 |
ความคิดเห็นที่ 19 |
ทำไมมุสลิมะห์ต้องคลุมผม? ได้เคยมีการตอยโต้กันระหว่างมุสลิมท่านนึงกับ ยิวคนนึงที่พยายามบิดเบือนอิสลาม ผมจะคัดมาบางส่วน
24:31. และจงกล่าวเถิดมุฮัมมัดแก่บรรดามุอ์มินะฮ์ให้พวกเธอลดสายตาของพวกเธอลงต่ำ และให้พวกเธอรักษาทวารของพวกเธอ และอย่าเปิดเผยเครื่องประดับของพวกเธอ เว้นแต่สิ่งที่พึงเปิดเผยได้ และให้เธอปิดด้วยผ้าคลุมศรีษะ (คีมารฺ) ของเธอลงมาถึงหน้าอกของเธอ (ญุยูบิฮินนา) และอย่าให้เธอเปิดเผยเครื่องประดับ (ซีนะห์) ของพวกเธอ เว้นแต่แก่สามีของพวกเธอ หรือบิดาของสามีของพวกเธอ หรือลูกชายของพวกเธอ หรือลูกชายสามีของพวกเธอ หรือพี่ชายน้องชายของพวกเธอ หรือลูกชายของพี่ชายน้องชายของพวกเธอหรือลูกชายของพี่สาวน้องสาวของพวกเธอ หรือพวกผู้หญิงของพวกเธอ หรือที่มือขวาของพวกเธอครอบครอง (ทาสและทาสี) หรือคนใช้ผู้ชายที่ไม่มีความรู้สึกทางเพศ หรือเด็กที่ยังไม่รู้เรื่องเพศสงวนของผู้หญิง และอย่าให้เธอกระทืบเท้าของพวกเธอ เพื่อให้ผู้อื่นรู้สิ่งที่พวกเธอควรปกปิดในเครื่องประดับของพวกเธอ และพวกเจ้าทั้งหลายจงขอลุแก่โทษต่ออัลลอฮ์เถิด โอ้ บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับชัยชนะ
YUSUFALI: And say to the believing women that they should lower their gaze and guard their modesty; that they should not display their beauty and ornaments except what (must ordinarily) appear thereof; that they should draw their veils over their bosoms and not display their beauty except to their husbands, their fathers, their husband's fathers, their sons, their husbands' sons, their brothers or their brothers' sons, or their sisters' sons, or their women, or the slaves whom their right hands possess, or male servants free of physical needs, or small children who have no sense of the shame of sex; and that they should not strike their feet in order to draw attention to their hidden ornaments. And O ye Believers! turn ye all together towards Allah, that ye may attain Bliss. (24:31) PICKTHAL: And tell the believing women to lower their gaze and be modest, and to display of their adornment only that which is apparent, and to draw their veils over their bosoms, and not to reveal their adornment save to their own husbands or fathers or husbands' fathers, or their sons or their husbands' sons, or their brothers or their brothers' sons or sisters' sons, or their women, or their slaves, or male attendants who lack vigour, or children who know naught of women's nakedness. And let them not stamp their feet so as to reveal what they hide of their adornment. And turn unto Allah together, O believers, in order that ye may succeed. (24:31) http://cwis.usc.edu/dept/MSA/quran/024.qmt.html
ในอายะห์ข้างต้นมีคำว่า "คุมูรฺ" ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปพหูพจน์ของ "คิมารฺ" (อีก 3 รูปที่เหลือคือ คุมรฺ, อัคมิเราะห์, และ คิมีรฺ มีอาการนามเป็น คิมเราะห์ จาก "ลิซานุลอะร็อบ" ซึ่งว่ากันว่าเป็นพจนานุกรมที่ล้ำลึกที่สุดแล้วในภาษาอาหรับ) คำว่า คิมารฺ มีรากศัพท์จากอักษร 3 ตัว คือ คอมารอ ในพจนานุกรมของ Hans Wehr ที่ผมคิดว่าเป็นพจนานุกรมสองภาษาดีที่สุดตอนนี้ระบุว่า คอมารอ = to cover, to hide, to conceal และพจนานุกรมเล่มเดียวกันนี้ก็ระบุไว้ชัดเจนว่า คิมารฺ = veil covering head and face of a woman แบบนี้ตรงๆ เลย ไม่มีเล่มไหนแปลว่า "ม่าน" หรือ "เสื้อคลุม" หรือ "ผ้าห่ม"
