ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มต้น ที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง มูลนิธิปอเต็กตึ้งครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:28:00

ความคิดเห็นที่ 2 ประวัติโดยย่อของหลวงปู่ไต้ฮง       ในสมัยราชวงศ์ซ้อง ได้เกิดบุคคลสำคัญขึ้นท่านหนึ่ง แซ่ลิ้ม เป็นชาวมณฑลฮกเกี้ยน และมีสติปัญญาปราดเปรื่องสามารถสอบไล่ได้ตำแหน่ง "จิ้นสือ" และเข้ารับราชการในตำแหน่งนายอำเภอ มณฑลเจียะเจียง ท่านปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ต่อมาท่านเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตราชการ ท่านจึงได้สละลาภยศอันสูงเกียรติออกอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนานิกาย มหายาน ณ วัดแห่งหนึ่งในมณฑลฮกเกี้ยนได้รับฉายาว่า "ไต้ฮง" เมื่อได้อุปสมบทแล้วท่านก็ได้หมั่นบำเพ็ญศาสนกิจ ศึกษาพระไตรปิฎกจนแตกฉาน ปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐานจนบรรลุธรรมอันวิเศษ      ท่านไต้ฮงพำนักอยู่ที่ วัดดังกล่าวเป็นเวลาหลายปี ด้วยจิตที่เปี่ยมไปด้วยความเมตตากรุณาต้องการออกโปรดสัตว์ ท่านจึงได้ออกธุดงควัตรจากเมืองฮกเกี้ยนไปตามเมืองต่างๆ ตลอดเส้นทางที่ท่านธุดงค์ผ่านไปนั้น เมืองใดที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ ท่านก็จะช่วยขจัดปัดเป่า บรรเทาทุกข์ให้เมืองใดที่ทำการสร้างถนนหรือสะพาน ท่านก็จะช่วยเหลือจนกระทั่งเสร็จเรียบร้อย ในบางแห่งที่มีโรคระบาด มีคนเจ็บและล้มตาย ท่านก็จะช่วยนำยารักษาโรคออกแจกจ่ายแก่ผู้เจ็บป่วย และออกบิณฑบาตไม้ มาทำโลงศพและนำศพไปบรรจุฝังตามธรรมเนียม      พระ ภิกษุไต้ฮงออกธุดงค์โปรดสัตว์อยู่หลายปี จนกระทั่งผ่านมายังเมืองแต้จิ๋ว ก็มีพุทธศาสนิกชนนิมนต์ท่านไปจำพรรษาอยู่ที่วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งบนภูเขาปัก ซัว อำเภอเตี่ยนเอี้ย ซึ่งตลอดเวลาที่ท่านได้พำนักอยู่ที่วัดแห่งนี้ท่านได้บำเพ็ญศาสนกิจอย่าง เคร่งครัด ด้วยความมีเมตตาธรรมจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ทำให้บรรดาสาธุชนที่มีความศรัทธาเข้าอุปสมบทเป็นพระภิกษุในบวรพุทธศาสนาเป็น จำนวนมาก นอกจากนี้ ท่านยังได้ทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดดังกล่าวจนกลายเป็นพระอารามใหญ่ เจริญรุ่งเรืองมาจนทุกวันนี้      ในบั้นปลายชีวิตของท่าน ได้ออกธุดงค์ไปอยู่จำพรรษาที่วัดเมี่ยงอัง ตำบลฮั่วเพ้ง ห่างจากอำเภอเตี่ยนเอี้ยไปประมาณ 15 กิโลเมตร ที่หมู่บ้านนี้มีแม่น้ำเหลียงเจียงไหลผ่าน แบ่งเป็นฝั่งตะวันออกและตะวันตก วัดเมี่ยงอังตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำ ในสมัยนั้นแม่น้ำเหลียงเจียงเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำในแม่น้ำไหลเชี่ยวกรากมาก อีกทั้งมีความกว้างใหญ่และลึก ประชาชนจึงใช้เรือเป็นพาหนะ ยามเมื่อเกิดมรสุมจะเกิดเหตุเรือล่มบ่อยๆ ทำให้มีผู้คนเสียชีวิตอยู่เป็นประจำ ท่านไต้ฮงจึงเกิดความเวทนาสงสารประชาชน จึงดำริที่จะสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเหลียงเจียง เพื่อให้ประชาชนได้สัญจรโดยสะดวก ท่านจึงได้บิณฑบาตวัสดุก่อสร้างต่างๆ อยู่หลายปี จนในปีพ.ศ.1671 มีพ่อค้าใหญ่เดินทางมานมัสการท่าน และทราบว่าท่านจะสร้างสะพาน จึงได้นำช่างก่อสร้างและวัสดุมาร่วมสร้างสะพานด้วย        ส่วนบริเวณที่จะ สร้างสะพานนั้นท่านได้เลือกตรงหน้าศาลเจ้าหลักเมือง และดูฤกษ์ยามสำหรับการเริ่มงาน ในวันที่เริ่มสร้างสะพานสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดคือน้ำในแม่น้ำเกิดลดลงไปจน เกือบแห้งเป็นที่อัศจรรย์ บรรดาประชาชนและช่างต่างก็ก้มลงกราบท่านด้วยความศรัทธา ท่านกลับบอกว่าให้กราบฟ้าดินเถิด การครั้งนี้น้ำทะเลที่ปากแม่น้ำจะไม่ขึ้นลงเป็นเวลา 7 วัน เมื่อทราบเช่นนั้นพวกช่างจึงทำการสร้างรากฐานสะพานและสร้างถ้ำสำหรับระบาย น้ำจำนวน 19 ถ้ำ จนแล้วเสร็จโดยใช้เวลา 7 วันพอดี วันต่อมาน้ำในแม่น้ำเหลียงเจียงก็ขึ้นลงตามปกติ การก่อสร้างสะพานจึงเป็นไปด้วยความราบรื่นจนกระทั่งเสร็จ จัดว่าเป็นสะพานหินที่มีความยาวมาก และตั้งชื่อสะพานนี้ว่า "ฮั่วเพ็ง" หลังจากที่สร้างสะพานเสร็จท่านก็เริ่มอาพาธด้วยโรคชรา และมรณภาพลงด้วยอาการสงบ สิริอายุได้ 85 ปี ชาวเมืองจึงได้ประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลและฝังร่างของท่านไว้ ณ ภูเขาฮั่วเพ็ง และยังสร้างศาลเจ้าประดิษฐานรูปเหมือน ไต้ฮงกงโจวซือไว้สักการบูชา มีนามว่า "ศาลเจ้าป่อเต็กตึ๊ง" มาจนทุกวันนี้ องค์ไต้ฮงกง ที่ซัวเถา ประเทศจีน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:37:28

