ความคิดเห็นที่ 1 ปุพเพสันนิวาส แนวคิดทางพุทธศาสนาเถรวาท อธิบายความสัมพันธ์หรือปฏิสัมพันธ์ที่มีร่วมกันโดยอาศัยแนวคิดเรื่อง ปุพเพสันนิวาส ซึ่งมาจากคำ ว่า ปุพ หรือ ปุพพ มีความหมายเดียวกันกับ บุพ หรือ บุพพ ซึ่งแปลว่า ก่อน, ทีแรก ; เบื้องต้น, เบื้องหน้า (ราชบัณฑิตยสถาน, 2525: 481) รวมกับคำ ว่าสันนิวาส ซึ่งแปลว่า ที่อยู่, ที่พัก ; การอยู่ด้วยกัน, การอยู่ร่วมกัน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2525: 807) รวมกันแล้วบุพเพสันนิวาส หรือ ปุพเพสันนิวาส จึงหมายถึง การเคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อน เช่น เคยเป็นพ่อแม่ลูก พี่น้อง เพื่อน ผัวเมียกันในภพอดีต (พระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต), 2540: 140) หรือหมายถึง การเคยเป็นเนื้อคู่กัน, การเคยอยู่ร่วมกันในชาติก่อน (ราชบัณฑิตยสถาน, 2525: 482) จากข้างต้นความหมายโดยรูปศัพท์ของคำ ว่า “ปุพเพสันนิวาส” นั้น หมายถึง การเคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อน ดังนั้นจากที่ปรากฏโดยทั่วไปจากพื้นฐานแนวคิดเรื่องชีวิตหลังการตาย และมีการเวียนว่ายตายเกิดแล้ว ต่างได้ปรากฏแนวคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ประกอบไว้มากมาย จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 21:43:04

ความคิดเห็นที่ 2 นิทานพื้นบ้าน ก็ปรากฏถึงเรื่องการเคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อนแล้วส่งผลให้กลับมาอยู่คู่กันอีกในภพชาติปัจจุบัน เช่น นางนกกระจาบ มีนกกระจาบสองผัวเมียอยู่ด้วยกันจนมีลูกตัวหนึ่ง ตัวผู้ทำหน้าที่หาอาหารมาเลี้ยงลูกเมีย วันหนึ่งได้ไปหาเกสรที่สระบัวเพื่อเตรียมไว้สำ หรับหลายวัน จนตกเย็นก็ยังไม่กลับบ้าน เนื่องจากหาอาหารจนเพลินดอกบัวได้หุ้มตัวพ่อนกไว้ ครั้นจะดิ้นก็เกรงดอกบัวชํ้าจึงรอจนถึงเช้าวันใหม่จึงบินกลับรัง ในขณะเดียวกันมีไฟไหม้ป่าไหม้รังของพ่อนก พ่อนกเมื่อกลับมาเห็นแต่แม่นกนั่งร้องไห้อยู่ ครั้นเห็นสามีกลับมาจึงต่อว่าพ่อนกทำ ให้ลูกต้องตาย พ่อนกพยายามอธิบาย แต่แม่นกก็ไม่ยอมฟังและไม่ยอมเชื่อพร้อมทั้งได้อธิษฐานว่า “หากเกิดชาติหน้าฉันท์ใดจะไม่พูดกับผู้ชายอีก” แล้วกระโดเข้ากองไฟตายส่วนพ่อนกก็ได้อธิษฐานว่า “ไม่ว่าชาติหน้าหรือชาติใด ขอเป็นเนื้อคู่กับแม่นกอีก” แล้วก็กระโดเข้ากองไฟตายตามกันไป เมื่อกลับชาติมาเกิดใหม่ แม่นกกลับชาติมาเกิดเป็นนางสุวรรณเกสร ธิดาเจ้าเมือง และตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่นางไม่ยอมพูดจากับชายคนใดเลย แม้แต่พระบิดาของตน มารดาจึงถามว่าเป็นเพราะเหตุใด จึงไม่ให้พ่อจับตัวและไม่พูดกับพ่อ นางสุวรรณเกสรก็ตอบว่า “ไม่ทราบว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น” มารดาจึงเรียกโหรมาทำ นาย ซึ่งโหรได้ทำ นายว่า “นางมีกรรมเก่า แต่ไม่เป็นไร อีกไม่นานเนื้อคู่หรือคู่แท้ของนางมาหาก็คงพูดเอง” ฝ่ายพ่อนกก็กลับชาติมาเกิดเป็นลูกเศรษฐีชื่อว่า สรรพสิทธิ์ พอโตขึ้นก็ได้ไปเรียนวิชาถอดหัวใจกับทิศาปาโมกข์ เมื่อเรียนจบ ได้ทราบข่าวว่ามีธิดาพระองค์หนึ่งของเจ้าเมืองไม่ยอมพูดกับชายใดเลย หากใครสามารถทำ ให้นางพูดได้จะยกลูกสาวให้พร้อมทั้งบ้านเมือง สรรพสิทธิ์จึงได้เดินทางไปเมืองนั้น ปรากฏว่ามีชายทั่วทุกแคว้นได้สมัครไปทดสอบ แต่นางก็ไม่ยอมพูดด้วยจนถึงสรรพสิทธิ์ซึ่งได้ลองใช้วิชาที่ตนเล่าเรียนมา โดยได้ถอดหัวใจใส่ไว้ในบานประตู แล้วให้พี่เลี้ยงถาม จากนั้นได้ถอดดวงใจไปใส่ไว้ที่ม่านข้าง ๆ นาง แล้วให้พี่เลี้ยงถามหรือชวนเล่านิทาน จนกระทั่งได้ถอดดวงใจใส่ตะเกียง แล้วให้พี่เลี้ยงชวนเล่านิทาน ปรากฏว่านางสุวรรณเกสรได้ยินเรื่องเล่าแต่ละตอนก็ได้โต้ตอบแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับนิทานแต่ละเรื่อง ซึ่งฝ่ายแตรสังข์ได้ยินก็ประโคมออกไป ต่อมาพวกเสนาและนางสนมได้เบิกตัวนางสุวรรณเกสรออกมา ซึ่งนางก็รู้สึกตกใจและตอบว่านางไม่ได้พูดกับผู้ชายเลย โดยอ้างว่า ได้พูดกับประตูกับผ้าม่าน และตะเกียงต่างหาก ซึ่งฝ่ายสรรพสิทธิ์ก็กลับเข้าร่างตน เจ้าเมืองได้ทดสอบให้นางสุวรรณเกสรพูดกับประตู ม่าน และตะเกียง ก็ไม่มีใครพูดด้วย ในที่สุดจึงยอมแต่งงานกับสรรพสิทธิ์ (บรรยง บุญฤทธิ์, 2544: 37-38) พัดชา - เพลงบุพเพสันนิวาส จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 21:45:23

