PANTIP.COM : Y8099590 เพิ่งเข้าห้องศาสนาใหม่ๆน่ะครับ รบกวนถามข้อข้องใจสักหน่อยครับ.. []

ความคิดเห็นที่ 13

ผมมาแล้วครับ
ความจริงผมเป็นนักสวดคาถา ผมสวดมาแต่ป 1 ป2 เลย
ตอบเบื้องต้นว่า

ศรัทธาก็สวดไปครับ จะเลือกบทที่ถูกใจ หรือสวดน้อยลงก็ได้
จะได้เอาเวลาไปทำสมาธิ หรือเจริญสติบ้าง
หรือตอนที่สวด ก็เจริญสติไปด้วย ให้ใจไม่แวบออกจากที่สวด

การสวดมนต์สำหรับพระสงฆ์ความจริงเป็นคำสอนส่วนหนึ่งก็มี
เช่น สวดธรรมจักร มงคลสูตร เป็นต้น
และเป็นคำประพันธุ์ของครูบาอาจารย์ก็มี
อย่างเช่น คาถา ชินบัญชร หรือ คาถา พาหุง
รวมทั้งยอดพระกัณฑ์พระไตรปิฎกครับ
รวมทั้ง การทำวัตรเช้าเย็น ซึ่งเป็นพระนิพนธุ์ของพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว

คาถาที่ร้อนก็มีจริงนะครับ แต่ผมคิดว่า ไม่ใช่ ที่กล่าวมาทั้งหมดในข้างบน
เพราะทั้งหมดข้างบน มักเป็นการสรรเสริญพระคุณพระพุทธเจ้า
หรืออาราธนา พระรัตนตรัยมาคุ้มครอง

แต่สำนวนที่ตอบนั้น เป็นสำนวนคล้ายหลวงพ่อพุธจริงนะครับ
ผมเคยอ่าน จนรู้สึกจำสำนวนนั้นได้ แต่ในนั้นเขาได้บอกว่ามีคาถาอื่นๆอีก
อาจเป็นคาถาอื่นๆที่ทำให้ร้อนจริงๆก็ได้ครับ

บางคาถา เขามีครู คอยรักษา ครูหรือเทวดา ท่านอาจจะประเภทร้อน
หรือบู๊ก็มีนะครับ
ไม่อยากใช้คำว่า มาร แต่ ผมก็เป็นศิษย์ของ หลวงพ่อทัตตชีโว ด้วยนะครับ
ท่านเล่าว่าเป็นมาร
อันนี้มาถ่ายทอดให้ฟัง ฟังไว้ประดับความรู้นะครับ
บางอาจารย์เป็นมาร ต้องทำตามเขา
พอไม่ทำเขาทำโทษ เหยียบอก กระอักเลือดเลย
ท่านบอกว่า ครูที่ดี ที่ไม่ใช่มาร ไหนเลยจะทำกับลูกศิษย์ได้ขนาดนี้
พิจารณาดูก็น่าจะจริงของท่านนะครับ

ผมเคยไปเจอพระเขมร
ท่าน มีพระประเภทหนังหน้าผากเสือ อะไรทำนองนี้ และ
ท่านสักยันต์และกุฏิท่าน ผมเข้าไป ร้อนมากเลย
ไม่ใช่อากาศร้อนนะครับ แต่มันร้อนข้างในจริงๆ
ผมดูพระของท่าน แล้วไม่บูชามาเลยแม้แต่องค์เดียว

มาว่าเรื่องคาถาต่อ คาถาที่คุณมี คุณก็จะรู้ได้เองว่า ร้อนมั้ย
โดยดูจากคาถาที่เขาประพันธุ์ขึ้นมาน่ะครับ บางทีก็เดาได้

สำหรับผม ส่วนตัวแล้ว
เท่าที่ผมฟังมาจากหลายครูอาจารย์ ผมเลือกที่จะสวดคาถาเหล่านี้คือ

พระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณ
บทแผ่เมตตา
ทำวัตรเช้าเย็น
คาถาพาหุง
ถ้ามีเวลาผมแนะนำ คาถา ธรรมจักร แบบมีแปลนะครับ และคาถามงคลสูตร
สองคาถานี้มีค่ามาก เป็นพระคาถาที่เป็น ธรรมาภิสมัย แก่เทวดา คือทำให้เทวดาบรรลุธรรมมาก
เมื่อสวดพระคาถานี้เสมอ เชื่อว่าเทวดาท่านจะมาฟังธรรม
ทำให้สถานที่นั้นร่มเย็นเป็นสุข