ความคิดเห็นที่ 3 ส่วนรูปนี้เป็นศาลเจ้าไต้ฮงกง ที่จังหวัดเป็ดพะโล้เอง ซึ่งที่บ้านจะไปบริจาคโลงศพเป็นประจำ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:41:10

ความคิดเห็นที่ 4 นอกจากนี้แล้วในช่วงเทศกาลตรุษจีนทางมูลนิธิปอเต็กตึ้ง จะมีการลงชื่อสวดมนต์ที่เรียกว่า  พะเก่ง”  คือ การจดชื่อเพื่อสวดชัยมงคลคาถา   ขอพรให้แก่ญาติโยมที่มาจดชื่อทำบุญในช่วงนี้  เพื่อขอให้พระคุ้มครองให้อยู่เย็นเป็นสุข  ทำมาค้าขึ้นในปีใหม่   โดยมีประเภทของ  “ เก่ง ”   หรือ  “ บทสวด ”   หรือ “คาถา”    ประเภทต่าง ๆ   ดังนี้ แกหมึ่งเก่ง     เพื่อขอให้       ครอบครัวมีสุข ปออุ่งเก่ง       เพื่อขอให้       สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตน สะเดาะเคราะห์ คิ่วไฉ่เก่ง       เพื่อขอให้       เสริมบารมี  เสริมโชคลาภ ส่วยกุงเก่ง     เพื่อขอให้       เสริมดวงชะตา  ให้ร่างกายแข็งแรง กึงกีเก่ง        เพื่อขอให้       เสริมความมั่นคงสถาพร ซึ่งสงวนราคาก็ไม่แพงครับ เก่งละ 15 บาท ซึ่งไม่จำเป็นต้องสวดทุกเก่ง หรือจะสวดทั้งหมดก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก ทุนทรัพย์ครับ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะถ้าสวดแก้ชงที่วัดเล่งเน่ยยี่ ก็คนละ 100 บาท ถ้าจะเสริมดวงก็ต้องอีก 100 บาท อันนี้เลยเป็นทางเลือกหนึ่ง เลยลองมานำเสนอครับ แบบฟอร์ม ในการลงชื่อสวด แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 18:18:48 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 17:57:32

ความคิดเห็นที่ 5 หลังจากลงชื่อทำบุญพะเก่ง สามารถนำไปแลกขนมจันอับกลับบ้าน เพื่อนำไปไหว้พระ ไหว้เจ้า รับประทานเพื่อเป็นมงคลแห่งชีวิต อีกอย่างที่มีคนนิยมต่อแถวนำกลับไปเพราะปีหนึ่งจะได้กินแค่ช่วงนี้เท่านั้น คือสาคู ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นสิริมงคล และเป็นยาให้ร่างกายแข็งแรง ซึ่งรสชาติอร่อยมากครับ เพราะใช้น้ำตาลแดงกับเปลือกส้มจีน จะหอมมากครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:05:21