ความคิดเห็นที่ 3 ละครดังก็ปรากฏถึงเรื่องการเคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อนแล้วส่งผลให้กลับมาอยู่คู่กันอีกในภพชาติปัจจุบันครับ "แต่ปางก่อน" บทประพันธ์ของ แก้วเก้า เรื่องราวเล่าถึงหม่อมเจ้ารังสิธร หรือคุณใหญ่ บุตรชายคนเดียวของเสด็จในกรมฯ ในสมัย ร.6 ได้พบรักกับเจ้านางม่านแก้ว ที่เข้ามาฝากเนื้อฝากตัวที่วังเพื่อศึกษาเล่าเรียน หม่อมพเยีย มารดาของคุณใหญ่ริษยาที่ม่านแก้วเป็นคนโปรดของเสด็จฯ และมีความสามารถทางภาษาหลายด้าน ที่สำคัญได้หมายมาดให้คุณใหญ่สมรสกับ ท่านหญิงวิไลเรขา ซึ่งมีศักดิ์เป็นญาติผู้น้อง แต่คุณใหญ่ยืนยันจะแต่งงานกับม่านแก้ว คืนส่งตัว ม่านแก้วถูกลอบวางยาพิษจนสิ้นชีวิต คุณใหญ่เสียใจอย่างยิ่ง ไม่ยอมจะมีรักกับใครอีก กาลเวลาผ่านไปเจ้านางม่านแก้วไปเกิดใหม่ และได้กลับมาที่วังแห่งนี้ซึ่งกลายเป็นโรงเรียนสตรีกุลนารีวิทยา สมบัติของคุณชายจิรายุส หลานชายคนเดียวของท่านหญิงวิไลซึ่งมีสิทธิในสมบัติทั้งหมดหลังคุณใหญ่สิ้น ชาติภพใหม่นี้ม่านแก้วเป็นครูสอนภาษาชื่อราชาวดี เธอรู้สึกผูกพันกับสถานที่ โดยเฉพาะเรือนฝรั่ง และเพลงลาวม่านแก้ว เพลงต้องห้ามของที่นี่ เนื่องจากเป็นเพลงที่คุณใหญ่แต่งขึ้นเพื่อมอบให้ม่านแก้วหญิงเดียวที่รัก ณ ที่แห่งนี้เธอได้พบกับคุณใหญ่ที่วนเวียนรอคอยเธออยู่ ราชาวดีซึ่งลืมอดีตหมดสิ้นสนใจเรื่องราวที่เกิดขึ้นอย่างมาก หาโอกาสมาฟังคุณใหญ่เล่าเรื่องอยู่เสมอ จนวันหนึ่งเธอได้พบรูปเจ้านางม่านแก้วซึ่งมีใบหน้าพิมพ์เดียวกัน ทำให้เชื่อว่าเจ้านางกับเธอต้องเกี่ยวพันกันแน่นอน และเธอเองก็ผูกพันกับคุณใหญ่ ขณะที่คุณชายจิรายุสหลงรักราชาวดี ทั้งที่หมั้นอยู่แล้วกับคุณหญิงสวรรยา ท่านหญิงวิไลเรขาซึ่งมีศักดิ์เป็นย่าคุณชายจิรายุส มีชีวิตอยู่เดียวดายหลังเกิดโศกนาฏกรรม ทันทีที่ได้เห็นราชาวดี ท่านหญิงก็ปักใจว่าคือม่านแก้วกลับชาติมาทำลายเธอ จึงวางแผนให้ราชาวดีมารับใช้ และราชาวดีก็ได้พบว่าท่านหญิงเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องยาพิษ เธอสอบถามคุณใหญ่ได้รู้ว่าคนที่วางยาพิษม่านแก้วก็คือท่านหญิงนั่นเอง โดยร่วมมือกับหม่อมพเยีย ความพยาบาทจากครั้งนั้นยังไม่สิ้นสุด เมื่อท่านหญิงพยายามวางยาราชาวดี แต่คุณชายจิรายุสช่วยเหลือได้ทัน หลังจากท่านหญิงวิไลสิ้นไปพร้อมกับความพยาบาท คุณชายจิรายุสขอราชาวดีแต่งงาน แต่ด้วยความรัก ความจริงใจที่คุณใหญ่มีต่อเธอ เธอจึงปฏิเสธและตัดสินใจละทางโลกไปปฏิบัติธรรมอุทิศส่วนกุศลให้คุณใหญ่ เวลาผ่านไปอีกไม่นานเธอก็เสียชีวิต คุณใหญ่มาเกิดเป็นหม่อมหลวงจิราคม ลูกชายคนเดียวของคุณชายจิรายุสกับคุณหญิงสวรรยา ส่วนราชาวดีกลับมาเกิดเป็นอันตราลูกสาวของคุณถวิลเพื่อนรักของราชาวดี หนุ่มสาวสนิทสนมกันรวดเร็วจนคุณชายจิรายุสแปลกใจ แต่เมื่อคุณถวิลนำจดหมายของราชาวดีที่เขียนถึงเธอก่อนตาย เล่าเรื่องราวทั้งหมดของเธอก็ทำให้คุณชายจิรายุสเข้าใจ จิราคมและอันตราผูกพันกันด้วยเพลงลาวม่านแก้วที่ต่างก็ชื่นชอบเป็นพิเศษ แล้วในที่สุดความรักของคนทั้งคู่ที่รอคอยการพบกันมานานแสนนานก็สุขสมหวัง ถึงแม้ละครเรื่อง ” แต่ปางก่อน ” จะจบไปนานแล้ว แต่ความไพเราะของบทเพลง และบทประพันธ์ของเรื่องนี้ยังคงตรึงตราอยู่ในใจของผู้ที่เคยชมละครเรื่องนี้มาแล้ว จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 21:56:25

ความคิดเห็นที่ 4 หากมีความเชื่อว่าวงเวียนการเวียนว่ายตายเกิดนั้นมีอยู่จริงแล้ว การยอมรับเรื่องปุพเพสันนิวาสอันหมายถึงการเคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อนนั้น จึงเป็นเรื่องที่ต้องยอมรับตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ การที่ต้องมาพบเจอกันในปัจจุบันเป็นผลจากอดีตที่เคยอยู่ร่วมกัน จะโดยลักษณะใดก็ตาม เป็นเหตุ และต่างต้องกลับมาพบเจอกันในลักษณะใดลักษณะหนึ่งอย่างแน่นอน เพื่อให้บรรลุซึ่งผลบางอย่างที่ยังไม่บรรลุจากชาติอดีตชาตินั่นเอง ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งมากขึ้นในบทต่อไปบทสรุปจะเห็นได้ว่าทั้งแนวคิดของวิญญาณ ชีวิตหลังความตาย การกลับชาติมาเกิด ปุพพกรรม และปุพเพสันนิวาสนั้น มีปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไป ทุกหนทุกแห่งและทุกยุคสมัย และ สำ หรับแนวคิดเรื่องปุพเพสันนิวาสนั้น มีปรากฏในคัมภีร์ทางพุทธศาสนาหลายเล่ม ซึ่งที่แสดงไว้อย่างชัดเจนก็คือจากนิทานชาดกในส่วนของสโมธาน ซึ่งเป็นส่วนที่แสดงถึงการกลับชาติมาเกิดร่วมกันของแต่ละปัจเจกบุคคลในชาดกเป็นตัวแสดงถึงแนวคิดเรื่องปุพเพสันนิวาสอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากว่าบุคคลหรือกลุ่มคนในชาดกก็กลับชาติมาเกิดเป็นกลุ่มคน ณ ปัจจุบัน เนื่องจากแต่ละคนต่างก็เคยได้มีบทบาทกระทำ การต่าง ๆ ร่วมกันมาแล้วแต่ชาติปางก่อน จึงส่งผลให้ได้กลับมาเสวย ชดใช้ หรือสานต่อการกระทำ จากอดีตชาติที่ผ่านมาร่วมกัน กล่าวคือ บุคคลในปัจจุบันที่เราพบเจอนั้นหากย้อนนับอดีตชาตินั้นเราได้เคยพบเจอกันมาแล้วในอดีตชาตินับหลายร้อยชาติที่ผ่านมา ด้วยเหตุผลหรือเป้าประสงค์บางจากจากอดีต เพื่อเหตุผลหรือเป้าประสงค์บางอย่างในชาติปัจจุบันหรืออนาคตชาติ นั่นเอง ดังนั้นการศึกษาทำให้ทราบอย่างลาง ๆ ว่าการตายเป็นแค่การจบของฉากหนึ่งของชีวิตเท่านั้น ตราบใดที่จิตมนุษย์ยังคงวนเวียนอยู่ในภายใต้การเวียนว่ายตายเกิดจึงยังมีอยู่ เกิดเป็นมนุษย์บ้างสัตว์เดรัจฉานบ้าง ชายบ้าง หญิงบ้างวนเวียนกันไปตามแต่แรงหนุนส่งแห่งกรรม ดังนั้นเมื่อมีการเวียนเกิดเวียนดับและแรงหนุนส่งของกรรมเช่นนี้ บุคคลย่อมเวียนมาพบกันตามแรงส่งของกรรมเช่นกัน บุคคลที่พบเจอในชาตินี้ ก็ย่อมเคยประสบพบเจอ หรือเคยอยู่ร่วมกันมาแต่ชาติปางก่อน และทำ นองเดียวกัน บุคคลที่พบเจอกันในชาติภพนี้ หรือเคยอยู่ร่วมกันมาในชาตินี้ กย่อมจะได้พบเจอกันอีกในชาติภพหน้าต่อไป ลูกคอไท 3  - ไท ธนาวุฒิ จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 21:57:22

