 |
ความคิดเห็นที่ 2 |
ทองเหลือง หรือเรซิ่น ที่นำมาหล่อเป็นรูปเคารพต่างๆ มีกลไกในการรับรู้คำอธิษฐานหรือบทสวดอย่างไร
ทองเหลือง หรือเรซิน ไม่ว่าจะหล่อเป็นรูปเคารพหรือรูปอะไร ก็ไม่มีกลไกในการรับรู้คำอธิษฐานหรือบทสวดใดๆ ทั้งนั้นค่ะ
และการที่รูปเคารพ ซึ่งทำจากวัตถุธาตุเหล่านี้ มีความ "ศักดิ์สิทธิ์" ก็ไม่ใช่เพราะรูปเคารพรับรู้คำอธิษฐานหรือบทสวดค่ะ
แต่เพราะรูปเคารพดังกล่าว ทำหน้าที่เป็น สื่อ หรือ medium ระหว่างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ กับผู้บูชา โดยเปรียบง่ายๆ ว่า รูปเคารพนั้นทำหน้าที่คล้ายๆ กับโทรศัพท์มือถือ
ผู้บูชาสวดมนต์ อธิษฐาน ถวายของใดๆ กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ โดยผ่านรูปเคารพ รูปเคารพจะทำหน้าที่บันทึกและส่งกำลังจิต ความศรัทธาของผู้บูชาไปยังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งอยู่ในอีกมิติหนึ่ง เมื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์รับรู้ ก็จะตอบรับการบูชา คำอธิษฐาน และประทานพรแก่ผู้บูชาโดยผ่านรูปเคารพนั้นเช่นกัน
รูปเคารพ ไม่ว่าสร้างจากวัตถุใดๆ จะสามารถทำหน้าที่เช่นนี้ได้ ก็ด้วยการประจุพลังจิต ซึ่งจะเป็นพลังจิตของพราหมณ์ โยคี ฤาษี ที่มีพลังจิตสูงมากๆ ก็ได้ หรือพลังจิตของพระภิกษุในพุทธศาสนา ก็ได้
พลังจิตดังกล่าวเมื่อประจุเข้าไปในรูปเคารพ จะทำเกิด "พลังชีวิต" หรือ ปราณ ที่เปลี่ยนแปลงสภาวะของวัตถุธาตุนั้นๆ ให้มีศักยภาพในการรับและถ่ายทอดพลังจิต พลังเวทมนต์ และปราณของเครื่องบูชาชนิดต่างๆ ที่ผู้บูชาถวายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และในขณะเดียวกันก็มีศักยภาพที่จะรับพลังอำนาจใดๆ จากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่ในอีกมิติหนึ่งมาสู่ผู้บูชาได้
ในประเทศไทย หาฤาษี โยคี ที่บวชอย่างถูกต้องและมีพลังจิตสูงจริงๆ ได้ยากมาก จึงนิยมนิมนต์พระเกจิอาจารย์ต่างๆ เป็นผู้ประจุพลังจิตแก่รูปเคารพแทน การประจุพลังจิตของพระเกจิอาจารย์เหล่านั้น ก็คือการนั่งปรกค่ะ
เมื่อประจุพลังจิตเข้าไปแล้ว เป็นอันว่ารูปเคารพ ก็พ้นจากสภาพของประติมากรรม หรือ ศิลปวัตถุธรรมดาๆ เป็นสื่อ หรือ medium ที่พร้อมจะรองรับการประจุอาคมต่างๆ เพิ่มเติมเข้าไป เพื่อการจำแนกแยกแยะว่าเป็นรูปเคารพของเทพเจ้า หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ก็จะต้องมีการเรียกนาม เรียกอาการ เรียกคุณสมบัติ ภาวะ เครื่องบ่งชี้หรือสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ โดยเฉพาะ มาประจุในรูปเคารพ เพื่อให้รูปเคารพนั้น ใช้เป็นสื่อได้เฉพาะกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ เท่านั้น ไม่ใช้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์สิทธิ์อื่นๆ
การเรียกนาม เรียกอาการ คุณสมบัติ ภาวะ และสัญลักษณ์หรือเครื่องบ่งชี้ขององค์เทพ-สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ นั้น ต้องใช้มนต์เป็นการเฉพาะประจุเข้าไป คล้ายๆ กับที่พวกเราลงโปรแกรมคอมพิวเตอร์น่ะแหละค่ะ
ซึ่งรูปเคารพที่จะรับการประจุนาม อาการ คุณสมบัติ ภาวะ หรือสัญลักษณ์ของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ รูปเคารพดังกล่าวก็ต้องปั้นหล่อขึ้นมาตามรูปแบบที่ใช้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ โดยเฉพาะ ซึ่งในด้านนี้แหละค่ะ จะมีวิชาว่าด้วยลักษณะของรูปเคารพต่างๆ เข้ามากำหนด เรียกว่า ประติมานวิทยา (Iconography)
เพราะงั้น ถ้าหากว่าเป็นรูปเคารพของสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างหนึ่ง ที่มีประติมานวิทยาบังคับไว้แน่นอน การที่จะนำมาเสก หรือประจุนาม อาการ สัญลักษณ์ ภาวะฯลฯ ให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างหนึ่ง จะทำไม่ได้ หรือทำแล้วไม่สำเร็จค่ะ
เช่น พระพุทธรูป ไม่สามารถนำมาเสกให้เป็นพระศิวะได้, เทวรูปพระคเณศ ไม่สามารถนำมาเสกให้เป็นพระแม่อุมาได้, พระรูปกรมหลวงชุมพรฯ ไม่สามารถนำมาเสกให้เป็นรัชกาลที่ ๕ ได้ ฯลฯ
การ "เสก" หรือประจุมนต์ ประจุนาม อาการ คุณสมบัติ และภาวะของรูปเคารพชนิดต่างๆ ถ้าเป็นพระพุทธรูป ใช้คำว่า พุทธาภิเษก ถ้าเป็นเทวรูป ใช้คำว่า เทวาภิเษก ถ้าเป็นพระรูปอดีตกษัตริย์และบุคคลสำคัญในอดีต ใช้คำว่า มังคลาภิเษก
ถ้าไม่มีการประจุพลังจิต ประจุมนนต์ เรียกนาม เรียกอาการ เรียกคุณสมบัติ เรียกภาวะ เชิญสัญลักษณ์-เครื่องบ่งชี้ต่างๆ แล้ว รูปเคารพนั้นๆ ก็เป็นเพียงประติมากรรมทองเหลืองหรือเรซินทั่วไป กราบไหว้บูชาไปก็ไม่ได้ผลอะไรหรอกค่ะ
แก้ไขเมื่อ 06 ม.ค. 53 06:11:49
จากคุณ |
:
หนอนดาวเรือง
|
เขียนเมื่อ |
:
6 ม.ค. 53 05:57:41
|
|
|
|
 |