ความคิดเห็นที่ 6 อีกอย่างที่ต้องนำกลับคือฮู้แดง เชื่อว่าเกือบทุกบ้านคนจีน ต้องมีครับ ไม่เชื่อเวลาขับรถลองมองๆดู จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:10:11

ความคิดเห็นที่ 7 และอีกกิจกรรมที่นิยมกันคือ การประชาทับยันต์ หรือประทับ "ฮู้" ไต้ฮงกง ซึ่งสามารถประทับฮู้ ได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่เพียงแต่ในกระดาษเท่านั้น แม่บ้านบางคน อาจนำเสื้อผ้าของครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ๆ มาประทับฮู้ บางคนนำเสื้อผ้ามาเป็นกระเป๋าใหญ่ ทหารก็นำเครื่องแบบภาคสนาม มาประทับฮู้เช่นกัน บางท่านอาจจะประทับฮู้ที่กระเป๋าเงิน แบงค์  แต่ที่บ้านจะประทับฮู้ที่กลางกระหม่อมครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:11:57

ความคิดเห็นที่ 8 กำหนดการนะครับ เผื่อสนใจไปร่วมทำบุญรับปีเสือ เชิญร่วมทำบุญพะเก่ง เพื่อเป็นสิริมงคล  เสริมดวง เสริมบารมี ณ สำนักงานใหม่ มูลนิธิฯ      วันที่   7   – 12  ก.พ. 53       เวลา 09.00 - 19.30 น.                        13  ก.พ. 53       เวลา 09.00 – โต้รุ่ง      วันที่   14 – 22  ก.พ. 53       เวลา 06.00 - 21.00 น.                        21 ก.พ. 53        บริการ    โต้รุ่ง      วันที่   23 – 28 ก.พ. 53        เวลา 06.30 - 20.00 น.  (ฝั่งศาลเจ้า)     * เฉพาะวันที่ 28 ก.พ. 53       บริการ ถึง  24.00 น.* บริการสาคูสิริมงคล   ทานแล้ว เฮง เฮง รักใคร่ กลมเกลียว ตลอดปี บริการสาคู      ตั้งแต่วันที่  14 - 22  ก.พ.  2553        เวลา 07.00 – 17.00 น.                               วันที่  21  ก.พ. 2553               *บริการโต้รุ่ง* (เทศกาลง่วนเซียว)   วันที่  28 ก.พ. 2553                 เวลา 09.00 – 20.00 น.   พิธีเวียนธูป เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง และ ครอบครัว                     วันอาทิตย์ที่  21   ก.พ. 2553      เวลา 24.00 น. จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:14:29

ความคิดเห็นที่ 9 มาที่ศาลต่อไปครับเป็นศาลเจ้าแม่กวนอิมเล็กๆ ฝั่งตรงข้ามศาลเจ้าไต้ฮงกง ปอเต็กตึ้ง (อยู่ฝั่งเดียวกับสำนักงานมูลนิธิปอเต็กตึ้ง) ถึงจะเป็นศาลเล็กๆแต่ก็เต็มเปี่ยมด้วยพลังศรัทธา ต่อองค์เจ้าแม่กวนอิม ซึ่งเชื่อว่าถ้าต้นปีได้มาไหว้เจ้าแม่ชีวิตจะพบกับความสุข โดยพลังศรัทธาถูกแสดงออก ด้วยเทียนแดงหลายร้อยต้นที่จุดบูชาองค์เจ้าแม่ ตลอดเทศกาลตรุษจีน ซึ่งรูปปั้นองค์เจ้าแม่ได้ถูกอัญเชิญมาจาก เกาะผู่โถวซัน 1 ใน 4 เกาะศักดิ์สิทธิ์ของจีน ซึ่งถือว่าเป็นเกาะต้นกำเนิดเจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:23:53

ความคิดเห็นที่ 10 เจ้าแม่กวนอิม แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 18:27:25 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:25:31

ความคิดเห็นที่ 11 เจ้าแม่กวนอิม จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:27:59