คิมารฺหมายถึงสิ่งที่ปกคลุมอีกสิ่งหนึ่ง และนี่เป็นความหมาย "โดยกว้าง" แต่คนอาหรับนั้นเขาใช้คำว่าคิมารฺมีนัยยะเกี่ยวข้องกับศีรษะเป็นสำคัญ จริงๆ แล้วคำไทยก็มีลักษณะเช่นเดียวกับการใช้คำว่าคิมารฺของชาวอาหรับ เช่น คำว่า "จุติ" เรามักจะเข้าใจว่าแปลว่า "เกิด" แต่อันที่จริงมีความหมายตรงกันข้ามเลย คือแปลว่า "ตาย" แต่เราใช้จุติมาพูดว่า "เอื้องอัยราวัณจุติเมื่อวันที่ 30 กุมภาพันธ์" แทน "ตาย" ได้มั้ย เพราะ "จุติ" ใช้กับเทวดา "ตาย" จากสวรรค์ลงมา "เกิด" บนโลกเท่านั้น ฉะนั้นการจะเข้าใจคำๆ หนึ่งเราไม่ได้ดูที่ความหมายตามศัพท์อย่างเดียว แต่ต้องดูการนำไปใช้ในบริบทต่างๆ ด้วย เช่น มีรายงานจากท่านบิลาล (รด.) กล่าวว่า
“ท่านศาสนทูตของอัลลอฮฺ (ศ.) (ทำน้ำละหมาดโดย) ลูบบนถุงเท้าและคิมารฺ” รายงานโดยมุสลิม
โดย ปกติคิมารฺมักจะใช้หมายถึงผ้าคลุมศีรษะ (นาศีฟ) ของผู้หญิง แต่บางครั้งก็หมายถึงผ้าโพกศีรษะของผู้ชาย ซึ่งมุสลิมในเมืองไทยเรียกว่า "สาระบั่น" ดังในฮะดีษข้างต้น
คุณเข้าใจเรื่องการทำน้ำละหมาดหรือ ป่าว เพื่อประกอบความเข้าใจของคุณ ผมจะอธิบายให้ฟังสั้นๆ เวลามุสลิมหญิงหรือชายจะละหมาด เขาจะต้องอาบน้ำละหมาดก่อนที่จะไปละหมาดได้ กล่าวคือ ต้องล้างอวัยวะดังต่อไปนี้ตามลำดับ 1. มือทั้งสอง 2. ปากพร้อมชะล้างในรูจมูก 3. ใบหน้าจากตีนผมถึงปลายคาง 4. ท่อนแขนล่างจนถึงศอก 5. ลูบผมโดยเสยขึ้นไปถึงท้ายถอย 6. ใบหู และ 7. เท้าทั้งสองเลยตาตุ่มขึ้นมา
ในกรณีที่ทำน้ำละหมาดเช่นนี้แล้ว และใส่ถุงเท้าหรือรองเท้ามาโดยตลอด เมื่อจะทำน้ำละหมาดใหม่ก็เพียงแต่ลูบถุงเท้านั้นแทนการล้างเท้าทั้งสองได้ ทำนองเดียวกับการลูบสาระบั่นแทนเส้นผมได้หากใส่สาระบั่น (คิมารฺ) อยู่ ทีนี้ ผมถามคุณว่า การที่ท่านนบี (ศ.) เอาน้ำลูบคิมารฺตามฮะดีษข้างต้น จะให้แปลว่าลูบเสื้อคลุมหรือผ้าห่มหรือไง
ปราชญ์มุสลิมเขาเข้าใจคำว่าคิมารฺนี้อย่างไร ผมไปคัดมาให้ดูที่นี่แล้ว
Imam Abu'l-Fida ibn Kathir: "Khumur is the plural of khimar which means something that covers, and is what is used to cover the head. This is what is known among the people as a khimar."
The dictionary of classical Arabic, Aqrab al-Mawarid: "[The word khimar refers to] all such pieces of cloth which are used to cover the head. It is a piece of cloth which is used by a woman to cover her head."
Shaykh Muhammad al-Munajjid on Islam Q&A: "Khimaar comes from the word khamr, the root meaning of which is to cover. For example, the Prophet (peace and blessings of Allaah be upon him) said: “Khammiru aaniyatakum (cover your vessels).” Everything that covers something else is called its khimaar. But in common usage khimaar has come to be used as a name for the garment with which a woman covers her head; in some cases this does not go against the linguistic meaning of khimaar. Some of the fuqahaa’ have defined it as that which covers the head, the temples and the neck. The difference between the hijaab and the khimaar is that the hijaab is something which covers all of a woman’s body, whilst the khimaar in general is something with which a woman covers her head."
Shaykh Muhammad Nasiruddin Albani: "The word khimaar linguistically means only a head covering. Whenever it is mentioned in general terms, this is what is intended."
คิมารฺอาจอนุโลมให้แปลว่า Headscarf หรือ Headcover หากว่าใช้ปกคลุมเส้นผมทุกเส้น ใบหู ลำคอ ไหล่ และปล่อยลงมาให้ปิดส่วนบนของเนินอก รวมทั้งให้เลยส่วนนูนของหน้าอกสตรีภายใต้เสื้อผ้าด้วย เช่นนี้จึงจะเรียกว่าคิมารฺได้
คำว่า "ญุยูบิฮินนา" (their bosoms) ที่กุรอ่านใช้ "ญุยูบ" เป็นพหูพจน์ของ "ญัยบ์" ซึ่งแปลว่า ซอง ซอก ร่อง(อก) รากศัพท์ของคำนี้หมายถึง Neck และ Collarbone (กระดูกไหปลาร้า) ด้วย ดังนั้นญัยบ์จึงกินความตั้งแต่ปลายคาง ลำคอ ช่วงไหล่ อกช่วงบน ลงมาถึงหน้าอกเลย
Shaykh Muhammad Nasiruddin Albani says that the word "jayb" is related to the word "jawb" which refers to something cut out, and he says that in this context it refers to the neckline of the woman's dress.
