ความคิดเห็นที่ 1 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก                          เลื่อมใสในพระภิกษุสงฆ์แล้ว ได้เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นผู้ประ-                          กอบด้วยการฟ้อน การขับ การประโคมอันเป็นทิพย์ เสวยยศใน                          สวรรค์ชั้นดุสิตนั้น โดยบุญกรรม เราเข้าถึงกำเนิดใดๆ คือ                          เป็นเทวดาหรือมนุษย์ ในกำเนิดนั้นๆ เราไม่มีความบกพร่อง                          ในเรื่องโภคทรัพย์เลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เพราะได้ถวาย                          ผลไม้แด่พระพุทธเจ้า เราจึงได้เป็นใหญ่ตลอดทวีปทั้ง ๔ พร้อมด้วย                          สมุทร พร้อมทั้งภูเขา ถึงฝูงนกมีเท่าใดที่บินอยู่ในอากาศ นก                          เหล่านั้นก็ตกอยู่ในอำนาจของเรา นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ ยักษ์                          ภูต รากษส กุมภัณฑ์และครุฑ เท่าที่มีอยู่ในไพรสณฑ์ ต่างก็                          บำรุงบำเรอเอา ถึงพวกเต่า หมาไน ผึ้งและเหลือบยุง ก็ตกอยู่                          ในอำนาจของเรา นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ แม้เหล่าสกุลปักษี                          มีกำลังมากชื่อสุบรรณก็นับถือเรา นี้ก็เป็นผลแห่งการถวายผลไม้                          ถึงพวกนาคที่มีอายุยืน มีฤทธิ์ มียศใหญ่ ก็ตกอยู่ในอำนาจเรา                          นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ ราชสีห์ เสือโคร่ง เสือเหลือง หมี                          หมาป่า หมาจิ้งจอก ก็ตกอยู่ในอำนาจของเรา นี้เป็นผลแห่งการ                          ถวายผลไม้ ผู้ที่อยู่ในดาวประกายพฤกษ์และหญ้า กับผู้ที่อยู่ในอากาศ                          ล้วนนับถือเราทั้งหมด นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ ธรรมที่เห็นได้                          ยาก ละเอียด ลึกซึ้ง ซึ่งพระศาสดาทรงประกาศไว้ดีแล้ว                          เราถูกต้องแล้วอยู่ นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เราถูกต้องวิโมกข์ ๘                          เป็นผู้ไม่มีอาสวะ เป็นผู้มีความเพียรเผากิเลส และมีปัญญารักษา                          ตนอยู่ นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เราเป็นผู้หนึ่งในจำนวนโอรส                          ของพระพุทธเจ้าที่ดำรงอยู่ในผล สิ้นโทสะ มียศใหญ่ นี้เป็นผล                          แห่งการถวายผลไม้ เราถึงความบริบูรณ์ในอภิญญา อันกุศลมูล                          ตักเตือน กำหนดรู้อาสวะทั้งปวง เป็นผู้ไม่มีอาสวะอยู่ เราเป็นผู้                          หนึ่งในจำนวนพระโอรสของพระพุทธเจ้าที่ได้วิชชา ๓ บรรลุฤทธิ์                          มียศใหญ่ สมบูรณ์ด้วยทิพโสต ในกัปที่แสนแต่กัปนี้ เราได้                          ถวายผลไม้ใดกาลนั้น ด้วยการถวายผลไม้นั้น เราไม่รู้จัก                          ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายผลไม้ เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว ...                          พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.             ทราบว่า ท่านพระสัพพผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ สัพพผลทายกเถราปทาน.             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  บรรทัดที่ ๒๔๐๗ - ๒๔๓๗.  หน้าที่  ๑๐๖ - ๑๐๘. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=2407&Z=2437&pagebreak=0 จากคุณ : sarawadee เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:37:23

ความคิดเห็นที่ 2 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก                          ก็ได้เสด็จเลยไป ดิฉันได้ไปสวรรค์ชั้นดุสิต ก็เพราะจิตเลื่อมใสนั้น                          ดิฉันเผากิเลสทั้งหลายแล้ว .... พระพุทธศาสนาดิฉันได้ทำเสร็จแล้ว.             ทราบว่า ท่านพระสังกมนทาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ สังกมนทาเถริยาปทาน.             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  บรรทัดที่ ๔๑๓๐ - ๔๑๓๓.  หน้าที่  ๑๗๘. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=4130&Z=4133&pagebreak=0 จากคุณ : sarawadee เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:38:24