ความคิดเห็นที่ 5 ปุพเพสันนิวาสในพุทธศาสนาเถรวาท จากที่ผ่านมาในเรื่องของการตายแล้วเกิด นั้น สิ่งที่ไปเกิดมาเกิดก็คือวิญญาณที่ยังมีกิเลสอยู่ที่ท่องเที่ยวไปในสังสารวัฏตามอำนาจแห่งกิเลสและกรรมของตน ซึ่งการไปเกิดนั้นจะไปเกิด ณที่แห่งใด ก็ขึ้นอยู่กับปุพพกรรม ทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม เป็นตัวหนุนส่งการไปเกิดของจิต ซึ่งตัวจิตย่อมรู้ที่ที่เหมาะสมแห่งของตน สุดแล้วแต่แรงอำ นาจแห่งกรรมแต่เพียงอย่างเดียว กรรมมีอำนาจพิเศษในการสำรวจอดีตของจิตแต่ละดวงแล้วนำ พาให้ไปเกิด ณ ที่เหมาะสมที่สุดกับปุพพกรรมในอดีตของเขา เพื่อให้ได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ตามสมควร โยงใยไปตามสายใยแห่งชะตาชีวิตมนุษย์ ส่วนจิตชั้นสูงหรือจิตที่ได้รับการพัฒนาจวนจะสมบูรณ์แล้ว มีบุญกุศลมาก มีบารมีมากสามารถเลือกเกิดได้ตามเจตจำ นงของตน หรืออาจมีการเชื้อเชิญให้มาเกิด เพราะไม่มีอำนาจใดมาบังคับ พระพุทธเจ้าทรงตรัสเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของบุคคลต่าง ๆ อันเป็นเหตุเนื่องมาจากการเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏนี้ว่า แต่ละคนล้วนแล้วแต่เคยเป็นบิดามารดาบุตรธิดากันมาแล้วทั้งสิ้น เนื่องจากการเวียนว่ายตายเกิดของเรานั้น มิได้เป็นเฉพาะสองหรือสามชาติ หากแต่มีมาแล้วหลายร้อยชาติอย่างนับไม่ถ้วน เป็นมาแล้วหลายกัปกัลป์ “ดูกรภิกษุทั้งหลาย เหมือนอย่างว่า บุรุษตัดทอนหญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ในชมพูทวีปนี้ แล้วจึงรวมกันไว้ ครั้นแล้ว พึงกระทำ ให้เป็นมัด ๆ ละ 4 นิ้ว วางไว้ สมมติว่า นี้เป็นมารดาของเรา นี้เป็นมารดาของมารดาของเราโดยลำ ดับ มารดาของมารดาแห่งบุรุษนั้นไม่พึงสิ้นสุด ส่วนว่า หญ้า ไม้ กิ่งไม้ ใบไม้ ในชมพูทวีปนี้ พึงถึงการหมดสิ้นไป ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าสงสารนี้กำ หนดที่สุดเบื้องต้นเบื้องปลายไม่ได้ เมื่อเหล่าสัตว์ผู้มีอวิชชาเป็นที่กางกั้น มีตัณหาเป็นเครื่องประกอบไว้ ท่องเที่ยวไปมาอยู่ ที่สุดเบื้องต้นไม่ปรากฏ พวกเธอได้เสวยทุกข์ ความเผ็ดร้อน ความพินาศ ได้เพิ่มพูน ปฐพีที่เป็นป่าช้า ตลอดกาลนาน เหมือนฉะนั้น ” (สํ. นิ. 16/422/199) จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:08:02

ความคิดเห็นที่ 6 จริยธรรมสำหรับคู่สามีภรรยา ความสัมพันธ์ในลักษณะของ สามีภรรยา หรือคู่รัก คนร่วมชีวิต เป็นความสัมพันธ์ร่วมกันระหว่างปัจเจกบุคคลสองคนจากคำ สอนของพระพุทธองค์ ว่าด้วยการอยู่ร่วมกันของคู่สามีภรรยา ปรากฏในคำ สอนเรื่องนกุล คฤหบดี และภรรยา เรื่องมีอยู่ว่า นกุล คฤหบดี และภรรยา เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า และกราบทูลว่าตั้งแต่แต่งงานกันมาก็นานแล้ว ยังไม่เคยทะเลาะกันเลย ทั้งไม่เคยประพฤตินอกใจ อย่าแต่ไม่เคยนอกใจเลย แม้แต่จะคิดนอกใจก็ยังไม่เคย จึงตั้งความปรารถนาไว้ว่าขอให้พบกันและแต่งงานกันในทุกภพทุกชาติ หากแต่ว่าเมื่อมีภพชาติแล้วจะทำ อย่างไรให้ได้พบเจอกันทุกชาติ ซึ่งพระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า หากคู่สามีภรรยา ปรารถนาจะพบจะอยู่ด้วยกันในชาติหน้าและชาติต่อ ๆ ไป สามีภรรยาคู่นั้นจำต้องมีหลักปฏิบัติสำหรับการอยู่ร่วมกันของคู่ครอง ดังนี้ “ดูกรคฤหบดี และคฤหปตานี ถ้าภรรยาและสามีทั้งสองหวังจะพบกันและกันทั้งในปัจจุบันทั้งในสัมปรายภพไซร้ ทั้งสองพึงเทียวพึงเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน มีปัญญาเสมอกัน ภรรยาและสามีทั้งสองนั้นย่อมได้พบกันและกันทั้งในปัจจุบัน ทั้งในสัมปรายภพภรรยาและสามีทั้งสองเป็นผู้มีศรัทธา รู้ความประสงค์ของผู้ขอ มีความสำ รวม เป็นอยู่โดยธรรมเจรจาคำที่น่ารักแก่กันและกัน ย่อมมีความเจริญรุ่งเรืองมาก มีความผาสุกทั้งสองฝ่ายมีศีลเสมอกันรักใคร่กันมาก ไม่มีใจร้ายต่อกัน ประพฤติธรรมในโลกนี้แล้ว ทั้งสองเป็นผู้มีศีลและวัตรเสมอกันย่อมเป็นผู้เสวยกามรมณ์ เพลิดเพลินบันเทิงใจอยู่ในเทวโลกฯ ” (องฺ. จตุก. 21/54/71) ธรรมทั้ง 4 ข้อนี้เป็นหลักปฏิบัติเพื่อการพบเจอกันในชาติต่อ ๆ ไป เพราะหากไม่มีชาติหน้ามารองรับแล้ว คำ สอนเหล่านี้ก็จะหมดความหมายเพราะไม่มีความจำ เป็น เนื่องจากปัจจุบันชาติเขาทั้งสองก็พบเจอกันและเป็นสามีภรรยากันอยู่แล้วการเป็นคู่ที่เหมาะสมนั้นจึงเป็นเรื่องของความเท่าเทียมกันในด้านต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้น คู่แท้ ธงไชย แมคอินไตย์ จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:09:16

