 |
ความคิดเห็นที่ 18 |
อานาปานสติสูตร
อานาปานะสะติ ภิกขะเว, ภาวิตา พะหุลีกะตา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว,
มะหัปผะลา โหติ มะหานิสังสา . ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่,
อานาปานะสะติ ภิกขะเว, ภาวิตา พะหุลีกะตา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว,
จัตตาโร สะติปัฏฐาเน ปะริปูเรนติ,.. . ย่อมทำสติปัฏฐานทั้ง ๔ ให้บริบูรณ์,
จัตตาโร สะติปัฏฐานา ภาวิตา พะหุลีกะตา, สติปัฏฐานทั้ง ๔ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว,
สัตตะโพชฌังเค ปะริปูเรนติ,.......... ย่อมทำโพชฌงค์ทั้ง ๗ ให้บริบูรณ์,
สัตตะโพ ชฌังคา ภาวิตา พะหุลีกะตา, โพชฌงค์ทั้ง ๗ อันบุคคลเจริญทำให้มากแล้ว,
วิชชา วิมุตติง ปะริปูเรนติ, ย่อมทำวิชชาและวิมุตติให้บริบูรณ์,
กะถัง ภาวิตา จะ ภิกขะเว, อานาปานะสะติ กะถัง พะหุลีกะตา, ดูก่อนภิกษุทั้ง หลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญทำให้มากแล้วอย่างไรเล่า?
มะหัปผะลา โหติ มะหานิสังสา,....... จึงมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่,
อิธะ ภิกขะเว ภิกขุ,...................... .ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, ภิกษุในธรรมวินัยนี้,
อะ รัญญะคะโต วา,...................... .ไปแล้วสู่ป่าก็ตาม,
รุกขะมูละ คะโต วา,...................... ไปแล้วสู่โคนไม้ก็ตาม,
สุญญาคาระคะโต วา,................... ไปแล้วสู่เรือนว่างก็ตาม,
นิสีทะติ ปัลลังกัง อาภุชิต๎วา,.......... นั่งคู้ขาเข้ามาโดยรอบแล้ว,
อุชุง กายัง ปะณิธายะ ปะริมุขัง สะติง อุปัฏฐะเปต๎วา, ตั้งกายตรง ดำรงสติมั่นบริเวณปากทางเข้าออกแล้ว,
โส สะโต วะ อัสสะสะติ, สะโต ปัสสะสะติ, เป็นผู้ มีสติอยู่นั่นเทียว หายใจเข้า มีสติอยู่ หายใจออก,
(๑) ทีฆัง วา อัสสะสันโต ทีฆัง อัสสะปัสสะสามีติ ปะชานาติ, เมื่อหายใจเข้ายาว, ออกยาว เธอก็รู้ชัดว่า หายใจเข้ายาว ออกยาว,
(๒) รัสสัง วา อัสสะสันโต รัสสัง อัสสะปัสสะสามีติ ปะชานาติ, เมื่อหายใจเข้าสั้น, ออกสั้น เธอก็รู้ชัดว่า หายใจเข้าสั้น ออกสั้น,
(๓) สัพพะกายะปะฏิสังเวที อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราจักรู้ทั่วกาย (กองลม) ทั้งหมดจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๔) ปัสสัมภะยัง กายะสังขารัง อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษา ว่า, เราเป็นผู้ทำกายสังขารให้ระงับอยู่,จักหายใจเข้า หายใจออก,
............... (จบจตุกกะที่ ๑ กายานุปัสสนา)
(๕) ปีติปะฏิสังเวที อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งปีติจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๖) สุขะปะฏิสังเวที อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งสุขจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๗) จิตตะสังขาระปะฏิสังเวที อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษา ว่า, เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตตะสังขารจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๘) ปัสสัมภะยัง จิตตะสังขารัง อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึง ศึกษาว่า, เราเป็นผู้ทำจิตตะสังขารให้ระงับอยู่จักหายใจเข้า หายใจออก,
............... (จบจตุกกะที่ ๒ เวทนานุปัสสนา)
(๙) จิตตะปะฏิสังเวที อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้รู้พร้อมเฉพาะซึ่งจิตจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๑๐) อะภิปปะโมทะยัง จิตตัง อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า , เราเป็นผู้ทำจิตให้ปราโมทย์ยิ่งอยู่จักหายใจเข้า หายใจออก,
(๑๑) สะมาทะหัง จิตตัง อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ทำจิตให้ตั้งมั่นอยู่จักหายใจเข้า หายใจออก,
(๑๒) วิโมจะยัง จิตตัง อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ทำจิตให้ปล่อยอยู่จักหายใจเข้า หายใจออก,
............... (จบจตุกกะที่ ๓ จิตตานุปัสสนา)
(๑๓) อะนิจจานุปัสสี อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ตามเห็นซึ่งความไม่เที่ยงอยู่เป็นประจำจักหายใจเข้า หายใจออก,
(๑๔) วิราคานุปัสสี อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอ พึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ตามเห็นซึ่งความจางคลายอยู่เป็นประจำจักหายใจ เข้า หายใจออก,
(๑๕) นิโรธานุปัสสี อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอ พึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ตามเห็นซึ่งความดับไม่เหลืออยู่เป็นประจำจัก หายใจเข้า หายใจออก,
(๑๖) ปะฏินิสสัคคานุปัสสี อัสสะปัสสะสิสสามีติ สิกขะติ, เธอพึงศึกษาว่า, เราเป็นผู้ตามเห็นซึ่งความสลัดคืนอยู่เป็นประจำจักหายใจเข้า หายใจออก,
............... (จบจตุกกะที่ ๔ ธัมมานุปัสสนา)
เอวัง ภาวิตา โข ภิกขะเว, อานาปานะสะติ เอวัง พะหุลีกะตา, ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย, อานาปานสติอันบุคคลเจริญแล้วทำให้มากแล้ว อย่างนี้แล,
มะหัปผะลา โหติ มะหานิสังสา,.. .. ย่อมมีผลใหญ่ มีอานิสงส์ใหญ่,
อิ ติ,..................................... .... ด้วยประการฉะนี้แล.
| จากคุณ |
:
aero.1
|
| เขียนเมื่อ |
:
3 มิ.ย. 53 04:01:57
|
|
|
|
 |