Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
บทความจากคุณดังตฤณ --== กรณีหลวงพ่อปราโมทย์ ==-- ความจริงที่หลายคนเรียกร้องให้ผมเขียนครับ  

--== กรณีหลวงพ่อปราโมทย์ ==-- ความจริงที่หลายคนเรียกร้องให้ผมเขียนครับ  

http://larndham.org/index.php?/topic/38156-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%8C/page__pid__687088__st__0&#entry687088


นี่เป็นบทร่างของ "จากใจ บ.ก. ใกล้ตัว" ที่จะลงในวันพฤหัสนี้
ขอนำมาให้ช่วยดูความเหมาะสมกันก่อนครับ

---

สำหรับกรณีหลวงพ่อปราโมทย์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
หลายคนอยากฟังคำอธิบายจากผม
เพราะเชื่อว่าน่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางดี
แต่ความจริงคือผมเอง
ก็ต้องพยายามสืบหาต้นตอและที่มาที่ไป
ต้องพยายามสร้างมุมมองและความเข้าใจ
อันเกิดจากการรวบรวมข้อมูลมาปะติดปะต่อไม่ต่างจากคนอื่น
สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้จึงมีค่าไม่ต่างจากความเห็นของคนทั่วไป
อาจถูกหรืออาจผิดประสาภูมิปัญญาของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง
เจตนายืนพื้นอยู่บนความอยากรักษาศรัทธาชาวพุทธที่มีต่อพุทธศาสนา
ไม่ใช่มุ่งรักษาศรัทธาของชาวพุทธที่มีต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง

คำอธิบายทั้งหมดมีความยืดยาว
ทางที่ดีที่สุดจึงอาศัยคำถามที่มีเข้ามาไม่ขาดเป็นตัวตั้ง
แล้วตอบจากประสบการณ์ตรงหรือด้วยข้อมูลที่มี

งานนี้ไม่มีใครได้ข้อมูลไปทั้งหมด
แต่โชคดีที่ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมดก็เข้าใจได้
เรื่องบางเรื่องรู้ครึ่งเดียวจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
ตรงข้าม การอธิบายแบบให้เข้าใจหายสงสัยอย่างสิ้นเชิง
แบบต้องลงรายละเอียดตามลำดับ
อาจกระทบกระทั่งบุคคล
และอาจก่อวิกฤตศรัทธาระลอกใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิมได้ครับ

ถาม - การถอนตัวของคณะกรรมการสวนสันติธรรม
เป็นจำนวนหลายคนพร้อมกัน เกิดขึ้นได้อย่างไร?

ตอบ - จากการรับ "ต้นเสียง" ทางโทรศัพท์ด้วยตนเอง
ทำให้มั่นใจว่าเรื่องใหญ่นี้จุดชนวนขึ้นจากความเข้าใจผิด
และมุมมองสรุปที่ต่างกัน

ความเข้าใจผิดที่ว่า
คือเห็นหลวงพ่อปราโมทย์เป็นศิษย์คิดล้างครู
เอาชื่อหลวงปู่ดูลย์มาแอบอ้างสร้างฐานความน่าเชื่อถือ
แล้วภายหลังก็ริอ่านชี้ว่าครูบาอาจารย์พูดผิด
สมควรได้รับการขยายความจากตน

ด้วยมุมมองส่วนตัวจากการเห็นผลงานของหลวงพ่อปราโมทย์
ผมเห็นว่าท่านไม่ได้ "อ้างชื่อ" ครูบาอาจารย์
แต่เป็นการ "สร้างชื่อ" ให้ครูบาอาจารย์มากกว่า
ถามว่าก่อนหน้าหลวงพ่อปราโมทย์
มีชาวกรุงที่ไหนรู้จักหลวงปู่ดูลย์บ้าง
(แม้ท่านจะขึ้นทำเนียบ "พระที่จะต้องไม่ถูกลืม" ของสายพระป่ามานาน)
มีใครเคยได้ยินคำว่า "ดูจิต" บ้าง
(แม้หลวงพ่อชาและพระป่าหลายท่านใช้คำนี้กันบ่อยๆ)
เมื่อหลวงพ่อปราโมทย์เริ่มมีชื่อเสียงขึ้นมา
คนส่วนใหญ่จึงรู้จักหลวงปู่ดูลย์และเห็นค่าคำสอนของท่าน
เนื่องจากเป็นอาจารย์ทางธรรมของหลวงพ่อปราโมทย์
เมื่อผู้คนหลั่งไหลไปที่สวนสันติธรรม
ก็ได้เห็นรูปปั้นหลวงปู่ดูลย์ยืนเด่นเป็นสง่าก่อนเป็นอันดับแรก
(แล้วกลายเป็นหนึ่งในเสียงต่อว่าแบบนานาทรรศนะ
ที่ให้ครูบาอาจารย์ยืนตากแดดตากฝนไม่เป็นการบังควร)