ความคิดเห็นที่ 3 พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๕ ขุททกนิกาย อปทาน ภาค ๒ -พุทธวังสะ-จริยาปิฎก                          ด้วยความตั้งเจตนาไว้ เราละร่างมนุษย์แล้วได้เข้าถึงสวรรค์ชั้นดุสิต                          จุติจากดุสิตแล้ว ไปเกิดในครรภ์ของมารดา ในครรภ์ที่เราอยู่ ไม่มี                          ความบกพร่องด้วยโภคทรัพย์แก่เราเลย เมื่อเรายังอยู่ในครรภ์ของ                          มารดา ข้าว น้ำ โภชนาหาร เกิดตามความปรารถนาแก่มารดาของ                          เราตามชอบใจ เราออกบวชเป็นบรรพชิตอายุ ๕ ขวบ เมื่อปลงผม                          เสร็จเราก็ได้บรรลุอรหัต เราค้นหาบุรพกรรมอยู่ ก็มิได้เห็นโดย                          อุรประเทศ เราระลึกถึงกรรมของเราในสามหมื่นกัปได้ ข้าแต่                          พระองค์ผู้เป็นบุรุษอาชาไนย ข้าพระองค์ขอนอบน้อมแด่พระองค์                          ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นอุดมบุรุษ ข้าพระองค์ขอนอบน้อมแด่พระองค์                          ข้าพระองค์อาศัยคำสั่งสอนของพระองค์ จึงได้บรรลุบทอันไม่                          หวั่นไหว ในกัปที่สามหมื่น เราบูชาพระสัมพุทธเจ้า ด้วยการบูชานั้น                          เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบูชาพระพุทธเจ้า เราเผากิเลส                          ทั้งหลายแล้ว ... พระพุทธศาสนาเราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.             ทราบว่า ท่านพระจันทนมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการฉะนี้แล. จบ จันทนมาลิยเถราปทาน.             เนื้อความพระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๓  บรรทัดที่ ๑๖๖๓ - ๑๖๗๗.  หน้าที่  ๗๓ - ๗๔. http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=33&A=1663&Z=1677&pagebreak=0 จากคุณ : sarawadee เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:39:05

ความคิดเห็นที่ 4 ก่อนเป็นพระพุทธเจ้า      ท่านลงมาจาก สวรรค์ชั้นดุสิต....นั่นเอง เจ้าของกระทู้สันนิษฐานว่า ที่นั่นคงเป็นที่รวมผู้มีบุญและศีล  ใกล้บรรลุธรรม  แล้ว นั่นเอง จากคุณ : sarawadee เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:41:30

ความคิดเห็นที่ 5 ท่านพระโพธิฆรการกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ท่านพระสัพพผลทายกเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ท่านพระสังกมนทาภิกษุณีได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ท่านพระจันทนมาลิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ จากคุณ : NotUndo เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 17:55:33

ความคิดเห็นที่ 6 ชนวนเริ่มมาแล้วกระมัง จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:06:16

ความคิดเห็นที่ 7 เราเชื่อในพระอรหันต์......เพราะถ้าไม่เชื่อ พระไตรปิฎกเล่มนี้  คงไร้ซึ่งความหมายและความเชื่อถือ..... สาธุ........พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์ จากคุณ : sarawadee เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:48:59

ความคิดเห็นที่ 8 ...... จากคุณ : ทองทา เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 18:51:05

ความคิดเห็นที่ 9 หุ หุ จากคุณ : muangsombut เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 22:33:42

