ความคิดเห็นที่ 1 ละหมาดคืออะไรโดยคร่าวๆ ความสำคัญของการละหมาด          การ ละหมาดเป็นรุก่น (หลักการ) ที่สองของรุก่นอิสลาม และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งรองลงมาจากการปฏิญาณตนเป็นมุสลิม เพราะการละหมาดคือเสาหลักของศาสนาที่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาและคงไว้ ตราบใดที่ชีวิตยังมีอยู่          อัลลอฮฺได้กำชับและฝากฝังบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ช่วยกันรักษาและดำรงการละหมาดห้าเวลาไว้ ดังดำรัสของพระองค์ที่มีว่า           “พวกเจ้าจงรักษาการละหมาดทั้งหลายไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง (คือ ละหมาดอัศริ) และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮฺโดยนอบน้อม” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 238)          และ สิ่งสุดท้ายที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ฝากไว้กับเหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปก็คือการละหมาด ห้าเวลา          การ ละหมาดเป็นศาสนกิจอันหนึ่งที่จะช่วยสานสายสัมพันธ์อันดีงามและมั่นคงระหว่าง พระผู้เป็นเจ้ากับบ่าวของพระองค์ นับตั้งแต่เราเริ่มกล่าวตักบีรฺ(อัลลอฮุ อักบัรฺ) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขณะนี้บ่าวกำลังเข้าเฝ้าอัลลอฮฺ พระองค์ผู้ทรงสร้าง  เพราะว่าตั้งแต่ตักบีรจนถึงการให้สลาม เราจะเห็นได้ว่ากิริยามารยาทและทุกอิริยาบทที่ถูกแสดงออกมาในช่วงประกอบพิธี ละหมาดนั้น คืออิริยาบทของบ่าวผู้อ่อนแอที่กำลังเข้าเฝ้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระองค์อัลลอฮฺ          อีก หลักฐานหนึ่งที่จะช่วยบ่งชี้ว่า การละหมาดคือการเข้าเฝ้าอัลลอฮฺก็คือ เวลาที่ผู้ละหมาดอ่านสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺ ในทุกๆ      ร๊อกอัตของการละหมาด ทุกๆ อายัตที่เขาได้อ่านในสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺนั้น อัลลอฮฺจะทรงตอบรับดังที่มีรายงานในหะดีษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม (รายงานโดย มุสลิม)          ส่วน หนึ่งของประโยชน์สำหรับผู้ที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดก็คือ การละหมาดจะช่วยชำระบาป และจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือบาปอันเป็นสิ่งโสโครกที่ติดอยู่ให้หมดสิ้นไป ดัง    หะดีษที่มีความว่า “พวก ท่านลองตอบสิว่า ถ้าหากว่าหน้าประตูบ้านของพวกท่านมีแม่น้ำไหลผ่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้อาบน้ำชำระร่างกายห้าครั้งในทุกๆวัน แล้วท่านยังจะมีสิ่งสกปรกหรือกลิ่นตัวติดหรือค้างอยู่อีกไหม?”  บรรดาผู้ที่ฟังท่านอยู่ตอบว่า จะไม่มีสิ่งสกปรกลงเหลือเลย  ท่านก็กล่าวอีกต่อไปว่า “ดังนั้นการละหมาดห้าเวลาก็เช่นกัน อัลลอฮฺจะทรงชำระบาปและความผิดต่างๆ ของพวกท่านด้วยการละหมาด” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)          ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ความว่า “การ ละหมาดห้าเวลาและการละหมาดญุมอะฮฺ (ละหมาดวันศุกร์) หนึ่งไปยังอีกญุมอะฮฺหนึ่ง มีผลตอบแทนคืออัลลอฮฺจะทรงไถ่โทษ (ชำระบาป) ในสิ่งที่ไม่ไช่บาปใหญ่” (รายงานโดย มุสลิม)          การ ละหมาดมิใช่เพียงแต่สามารถชำระบาปและสิ่งโสโครกเท่านั้น แต่การละหมาดยังสามารถสร้างเกราะป้องกันบาปอีกด้วย ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า           แท้จริงการละหมาดสามารถยับยั้งมิให้กระทำความโสมมและความชั่ว” (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต : 45)            นั่นเป็นเพราะว่าการละหมาดคือแสงสว่างที่จะช่วยส่องจิตใจของผู้ศรัทธาบนโลก นี้และในวันอาคิเราะฮฺ ท่านรอซูลได้กล่าวไว้มีความว่า “การละหมาดนั่นคือแสงสว่าง” (รายงานโดยมุสลิม) ซึ่งใครก็ตามที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดเขาจะได้รับแสงสว่างและความสำเร็จในวันอาคิเราะฮฺ โองการในกุรอ่านนะครับ           “แท้จริงการนมาซนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่บรรดาผู้ศรัทธา” (ซูเราะฮ์ นิซาอ์ โองการที่ 103)           [b]และ เจ้าจงใช้ครอบครัวของเจ้าให้ทำนมาซ และจงอดทนในการปฏิบัติ เรามิได้ขอเครื่องยังชีพจากเจ้า เราต่างหากเป็นผู้ให้เครื่องยังชีพแก่เจ้าและบั้นปลายนั้นสำหรับผู้ที่มี ความยำแกรง (ซูเราะฮ์ ฏอฮา โองการที่ 132)          ดังนั้นการละหมาดจึงเป็นเสาหลักของอิสลามนะครับ การทิ้งละหมาด หรือละเลยกับการละหมาด จึงเป็นสิ่งที่ผิด ดังนี้           [19.59] ภายหลังจากพวกเขาชนรุ่นชั่วก็ได้สืบต่อมา พวกเขาได้ทิ้งละหมาด และปฏิบัติตามความใคร่ ต่อมาพวกเขาก็จะประสบความหายนะ          [107.4] ดังนั้น ความหายนะจงมีแด่บรรดาผู้ทำละหมาด          [107.5] ผู้ที่พวกเขาละเลยต่อการละหมาดของพวกเขา          [74.42] อะไรที่นำพวกท่านเข้าสู่กองไฟที่เผาไหม้          [74.43] พวกเขากล่าวว่า เรามิได้อยู่ในหมู่ผู้ทำละหมาด จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:34:42

