|
ความคิดเห็นที่ 33 |
นี่ละธรรมที่เลิศเลอ นี่เราแสดงไว้ย่อ ๆ ตอนที่พระองค์ตรัสรู้นั้น สะเทือนสะท้านไปหมด ท่านแสดงไว้ในในธัมมจักกัปปวัตตนสูตร เราก็จำได้บ้างไม่ได้บ้าง เวลามาพูดอย่างนี้นะ เอตมฺภควตา พาราณสิยํ อิสิปตเน มิคทาเย อนุตฺตรํ ธมฺมจกฺกํ ปวตฺติตํ, อปฺปฏิวตฺติยํ สมเณน วา พฺราหฺมเณน วา เทเวน วา มาเรน วา พฺรหฺมุนา วา เกนจิ วา โลกสฺมินฺติ สะเทือนสะท้านไปหมด ทั้งสมณะ ชีพราหมณ์ พวกเทวบุตรเทวดา อินทร์ พรหม มารทั้งหลาย สะเทือนไปหมด ท่านแสดงไว้ แล้ว อิติห เตน ขเณน เตน มุหุตฺเตน, ยาว พฺรหฺมโลกา สทฺโท อพฺภุคฺคจฺฉิ อยญจ ทสสหสฺสี โลกธาตุ, สงฺกมฺปิ สมฺปกมฺปิ สมฺปเวธิ อปฺปมาโณ จ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ
นี่จะแปลออกมาแปลว่า เพียงที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้ขึ้นมาในขณะเดียวเท่านั้น โลกนี้สะเทือนสะท้านหวั่นไหวไปถึงทั่วกันหมด ในขณะเดียว ครู่เดียว ยามเดียวเท่านั้น ตั้งแต่พรหมโลกลงมา สิบแดนโลกธาตุสะเทือนสะท้าน ท่านแสดงไว้ในธัมมจักกัปปวัตนสูตรนี้ถึงสิบโลกธาตุนะ เราพูดนี้ว่าสามแดนโลกธาตุ เวลาพระองค์นำมาแสดงว่า ทสสหสฺสี โลกธาตุ นี่คือสิบหมื่นโลกธาตุ สะเทือนสะท้านไปหมดในเวลานั้น ใน ขณะเดียวกัน แล้วทีนี้ความสว่างไสวแห่งธรรม อปฺปมาโณ จ โอฬาโร โอภาโส โลเก ปาตุรโหสิ อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ คือความสว่างไสวแห่งธรรมของพระพุทธเจ้า ได้แผ่กระจายไปทั่วแดนโลกธาตุ ข้ามความสว่างไสวของเทวบุตรเทวดาไปได้หมด ไม่มีแสงสว่างของใครที่จะเป็น ถ้าพูดภาษาของเราจะเป็นคู่แข่งได้ ว่างั้นเลย
นี่ที่ท่านตรัสรู้ขึ้นมา นี่ใจ เวลาได้เกิดความสว่าง ฟังซิน่ะ แต่ก่อนท่านก็เหมือนเรา แดนโลกธาตุไม่เคยหวั่นไหว ในเวลานั้นสะเทือนไปหมดเลย แล้ว โอภาโส โลเก คือโอภาสแสงสว่างไสวไม่มีประมาณอีกด้วยนะ ขึ้นในเวลาเดียวกัน ท่านจึงว่า อติกฺกมฺเมว เทวานํ เทวานุภาวํ ข้ามอานุภาพแห่งความสว่างไสวของเทวดา อินทร์ พรหม ทั้งหมดไปเลย เหนือขนาดนั้นนะ เวลาแสดงขึ้นจากพระพุทธเจ้าหลังจากตรัสรู้แล้วในครู่เดียวยามเดียว พวกเทวดาทั้งหลายตั้งแต่ภุมมเทวดาขึ้นไป ถึงอากาสาเทวดา แล้วรีบบอกกัน ประกาศถึงกัน จนกระทั่งจาตุม สวรรค์หกชั้น จาตุม ยามา ดุสิต เรื่อยไปกระทั่งถึงพรหม ๑๖ ชั้น คือบอกชั้นนี้รู้แล้ว บอกชั้นนั้น ๆ ๆ ชั่วขณะเดียวถึงพรหมโลกเลย ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้แล้ว ๆ กระเทือนโลกธาตุ
นี่แหละเห็นไหม พระพุทธเจ้าตรัสรู้กระเทือนถึงหมื่นโลกธาตุ อย่าว่าแต่สามแดนโลกธาตุเลย ความสว่างไสวไม่มีของสัตว์โลกตัวใดที่จะมาเป็นคู่แข่งได้เลย นี่อานุภาพแห่งจิตที่พ้นจากเครื่องปิดบังคือกิเลสทั้งหลายออกโดยสิ้นเชิงแล้ว มีแต่ความสว่างไสวกระจ่างแจ้งขึ้นมา มองเห็นภพเห็นชาติของพระองค์แล้ว ตัดสินกันลงในวันนั้น ถึงว่า อยมนฺติมา ชาติ ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา นตฺถิทานิ ปุนพฺภโว ตั้งแต่นี้ต่อไปเราจะไม่เกิดอีกแล้ว คือตัดสินกันด้วยถอนอวิชชาขึ้น
เป็นยังไงพระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้มาแสดงธรรมแก่พวกเราอย่างลอย ๆ มีร่องมีรอยมาโดยลำดับ ตั้งแต่ทรงเป็นสิทธัตถราชกุมาร มีร่องรอยมา เสด็จออกทรงผนวช ๖ ปีแรก บำเพ็ญยังไง ๆ ก็รู้มาเป็นลำดับ ๆ มีร่องมีรอย ไม่ได้พูดแบบป่า ๆ เถื่อน ๆ คว้าที่ไหนได้ก็มาเป็นศาสดามาเป็นพระเจ้านั้น มาเป็นพระเจ้านี้ แบบไม่ลืมหูลืมตา ไม่มีหลักมีเกณฑ์ ส่วนพระพุทธเจ้าของเรามีหลักมีเกณฑ์ ตั้งแต่เริ่มเสด็จออกทรงผนวช นี่เราเอาเฉพาะชาติปัจจุบัน จนกระทั่งได้ตรัสรู้ขึ้นมา เป็นร่องรอยมาเป็นลำดับลำดา แล้วสอนโลก ผลแห่งการสอนโลกสำเร็จ เทวบุตร เทวดา อินทร์ พรหม เฉพาะอย่างยิ่งพระสงฆ์สาวกที่ได้ตรัสรู้ธรรมตามพระพุทธเจ้ามีจำนวนมากมาย ท่านเหล่านี้เป็นอันว่าพ้นหมดเลย เรียกว่าสิ้นกิเลส ขาดจากภพจากชาติไปหมดโดยสิ้นเชิง มีจำนวนมากมาย จากพระโอวาทคำสอนของพระพุทธเจ้า เป็นยังไงมากไหม
จากคุณ |
:
เด็กอุทัย
|
เขียนเมื่อ |
:
11 ส.ค. 52 15:26:33
|
|
|
|
|