ความคิดเห็นที่ 10 วงบุญพิเศษดุสิตบุรี ที่ตั้ง: เฟส 2 ทิศด้านหน้าของวิมานท้าวสันตดุสิตเทวราช ผู้ปกครองภพ (ปัจจุบันคือเทพบุตรพุทธมารดา) ลักษณะทั่วไปของดุสิต: วิมานของผู้ปกครองภพ จะอยู่ตรงกลางภพดุสิต แล้วจึงมีวิมานเทพล้อมรอบเป็นชั้นๆ แบ่งออกเป็น 4 เฟสใหญ่ๆ แต่ละเฟส วนเป็นวงกลมล้อมรอบผู้ปกครองภพ เฟส 1: ชั้นในสุด อยู่ติดกับวิมานผู้ปกครองมากที่สุด เป็นเขตของพระอริยเจ้า เฟส 2: อยู่ถัดออกไป เป็นเขตของนิยตโพธิสัตว์ วงบุญพิเศษตั้งอยู่เขตนี้ มีมหาสมณะเทพบุตร(หลวงปู่วัดปากน้ำ) เป็นผู้ปกครองวงบุญ ใกล้กับ วงบุญพิเศษ เป็นวงบุญของพระศรีอริยเมตไตรโพธิสัตว์ ทั้งสองวงบุญ อยู่ทางทิศด้านหน้าของผู้ปกครองภพ เฟส 3: เป็นเฟสของอนิยตโพธิสัตว์ ยังไม่เที่ยงจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เฟส 4: เป็นเขตทั่วไป อยู่ขอบนอกสุดของภพดุสิต เป็นที่อยู่สำหรับผู้ไม่เข้าข่ายใดๆ คือไม่เป็นทั้งพระอริยเจ้า พระนิยตและอนิยตโพธิสัตว์ แต่มีกำลังบุญถึง มากพอสำหรับสวรรค์ชั้นนี้ มีแบ่งเป็นเฟสๆ สวรรค์หรือบ้านจัดสรร  >>>ดุสิตบุรี บางบัวทองมั้ย ใกล้หน่อย จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 52 23:54:10

ความคิดเห็นที่ 11 เชื่อในพระพุทธะวัจนะ แต่นั่นมิใช่จุดหมายที่แท้จริง สันติเป็ฯสิ่งที่ทุกคนควรจะเข้าถึง  แต่วงบุญพิเศษดุสิตธานี ไม่ใช่พุทธวัจนะ และ ดุสิตบุรี ไม่สามารถซื้อขายได้ ผ่อนได้อีก นะจ๊ะ  จะบอกให้ จากคุณ : ทำไมชอบหลงบุญกันจัง (5tik) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 07:31:26

ความคิดเห็นที่ 12 ตั้งธงในใจ วาดฝันในใจกันไว้อยู่แล้ว สิ่งอื่นๆแม้พระไตรปิฏก ก็เป็นแค่สิ่งที่มาสนับสนุนความฝันนั้น สิ่งไหนเกือบตรงหรือใกล้เคียงก็นำมาภาคภูมิใจ นำมาพูดเพื่อกระชับสิ่งที่ตน ฝันกันอยู่ สิ่งไหนไม่ตรง ไม่มี ก็อ้างว่าหล่นหายไปบ้าง หรือบางทีก็ทำเพิกเฉยไม่ สนใจ นี่เหรอทำใจเป็นกลาง??? จากคุณ : mammord072 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 08:45:30

ความคิดเห็นที่ 13 พูดภาษาชาวบ้าน ก้อพูดได้แค่ว่า อายชาวบ้านเค้าหว่ะเพื่อน... จากคุณ : mammord072 เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 08:47:35