ความคิดเห็นที่ 7 เรื่องของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม จากหนังสือ “การเกิดใหม่และการตายใหม่” ของ รศ. ดร. ด้วง พุทธศุกร์ กล่าวถึงตัวอย่างของเรื่องการตายแล้วเกิดและการพบเจอกันอีกของสามีภรรยา โดยยกเอาเรื่องของหลวงปู่ชอบ ฐานสโม โดยมีเรื่องราวว่า “คืนหนึ่งระหว่างหลวงปู่กำ ลังพักวิเวกอยู่ที่เชียงใหม่ ท่านเข้าที่ภาวนาตามปกติ ปรากฏภาพนิมิตมีแม่ไก่ตัวหนึ่งมาหาท่าน กิริยาอาการนั้นนอบน้อมอ่อนโยนเป็นอย่างยิ่ง มาถึงก็มาไซ้ปีกจับต้องกายท่าน จูบท่าน ท่านประหลาดใจ ที่สัตว์ตัวเมียมาแสดงกิริยาอันไม่สมควรต่อพระเช่นนั้น จึงได้ดุว่าเอา แต่แม่ไก่ตัวนั้นก็อ้างว่าเคยเกิดเป็นภรรยาของท่านมาแต่ชาติก่อน และเคยเป็นภรรยาของท่านมาถึง 7 ชาติแล้ว ความผูกพันยังมีอยู่ไม่อาจลืมเลือนได้ แม้จะรู้อยู่ว่าพระคุณเจ้าเป็นภิกษุสงฆ์ไม่บังควรจะแสดงความอาวรณ์ผูกพันเช่นนี้ ตนมีกรรมต้องมาบังเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ตํ่าต้อยน้อยวาสนาก็ได้แต่นึกสมเพชตัวเองอยู่มาก อย่างไรก็ดี เมื่อพระคุณเจ้าผู้เคยเป็นคู่ชีวิตมาอยู่ในถิ่นที่ใกล้ตัวเช่นนี้ อดใจมิได้จึงมากราบขอส่วนบุญบารมี ในนิมิตนั้น ปรากฏว่าหลวงปู่ได้เอ็ดอึงเอาว่า เราเป็นคน เจ้าเป็นสัตว์ จะมาเคยเป็นสามีภรรยากันได้อย่างไร เราไม่เชื่อเจ้า แม่ไก่ก็เถียงว่า ถ้าเช่นนั้น คอยดูพรุง่นี้เช้าตอนท่านไปบิณฑบาต ข้าน้อยจะไปจิกจีวรท่านให้ดู ท่านเดินบิณฑบาตเข้าไปในหมูบ้านยางที่ชื่อบ้านป่าพั๊วะ อำ เภอจอมทอง ก็มีแม่ไก่ตัวเมียตัวหนึ่งตรงรี่เข้ามาจิกจีวรท่านข้างหลังหมู่เพื่อนที่ไปด้วยก็ตกใจ ด้วยเป็นสัตว์ตัวเมีย ท่านจะต้องอาบัติ จึงช่วยกันไล่แต่แม่ไก่ตัวนั้นแม้ถูกไล่ออกไป ก็พยายามวิ่งเข้ามาอีก คืนนั้นหลวงปู่เข้าที่พิจารณาซํ้า ก็รู้ชัดว่าไก่ตัวนั้นเคยเกิดเป็นภรรยาของท่านมา 7 ชาติแล้วจริง ๆ เป็นที่น่าเวทนาสงสารเป็นอย่างยิ่ง ที่นางทำ กรรมไม่ดีไว้ ไม่มีศีล จึงต้องตกไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉานเช่นนั้น” (ด้วง พุทธศุกร์,2535: 313-314) จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:15:00

ความคิดเห็นที่ 8 ดังนั้นสำหรับคนที่เคยอยู่ร่วมกันมา โดยเฉพาะผู้ที่เคยเกิดร่วมชีวิต หากไม่ประกอบกรรมดีหรือกุศลกรรม ไม่พยายามรักษาจิต ไม่รักษาศีลเสมอกัน ไม่มีธรรมเสมอกัน แล้วย่อมเป็นไปได้ว่าอาจจะอนาคตชาติต่อไปข้างหน้าอีกหลายร้อยชาตินี้ อาจจะไม่ได้พบเจอกันในฐานะเดิมเดียวกันอีก อาจจะต้องแตกแยกจากกัน หรืออาจพบเจอกัน แต่อยู่ในฐานะที่เหลื่อมลํ้ากัน ตามผลแห่งกรรมที่ตนได้ประกอบมา จนไม่อาจอยู่ร่วมชีวิตกันได้นั่นเอง ในกาลปัจจุบัน ในสังคมมนุษย์เราจะสามารถสังเกตเห็นรูปแบบความสัมพันธ์ของมีของคู่สามีภรรยาในลักษณะต่าง ๆ กันไปในหลายรูปแบบ ซึ่งการอยู่ร่วมกันนั้นจำ เป็นต้องมีจริยธรรมของการอยู่ร่วมกัน เพื่อให้เป็นคู่ที่เรียกว่า คู่สร้างคู่สม หมายถึงคู่ที่อดีตชาติเคยร่วมกันสร้างสมบุญบารมีไว้ มาชาตินี้การอยู่ร่วมกันจึงเป็นไปเพื่อการเสวยกุศลกรรมร่วมกัน ตามคำ สอนทางพุทธศาสนาแสดงหลักธรรมของคู่ชีวิต ที่จะทำให้คู่สมรสมีชีวิตสอดคล้องกลมกลืนกัน เป็นพื้นฐานอันมั่นคงที่จะทำ ให้ครองกันได้ยืดยาว เรียกว่า สมชีวิธรรม 4 ประการ คือ 1. มีศรัทธาเสมอกัน (สมสัทธา) เคารพนับถือในลัทธิศาสนาสิ่งเคารพบูชาและหลักการต่าง ๆ ตลอดจนแนวความสนใจอย่างเดียวกัน หนักแน่นเสมอกัน หรือปรับเข้าหากันลงกันได้ 2. มีศีลสมกัน (สมสีลา) คือความประพฤติ ศีลธรรม จรรยา มารยาท พื้นฐานการอบรมพอเหมาะสอดคล้อง ไปกันได้ 3. มีจาคะสมกัน (สมจาคา) มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ความโอบอ้อมอารี มีใจกว้าง ความเสียสละ ความพร้อมที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น พอกลมกลืนกัน ไม่ขัดแย้งบีบคั้นกัน 4. มีปัญญาเสมอกัน (สมปัญญา) รู้เหตุรู้ผลเข้าใจกัน อย่างน้อยพูดกันรู้เรื่อง Asongkhai อสงไขย จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:16:53

