต่ถ้ากระทู้นี้ออกทะเลเละเทะ คงไม่เสียเวลาอ่านคะ จากคุณ : น้องต๋าว - [ 17 มิ.ย. 52 23:13:05 ]

ความคิดเห็นที่ 48 ขออภัยที่ก้าวล่วงคุณน้องต๋าว.... ส่วนเรื่องธรรมะ ตามที่แจ้งไปหลายกระทู้ว่าต้องให้ถึงที่สุดครับ >>>>"มันเป็นแค่คนดู เวลามันเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ มันรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" แก้เป็น >>>>"จิตเป็นแค่คนดู เวลาจิตเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ จิตรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" **** ก็ยังไม่สุดอยู่ดี.... จิตที่เป็น จิตที่เห็น จิตที่รู้ ....ย่อม"มี"เจ้าของ ส่วนตัว อยากให้คุณหาโอกาสไปกราบครูจารย์หลายๆท่าน สอบถาม/ซักถาม เกี่ยวกับสภาวะธรรมที่เกิดกับตัวให้มากกว่านี้ ตามที่เคยแนะนำไป ใกล้กรุงเทพฯ ก็ - สมเด็จพระมหาธีราจารย์ วัดชนะสงคราม - พระพรหมคุณากร - ลพ.สงบ ไกลกรุงเทพฯ ก็ - หลวงตามหาบัว (โอกาสถูกเม้งมีสูง) - หลวงปู่ลี วัดถ้ำผาแดง - ลพ.จันทร์เรียน เป็นต้น มีโอกาสกราบครูจารย์ ไม่เสียเวลาหรอกครับ ถ้าศรัทธาและตั้งมั่นจริง จากคุณ : Satoranai - [ 17 มิ.ย. 52 23:35:58 ]

ความคิดเห็นที่ 49 ขออนุญาต ..ขอโอกาสแสดงความเห็นซักนิดนะครับ :) ---------------------------------------------------- ... เวลาเดินจงกรมไป-มา ..จนจิตเริ่มสงบแล้ว ..บางคนก็จะเพลิน..จนจิตจมแช่อยู่ในสมถะนาน ..ติดสุขในอารมณ์สมาธิ..จนไม่ออกมารับรู้กับสิ่งอื่นๆ ..หลวงพ่อปราโมทย์ท่านก็เลยเตือน ..บุคคลที่ติดในสภาวะนั้นๆ ..แค่นั้นเอง ... เวลาหลวงพ่อปราโมทย์ท่านเทศน์สอน ..ท่านก็มักจะเตือนเสมอๆ ว่า ..อย่าเอาตนเองไปเปรียบเทียบตาม ..เพราะคำสอนของท่านในตอนนั้นๆ ..ท่านจะเจาะจงคนที่ท่านกำลังพูดด้วยเท่านั้น ..หากคนอื่นฟังแล้วอาจตีความหมายผิดๆ ไปได้ ..ท่านจึงมักจะย้ำบ่อยๆ ในเรื่องนี้ครับ ------------------------------------------- ... ส่วนเรื่องการพิจารณา ..หรือสังเกตสภาวะที่เกิดขึ้นบ่อยๆ นั้น ..เมื่อเห็นบ่อยว่า "ความอยาก ความดื้นรน ความโกรธ ความขุ่นมัว ความเศร้าหมอง" มันก่อให้เกิด "ทุกข์" ทั้งสิ้น ... เมื่อเห็นบ่อยๆ เข้า ..จนใจมัน "ไม่เอา" ความทุกข์นั้นๆ แล้ว..ใจก็จะเริ่มเรียนรู้สภาวะนั้นๆ ว่า ..อะไรทำให้เกิดสภาวะนี้??? ..เช่น ..เมื่อเห็นว่าเกิดจาก "ความอยาก" นี้เอง ..ที่ทำให้จิตเกิดความทุรนทุราย ... ดังนั้น เมื่อจิตเรียนรู้จากการสังเกตมากๆ เข้า..จิตจึงค่อยๆ "สลัดคืน" ..และ "ปล่อยวาง" ความอยากในเรื่องนั้นๆ ไป ..เพราะแจ้งแก่ใจแล้วว่า "เป็นเหตุทำให้เกิดทุกข์" ขึ้นมา ... และเมื่อมีสติเท่าทันในสภาวะนั้นๆ บ่อยๆ ครั้งมากขึ้น ..จนรู้เท่าทันแล้วว่าเมื่อเกิดผัสสะแบบไหนมากระทบแล้วจะเริ่มมีอาการอยากเกิดขึ้น?? ..สติก็จะมาทำหน้าที่ "รู้ทัน ..กางกั้น" ..เพื่อ "หยุด" การปรุงแต่งนั้นๆ ได้อัตโนมัติ ..(การปรุงแต่ง หรือการคิดเรื่องนั้นๆ ต่อ ..จะทำให้สภาวะนั้นๆ เข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ) ... และเมื่อปล่อยวางมากๆ ..จนไม่ยึดถือเอาสภาวะนั้นๆ ไว้ ..เพราะเห็นและแจ้งแก่ใจแล้วว่า ..ทุกๆสภาวะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ตลอดเวลา ..ไม่อยู่ในการบังคับของสิ่งใดเลย ..มีเหตุมีปัจจัยก็เกิด..หมดเหตุหมดปัจจัยก็ดับ ..หากยึดมั่นมากก็ทุกข์มาก ..ยึดน้อยก็ทุกข์น้อย ..เท่านั้นเอง -------------------------------------------- เมื่อจิตมันฟุ้งมากๆ ..หรือกระทบกระเทือนแรงๆ มากๆ ..เมื่อสังเกตดูหากรู้ว่า "ไม่ไหว" ..ผมก็ใช้สมถะ "กดข่ม" ไว้ก่อน ..ตอนนั้นผมสังเกตเห็นว่า ..จิตในขณะนั้นๆ คงไม่มีความสามารถ ..ที่จะสังเกตตั้งแต่ต้นจนจบได้หรอกครับ ..( ..เด๋ว ..มันจะล้นออกทางวาจากับกายซะก่อนครับ (-__-')..) ... เพราะผมก็เชื่อว่า สมถะ ก็เป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ..ที่ทำให้สติมีกำลัง ..หรือเป็นสร้างความพร้อมให้จิต ..ในการสังเกตสภาวะต่างๆ ขึ้นได้ง่ายขึ้นเท่านั้นเองครับ ------------------------------------------- ขออภัยล่วงหน้า ..ผิดพลาดประการใดคุยกันได้ครับ :) ======================== จากคุณ : กฏธรรมชาติ (บ่อน้ำ) - [ 17 มิ.ย. 52 23:54:22 ]

ความคิดเห็นที่ 50 ฝึกสิ แล้วจะรู้ว่า รูปเกิดดับ 1 ครั้ง (ท้องพองจนสุดพอง หรือ ท้องยุบจนสุดยุบ) เราจะจับได้ว่าจิตเกิดดับ 17 ครั้ง ขณะเมื่อกำหนดรู้การเกิดดับที่จิตได้ทัน กิเลสก็ไม่เข้าแทรก จากคุณ : ยังมิได้ give ชิมิ - [ 18 มิ.ย. 52 00:04:03 ]

ความคิดเห็นที่ 51 เรียนคุณ Satoranai >>>>"ทำยังไงก็ไม่เห็นไตรลักษณ์ แต่ถ้าใจเราตั้งมั่นนะ ใจเราไม่หลงไป ไม่ไหลไป เช่น รู้ลมหายใจ เราก็เห็นร่ายกายมันหายใจ จิตเราไม่ไหลเข้าไปในลม รู้ท้องพองยุบ เห็นท้องมันพองยุบ เห็นร่างกายนี้พองยุบ จิตไม่ไหลเข้าไปอยู่ที่ท้อง จิตเป็นคนดูอยู่ต่างหาก" **** ตกลงจะเอาลมหรือเอาท้องเป็นฐานของสมาธิ นี่เอา ทั้งลม ทั้งท้อง ทั้งท้องพอง ทั้งท้องยุบ คิดตามไปทุกจังหวะ แล้ว จิตมันจะรวมเข้าลงเป็นสมาธิได้อย่างไร??? ภาวนาจับลมหายใจนั้น ครูจารย์เค้าให้ดูเพียงหนึ่งตามลมหายใจที่สัมผัสจมูก แค่อย่างเดียวตามให้ตลอด เพราะมันต้องตลอดอยู่แล้ว  ลมหายใจไม่มีหยุด 55555>คุณตีความผิดครับหลวงพ่อสอนแบบยกตัวอย่างทั้งการรู้ลมหายใจ และแบบพองยุบให้ดู  แปลความหมายท่านคือ ถ้าเรารู้ลมหายใจ ก็ให้รู้ลมหายใจ เราก็เห็นร่ายกายมันหายใจ จิตเราไม่ไหลเข้าไปในลม หรือถ้าเรารู้ท้องพองยุบ รู้ท้องพองยุบ เห็นท้องมันพองยุบ เห็นร่างกายนี้พองยุบ จิตไม่ไหลเข้าไปอยู่ที่ท้อง จิตเป็นคนดูอยู่ต่างหาก คุณมีปัญหาในการอ่านจริงๆครับ >>>>"เดินจงกลมก็เห็นร่างกายมันเดินนะ จิตไม่ไหลไปอยู่ที่เท้า บางคนไหลเลยเท้าไปอีกนะ ไหลไปที่พื้น ไปรู็ว่าพื้นเย็นร้อนอ่อนแข็ง ไม่รู้ไปรู้หาอะไร มันไม่มีใครรู้สึกว่าพื้นเป็นตัวเราสักหน่อย ไม่ต้องไปดูมันหรอก ดูที่สิ่งที่เรียกว่ากายใจของเรานี้ เพราะเรารู้สึกว่ากายนี้ใจนี้คือตัวเรา รู้สึกอยู่ที่กายที่ใจนี้จนเห็นความจริงว่ามันไม่ใช่ตัวเรา" **** เดินจงกรม จะให้ไปเห็นไปนึกร่างกายกำลังเดินทำไม (งั้นไม่ต้องเดิน...คิดสิจินตนาการสิว่ากำลังเดิน) เดินก็คือเดิน เรารู้อยู่แล้วว่าเดิน เพราะมันกำลังเดินอยู่ตลอด รู้ว่าเดินเพียงอย่างเดียว ถ้าหลงไปที่อื่น ก็ย้อนกลับมาสิ .... เราเดินเรารู้เดิน ไม่ใช่รู้กายหรือรู้ใจนะ.... แล้วนี่ สอนให้กระโดดไป "เห็นความจริงว่ามันไม่ใช่เรา"... จะเอาอะไรกันแน่ เดินจงกรมเพื่อลงสมาธิ อยู่ดีๆ ยังไม่ทันถึงสมาธิ จะมาเจริญสติปัฏฐาน แบบนึกคิดดั้นด้นทึกทักเอาว่า "...มันไม่ใช่เรา" 55555>คุณเข้าใจการสอนหลวงพ่อผิด ผมอ่านจากที่คุณเขียนแล้ว เข้าใจว่าคุณภาวนาแบบสมาธินำปัญญากล่าวคือเป็นการทำสมาธิเพื่อสร้างจิตผู้รู้ อันเป็นธรรมเอก (ซึ่งเกิดในทุติยฌาน) ดังนั้นความเห็นของคุณคือการทำสมาธิล้วนๆก่อน คือให้จิตจดจ่อรู้อยู่กับสภาวะธรรมใดสภาวะธรรมนึงในที่นี้คือการเดิน  แต่หลวงพ่อท่านจะใช้วิธีแบบสุขวิปัสโกกล่าวคือการใช้ปัญญานำสมาธิ โดยการรู้เข้าไปตรงๆเลยครับ การเดินจงกรมของหลวงพ่อท่านจะเน้นการเจริญสติที่เข้าไปรู้สภาวะธรรมโดยตรง โดยที่ขณะเดินมันจะมีการสลับกันระหว่างสมถะและวิปัสสนาอยู่ จะเห็นในขณะเดินจิตจะเดี๋ยวไปรู้ที่กาย เดี๋ยวจะไปรู้ที่ใจ (แต่ก็มีกำลังของสมาธินะ แต่จะเป็นขนิกสมาธิ) เดี๋ยวไหลไปในความคิด อันนี้จากประสบการณ์จริงๆของผม >>>>"ต้องรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถึงจะเป็นวิปัสสนาได้" ****ผิดครับ !!??!! ต้องรู้กายหรือรู้ใจที่ตั้งมั่น (ด้วยการเจริญสมาธิที่ไม่เป็นมิจฉา) ถึงจะเริ่มเจริญวิปัสสนาได้คุณ นับหนึ่งสองพร้อมกันได้มั้ย ต้องนับหนึ่งก่อนถึงนับสองตาม 5555>เอ่อ...คุณมีปัญหาด้านความเข้าใจหรือเปล่าครับ สัมมาสมาธิแปลว่าสมาธิที่ไม่เป็นมิจฉาอยู่แล้ว เพราะสัมมากับมิจฉาเป็นเหมือนคนละด้านของเหรียญอยู่แล้ว “ไม่มีหรอกครับสมาธิที่ยังไม่เป็นมิจฉา แต่ก็ยังไม่ใช่สัมมา” ที่สำคัญนะครับ การทำวิปัสสนาไม่ใช่ว่าต้องใช้วิธีทำสัมมาสมาธิก่อนอย่างเดียวนะครับ ยังมี วิธีปัญญานำสมาธิหรือสุขวิปัสสโก คือการรู้สภาวะธรรมเข้าไปโดยตรง โดยใช้กำลังของขนิกสมาธิ (ที่เป็นสัมมาสมาธิ)ซึ่งเกิดขึ้น เมื่อเรามีสัมมาสติและสัมปชัญญะเกิดขึ้นอยู่แล้ว >>>>"เมื่อเห็นซ้ำแล้วซ้ำอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก 7วัน 7 เดือน 7 ปีเห็นมันไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปยุ่งกับมัน ดูลูกเดียว รู้ลูกเดียวเลย ไม่ต้องแทรกแซง (ไม่ได้หมายถึงไม่ทำสมถะ)  วันที่จิตมันพอ จิตมันจะรวมเข้าอัปนาสมาธิเอง ทั้งๆที่เราไม่เคยฝึกเข้่าฌาน..." **** ไหนบอกทางลัดสั้นไงครับ ไหนบอก "ง่าย" "ง่ายที่สุด" แต่จบไม่ลง 5555> ผมงงกับ Logic คุณครับ ที่ท่านสอนอย่างนี้ เพราะปัญญาและอินทรีย์แต่ละคนไม่เท่ากันครับ แต่ที่ท่านบอกวิธีนี้ง่าย เพราะไม่ต้องเสียเวลาไปฝึกสมถะให้ได้ทุติยฌานก่อนแล้วค่อยเขาจิตผู้รู้หรือธรรมเอกมาเจริญวิปัสสนาต่อครับ อย่าบอกนะว่าคุณทำทุติยฌานได้แล้วแน่ใจหรือครับ?? ปล. แต่บางท่านก็ถูกจริตกับการเจริญสมาธิก่อนเพื่อให้ได้ทุติยฌานเพื่อให้เกิดจิตผู้รู้ ซึ่งก็แล้วแต่ทางของแต่ละคน ^__^ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 01:56:46 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 01:17:00 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 01:16:06 ]