ส่วนข้อหาดัดแปลงคำพูดครูบาอาจารย์นั้น
ด้วยมุมมองส่วนตัว ผมเห็นว่าเจตนาของท่านเป็นไปเพื่อให้เกิดความเข้าใจ
คือเข้าใจว่าคำพูดแท้ๆของหลวงปู่ดูลย์นั้น
เดิมเป็นอย่างหนึ่ง ก่อนจะถูกตกแต่งแล้วค่อยสืบทอดมา
และเข้าใจว่าเดิมทีหลวงปู่ดูลย์ตั้งใจสื่อความหมายแบบไหน
สรุปคือหลวงพ่อปราโมทย์อยากให้คนรุ่นใหม่
เข้าใจหลวงปู่ดูลย์ที่แก่น ไม่ใช่ที่เปลือก
แต่ด้วยมุมมองของคนอื่น นี่อาจเข้าข่ายดูหมิ่นอาจารย์ตนว่าพูดไม่ชัด
ซึ่งภายหลังเมื่อหลวงพ่อปราโมทย์เล็งเห็นมุมมองของคนอื่น
ท่านก็แก้ไขด้วยการสั่งตัดทอนหนังสือบางเล่มเสีย
เอาความเห็นทั้งหมดของท่านออก
แต่อาจช้าเกินการณ์
เพราะหลายคนปักใจว่าท่านเป็นศิษย์คิดล้างครูไปแล้ว

ในแง่ของมุมมองสรุปที่มีต่อการสอนของหลวงพ่อปราโมทย์
ที่ช่วยดูวาระจิตของลูกศิษย์เป็นรายๆ
ว่านั่นคือสร้างความอ่อนแอขึ้นในสังคมชาวพุทธ
ด้วยวิธีรวบอำนาจชี้ขาดไว้ในตนแต่ผู้เดียว
ทำให้กระแสสังคมต้องการการพึ่งพา
ไม่อาจเจริญสติได้ด้วยความเข้มแข็ง
โดยมีการเปรียบเทียบเหมือนนกถูกหักปีก
ที่คงไม่มีวันบินได้ด้วยตนเอง

จากมุมมองส่วนตัว
ผมเห็นเป็นตรงกันข้าม
ถามว่าที่ผ่านมาเคยมีใครระดมฆราวาสจำนวนมาก
ให้เข้ามามีกำลังใจเจริญสติร่วมกันเท่านี้บ้าง?
ผมทำหนังสือ "ดูจิตปีแรก" ซึ่งเป็นการรวมงานง่ายๆของท่าน
แจกเป็นธรรมทานไปทั่วประเทศ จนถึงบัดนี้นับได้สองแสนเล่ม
http://larndham.org/...__fromsearch__1
จึงได้รับฟีดแบ็กโดยตรงมากมายก่ายกอง
บางคนแค่อ่านอย่างเดียว
จากที่อ่อนแออยากฆ่าตัวตาย
กลายเป็นอยากอยู่ต่อเพื่อปฏิบัติธรรม
จากคนที่เคยมืดด้วยความไร้ศรัทธา
กลายเป็นมีศรัทธาในพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง
จากคนที่ไม่เคยปฏิบัติธรรมภาวนาได้ผล
กลายเป็นคนที่เชื่อมั่นว่าตนมีสิทธิ์บรรลุมรรคผลได้ในชาตินี้
แล้วนี่คือหลักฐานของมุมมองสรุป
ว่าหลวงพ่อปราโมทย์ทำให้สังคมพุทธอ่อนแอแน่หรือ?

ถาม - คณะกรรมการเคยสนิทกับหลวงพ่อปราโมทย์มาก
น่าจะรู้เห็นอะไรมาก แล้วมาลาออกพร้อมกัน
มิเป็นการแสดงความไม่ชอบมาพากลหรอกหรือ?