ที่กล่าวมานี้ ดีแน่นอน ร้อยล้านเปอร์เซนต์

ส่วนคาถายอดพระกัณฑ์นั้นก็มีคนนิยมสวดกัน
แต่ผมไม่ค่อยได้สวด เพราะยาวมากและผมไม่เข้าใจคำแปลนักครับ
แต่คิดว่าก็น่าจะดี แต่ไม่สวดก็น่าจะได้

คาถาชินบัญชร ก็เคยมีคนให้ความเห็นว่าไม่สมควร
เชิญพระอรหันต์มาอยู่ตามตัวเราในต่างๆ
ดูไม่เคารพท่านหรือเปล่า แต่ผมค้าน ว่า เราเชิญมาด้วยความเคารพนี่ครับ
ไม่น่าเป็นไร ใครก็สวดกัน เป็นมงคลทั้งนั้นเลย
ผมก็สวดนะครับ เพราะผมมีพระสมเด็จท่านด้วย
เวลาไปวัดระฆัง ผมทำบุญได้พระมาฝากเพื่อนห้องศาสนา
ผมจะนำพระไปหน้าสมเด็จท่าน อาราธนาบารมี
และสวดพระคาถาชินบัญชรเสมอเลย
และเขาก็ไม่ได้ห้ามสวด กลับนิยมเผยแพร่ให้สวดกัน ไม่น่าเป็นไร น่าจะดีครับ

ผมทำหนังสือสวดมนต์ไว้ มอบให้แก่ผู้สนใจเป็นธรรมทานด้วย
ชื่อว่า เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ คนชอบกันมากครับ
ถ้าต้องการผมส่งไปให้ได้ เป็นหนังสือ ธรรมทาน ไม่มีค่าใช้จ่ายในทุกกรณี
รวมบทสวดมนต์ดังกล่าวที่ว่ามาด้วยครับ

ส่วนคำอาราธนาพระเครื่อง ผมใช้

พุทธัง อาราธนานัง
ธัมมังอาราธนานัง
สังฆังอารารธนานัง
เทวานังอาราธนานัง

ไม่มีอ้างอิงนะครับ ไม่เชื่อก็ได้
ทั้งนี้เพราะพระเครื่องบางทีท่านเชิญ
เทวดามาทำพิธีพุทธาภิเษกด้วย เทวดาหลายท่านคือ
พระพุทธเจ้าในอนาคตนะครับ เช่น
หลวงปู่ทวดเขาก็เชื่อกันว่าท่านคือพระศรีอาริยเมตตรัยในอนาคตเป็นต้น
ผมก็อาราธนาด้วยนั่นเอง

ผมมีความรู้ไม่มากนัก ก็มีเพียงประมาณนี้ ไม่ได้เก่งกาจอะไรนักหนา
ถือว่า ฟังไว้ ประดับความรู้นะครับ
คำตอบของคุณ ผมแนะนำสรุปว่า ให้พิจารณาเอาเอง เลือกเอาให้เหมาะสมครับ

ขอให้เจริญในธรรมนะครับ เลือกเอง แล้วไม่ต้องลังเล

จากคุณ : จักรแก้ว

เขียนเมื่อ : 19 ก.ค. 52 22:36:53

ความคิดเห็นที่ 15

ผมไม่ค่อยรู้เรื่องบทสวดเลยครับ คุยกันเรื่องเครื่องรางของได้ จริง ๆ พวกนี้มันเป็นเรื่องของความเชื่อของแต่ละคนมากกว่า

คือของในโลกนี้มันมีของคู่ปรับกันอยู่ครับ ไสย์ดำ VS ไสย์ขาว คนสมัยก่อนมีวิชากันเยอะ บ้างก็ทำร้ายทำลายกันด้วยไสยศาสตร์ พระภิกษุที่มีวิทยาอาคมในยุคนั้นจึงได้สร้างเบี้ยแก้ขึ้นมาเพื่อใว้ต่อต้านกับพวกอมนุษย์และคุณไสย์ ยิ่งเป็นพวกคนตัวคนเดียว ไร้ญาติขาดมิตร หรือคนเดินทางบ่อย หรือคนมีศรัตรูนี่เหมาะนักครับ ( ที่บอกเดินทางบ่อยเพราะกลัวภัยจากพวกอมนุษย์ที่จะเอาไปเป็นตัวตายตัวแทนหรือเอาไปอยู่ด้วย ) สมัยนี้ไสยศาสตร์เริ่มมีน้อยลง อาจมีพวกลมเพลมพัดจากพวกเล่นของ หรือการเล่นของใส่กัน แต่ภัยจากพวกอมนุษย์นี่แหล่ะสำคัญนักครับ บางที่นะพวกผีมันถูกใจสาวคนนี้ ถูกใจหนุ่มคนนนี้ พอเล่นน้ำอยู่มันฉุดลงใต้น้ำให้ตายเลย เอาไปอยู่ด้วยว่างั้น