ความคิดเห็นที่ 52 เรียนคุณ Satoranai >>>>"มันเป็นแค่คนดู เวลามันเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ มันรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" **** แล้ว "มัน" น่ะ .... "มัน" น่ะ... คืออะไร..."มัน" น่ะ คืออะไร..... "มัน"เป็น...."มัน"เห็น..."มัน"รู้..... 5555> สิ่งที่หลวงพ่อบอกคือการเห็นว่ากายไม่ใช่เราครับ กล่าวคือเป็นการแยกกาย ออกจากจิต โดยจะเห็นว่าจิตอยู่ส่วนนึงที่ไปรู้กายซึ่งอยู่อีกส่วนนึง การเห็นของท่านไม่ได้หมายถึงแค่ตาเห็น แต่หมาย ถึงการเห็นโดยความรู้สึก ถ้าคุณภาวนาแล้วพอจะได้เรื่องไม่ว่าวิธีไหน สมาธินำปัญญา (โดยใช้จิตผู้รู้) หรือปัญญานำสมาธิ(การเข้าไปรู้สภาวะธรรมของกายของใจโดยตรง) ก็น่าจะเข้าใจได้ง่ายครับ  อันนี้ ที่ผมเข้าใจก็เพราะผมเห็นกายไม่ใช่เรามาแล้วจริงๆและก็บ่อยมากด้วย เลิกฟุ้งซ่านแล้วมาภาวนาให้เห็นจริงดีกว่าครับ ^_* จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 01:25:48 ]

ความคิดเห็นที่ 53 เรียนคุณ Satoranai ผมอยากให้คุณศึกษาการปฎิบัติธรรมใหม่เพราะคุณยังคิดแต่ว่าวิปัสสนาต้องเริ่มต้น จากการทำสมาธิอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่ครับ หากแต่ยังมีวิธีอื่นอีกครับ ลองเปิด พระไตรปิฏกดูครับ ผมเองเคยไปกราบครูบาอาจารย์ท่านนึง ซึ่งถือว่าเป็นพระอาวุโสในสายพระป่าองค์หนึ่ง โดยปกติ เวลาท่านสอนทั่วไปท่านก็สอนแบบพระป่าแหล่ะครับ แต่เชื่อไหมครับ ผมเข้าไปกราบ ท่านเพื่อขอให้ท่านชี้แนะ ท่านหลับตาไปนานๆๆๆๆๆๆมาก แล้วท่านก็สอนผมพร้อมกับแก้ การติดขัดที่ผมมี ด้วยวิธีดูจิตแบบหลวงพ่อปราโมทย์ครับ น่าแปลกไหมครับครูบาอาจารย์ พระป่าแท้ๆปกติไม่เคยสอนคนอื่นแบบนี้เลย แต่กับผมท่านทราบว่าผมภาวนายังไง ท่านก็แก้ อย่างนั้นครับ แต่ก็ได้ท่านนี่แหล่ะที่ทำให้ผมก้าวหน้าไปอีก ใครว่าพระป่าที่ทำสมาธิ นำปัญญา จะสอนปัญญานำสมาธิไม่ได้หรือไม่ยอมสอนแบบนี้นี่ผมขอเถียงเลยครับ ^__^ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 11:49:09 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 01:37:33 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 01:36:29 ]

ความคิดเห็นที่ 54 เรียนคุณ Satoranai >>>>"มันเป็นแค่คนดู เวลามันเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ มันรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" แก้เป็น >>>>"จิตเป็นแค่คนดู เวลาจิตเห็นร่างกายยืนเดินนั่งนอนนะ จิตรู้เลยว่าที่ยืนเดินนั่งนอนไม่ใช่ตัวเรา" **** ก็ยังไม่สุดอยู่ดี.... จิตที่เป็น จิตที่เห็น จิตที่รู้ ....ย่อม"มี"เจ้าของ 5555> อ่านแล้วรู้เลย ว่าคุณเป็นคนฟังไม่ได้ศัพท์จับไปกระเดียด เอาธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์”แค่บางส่วน” มาตีความแล้วมั่วว่าท่านสอนแค่นี้ครับ หลวงพ่อไม่ได้บอกนี่ครับว่าเห็นแค่นี้แล้วจะเข้าสู่อริยะมรรค หลวงพ่อสอนนะครับในท้ายที่สุดแล้วก็ต้องเห็นจิตไม่ใช่เราถึงจะถึงมรรคผล แค่เห็นกายไม่ใช่เรายังเป็นแค่ของเด็กๆครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 02:30:45 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 02:05:00 ]

ความคิดเห็นที่ 55 เรียนคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้และคุณCrystalhead 1.มีหลักฐานไหมครับว่าหลวงพ่อปราโมทย์ ก็อ้างว่าหลวงตาเทศน์รับรองการปฏิบัติของตน 2. พวกคุณสองคนเป็นใครถึงมาท้าพระสงฆ์ครับ ผมคิดว่าการที่คุณทำแบบนี้ไม่บังควรนะครับ ไม่กลัวบาปหรือ ถ้าคุณอยากรู้ว่าหลวงพ่อบรรลุธรรมไหม อยากถามก็ไปถามหลวงตาเองสิครับ เอางี้ผมท้าคุณให้ไปถามเรื่องหลวงพ่อปราโมทย์จากหลวงตา ภายใน 7 วัน ว่าท่านพูดถึงหลวงพ่อ ว่าอย่างไร สำหรับเราศิษย์สายอรัญวาสีคำพูดหลวงตาถือเป็นสำคัญแล้วครับ ถ้าไม่กล้าไปถาม หลวงตาก็หยุดหมิ่นพระสงฆ์ได้แล้วครับ ^__^ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 02:42:52 ]

ความคิดเห็นที่ 56 .... ทองแท้ไม่กลัวไฟ .... ---------------------------------------------------------------------------------- ที่มาฟันธงนะ อย่ามามั่วดีกว่า เป็นแต่นั่งเทียน ด่วนสรุป หรือ? สรว.(สุรวัฒน์)  ตัวผิดเลย... นะ ให้ฟังไว้ จากคุณ : เทพแมว - [ 18 มิ.ย. 52 03:02:36 ]

ความคิดเห็นที่ 57 สรว.(สุรวัฒน์)  ตัวผิดเลย... นะ ให้ฟังไว้ ******************** โบโซ่ไม่ยกแสดงหน่อยเหรอครับ ว่า อ สรว ผิดอย่างไร? ยกแสดงด้วยเหตุผล อ้างอิงพระบาลีด้วยจะดีมากเลยครับ ดูเหมือนจะกล่าวพาดพิงโดยเอ่ยชื่อท่านอื่น โดยที่ท่านไม่มีโอกาสเข้ามาเห็น การกล่าวลอย ๆแบบนี้ ไม่สู้เป็นประโยชน์ต่อตนเอง ลองยกแสดงนะครับ เชิญ. จากคุณ : TheAcT - [ 18 มิ.ย. 52 03:27:02 ]

ความคิดเห็นที่ 58 คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้และคุณ Crystalhead รับคำท้ามั๊ยครับ? คุณประมุขพรรคบัวขาวเค้าท้าหนะครับ ผมเองจะรอฟังผล ส่วนโบโซ่เขาก็บอกว่า ความคิดเห็นที่ 56   .... ทองแท้ไม่กลัวไฟ .... ********** ก็ไปซะด้วยกันเลยนะครับ สามคน ผมจะรอ เดาว่าเพื่อน ๆหลายคนก็คงรอเช่นกัน จากคุณ : TheAcT - [ 18 มิ.ย. 52 04:20:47 ]

ความคิดเห็นที่ 59 หากหมายถึง  สรว. ไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว act (อยากทราบก็ให้ถาม คุณใหม่ เจ้าของบ้านอารีย์ ละกัน เดียวจะว่าพูดลอยๆ) ว่าแต่จักให้ไปไหนหรือ? (ส่วนเรื่องที่ผู้ใหญ่คุยกัน คงไม่ต้องมาเล่าหลอกกระมั่ง) ที่ว่าผิดตรงไหน ย้อนอ่านกระทู้เก่าเราซิ ... จักได้ทราบ จากคุณ : เทพแมว - [ 18 มิ.ย. 52 04:42:46 ]

ความคิดเห็นที่ 60 >> อยากจะไปกราบหลวงพ่อสงบบ้างวันเวลาไหนในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงจะเหมาะครับ (เดือนนี้คิวเต็มแล้ว)  ใครทราบช่วยแนะนำที ผมเข้าไปดูที่ web http://www.santi-tham.com แล้วมีรายละเอียดให้น้อยมาก เรื่องยากๆนี่ตอบกันจัง เรื่องง่ายๆดันไม่มีใครช่วยตอบให้ เฮ้อ.. เจตนาเป็นยังไงกันบ้าง ก็เห็นๆกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 05:40:56 จากคุณ : qwe - [ 18 มิ.ย. 52 05:32:00 ]

ความคิดเห็นที่ 61 เรื่องนี้ยังไม่จบอีกเหรอครับ คุณเกิดฯ ผมคิดว่าแต่ละคนจะหันหน้าเข้าหาฝาผนังแล้วต่างคนต่างภาวนาเสียอีก คุณได้นำเสนอสิ่งที่คุณคิดแล้ว หลายๆ กระทู้ ทุกคนในบอร์ดทราบแล้ว ไม่มีใครในนี้ตอบคำถามและยืนยันคำพูดของคุณได้หรอก เพราะธรรมะที่คุณกล่าวอ้างว่าผิดเพี้ยนและบุคคลที่คุณกล่าวอ้าง อยู่ข้างนอก ท่านไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวอะไรด้วย ผมคิดว่า การฝึกการเรียนธรรมะ เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล ทุกคนมีลักษณะเฉพาะตัว มีจริตไม่เหมือนกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่เมื่อเรียนเมื่อปฏิบัติแล้วสามารถรู้กายรู้ใจ รู้จักกิเลส ไถ่ถอนความหลงผิดได้หรือไม่ การพูดคุยในลักษณะนี้ ไม่สามารถช่วยอะไรคุณได้หรอก นอกจากทิฏฐิมานะจะพอกพูนมากขึ้น ผมขอชักชวนให้สมาชิกท่านอื่น โดยเฉพาะท่านที่เรียนกับหลวงพ่อแล้วได้ผล ละเว้นคุณเกิดสักคน เมื่อเห็นกระทู้แบบนี้ ก็ละเว้นเสีย อยากอ่านก็อ่าน แต่อย่าโพสต์เลย ถูกกิเลสครอบเสียเปล่าๆ (... เขียนไปผมก็รู้ไปด้วยนะ ว่าตัวก็เอาตัวไม่รอดเหมือนกัน) อัตตา ที่ไม่ได้รับการตอบสนอง จะสูญสลายหายไปเอง ตามกฏของไตรลักษณ์ จากคุณ : norapob - [ 18 มิ.ย. 52 08:32:52 ]

ความคิดเห็นที่ 62 ผมแจ้งเจตนาชัดเจน....ตั้งแต่ ตั้งกระทู้ทิฎฐิพระ...แล้วว่าตั้งเพื่อ.. หาวิธีทำ ปฎิเวธ บุคคลผู้พร้อมหรือยัง ที่อาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช สอนบนศาลา มาทุกิศ...ตามเทป cd...พระอาจารย์ สงบ มนัสสันโต และ ฟังจาก พระป่าบางองค์ ท่านเทศน์ ผ่านวิทยุ 89.25 FM สังฆทานธรรม นนทบุรี..?  ผมไม่โจมตีตัวบุคคล จึงเอาธรรมที่ท่านสอน มีธรรมวิจัยกัน...ว่าเป็นไปอย่างข้อความข้างบนหรือไม่....แน่นอนมันต้องกระทบถึงตัว อาจารย์ผู้สอนเมื่อความจริงปรากฏ ผมรู้...แต่มีหลายคนห่วงอาจารย์เกินเหตุผล "ห้ามวิจาณร์"...อ้างว่า ปรามาทอริยะสงส์ นรก บาปกรรม...ทำนองไปรับเงินใครมา(TheAct) ตั้งปัญหาซ้ำซาก ดูเหมือนเจตนาจะทำลายอาจารย์ ฯลฯ ผมเบื่อที่จะโต้ตอบครับประเด็นเหล่นี้ มันเลยสถาณการณ์มาแล้ว   TheAct...ตั้งกระทู้แก้แทนพระอาจารย์ ปราโมช ปราโมชโช ได้ แต่ผมตั้งกระทู้ สงสัยวิธีปฎิบัติไม่ได้...มีแต่คนเรียกร้องให้หยุด เอาธรรมของตนเองมาแสดงแก้ต่างให้อาจารย์ กันทุกช็อต...ทำได้ เอ้อๆๆๆๆ  บางท่าน เขาปฎิบัติมา ก็มาแสดงกันโต้กันได้ประโยชน์มากอย่างเช่น..ท่าน sotarinaiและ jhobby...ท่าน จักกระพรรดิ์สัมมาทิฎฐิ ท่านบุญเรือง ฯลฯ กับ TheAct....คู่นี้ กระทู้นี้ ให้ความจริงชัดเจน เป็นกระทู้ที่TheAct..ตั้งขึ้นมาเอง..มีประโยชน์ มหาศาล...นี่คือเจตนาที่ผมเปิดกระทู้ทุกกระทู้  ส่วนพวก "กเฬวราก"...ที่ท่าน จิตซังกระบ้วย กล่าวไว้ตอนต้นกระทู้นั้น แบบไม่เจาะจง แต่ผมเจาะจงว่า เป็นพวก "อัตตาแฝง ศรัทธาตัวบุคคลสูงจัด...กับพวกที่ไม่ยอมเข้าใจส่วนรวม จะได้อะไรนอกจากตนเองและมองผมในแง่ร้ายอย่างเดียวครับ ... แต่ธรรม คำสอนของพระพุทธองค์ นั้น.. ศรัทธาน้อยกว่าตัวบุคคลนั่นเอง..!   .จึงห้ามแล้ว ห้ามอีก ซ้ำซากน่าเบื่อมากสำหรับผม(คิดกลับกันกับพวกท่าน)..ไม่ให้แตะพระอาจารย์ ไปหมด ไม่ดูว่าสถาณการณ์ มันเลยเถิดมาจนจะรู้แล้วว่าสอนผิด หรือ ถูกวิธีแน่ ตามที่ ท่านอาจารย์ สงบ มนัสสันโต กล่าวหาไว้ (แล้วผมนำมาเสนอในบอร์ดนี้) .   ..ผมสนใจหลักใหญ่ๆ ไม่มุ่งประเด็นเล็ก หรือสนใจธรรมบรรยายย่อยจากปากอาจารย์ ปราโมชฯล เพราะผมไม่มีความรู้พอ ผมไม่เคยโพสต์ว่า ล่วงเกินท่าน หยาบคายกับท่าน หรือกล่าวหาว่าท่าน"บรรยายธรรมผิด"แต่อย่างใดในเรื่องคำบรรยายย่อยๆเพราะผมไม่เคยไปส่งการบ้านและพบท่าน     มีเพียงท่าน sotarinai...ที่เข้าใจลึกซึ้งกว่าผม ท่านวิเคราะห์อยู่ (เพราะอาจพูดผิดพลาดได้)บางครั้งผมก็ลงไปในการปฎิบัติโต้แย้งกันกับท่าน ..jhobby ในประเด็นย่อยๆบ้าง บางท่าน เท่านั้น เพราะมีสภาวะใกล้เคียงกันสามารถ แลกเปลี่ยนเป็นประโยชน์ ก็ชี้แนะคัดแย้งกันด้วยเหตุผล เพื่อแลกเปลี่ยนธรรม ตามสภาวะ...แล้วก็จากกันด้วยดี นี่คือเหตุผลจริงๆที่ต้องการ...    .คุณประมุขพรรคบัวขาว ก็คงเหมือน TheAct...เอ่ยปากตอบคำถามก็ ทำร้ายฝ่ายตรงข้ามไปเสมอ คู่แฝด ..อ้างว่า "คุณฟังมาผิด คุณไม่เข้าใจคำสอนหลวงพ่อ คุณไม่เก่งเท่าผมมั๊งครับ...เออ นายแน่มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ..?"  ขอให้เข้าใจเจตนาผมนะครับ ผมไม่รู้จัก พระอาจารย์ สงบ มนัสสันโต ด้วยความสัจจริงครับ และไม่ได้เป็นลูกศิษย์ท่าน เพียงเห็น "สภาวะธรรมที่จะเกิดภายหน้าของคนบนศาลา..ได้คล้ายกับท่าน"....จึงนำเสนอ กระตุกสังคมให้ฉุกคิดครับ(มิอาจเทียบท่านอาจารย์ สงบ มนัสสันโต ท่านได้) จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 09:13:24 ]