ความคิดเห็นที่ 14 คห.9 เรื่องนั้นเก่าแล้วครับ ทุกอย่างท่านผ่านพ้นคดีมาแล้วทุกคดีครับ และทุกๆฝ่ายก็เข้าใจท่านดีแล้วครับ ที่ยังหลงเหลือก็คือความเข้าใจผิดในใจคนบางส่วนเท่านั้นเองครับ -------------------------- คห.10 ขออธิบายนิดนึง คำว่า เฟส ของหลวงพ่อนั้น แทนคำว่า เขต ในภาษาทั่วไป แต่ท่านใช้คำนี้มาจนติดปากนานมาแล้ว อาจจะเพราะมีบางช่วงที่คำนี้ฮิตขึ้นมานะครับ ไม่มีอะไรที่แปลกหรอกครับ ท่านเป็นพระที่ใช้คำพูดได้ทันสมัยทันยุคนะครับ อย่าคิดมากครับ บนสวรรค์จะมีการแบ่งเขตต่างๆเหมือนในเมืองมนุษย์นั้นแหละครับ และจะมีหัวหน้าเขต ลูกน้อง เจ้าหน้าที่ แบ่งหน้าที่กันตามลำดับของบุญ กุศล ที่ได้ทำเอาไว้ในตอนเป็นมนุษย์ไงครับ การแบ่งเขต 1-2-3-4 นั้น ก็แบ่งตาม กำลังบุญที่แต่ละท่านได้ทำเอาไว้ในตอนเป็นมนุษย์เหมือนกันครับ พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ที่กำลังสร้างบารมี ก็จะอยู่บนสวรรค์ชั้นนี้ทั้งหมดเลยครับ ทั้งที่ได้รับพุทธพยากรณ์และไม่ได้รับพุทธพยากรณ์ การที่เราจะไปถึงสวรรค์ชั้นดุสิตได้นั้น ต้องมั่นสั่งสมบุญทุกๆวัน ทั้งทาน ศีล ภาวนา กันให้เต็มที่เต็มกำลังนะครับ ถึงจะไปสวรรค์ชั้นนี้ได้ บุญนั้นไม่มีขายหรอกครับ ถ้าคุณจะไปสวรรค์ชั้นนี้หรือชั้นไหน คุณก็ต้องทำบุญเอง อย่าเข้าใจผิดว่า เป็นการซื้อบุญ ซื้อสวรรค์ เค้าเรียกว่าทำบุญครับ ---------- วงบุญพิเศษดุสิตบุรี อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นวงบุญของหลวงปู่สด จันทสโร ซึ่งท่านอยู่ตรงนั้น ในตอนนี้ครับ ผู้ที่สืบสายธรรมและเป็นลูกศิษย์ท่านก็จะมาอยู่ตรงนี้กับท่านครับ คำว่า บุรี ก็เคยอธิบายไปแล้วว่า เหมือนคำต่อท้ายจังหวัดต่างในประเทศนะครับ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษครับ เหมือนเป็นสถานที่ที่นึงก็แค่นั้นเองครับ หลายคนไม่เข้าใจท่านเพราะว่า ท่านชอบใช้ภาษาที่ ทันสมัย แปลกใหม่มาพูดให้ฟังแล้วสบายใจนะครับ ให้ฟังแล้วสนุก น่าสนใจ ซึ่งความจริงก็ไม่ได้มีอะไรที่ผิดหรือแตกต่างจากทั่วไปเลยครับ พระนักเทศหลายๆท่านก็ใช้ภาษาต่างๆที่แต่ละท่านแต่งขึ้นมาเพื่อให้คนฟังสนใจฟัง ก็แค่นั้นเองครับ ไม่ควรเอามาทำให้เป็นประเด็นเลยครับ พอจะเข้าใจแล้วนะครับ ขอบคุณครับ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 11:03:52 จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 10:58:06

ความคิดเห็นที่ 15 โอวาทธัมมชโย                    ให้แก่ชาวเมืองแก้วมณี และมงคลเศรษฐี เมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๗ ณ อาคารทวีบุญ  เมืองแก้วคอนโดมิเนียม “ ลูก ๆ ทุกคนที่มาจากดุสิตบุรี  มาสร้างบารมีกัน ในชาตินี้  มาอยู่ใกล้ ๆ วัด  เพื่อจะมาดูแลวัด  แล้วก็มาเป็น นักเรียน  นักศึกษา  นักสร้างบารมี วันนี้  หลวงพ่อก็ปิติยินดี  ที่คุณมานิตเล่าให้ ฟังว่า ได้มีลูก ๆ หลวงพ่อที่อยู่ในต่างประเทศได้จองที่จะมา อยู่กันที่นี่แล้ว  ก็มาอยู่แล้วส่วนหนึ่ง  ดีใจที่ใช้สถานที่ได้อย่าง มีประโยชน์และจะได้แตกต่างจากที่อื่น แต่ว่าอย่างไรก็ตาม  หลวงพ่ออยากให้มาอยู่ ด้วยกันเต็ม ๆ   ที่ยังไม่ได้มาจองก็มาจอง  ที่จองแล้วก็ให้มา จ่าย  ที่ยังไม่ได้มาจ่ายก็มาจ่ายซะ  ที่จ่ายแล้วก็ให้รีบมาอยู่ เพื่อที่เราจะได้ทำชุมชนต้นแบบให้เป็นจริง  ให้ชาวโลกเขา ได้รู้  โดยเริ่มจากชุมชนเล็ก ๆ ของเรานี้ก่อน  ซึ่งอยู่อย่าง เสมอกัน  กินเสมอกัน  ความคิดเหมือน ๆ กัน  พูดเหมือนกัน ทำเหมือนกัน  อย่างนี้ถึงจะได้ไปในทิศทางเดียวกัน ถ้าหากว่าเรายังมากันไม่ครบ  พลังก็จะ ยังไม่เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์  ยังไม่เต็มที่  ถ้าหากเรามากันครบถ้วน แล้ว  พลังก็จะเต็มที่  ที่จะเป็นต้นแบบของโลก  จะได้เกิด แรงบันดาลใจให้เขาอยากจะเอาอย่างชุมชนของเรานะจ๊ะ วันนี้หลวงพ่อก็ดีใจ  แล้วก็ขออนุโมทนาทุกคน ที่ได้ตั้งใจมาอยู่ใกล้ ๆ วัด  จะทำให้สิ่งแวดล้อมของวัดเป็นที่อยู่ ของทุกคนนะจ๊ะ   ตั้งใจรับพรนะจ๊ะ  ขอให้ทุกคนที่มาอยู่ มีแต่ความสุข  มีแต่ความเจริญ  คิดอะไรในสิ่งที่ดี  ขอให้ สมปรารถนา  ให้มีดวงตาเห็นธรรมในองค์พระธรรมกาย มีมหาสมบัติจักรพรรดิมากมายติดตามตัวทุกภพทุกชาติ ตราบกระทั่งถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ  ต่อจากนี้ไปก็ขอให้มีแต่ ความเจริญความสูงส่งยิ่งขึ้นไปเยอะ ๆ นะ ” จากคุณ : ทวนทอง http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2008/09/Y7028187/Y7028187.html ลูก ๆ ทุกคนที่มาจากดุสิตบุรี  มาสร้างบารมีกัน ในชาตินี้  มาอยู่ใกล้ ๆ วัด  เพื่อจะมาดูแลวัด >>> เป็นคำพูดที่มีจุดประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้อื่น >>> ศีล 5 ก็ผิดแล้ว นะจ๊ จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:01:20