พวกอมนุษย์หรือพวกไสยเวทย์ ถ้ามีของดีบางอย่างที่สร้างจากพระภิกษุที่มีวิทยาอาคมหรือฆราวาสที่กล้าวิชา เช่น ราหูกะลาแกะ ตะกรุด เบี้ยแก้ หมากทุย ลูกสะท้อน ก็จะสามารถพอคุ้มตัวเราได้บ้าง ของพวกนี้ไม่ใช่ของพุทธแท้นะครับ แต่เป็นของพวกที่มาจากพารหมณ์แต่ก่อนมากกว่า โดยมีพุทธผสมแซมอยู่ด้วย

แต่...ต้องเป็นของแท้นะครับ และต้องสร้างตามสูตรเท่านั้น ไม่ใช่การสร้างแบบสุกเอาเผากิน เสก ๆ ไปเถอะ... หรือสร้างแบบ .... ปลุกเสกกับลังกระดาษเอา หรือ ไม่รู้วิชาหรือรู้สูตรที่สร้าง แต่สร้างด้วยวิชาอื่นๆ ที่ตนเองมี (แบบนี้มีเยอะครับตอนนี้)

ผมชอบของดีตระกูลเบี้ยแก้มากกว่าของดีตระกูลอื่น ๆ แต่ก่อนมีหลายอัน บ้าซื้อครับ ตอนนี้ก็พอมีอยู่ แต่เฉย ๆ ไม่บ้าสะสมเหมือนแต่ก่อน อยากทำบุญสร้างบารมีมากกว่า ขายไปแล้วเอาเงินไปทำบุญหมดก็มี ( ที่อยากทำบุญเพราะดูหนังสือของโหรวาริทร์ทิพย์เรื่องเกี่ยวกับบุญและกรรม แล้วเกิดคิดบางอย่างขึ้นมา และฟังครูไม่ใหญ่พูดในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน แต่ไม่ได้ไปทำบุญกับครูไม่ใหญ่นะ เพราะครูไม่ใหญ่มีเงินเยอะแล้ว ทำบุญกับวัดอื่นมากกว่า ) ผมเคยมีประสบการณ์จากเบี้ยแก้อยู่ครั้งหนึ่งสมัยก่อน เล่ากี่ครั้งก็เล่าได้ เพราะมันคือความประทับใจจากเครื่องรางของตัวเองที่ตัวเองชอบและศรัทธา ตอนนั้นเพื่อนผมมาหาผมที่คอนโด มาหากันคุยกันธรรมดาตามประสาเพื่อน ตอนกลับเพื่อนผมบอกผมว่า " ชอบเบี้ยแก้อะไร แขวนใว้ที่คอเลยนะ คืนนี้ผีจะมาหา " ผมก็หัวเราะธรรมดาไม่ได้คิดอะไร กลางคืนตอนเข้านอนตามปรกติ...

ขณะเคลิ้ม ๆ ผมรู้สึกได้ยินเสียงฝูงผึ้งดังหึ่ง ๆ ใกล้ ๆ แล้วผมรู้สึกว่าเบี้ยแก้ในคอของผมมันสั่นเบา ๆ สั่นพอเรารู้สึกได้ ตอนแรกผมคิดว่ามันเป็นแรงสั่นจากรถบรรทุกบนถนนที่แรงสั่นมาถึงคอนโด แล้วมันก็มีลมมาปะทะตัวผมวูบหนึ่ง จนผมลืมตาตื่น ผมงงมาก เพราะไม่ได้เปิดพัดลมหรือเปิดประตูหลังหรือหน้าต่างบานเกร็ดเลย ผมตื่นขึ้นมากินน้ำแล้วนอนต่อ นอน ๆ อยู่ ผมรู้สึกว่ามีเสียงหึ่ง ๆ ของฝูงผึ้งอีก แล้วเบี้ยแก้ที่แขวนคออยู่ก็สั่นเบา ๆ อีก แล้วก็มีลมพัดมาปะทะตัวผมวูบหนึ่ง มันเป็นเหมือนตะกี้อีกแล้ว ผมลุกขึ้นเปิดไฟเลย แอ๊ะ...อะไร แล้วผมก็ปิดไฟนอนต่อ

วันต่อมาเพื่อนผมมาหาผมอีก แล้วบอกผมว่า เมื่อคืนให้หมอธรรมคนอีสานลงของใส่ดู เพื่อทดสอบเบี้ยแก้ ผมงี้อึ้งเลย หัวใจไปอยู่ตาตุ่ม มิน่าหล่ะมันดูแปลก ๆ ที่พวกเขาเล่าลือกันว่าเบี้ยแก้มันสั่นได้เมื่อภัยจากสิ่งที่มองไม่เห็นมาก่ามกายนั้น มันจริง ๆ นะครับ แต่มันไม่ได้สั่นแรง ๆ เหมือนมือถือสั่นนะครับ มันจะสั่นเบา ๆ แบบเรานอนนิ่ง ๆ แบบนี้เราจะรู้สึกได้ว่ามันสั่นเบา ๆ นั่นเป็นครั้งเดียวที่เคยเจอสมัยก่อน