ความคิดเห็นที่ 9 จะเห็นได้ว่านอกจากที่คนเราแต่ละคนจะมีเหตุคือ ปุพเพสันนิวาส ให้เกิดผลที่ต้องมาอยู่ร่วมกันในฐานะต่าง ๆ เช่น สามีภรรยาในชาติปัจจุบันแล้ว การใช้ชีวิตและการปฏิบัติระหว่างกันตามหลักจริยธรรมในปัจจุบันชาติก็เป็นสิ่งที่สำ คัญที่ควรได้รับการเอาใจใส่ให้มากเพราะเนื่องจากมนุษย์สามารถที่จะกำ หนด หรือเลือกสรรชีวิตในอนาคตชาติของตนเองได้ การตระหนักและเข้าใจว่าปัจจุบันชาติเป็นผลเกิดแต่เหตุจากอดีตชาติที่เราต่างเคยได้อยู่ร่วมกันมาแล้ว อาจเคยได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา รักกันมาแล้วมากมายนับชาติไม่ถ้วน และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว การปฏิบัติระหว่างกันในปัจจุบันย่อมเป็นเหตุเกี่ยวเนื่องต่อไปในอนาคตชาติข้างหน้าอีก ชีวิตจึงไม่เป็นไปเพื่อชาตินี้หรือชีวิตนี้ชีวิตเดียว หากแต่เป็นไปในลักษณะแบบข้ามภพข้ามชาติ การปฏิบัติในปัจจุบันชาติจึงสำ คัญเนื่องจากอดีตชาติเป็นเรื่องแก้ไขไม่ได้ ปัจจุบันตราบที่เรายังเป็นมนุษย์ผู้มีจิตที่คิดได้ สามารถสร้างปัญญาให้กับตัวเองได้ เมื่อประกอบด้วยปัญญาเห็นอย่างนี้แล้ว จึงไม่ควรประมาท ยึดถือจริยธรรมของการดำ เนินชีวิต และการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นและสิ่งอื่น ๆ ให้ดีที่สุด เพื่อชีวิตที่ดีที่สุด ที่เราได้สร้างสรรค์ไว้แล้ว เพื่อในอนาคตชาติที่ดีที่สุดร่วมกัน ตราบเท่าที่ยังอยู่ภายใต้วงเวียนแห่งชีวิตที่เรียกว่า“สังสารวัฏ” จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:22:12

ความคิดเห็นที่ 10 [b]บทสรุป เรื่องปุพเพสันนิวาส นั้นปรากฎในพระธรรมคำ สอน และคัมภีร์ต่าง ๆ ทางพุทธศาสนาความหมายโดยรูปศัพท์หมายถึง การเคยอยู่ร่วมกันมาแต่กาลก่อน ในรูปแบบความสัมพันธ์ต่าง ๆ เช่น เป็นพ่อแม่ลูก ญาติพี่น้อง สามีภรรยา ตลอดจนความสัมพันธ์ในสรรพสิ่งรอบตัว ที่เป็นเช่นนี้ ก็เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจาก การที่มีการเวียนว่ายตายเกิดข้ามภพชาติวนเวียนอยู่ในวัฏสงสาร จึงทำ ให้ปัจเจกบุคคลต่างก็มีอดีตชาติ มีปุพพกรรม และมีปุพเพสันนิวาสร่วมกันมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน และการเวียนว่ายตายเกิดนั้นเกิดจากเหตุและปัจจัยโดยมีจิตที่มีอวิชชาเป็นตัวเวียนว่ายตายเกิด ดังนั้นตราบเท่าที่บุคคลยังมีอวิชชา จิตที่ประกอบด้วยอวิชชานั้นก็ย่อมต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพภูมิต่าง ๆอย่างไม่มีสิ้นสุด การเวียนว่ายตายเกิด ภพชาติที่ได้ไปเกิดในภพภูมิใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นทุคติภูมิหรือสุคติภูมิก็ตาม ล้วนเป็นผลมาจากการหนุนส่งของปุพพกรรมของตนเองที่เคยทำ ไว้จากอดีตชาติ ประกอบกับจิตที่ประกอบด้วยอวิชชาไปเกิดในภพภูมิต่าง ๆไม่ว่าจะเป็น ทุคติภูมิ หรือสุคติภูมิก็ตาม พบว่ามีการกลับชาติจากมนุษย์เป็นสัตว์ สัตว์เป็นมนุษย์ มนุษย์ผู้ชายเป็นมนุษย์ผู้หญิง มนุษย์ผู้หญิงเป็นมนุษย์ผู้ชาย มนุษย์เป็นเทวดา เทวดาเป็นมนุษย์ เทวดาเป็นเดรัจฉาน และเดรัจฉานเป็นเทวดา เป็นต้น ดังนั้นเป้าหมายในตัวเองของมนุษย์จึงควรเป็นไปเพื่อรู้เท่าทันชีวิต และตระหนักอยู่เสมอว่าทุกชีวิตล้วนแล้วแต่เกิดด้วยเหตุปัจจัย เป็นไปด้วยแรงหนุนของปุพพกรรมที่ได้สร้างสมไว้จากอดีตชาติ ทั้งที่เป็นกุศลกรรมและอกุศลกรรม เพียงแต่ว่ามนุษย์นั้นมีโอกาส และความสามารถที่จะกำ หนดชีวิตหรืออนาคตชาติของตนเองได้ เมื่อเข้าใจในกฎของเหตุและผล ตลอดจนกฎแห่งกรรมที่ว่า ทำดีได้ดีทำ ชั่วได้ชั่ว ดังนั้นเมื่อบุคคลปรารถนาความสุขหรือสิ่งที่ดี พวกเขาก็ควรทำ กระทำ ดี ปฏิบัติตามหลักศีลธรรม ประกอบกุศลกรรม ทำนองเดียวกันเมื่อใดที่พวกเขากระทำ ชั่วพวกเขาก็ควรทำ ใจยอมรับผลชั่วที่จะตามมาอย่างแน่นอน เลี่ยงไม่ได้ แต่ด้วยเหตุที่ว่าโดยธรรมชาติของมนุษย์นั้น มนุษย์ทุกคนย่อมรักสุขเกลียดทุกข์ ดังนั้นเพื่อให้ได้รับความสุข มนุษย์จึงควรปฏิบัติกุศลกรรม ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนให้เป็นไปในทางที่ดีปฏิบัติธรรม เพื่อสร้างสมบุญบารมี เพื่อช่วยนำ พาให้ไปเกิดภพภูมิที่ดี มีความสุข หรือสุคติภูมิอื่น ๆ ที่สูงขึ้นนั่นเอง ดังนั้นมนุษย์จึงสามารถเลือกชีวิตของตัวเองได้ได้จากการกระทำ ในปัจจุบันชาติของตนทำนองเดียวกันปัจจุบันชาติก็เป็นผลจากการที่เราได้เลือแล้วจากอดีตชาตินั่นเอง ดังนั้นเป้าหมายในตัวเองของมนุษย์แต่ละปัจเจกบุคคลนั้นจึงมิได้เป็นไปเพื่อชาตินี้ชาติเดียว หากแต่เป็นการปลดเปลื้องกรรมจากอดีตชาติ และประกอบกรรมใหม่เพื่อสร้างสรรค์อนาคตชาติมากกว่า Ost.ทวิภพ - เราจะข้ามเวลามาพบกัน จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:23:36