ความคิดเห็นที่ 12       ศาลต่อมาอยู่ไม่ไกลจากศาลเจ้าไต้ฮงกง นั้นคือ "สถานีตำรวจพลับพลาไชย" ฟังแล้วอย่าเพิ่งตกใจไป แต่ที่ชั้น 4 บนดาดฟ้าของสถานีตำรวจแห่งนี้เป็นที่ประดิษฐานของ "เจ้าพ่อยี่กอฮง" เทพเจ้าหวยองค์แรกของไทย       ตามประวัติเล่าไว้ว่า ท่านยี่กอฮงได้มาปลูกบ้านอยู่ที่ย่านพลับพลาไชย หน้าวัดคณิกาผล ท่านยี่กอฮงได้ประกอบกิจการค้าหลายอย่าง แต่ที่ได้สร้างฐานะให้ท่านจนรุ่งเรืองก็คือ การเป็นเจ้าภาษี โรงต้มกลั่นสุรา โรงบ่อนเบี้ย โรงหวยกอขอ ร.6 จึงโปรดเกล้าฯ พระราชทานบรรดาศักดิ์ให้เป็น รองหัวหมื่น พระอนุวัฒน์ราชนิยม และพระราชทานนามสกุลให้ว่า เตชะวานิช       ต่อมาเมื่อมีการออกพระราชบัญญัติเลิกอากรบ่อนเบี้ย และ หวยกอขอ ท่านจึงได้หันไปประกอบกิจการค้าอื่นๆ แต่ปรากฏว่ากิจการเหล่านั้นกลับสร้างหนี้สินเป็นจำนวนมาก ในที่สุดก็ถูกฟ้องเป็นคนล้มละลาย และถูกยึดทรัพย์เป็นของหลวง แต่เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่เสียสละเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด ร.6 จึงโปรดฯ ให้ยี่กอฮงอาศัยอยู่ในบ้านนี้ต่อไปจนตลอดชีวิต       ซึ่งหลังจากท่านเสียชีวิตในปี พ.ศ.2479 บริเวณบ้านของท่านก็ได้ถูกสร้างเป็นสถานีตำรวจพลับพลาไชย ต่อมาจึงได้มีการสร้างศาล "ศาลเจ้าปู่ยี่กอฮง" ขึ้น ที่ชั้นบนสถานีตำรวจพลับพลาไชย ซึ่งในปัจจุบันศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่นับถือของตำรวจที่นี่และบุคคลทั่วไปโดยผู้คนที่มากราบไหว้นิยมขอในเรื่องของโชคลาภและขอหวยตามความเชื่อในประวัติของท่าน แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:44:54 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:37:44

ความคิดเห็นที่ 13       ศาลต่อมาคือ ต่อไปได้แก่ "ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะ" ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 16 หรือตรอกอิสรานุภาพ ใกล้กับวัดมังกร เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่แห่งหนึ่งของเยาวราช โดยได้มีการพบหลักฐานว่าศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในสมัยอยุธยา สันนิษฐานว่าน่าจะมีอายุยาวนานที่สุดในประเทศไทย       ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมจีนตอนใต้สกุลช่างจีนแต้จิ๋วแบบ ซี่เตี้ยมกิม บรรยากาศภายในได้รักษาความเก่าแก่ดั้งเดิมของตัวศาลเป็นอย่างดี เสาพันรอบด้วยมังกร จากเสาแรกถึงเสาด้านในมีป้ายตุ๊ยเลี้ยง เป็นการสรรเสริญเทพเจ้าประจำศาล ซึ่งก็คือ เล่งบ๊วยเสี่ยอ๊วงกับฮูหยิน รองประธานคือ กิวเทียนเนี่ยเนี้ย เทพธิดาแห่งสวรรค์ วัดนี้ยังมีกระถางธูปพระราชทาน จากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวด้วย      สำหรับศาลนี้ผู้ทีประกอบธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน บ้านเช่า ห้องเช่า ไม่ควรพลาดเพราะที่นี้จะให้พรด้านการค้าขายที่ดินและพวกรับเหมาก่อสร้าง โดยการขอพรจะเขียนข้อความในผ้าสีแดงแล้วผูกไว้ที่ขาโต๊ะ แล้วอธิษฐานจะทำให้ไม่เกิดอุปสรรค ไม่มีสิ่งขัดแย้ง และความที่เป็นท้องมังกรบนถนนเยาวราช เชื่อว่ามาไหว้แล้วจะอิ่มเสมอไม่มีอด ทำมาค้าขึ้น เล่งบ๊วยเสี่ยอ๊วงกับฮูหยิน ศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 18:53:25 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 18:53:07