ความคิดเห็นที่ 2 แล้วคำถามอะไรที่พวกบิดเบือนอิสลาม ให้คำตอบไม่ได้และต้องหนีอยู่เรื่อยไป          จากโองการข้างบนเราจะพบว่า การละหมาดนั้นได้กำชับไว้ในกุรอ่านให้มุสลิมปฏิบัติ และยังบอกด้วยว่าถูกกำหนดเวลาแล้ว แต่กำหนดอย่างไรเวลาใด มีกี่เวลากันแน่ หรือปฏิบัติอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ต้องอ่านหรือท่องอะไรบ้างสิ่งเหล่านี้แหละครับ ที่ถูกบ่งบอกไว้ใน ฮะดีษ หรือแบบอย่างของท่านศาสดา          ดังนั้นพวกที่พยายามบิดเบือนอิสลาม แล้วบอกว่าฮะดีษเชื่อถือไม่ได้ ฮะดีษเป็นนิทาน ฮะดีษเป็นเรื่องที่ไม่ได้มาจากท่านศาสดา จึงไม่สามารถตอบได้เลยว่า ถ้าไม่อาศัยฮะดีษแล้วเราจะละหมาดอย่างไร ละหมาดตามใจหรือ? ละหมาดจะ 3 หรือ 5 หรือ 9 ก็ได้งั้นหรือ? กุรอ่านบอกไว้แล้วนะครับว่า           “แท้จริงการนมาซนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่บรรดาผู้ศรัทธา” (ซูเราะฮ์ นิซาอ์ โองการที่ 103)          ซึ่งมุสลิมทั่วโลกก็ละหมาดกัน 5 เวลา นะครับ แล้วเมื่อไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ในกุรอ่าน แล้วเราจะพบเวลาละหมาดได้จากที่ใด คำตอบง่ายมากครับ เราก็สามารถหาได้ในแหล่งที่ กุรอ่านระบุไว้นั่นคือ           แบบอย่างของท่านศาสดาครับ ดังนี้           แท้จริง ในรอซูลุลลอฮฺนั้นมีแบบอย่างที่ดีงามสำหรับผู้ที่หวังจะพบอัลลออฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก (กุรอาน 33:21)           แต่ไม่เลย ฉันขอสาบานด้วยพระเจ้าของเจ้าว่าเขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะ ให้เจ้า(มุฮัมมัด)ตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใดๆในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไปและ พวกเขายอมจำนนด้วยดี (กุรอาน 4:65)          แท้จริง คำตอบของบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขาก็คือ ?เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟัง? ชนเหล่านี้คือผู้ประสบความสำเร็จ (กุรอาน 24:51)          อะไรก็ตามที่รอซูลนำมาให้เจ้า สูเจ้าก็จงรับไว้ และอะไรที่เขาห้าม ก็จงละเว้น? (กุรอาน 59:7)          โดยแน่นอนยิ่ง อัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพระองค์ได้ทรงตั้งรอซูล ขึ้นมาคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเองเพื่อมาสาธยายวจนะของพระองค์ เพื่อขัดเกลาชีวิตของพวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยาปัญญาให้แก่พวกเขาถึงแม้ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้อยู่ในการหลงทางอย่างชัดแจ้งก็ตาม (กุรอาน 3:164)          ไม่เหมาะสมสำหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาที่เมื่ออัลลอฮฺและรอ ซูลของพระองค์ได้ตัดสินใจในเรื่องได้ไปแล้ว พวกเขาจะมาเกี่ยงในเรื่องของพวกเขาอีกและใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและ รอซูลของพระองค์ แน่นอนพวกเขาได้หลงผิดไปอย่างชัดแจ้ง (กุรอาน 33:36)          ซึ่งแบบอย่างของท่านศาสดาถูกบันทึกไว้ในฮะดีษแล้ว ใครที่ปฏิเสธฮะดีษ ก็จะไม่สามารถละหมาดในเวลาที่กำหนดได้เหมือนที่กุรอ่านระบุไว้ และเมื่อทำไม่ได้ อธิบายไม่ได้ แล้วจะการละหมาดของเขา จะใช้ได้อย่างไร?          นี่แหละครับ ผมถึงบอกว่า คำถามพวกนี้ เป็นคำถามที่บรรดาพวกที่พยายามบิดเบือนอิสลามต้องหนีอยู่ร่ำไป จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:35:33