ความคิดเห็นที่ 11 สำหรับปัจจัยที่ก่อให้เกิดปุพเพสันนิวาสจากการศึกษาที่ผ่านมาพบว่าประกอบด้วย 3 ปัจจัยหลัก ประกอบร่วมกัน ดังนี้ 1. ปัจจัยอันเนื่องด้วยกรรม กรรมเป็นปัจจัยสำ คัญที่ก่อให้เกิดปุพเพสันนิวาส เป็นแรงขับดันอยู่เบอื้งหลังปรากฏการณ์และความเป็นไปต่าง ๆ ผู้เคยกระทำ กรรมดีหรือกรรมชั่วร่วมกันย่อมกลับชาติมาเกิดเพื่อเสวยวิบากกรรมทั้งดีและชั่วร่วมกัน ผู้ที่เคยปฏิบัติกรรมดีกรรมชั่วระหว่างกันก็ย่อมต้องกลับชาติมาพบเจอกันเพื่อชดใช้ และเสวยวิบากกรรมนั้น ๆ ต่อไป 2. ปัจจัยอันเนื่องด้วยความจงใจหรืออธิษฐานจิตเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดปุพเพสันนิวาสและการพบเจอกันในชาติปัจจุบัน เนื่องด้วยการอธิฐานจิต เช่น การที่พระนางผุสดีนอกจากจะต้องมีการสะสมบุญบารมีมาจากอดีตชาติแล้ว การอธิษฐานจิตของพระนางคือพระนางอธิษฐานจิตเพื่อให้ได้เกิดเป็นพระมารดาของพระพุทธเจ้า และสำ หรับการอธิษฐานจิตไม่เกิดมาร่วมกันก็มี เช่น ในมหาเวสสันดรชาดก กัณฑ์กุมาร การอธิษฐานจิตของกัณหา เนื่องจากกัณหาทรงน้อยพระทัยพระเวสสันดรที่ทรงยกลูกเป็นทานให้กับเฒ่าชูชก“พระพุทธเจ้าข้าไม่โปรดลูกแล้วลูกแก้วจะขอลา พระบิดาอย่าได้น้อยพระทัยเลย พระคุณเอ่ย พระคุณเจ้าเอ๋ยพระ คุณเจ้าของลูกเอ่ยอย่าว่าลูกนี้ล่วงมาดูถูก ที่จะได้กลับมาเป็นพ่อลุกกันสืบไปนั้นอย่าสงสัย ด้วยว่ากระดูกและเลือดเนื้อจะเป็นเหยื่อของตาพราหมณ์ ลูกนี้กราบทูลความสักเท่าใดเท่าใดไม่เชื่อเลย กรรมเอ๋ยกรรม ชะรอยว่ากรรมกัณหาน้อยนี้ได้กระทำ ไว้แต่ชาติหลัง จึงให้เผอิญพระพ่อเจ้าชิงชังไม่ดูหน้ามาเมินเฉย โอ้กรรมเอ๋ยเห็นจะสิ้นวาสนาของแก้วกัณหานี้เสียจริง ๆ พระลูกหญิงขอถวายบังคมลา” (กรมศึกษาธิการ,2516: 255-256) 3. ปัจจัยอันเกิดจากการกระทำ ในปัจจุบัน การปฏิบัติระหว่างกันในปัจจุบันร่วมกัน เช่น จากที่ว่าความรักเกิดด้วยเหตุ 2 ประการ คือ เนื่องด้วยการได้อยูร่ ่วมกันในกาลก่อน และเนื่องด้วยมีการเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ประกอบกับคำสอนเพื่อการหวังพบกันทั้งในปัจจุบันและอนาคต บุคคลต้องเป็นผู้มีศรัทธาเสมอกัน มีศีลเสมอกัน มีจาคะเสมอกัน และมีปัญญาเสมอกัน ซึ่งจำ ต้องอาศัยการกระทำ ในปัจจุบันประกอบร่วมกันเมื่อจิตประกอบด้วยกิเลสและอวิชชา ย่อมก่อให้เกิดการเวียนว่ายตายเกิดอย่างไม่มีจบสิ้น บุคคลที่เคยพบเจอกันมาแล้วในอดีตชาติปางก่อน ผู้มีปุพเพสันนิวาสร่วมกันมา ย่อมต้องมีการพบเจอกันอีกในชาติปัจจุบันและอนาคตชาติสืบต่อไป จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:24:27

ความคิดเห็นที่ 12 เรียบเรียงจาก  คุณชลธิชา คมขำ p-i-e ภาพประกอบอินเตอร์เน็ต ดนตรี Ost. แต่ปางก่อน ค่ายเพลง RS และ GMM Grammy วัฏสงสารการเวียนว่ายตายเกิดถือว่าเป็นทุกข์ ดังที่พระพุทธเจ้าทรงเปรียบเทียบเรื่องการเกิดการตายเอาไว้ว่า สังสารวัฏนั้นไม่มีจุดเริ่มและจุดจบ แต่มีการเวียนเกิดเวียนดับอย่างนับไม่ถ้วน ต่างเคยเป็นอยู่ร่วมกันมาไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่งมาแล้วจากอดีต การเกิดการตายล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ทั้งสิ้น การเกิดที่มากมายนับไม่ถ้วนของแต่ละจิตนั้น หากนำ เอานํ้านมที่ดื่มกินมาตั้งแต่แรกเกิดมาหลาย ๆ ภพชาติรวมกัน มีมากกว่านํ้าในมหาสมุทร เมื่อเกิดมามีชีวิตย่อมพบเจอกับสิ่งที่ดีและไม่ดี เมื่อประสบกับสิ่งไม่ดี การพลัดพราก ความเศร้าโศกเสียใจ มากมาย รวมนํ้าตาแห่งความเศร้าโศกเสียใจจากการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหมดของตนมารวมกัน มีมากกว่านํ้าในมหาสมุทรเสียอีก และถึงแม้ว่าความสุขทิพย์ในภพภูมิของเทวดานั้นหรือบางแห่ง เรียกว่า ระดับฌานสุข ก็ไม่เทียบเท่า ถึงแม้ว่าจะประณีตกว่าในระดับกามสุขในภพภูมิมนุษย์ก็ตาม เพราะไม่อาศัยปัจจัยภายนอก หากแต่เป็นสิ่งที่เกิดจากการปรุงแต่ง คือการปรุงแต่งของจิต เมื่อหมดอายุขัยก็ย่อมมีการปรวนแปรและเสื่อมสิ้นไปได้ในที่สุด ความสุขเหล่านี้ยังเรียกว่าเป็นความสุขประเภทโลกียะจึงไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ยังคงเป็นทุกข์อยู่หากแต่ความสุขอีกประเภทหนึ่งที่เรียกว่า โลกุตรสุข เป็นสุขที่ไม่ต้องอาศัยปัจจัยใด ๆ มาปรุงแต่ง จึงพ้นจากภาวะที่มีความไม่เที่ยง เปลี่ยนแปลงและเป็นทุกข์ไปได้ เป้าหมายสูงสุดของชีวิต จึงไม่ใช่แค่การสะสางกรรมจากอดีตชาติ และประกอบกรรมใหม่เพื่อสร้างสรรค์อนาคตชาติอีกต่อไป ถึงแม้จะเป็นไปเพื่อภพชาติที่ดีต่อ ๆ ไปก็ตาม เพราะยังคงเป็นการหวังเพื่อภพชาติต่อไปจึงเป็นเพียงเป้าหมายทางโลกียะสุขเท่านั้น นั่นคือ ยังคงอยู่ภายใต้วงเวียนแห่งวัฏสงสารอยู่นั่นเองตราบใดที่ยังมีการเกิดการตายก็ยอมมีความทุกข์ตราบนั้น ดังนั้นสำหรับพุทธศาสนาเป้าหมายหลักสำคัญของชีวิต หรือสิ่งที่ดีที่สุดอันเป็นจุดมุ่งหมายสุดท้าย คือ นิพพาน คือ ภาวะที่สิ้นกิเลสแลทุกข์ทั้งปวง สิ้นสุดแห่งภพชาติ การหลุดพ้นจากสังสารวัฏ ไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกต่อไป กล่าวคือ เป็นความสุขที่แท้จริงไม่มีความทุกข์เจือปน เป็นภาวะที่สุขที่สุด ไม่มีความสุขใดจะเหนือกว่าอีกแล้ว ดังพุทธภาษิตที่ว่า “นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง” ขอให้ทุกท่านมีความสุขครับ แก้ไขเมื่อ 08 ก.พ. 53 10:03:22 จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:27:01