ความคิดเห็นที่ 14      สถานที่ต่อมาเป็นวัดจีนที่เล็กที่สุดในเยาวราช ชื่อว่า วัดบำเพ็ญจีนพรต หรือ วัดย่งฮกยี่ อยู่ตรอกเต๊า ขนานกับถนนมังกร วัดบำเพ็ญจีนพรตถือว่าเป็นวัดจีนที่มีขนาดเล็กมากๆ เพราะสภาพที่ตั้งวัดนั้นเป็นคล้ายตึกแถวในซอยเล็กๆ ล้อมรอบด้วยอาคารพานิชย์ หากมองจากภายนอกเข้ามาก็แทบจะไม่รู้ว่ามีวัดอยู่ในซอยนี้       เมื่อเดินเข้ามาในวัดบำเพ็ญจีนพรตแล้ว ก็จะได้พบกับพระเมตไตรยโพธิสัตว์ ซึ่งประดิษฐานอยู่ด้านหน้าอุโบสถเป็นอย่างแรก พระอุโบสถของวัดนั้นก็เล็กไปตามขนาดวัด คือมีความกว้าง 7.80 เมตร ยาว 10.20 เมตร เท่านั้นเอง ตัวอาคารโครงสร้างไม้แบบจีนผนังก่ออิฐฉาบปูน หลังคาจั่วมุงด้วยกระเบื้องดินเผากาบกล้วยแบบจีน สันหลังคาก่ออิฐปั้นปูน เป็นจั่วปั้นลมตามแบบสถาปัตยกรรมจีน ตามสกุลช่างจีนแต้จิ๋ว แต่ก็มีความสงบไม่วุ่นวาย       พระเมตไตรยโพธิสัตว์ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:45:31 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:02:08

ความคิดเห็นที่ 15 ภายในอุโบสถประดิษฐานพระประธาน 3 องค์ เมื่อเราหันหน้าเข้าทางพระประธานทั้ง 3องค์ประดิษฐานอยู่ตรงกลางคือพระศากยมุนีพุทธเจ้าหรือ พระยูไล หรือองค์เจ้าชายสิทธัตถะนั่นเอง องค์พระศาสดาแห่งโลกปัจจุบัน โดยในมือจะถือลูกแก้วรัตนะ  องค์ทางซ้ายมือคือพระอมิตาภะพุทธเจ้า แห่งแดนสุขาวดี ในมือจะถือแท่นดอกบัว กล่าวว่าผู้ประกอบกรรมดี พระองค์จะนำพาไปสู่แดนสุขาวดี และองค์ทางขวามือคือพระไภษัชยะคุรุพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าแห่งยา ในมือถือยาวิเศษ หรือเจดีย์บรรจุยา หากไหว้แล้วโรคภัยจะไม่เบียดเบียน ในคติไทยคือพระกริ่งนั่นเอง จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:09:28

ความคิดเห็นที่ 16 พระอรหันต์ 18 องค์ในอิริยาบถต่างๆ กัน พระอรหันต์ทั้ง 18 องค์นั้นก็ทำจากกระดาษเปเปอร์มาเช่ ซึ่งมีเพียงสองที่ในไทย จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:11:33

ความคิดเห็นที่ 17 สำหรับที่นี่ ยังมี baby buddha ซึ่งพ่อแม่มักจะมาขอพรให้ลูกมีสุขภาพแข็งแรง สติปัญญาดี เมื่อสมหวังจะนำ เอี๊ยมแดง มาถวาย จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:15:55

ความคิดเห็นที่ 18 วัดต่อมา คือวัดกุศลสมาคร วัดนี่ผมชอบเป็นการส่วนตัวครับ เพราะไม่วุ่นวาย สงบ ที่นี่จะมีองค์พระศากยมุนี ที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้มาขอพร มักแก้บนด้วยการกวาดพื้น และล้างห้องน้ำวัด นอกจากนี้ที่วัดยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมประทับยืนบนปลาที่เก่าแก่ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:27:46

ความคิดเห็นที่ 19 อนุโมทนาด้วยค่ะ ภาพชัดมากกกเลยยย สวยกว่าพี่ถ่ายอีกนะจ๊ะ ขอให้มีสุขภาพดี แข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่จน เฮงๆๆๆ จากคุณ : ไข่หวานน้อย เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:34:47

ความคิดเห็นที่ 20 ต่อมาคือ วัดทิพยวารี ที่บ้านหม้อ เหตุที่ให้ชื่อวัดเป็นเช่นนี้เพราะที่วัดนี้มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์หรือบ่อน้ำทิพย์อยู่นั่นเอง วัดนี้มีเทพมังกรเขียว(หรือแชเล้งเอี้ย)เป็นหนึ่งในเทพที่มีคนมาสักการะมากที่สุดในวัดทิพยวารีวิหาร ท่านเป็นเทพมังกรผู้รักษาบ่อน้ำทิพย์ประจำวัด แต่โบราณกาลชาวจีนเชื่อกันว่าเทพมังกรเป็นเทพารักษ์ประจำแหล่งน้ำทุกแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบ่อน้ำ แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบ หรือมหาสมุทร  วัดแห่งนี้เป็นที่คนจีนแต้จิ๋วนับถือกันมากที่สุดแห่งหนึ่งเป็นที่เคารพสักการะในหมู่ชาวจีนในประเทศไทยมาช้านานเนื่องเพราะความศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ท่านจะอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาได้ผลสมตามความมุ่งมาดปรารถนา นอกจากนี้ที่วัดนี้เหมือน one stop service เพราะที่นี่จะมีตารางบอกว่า ท่านที่เกิดปีไหนต้องไหว้เจ้าเสริมดวงองค์ใดในแต่ละปี เรียกว่ามาที่เดียวครบวงจร และที่นี่ยังมีเทพฮั่วฮะ เทพแห่งการปรองดองคู่รักไม่ให้ทะเลาะวิวาท แชเล้งเอี้ย แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 20:10:36 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:39:47