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วคำถามอะไรที่พวกบิดเบือนอิสลาม ให้คำตอบไม่ได้และต้องหนีอยู่เรื่อยไป          จากโองการข้างบนเราจะพบว่า การละหมาดนั้นได้กำชับไว้ในกุรอ่านให้มุสลิมปฏิบัติ และยังบอกด้วยว่าถูกกำหนดเวลาแล้ว แต่กำหนดอย่างไรเวลาใด มีกี่เวลากันแน่ หรือปฏิบัติอย่างไร มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ต้องอ่านหรือท่องอะไรบ้างสิ่งเหล่านี้แหละครับ ที่ถูกบ่งบอกไว้ใน ฮะดีษ หรือแบบอย่างของท่านศาสดา          ดังนั้นพวกที่พยายามบิดเบือนอิสลาม แล้วบอกว่าฮะดีษเชื่อถือไม่ได้ ฮะดีษเป็นนิทาน ฮะดีษเป็นเรื่องที่ไม่ได้มาจากท่านศาสดา จึงไม่สามารถตอบได้เลยว่า ถ้าไม่อาศัยฮะดีษแล้วเราจะละหมาดอย่างไร ละหมาดตามใจหรือ? ละหมาดจะ 3 หรือ 5 หรือ 9 ก็ได้งั้นหรือ? กุรอ่านบอกไว้แล้วนะครับว่า           “แท้จริงการนมาซนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่บรรดาผู้ศรัทธา” (ซูเราะฮ์ นิซาอ์ โองการที่ 103)          ซึ่งมุสลิมทั่วโลกก็ละหมาดกัน 5 เวลา นะครับ แล้วเมื่อไม่ได้ลงรายละเอียดไว้ในกุรอ่าน แล้วเราจะพบเวลาละหมาดได้จากที่ใด คำตอบง่ายมากครับ เราก็สามารถหาได้ในแหล่งที่ กุรอ่านระบุไว้นั่นคือ           แบบอย่างของท่านศาสดาครับ ดังนี้           แท้จริง ในรอซูลุลลอฮฺนั้นมีแบบอย่างที่ดีงามสำหรับผู้ที่หวังจะพบอัลลออฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก (กุรอาน 33:21)           แต่ไม่เลย ฉันขอสาบานด้วยพระเจ้าของเจ้าว่าเขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะ ให้เจ้า(มุฮัมมัด)ตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกันระหว่างพวกเขา แล้วพวกเขาไม่พบความคับใจใดๆในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินไปและ พวกเขายอมจำนนด้วยดี (กุรอาน 4:65)          แท้จริง คำตอบของบรรดาผู้ศรัทธาเมื่อถูกเรียกร้องไปสู่อัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ เพื่อให้ตัดสินระหว่างพวกเขาก็คือ ?เราได้ยินแล้ว และเราเชื่อฟัง? ชนเหล่านี้คือผู้ประสบความสำเร็จ (กุรอาน 24:51)          อะไรก็ตามที่รอซูลนำมาให้เจ้า สูเจ้าก็จงรับไว้ และอะไรที่เขาห้าม ก็จงละเว้น? (กุรอาน 59:7)          โดยแน่นอนยิ่ง อัลลอฮฺได้ประทานความโปรดปรานแก่บรรดาผู้ศรัทธาเมื่อพระองค์ได้ทรงตั้งรอซูล ขึ้นมาคนหนึ่งในหมู่พวกเขาเองเพื่อมาสาธยายวจนะของพระองค์ เพื่อขัดเกลาชีวิตของพวกเขาและสอนคัมภีร์และวิทยาปัญญาให้แก่พวกเขาถึงแม้ ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาได้อยู่ในการหลงทางอย่างชัดแจ้งก็ตาม (กุรอาน 3:164)          ไม่เหมาะสมสำหรับชายผู้ศรัทธาและหญิงผู้ศรัทธาที่เมื่ออัลลอฮฺและรอ ซูลของพระองค์ได้ตัดสินใจในเรื่องได้ไปแล้ว พวกเขาจะมาเกี่ยงในเรื่องของพวกเขาอีกและใครก็ตามที่ไม่เชื่อฟังอัลลอฮฺและ รอซูลของพระองค์ แน่นอนพวกเขาได้หลงผิดไปอย่างชัดแจ้ง (กุรอาน 33:36)          ซึ่งแบบอย่างของท่านศาสดาถูกบันทึกไว้ในฮะดีษแล้ว ใครที่ปฏิเสธฮะดีษ ก็จะไม่สามารถละหมาดในเวลาที่กำหนดได้เหมือนที่กุรอ่านระบุไว้ และเมื่อทำไม่ได้ อธิบายไม่ได้ แล้วจะการละหมาดของเขา จะใช้ได้อย่างไร?          นี่แหละครับ ผมถึงบอกว่า คำถามพวกนี้ เป็นคำถามที่บรรดาพวกที่พยายามบิดเบือนอิสลามต้องหนีอยู่ร่ำไป จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:39:51