ความคิดเห็นที่ 13 พวกที่รักกันปานจะกลืนกินในชาตินี้ อย่าได้อธิษฐานขอเจอกันอีกในชาติต่อๆไปเลย เพราะเราไม่รู้หรอกว่าชาติหน้าเราจะเป็น คน สัตว์หรือเพศเดียวกัน... จากคุณ : นัยนะ เขียนเมื่อ : 7 ก.พ. 53 22:34:33

ความคิดเห็นที่ 14 ชอบเพลงนี้ (ขอบคุณ คุณบีหนึ่ง) สมัครรักสมัครแฟน http://www.ijigg.com/songs/V2AB07GEPB0 .... คุณคร๊าบบบบ  สงสัยไม่รับเป็นแฟน.... จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 00:42:17

ความคิดเห็นที่ 15 ขอบคุณ คุณ ebusiness ค่ะ  ที่นำเสนอเรื่องดีๆ ให้อ่านได้บ่อยๆ  โดยเฉพาะเรื่อง "แต่ปางก่อน" เป็นหนึ่งในนิยายที่ชื่นชอบค่ะ จากคุณ : Smiling-girl เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 01:58:10

ความคิดเห็นที่ 16 อยู่ด้วยกัน ก็ควรต้องได้ส่งเสริมกันไปทางที่ดีนะคราบบบ จบ โหวต จากคุณ : HANDYHUNG เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 10:06:05

ความคิดเห็นที่ 17 จากคุณ : apple_meppo เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 11:23:11

ความคิดเห็นที่ 18 เจ้าของกระทู้จะ In love อะไรขนาดนี้ค่ะ!!!!!???? แต่เราชอบกระทู้นี้เป็นอันมาก รวมถึงเพลง คู่เเท้ของพี่เบิร์ดด้วย อ่านไปยิ้มไป ฟังเพลงไปยิ้มไปค่ะ..แหม โรเเมนติกจัง..อิอิ . . เอารูป คู่สร้าง คู่สม มาแทรก ซึ่งเราประทับใจเป็นอันมาก นี่คือ คุณลุง คุณป้า ที่พาเราไปวัดป่าบ้านตาดค่ะ เป็นคู่ที่คอยดูเเลกัน น่าประทับใจมาก ครองรักและแก่เฒ่าไปด้วยกัน คุณป้าไม่สบาย คุณลุงคอยต้มยาให้ทาน ^^ . . ภาพนี้คือ ที่เจดีย์ 9 ชั้น ... วัดหนองแวง อยู่บริเวณ บึงแก่นนคร ... เราไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุกับ คณะของคุณลุง คุณป้า มาค่ะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 13:10:34

ความคิดเห็นที่ 19 อ้าว ลืมรูป คู่สร้าง คู่สม ซะงั้น จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 13:11:37

ความคิดเห็นที่ 20 อนุโมทนากับธรรมทานด้วยจ้ะ คู่ครอง คือ คนที่จะมาร่วมฝ่าภัยในวัฏฐะด้วยกัน โดนมาเป็นกำลังใจ หรือ สนับสนุนให้ต่างฝ่าย ต่างสามารถฝ่าภัย คือ ชาติ ชรา มรณะไปได้ด้วยดี  แต่ถ้ามาอยู่ด้วยกันแล้วก่อเวรภัยต่อกันเอง อย่ามีเสียดีกว่า จากคุณ : AYXC เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 14:19:56

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณนะครับ  จขกท. ขอเสริมนิดว่า  ไม่ใช่แต่บุญครับ การทำกรรมร่วมกัน ก็จะได้มาเจอกันอีกชาติหน้า เช่นกันครับ จากคุณ : darbie เขียนเมื่อ : 8 ก.พ. 53 22:58:28

ความคิดเห็นที่ 22 เอาเพลงนี้มาฝาก จขกท. นะคะ.... เพลง สายใยรัก ของอิ๋ว เพ็ญโพยม เก่าเเล้วล่ะ แต่น่าจะจำได้ค่ะ... http://saisampan.net/index.php?topic=12525.0 จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 01:59:50

ความคิดเห็นที่ 23 ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ แต่ทำไมคนก็ยังชอบไขว่คว้ามันจังนะ จากคุณ : @จุดอ่อนของฉันอยู่ตรงที่หัวใจ@ เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 08:00:13

ความคิดเห็นที่ 24 คนที่จะมาเป็นบุพเพกัน ต้องมีบุญเสมอกันด้วย ใช่ไม๊ค่ะ ยังไงก้อขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่นำเรื่องราวดี ๆ มาให้อ่านค่ะ จากคุณ : bonpain เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 11:41:51

ความคิดเห็นที่ 25 จะคู่กันได้ต้องมีบุญร่วมกันค่ะ คนๆนึงมีเนื้อคู่ที่ถูกกำหนดมาได้หลายคน แต่จะได้คู่กับคนไหนขึ้นอบู่กับบุญค่ะ และกรณีที่มาคู่กันแล้วเกลียดกันเป็นเพราะหลายชาติค่ะ บุญของการคู่มีมากกว่า การจะตัดกรรมกันทำได้โดยยึดอุเบกขาค่ะแล้วก็แผ่เมตตาให้ไป จากคุณ : Chulapinan เขียนเมื่อ : 9 ก.พ. 53 20:21:55

