 |
ความคิดเห็นที่ 13 |
คำถามของของคุณ EvaAngelion เป็นคำถามทางปรัชญา ทั้งฝ่ายวิทยาศาสตร์และศาสนาไปพร้อมๆ กัน ดิฉันเองก็เป็นคนหนึ่งที่ชอบแสวงหาคำตอบเหล่านี้ และเห็นว่า ในแง่การแสวงหาความรู้แล้ว เป็นคุณอย่างมาก การที่เราส่งดาวเทียมสำรวจอวกาศ ฮับเบิล ออกไป ทำให้เราเข้าใกล้กับข้อเท็จจริงเรื่องจุดกำเนิดของจักรวาลยิ่งขึ้น ทำให้เรารู้ว่านอกจาก สสารและพลังงานแล้ว ยังมีสิ่งที่เรียกว่า สสารมืดและพลังงานมืด ซึ่งอาจเป็นอนุภาคที่เรียกว่า นิวทริโน ก็ได้(ไม่รู้ใครค้นพบไว้ ลืมไปแล้ว)
แต่ต่อให้เราค้นหาคำตอบได้ไปจนถึงจุดที่เรียกว่า การระเบิดครั้งใหญ่(big bang) ซึ่งอยู่ระหว่าง 15,000-20,000 ล้านปีมาแล้ว ซึ่ง ณ จุดนั้น อวกาศ สสาร และพลังงาน ได้เกิดขึ้นพร้อมกัน ปัจจุบันในทางวิทยาศาสตร์ยังไม่ได้ตอบคำถามว่าก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร เพราะตามทฤษฎีสัมพัทธภาพนั้นถือว่า ให้ตัดเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ออกไป เพราะ ณ จุด ซิงกิวลาริตี้ นั้น ความโค้งของกาล-อวกาศมีค่าเป็นอนันต์
ดังนั้น แม้ความก้าวหน้าสูงสุดของวิทยาการปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้ตอบคำถามว่า จุดเริ่มต้นของสรรพสิ่งเป็นอะไร วิทยาศาสตร์ทำได้เพียงพยายามเข้าใกล้ความจริง แต่ยิ่งเข้าใกล้เพียงใด ความจริงนั้นก็กลับเหมือนห่างไกลออกไปเสมอ ดูกรณีเครื่องเร่งอนุภาคก็ได้ แทนที่จะหาอนุภาคมูลฐานได้ กลับค้นพบไปได้อย่างไม่รู้จบ ซึ่งก็ดีนะคะ ทำให้นักวิทยาศาสตร์จำนวนมากมีความน้อมใจถ่อมตนมากขึ้น ยอมรับว่า สิ่งที่ตนรู้นั้น ยังน้อย ยังไม่รู้อะไรอีกมากมาย
คำถามเรื่องปฐมเหตุ นั้น ไม่ใช่คำถามหลักในทางพุทธ เพราะพุทธเป็นธรรมชาตินิยม ด้วยความคิดแบบอิทัปปัจจยตา แม้แต่ผู้สร้างโลก ก็มาด้วยเหตุปัจจัยอีกทีหนึ่งเช่นกัน
คำถามทางพุทธ คือการพ้นทุกข์ การแสวงหาความหลุดพ้นแห่งใจอันไม่กลับกำเริบ ความสนใจเรื่องที่มาของสรรพสิ่งสำหรับดิฉันจึงมีสองแง่ หากว่าเรามองไปในฟากฟ้าแล้ว เราเห็นได้ถึงความเป็นธุลีของตัวเรา เห็นได้ถึงความเห็นหนึ่งเดียวของตัวเรากับจักรวาล ความถือตัวถือตน ความเย่อหยิ่งเอาตนเองเป็นศูนย์กลางลดน้อยลง การหาคำตอบเรื่องที่มาของสรรพสิ่งแบบนั้นก็เป็นคุณ
ถ้าหากการหาที่มาของสรรพสิ่ง เป็นสิ่งที่ทำให้เราตกอยู่ในปปัญจธรรม หรือ ธรรมอันเป็นเครื่องเนิ่นช้า ทำให้ติดตรึงอยู่กับโลกียธรรม การหาคำตอบเรื่องที่มาของสรรพสิ่งแบบนั้นก็เป็นโทษ
จากคุณ |
:
oDaineo
|
เขียนเมื่อ |
:
13 ส.ค. 52 10:25:32
|
|
|
|
 |