ความคิดเห็นที่ 4 นี่แหละครับ สิ่งที่ พวกบิดเบือนอิสลามบอกว่าตอบ แต่เป็นคำตอบที่เลื่อนลอยไร้เหตุผล และสามารถแย้งได้ด้วยกุรอ่านเอง โดยไม่อ้างฮะดีษอีกต่างหาก ดังที่ผมแย้งไป          และเมื่อพวกนี้ หาหลักฐานจากกุรอ่านมายืนยันไม่ได้ แล้ว คนพวกนี้ทำอย่างไร ก็อ้างบรรพบุรุษครับซึ่งเป็นการอ้างที่ ไร้สาระเป็นอย่างมาก          เพราะการอ้างบรรพบุรุษนั้นก็เท่ากับเป็นการอ้าง การปฏิบัติจากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่กุรอ่านอยู่ดี ซึ่งก็เป็นฮะดีษชนิดหนึ่งเหมือนกัน แต่เป็นฮะดีษที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เพราะไม่มีสายรายงาน ไม่มีการตรวจสอบว่าจริงหรือไม่ และไม่สามารถบอกได้ด้วยว่าถูกปลอมแปลงอะไรมาบ้าง          ซึ่งการอ้างบรรพบุรุษก็คือการพาสังคมไปสู่ความตกต่ำแบบสังคมสมัย ป่าเถื่อนก่อนอิสลาม ที่กระทำการกราบไหว้รูปปั้นตามๆ กันมาเพราะบรรพบุรุษเคยทำ          และถ้ามีบรรพบุรุษซัก 100 ตระกูล แล้วการละหมาด จะแตกต่างกันไปกี่แบบครับ เพราะต่างฝ่ายต่างก็อ้างบรรพบุรุษของตัว ที่สอดแทรกอะไรมาบ้างหรือเปล่าก็ไม่ทราบ และไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าท่านศาสดาละหมาดอย่างไรกันแน่ด้วย ดังนั้น การทำตามบรรพบุรุษ ก็แทบไม่ต่างกับการเดา และคิดเอาเองเลย          การอ้างบรรพบุรุษจึงเป็นการอ้าง ที่แสดงถึง อาการหมดเหตุผลทางวิชาการ เพื่อยืนยันแนวคิดของพวกบิดเบือนอิสลามครับ          แถมการอ้างบรรพบุรุษยังเป็นการอ้างที่ขัดกับแนวคิดตัวเองตั้งแต่แรกด้วย ว่าทำตามกุรอ่านเท่านั้น ลองอ่านดูก็แล้วกันจุดจบของพวกที่บิดเบือนอิสลาม ในการตอบคำถามเรื่องละหมาดเป็นอย่างไร จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:42:05

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วพวกบิดเบือนอิสลามที่ชอบอ้างกุรอ่านนั้น รู้กุรอ่านจริงๆ หรือเปล่า? ลองอ่านดูเองก็แล้วกันนะครับ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:43:59