ความคิดเห็นที่ 21    ที่ต่อมาคือที่มูลนิธีเทียนฟ้า ซึ่งเป็นมูลนิธิแห่งแรกของประเทศไทย โดยการรวมตัวของชาวจีนกลุ่ม 5 ภาษา ร่วมกันก่อตั้งขึ้นเพื่อสงเคราะห์ผู้ป่วยที่ยากไร้ ให้ได้รับการรักษาพยาบาล มีทั้งการรักษาแบบแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนปัจจุบัน     ที่นี่ยังเป็นที่ประดิษฐาน "เจ้าแม่กวนอิม" ที่อัญเชิญมาจากประเทศจีนตั้งแต่ พ.ศ. 2501 องค์เจ้าแม่กวนอิมเป็นไม้แกะสลัก ศิลปะแบบราชวงศ์ถัง ปางประทานพร แกะสลักจากไม้เนื้อหอมลงรักปิดทอง เศียรมีรูปพระโพธิสัตว์ มื้อชี้หมายถึง การแผ่เมตตา 3 ภพ คือ สวรรค์ โลกมนุษย์ และใต้พิภพ สวมเครื่องทรงสไตล์อินเดีย และมีรูปร่างกำยำล่ำสัน     ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นที่เคารพสักการะและศรัทธาเชื่อถือกันอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับญาติของผู้ป่วย ที่มีมักจะมาอธิษฐานต่อเจ้าแม่กวนอิมให้หายจากอาการป่วยไข้ และขอให้มีสุขภาพแข็งแรง ในทุกๆเทศกาลตรุษจีน สมเด็จพระเทพ จะทรงมาบูชาองค์เจ้าแม่เป็นประจำ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:47:32 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:44:33 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:44:09

ความคิดเห็นที่ 22 ศาลต่อมาคือ "ศาลเจ้ากวนอู" อายุกว่า 130 ปี ตั้งอยู่ในตลาดเก่า ภายในประดิษฐานเจ้าพ่อกวนอูพร้อมบริวารได้แก่ ฮวงเห็ง และชิวชางกง และรูปปั้นม้าเช็กเทา เทพพาหนะของท่าน โดยกวนอูถือเป็นเทพเจ้าแห่งคุณธรรม และความซื่อสัตย์ ผู้คนที่มาไหว้มักจะขอพรในเรื่องของหน้าที่การงาน เชื่อว่าจะได้เป็นเจ้าคนนายคนและมีลูกน้องบริวารที่ดี นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่าถ้ากราบไหว้ท่านแล้วจาทำให้เป็นที่เคารพยำเกรงของเหล่าบริวาร ขอให้แคล้วคลาดไม่เพลี่ยงพล้ำต่อฝ่ายตรงข้าม แต่ต้องประพฤติตัวอยู่ในฟามซื่อสัตย์ ส่วนใครที่มี ลูกดื้อ สามีพยศให้ไปขอพรจากเจ้าพ่อม้า แล้วนำผ้าแดงไปผูก จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:52:28

ความคิดเห็นที่ 23 ศาลต่อมาเอาใจคู่รักครับ เป็นศาลเจ้าในตรอกเล็กๆ บริเวณตลาดเก่าก็คือ "ศาลเจ้าแม่ประดู่"อายุเก่าแก่กว่า 170 ปี เหตุที่ชื่อเจ้าแม่ประดู่ก็เพราะองค์เจ้าแม่ทับทิมทำจากไม้ประดู่ โดยผู้คนที่มาจะนิยมขอเรื่องความรัก ซึ่งในปีนี้วันตรุษจีนตรงกับวันแห่งความรักพอดี ขอแนะนำว่าให้ไหว้เจ้าพร้อมขอพรเรื่องความรักไปในตัวก็ดีไม่น้อย แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:55:54 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:55:17

ความคิดเห็นที่ 24 เดินลัดเลาะต่อไปเป็นสถานที่ตั้งของ "ศาลเจ้าเซี้ยอึ้งกง" หรือศาลเจ้าพ่อหลักเมือง อายุ 200 กว่าปี ภายในศาลเป็นที่ประดิษฐานของเทพเซี้ยอึ้งกง เทวดาที่คอยปกปักษ์รักษาคุ้มครองชาวจีนในย่านนี้ให้อยู่ร่มเย็นเป็นสุข ซึ่งถึงจะหายาก แต่ก็มีคนนับถือกันมากมาย เจ้าพ่อหลักเมือง (เซี้ยอึ้งกง) แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 19:58:52 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 19:58:22