ความคิดเห็นที่ 17 มาดูโครง การพันล้านกัน...ว๊าว มีช๊อปปปิ้งอาเคตด้วยอ่ะ จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:08:56

ความคิดเห็นที่ 18 หลายคนไม่เข้าใจท่านเพราะว่า ท่านชอบใช้ภาษาที่ ทันสมัย แปลกใหม่ ^ ^ ^ นี่รวมถึงมุสาและประสงค์ทรัพย์ผู้อื่นด้วยมั้ยคะ จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:11:03

ความคิดเห็นที่ 19 "คนเราถ้าตั้งใจจะจับผิด ก็สามารถจับผิดได้ทุกเรื่องจริงๆ แม้เรื่องถูกก็ทำให้ผิดได้" ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:13:30

ความคิดเห็นที่ 20 "ในชาตินี้  มาอยู่ใกล้ ๆ วัด  เพื่อจะมาดูแลวัด " คำพูดประโยคนี้ มันผิดตรงไหน ผู้มีปัญญาช่วยพิจารณาหน่อยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:15:38

ความคิดเห็นที่ 21 คห.17 พื้นที่ตรงนั้นเป็นของเอกชนครับ ไม่ใช่ของวัดพระธธรมกาย อย่าจับแพะชนแกะนะครับ เอกชนท่านนั้นอาจจะเข้าวัดเพราะอยู่ใกล้วันนี้และ เห็นช่องทาง ว่ามีคนมาวัดมากก็เลยเกิดไอเดีย สร้างแหล่งชุมชนขึ้นมาให้คนที่เข้าวัดนี้มาอยู่ใกล้วัดไปเลย จะได้ไม่ต้องเดินทางไกล ไปกลับเป็น100 กม.ครับ ประหยัดเวลา ประหยัดน้ำมันไงครับ พอจะเข้าใจแล้วนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:22:20

ความคิดเห็นที่ 22 มารมาแรงด้วยนะรอบนี้..... เคยเห็นมารโดนนรกกินกบาลมั้ย จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:33:12

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไมต้องอยากไปอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต? เป้าหมายสูงสุดที่แท้จริงของชาวพุทธ คือที่สวรรค์ชั้นนี้เหรอ จากคุณ : พีนัตบัทเตอร์ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:36:25

ความคิดเห็นที่ 24 ลืมบอกไปครับ ว่าเอกชน คือ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน มงคลเศรษฐี จำกัด ซึ่ง ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นท่านนี้หรือเปล่านะครับ คือ คุณ ศุภชัย ศรีศุภอักษร (นักสหกรณ์แห่งชาติ) ดูท่านได้ที่คลิปนี้ครับ ฟังความในใจท่านกันนะครับ dmc.tv/programs/small_talk.html มี2คลิป วันที่ 20 กย. 51 และ 11 เมย. 52 มาทำความเข้าใจท่านกันนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 11:48:33