ความคิดเห็นที่ 6 นี่เป็นโองการกุรอ่านครับ ที่ยืนยันชัดเจนว่า การละหมาด 5 เวลานั้น มีมาหลังจากการประทานกุรอ่านมาแล้วระยะเวลานึง มาอ่านดู อัลเลาะฮ์ ตะอาลาได้ระบุไว้ในซูเราะฮ์ อัลมุซซัมมิล และการวายิบละหมาดครั้งแรกนั้น  ก็ได้ระบุไว้ในช่วงแรกของซูเราะฮ์ดังกล่าว  ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรัสว่า  "โอ้ผู้ห่มผ้า (หมายถึงนบีมุฮัมมัดซึ่งกำลังห่มผ้า) - 1 - เจ้าจงตื่นกลางคืน(เพื่อทำละหมาด)เถิด  ยกเว้นเพียง(เวลา)เล็กน้อย (เพื่อใช้ในการพักผ่อน) - 2 - (นั่นคือ) ครึ่งคืน  หรือจงลดลงจากนั้นลงมาสักเล็กน้อย - 3 - หรือจงเพิ่งขึ้นกว่านั้นอีก  และเจ้าจงอ่านอัลกุรอานให้ถูกต้องชัดเจน - 4 - " นี่เป็นหลักฐานจากกุรอ่านชัดเจนครับว่า จงตื่นขึ้น เพื่อละหมาด ครับ ในเวลาละหมาด ของมุสลิม ที่มี 5 เวลานั้น มีเวลา 1.ซุบฮิ เช้ามืดก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นครับ 2.ดุฮริ เวลาที่ดวงอาทิตย์คล้อยไปจากเวลาเที่ยงตรงแล้ว ซึ่งบางพื้นที่ คือเวลา เที่ยงกว่าๆ หรือบ่ายโมง 3.ฮัศริ คือเวลา บ่ายคล้อย ซึ่งจะเป็นเวลา 3-4 โมงเย็น แล้วแต่พื้นที่ และฤดูกาล 4.มัฆริบ คือเวลา พลบค่ำครับ 5.อิชา คือเวลากลางคืน แต่หลังจาก พลบค่ำเล็กน้อย ไม่ใช่กลางดึก หรือเวลาที่ตื่นขึ้นหลังจากนอนไปได้ระยะนึงแล้ว ดังนั้นคำว่าจงตื่นขึ้นเพื่อละหมาดนั้น จึงไม่ใช่ทั้ง 5 เวลา ที่มุสลิมละหมาดเป็นภาคบังคับ แต่อย่างใด แต่พวกที่พยายามบิดเบือนอิสลาม กลับแสดงความไม่รู้กุรอ่านออกมาว่า จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:45:48

ความคิดเห็นที่ 7 คิดเอาเองแล้วกันนะ ว่าคนแบบนี้น่ะ มาบอกว่าไม่ต้องใช้ฮะดีษ แล้วเขาละหมาดตามใคร บรรพบุรุษเหรอ? บรรพบุรุษแบบไหนครับ เชื่อได้แึค่ไหน ลองมาดูกันคนที่ละหมาดตามบรรพบุรุษนั้น มันทำให้ละหมาดเปลี่ยนไปแค่ไหน? นี่คือยิวละหมาดครับ ดูแล้วคล้ายๆ มุสลิม แต่ถ้ามุสลิมมาดูล่ะก็จะพบเลยว่า มันต่างกันมาก จำนวนการทำก็ต่าง ทั้งๆที่มุสลิม ทำเท่ากันหมด ชีอะห์เอง ก็ มี 5 แต่พวกนี้รวบเวลา เหลือ 3 ไม่ใช่ มี แค่ 3 ดูละกันนี่คือผลของการละหมาดตามบรรพบุรุษ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:52:01

ความคิดเห็นที่ 8 จริงๆ มีของคริสต์ีอีกแต่หาไม่เจอ แต่ที่แน่ๆ การละหมาดตามบรรพบุรุษจะนำมาซึ่งความมั่วครับ ที่มุสลิมละหมาด 5 เวลา ทั่วโลก มีอะซาน มี ละหมาดรวม ก็เพราะเราอาศัยแบบอย่างท่านนบีครับ ซึ่งก็รวบรวมไว้ในฮะดีษ ดังนั้นใครอ้างว่าละหมาดตามบรรพบุรุษก็ได้ ก็รู้ไว้เลยครับว่ามันมั่ว จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 52 22:54:51

ความคิดเห็นที่ 9 ล้าหลังมากครับคำถามเช่นนี้ พวกมุชริกีน ถามชาวสลัฟ เมื่อ 1100-1200 กว่าปี ว่า "ถ้าไม่ใช้ฮะดีษแล้ว ละหมาดอย่างไร?" สมัยนี้มุสลิมที่ฉลาดเขาไม่ถามกันหรอกครับเพราะเมื่อเขาอ่านอัลกุรอานแล้วเขาเข้าใจ,  ผมถึงจำเป็นต้องเอาวิธีการเข้าใจอัลกุรอานมาอธิบายให้เข้าใจไง? http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8604509/Y8604509.html นี่คือคำตอบครับ "ละหมาดตามบรรพบุรุษ ตกทอดมาจนถึงปัจจุบันโดยการคุ้มครอง ของอัลลอฮ์" ถ้าคุณยังไม่เข้าใจว่า "ถ้าคุณไม่ใช้ฮะดีษแล้ว จะละหมาดอย่างไร?" ก็จงดูภาพนี้     เด็กน้อยผู้นี้ไม่รู้จักว่า "ฮะดีษคืออะไร?"  รู้แต่ว่า ละหมาดตามบรรพบุรุษเท่านั้น    ภาพเช่นนี้สะท้อนความจริงในการทำละหมาดในทุกๆครอบครัวมุสลิม มาตั้งแต่ สมัยท่านศาสนทูตมูฮัมมัด สำหรับผู้ที่นับถืออิสลาม    ส่วนการละหมาดตามฮาดีษ นั้น สอนกันในบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่อ "ลัทธิมูฮัมมัด" เท่านั้น  ด้วยเหตุนี้ ผู้ศรัทธาในลัทธิมูฮัมมัดจึง มักจะถาม "มุสลิม" ว่า  "ถ้าไม่ใช้ฮะดีษแล้ว มุสลิมจะละหมาดกันอย่างไร?" แก้ไขเมื่อ 01 ธ.ค. 52 11:47:41 จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 00:48:58