ความคิดเห็นที่ 26 ขอเสริมธรรมอีกสองสามหมวด (เพราะส่วนใหญ่มักกล่าวถึงแต่ สมชีวิธรรม ๔) ที่เหมาะจะกล่าวในเรื่องการครองคู่กัน สำหรับวันตรุษจีนแห่งความรักนะครับ (สรุปคร่าวๆสั้นๆจากพจนานุกรมพุทธศาสตร์ และตามเว็บทั่วไปนะครับ) สมชีวิธรรม ๔ : หลักธรรมของคู่ชีวิตให้อยู่ครองกันยาวนาน ๑. สมสัทธา - มีทัศนคติ แนวความคิดความเชื่อ อุดมการณ์ เสมอกัน ๒. สมสีลา - มีศีลธรรมจรรยามารยาท พื้นฐานการอบรม สอดคล้องกัน ๓. สมจาคา - มีความยินดีในการเสียสละ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ กลมกลืนกัน ๔. สมปัญญา - รู้เหตุรู้ผลเข้าใจกัน อย่างน้อยพูดคุยกันรู้เรื่อง ฆราวาสธรรม ๔ : หลักธรรมสำหรับการครองเรือน ๑. สัจจะ - ความจริงใจ ซื่อสัตย์ ความไว้เนื้อเชื่อใจกัน ๒. ทมะ - การฝึกฝน รู้จักปรับตัว ปรับนิสัย ข่มใจ แก้ไขข้อบกพร่อง ๓. ขันติ - ความอดทนต่ออุปสรรค และสิ่งกระทบกระทั่งใจ ๔. จาคะ - รู้จักเสียสละประโยชน์ส่วนตน รับฟังความทุกข์ความคิดเห็น สังคหวัตถุ ๔ : หลักธรรมที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวใจบุคคล ๑. ทาน - การให้ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ช่วยเหลือกันด้วยสิ่งของและความรู้ ๒. ปิยวาจา - กล่าวคำสุภาพไพเราะ ประกอบด้วยประโยชน์และเหตุผล ๓. อัตถจริยา - ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ รู้จักขวนขวายช่วยเหลือ ๔. สมานัตตตา - เสมอต้นเสมอปลาย ร่วมทั้งสุขและทุกข์ รู้จักการวางตัว ๗. สาเกตชาดก เหตุให้เกิดความรัก "ความรักนั้น ย่อมเกิดขึ้นด้วยเหตุ ๒ ประการ คือ ด้วยการอยู่ร่วมกันในกาลก่อน ๑ ด้วยความเกื้อกูลต่อกันในปัจจุบัน ๑ เหมือนดอกอุบลและชลชาติ เมื่อเกิดในน้ำย่อมเกิดเพราะอาศัยเหตุ ๒ ประการ คือ น้ำและเปือกตม ฉะนั้น" ที่มา: พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑ แก้ไขเมื่อ 10 ก.พ. 53 10:37:16 จากคุณ : He-Who-Must-Not-Be-Named เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 10:36:26

ความคิดเห็นที่ 27 #14 คุณ Smiling-girl เพลงนี้ เวอร์ชั่นคุณก๊อต จัรกพรรดณ ก็ไพเราะ http://www.youtube.com/watch?v=9jIrkCYVwgY ฝากคุณบีหนึ่งด้วยครับ   #18-19 อนุโมทนาบุญกับคุณบีหนึ่งและครอบครัวครับ #20 #21 ขอบคุณ คุณ AYXC และคุณ darbie ครับ #26 อนุโมทนากับคุณ  He-Who-Must-Not-Be-Named ที่นำธรรมอีกสองหมวดมาเสริมครับ จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 11:28:39

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ คุณ EBU เอาเพลง สมัครรักสมัครแฟน มาฝากเราทำไมคะ??? คุณไม่ได้สมัครกับเรานี่คะ ??? อิอิอิ.... . . (ขออนุญาตล้อเล่นนะคะ อย่าโกรธกันน๊ะ) . . เพลงที่จะเอามาฝากเราต้องเพลงนี้ค่ะ V V แฟนฉันไม่ต้องหล่อ -  สุนารี ราชสีมา Db.. แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ เอาพอ ไปวัดเพลเพล ถ้า ไปวัด สายสาย ควงได้ ไม่อาย พระเณร ไม่อยากเจอเดน ของใคร ตอนนี้มีหนุ่มหนุ่ม มารุม มาเร้า เอาใจ ล้วนแต่ เจ้าชู้ ปรูดปร๊าด มาด ดาราหนังไทย เลยตัดสินใจ ยากเย็น เป็นโสด มาหลายหน้าหนาว เนื้อสาว ทั้งตึง ทั้งเต้น บางที ฉันนอน สะดุ้ง จนสายมุ้ง ขาดกระเด็น คิด จะมีแฟนเล่น สักคน ปีนี้ แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ ขอให้ นิสัยดีดี อย่า เจ้าชู้ ลับหลัง ไม่คลั่ง สุรา นารี ดูใจ สามปี แต่งเลย Solo 10 Bars...9... 10..เป็นโสด มาหลายหน้าหนาว เนื้อสาว ทั้งตึง ทั้งเต้น บางที ฉันนอน สะดุ้ง จนสายมุ้ง ขาดกระเด็น คิด จะมีแฟนเล่น สักคน ปีนี้ แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ ขอให้ นิสัยดีดี อย่า เจ้าชู้ ลับหลัง ไม่คลั่ง สุรา นารี ดูใจ สามปี แต่งเลย แฟนฉันไม่ต้องหล่อ ( Db ) สุนารี ราชสีมา Db.. แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ เอาพอ ไปวัดเพลเพล ถ้า ไปวัด สายสาย ควงได้ ไม่อาย พระเณร ไม่อยากเจอเดน ของใคร ตอนนี้มีหนุ่มหนุ่ม มารุม มาเร้า เอาใจ ล้วนแต่ เจ้าชู้ ปรูดปร๊าด มาด ดาราหนังไทย เลยตัดสินใจ ยากเย็น เป็นโสด มาหลายหน้าหนาว เนื้อสาว ทั้งตึง ทั้งเต้น บางที ฉันนอน สะดุ้ง จนสายมุ้ง ขาดกระเด็น คิด จะมีแฟนเล่น สักคน ปีนี้ แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ ขอให้ นิสัยดีดี อย่า เจ้าชู้ ลับหลัง ไม่คลั่ง สุรา นารี ดูใจ สามปี แต่งเลย Solo 10 Bars...9... 10..เป็นโสด มาหลายหน้าหนาว เนื้อสาว ทั้งตึง ทั้งเต้น บางที ฉันนอน สะดุ้ง จนสายมุ้ง ขาดกระเด็น คิด จะมีแฟนเล่น สักคน ปีนี้ แฟนฉัน ไม่ต้องหล่อ ขอให้ นิสัยดีดี อย่า เจ้าชู้ ลับหลัง ไม่คลั่ง สุรา นารี ดูใจ สามปี แต่งเลย http://www.youtube.com/watch?v=Tpuehe0gArg * * * * *  * * * * ** * * * * * ** * *  ** * V V เพลงพี่ก๊อต ที่จะเอามาฝากเรา ต้องนี้เลยค่ะ ....V V V ใจนางเหมือนทางรถ จากคุณ : ขอเล่นกระทู้นี้จนออกทะเลไปเลย (บุษกรจันทร์) เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:20:37

ความคิดเห็นที่ 29 อย่างงี้อธิษฐานให้มาพบรักกันอีกในชาติต่อๆไป แล้วเมื่อไหร่จะได้พ้นวัฏสงสารกันสักทีล่ะคะ จากคุณ : หินแก้ว เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 12:25:04

ความคิดเห็นที่ 30 ท่าน 29 ให้อธิษฐานว่า มาเกื้อกูลกัน ทางธรรมะ จนกว่าจะพ้น สังสารวัฎ ไปด้วยกันซิคะ จากคุณ : บุษกรจันทร์ เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 13:07:35

ความคิดเห็นที่ 31 ตอนที่สองครับ   เหตุแห่งความรักท่านชี้ว่ามีสอง คือเคยครองปองรักสมัครสมาน โดยบุพเพนิยมมานมนาน พอได้พานพบพักตร์รักปักใจ (ปุพเพสันนิวาส) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y8866886/Y8866886.html จากคุณ : ebusiness เขียนเมื่อ : 10 ก.พ. 53 13:18:04