ความคิดเห็นที่ 25 คห.23 ชาวพุทธควรมีเป้าหมายที่สูงสุดคือนิพพานครับ แต่ถ้าเรายังไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ละ เราจะไปไหนครับ ก็ต้องไปสวรรค์ใช่ไหมครับ สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นสวรรค์ที่เป็น กลางๆ พระโพธิสัตว์จึงมาอยู่สวรรค์ชั้นนี้ครับ คือ อายุไม่ยาวนานเกินไป อายุไม่สั้นเกินไป ไม่ติดสุขมากไป จะลงมาสร้างบารมีต่อก็ง่ายครับ ประมาณนี้ครับ พระศรีอาริยเมตไตย ก็อยู่ชั้นนี้ครับ ใครปรารถนาจะไปเกิดในยุคท่านก็ให้สั่งสมบารมีกันมากๆนะครับ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา แล้วอธิฐานให้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ เมื่อพระโพธิสัตว์ ลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย เราก็ลงมาพบท่าน เพื่อฟังธรรมจากท่าน เราอาจจะบรรลุธรรมให้ยุคนั้นก็ได้นะครับ หรือถ้าไม่บรรลุในยุคนั้น เราก็สั่งสมบุญบารมีกันต่อ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีพระอรหันต์สาวกมากมายให้เราสั่งสมบุญครับ เราจะเป็นผู้มีบุญมากพอที่อนาคตเราก็จะบรรลุธรรมได้อย่างง่ายดายเหมือนในยุคพุทธกาลเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:00:21

ความคิดเห็นที่ 26 พระที่ไหนเป็นพรีเซนเตอร์สินค้า พูดโฆษณาบ้านจัดสรร พูดเพื่อประสงค์ทรัพย์ผู้อื่นก็ผิดเห็นๆ ศีลห้า ยังรักษาไม่ได้เลย ปทุมฉัตรสหัสรังษี เคยเห็นมารโดนนรกกินกบาลมั้ย >>> ยังไม่เคยเห็นค่ะ เคยเห็น พวกโลภบุญกินสมอง กินโอเมก้า 3 บ้างนะ อิอิ แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 12:12:47 จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:07:26

ความคิดเห็นที่ 27 ความเห็น 22 เราปล่อยผ่านไว้เอง เก็บไว้ประจาน แบบนี้ดีแล้ว จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:14:45

ความคิดเห็นที่ 28 คห.26 การชวนคนมาอยู่ใกล้วัดไม่ได้ผิดศีลข้อไหนเลยครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 12:35:40

ความคิดเห็นที่ 29 คุณ กรรไกร สรุปว่า วัดธรรมกาย ถูกหมดเลย เจ้าอาวาส ก้อถูกต้อง และ เป็นพระที่น่ากราบไหว้ ว่างั้น.... เหอ เหอ จากคุณ : muangsombut เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 14:11:32

ความคิดเห็นที่ 30 "วงบุญพิเศษดุสิตบุรี อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นวงบุญของหลวงปู่สด จันทสโร ซึ่งท่านอยู่ตรงนั้น ในตอนนี้ครับ ผู้ที่สืบสายธรรมและเป็นลูกศิษย์ท่านก็จะมาอยู่ตรงนี้กับท่านครับ" -เรื่องเหล่านี้จริงหรือ ใครจะเป็นผู้รับรอง่วาเป็นความจริง ฟังตามกันมา จากปากของใคร แน่ใจได้อย่างไรว่า คนที่พูดรู้จริง เอาแต่เชื่อกันหัวปักหัวปำ เรื่องนี้ไม่น่าเชื่อ และไม่ควรเชื่อ คนเราเอาแต่นั่งสงบนิ่ง ไม่สร้างกรรมดี ไม่เจริญกุศล ไม่ต่างอะไรกับก้อนหิน บางทีหินยังดีกว่า มุนัขเยี่ยวรดยังไม่โกรธ แต่คนพวกนี้นั่งนิ่งๆ เหมือนหิน ถ้ถูกสุนัขเยี่ยวรดอาจโกรธ ไม่ศึกษาพระธรรมให้ชัดแจ้ง กลับไปเชื่อพวกอาศัยผ้าเหลืองหากิน น่าสมเพช ไม่เชื่อและต้องลบหลู่ อย่าเอานรกมาขู่ ไม่กลัวเลย เพราะเข้าออกจนรู้จักหมดแล้ว ใช้สติปัญญาบ้าง อบรมปัญญาบ้าง อย่าเอาแต่ศรัทธา พากันลงห้วยลงเหว เกิดมาชาติหนึ่ง เป็นคนมันแสนยาก กลับไม่ใช้สติปัญญา เอาแต่ถูกใจ มืดมาก็มืดไป ไม่รอดแน่ๆ น่าสงสารและสมเพชจริงๆ จากคุณ : เตาเผาผี (เตาฟืน) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 14:32:16