ความคิดเห็นที่ 63 From : Crystalhead [17 มิถุนายน 2552 22:27]         ควรฝึกจิตใจภาวนาให้ใจเย็นๆ ใช้สติ ปัญญามากๆ อย่าตอบแบบกิเลส จงตอบไปตามธรรม เค้าตอบเรา เค้าเอากิเลสมาตอบก็ช่างเค้า เราทำหน้าที่ของเรา จุดเทียนไข ต่อไป.. จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 09:25:40 ]

ความคิดเห็นที่ 64 คคห58..TheAct..........."ก็ไปพบหลวงพ่อ ทั้ง3คน นั่นเลยผมจะรอ คงมีหลายคนอยากพบ"  ..หากผมไปพบ อาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช ตามที่ ประมุขพรรคบัวขาวท้าทายแล้ว ...ผมจะได้กลับบ้านมาหาลูกเมียผมไหมนี่...TheAct...ท่านประมุข...ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย....? ปล. (ปัจฉิมลิขิต ชีวิตข้าฯล).."TheAct...เพิ่อนรักเหตุใดเพื่อนพูดไม่คิดหา...แล้วเพื่อนเกิดเป็นคนฯล คนนี้ ..จะยังมีชีวิตกลับบ้านได้งัยยยยยย" จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 09:45:59 ]

ความคิดเห็นที่ 65 เรียนคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ผมยอมรับว่าที่ผมตอบอาจจะดูทำร้ายฝ่ายตรงข้าม เพราะผมเป็นคนตรงๆไม่เสแสร้งเห็นอย่างไร ก็อย่างนั้นครับ เห็นว่าเข้าใจผิดก็คือเข้าใจผิด เห็นว่าคุณ Satoranai พยายามดูหมิ่นเยาะเย้ย ถากถางพระสงฆ์อย่างน่ารังเกียจฝ่ายเดียวทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่มีอะไรจริงๆ ที่จริงยังเห็นมากกว่านี้ แต่ไม่อยากจะพูดครับ ดังนั้นผมจึงตอบไปตามความจริงตามที่เห็น ส่วนทางคุณเกิดเป็นคนฯ การตอบกระทู้ของคุณก็แสดงวุฒิภาวะแล้วครับ ประเด็นแรก "ผมไม่ได้ท้าให้คุณไปพบหลวงพ่อปราโมทย์นะครับ" ผมท้าให้คุณไปกราบหลวงตามหาบัว นะครับดูให้ดี แต่การที่คุณเยาะเย้ยหมิ่นพระสงฆ์ว่าไปพบหลวงพ่อแล้วคุณจะได้รับ การไว้ชีวิตไหม ผมดูแล้วมันเป็นการแสดงออกทางวุฒิภาวะแบบเด็กๆครับ ส่วนที่คุณบอกว่า"คุณเห็น "สภาวะธรรมที่จะเกิดภายหน้าของคนบนศาลา..ได้คล้ายกับท่าน" แน่ใจหรือครับว่าของจริง ไม่ใช่โดนกิเลสหลอกแล้ว??? ^__^ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 10:26:53 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 10:21:22 ]

ความคิดเห็นที่ 66 ฉันเป็นเด็กใหม่ๆมากๆ ไม่มีส่วนได้ส่วนเสีย และไม่ได้เป็นลูกศิษย์ท่าน ยังอ่านออกฟังออกเลยค่ะ ดังนั้นคนที่ยังอ่านไม่ออก ฟังไม่ออก คงเพราะไม่ได้อ่านไม่ได้ฟัง หรือไม่ต้องการจะฟัง จะไปเถียงกับเขา ก็ไม่ควร  หรือจะเทศน์โปรดเค้าในขณะนี้ยิ่งไม่สมควร เหมือนเอาทองไปรู่กระเบื้อง กระเบื้องไม่สึก แต่ทองสึกค่ะ อย่ายุ่ง อย่าตั้งกระทู้อีกเลยจะดีกว่า เหมือนที่ใครๆ บอกว่า อัตตาแบบนั้นต้องอุเบกขา และปล่อยให้สลายไปเองเพราะไม่มีใครสนใจ ถ้าอ่านมาตั้งแต่กระทู้แรกๆ ที่เริ่มแตะๆ พอเห็นคนสนใจก็เผยตัวมากขึ้น จากวับๆ แวมๆ ก็กลายเป็นป่าวประกาศ ปรามาส แถมบอกเจตนาตั้งแต่แรกแล้วว่า ต้องการให้กระแสเสียงนี้ดังจากศิษย์ และรู้ไปถึงหูของพระ ดังนั้นเขาอาจต้องการใช้กระทู้ในบอร์ดนี้ ส่งเสียงไปถึงพระท่าน อาจจะแค้นส่วนตัวที่เคยเล่าว่า ไปหาท่านแล้วถูกท่านทักทั้งที่ยังไม่ได้สนทนา อาจจะโกรธฝังใจก็ได้ ดังนั้นมัวไปเสียเวลาสาธยายธรรม ไม่ได้อะไรขึ้นมา เพราะคนที่ได้เขาก็รู้อยู่แล้ว ยอมรับอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากเป็นเครื่องมือของเขาที่จะให้เรื่องนี้ดังขึ้นมา เด๋วทีวีเอาไปลงข่าวก็ตามใจค่ะ คงจะถึงพระท่านสมใจแน่.. ปล. ท่านพุทธทาสก็เคยเจอ เหตุการณ์แบบนี้ หลายๆ ท่านก็เคยเจอ พระพุทธเจ้าก็เคยเจอ เขาเรียกมารผจญใช่หรือเปล่าคะ ?? จากคุณ : chaosy - [ 18 มิ.ย. 52 10:44:08 ]

ความคิดเห็นที่ 67 การทำสงฆ์ให้แตกกันเป็นการทำอนันตริยกรรม http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7986187/Y7986187.html จากคุณ : ต่อmcu - [ 18 มิ.ย. 52 11:02:41 ]

ความคิดเห็นที่ 68 โอ้...คุณท่าน ประมุขพรรคบัวขาว...คุณ chaosy...คุณต่อ muc..(กระทู้นี้ออกตัวชัดเจนนะครับ)....พวกคุณไปไกลกว่าที่ผมคิดแล้ว..!(ผมทำเพื่อส่วนรวม แต่คุณทำเพื่อส่วนตัว เราจึงคิดกันคนละอย่างครับ)     คุณ ประมุขพรรคบัวขาว..มีจิตใจที่เที่ยงธรรมหน่อย...คคห65..นี่ บอกวุฒิภาวะคุณได้ชัดเจนจริงๆ....โอผมคิดเยี่ยงพวกคุณ ทั้ง3 คิดรึนี่..เจตนาผมนะ.ใครๆอ่านก้เข้าใจได้ในเจตนา ขอให้เจริญในธรรม นะครับ..?       ท่านประมุขพรรคบัวขาว....คุณน่ากลัวกว่าTheAct...แล้ว ตามความคิดผม คุณหยาบกว่ามาก ..! จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 11:27:59 ]

ความคิดเห็นที่ 69 คุณ : ประมุขพรรคบัวขาว พูดดีมาก มีเหตุผลแล้ว มีเมตตาด้วย ขอให้มั่งคงนะ นักปฏิบัติธรรม พระอ. สอน ว่า พระพุทธเจ้าท่านเทสน์ ท่านบัญญัติ ท่านกำหนดสมาธิทุกครั้ง จากคุณ : ทำเป็นทำ - [ 18 มิ.ย. 52 11:29:02 ]

ความคิดเห็นที่ 70 คุณ เกิดเป็นคนช่างยากแท้ แน่ใจหรือครับว่าคุณทำเพื่อส่วนรวม และไม่ได้ทำเพื่อปกป้องอัตตาของตนเอง ??? ถ้าคุณทำเพื่อส่วนรวมจริงคุณคงอ่านที่ผมเขียนด้วยความเป็นกลางและเข้าใจกว่านี้ ผมไม่ได้หยาบหรอกครับ ผมเป็นแค่คนตรงๆครับ ^__^ เอาประโยคนี้ไปให้ใครอ่าน เขาก็ทราบวุฒิภาวะคุณได้ชัดเจนจริงๆ >>>หากผมไปพบ อาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช ตามที่ ประมุขพรรคบัวขาวท้าทายแล้ว ...ผมจะได้กลับบ้านมาหาลูกเมียผมไหมนี่...TheAct...ท่านประมุข...ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย....? ทั้งที่ผมไม่ได้ท้าคุณไปพบหลวงพ่อเลย นี่คุณเอาพระสงฆ์มาเป็นเพื่อนล้อเล่นหรือครับ ???? ใครกันแน่ที่หยาบ ^_* แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 11:41:15 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 11:39:40 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 11:32:54 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 11:32:15 ]

ความคิดเห็นที่ 71 เรียนคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ค่อยๆศึกษาธรรมะนะครับ   ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างที่เพื่อนๆบอกเตือนเพราะหวังดีกับคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ อย่างไรเสีย ถ้าผมทำสิ่งใดที่ทำให้คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้รู้สึกไม่ดี  ผมขออโหสิกรรมในสิ่งที่ล่วงเกินคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ด้วยนะครับ ผมเชิญชวนให้อ่านพระไตรปิฎกดูนะครับ   คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้เป็นคนที่มีความสงสัยมาก(ซึ่งถ้าปฏิบัติธรรมและดำเนินตามอริยมรรคมีองค์ 8 จะทำให้มีปัญญามาก) อาจจะเริ่มจากพระไตรปิฎกฉบับประชาชน   และอีกเล่มที่แนะนำคือ พุทธธรรมของพระพรหมคุณาภรณ์ ขอให้เจริญในธรรมครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 11:58:49 จากคุณ : ต่อmcu - [ 18 มิ.ย. 52 11:38:33 ]

ความคิดเห็นที่ 72 รอคุณ : Satoranai มาถาม มายืนยัน มาหาที่ลง (เตรียมตัวให้ดีล่ะ คิก คิก^^) จากคุณ : ทำเป็นทำ - [ 18 มิ.ย. 52 11:49:40 ]

ความคิดเห็นที่ 73 เพื่อนสมาชิกได้เรียนคุณ Satoranai  และ คุณเกิดฯไปหลายครั้งแล้วไม่เคยทำความเข้าใจ เห็นแต่ wording แถมยังแปลผิดๆตามทิฐิของตนอีก คุณสังเกตดีๆก่อน ........... มีใครเขาตีความแบบคุณกันบ้าง??? (กรุณาอย่าอ้างพระอ.สงบ เพราะท่านแค่เข้าใจผิด) พวกคุณเล่นทึกทักเอา คิดเอง เออ เอง แล้วไม่ยอมทำความเข้าใจกับผู้อื่นอีกด้วย อะไรที่เถียงไม่ได้ พวกคุณก็ละๆเอา ทั้งๆที่ธรรมะจริงๆมันไม่ได้แยกเป็นชิ้นๆอย่างนั้น ต้องเข้าใจภาพรวม พวกคุณกลับโต้แย้งแบบปริยัติไม่ลง ธรรมะครูบาอาจารย์ก็ไม่เข้าใจจริง เพราะถ้าเข้าใจจริง ตีธรรมะแบบพวกคุณ ครูบาอาจารย์หลายท่านจะสอนขัดกันเอง และแม้แต่บางส่วนที่ครูบาอาจารย์สอน ก็ตีความขัดกับพระพุทธเจ้าได้ด้วยซ้ำ ยกตัวอย่าง หลวงพ่อเทียนสอนว่า "การดูจิตเป็นวิธีปฏิบัติธรรมที่ลัดสั้นที่สุด" และ "เมื่อรู้ว่าจิตคิดจะได้ต้นทางของการปฏิบัติ" ท่านสอนดูจิต แต่มีการเคลื่อนไหวมือเป็นวิหารธรรม และท่านไม่นิยมให้ลูกศิษย์ทำสมถะ เพราะกลัวลูกศิษย์ติดนิ่ง (อ้างอิงจากหนังสือของหลวงพ่อคำเขียน) ... คุณลองตีความดูก่อนไหมครับ? เท่าที่เห็นกัน...พวกคุณมักหาเหตุ หาผลไม่ได้ ไม่เข้าใจจริง อ้างไปข้างๆคูๆ แถมใช้วาจาที่ไม่สุภาพ จงใจยั่วโทสะผู้อื่น (ขณะที่ตนยินดี สุขใจ ที่ได้ยั่วกิเลสผู้อื่น) ... ถ้าคุณคิดว่าคุณถูก ก็ขอให้ตั้งกระทู้แจกแจงการปฏิบัติตามที่คุณเข้าใจดูบ้าง จะได้ช่วยกันวิเคราะห์พวกคุณว่าเห็นตรง หรือคลาดเคลื่อนกันประการใด โดยเฉพาะตรวจสอบกับอภิธรรมโดยตรง สุดท้าย...ก่อนจะเข้ามาตั้งกระทู้อะไร คุณถามตัวเองก่อนดีกว่าว่า "พร้อมที่จะเปิดใจ รับความคิดเห็นของผู้อื่นรึยัง?" ไม่เช่นนั้นคุณจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจากการสนทนาธรรมที่นี่ ไม่ว่าจะสร้างธรรมทาน หรือปรับความเข้าใจให้ตรงกัน ... แต่สิ่งที่คุณจะได้เป็นเพียง ฟุ้งซ่านเปล่าๆ และกระทำกรรมทางวาจาเท่านั้น ไม่เกิดประโยชน์แก่ใครเลยจริงๆ ปล. ท่าน "ประมุขพรรคบัวขาว" ดุเดือดมากครับ ........ ขออนุโมทนาครับ ปล 2 ขอแก้ วรรคตอนใหม่ให้ถูกต้อง ผมอนุโมทนาผูที่เขียนธรรมะด้วยเหตุด้วยผล ไม่ได้หมายถึงท่านประมุขพรรคบัวขาวเพียงคนเดียว ปล. 3 เรื่อง พระอ.สงบ ยืนยันว่าท่านสอนถูกจริง แต่ท่านเข้าใจพระอ.ปราโมทย์ผิด เพราะคำสอนที่ท่านเข้าใจว่าเป็นของพระอ.ปราโมทย์นั้น คนที่ฟัง CD ส่วนใหญ่เขาจับได้ว่าไม่ตรงกัน..... ท่านเข้าใจผิดจริงๆ และท่านก็สอนถูกจริงๆ ดังนั้นขอให้เลิกใช้ท่านเป็นข้ออ้าง ปล. 4 ที่เขียนไปทั้งหมดไม่ได้เกิดขึ้นจากอารมณ์โกรธ เพียงแต่ผมมาเขียนช่วงพักระหว่างเรียน ไม่มีเวลาขัดเกลาภาษาให้สวยงาม รอมชอมอย่างที่เคย หากทำให้ท่านใดไม่พอใจ ผมต้องขออภัยอย่างยิ่ง และขอให้ท่านยึดเนื้อความหลักๆมากกว่าคำที่ดูมีสีสัน แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 15:00:25 จากคุณ : 44SFA1 - [ 18 มิ.ย. 52 11:53:39 ]