ความคิดเห็นที่ 25 ต่อมาคือศาลเจ้าแม่กวนอิมฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย (อาเนี้ยเก็ง)ซึ่งเป็นที่ตั้งของ "เจ้าแม่กวนอิมฉื่อปุยเนี่ยเนี้ย" ปางประทานพรนั่งดอกบัว เป็นปางจุติของการนั่งสมาธิ      จุดเด่นของที่นี่คือ กระถางธูปตั้งกลับทิศเข้าสู่ศาล ขณะที่ศาลอื่นกระถางธูปหันหน้าออกศาล เนื่องจากความศรัทธาจากความเชื่อเดิมเล่าต่อมาว่า เกิดเพลิงไหม้บ่อยแถวสำเพ็ง เยาวราช ทุกครั้งเมื่อมาถึงข้างหลังศาล ไฟที่ไหม้แรงเกิดดับไป จึงเชื่อกันว่าองค์เจ้าแม่ช่วยปัดเป่าไม่ให้เข้ามา กลับทิศกระถางจึงเกิดอัคคีภัยน้อยลง ซึ่งการมากราบไหว้เจ้าแม่กวนอิมที่นี่ก็เพื่อขอพรปัดเป่าสิ่งอัปมงคลให้หมดไป จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:04:12

ความคิดเห็นที่ 26 "ศาลเจ้าโจวซือกง" ศาลเจ้าที่สงบริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านตลาดน้อย ซ.วานิช 2 ซึ่งถือเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดในย่านนี้ สร้างขึ้นประมาณ พ.ศ.2347 ลักษณะทางสถาปัตยกรรมของศาลเจ้าแห่งนี้ เป็นแบบปลายราชวงศ์ชิง ถึงแม้จะมีการซ่อมแซมหลายครั้งแต่ก็คงแบบอย่างเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม หลังคาศาลเจ้าเป็นแบบซานเหมินติ่ง บริเวณบนสุดบนสันหลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้ว และหงส์คู่ชูดอกโบตั๋น ลวดลายประดับประดาต่างๆก็ล้วนแต่มีความสวยงาม         ภายในเป็นที่ประดิษฐานของพระเฉ่งจุ๊ยจ้อซือ เทพเจ้าองค์สำคัญของชาวจีนฮกเกี้ยน และเป็นเทพแห่งหมอยาด้วย รูปปั้นของเทพเจ้าองค์นี้มีลักษณะะมีลักษณะสีดำทั้งองค์ ผู้คนนิยมมาไหว้ท่านเพราะมีความเชื่อกันว่าถ้าได้มาไหว้เทพองค์นี้แล้วจะหายจากโรคภัยไข้เจ็บ ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:07:44

ความคิดเห็นที่ 27 36 เทพเจ้าที่ศาลเจ้าโจวซือกง จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:08:29

ความคิดเห็นที่ 28 ศาลเจ้าเล่าปูนเถ่ากง     ปูนเถ่ากงในภาษาแต้จิ๋วนั้นหมายถึง “ชุมชนดั้งเดิม” ดังนั้นเล่าปูนเถ้ากงจึงหมายถึง “เทพเจ้าที่คุ้มครองรักษาชุมชนดั้งเดิม หรือก็คือเจ้าที่ของท้องถิ่นนั้นๆ นั่นเอง" ลักษณะของศาลเจ้าเล่าปูนเถ่ากง เป็นสถาปัตยกรรมสกุลช่างแต้จิ๋ว แบบ ซี่เตี้ยมกิม (สี่ตำแหน่งทอง) หลักฐานตามจารึกบนระฆังชี้ว่า ศาลนี้เริ่มมีขึ้นตั้งแต่รัชสมัยพระเจ้าเต้ากวง ปีที่ 4 แห่งราชวงศ์ชิง หรือราว พ.ศ.2367 ตั้งอยู่ด้านหน้าซ้ายมือของศาลปัจจุบัน    ศาลเจ้าเล่าปูนเถ่ากงในปัจจุบันเป็นศาลสร้างใหม่ จากบันทึกเรื่องราวการบูรณะศาลเจ้าระบุว่า ศาลแห่งนี้เป็นศาลที่ชาวจีนแต้จิ๋วในประเทศไทยซึ่งมีความศรัทธาอย่างแรงกล้า สร้างขึ้นใหม่เมื่อปี พ.ศ.2460 ด้วยเงินบริจาคจากคณะกรรมการหลายท่านและจากผู้มีจิตศรัทธากว่า 36,000 บาท ใช้เวลา 28 ปีจึงแล้วเสร็จ     เทพประธานของศาลแห่งนี้ คือ เทพปูนเถ่ากง ตามความเชื่อโบราณเชื่อว่า แต่ละท้องที่มีเทพประจำ ชาวแต้จิ๋วเรียกโดยทั่วไปว่า “ตี่เถ่าเล่าเอี๊ย” หรือ “เทพผู้เป็นใหญ่ ณ ที่นั้น” ไม่ว่าชาวจีนจะอพยพไปอยู่ที่ใดก็ยังยึดมั่นความเชื่อนี้อยู่ จึงได้แกะสลักรูปเคารพของเทพตี่เถ่าเล่าเอี๊ยจากไม้ขึ้นมาเพื่อเคารพบูชา ภายหลังเรียกอย่างง่ายๆ ว่า “ปูนเถ่ากง " คนที่มาไหว้ ส่วนมากขอในเรื่องทั่วๆ ไป ไม่ได้เฉพาะเจาะจง ส่วนมากจะขอให้ท่านคุ้มครอง สุขภาพดี งานการค้ารุ่งเรือง แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 53 20:17:39 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 20:17:00