ความคิดเห็นที่ 31 คห.29 อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ เราเป็นชาวพุทธเราควรเคารพพระรัตนตรัย ซึ่งพระสงฆ์คือหนึ่งในพระรัตนตรัย ผมเคารพพระสงฆ์ทุกๆองค์เลยครับ หลวงปู่มั่น หลวงตามหาบัว หลวงพ่อจรัญ ฯลฯ ผมเคารพหมดเลยนะครับ ส่วนหลวงพ่อวัดพระธรรมกาย ผมก็ดูท่านมาตลอดเกือบจะ20ปีแล้ว ท่านไม่ได้ทำอะไรผิดตามที่มีเรื่องราวเลยครับ ผมถึงจึงมาอธิบายให้หลายคนเข้าใจนะครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 17:36:16

ความคิดเห็นที่ 32 คห.30 เรื่องของหลวงปู่สด คุณไม่เชื่อก็ไม่เป็นไรครับ ไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อครับ แต่บอกให้รู้ ที่มาที่ไปครับ ถ้าไม่ทำใจให้นิ่งแล้วจะเข้าถึงสมาธิได้ยังไงครับ ถ้ามัวแต่คิดจับผิดผู้อื่นแล้วใจจะสงบได้ยังไงครับ ส่วนเรื่อง วจีกรรมผมพูดเตือนเพื่อให้คุณเข้าใจ และเห็นโทษของวจีกรรม ไม่ได้ให้คุณกลัวหรอกครับ ผลของวจีกรรมนั้น หมดอายุขัยตายไปก็รู้เองครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : กรรไกรรัตนะ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 17:52:26

ความคิดเห็นที่ 33 Yogi Playgirl  - เคยเห็นพวกมารโลภบาปมั้ย หัดกินของมีประโยชน์บ้างสิ อย่าไปกินแต่สิ่งสกปรกสิ ความคิดจะได้ดีขึ้นบ้าง จะได้ไม่ไปจ้องบี้ชาวบ้านเขาอย่างเดียว อ่อ ....กินกระจกด้วย เผื่อมองตัวเองชัดขึ้น ป.ล. จะมีใครด่าอั๊วว่ารังแกผู้หญิงมั้ยเนี่ย แก้ไขเมื่อ 07 ต.ค. 52 18:10:18 จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 18:08:12

ความคิดเห็นที่ 34 ผมว่าต่างคนต่าง ทำแล้วกัน  แต่ขอทีเถิดเวลามาโพส ควรจะอิงตามหลักคำพูดของพระพุทธเจ้านะครับ  ไม่ใช่เอามาแปะแล้วแนบต่อด้วยธรรมกายนะครับ  เอาคำสอนของพระพุทธเจ้าล้วน ๆ ไม่เอาที่แต่งเติมเอง สอดความเห็นส่วนตัว  นะครับ  ขอร้องถ้าอยากได้บุญพวกคุณก็ไปทำบุญที่วัดนั้นเถิด  แต่อย่ามาโพสลักษณะนี้เลย เหมือนจะเผยแพร่ จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 19:49:26

ความคิดเห็นที่ 35 ^ ^ เผยแพร่สิ่งดีๆ นี่มันผิดตรงไหนไม่ทราบคะ? จากคุณ : เค้กผลไม้ เขียนเมื่อ : วันเกิด PANTIP.COM 22:57:27

ความคิดเห็นที่ 36 ปทุมฉัตรสหัสรังษี >>>>นี่ขนาดคุณกินของสะอาดมาแล้วนะเนี้ย เราส่องกระจกทุกครั้งเห็นผู้หญิงค่ะ ว่าแต่คุณส่องกระจกยังเห็นผู้ชายอยู่มั้ยอ่ะ จากคุณ : Yogi Playgirl เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 00:28:54

ความคิดเห็นที่ 37 นั่นไง ว่าแล้วเชียว 55555+ แบบเนี้ยนะผู้หญิง โถ.... จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 10:40:56