ความคิดเห็นที่ 74 คุณ 44sFA1.. คุณก็แก้ต่างให้ อาจารย์คุณ มาทุกกระทู้แล้ว มาว่าผมฝ่ายเดียวจะถูกไหม..ไม่ยุติธรรม ไม่ให้ผมอ้างอาจารย์สงบ มนัสสันโต แต่คุณ อ้างเองว่าท่านเข้าใจผิด....งั้นรึ ?   ท่านประกาศบนศาลา ทำcd แจกทั่วประเทศ " สอนผิดแน่นอน ถูกให้กระทืบ "....นี่พระอาจารย์ สงบ มนัสสันโต ท่านประกาศใน cd...!ท่านเข้าใจผิดหรือ ...แล้วมาบอกผมพูดซ้ำซาก ..คุณมาเป็นบ้างซีจะจะตอบยังไงคิดยังไง... ในคำกล่าวหาที่คุณพ่นมาที่ผมนี่..!   คุณเก็บอารมณ์หน่อย แล้วแยกฝ่ายค้าน กับฝ่ายสนับสนุนให้ชัดก่อน อย่ามาอ้างจำนวนคนเตือน..แล้วอย่าคิดเองเออเองขนาด ประมุขพรรคบัวขาว ยังชมกันได้ซึ่งหน้าว่าดุเดือด...ทั้งที่ใส่ร้ายผมทั้งความเห็น คิดเอง ลากเข้าไปปรุงแต่งเอง ใส่สีเองผสมเสร็จ ..ใน คคห65...  ผมแค่แหย่TheAct...ใน คคห.  64 .ให้บรรยากาศ คลายเคลียดแล้วจะได้คุยกันใหม่ เหมือนตั้งสติ ตั้งบรรยากาศใหม่ แล้วอารมณ์ก็จะลดดีกรีลง...กลายเป็นสังขารขันธ์ท่านประมุข ไปได้ อนาถแท้ผม...?   ที่คุณโพสต์มานี่ คคห73.... จงใจหาเรื่องผมเต็มที่ ทั้งๆที่ผมพยายาม ไม่ลงไปก้าวก่ายในความคิดใคร ไม่เคยวิจารณ์ตัวคุณ มีแต่ป้องกันตนหากคุณมาด่า หรือกล่าวหาผมก่อน  ผมสุภาพที่สุดแล้วเหตุใดคุณร้อนรุ่มมาใส่ความผมอีก ผมไม่เคยด่าว่าใครก่อน ไม่เคยดูถูกตรงๆโดยเจตนา หากทำนึกได้ผมก็ลบเพราะรู้สึกตัว คุณปกป้องอาจารย์คุณ...หรือคุณทำเพื่ออะไร...ไหนบอกมาหน่อยซีครับ จุดยืนของพวกคุณ ...!        คุณ คิดแทนอาจารย์ ปราโมทย์ ก็ยังฟังได้เพราะคุณศรัทธาของคุณแต่คุณ มาคิดแทน พระอาจารย์ สงบ มนัสสันโต อีก ทั้งที่ cd...แจกไปทั่วประเทศ .คุณเป็นอะไร ไม่สบายรึปล่าวคุณ ..44sfa1...ผมไม่ต้องการทะเลาะกับคุณ คุณยังมากล่าวหาผมอีก จุดยืนเราคนละตำแหน่ง มองจุดยืนตนเองให้ดีก่อนครับ ให้ถูกต้อง..!      แทนที่จะวิจารณ์ธรรมที่ผมยกมาจาก cd...กลับมาวิจารณ์ผมแทน...พวกคุณไม่สบายรึปล่าว..เจตนาผมก็บอกแล้วที่ทำ...!      ผมตะโกนบอกว่า ท่านสงบ...ประกาศว่า ท่านปราโมทย์ ...สอนผิด ...ผิดยังไงผมก็ยกมาให้ดูนี่ แทนที่จะไปถามท่าน ปราโมทย์ ..ว่าจิงปล่าว...ยังไม่รู้เลย ไมถามเลย หันมาเล่นงานคนบอก คนชี้ข่าว...?    จะกระเหี้ยนหระหือรือ เล่นงานคนชี้ข่าวให้ตายให้ได้...งั้นรึ แล้วไงต่อ...อีกสองท่านนั้นไม่ต้องแก้ใช่ไหม..? จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 12:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 75 การสร้างบรรยากาศคลายเครียดของคุณ เป็นการไม่รู้จักกาลเทสะเสียมากกว่าครับ มีคน ปกติที่มีคุณธรรมที่ไหน เอาพระเอาเจ้ามาเป็นเรื่องล้อเล่นเพื่อคลายเครียด ผมว่าคุณฟุ้งซ่าน ปนเพี้ยนๆนะที่เอาพระสงฆ์มาล้อกันเล่น :-P จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 12:55:00 ]

ความคิดเห็นที่ 76 มีใครโมโหบ้าง มีใครทุกข์บ้าง ขอดูตัวอักษรหน่อยสิ อย่าประมาทนะ จากคุณ : ทำเป็นทำ - [ 18 มิ.ย. 52 12:58:45 ]

ความคิดเห็นที่ 77 ดูดีๆนะครับว่า "ใคร" โมโห "ใคร" ทุกข์ ^__^ จากคุณ : jhobby - [ 18 มิ.ย. 52 13:11:20 ]

ความคิดเห็นที่ 78 คคห 75.คุณประมุขพรรคบัวขาว เจตนาคุณมาทำลายผม มิใช่เพื่อธรรมวิจัย .คุณเพี้ยนมาก พูดเอง เออเอง ผมจะไม่สนทนากับคุณอีก คุณใส่ร้ายป้ายสีผม น่ารังเกียจ หากสนทนาหรือใกล้ชิดคุณ...ธรรมที่ผมสะสม...จะหมดไว คุณไปคุยกับคนอื่นนับแต่ความเห็นนี้ คุณเป็นคนที่2..ผมถือว่าไร้เกียรติมาก ผมจะไม่สนทนาด้วยครับ(หากไม่ถึงที่สุดจริงๆ) จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 13:16:19 ]

ความคิดเห็นที่ 79 คุณเกิดฯ คุณมีเวลาเขียนกระทู้ และ วิวาปะทะคารมกับคนในกระทู้ ทำให้ผมสงสัยแล้วว่า กำลังฟังผู้ที่ปฏิบัติธรรมเรียนรู้กายใจและมีธรรมะใกล้เคียงกันหรือไม่ ทำไมไม่ดูตัวเอง เอาแต่ดูคนอื่น แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 13:29:52 จากคุณ : norapob - [ 18 มิ.ย. 52 13:28:52 ]

ความคิดเห็นที่ 80 ^__^ ยิ้มให้คุณเกิดเป็นคนครับ ^__^ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 13:34:37 ]

ความคิดเห็นที่ 81 วิธีเจริญ จิตภาวนา หลวงปู่ดูลย์...!   การบริกรรมพุทโธปล่าวๆโดยไร้เจตจำนง ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย กลับเป็นเครื่องบั่นทอนความเพียร.ทำลายกำลังใจในการเจริญ สติ ..ในคราวต่อๆไป ?...........................?   แต่ถ้าเจตจำนง มั่นคง ..การเจริญสติจะปรากฏผลทุกครั้ง ไม่มากก็น้อยอย่างแน่นอน ดังนั้นการนึกพุทธโธ การเพ่งเล็งสอดส่องถึงความชัดเจนและไมขาดสายของพุทธโธ จะต้องเป็นไปด้วยความไม่ลดละเจตจำนงที่มีอยู่อย่างไม่ลดละนี้ หลวงปู่ดูลย์ เคยเปรียบว่า "..มีลักษณาการประหนึ่งบุรุษหนึ่ง จดจ้องสายตาอยู่ที่คมดาบของข้าศึก..เงื้อขึ้นสุดแขนพร้อมที่จะฟันลงมา ผู้รุษผู้นั้นจดจ้องคอยทีว่า ถ้าคมดาบนั้นฟาดฟันลงมา ตนจะหลบหนีประการใดจึงจะพ้นอันตราย..."  แล้วที่สอนกัน ไม่เพ่งจ้อง ....ชาติไหนจะเกิดสมาธิชนิด รู้ คุณ โทษ...? จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 13:41:57 ]

ความคิดเห็นที่ 82 คุณเกิดเป็นคนครับ อันนั้นหลวงปู่ดูลย์ท่านสอนการภาวนาแบบ สมาธินำปัญญานะครับ ซึ่งเวลาท่านสอนศิษย์ แต่ละคนจะแตกต่างกันไป อย่างกับครูบาอาจารย์บางองค์ท่านก็สอนให้ใช้ ปัญญา นำสมาธิเลยครับ คุณก็แค่เอาข้อธรรมส่วนหนึ่งของหลวงปู่มาอ้างทั้งๆที หลวงปู่สอนนะครับ มีหลากหลายตามแต่จริตของศิษย์ท่าน บางองค์ท่านให้ดูกาย บางองค์ท่านให้ดูเส้นผม บางองค์ท่านให้ทำสมาธิ บางองค์ท่านสอนให้รู้สภาวะธรรมเข้าไปตรงๆเลย คุณ ก็อ่านแต่จากหนังสือที่ตีพิมพ์ธรรมะท่าน แต่คุณไม่เคยไปกราบศิษย์ของหลวงปู่สาย ตรงซึ่งเป็นครูบาอาจารย์มากมาย (นอกเหนือจาก ลพ.ปราโมทย์)เลย กรุณาเปิดใจและศึกษาข้อมูลให้ถ่องแท้ก่อนมาหมิ่นครูบาอาจารย์ท่านอื่นนะครับ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 14:07:40 ]

ความคิดเห็นที่ 83 บางองค์นะครับ หลวงปู่คูลย์ท่านสอนแบบเซนเลย ถ้าเคยได้อ่านธรรมท่านหรือฟังจากศิษย์ท่าน (แน่นอนผมไม่ได้ฟังจาก ลพ.ปราโมทย์องค์เดียวหรอก) จะพบว่าท่านมีธรรม ที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่งครับ เพราะแท้จริงแล้วถ้าถึงปลายทางแล้วจะพบว่ามีทางหลายทาง จริงๆเพียงแต่ทางทุกทางจะบรรจบตรงที่ การเห็นกายนี้ใจนี้ ไม่ใช่เราครับ ขอให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ด้วยครับ ^__^ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 14:16:29 จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 14:11:02 ]

ความคิดเห็นที่ 84 ^ ^ ^ ชาติก่อนของหลวงปู่ ท่านเป็นพระเซ็น ครับ จากคุณ : the GO novice - [ 18 มิ.ย. 52 14:47:30 ]

ความคิดเห็นที่ 85 ความคิดเห็นที่ 59   หากหมายถึง  สรว. ไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว act (อยากทราบก็ให้ถาม คุณใหม่ เจ้าของบ้านอารีย์ ละกัน เดียวจะว่าพูดลอยๆ) ***************  โบโซ่หมายความว่าไปคุยกับ อ สรว เพื่อบอกว่าท่านหนะ ตัวผิดเลย นะให้ฟังไว้ แบบนี้เลยเหรอครับ ผมจะบอกอะไรให้นะครับ ใคร ๆ เขาก็ไปบ้านอารีย์ได้ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครมาสมอ้างว่าได้คุยกับ อ สรว แล้วมาจาบจ้วงว่าท่านเป็นตัวผิด   คุณเป็นใครมาจากไหนครับ คนที่ไม่รู้จักแม้เรื่องง่าย ๆ ว่าการสังคยานาแปลว่าอะไรแบบคุณโบโซ่ (คงจำได้นะครับที่เฮียฮ้อท้วงติง)  คุณเป็นรุ่นน้องผมครับ อย่าได้มาคิดว่าตนเป็นผู้ใหญ่อะไร การที่คุณเป็นครู สนใจธรรมะบ้าง ก็ไม่ได้ทำให้การเป็นครูโจ้ของคุณมันดูดีนะครับ คุณคงอยากมีธรรมะกับเขาบ้าง ได้ชื่อว่ามีธรรมะทัดไว้ที่หูนิดหน่อย ก็คงดูดีเทือกนั้นหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ ที่แน่ ๆ อ สรว ท่านมีคนนับถือทั่วบ้านทั่วเมือง และได้รับรองจาก ลพ ท่านให้สอนธรรม แต่คุณมีอะไรครับ คุณแค่ครูเด็ก ๆ ที่อยากจะมีธรรมะ ด้วยเลือกวิธีเล่นงานคนที่เขามาแก้ต่างในนี้ไม่ได้ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันครับ   อนึ่ง ผมอยากให้คุณขี่มอร์ไซด์ของคุณ ไปพิสูจน์เรื่องอาจารย์ตามหาบัว ไปกับคุณเกิดฯ แล้วก็คุณอีกคนนั่นหนา พากันไปเลยครับ เพราะว่าเขาท้าไว้ภายในเจ็ดวัน แล้วคุณครูโจ้ หรือโบโซ่ คนเดิมคนนี้ ได้อ้างอิงอะไรครับ ไอที่กล่าวลอย ๆ ลม ว่า อ สรว หนะตัวผิด รีบให้ไวเลยครับ รีบยกแสดงด่วน ผมเอาเรื่องอย่างแน่นอนถ้าคุณไม่ยกอ้างอิง มีอย่างที่ไหน มาบอกว่าแค่ได้เจอที่บ้านอารีย์ แล้วคุณสรุปมั่ว ๆเฉยเลย ว่า อ สรว ตัวผิด ส่วนคุณใหม่เขาก็ใจดีแบบนั้นหละ คุณไปคุยหรือใครไปคุย เขาก็สนทนาด้วยดี อย่ามามั่วดีกว่าโบโซ่ จากคุณ : TheAcT - [ 18 มิ.ย. 52 15:12:31 ]

ความคิดเห็นที่ 86 ทำนองไปรับเงินใครมา(TheAct) ตั้งปัญหาซ้ำซาก ดูเหมือนเจตนาจะทำลายอาจารย์ ฯลฯ ผมเบื่อที่จะโต้ตอบครับประเด็นเหล่นี้ มันเลยสถาณการณ์มาแล้ว ************** เกิด 80% กลับมองว่าคุณเกิดฯนั่นหละครับที่ซ้ำซาก บางคนบอกว่าน่าเบื่อ อย่าเลือกอ่านที่พอใจ อ่านความคิดเห็นโดยรวมสิครับ และได้โปรดอย่าคิดอะไรตื้น ๆนะครับ ไม่มีใครรับเงินใครครับ ส่วนเรื่องเจตนาทำลายอาจารย์ ก็ลองลืมตาดูความคิดเห็นจากท่านอื่นนะครับ ว่าเขามองคุณเกิดฯอย่างไร ________________________________ ..หากผมไปพบ อาจารย์ ปราโมทย์ ปราโมชโช ตามที่ ประมุขพรรคบัวขาวท้าทายแล้ว ...ผมจะได้กลับบ้านมาหาลูกเมียผมไหมนี่...TheAct...ท่านประมุข...ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย ไว้ชีวิตด้วย....? ********************* อย่าลามปามครับ นั่นท่านเป็นพระสงฆ์นะครับ จากคุณ : TheAcT - [ 18 มิ.ย. 52 16:30:17 ]

ความคิดเห็นที่ 87 อ้าว นี่ไปจาบจ้วง อ. สรว อีกคน แล้วเหรอ ลองอ่านนี่ดูครับ ถ้ายังบอกว่าผิด ก็ต้องบอกว่า ท่านพุทธทาส สอนผิด ด้วยเหมือนกันครับ อ. สรว ก็เดินตามทางนี้แหละครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 17:12:01 จากคุณ : the GO novice - [ 18 มิ.ย. 52 16:44:05 ]

