|
ความคิดเห็นที่ 16 |
ท่านพุทธทาส เคยถูกกล่าวหาว่าเป็น สัสสตทิฏฐิด้วยนะ : ) ----------------------------------------------
จากบทที่6 หน้า244-245 ของหนังสือ พุทธทาส วจนา พิมพ์ครั้งแรก 2539 โดยกองบรรณาธิการหนังสือดอกโมกข์ จัดจำหน่ายโดยสายส่งสุขภาพใจ
ปรัศนีย์ : เขาว่าใต้เท้าสอนว่า จิตยืนโรงอยู่ตลอดเวลา
พุทธทาส : ก็นับตั้งแต่เบื้องต้นของวัฏฏสงสาร ของคนหนึ่งๆ โดยสมมติ เรื่อยไปจะเป็นกี่กัปป์กี่กัลป์ก็ตาม. จนกระทั่งเขาลุถึงนิพพานดับ จิตดวงสุดท้ายแล้ว อะไรเล่าที่ไม่ใช่จิต ที่ยืนโรงอยู่ตลอดเวลา นั้นๆ.
แต่พุทธศาสนาสอนเราโดยมิให้จิตนั้นโดยความเป็นตัวตนหรือ ผู้กระทำกิจนั้นๆ ท่านจึงกล่าวว่า การลุถึงนิพพานมีได้ โดยไม่ มีตัวผู้บรรลุ คือมีแต่จิตซึ่งไม่ควรยึดถือว่าเป็นตัวตนหรือเป็นผู้ กระทำนั่นเอง. ทั้งที่มันยืนโรงอยู่ตลอดเวลาทุกข์ก็จิต สุขก็จิต ไม่ ทุกข์ไม่สุขก็จิต ตายก็จิต เกิดก็จิต ตั้งอยู่ก็จิต ฯลฯ อาตมาจึงกล่าว ว่า จิตเป็นผู้ยืนโรงอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่มันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็ตาม, แม้ว่าความจริงจิตคือสิ่งที่เกิดดับอยู่อย่างถี่ยิบ (ดังที่อาตมา เคยอธิบายไว้ในหนังสือ พุทธสาสนา ปี พ.ศ.๒๔๘๑ เล่ม ๔ หน้า ๒๗๕ - ๓๐๘) เมื่อสมมติให้มีวัฏฏสงสารกันแล้วก็ต้องสมมติจิต ให้เป็นผู้ยืนโรงอยู่ตลอดวัฏฏสงสารสายนั้น กว่ามันจะขาดลงไป.
การที่เราไม่เรียกลักษณะเช่นนี้ว่าเที่ยง ก็เพราะมันเปลี่ยน แปลงเสมอ การที่จะมากะเกณฑ์ให้อาตมาพร่ำบอกเพื่อนมนุษย์ ด้วยกันอย่างนี้ มาตั้งยี่สิบปีแล้ว เป็นคนมีสัสสติทิฏฐิไปนั้น จะ ทำได้ก็แต่ผู้ที่มีความจำเป็นอย่างใดอย่างหนึ่งบังคับ เท่านั้นเอง กระมัง?
จากคุณ |
:
ปล่อย
|
เขียนเมื่อ |
:
9 ก.ค. 53 21:51:20
|
|
|
|
|