ความคิดเห็นที่ 38 - จากความคิดเห็นที่ 35 การโพสเรื่องของวัดธรรมกาย มันผิดกฎของบอร์ดนี้ครับ ดังนั้นเพื่อส่วนรวมจึงไม่ควรโพสข้อความเกี่ยวกับวัดธรรมกาย - จากความเห็นที่ 25 "ชาวพุทธควรมีเป้าหมายที่สูงสุดคือนิพพานครับ แต่ถ้าเรายังไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ละ เราจะไปไหนครับ ก็ต้องไปสวรรค์ใช่ไหมครับ" ถ้าเป้าหมายคือนิพพาน พอตายแล้วก็รีบมาเกิดใหม่เป็นมนุษย์ไม่ดีกว่าหรือครับ เพราะ มนุษย์นั้นมีโอกาสบำเพ็ญบารมีและเห็น อริยสัจ4 ได้มากกว่าเทวดา สังเกตจากการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า ท่านล้วนลงมาเกิดเป็นมนุษย์ เพื่อบำเพ็ญบารมีทั้งสิ้น อนึง "ความคิดที่ว่าเราจะไม่นิพพานในชาตินี้ จะไปสวรรค์ก่อน"หรือ "จะไปสะสมบารมีที่สวรรค์" เป็นความคิดที่ทำให้เกิดความประมาท เพราะถ้าท่านยังไม่ได้เป็นพระอริยะ ก็ไม่มีอะไรประกันได้ว่าหลังจากขึ้นสวรรค์แล้ว ท่านจะไม่ลงอบาย ดังนั้นจึงควรรีบทำความเพียร กำจัดกิเลสให้หมดไปในชาตินี้ ไม่ไปสวรรค์ จากคุณ : ขยันและอดทน เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 12:47:18

ความคิดเห็นที่ 39 ถูกต้องที่สุด จากคุณ : 5tik (5tik) เขียนเมื่อ : 8 ต.ค. 52 16:46:07

ความคิดเห็นที่ 40 #38 ก่อนที่พระสมณโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าจะมาบังเกิดในโลกมนุษย์ พระองค์ก็ทรงประทับอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตไม่ใช่หรือ เพราะสวรรค์ชั้นดุสิต เป็นที่สถิตย์ของเหล่าบรรดาพระมหาโพธสัตว์ที่ปรารถนาพุทธภูมิก่ิอนที่ พระองค์ท่านเหล่านั้นจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในโลกมนุษย์ต่อไป จากคุณ : sydneyboy เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 12:37:23

ความคิดเห็นที่ 41 ยุติธรรม ไม่ดำรง จากคุณ : ปทุมฉัตรสหัสรังษี เขียนเมื่อ : 9 ต.ค. 52 15:22:42

ความคิดเห็นที่ 42 คห.25 ชาวพุทธควรมีเป้าหมายที่สูงสุดคือนิพพานครับ แต่ถ้าเรายังไม่สามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ละ เราจะไปไหนครับ ก็ต้องไปสวรรค์ใช่ไหมครับ สวรรค์ชั้นดุสิต เป็นสวรรค์ที่เป็น กลางๆ พระโพธิสัตว์จึงมาอยู่สวรรค์ชั้นนี้ครับ คือ อายุไม่ยาวนานเกินไป อายุไม่สั้นเกินไป ไม่ติดสุขมากไป จะลงมาสร้างบารมีต่อก็ง่ายครับ ประมาณนี้ครับ พระศรีอาริยเมตไตย ก็อยู่ชั้นนี้ครับ ใครปรารถนาจะไปเกิดในยุคท่านก็ให้สั่งสมบารมีกันมากๆนะครับ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนา แล้วอธิฐานให้ไปเกิดบนสวรรค์ชั้นนี้ เมื่อพระโพธิสัตว์ ลงมาเกิดเป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้าย เราก็ลงมาพบท่าน เพื่อฟังธรรมจากท่าน เราอาจจะบรรลุธรรมให้ยุคนั้นก็ได้นะครับ หรือถ้าไม่บรรลุในยุคนั้น เราก็สั่งสมบุญบารมีกันต่อ โดยมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มีพระอรหันต์สาวกมากมายให้เราสั่งสมบุญครับ เราจะเป็นผู้มีบุญมากพอที่อนาคตเราก็จะบรรลุธรรมได้อย่างง่ายดายเหมือนในยุคพุทธกาลเลยครับ ------------------------------------------------------------------- พวกลัทธิจานบิน พลาดตั้งแต่เจตนาแล้วครับ สวรรค์คงได้ไปหรอก ถ้าคิดว่าชาติีนี้ยังไม่คิดจะนิพพาน ชาติต่อๆไปก็คงคิดไม่ได้หรอกครับ เหมือนกับทำกรรมไว้ประจำๆจนเป็นความเคยชิน จะเปลี่ยนอีกทีก็คงลำบากล่ะ จากคุณ : @Lfa7D เขียนเมื่อ : 10 ต.ค. 52 10:52:39