ความคิดเห็นที่ 88 คุณ : the GO novice ยกนำมากล่าวไว้ดีแล้ว ประเสริฐแล้ว ผมเป็นอีกท่านที่เคารพคำสอนของท่านพุทธทาสมาก ๆ รู้สึกว่าคุณเซนฯ ก็เป็นสายนี้นะครับ ไม่แน่ใจว่าเคยสดับธรรมส่วนนี้หรือไม่อย่างไร จากคุณ : TheAcT - [ 18 มิ.ย. 52 16:57:40 ]

ความคิดเห็นที่ 89 ทุกครั้งที่ผมเห็นกระทู้แบบนี้ใจก็กระเพื่อมทุกที ....... ผมไม่อยากให้องค์หลวงตา หรือ ครูบาอาจารย์อาวุโสท่านใดออกมายืนยันเกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์เลย เพราะกลัวว่าอีกหน่อยท่านจะเหนื่อยยิ่งกว่านี้ ทุกวันนี้ท่านก้เหนื่อยมากอยู่แล้วกับการสอนโยม (ส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะผมเห็นแก่ตัวด้วย กลัวว่าถ้าอีกหน่อยคนเยอะกว่านี้ โอกาสที่จะได้ส่งการบ้านท่านจะน้อยลง) แต่ผมก็ขออนุโมทนากับพี่ๆ ทั้งหลายที่เข้ามาอธิบายหลักธรรมคำสอนของหลวงพ่อปราโมทย์ให้ผู้อื่นเข้าใจนะครับ ^^ กมฺ มุนา วตฺ ตติ โลโก ไปแล้วนะครับ ผมไปทำกิจของผมดีกว่า PS. ปกติวัดใกล้ๆกรุงเทพที่ผมไป มีอยู่ 2 ที่ คือ สวนสันติธรรม กับ วัดบุญญาวาส เมื่อ 3 เดือนก่อนที่ผมไปกราบพระอาจารย์ตั๋นท่านก็เมตตาสอนเกี่ยวกับการดูจิตที่ผมทำอยู่ ถึง 20 นาทีเลยทีเดียว ^_^  ท่านเมตตามากๆครับ จากคุณ : The fox in the stock - [ 18 มิ.ย. 52 17:25:50 ]

ความคิดเห็นที่ 90 พระอาจารย์ สงบมนัสสันโต เจ้าของหนังสือธงธรรม จากคุณ : ดาญาณ - [ 18 มิ.ย. 52 17:49:46 ]

ความคิดเห็นที่ 91 ขออภัยที่ให้รอครับ คุณประมุขพรรคบัวขาว "ผมแปลความผิดไม่ผิด"นี่ ผู้ที่แตกฉานในตรรกะ จะเป็นผู้พิจารณาเองครับ บางคนเข้าใจ บางคนไม่เข้าใจ ก็ต้องว่าไปตามนั้น สำหรับคุณประมุขฯ ผมว่าต้องไปอ่านสิ่งที่ผมแย้งธรรมะ ลพ.ปราโมทย์ อีกหลายหน พื้นฐานภาษาไทยและตรรกะของผมและคุณ ไม่ใครก็ใครต้องผิดแหละครับ ไม่ต้องลงลึกถึงธรรมะหรอกครับ ไม่คุณผิดผมก็ผิด เช่นเดียวกับ สิ่งที่ ลพ.สงบ ท่านพูดว่า "ลพ.ปราโมทย์ สอนผิด .... ถ้าถูกให้มากระทืบเราได้เลย..." ตามที่คุณเกิดฯอ้าง ก็เหมือนกัน ไม่ใครก็ใครต้องผิดแหละครับ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 18:36:58 ]

ความคิดเห็นที่ 92 ความเห็นที่ 54 คุณประมุขฯ ไปดูที่ความเห็นที่47-48 ใหม่นะครับ ผมเปลี่ยนคำตามที่คุณน้องต๋าว บอกมา  หรือถ้าผมเข้าใจคุณน้องต๋าวผิด ก็ขออภัยคุณน้องต๋าว จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 18:42:00 ]

ความคิดเห็นที่ 93 ผมยังนับถือระดับความนิ่ง/สงบ/ละเอียด ของคุณJhobby คุณประมุขฯ ลองนำมาเป็นตัวอย่างนะครับ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 18:43:59 ]

ความคิดเห็นที่ 94 คุณAct เรื่องที่คุณเกิดฯ กลัวน่ะ หมายถึงโดนลูกศิษย์ "เม้ง" เอา.... ซึ่งเกิดขึ้นได้ หากครูจารย์เอาลูกศิษย์ศรัทธานำมากๆเอาไม่อยู่   ขนาดในพันทิป ยังล่อคุณเกิดฯ แบบสาดเสียเทเสียขนาดนี้ ยังไงก็ตาม กรณีนี้ ก็อาจเกิดกับฆราวาสที่เข้าไปวัดป่าบ้านตาดได้เหมือนกัน เพราะลูกศิษย์แรงๆมีเยอะ แต่ไม่ต้องห่วงกับ วัดป่าเขาแดงใหญ่ ของ ลพ.สงบครับ  ลูกศิษย์ท่านยังง่ายๆอยู่ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 18:50:32 ]

ความคิดเห็นที่ 95 __/\__ จากคุณ : qwe - [ 18 มิ.ย. 52 19:00:39 ]

ความคิดเห็นที่ 96 คุณประมุขฯ ช่วยลองตรึกความเข้าใจของผม เกี่ยวกับ "ปัญญานำสมาธิ" และ "สมาธินำปัญญา" อีกครั้งครับ ทั้งสอง "....." ล้วนแล้วแต่ เป็นทางเพื่อเข้าสู่สมาธิที่ไร้ซึ่งอวิชชา (จะมากจะน้อย ตามระดับธรรม) เพื่อเป็นฐานสู่การเจริญสติปัฏฐานสี่ ปัญหาในคำสอนของลพ.ปราโมทย์คือ >>>>"ต้องรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถึงจะเป็นวิปัสสนาได้">>>> สัมมาสมาธิ = วิปัสสนา!?! หนึ่งกับสอง เกิดพร้อมกันไม่ได้ ต้องหนึ่งถึงมีสอง ต้องอ้าปากถึงกินข้าวได้  ไม่อ้าปากยัดข้าวลงทางไหน!?! ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า ที่คุณทดลองปฏิบัติแล้วเห็นจริงตามคำสอนของ ลพ.ปราโมทย์เนี่ย.... เห็นนิมิต หรือ มีอาการทางจิต (ไม่ใช่โรคจิตนะครับ) เหมือนที่ คุณเกิดฯ เคยเป็น หรือเปล่า ไม่ขอวิจารณ์ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 19:01:28 ]

ความคิดเห็นที่ 98 ขอบพระคุณ คุณ Satoranai สำหรับ คคห.93 ครับ ความจริงแล้วผมเป็นคนที่โทสะแรงมาก จนเมื่อมาหัดดูจิตตามแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ และเป็นบุญที่ได้มีโอกาสฝากตัวเป็นลูกศิษย์ทางอีเมล์ กับพี่ฆราวาสนักภาวนาท่านหนึ่ง ซึ่งเมตตาแนะนำจุดที่ควรจะหมั่นสังเกตให้ทางอีเมล์ ทั้งๆที่ไม่เคยพบเจอกันมาก่อน แต่คำแนะนำของพี่ท่านนั้นตรงจุดเสมอๆ โดยจุดแรกที่พี่เค้าแนะนำมาก็คือ เวลาหงุดหงิด ผมยังยึดความหงุดหงิด เวลากระวนกระวาย ผมยังยึดความกระวนกระวาย และให้ผมคอยสังเกตดูอาการดังกล่าว ซึ่งผมก็พากเพียรดูตามที่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตาแนะนำให้ (ปกติผมจะส่งการบ้านกับหลวงพ่อและเมล์ถามพี่ฆราวาสท่านนี้เป็นระยะๆ) จนจิตแยกจากอาการมาเป็นผู้ดู หลังจากนั้นจึงเกิดความเข้าใจความจริงของกายและใจขึ้นมาได้บ้างครับ และมีผู้ทักว่าใจเย็นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อคุณ Satoranai ได้กรุณาแสดงความรู้สึกที่ดีต่อผมมา ผมซึ่งเป็นศิษย์จึงขอขอบคุณ และชี้แจงว่าเป็นเพราะความเมตตาที่ผมได้รับจากพระอาจารย์ปราโมทย์และพี่ฆราวาสท่านนั้นครับ จากคุณ : jhobby - [ 18 มิ.ย. 52 20:38:41 ]

ความคิดเห็นที่ 99 ต่อจาก คคห81....(หลวงปู่คูลย์) ...เจตจำนงต้องแน่วแน่ปานนั้น สมาธิจึงจะเกิดได้ไม่เช่นนั้นอย่าทำให้เสียเวลาบั่นทอนศรัทธาตัวเองเลย...!  ดูเถอะ ถึงจะแนวไหน ใด ก็ตาม..ดูเจตจำนงซีครับ วัดกันได้ไหมกับไม่เพ่งจ้องนะครับ ...กว่าจะเกิดสมาธินี่..ขนาดไหน...?   แล้วไม่เพ่ง.. จ้อง.. คอยแลอยู่.. จิตมีสิทธิ์ไหม...ผมว่าไปถาม.. ฝน ธนะสุนทร ของแกรมมี่ ดีกว่า.. ขอใช้สิทธิ์ไงครับ.. เผื่อสมาธิจะมา...? จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 20:46:39 ]

ความคิดเห็นที่ 100 โอ้...ผมลืมทักทาย กัลยา ณ มิตร ของผม นู๋บี -บัวห้าเหล่า ดูฮวงซ้ยไว้เผื่อบ้างนะ กัลยา ณ มิตร...!       สำหรับท่าน ท่าน sotarinai...โปรดระวัง กองหลอน(หลังไมด์ไว้ใจไม่ได้ครับ ของผมมาหลายราย) กองหลอก.. (หน้ากระดาน) กองล่อลวง....(มาประสานกันเป็นทีม ใช้ระบบเออออ กับอวยกันเองครับ โปรดระวังเพราะผมโดนแล้วครับ..!)   เตือนท่านได้แค่นี้ครับ กระทู้นี้ท่านก็โดน ตีสี ..ใส่ไข่.. ซะเสียผู้เสียคนไปแล้ว ดูความเห็นที่ 65...นะครับ..!ผมอ่านแล้วไม่เห็นมีอย่างเขาว่าไว้..เฮ้อ..! จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 20:58:39 ]

ความคิดเห็นที่ 101 คำสอนหลวงพ่อทูล กระดูกท่านเป็นพระธาตุ คงไม่หาว่าท่านสอนผิดอีกหรอกนะ จากคุณ : the GO novice - [ 18 มิ.ย. 52 21:05:45 ]

ความคิดเห็นที่ 102 จากหนังสือจุดประกายแห่งปัญญา จากคุณ : the GO novice - [ 18 มิ.ย. 52 21:06:18 ]

ความคิดเห็นที่ 103 อะไรกันนี่ จากคุณ : oor_dt - [ 18 มิ.ย. 52 21:06:28 ]

ความคิดเห็นที่ 104 จากหนังสือ พุทโธ จากคุณ : the GO novice - [ 18 มิ.ย. 52 21:06:52 ]

ความคิดเห็นที่ 105 หลวงปู่ดูลย์ ท่านสอนวิธีนี้ด้วยนี่ครับ  คุณเกิด v v วิธีเจริญจิตภาวนาตามแนวการสอนของ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ๑. เริ่มต้นอริยาบถที่สบาย ยืน เดิน นั่ง นอน ได้ตามสะดวก ทำความรู้ตัวเต็มที่ และ รู้อยู่กับที่ โดยไม่ต้องรู้อะไร คือ รู้ตัว อย่างเดียว รักษาจิตเช่นนี้ไว้เรื่อยๆ ให้ " รู้ อ ยู่ เ ฉ ย ๆ " ไ ม่ ต้ อ ง ไ ป จำ แ น ก แยกแยะ อ ย่ า บั ง คั บ   อ ย่ า พ ย า ย า  ม   อ ย่ า ป ล่ อ ย ล่ อ ง ล อ ย ต า ม ย ถ า ก ร ร ม เมื่อรักษาได้สักครู่ จิตจะคิดแส่ไปในอารมณ์ต่างๆ โดยไม่มีทางรู้ทันก่อน เป็นธรรมดาสำหรับผู้ฝึกใหม่ ต่อเมื่อจิตแล่นไป คิดไปในอารมณ์นั้นๆ จนอิ่มแล้ว ก็จะรู้สึกตัวขึ้นมาเอง เมื่อรู้สึกตัวแล้วให้พิจารณาเปรียบเทียบภาวะของตนเอง ระหว่างที่มีความรู้อยู่กับที่ และระหว่างที่จิตคิดไปในอารมณ์ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อเป็นอุบายสอนจิตให้จดจำ จากนั้น ค่อยๆ รักษาจิตให้อยู่ในสภาวะรู้อยู่กับที่ต่อไป ครั้นพลั้งเผลอรักษาไม่ดีพอ จิตก็จะแล่นไปเสวยอารมณ์ข้างนอกอีก จนอิ่มแล้ว ก็จะกลับรู้ตัว รู้ตัวแล้วก็พิจารณา และรักษาจิตต่อไป ด้วยอุบายอย่างนี้ ไม่นานนัก ก็จะสามารถควบคุมจิตได้ และบรรลุสมาธิในที่สุด และจะเป็นผู้ฉลาดใน "พฤติแห่งจิต" โดยไม่ต้องไปปรึกษาหารือใคร http://www.wimutti.net/pudule/dharma1.htm จากคุณ : taken01 - [ 18 มิ.ย. 52 21:07:19 ]

ความคิดเห็นที่ 106 ถ้าทางคู่ชกพี่จะไม่อยู่ ผมขอสนองตัณหาพี่ก่อนละกัน "หนึ่งกับสอง เกิดพร้อมกันไม่ได้ ต้องหนึ่งถึงมีสอง ต้องอ้าปากถึงกินข้าวได้  ไม่อ้าปากยัดข้าวลงทางไหน!?!" ฟังนะพี่กระบวนการนี้มันเกิดเร็วมาก ผมเชื่อว่า วิธีดูจิตที่ถูกต้องนั้น เราเจริญสติ แล้วกระทำในใจไว้ซึ่งทางสายกลาง จิตดูแล้ว เห็นความตึงไป จิตไม่ชอบทุกข์ จิตก็ถอนตัวออกจากสิ่งที่เกาะนั้น เปลี่ยนฐานใหม่ อย่างนี้ที่เขาเรียกกันว่า "แยก" ผู้รู้ กับสิ่งที่ถูกรู้ พอจิตมาอยู่ที่รู้ที่ถูกกว่าทีแรก จิตก็พัก เพราะสบายกว่าเมื่อกี้ ก็มีกำลังขึ้นมาอีกนิด (ตรงนี้แหละต้องสังเกตุให้ดีว่าหย่อนไปไหม) และก็เพราะความเคยชินจิตจึงกลับมามีอัตตาตัวตนอีกเหมือนเดิม ผู้ปฏิบัติก็ดูอยู่เพราะกระทำในใจ ไว้ซึ่งเจริญสติ แล้วกระทำในใจไว้ซึ่งทางสายกลาง และทุกครั้งที่เห็น จิตก็ปรับฐานใหม่ไปสู่การรู้ที่ถูกต้อง เพราะคนเรามันชอบสบาย กิเลสมันจะไม่เอาสิ่งที่เป็นทุกข์ ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จนเบื่อ จนหน่าย มันก็คงจะบอกเลิกกันได้ นี้ปัญญานำ อันนี้ลองตั้งในใจไว้ซึ่งทางสายกลาง ไม่ตึงไป หย่อนไปดู จากคุณ : ทำเป็นทำ - [ 18 มิ.ย. 52 21:13:51 ]