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าไม่ใช้ฮะดีษแล้ว ละหมาดอย่างไร?"      ท่านรอซูลเรียนละหมาดมาจากใครครับ?     ท่านใช้ฮาดีษของใครไม่ทราบ?    คุณช่วยอธิบายให้ทุกๆท่านทราบด้วยเขาจึงจะเข้าใจว่า ทำไมผมจึงไม่เชื่อ ว่าถ้าไม่ใช้ฮะดีษแล้ว จะละหมาดได้อย่างไร?  อธิบายไปผมจะฟังและจะไม่ขัดคอคุณ..เชิญเลยครับ จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 01:24:12

ความคิดเห็นที่ 11 เอ้ารอมา เกือบ 12 ชั่วโงแล้ว ยังไม่ได้ คำตอบเลย  คุณจะเห็นว่า เวลา ถามใครโดยขาดความรู้ และรู้ไม่จริงนั้น  มันง่ายกว่าการถูกถาม^^ จริงไหม? ผมจะแนะให้     อ่านอัลกุรอานให้เข้าใจและมีความเชื่อมั้นในแนวทางของรอซูลที่ยึดอัล     กุรอานแต่เพียงอย่างเดียวในการใช้ชีวิตประจำวันของท่าน  ภาระกิจในอิสลามประกอบด้วย 2 องค์ประกอบ  1. การประกอบ ศาสนกิจเช่น, การละหมาด, ซะกาต, รอมฎอน และ ฮัจจฺ        สืบทอด มาจาก บิดาแห่งอิสลาม "ท่านนบีอิบรอฮิม"        2. "อัลกุรอาน" และการพัฒนาอิสลาม มาจากท่าน ศาสนทูตมูฮัมมัด   บทเรียนอันแรกคุณต้องเข้าใจองค์ประกอบทั้งสองสิ่งเสียก่อน โดยเฉพาะจะต้องศึกษาอัลกุรอานด้วยตัวเองและด้วยความเข้าใจของตนเอง คุณจึงจะเป็นผู้ที่มีศรัทธาที่แท้จริง พระเจ้าได้สอนวิธีการศึกษาบัญญัติของพระองค์ไว้แล้ว http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8604509/Y8604509.html จากคุณ : แมทท์ เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 11:43:36

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้ามุชริกถาม แล้วมุสลิมตอบโง่ๆ แบบ login แมทท์ ละหมาดคง ไม่มี 5 เวลาแบบปัจจุบัน หรอกครับ ดูการละหมาดของยิว เทียบกับมุสลิมก็ได้ว่า ต่างกันขนาดไหน เพราะงั้นที่ไม่ตอบเนี่ย ไม่ต้องมาอ้างว่า มุสลิมฉลาด หรือ ปราดเปรื่องไม่ถามหรอก ก็บอกไปเลยสิว่าไม่มีปัญญาตอบ 5-6 ปีมาแล้ว บอกว่า อ่านเข้าใจ แล้ว ทำไมไม่เคยตอบได้ซะทีว่า ทำไมมุสลิมละหมาด 5 เวลา จะให้เอากระทู้เก่าๆ มาประจานอีกรอบมั๊ยว่าหมดปัญญา ตอบกี่ครั้งแล้ว? หน้าด้านจริงๆ คนเรา ผมยกตัวอย่างอีกเรื่องก็ได้ เช่นบรรดา กลุ่มที่ ไปเคารพกราบไหว้ กุโบรฺ หรือ หลุมฝังศพ นั้นน่ะ เขาก็ทำตามบรรพบุรุษครับ เพราะยังไม่มีการสอนสิ่งที่ถูกต้อง จากกุรอ่าน และฮะดีษให้กับเขา นั่นคือผลของการทำตามบรรพบุรุษ และการกราบไหว้รูปปั้นตั้งแต่สมัยก่อนอิสลาม นั่นก็มาจากบรรพบุรุษครับ การกระทำที่อ้างละหมาดนั้น ตามบรรพบุรุษมาจึงเป็นการอ้างแบบ พวก ยุคป่าเถื่อนก่อนอิสลาม อัลลอฮฺทรงพิทักษ์กุรอ่านครับ และกุรอ่านบอกให้ตามนบี แต่ถ้าใคร อุตริ ไม่ตามนบีแต่ไปตามบรรพบุรุษ ก็อย่ามาอ้างว่าอัลลอฮฺคุ้มครองการละหมาดตามบรรพบุรุษ ถ้าจะอ้างแบบนั้ ขอหลักฐานด้วยครับว่า กุรอ่านโองการใดสอนว่าให้ละหมาด หรือให้ทำสิ่งใดๆ ตามบรรพบุรุษ แต่ผมว่า สันดานอย่าง login แมทท์ เมื่อเจอคำถามแบบนี้ มันก็หนีนั่นแหละครับ สงสัยคงทำตามบรรพบุรุษเช่นกัน จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 12:11:07