ตอบ - กรรมการมีแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นที่ลาออก
และคนมีชื่อเสียงในสังคมนั้นเป็นที่ปรึกษา
ไม่ใช่ "คนใกล้ชิดทั้งหมด" ของหลวงพ่อปราโมทย์ที่ขอถอนตัว

ผมเองไม่ได้ใกล้ชิดหลวงพ่อปราโมทย์เท่าบุคคลเหล่านั้น
ไม่ได้ติดตามท่านไปไหนต่อไหนเหมือนบุคคลเหล่านั้น
แต่ก็มีภาพรวมอยู่ในบุคคลที่มีความผูกพันกับท่านด้วย
เพราะทุกวันนี้มีคนได้อ่านธรรมะจากพระผู้รู้หลายหมื่นคน
ผ่านนิตยสารธรรมะใกล้ตัวซึ่งผมร่วมกับน้องๆสร้างขึ้นมา

และด้วยเหตุนั้น ผมจึงจัดเป็นบุคคลผู้เกี่ยวข้อง
ซึ่งพอจะรู้จากประสบการณ์ตรงบ้างว่าเกิดอะไรขึ้น
ในสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยเงื่อนไขน่าลำบากใจ
ทั้งนี้ ผมไม่ได้หมายความว่าผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด
จะได้รับประสบการณ์แบบเดียวกับผม
ขอให้ทราบว่านี่เป็นเพียงประสบการณ์เฉพาะตนเท่านั้น

งานนี้มีการเล่นงานเอากับจุดอ่อนของคนส่วนใหญ่
นั่นคือความกลัวเสื่อมเสียชื่อเสียง ลาภ และยศ
เริ่มต้นจากเพื่อนสนิทคนหนึ่ง เตือนว่าให้ระวัง
ถ้าไม่ถอนตัว ไม่หาหลุมหลบภัย
จะพลอยร่างพลอยแหไปกับท่านด้วย
เพราะกำลังจะมีการถล่มท่านครั้งใหญ่
และเห็นทีจะรอดยาก

จากนั้น เพิ่งล่าสุดวันสองวันนี้เอง
มีเสียงลึกลับจากคนที่ผมไม่รู้จัก
(โดยการบงการของคนมีชื่อเสียงที่ผมรู้จักดี)
เตือนว่าจะมีการเล่นงานผมทางกฎหมายเป็นรายต่อไป
หลังจากเอาผิดทางกฎหมายกับหลวงพ่อปราโมทย์ได้แล้ว

การยกเลิกกำหนดการเทศน์กะทันหันของสำนักพิมพ์ DMG ก็ดี
การยกเลิกมีส่วนเผยแพร่คำสอนของบ้านอารีย์ก็ดี
ตลอดจนการถอนตัวของคณะกรรมการสวนสันติธรรมก็ดี
จะเกิดจากความคลางแคลงของบรรดาท่านผู้มีเกียรติ
เพราะรู้เห็นเรื่องไม่ดีใดๆเกี่ยวกับหลวงพ่อปราโมทย์หรือเปล่าผมไม่ทราบ
ทราบแต่มีการวางแผนที่ยืนพื้นอยู่บนความเชื่อที่ว่า
ถ้าคนสนิทถอนตัวพร้อมกันทั้งยวง วิกฤตศรัทธาจะตามมา
เพราะผู้คนคงไปร่ำลืออย่างกว้างขวาง
ว่าพระรูปนี้ต้องมีบาปผิดติดตัวอย่างมหันต์แน่นอน

ความจริงถ้าไม่มีแถลงการใดๆออกมาเลย
ทุกอย่างอาจอึมครึม กลายเป็นจิตวิทยามวลชนที่ทรงพลังกว่านี้
แต่เมื่อมีคำประกาศจากบ้านอารีย์ชี้ความผิดของหลวงพ่อปราโมทย์ออกมา
http://www.pantip.co...5/Y8778185.html
ก็กลายเป็นว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร
เนื่องจากทุกคนมองว่าการชี้โทษทุกข้อของบ้านอารีย์
หาใช่ความผิดอุกฉกรรจ์อันควรเอาโทษขนาดนี้ไม่
ความรู้สึกมวลรวมจึงกลายเป็นโล่งอก ไม่มีอะไรในกอไผ่
และมองตามๆกันว่าหลวงพ่อถูกประทุษร้าย
ความไม่ชอบมาพากลไม่ได้ตกอยู่กับหลวงพ่อ
แต่กลับไปตกอยู่ที่บุคคลอันอยู่เบื้องหลังการจัดการหลวงพ่อมากกว่า

ถ้าขอได้ก็ขอทุกคนอย่าเพิ่งก่นด่าหรือเคียดแค้นชิงชังกลุ่มบุคคลเหล่านี้
เพราะหากคุณรู้เบื้องหลังทั้งหมด
ก็จะมีความรู้สึกเห็นใจพวกเขาในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน
ไม่ใช่ในฐานะของเพื่อนที่กลายเป็นศัตรูกัน
ผมบอกได้แค่ว่าสำนวนเขียนเป็นของใครคนหนึ่งที่คุณไม่ควรปรามาส
ไม่ใช่สำนวนเจ้าของบ้านอารีย์แต่อย่างใด

ถาม - คนสนิทของหลวงพ่อที่ถอนตัวไป
ต่างก็เคยมีศรัทธาอย่างแรงกล้าในตัวหลวงพ่อ
เหตุใดหลวงพ่อจึงรักษาศรัทธาไว้ไม่ได้?