แต่มีอีกครั้งหนึ่งเพิ่งนึกได้ไม่นานหลังจากที่คุยกับคุณหนอนดาวเรือง เพื่อนผู้หญิงที่ไม่สนิทกันในที่ทำงานเก่าผมโน้น เจอกันแค่ตอนกินข้าวเที่ยง แล้วเพื่อน ๆ เรียกให้ไปนั่งด้วยกัน เธอคุยโน้นคุยนี่ให้ฟัง แล้วพูดเรื่องของบางอย่าง " อิ้น " เธอพกอิ้นผสมเถ้ากระดูกผีตายโหง เอามาจากพระภิกษุรูปหนึ่งจากปากเซ แต่ก่อนผมคิดว่าอิ้นมันเป็นเครื่องรางที่เพิ่มเสน่ห์ธรรมดา ไม่คิดว่ามันเป็นของต่ำด้วยซ้ำ ผมอยู่ใกล้เธอตอนกินข้าวกลางวัน เธอมีอาการแปลก ๆ ดูกระสับกระส่าย ครั่นเนื้อครั่นตัว เกายุกยิก ๆ นั่งนานไปหน่อย เธอมีอาการเวียนหัว เพิ่งถึงบางอ้อ...เมื่อไม่นานมานี้ สงสัยเบี้ยแก้ของผมมันจะไปข่มเอาอิ้นของเธอเข้า แต่เธอนี่สุดยอดมากครับ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่สวย ตัวเตี้ย ๆ คอสั่น ๆ แต่เชื่อไหม มีผู้ชายมาหลงจนได้ แอคคอร์ดสีดำป้ายแดงมาขับตอนนั้น (แอคคอร์ดโมเดลก่อนรุ่นปัจจุบัน) อิ้นของเธอแรงจริง ๆ หลังจากผมออกจากที่ทำงานเดิม ทุกวันนี้ผมไม่ได้เจอเธอนานแล้ว แต่คุณหนอนดาเรื่องบอกเธอถูกอิ้นครอบตัวใว้ พลังของอิ้นคงถูกทำลายหรือได้รับบาดเจ็บ อันนี้ใช่ไหมนะ ต้องถามคุณหนอนดาวเรืองดู ผมไม่ได้เจอเธอนานมากแล้ว ไม่รู้เป็นไงบ้าง

เบี้ยแก้ที่ผมมีเป็นเบี้ยแก้ที่สร้างโดยพระภิกษุที่มีวิทยาอาคมลึกล้ำของแถบลุ่มแน่น้ำแม่กลองในยุคก่อน และก็มีเบี้ยแก้ของพระภิกษุที่มีชื่อเสียงในยุคก่อนของจังหวัดอ่างทอง ไม่บอกครับ....ว่าของพระภิกษุรูปไหนหรือของใครกันบ้าง เดี๋ยวหาว่าผมมาโปรโมทท่าน เครื่องรางพวกนี้เหมือนพระเครื่องหล่ะครับ ใครมีประสบการณ์ก็ชอบ ใครไม่เคยมีประสบการณ์ก็เฉย ๆ ผมชอบเครื่องรางมากกว่าพระเครื่องครับ

อุปเท่ห์ของเบี้ยแก้ตามตำรา
เบี้ยแก้เป็นอิทธิวัตถุชั้นหนึ่ง เตือนใจให้สะดุ้งกลัวภัยที่มองไม่เห็น หากบุคคลใด มีไว้เป็นสมบัติ นำติดตัวโดยคาดไว้กับเอวหรือโดยประการอื่น ย่อมปกป้องภยันตรายได้ทั้งปวง เป็นเมตตามหานิยม แคล้วคลาด มหาอุดคงกระพันทุกประการ คุ้มกันเสนียดจันไร คุณไสย ยาสั่ง กันภัยจากพวกอมนุษย์ แลกันวิญญาณภูติผีปีศาจทุกชนิด ป้องกันอัตวิบากกรรม แก้ภาพหลอน จิตหลอน ภาพอุปทานจากอำนาจไสยศาสตร์ แก้อำนาจภูผีปีศาจ อาถรรพณ์เวททำให้ มัวเมาขลาดกลัว ขนพองสยองเกล้า

จากคุณ : ชญาณัตถภัทร์

เขียนเมื่อ : 20 ก.ค. 52 03:38:28