ความคิดเห็นที่ 13 ผมตอบแน่ครับ ผมไม่ทำสันดาน ต่ำๆ แบบคุณหรอกครับ ที่หนี มา 5-6 ปี หึหึ ว่าแต่ถ้าผมตอบ แล้วก็อย่าหนี แบบที่บรรพบุรุษคุณสอนก็ละกัน จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 12:12:03

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนบทความขยะ ในลิ้งค์นั้นผมอ่านแล้ว และไม่พบว่า มีขยะกองใด ในกระทู้ขยะนั้น อธิบายเรื่องการละหมาดได้เลยนะครับ ถ้ามีเอามาหน่อยเผื่อผมพลาดอะไรไป จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 12:13:02

ความคิดเห็นที่ 15 อ่อและผมไม่อยากหลอกตัวเองว่าเข้าใจกุรอ่าน แต่แสดงคววามโง่ออกมาแบบนี้หรอกนะครับ พิจารณาตัวเองก่อนละกันนะครับว่า ทำอะไรไว้ น่าสมเพช ตัวเองยังไม่มีปัญญา เข้าใจกุรอ่านอย่างถูกต้อง แต่ดันมาบอกให้ทำความเข้าใจกุรอ่านด้วยตัวเอง จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 12:15:15

ความคิดเห็นที่ 16 เอาล่ะ ถ้าไม่รีบ หลังอิชา จะมาตอบ แต่ถ้ารีบ จะลองพิจารณาดูว่าว่างตอนไหน นะครับ ไม่ต้องกลัวครับ คุณยังหนี แบบไม่เหลือศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มา 5-6 ปี รอผมสักไม่กี่ชั่วโมงจะเป็นไรไป ไม่ต้องกลัว login ผมคือ Carroth ไม่ใช่ แมทท์ ดังนั้น ผมไม่ใช่พวกหน้าด้าน และขี้ขลาดตาขาว แบบ login แมทท์หรอกนะครับ จำไว้!!!!! จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 12:16:46