ตอบ - แสงเทียนในความมืดนั้น
จะกระจายความสว่างได้ดีเมื่อคุณอยู่ไกลออกมาในระยะห่างหนึ่ง
แต่ถ้าอยู่ใกล้เกินไป บางทีตัวคุณเองอาจบดบังแสงเทียนไว้หมดได้
ทำให้รู้สึกคล้ายเปลวเทียนไม่ให้แสงสว่างได้

แนวทางการสอนเป็นคนๆของหลวงพ่อปราโมทย์นั้น
เลี่ยงไม่ได้ที่จะก่อให้เกิดความคาดหวัง
ว่ายิ่งใกล้ชิดจะยิ่งมีสิทธิ์ได้ทางลัดถึงตัวถึงใจกว่าคนอยู่ห่าง
แต่ข้อเท็จจริงคือเมื่อเป็นกันเองมากขึ้น
ก็อาจก่อให้เกิดความสนใจ เกิดความคาดหวังในตัวท่านต่างๆนานา
ดึงให้สติเผลอไปยึดเรื่องข้างนอกมากกว่าเข้ามารู้เรื่องข้างใน

ศรัทธาเท่ากัน แต่ยิ่งอยู่ห่าง
ความคาดหวังในการช่วยเหลือด้วยทางลัดยิ่งน้อย
ความตั้งใจสดับฟังเอาไปปฏิบัติจริงยิ่งมาก

ทำไมเกิดเรื่องแล้วจึงไม่เกิดวิกฤตศรัทธา?
เพราะศรัทธาส่วนใหญ่อยู่ในระยะห่าง รับแสงแต่พอดี
มีแก่ใจเจริญสติอย่างจริงจัง จึงบังเกิดผลอันสุกสว่างแก่ตัว
รู้อยู่ข้างในว่าธรรมะที่เกิดขึ้นกับตนเป็นของจริง
ส่วนของข้างนอกคือครูบาอาจารย์หรือแม้แต่พระพุทธเจ้า
จะจริงหรือไม่จริงคงไม่สำคัญแล้ว

ของจริงข้างนอกถูกบิดเบือนหรือลบให้เลือนไปได้
แต่ของจริงข้างใน ทำอย่างไรก็ไม่มีทางให้กลายเป็นของเก๊
สรุปคือถ้าพยายามเข้าใกล้หลวงพ่อให้น้อยลง
ใส่ใจปฏิบัติจริงให้มากขึ้น ก็อาจประสบผลสำเร็จมากกว่าคนใกล้ก็ได้
เหมือนที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ต่อให้จับสังฆาฏิ (ผ้าซ้อนทับจีวร) ของพระองค์ไม่ปล่อย
ก็ไม่ชื่อว่าอยู่ใกล้ท่าน
คนจะเห็นท่านจริงคือต้องเห็นธรรมเท่านั้น

คนเรามักลืมที่มาของตัวเอง
นั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ
เพราะแม้แต่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของตัวเอง
เลี้ยงดูตัวเองมาจนเติบใหญ่
ก็มีน้อยคนที่ระลึกได้
คนส่วนใหญ่เหมือนนกน้อย
เห็นต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาก็แย่งกันเข้ามาเกาะ
แต่พอเห็นต้นไม้ทำท่าจะโค่นล้มก็แตกฮือหนี
น้อยคนจะทำตัวเหมือนพญาช้าง
ที่เข้ามาอาศัยร่มเงาไม้ใหญ่สบายตัวแล้ว
เมื่อเห็นต้นไม้จะโค่นก็ปักหลักช่วยค้ำยันเอาไว้

สรุปคือธรรมดาโลกครับ
ไม้ใหญ่ไม่ได้มีต้นเดียว
จะบินไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับความสมัครใจเฉพาะกาล ไม่ว่ากัน

จากคุณ : ศาลาลอยน้ำ
เขียนเมื่อ : 19 ม.ค. 53 10:03:31




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com