ในตัฟซีรฺ (Exegesis) ของกุรฺฏูบีบอกไว้ว่าสตรีในยุคก่อนอิสลามนั้น เขาจะคลุมผมโดยปัดชายผ้าไปด้านหลังเผยให้ช่วงลำคอและเนินอก อย่างที่ผมคัดมานี้
Imam Abu Abdullah Qurtubi: "Women in those days used to cover their heads with the khimar, throwing its ends upon their backs. This left the neck and the upper part of the chest bare, along with the ears, in the manner of the Christians. Then Allah commanded them to cover those parts with the khimar." Imam Abu'l-Fida ibn Kathir: "'Draw their khumur to cover their bosoms' means that they should wear the khimar in such a way that they cover their chests so that they will be different from the women of the jahiliyyah (คือยุคมืดก่อนอิสลามมา) who did not do that but would pass in front of men with their chests uncovered and with their necks, forelocks, hair and earrings uncovered."
เพราะเหตุนี้พระองค์อัลลอฮฺจึงระบุว่า "...that they should draw their veils over their bosoms . . ." ให้มุสลิมะห์ปฏิบัติไว้ให้แตกต่างจากการปฏิบัติของหญิงอื่นๆ
หมาย เหตุ: หากความว่า "over their bosoms" (อฺะลา ญุยูบิฮินนา) หมายถึง "on (above) their bosoms" แล้วล่ะก็ กรุอ่านก็จะใช้ว่า "เฟาเกาะ ญุยูบิฮินนา" มากกว่า ดังนั้น Over จึงเป็นคำแปลที่เหมาะสมแล้วของ "อฺะลา" เนื่องจากคำนี้ยังมีนัยยะของการข้าม พาด ผ่านจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งอยู่ด้วย ซึ่ง On หรือ Above ไม่มีนัยยะนี้ให้
คำว่า "ซีนะห์" (ornaments) ไม่ได้หมายถึงเครื่องประดับเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความสวยด้วย อย่างเช่นคนอาหรับเรียก บัยตุลซีนะห์ (บ้านแห่งซีนะห์) หมายถึง Beauty Shop ดังนั้นความงดงามบนตัวหญิงทั้งโดยธรรมชาติหรือประดิษฐ์จึงเข้าข่ายต้องปกปิด เมื่อออกนอกบ้านด้วย กุรอ่านฉบับแปลของยูซุฟ อฺะลีจึงแปลแยกเป็นสองคำว่า "beauty and ornaments" เลย ดังนั้นการที่คุณอ่านกุรอ่านฉบับแปลแล้วจะคิดว่านั่นคืออัลกุรอ่านไม่ได้!
ส่วน คำว่า Yashmak ที่คุณเอ่ยถึงนั้น ภาษาอังกฤษยืมคำนี้จากคำในภาษาตุรกี Yacmak หรือ Yasmak โดยที่ c หรือ s มีหางตวัดลงเหมือน C Cedilla ในภาษาฝรั่งเศส อาหรับก็เรียก และคำนี้หมายถึงผ้าปิดใบหน้า (face veil) เท่านั้น ซึ่งตรงกับคำว่า "นิก๊อบ" ในภาษาอาหรับ ไม่ใช่ Mask ชาวอาหรับเรียก Mask ว่า กินาอฺ
เครดิตจาก ท่าน bAdkArmA
-------------------------------------------------------------------------------
ที่เอามาซะยืดยาวนี้ เพราะ ทั้งคนที่ใช้ login ว่าเอื้องอัยราวัณ กับแมทท์ ใช้การบิดเบือนคล้ายๆ คือการจงใจแปลบิดเบือน กุรอ่าน เช่นคำว่า คิมารฺ ก็แปลว่า ผ้าห่ม หรือถ้าจำไม่ผิดแปลว่าผ้าคลุมโต๊ะ ทั้งๆที่ จริงๆแล้ว คำคำนี้นั้น ท่านผู้รู้ก็ได้ยกทั้ง ฮะดีษ และอธิบายกุรอ่านมาให้เราได้ทราบว่า จริงๆ แล้ว คนอาหรับ ภาษาอาหรับ เขาใช้ คำว่า คิมาร กับส่วนศรีษะ
นี่เป็นกุรอ่านนะครับ ที่สั่งให้ผู้หญิงคลุมศรีษะ ปกปิดมาถึงทรวงอกและไม่เปิดเผยสิ่งสวยงามด้วย
ถ้าอ้างว่ายึดกุรอ่านเป็นหลักก็ต้องคลุมผมครับ ถ้าไม่คลุมผมก็ถือว่า ฝ่าฝืนบัญญัติของอัลลอฮฺ
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 07:25:21
แก้ไขเมื่อ 25 ส.ค. 52 07:24:44
จากคุณ |
:
Carroth
|
เขียนเมื่อ |
:
25 ส.ค. 52 06:20:34
|
|
|
|
 |