ความคิดเห็นที่ 107 คคห105..คุณTaKeno1...ผมทราบครับ แต่ผมกำลังจะเทียบการเกิดสมาธิ..ยาก -ง่าย ให้ดูครับ เผื่อมีผู้สนใจ...?  จะว่าไปแล้ว ผมก็ข้องใจนัก กับวิธีดูจิต ที่คุณยกมานั้น..ว่าต้องใช้สมาธิ ขั้นใดกำหนด ชัดๆครับ หรือ แค่ ขนิกกะ ..นั้นแค่ใด..?  หรือใช้สอนบุคคล ประเภทใด และที่ไหนแน่ ในพระสูตร มีไหมครับชัดๆว่าท่านใช้สอนบุคคลประเภทใดครับ พร้อม หรือ ทั่วไปครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 18 มิ.ย. 52 21:24:19 ]

ความคิดเห็นที่ 108 ความเห็นที่ 106ครับ  ที่คุณเชื่อว่า... บังเอิญ มีความเห็นที่ 105 เลยใช้อธิบายได้ "....ด้วยอุบายอย่างนี้ ไม่นานนัก ก็จะสามารถควบคุมจิตได้ และบรรลุสมาธิในที่สุด..." ย้ำว่า"บรรลุสมาธิ"  นี่แหละคือปัญญาอบรมสมาธิ    แล้วถึงดำเนินในขั้นต่อไป สรุปว่า ต้องค่อยๆอ้าปากก่อนครับ จะนั่งเฉยๆหรือเดินไปเดินมา ก็ต้องอ้าปากก่อน ถึงป้อนข้าวได้ครับ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 22:08:58 ]

ความคิดเห็นที่ 109 ที่จริงคุณเกิด  ก็เห็นสติปัฏฐานสูตรแล้วล่ะ แต่ตั้งคำถามเหมือนกับว่า วิธีดูจิต ไม่ใช่การวิธีในสติปัฏฐานสูตร (ในสติปัฏฐานสูตร ก็ไม่ได้บอกว่า ใช้สมาธิขั้นไหนเจริญ หมวดไหน บรรพไหน  ถูกไหมครับ แต่เมื่อเจิรญสติปัฏฐานสี่บริบูรณ์  โพธิปักขิยธรรมทั้งหมด ก็บริบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว ) เมื่อมองกันคนละมุม แบบนี้  ก็สนทนากันไม่รู้เรื่องหรอกครับ   จากคุณ : taken01 - [ 18 มิ.ย. 52 22:10:06 ]

ความคิดเห็นที่ 110 ความเห็นที่ 98 อนุโมทนาครับ จากคุณ : Satoranai - [ 18 มิ.ย. 52 22:10:17 ]

ความคิดเห็นที่ 111 5555 คุณ satoranai มาไม่สมกับที่ผมเฝ้ารอเลย แค่นี้ก็แสดงแล้วว่าคุณตีความหมายหลวงพ่อผิดไป กล่าวคือปัญญาไม่ถึงแต่ไปตึความธรรมท่าน ผิดๆ เพระาไม่ได้ศึกษาให้ท่องแท้จบกระบวนความ ซึ่งผมต้องขอโทษด้วยที่พูดตรงๆนะครับ เพราะผมเป็นคนตรง ความหมายของหลวงพ่อคือ ใช่ครับต้องมีสัมมาสมาธิเกิดก่อนถึงจะทำวิปัสสนาได้ ผมขออธิบายขั้นตอนการดูจิตแบบสุขวิปัสโกให้ฟัง ในขั้นแรก ท่านสอนให้นักภาวนารู้จักกับความรู้สึกตัว หรือสภาวะตื่นที่เกิดจากการ ที่จิตพร้อมด้วย สติ + สัมปชัญญะ + สัมมาสมาธิ (ที่เป็นขนิกสมาธิ) แต่การที่จะ ให้เกิดความรู้สึกตัวหรือจิตที่รุ้ตื่นเบิกบานได้นั้น เราไม่สามารถสร้างได้ แต่เราทำ เหตุใกล้ให้เกิดได้ คือการเฉลียวใจระลึกรู้ถึงสภาวะธรรมต่างๆที่เกิดขึ้นไม่ว่ากาย หรือใจ โดยจะเป็นการเกิดขึ้นทีละขณะๆ จะแตกต่างจากสายสมาธินำปัญญาที่มี จิตผู้รู้อันเกิดจากทุติฌานที่จะมีตั้งมั่นความยาวนานกว่า ขั้นต่อมา ท่านให้เอาความรู้สึกตัวที่พร้อมด้วย สัมมาสติ + สัมปชัญญะ และมีขนิกสมาธิ ที่เป็นสัมมาสมาธิ มาเจริญวิปัสสนาตามรู้กายใจต่อไป นี่ครับ นี่คือวิธีที่แท้จริงของหลวงพ่อปราโมทย์ ถ้านำมาอธิบายเป็นขั้นตอนก็จะได้แบบข้างต้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว กรรมวิธีขั้นที่ 1และ  2 จะแทบสลับไปมาจนแทบแยกไม่ออกเลย แต่จะเห็นได้ว่าองค์ประกอบรวมจิตมีความตั้งมั่นด้วย พร้อมกับเห็นการเกิดดับของรุปและนาม ตามแต่กำลังผู้ปฎิบัติ คุณหน่ะดีแต่เอาธรรมบางส่วนท่านมาตีความโดยไม่ได้ศึกษาจริงจังก็มาหมิ่นหลวงพ่อแล้ว น่าเป็นห่วงคุณจริงๆ ^__^ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 22:34:18 ]

ความคิดเห็นที่ 112 เข้ามาขออภัยในความสะเพร่าของตัวเองที่ได้แสดงความเห็นด้วยคำพูดหยาบโลน เพราะพื้นเดิมผมเป็นคนนิสัยเสียเช่นนั้น ดังนั้นถ้าไม่ได้มีเวลามานั่งกลั่นกรองคำพูดเสียก่อน (ดังความเห็นที่ได้แสดงไปก่อนหน้า) ย่อมเกิดความเข้าใจผิดต่อกันได้โดยง่าย ผมยอมรับว่าพอ post ไปแล้วมาลองคิดๆดู (เพราะรีบไปเรียนต่อ)  รู้สึกว่าน่าจะไม่เหมาะสมที่จะกล่าวด้วยคำพูดเช่นนั้น แต่จะเข้ามาเปลี่ยนท่านเกิดฯก็อ่านไปก่อน และรู้สึกไม่ดีกันไปเสียแล้ว จึงต้องมาขออภัยอีกที เพราะผมปากเสียเป็นนิสัย แต่ใจไม่ได้จงใจสร้างความรู็สึกไม่ดีต่อกันนะครับ ปล. เพื่อทบทวนการใช้คำพูดคำจา และความรอบคอบรัดกุมของตัวเองในการสนทนากับผู้อื่น ผมขอประกาศจะไม่แสดงความคิดเห็นใดๆสักพักหนึ่ง (จนกว่าจะแก้นิสัยไม่รอบคอบนี้ได้) ทั้งนี้เพื่อรับผิดชอบต่อการกระทำที่เกิดขึ้น... ขอให้ทุกท่านที่คำพูดของผมได้ไปกระทบไม่ว่าทางตรง ทางอ้อม โปรดอภัยผมด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 22:42:02 แก้ไขเมื่อ 18 มิ.ย. 52 22:37:57 จากคุณ : 44SFA1 - [ 18 มิ.ย. 52 22:37:13 ]

ความคิดเห็นที่ 113 ต่อครับ กล่าวคือนักดูจิตนะครับ ทำสมาธิอยู่ในตัวอยู่แล้ว เพราะระหว่างที่ดูจิต จิตจะเกิดการพลิกไปมาระหว่างสมถะและวิปัสสนาอยู่แล้วครับตามที่ ผมอธิบายข้างต้น ซึ่งคุณโจมตีหลวงพ่อว่าไม่ได้ทำสมาธิก่อนทำวิปัสสนา นั้นเป็นเรื่องคิดเองเออเองของคุณเเองครับ ผมก็เลยไม่เข้าใจว่าหลวงพ่อสอนผิดตรงไหน เพราะที่ท่านบอกไว้คือ "ต้องรู้กายรู้ใจด้วยจิตที่ตั้งมั่น (มีสัมมาสมาธิ) ถึงจะเป็นวิปัสสนาได้" ท่านก็บอกแล้วว่าต้องมีสัมมาสมาธิก่อน ซึ่งสัมมาสมาธิที่ท่านพูดก็คือขนิกสมาธิ ที่เกิดจากการตื่นรู้ เพราะเกิดจากจิตเฉลียวระลึกรู้สภาวะธรรมจนตื่นขึ้นมาได้ เอาจริงๆนะครับ จะปัญญานำสมาธิ หรือสมาธินำปัญญาก็แทบจะไม่แตกต่างกันเลย สมาธินำปัญญา ใช้จิตผู้รู้ที่เป็นสัมมาสมาธิอันเกืดในชั้นทุติยฌานขึ้นไปทำวิปัสสนา ในขณะที่ปัญญานำสมาธิใช้จิตที่รุ้ตื่นเบิกบาน จากการระลึกรู้สภาวะธรรม คือมีสคิ จากการรุ้สภาวะธรรม ซึ่งเป็นจิตที่มีขนิกสมาธิซึ่งเป็นสัมมาสมาธิเข้าไปทำวิปัสสนา หวังว่าคุณจะเข้าใจที่ผมอธิบายลึกๆอย่างนี้นะครับ จากคุณ : ประมุขพรรคบัวขาว - [ 18 มิ.ย. 52 22:46:51 ]

ความคิดเห็นที่ 114 ความคิดเห็นที่ 59   หากหมายถึง  สรว. ไปคุยมาเรียบร้อยแล้ว act (อยากทราบก็ให้ถาม คุณใหม่ เจ้าของบ้านอารีย์ ละกัน เดียวจะว่าพูดลอยๆ) *************** โบโซ่หมายความว่าไปคุยกับ อ สรว เพื่อบอกว่าท่านหนะ ตัวผิดเลย นะให้ฟังไว้ แบบนี้เลยเหรอครับ ผมจะบอกอะไรให้นะครับ ใคร ๆ เขาก็ไปบ้านอารีย์ได้ทั้งนั้น แต่ไม่มีใครมาสมอ้างว่าได้คุยกับ อ สรว แล้วมาจาบจ้วงว่าท่านเป็นตัวผิด คุณเป็นใครมาจากไหนครับ คนที่ไม่รู้จักแม้เรื่องง่าย ๆ ว่าการสังคยานาแปลว่าอะไรแบบคุณโบโซ่ (คงจำได้นะครับที่เฮียฮ้อท้วงติง)  คุณเป็นรุ่นน้องผมครับ อย่าได้มาคิดว่าตนเป็นผู้ใหญ่อะไร การที่คุณเป็นครู สนใจธรรมะบ้าง ก็ไม่ได้ทำให้การเป็นครูโจ้ของคุณมันดูดีนะครับ คุณคงอยากมีธรรมะกับเขาบ้าง ได้ชื่อว่ามีธรรมะทัดไว้ที่หูนิดหน่อย ก็คงดูดีเทือกนั้นหรือไม่ ผมไม่แน่ใจ ที่แน่ ๆ อ สรว ท่านมีคนนับถือทั่วบ้านทั่วเมือง และได้รับรองจาก ลพ ท่านให้สอนธรรม แต่คุณมีอะไรครับ คุณแค่ครูเด็ก ๆ ที่อยากจะมีธรรมะ ด้วยเลือกวิธีเล่นงานคนที่เขามาแก้ต่างในนี้ไม่ได้ ลูกผู้ชายเขาไม่ทำกันครับ   อนึ่ง ผมอยากให้คุณขี่มอร์ไซด์ของคุณ ไปพิสูจน์เรื่องอาจารย์ตามหาบัว ไปกับคุณเกิดฯ แล้วก็คุณอีกคนนั่นหนา พากันไปเลยครับ เพราะว่าเขาท้าไว้ภายในเจ็ดวัน แล้วคุณครูโจ้ หรือโบโซ่ คนเดิมคนนี้ ได้อ้างอิงอะไรครับ ไอที่กล่าวลอย ๆ ลม ว่า อ สรว หนะตัวผิด รีบให้ไวเลยครับ รีบยกแสดงด่วน ผมเอาเรื่องอย่างแน่นอนถ้าคุณไม่ยกอ้างอิง มีอย่างที่ไหน มาบอกว่าแค่ได้เจอที่บ้านอารีย์ แล้วคุณสรุปมั่ว ๆเฉยเลย ว่า อ สรว ตัวผิด ส่วนคุณใหม่เขาก็ใจดีแบบนั้นหละ คุณไปคุยหรือใครไปคุย เขาก็สนทนาด้วยดี อย่ามามั่วดีกว่าโบโซ่ จากคุณ : TheAcT ************ รอคำอธิบายอยู่ครับคุณเทพแมว แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 52 00:22:05 จากคุณ : TheAcT - [ 19 มิ.ย. 52 00:19:55 ]

ความคิดเห็นที่ 115 (ค.ห.85) คุณเป็นใครมาจากไหนครับ คนที่ไม่รู้จักแม้เรื่องง่าย ๆ ว่าการสังคยานาแปลว่าอะไรแบบคุณโบโซ่ A.c.T says: เฮียฮ้อไง เล่าให้ฟัง jo_swu says: ไงหรือ A.c.T says: เขาบอกว่าคุณหนะ เข้าใจผิดเรื่องสังคยานา jo_swu says: เรื่องราวเป็นยังไง A.c.T says: บอกว่าพระไตรปิฏกมีส่วนผิด จึงได้สังคยานา jo_swu says: ใช่ จากคุณ : เทพแมว - [ 19 มิ.ย. 52 01:06:22 ]

