 |
ความคิดเห็นที่ 17 |
|
พระพุทธเจ้าสอนภิกษุให้มี "ฌาน๑,๒,๓,๔" เป็นธรรมเครื่องอยู่อาศัย (วิหารธรรม)
บางพระสูตรบอกให้อยู่ใน "ฌาน ๔" ทั้งกลางวัน-กลางคืน
ภิกษุที่ทำหน้าที่สำคัญๆ เช่น เป็นเถระ เป็นเจ้าอาวาส เป็นอาจารย์ฯลฯ
ต้องได้ "ฌาน ๔"โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ได้ตามใจปรารถนา ฯลฯด้วย นอกเหนือจากคุณสมบัติอื่นๆ
ภิกษุที่ได้ "ปฐมฌาน"เพียงแค่อึดใจเดียว
พระพุทธเจ้าก็กล่าวว่า มีชีวิตที่ไม่สูญเปล่า
เป็นผู้ปฎืบัติตามพุทธโอวาส
ยังมีอภิณหปัจจเวกขณ์ ๑๐ ในข้อที่ ๑๐
"...บรรพชิตพึงพิจารณาเนืองๆว่า ญาณทัสนะวิเศษอันสามารถกำจัดกิเลส เป็นอริยะ คือ อุตริมนุสธรรม
อันเราได้บรรลุแล้วมีอยู่หรือหนอ
ที่เป็นเหตุให้เราผู้อันเพื่อนพรหมจรรย์ถามแล้ว จักไม่เป็นผู้เก้อเขินในกาลภายหลัง.."
ก่อนได้ "ฌาน" จิตต้องปราศจาก "นิวรณ์ ๕"
เครื่องกางกั้นไม่ให้บรรลุธรรมขั้นสูง =กำจัดกิเลสไปได้ชั่วขณะแล้ว
อานิสงส์ของ "ฌาน ๑,๒,๓,๔"
ถูกกล่าวถึงควบคู่ไปกับการแสดงหนทางไปสู่โลกุตตรธรรม
เปรียบเสมือน คนที่จะข้ามแม่น้ำใหญ่ไหลเชี่ยว
มีจระเข้ สัตว์อันตรายมากมายในน้ำ
ถ้ามีเรือลำใหญ่-แข็งแรง
จะทำให้ข้ามแม่น้ำได้ง่ายกว่า-เร็วกว่า-ปลอดภัยกว่า-สบายกว่าหรือไม่?
หรือถ้าจะเปรียบกับเจ้าหน้าที่ใน ๓ จังหวัดชายแดนใต้
ก็เหมือนมีเสื้อเกราะกันกระสุน มีอาวุธ
ดีกว่า / จำเป็น (เลือกเอา)
ในพระไตรปิฎก จะพูดถึง อุบาสก-อุบาสิกาที่เป็นอนาคามี
ว่าได้ "ฌาน ๔"โดยไม่ยาก ไม่ลำบาก ได้ตามใจปรารถนา
" ฌาน ๔ " อยู่ใน "สมาธิมรรค" เป็น ๑ ในนิโรธมรรค
ขอให้ทบทวนให้ดี
คิดผิด-พิมพ์พลาด
" แก้ไข" ได้นะครับ
จากคุณ |
:
อวิชฺชาภิกขุ (marnito2)
|
เขียนเมื่อ |
:
26 ก.พ. 53 10:46:11
|
|
|
|
 |