ความคิดเห็นที่ 17 เอาละท่านรอซู้ลเรียนละหมาดจากใคร อ่านเองนะครับ بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ หากวิเคราะห์จากประวัติการละหมาดในยุคเริ่มต้นของอิสลามนั้น นักประวัติศาสตร์อิสลามบางส่วน  ได้กล่าวว่า  “การใช้ให้ละหมาดและทำการอาบน้ำละหมาดนั้น  เกิดขึ้นในช่วงเวลาได้ลงมาหาท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพื่อแจ้งข่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงเลือกท่านให้เป็นศาสนทูตแห่งมวลมนุษย์ชาติทั้งหมด  และถูกส่งมายังญินและมนุษย์  และนักประวัติศาสตร์ได้กล่าวว่า  แท้จริงญิบรีลได้ทำการสอนท่านร่อซูลุลลอฮ์  กับเรื่องการอาบน้ำละหมาดและการละหมาด  ดังนั้นญิบรีบจึงทำการอาบน้ำละหมาด  และท่านร่อซูลก็ทำการอาบน้ำละหมาดพร้อมกับญิบรีล  หลังจากนั้นญิบรีลก็ทำการละหมาดและท่านร่อซูลก็ทำการละหมาดพร้อมกับญิบรีล  ขณะที่วะฮีได้หายไป  ท่านร่อซูลก็ไปหาท่านหญิงค่อดีญะฮ์  และทำการสอนนางให้ทำการอาบน้ำละหมาดตามที่ได้เรียนมาจากญิบรีล  และได้ทำการละหมาดพร้อมกับนาง  เหมือนกับการละหมาดที่ท่านร่อซูลได้ละหมาดพร้อมกับญิบรีล" (ซีเราะห์อิบนุฮิชาม 1/155 , อัซซีเราะฮ์อัลฮะละบียะฮ์ 1/252 , ตารีค อัลกามิล ของอิบนุอะษีร 2/22 , ตารีค อัฏฏ่อบะรีย์ 2 /304) จากประวัติศาสตร์ตรงนี้  ปรากฏว่าท่านญิบรีลได้สอนการอาบน้ำละหมาดและวิธีการละหมาดแบบ 2 ร่อกะอัต  และหลังจากอิสรออฺแล้วท่านญิบรีลก็ลงมาสอนการละหมาด 5 เวลาแบบสอง , สาม , และสี่ ร่อกะอัต  ดังนั้นการละหมาดก่อนอิสรออฺก็คือวิธีการละหมาดที่เราทราบกันดีนั่นเองครับ http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=3180.0 ผมก็ไม่ทราบว่าท่านนบีอิบรอฮีมละหมาดอย่างไรนะครับ แต่เท่าที่ดูแล้ว การละหมาดของยิวที่ผมให้ดู ก็ต่างกับการละหมาดของมุสลิม ทั้งลำดับ ขั้นตอน แม้แต่ท่าสุญูดก็ยังไม่เหมือนกัน ต่อให้จะละหมาดตามท่านนบีอิบรอฮีม เราก็ไม่ทราบแล้วล่ะครับว่าท่านนบีอิบรอฮีมละหมาดอย่างไร ดังนั้นใครอ้างว่า ทำละหมาด 5 เวลาตามบรรพบุรุษ ที่มีรูปแบบตกทอดมาตั้งแต่สมัยนบีอิบรอฮีมได้ถูกต้องโดยไม่อาศัยฮะดีษล่ะก็ พิจารณาได้เลยครับว่า โกหก เพราะถ้าตกทอดมา ทำไมไม่เหมือนยิวละหมาด แล้วคริสต์ก็ทำอีกแบบ เวลาละหมาดก็ต่างกันด้วย แบบนี้คงชัดเจนนะครับว่า ถ้าไม่มีฮะดีษ การละหมาด จะไม่สามารถกระทำได้อย่างถูกต้อง ไม่งั้น ละหมาด โดยการตีลังกาม้วนหน้าม้วนหลัง แล้วบอกว่านี่คือการละหมาดที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษก็ได้น่ะสิ จริงไหม? จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 13:38:53

ความคิดเห็นที่ 18 ถ้าจะบอกว่านี่เป็นเรื่องเหลวไหล ก็บอกมาหน่อยนะครับว่าเหลวไหลอย่างไร หรือไม่น่าเชื่อถือตรงไหน? เพราะการที่ท่านญิบรออีลมาสอนละหมาดท่านนบีนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรถ้าเทียบกับการสร้างโลก การที่อัลลอฮฺสร้างนบีอาดัม การเกิดของนบีอีซา หรือเรื่องราวอัศจรรย์ต่างๆ ในกุรอ่าน 19:17. แล้วนางได้ใช้ม่านกั้นให้ห่างพ้นจากพวกเขาแล้วเราได้ส่งวิญญาณของเรา (ญิบรีล) ไปยังนางแล้วเขาได้จำแลงตนแก่นาง ให้เป็นชายอย่างสมบูรณ์(*1*) (1)  อิบนุอับบาสอธิบายว่า ญิบบรีลได้จำแลงตนมาในรูปของชายหนุ่ม หน้าตาขาว ผมหยิก มีร่างกายครบถ้วนสมบูรณ์ นี่คือการมาปรากฎตัวของ ท่านญิบรออีลในรูปของชาย นะครับ ไม่ใช่เรื่องแปลก และมีอยู่ในกุรอ่านด้วย และจริงๆแล้ว วะฮีย์ต่างๆ นั้น ก็มีที่ท่านญิบรออีลนำมาให้ท่านนบีด้วยนะครับ แล้วจะแปลกอะไรถ้า ท่านญิบรออีลจะสอนท่านนบีมุฮัมมัดในการทำละหมาดต่างๆ ดังนั้น สรุปแล้ว การที่ท่านนบี ละหมาดจากท่านญิบรออีล จึงไม่ใช่เรื่องผิดหลักการแต่อย่างใด แต่การบอกว่าละหมาดโดยไม่ใช้ฮะดีษ หรือการทำตามบรรพบุรุษโดยปฏิเสธแบบอย่างของท่านนบีนี่สิ ถึงจะผิดหลักการของอิสลามแบบเต็มๆ ไม่ต้องกลัวผมหนีครับ ถ้าผมไม่รู้ผมก็จะไปถามมาให้ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ยังไม่ได้คำตอบก็จะบอกว่ายังไม่ได้คำตอบครับ ไม่มีการอ้างนั่นอ้างนี่ แบบ login แมทท์ จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 18:42:16

ความคิดเห็นที่ 19 จริงๆ เด็กคนนี้เขาน่าจะถามว่า จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 18:52:29

ความคิดเห็นที่ 20 แล้วก็น่าจะได้คำตอบว่า จากคุณ : Carroth เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 52 18:58:59