ความคิดเห็นที่ 116 A.c.T says: การสังคยนา ไม่ใช่ว่าพระไตรฯผิด แต่เป็นการทำให้คนทั้งหลายโดยเฉพาะพระสงฆ์ ได้ทำการท่องมุขปาฐะกันใหม่ --------------------------------------------------------------------------------- jo_swu says: ความคิดเห็นที่ 7 : (สุรวัฒน์) ผมเข้าใจว่า ผู้รู้ในความหมายของการเจริญสติปัฏฐานนั่นไม่ใช่อาการอย่างใดอย่างหนึ่ง แต่หมายถึงจิตที่กำลังทำหน้าที่รู้อารมณ์ ด้วยความมีทั้งสติและสัมปชัญญะ ผู้รู้นี้จะเป็นสิ่งที่ทำหน้าที่รู้หรือดูอารมณ์ ดังนั้นเราจึงไม่สามารถเห็นผู้รู้ได้ การพยายามที่จะดูผู้รู้ตรงๆจึงไม่ใช่วิธีการปฏิบัติที่ถูกต้อง http://www.larndham.net/cgi-bin/kratoo.pl/003076.htm jo_swu says: อ่าน ของพระอาจารย์จวน ก่อนดีกว่า ธรรมะจาก พระอาจารย์จวน กุลเชฏฺโฐ วัดเจติยาคีรีวิหาร (ภูทอก) อ.บึงกาฬ จ.หนองคาย ถ้ารู้ธรรม... ก็ขอให้สักแต่ว่ารู้ เมื่อรู้แล้วก็นำธรรมะนั้นมาฟอกซัก ชำระเสียให้สะอาด ใจเรามันสกปรกมานาน ต้องล้างเสียที อวิชชามันเยอะมันหุ้มไว้จนหมดมิด เมื่อจิตใจหมดจดแล้ว (รู้ด้วยสติปัญญา นะ) จิตใจผู้รู้นั่นแหละมันก็จะปล่อยวางธรรมนั้นไป จิตผู้รู้ก็จะทรงอานุภาพด้วยปัญญาอย่างโดด ๆ ไม่เกาะเกี่ยว ไม่ข้องแวะกับอะไร เป็นปกติใสสว่างเป็นจิตเดิมแท้ ทีนี้แหละ อะไรที่ไม่รู้ มันก็จะรู้ สิ่งไหนไม่อยากรู้ มันก็รู้ มันก็ตื่น มันก็เบิกบานของมันไป ครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านจึงต้องสอน เอาความโง่ของพวกเราออก เอาความดีใสมาแทนให้ เราก็จงรับไปปฏิบัติซี... เอามาแล้วก็มาวางไว้เฉย ๆ มันจะได้ประโยชน์อะไรเล่า (อ่านแล้วลองเทียบกันดูนะ) A.c.T says: เอางี้นะ ผมจะถือว่าคุณไม่เข้าใจดังที่เห็น ๆกันอยู่ คุณลองแบบที่ผมจะแนะนำมั๊ยหละ เพราะว่ามันก้าวหน้าเป็นอย่างมาก คุณลองรู้เฉย ๆ ไม่แทรกแทรงสิ รู้เหมือนทีมสารคดี ที่รู้เฉย ๆไม่ไปยุ่งกับสิ่งที่เขาถ่ายทำหนะ A.c.T says: ผมอ่านปร๊าดเดียวก็เข้าใจหลวงพ่อจวญ ที่คุณยกมา คุณอย่าคิดมากเกินไป อย่าเรียนแบบเอาของเก่ามาเทียบ คุณลองดูนะ ให้เวลาเดือนนึง ลองปฏิบัติแบบที่ผมแนะ แล้วคุณจะเข้าใจได้เอง คุณจะไม่ค้านเลย ตรงกันข้าม คุณจะได้เปิดโลกของความที่จิตนั้นเข้าใจอย่างแท้จริง ผมเอาชีวิตครอบครัวผมเป็นเดิมพันได้เลย A.c.T says: ลองดูนะ ลองสักเดือน ผมหายโกรธคุณแล้ว ขอแค่คุณลองดูเท่านั้น ถ้ามันไม่ดีขึ้น คุณค่อยกลับไปทำแบบเดิม (ไม่โกรธกัน ก็ไกล่เกลี่ย กันเสร็จแล้วนะ) จากคุณ : เทพแมว - [ 19 มิ.ย. 52 01:18:20 ]

ความคิดเห็นที่ 117 คุณ taken 01คคห.109..สงสัยอย่างคุณว่า ผมเข้าใจ สติปัฎฐานสี่ ไม่ชัด ด้วยไม่มีพืนปริยัติแน่นๆ....ได้แต่ข้องใจ การดูจิต 2 วิธีนี้ไม่เข้าใจว่าเหตุไฉน....   วิธีที่ผมยกมา ทำให้เห็นผล หนัแน่นแน่นอน น่านับถือ เห็นได้ในภายหน้าไม่วิตกกังวล...แต่   อีกวิธี ถึงได้ขาด ความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติว่าจะเกิดผลได้จริง..มองเห็นเลยก่อนลงมือทำ ... มองเห็นผล ลางเลือนจริงๆ..ในทางปฏิบัติ แทบไม่เกิดสมาธิได้เลย ของผู้ฝึก โดยนำวิธีแรกมาเทียบเคียง ในการเกิดสมาธิจิต ..ขนาดเน้นย้ำดังวิธีแรกนั้น ยังยากนัก สาหัส ทั้งชีวิต...!  ทำให้ผมสงสัยว่า...เป็นการดูจิต ที่ใช้ที่ใด สมาธิขั้นไหน แล้วมีภิกษุในพุทธกาลกี่รูป ที่สำเร็จในวิชานี้.....ท่านใช้สอนกับบุคคลประเภทใดกันแน่ครับ..? จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 19 มิ.ย. 52 07:43:03 ]

ความคิดเห็นที่ 118 ขอสนทนากับสหายเก่า คุณเกิด ครับ ผมไม่ได้กล่าวถึงผู้อื่น นอกจากต้องการสนทนากับคณเกิด เท่านั้น เพียงผู้เดียว คุณเกิด ในฐานะสหายเก่า ผมมองเห็นว่า สิ่งที่คุณเกิดกำลังสับสนอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพราะว่า คุณเกิด ยังไม่เข้าใจ คำว่า สัมมาสมาธิ ในมรรค 8 อยางแท้จริง ทำไมถึงไม่เข้าใจ  อันนี้ ผมไม่ทราบครับ ต้องอยู่ที่ตัวคุณเกิดเอง แต่สิ่งหนึ่งในมรรค 8 เรื่องสัมมาสมาธิ กล่าวไว้อย่างชัดแจ้งก็คือ ความตั้งมั่นในระดับ ฌาน ครับ จะเป็นปฐม ทุติ ตติ จตุ อะไรก้แล้วแต่ ต้องเป็นเป็นความตั้งมั่นระดับ ฌานได้ แต่อนิจจาครับ ความตั้งมั่นระดับฌาน เพื่อการเจริญวิปัสสนา ไม่ใช่ตัวนิ่งแข็งทื่อ จนไม่รู้เรื่องราว นั่นเป็น ฌานแบบฤาษี ไม่ใช่ สัมมาสมาธิ ครับ สัมมาสมาธิ จะต่อสืบต่อเนื่องจาก สัมมาสติ  เมื่อสัมมาสติ ติดต่อกันไม่ขาดสาย และตั้งมั่น จึงเป็นสัมมาสมาธิครับ  ทีนี้ คุณเกิด ก็ต้องไปดูต่อว่า อันว่า สัมมาสติ นี่คืออะไร จะเดินทางเข้าสู่ สัมมาสติ อย่างไร ใหม่ ๆ ก็จะไม่ตั้งมั่น เพราะ....  ก็ต้องฝึกฝนจนตั้งมั่นให้ได้ระดับ ฌาน ในสัมมาสมาธิครับ เมื่อ ตั้งมั่นแล้ว จิตย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริง ดูเรื่องที่ ท่านเซน เชียนซิครับ http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7988883/Y7988883.html ผมไม่ได้อ้างเพราะพระสูตร เข้าไว้ แต่นี่คือสิ่งที่ผมพบเองจริง ๆ ช่างตรงกับพระสูตร ทุกประการ ผมขออนุญาคิชี้แนะ ในฐานะสหายเก่ากัน  ผมอยากให้คุณเกิด หยุดกระทู้ในลักษณะนี้ครับ เพราะไร้ประโยชน์ ต่อคุณอย่างสิ้นเชิง  สู้คุณไปศึกษาให้ตรง ๆ เลยว่า อันว่า สัมมาสติ สัมมาสมาธิ นี่จะเข้าถึงได้อย่างไร แล้วก็ใช้เวลาลงมือปฏิบัติครับ ไม่ต้องมาเสียเวลาเขียนกระทู้แบบนี้ ไม่มีคำตอบให้คุณแน่นอนครับ  ถ้าคุณเข้าใจ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ เมื่อใด ฝึก ๆ ไป จิตเขาจะตั้งมั่นได้เอง เพราะฝึกถูก เมื่อจิตตั้งมันระดับ ฌาน ที่ไม่ใช่ตัวนิ่งแข็งที่ไม่รู้สภาวะธรรมได้ เมื่อใด คุณเกิด ก็เปิดน้ำเปล่า ดื่มฉลองได้เลยครับ จากคุณ : นมสิการ - [ 19 มิ.ย. 52 08:07:27 ]

ความคิดเห็นที่ 119 มาทานกาแฟกับบราวนี่กันก่อนนะคะคุณเกิดฯ จากคุณ : oor_dt - [ 19 มิ.ย. 52 10:51:21 ]

ความคิดเห็นที่ 120 เรียนท่าน นมสิการด้วยความเคารพ ผมได้อ่านข้อความท่านแล้วครับ ยินดีทำตามที่ท่านชี้แนะ โดยผมจะไม่ตั้งกระทู้ใหม่อีกในเรื่องนี้      แต่หากโดนพาดพิงให้เสียหายมากๆ ก็จะต้องขอตอบโต้ ในการตั้งกระทู้ครับ หากเป็นการสนทนากันในความเห็นธรรมดาก็จะไม่ตั้งอีก ที่จริงแล้วผมมีข้อมูลอีกมากที่อยากจะตั้งกระทู้ เพียงรอจังหวะกระแส ผู้ร่วมรายการที่ส่งมาหลังไมด์ และยังมีกัลยา ณ มิตร บางท่านที่ผมต้องช่วยปกป้องเขา จะทิ้งไปเลยมิได้ในกระทู้ที่ผมเป็นผู้จุด       หากถูกพาดพิง ก็จะขอท่าน สนทนาไปตามปกติ จุดประสงค์ของผมอยู่แค่ สงสัย และเป็นสุภาพชนจะทำตนให้เหมาะสมกับการได้รับเกียรติ์จากท่าน...ด้วยความเคารพครับ  ขอบคุณ ครับคุณ orr...? (ขอเป็นน้ำมนต์ อิติปิโส สักขันดีกว่าครับ ) แก้ไขเมื่อ 19 มิ.ย. 52 13:42:42 จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 19 มิ.ย. 52 13:40:08 ]

ความคิดเห็นที่ 121 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 02:14:41 แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 00:03:19 จากคุณ : TheAcT - [ 19 มิ.ย. 52 14:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 122 กัลยาณชนเจ้าขา อย่ามัวทะเลาะกันเลย เสียเวลาเจริญสติปล่าวๆ ใครใคร่ศึกษากับ อจ.ท่านไหนที่ถูกกับจริตตัวเองได้ ก็ถือว่ามีบุญเก่าที่ทำมา หาให้พบเท่านั้นเอง อกุศลเกิดกันนับไม่ถ้วน แถมหลงคิดต่อไปเป็นเรื่องราวใหญ่โต กว่าจะรุตัว ก็ แฮ่ะๆๆ ตามาจนจบกระทู้นี่ละ ขยันหายใจได้ก็รุตัวได้ ทำทุนไว้ตอนใกล้ตาย เจริญในธรรมทุกท่านค่ะ จากคุณ : mumu_i - [ 19 มิ.ย. 52 19:32:25 ]

ความคิดเห็นที่ 123 เท่าที่ได้ยินมานั้น พระอาจารย์สงบ ท่านมีความคิดเห็นของท่านต่อคำสอนของพระอาจารย์ปราโมช อยู่ดังที่ท่านได้กล่าวไว้ แต่ท่านก็ไม่ได้ต้องการให้ใครเอาเรื่องนี้มากล่าวโทษ หรือมาโต้เถียงในประเด็นนี้ เพราะท่านมีความเห็นว่า ถึงจะโต้เถียงไป ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเมื่อถูกอีกฝ่ายหนึ่งกล่าวแย้ง แสดงเหตุผลกลับมา ก็ไม่สามารถจะกล่าวแก้ได้อย่างแจ่มแจ้งว่า เพราะเหตุใด และตรงจุดไหน ที่ท่านเห็นว่าพระอาจารย์ปราโมชสอนผิด เนื่องจากมีความเข้าใจในสิ่งที่ท่านพูดไปตามความเข้าใจของตนเอง ตามพื้นฐานทางธรรมที่ตนเองมี การที่ท่านๆ ทั้งหลายมาโต้เถียงกัน ย่อมนำมาซึ่งความบาดหมาง และเป็นการก่อให้เกิดโทษแก่ทั้งสองฝ่าย ดูได้จากที่เริ่มมีการใช้อารมณ์หรือกระทบกระทั่งกัน รวมไปถึงการเหน็บแนม หรือแสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจกันอย่างชัดเจนขึ้น พระสงฆ์ทั้งสองท่าน อย่างไรก็ดี ก็เป็นเพศที่เราควรเคารพด้วยดี แม้จะมีบางสิ่งที่เราอาจจะไม่เห็นด้วย ก็เป็นในแง่ของการปฏิบัติ ซึ่งเราๆ ท่านๆ ทั้งหลาย ต่างก็ยังปฏิบัติไปไม่ถึงจุดที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ เพราะยังอ่อนด้อยด้วยภูมิธรรม และต่ำกว่าด้วยศีล การทำเช่นนั้น แม้คิดว่าทำไปด้วยเจตนาดี ก็อาจจะพลั้งพลาดสร้างกรรมหนักได้โดยไม่จำเป็น หากมีข้อที่สงสัย ไม่เข้าใจ ไม่เห็นด้วย ควรที่จะนำมาสนทนากันด้วยความเคารพ ไม่พึงที่จะไปปรามาสท่านใด หรือกล่าวถึงท่านใดด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร อย่าลืมว่า เราไม่ใช่ศัตรูคู่อาฆาตกัน อย่าลืมว่า ครูบาอาจารย์ของใคร ใครก็ย่อมเคารพรัก ไม่ชอบที่จะได้ยิน ได้ฟัง ใครมาจาบจ้วงด้วยท่าทีที่หยาบหยาม ยังไม่ได้อ่านให้ครบทุกความเห็น ทุกกระทู้  แต่เท่าที่อ่านอย่างคร่าวๆ ก็พอจะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่ไม่เป็นมิตรต่อกัน ขอแสดงความปรารถนาดีต่อทุกๆ ท่าน ขอให้ท่านโปรดมีสติ และมีความยับยั้งชั่งใจในการแสดงออก ขอให้อย่าทำสิ่งใดที่เป็นการจาบจ้าง ล่วงเกิน หรือท้าทายต่อพระอาจารย์ทั้งสองท่าน การกล่าวถึงอีกฝ่ายหนึ่งอย่างสุภาพแต่แฝงไปด้วยความหมิ่นหยามกันอยู่ในทีนั้น ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกิดความบาดหมางได้ ไม่ต่างไปจากการด่าว่ากันด้วยคำหยาบคายเลย ขอได้โปรดระมัดระวังด้วย ขอให้ผู้ที่ต้องการจะแสดงความเห็น จงแสดงความเห็นของตนในนามของตนเอง อย่าได้นำเอาพระอาจารย์ท่านใดมาเป็นอาวุธเพื่อใช้ฟาดฟันอีกฝ่ายหนึ่ง เพราะสิ่งที่ท่านกำลังกล่าวอยู่ แม้จะมีคำอ้างจากคำเทศน์ของพระอาจารย์ท่านใดก็ตาม ก็เป็นธรรมที่ท่านเข้าใจในคำเทศน์นั้นตามภูมิรู้ของท่านเองเท่านั้น บังเอิญต้องรีบไป ไม่มีเวลาที่จะเขียนอะไรให้ชัดเจนไปกว่านี้ ขอฝากความปรารถนาดีมายังทุกท่าน ขอให้ท่านมีสติ และถกเถียงกันด้วยปัญญา และมีความเมตตาต่อกัน จากคุณ : หนูขิง - [ 19 มิ.ย. 52 22:46:36 ]

ความคิดเห็นที่ 124 บังเอิญไม่ได้เป็นสมาชิกเว็ปนี้ จึงขอยืมล็อคอินจากเพื่อนเข้ามาโพส ความเห็นใดที่โพสไปนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณหนูขิง แต่อย่างใด จากคุณ : D (หนูขิง) - [ 19 มิ.ย. 52 22:49:17 ]