ความคิดเห็นที่ 29 ตรุษจีนปีนี้ ขอให้เพื่อนๆพี่ทุกคนมีความสุขสมหวัง บ่วงสื่อหยู่อี่ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 22:31:00

ความคิดเห็นที่ 30 เป็นกระทู้ที่ครบครันมากค่ะ ชอบรูปสวยมากๆ จากคุณ : กก (เวลากิ้งกือ) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:47:28

ความคิดเห็นที่ 31 ขอบคุณครับ แต่บางรูปก็ได้มาจากเวบนะครับ รูปที่สีสดๆ จะถ่ายเองครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 53 23:59:18

ความคิดเห็นที่ 32 กลุ่มเป็ด นี่ ขยันไปทำบุญกันจิงๆ  ดีๆๆ จากคุณ : จักรพรรดิสัมมาทิฐิ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 00:14:07

ความคิดเห็นที่ 33 ขอชื่นชมกับ การบรรยาย และภาพงามๆ ของกลุ่มเป็ดด้วยครับ วันก่อน ได้ฟังพระท่านพูดเรื่องเทพเจ้าของจิน ท่านบอกว่า เทพเจ้าของจีน คนนับถือด้วย คุณ ธรรมของท่าน คือท่านมีความดี และคนนับถือ จะขอพรบ้าง เลื่อมใสในความดีบ้าง แต่คนไม่ได้กลัวท่าน ไม่กลัวท่านลงโทษ ไม่กลัวท่านทำร้าย ขอแต่สิริมงคลจากท่านอย่างเดียว การนับถือบุชา คนดี และทำความดีตาม น่าจะเป็นมงคลอย่างยิ่งครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 03:01:44

ความคิดเห็นที่ 34 ไหว้เจ้า แล้ว หาของกินกันครับ จากคุณ : view2306 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 09:52:20

ความคิดเห็นที่ 35 เห็นด้วยกับพี่จักรแก้วครับ ตอนเด็กๆก็จะตามอากงไปศาลเจ้าแล้วก็ไม่รู้อะไร ไหว้ตามผู้ใหญ่ ต่อมาเริ่มมีคำถามว่าเราไหว้อะไรอยู่ เค้าทำอะไรทำไมถึงมีคนกราบไหว้ เลยเริ่มศึกษาประวัติเทพเจ้า เลยรู้ว่าเทพแต่ละองค์ บางองค์เป็นบุคคลที่มีตัวตนในประวัติศาสตร์ บางองค์มาจากตำนาน แต่ที่เหมือนกันคือคุณความดีที่พวกท่านสร้าง ทำให้ได้ถูกเชิดชูเคารพบูชา และเป็นแบบอย่างให้เราทำความดี ไม่ย่อท้อต่อความลำบาก สักวันผลกรรมดีก็จะมาหาเรา จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 10:13:18

ความคิดเห็นที่ 36 ขอบคุณครับ :) จากคุณ : จิตเซน หรือมหายาน (JitZungkabuai) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 18:34:38

ความคิดเห็นที่ 37 น้องๆตระกูลเป็ดน่ารักมากหลายจริงๆ ขอให้เจริญๆ ซินนี้เพงอัง ฮวกใช้ตั๋วทั่งค่ะ จากคุณ : ยายลิซ (momand lis) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 22:09:47

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบารมีแห่งองค์พระไภษัชยคุรุไวฑูรย์ประภาสตถาคต โปรดช่วยคุ้มครองให้ทุกคนมีสุขภาพร่างกาย แข็งแรงสมบูรณ์ ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 53 23:37:41

ความคิดเห็นที่ 39 อนุโมทนาบุญด้วยนะคะ ตระกูลเป็ด จากคุณ : ไข่หวานน้อย เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 53 15:26:27