ความคิดเห็นที่ 125 A.c.t พี่แอ๊คให้แต่สิ่งดี ๆ <xxxxxx@hotmail.com> (กรุณาลบ เมล์ เพื่อความเป็นส่วนตัวด้วย ... ยินดีเปลี่ยน เมล์ ที่ใช้อยู่เดิม หากเกิดความไม่เป็นส่วนตัว ... ) แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 00:30:12 จากคุณ : เทพแมว - [ 19 มิ.ย. 52 23:52:10 ]

ความคิดเห็นที่ 126 อาการของใจ6 คิดจะแย้ง(สู้คดี)1 คิดจะตะเพิด(ขู่โจทก์)1 คิดจะตีกลับ(ใส่ร้ายโจทย์)1 คิดจะกลบเกลื่อน(ปฏิเสธข้อหา)1 คิดจะพูดนอกเรื่อง(คือ ให้การเปะปะไปเลย)1 คิดจะปิดบัง(คือไม่แสดงหลักฐาน)1 ** ส่วนทั้ง3คำถาม ก็เป็นคำถาม ที่ได้กราบเรียนสนทนากับ หลวงพุ่อสงบ (คงไม่ใช่ คำถามที่ ไม่เป็นเรื่องเป็นราว แต่อย่างใด) จากคุณ : เทพแมว - [ 20 มิ.ย. 52 00:09:54 ]

ความคิดเห็นที่ 127 ลบข้อความ ไม่ต้องการให้เกิดสิ่งอันไม่เป็นประโยชน์ต่อกระทู้ แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 02:24:47 จากคุณ : TheAcT - [ 20 มิ.ย. 52 00:13:23 ]

ความคิดเห็นที่ 128 jo_swu says: ควร ลบ เมล์ ออกด้วยนะ   You have just sent a nudge.   A.c.T says: ใครอนุญาตให้คุณเอาข้อความไปโพสไม่ทราบครับ A.c.T says: ผมก็ก๊อบทั้งดุ้นเลย ผมไม่ได้สนใจเรื่องเมลด้วย A.c.T says: คุณหนะเสียมารยาทเกินไป ถ้าไม่เอาไปโพส มีเหรอผมจะเอาข้อความทั้งก้อนไปโพสบ้าง jo_swu says: กระทู้ ที่ act โพสต์ ไป กี่ ที่ มันก็เป็นเหมือนหมากที่วางไปแล้ว jo_swu says: act เล่น ไปโพสต์ ไว หลาย ที่ แล้ว ผม ไม่ได้ไปตอบ เลย ซิ มันถึง แปลก A.c.T says: อะไรนะ? A.c.T says: พูดถึงอะไรนะครับ jo_swu says: หรือ จักให้ คน ดู ที่ไม่เกี่ยวข้อง เข้ามา ร่วมวง ทั้งที่คุยกัน จบไปแล้ว jo_swu says: http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y7984206/Y7984206.html#126 A.c.T says: พูดถึงเรื่องอะไร A.c.T says: บอกมาเลยครับเรื่องอะไร A.c.T says: อะไร โพสอะไร ไม่เห็นเข้าใจ jo_swu says: อ่าน  คห.114 jo_swu says: เกี่ยวข้องที่ผมควรจะตอบไหม jo_swu says: เฮียฮ้อ คุยกับ ผม ก็เป็นเรื่องราว ในการสังคายนา ในยุค ปัจจุบัน A.c.T says: เหอะ ๆ คุณนี่มันห่วยจริง ๆ คุณไปบ้านอารีย์แล้วมาโจมตีเขาทำไม ผมถามหน่อย A.c.T says: อ๋อ เรื่องเฮียฮ้อเหรอ เอ้อ ก็จริง ๆนะ คุณไม่รู้จริง ๆเหรอถามหน่อย A.c.T says: เขาขำกันให้ทั่ว A.c.T says: ผมไม่ได้อะไรเรื่องเก่านะ แต่คุณเอาปัญญาอะไรมากล่าวหา อ สรว นี่สำคัญ jo_swu says: (เรื่อง ของ สรว ก็เป็นเรื่อง กระทู้ เก่า ที่ไม่ได้ อยากเอาสิ่งที่เป็นความผิดในอดีตของใคร กลับมา ฟื้น จึงให้ กลับไป ย้อน อ่านของเก่าๆ) A.c.T says: ผมไม่เคยยุ่งกับคุณเลย มีครั้งนี้ผมไม่ยอม A.c.T says: แล้วคุณพูดออกมาทำไม ว่า อ สรว หนะตัวผิดเลย พูดทำไม A.c.T says: คุณคิดอะไรของคุณ หา jo_swu says: แต่ act ก็ไม่สน ที่จะหาอ่าน ย้อนไป ซึ่ง จึงได้นำ ใจความมาให้อ่าน A.c.T says: ผมอ่านสิ ดีด้วย อ่านสองรอบเลยผมหนะ jo_swu says: ผิดถูกอย่างไร มาคุย กัน ที่ เนื้อความ ซิ A.c.T says: ใช่ไง ผมอธิบายเนื้อความไปแล้วด้วย ในกระทู้ คุณก็แจงมาสิครับ ไม่ใช่เงียบ jo_swu says: แล้วอ่าน ของ พระอาจารย์จวน(ภูทอก) A.c.T says: กล่าวหาออกไปแบบนั้นได้ยังไง? A.c.T says: อ่านสิ คุณโพสมาผมก็อ่าน ผมไม่ใช่พวกแบ่งที่รักมักที่ชังอะไรแบบนั้น jo_swu says: (ลบ เมล์ ที่โพสต์ไป ก่อน แล้ว ค่อยมาว่ากัน จักดีกว่า) แก้ไขเมื่อ 20 มิ.ย. 52 00:24:23 จากคุณ : เทพแมว - [ 20 มิ.ย. 52 00:17:29 ]

ความคิดเห็นที่ 129 กลายเป็นกระทู้ จองเวรกันไปแล้ว จากคุณ : น้องต๋าว - [ 20 มิ.ย. 52 16:00:31 ]

ความคิดเห็นที่ 130 ^ ^ #129 อ้าวคุณน้องต๋าว ผมนึกว่าเป็นกระทู้จองนรกซะอีก จากคุณ : อนาคต - [ 20 มิ.ย. 52 18:41:17 ]

ความคิดเห็นที่ 131 คนอื่นผิดหมด ตกนรกหมดเลยน้อถ้าไม่ใช่ศิษย์อาจารย์กู....เออหนอ... ต้องพวกกู ของกูเท่านั้น จึงจะดีหนอ...สวรรค์หนอ ? จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 20 มิ.ย. 52 22:11:56 ]

ความคิดเห็นที่ 132 คนทำแต่บุญกุศล คนทั้งโลกสาปแช่ง ก็ไม่ทำให้ลงนรกได้หรอกครับ คนทำแต่ความชั่ว คนทั้งโลกอวยพร ก็ไม่ทำให้พ้นนรกได้หรอกครับ ผมไม่ได้ว่าใครนะ สวรรค์อยู่ในอก นรกอยู่ในใจ ของใครคนนั้นก็รู้ตัวดี ไม่เกี่ยวกับคนอื่น ผมเห็นการคุยในกระทู้นี้แล้วนึกถึงพระสูตรนี้ หรือผมเข้าใจอะไรผิดไป พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต เล่ม ๒ - หน้าที่ 244                  ๒.  มุสาสูตร                  ว่าด้วยธรรมทำให้เกิดในนรก - สวรรค์            [๘๒]    ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   บุคคลประกอบด้วยธรรม  ๔  ประการ ย่อมอุบัติในนรก ฯลฯ  ธรรม   ประการคืออะไร คือ บุคคลเป็นผู้พูดมุสาวาท โดยปกติ   พูดส่อเสียดโดยปกติ   พูดคำหยาบโดยปกติ   พูดสำรากโดยปกติ บุคคลประกอบด้วยธรรม  ๔  ประการนี้แล  ย่อมอุบัติในนรก ฯลฯ            ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย   บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม  ๔  ประการ   ย่อม อุบัติในสวรรค์ ฯลฯ    ธรรม   ๔  ประการคืออะไร     คือ บุคคลเป็นผู้เว้นจากมุสาวาท   เป็นผู้เว้นจากพูดส่อเสียด เป็นผู้เว้นจากพูดคำหยาบ เป็นผู้เว้นจากพูดสำราก   บุคคลประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล    ย่อมอุบัติในสวรรค์ เหมือนเขาเชิญตัวไปประดิษฐานไว้ฉะนั้น. จากคุณ : อนาคต - [ 20 มิ.ย. 52 23:47:41 ]

ความคิดเห็นที่ 133 โอ้โฮ ได้ทีอ้างธรรมมาสอนเลย...สาธุครับ ขอเจริญในธรรม ผมรับได้ครับขอบคุณ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 21 มิ.ย. 52 12:24:50 ]

ความคิดเห็นที่ 134 คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ทำไมในความคิดเห็นที่ 133 ถึงได้แสดงความคิดเห็นเหมือนเป็นศัตรูกับผมล่ะครับ? หวังว่าผมจะคิดไปเองนะ ผมได้ทำอะไรให้โกรธรึเปล่า ถ้ามีก็ขอโทษด้วย แต่ผมก็ไม่ค่อยได้โพสต์นะ นึกไม่ออกว่าไปทำอะไรให้คุณโกรธ พยาบาท . . . ที่นึกออกอย่างเดียวคือ ผมเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์ . . . ซึ่งคงไม่ใช่สาเหตุนี้ล่ะมั๊ง เพราะถ้าใช่สาเหตุนี้ แล้วคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ขึ้งโกรธ พยาบาท ลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์คนอื่นๆ  ด้วยรึเปล่าครับ? . . . และคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ขึ้งโกรธ พยาบาท หลวงพ่อปราโมทย์ด้วยรึเปล่าครับ? แล้วคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ ขึ้นโกรธ พยาบาท ด้วยเหตุใดเหรอครับ? จากคุณ : อนาคต - [ 21 มิ.ย. 52 16:30:42 ]

ความคิดเห็นที่ 135 สาธุ ความคิดเห็นที่ 134 จากคุณ : TheAcT - [ 21 มิ.ย. 52 17:17:12 ]

ความคิดเห็นที่ 136 ไม่ครับ ไม่โกรธ เพราะผมไม่รู้จักท่าน ไม่เคยไปกราบ  เห็นคุณตอบ คคห 130..เหมือน.คุณด่าคนอื่นหมด ผมแค่มาแหย่คุณเล่น..ทำนองหนักไปนะเท่านั้นเองครับ..แล้วบอกว่ารับได้นี่ ไม่ใช่ศัตรูเลย คุณคิดไปถึงไหนครับเอาแค่ 130 นี่คุณก็ด่าอีกฝ่ายเขาทุกคน ทั้งกระทู้แล้วววววววว..?      เราต่างความคิด ไม่ใช่ศัตรู อย่าให้ใครมายุแหย่ครับ...ผมขอโทษคุณหากทำให้คุณโกรธก็แล้วกันครับ จากคุณ : เกิดเป็นคนช่างยากแท้ - [ 22 มิ.ย. 52 16:44:31 ]

ความคิดเห็นที่ 137 อ้อ!!!... . เข้าใจแล้ว ว่าทำไมถึงได้มีกระทู้ถามเรื่อยๆ ไม่ยอมจบ เข้าใจแล้ว ว่าทำไมคนอื่นตอบไป ก็เหมือนกับไม่ได้อ่าน . จากที่ผมเอาความเห็นของคุณน้องต๋าวมาแปลงเล็กน้อยเพื่อแซวเล่น กลายเป็นด่าคนทั้งกระทู้...  คิดไปได้ นับถือ นับถือ . ถ้าคิดว่าผมด่าทุกคนทั้งกระทู้ งั้นผมก็ขอโทษทุกคน รวมทั้งคุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้ด้วยนะครับ คุณเกิดเป็นคนช่างยากแท้จะได้ไม่ต้องมาเดือดร้อนแทนทุกคนทั้งกระทู้อีก จากคุณ : อนาคต - [ 22 มิ.ย. 52 18:34:49 ]

ความคิดเห็นที่ 138 แวะมาอ่าน จากคุณ : Pu121 - [ 1 ก.ค. 52 17:56:03 ]

ความคิดเห็นที่ 139 งง จากคุณ : แมนมณี - [ 11 ก.ค. 52 17:49:15 ]

ความคิดเห็นที่ 140 อ่านแล้วสยอง รู้ว่าสยอง แล้วก็ดูจิตต่อไป อาการหนักนะเนี่ยะ เราเองเคยไปกราบหลวงพ่อสงบมาแล้ว และตอนนี้เราก็ถือว่าตัวเองเป็นลูกศิษย์หลวงพ่อปราโมทย์คนนึง ที่สำคัญน้าเราก็นับถือทั้งสองท่าน โอเค เราจะโทรไปหาน้า ไม่ใช่อะไรหรอก เราจะเอาซีดีหรือไม่ก็หนังสือของพระอาจารย์ปราโมทย์ ให้พระอาจารย์สงบดูจ้า จะพยายามให้ไวสุด จะได้เว้นการไปนรกได้เน้อ จากคุณ : zaza (nannicha) - [ 14 ก.ค. 52 22:40:14 ]

ความคิดเห็นที่ 141 เข้ามาดูสถานะการณ์ :) จากคุณ : แมนมณี - [ 15 ก.ค. 52 10:52:03 ]

ความคิดเห็นที่ 142 เจอกระทู้นี้ มึนเรยครับ ตกลงมันอะไรกันนัก กันหนา ครับเนี้ยะ ผมว่าสาเหตุที่เคลื่อน ไม่ตรงกัน เพราะว่าลูกศิษย์ หลวงพ่อปราโมทย์ ไปพูดต่อ ให้ีครูบาอาจารย์ทั้งหลายท่านฟัง โดยก๊อปข้อความท่านมาทั้งดุ้น โดยใช่คำว่า "จิต" ปนเปะปะ มั้วไปกับ "เจตสิก" และ "นามขันธ์" ครูบาอาจารย์ท่านฟัง มันก็ผิดหมดสิครับ คำว่า "ดูจิต" ที่หลวงพ่อปราโมทย์ท่านเทศ นั้น ท่านพูดให้คน บ้านๆ อย่างเรา ฟังแล้วเข้าใจนะครับ แต่ที่ท่านสอนให้่เริ่มดู เริ่มรู้ จริงๆ นั้นเป็น เจตสิก กับ ขันธ์ 5   ถ้าท่านใช้คำว่า ให้ดู ให้รู้ เจตสิก, นามขันธ์ 5 คนบ้าน ๆ อย่างเราฟังกัน แล้วก็จะงง กันหมด ท่านเลยใช้คำว่า "จิต" ซึ่งคนธรรมดาฟังแล้วเข้าใจกันง่าย ๆ พอ เริ่ม ดู เริ่ม รู้ ไป สติเกิดบ่อย ๆ ก็จะเริ่มแยก ขันธ์ เข้าใจ ของมันเอง หลวงปู่ดูลย์ท่านยังเคยสอนเลยว่า "จิต เห็น จิตอย่างแจ่มแจ้ง" เป็นมรรค ถ้าที่ดู ที่เห็น เป็นจิต จริง ก็บรรลุกันไปหมดแล้วครับ เลิกทะเลาะกัน แล้วเร่งปฏิบัติกันเถอะครับ จะได้ช่วยกัน สืบทอดพระศาสนา ทุกวันนี้ศาสนาพุทธในเมืองไทย แบ่งแยกกันเป็นหลายสาย หลายแนว เหลือเกิน อย่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พุทธศาสนาเกิดความแตกแยกกันเลยครับ จากคุณ : Mikas - [ 15 ก.ค. 52 11:24:56 ]