ความคิดเห็นที่ 1 ประเด็นที่สอง คือ ผู้ป่วยใกล้เสียชีวิตเหล่านั้น คิดเสียใจว่าในอดีตจะไม่ได้ทำงานหนักเหมือนที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้ มักจะเกิดขึ้นกับผู้ป่วยชายเกือบทุกคนเลยครับ คุณผู้ชายเหล่านี้มักจะเสียใจว่าในอดีตที่ผ่านมา ไม่ค่อยได้มีเวลาในการดูแลลูกๆ ของตนเท่าที่ควร รวมทั้งไม่ได้อยู่เป็นคู่ทุกข์คู่ยากภรรยาเท่าที่ควร ผู้ป่วยที่เป็นชายเกือบทุกคนจะรู้สึกเสียดายว่าในอดีตใช้ และให้เวลากับงานมากเกินไป ข้อสังเกตนี้ก็น่าคิดนะครับ ว่าในปัจจุบันเราให้ความสำคัญกับการทำงานมากเกินไปหรือไม่ เราต้องการแสวงหารายได้ ชื่อเสียง เกียรติยศมากเกินไปหรือไม่ สุดท้ายเมื่อเราใกล้ตายเราจะสำนึกเสียใจว่าเราได้พลาดโอกาสดีๆ ในชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับมาหรือไม่ การมีรายได้ที่พอเพียงอาจจะเป็นทางออกสำหรับทุกท่านนะครับ อีกทั้งการมีที่ว่างในตารางเวลาและชีวิต ที่ไม่ใช่เรื่องของการทำงานเพียงอย่างเดียว จะทำให้เรามีความสุขขึ้น และเมื่อเราใกล้เสียชีวิต จะไม่มานั่งย้อนนึกเสียใจในสิ่งที่เราพลาดไป แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 15:55:12 แก้ไขเมื่อ 09 ก.ย. 53 15:52:36 จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 15:50:58

ความคิดเห็นที่ 2 ประเด็นที่สาม คือ ผู้ป่วยอยากจะกล้าที่จะแสดงอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตน เนื่องจากคนจำนวนมากจะปิดกั้นอารมณ์และความรู้สึกที่แท้จริงของตน เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบและสันติ ทำให้สุดท้ายแต่ละคนรู้สึกว่าอารมณ์ของตนเองถูกเก็บกด และไม่สามารถเป็นตัวตนที่แท้จริง ประเด็นที่สี่ คือ ผู้ป่วยที่ใกล้เสียชีวิตนั้น มักจะเสียใจที่ไม่ได้ติดต่อเพื่อนฝูงเก่าๆ เนื่องจากเรามักจะไม่ค่อยเห็นถึงคุณค่าของเพื่อนเก่าๆ จนกระทั่งใกล้เสียชีวิต คนจำนวนมากจะมัวแต่ยุ่งและวุ่นวายกับชีวิตประจำวัน จนละเลยต่อความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนฝูง ทำให้เรามักจะไม่ค่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงต่างๆ จนกระทั่งใกล้จะเสียชีวิต ก็จะเริ่มนึกถึงเพื่อนฝูงขึ้นมา ดูเหมือนว่าเมื่อคนใกล้จะเสียชีวิต เกียรติยศ เงินทอง หรือสถานะทางสังคมต่างๆ กลับดูไปจะด้อยหรือไร้ความหมายนะครับ สุดท้ายดูเหมือนว่า เรื่องของความรัก ความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลจะกลายเป็นสิ่งที่ผู้ป่วยที่กำลังใกล้ตายนึกถึง จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 15:53:36

ความคิดเห็นที่ 3 ประเด็นสุดท้าย ซึ่งค่อนข้างน่าแปลกใจ คือ ผู้ป่วยเหล่านี้กลับสำนึกเสียใจว่าไม่ได้ทำให้ชีวิตที่ผ่านมาของตนเองมีความสุขเท่าที่ควร ผู้ป่วยหลายคนจะไม่เคยนึกถึงมาก่อนนะครับว่าตนเองสามารถที่จะเลือกที่จะทำให้ชีวิตมีความสุขได้ คนจำนวนมากเลือกที่จะอยู่และปฏิบัติในสิ่งที่คุ้นเคย ความกลัวต่อการเปลี่ยนแปลง ทำให้คนเรามักจะหลอกตนเองว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นมีความสุข ซึ่งจริงๆ แล้วกลับไม่ใช่ ท่านผู้อ่านจะเห็นได้นะครับว่าเมื่อคนเราใกล้จะตายนั้น เรามักจะนึกย้อนกลับไปถึงอดีต และเริ่มสำนึกเสียใจในสิ่งที่ได้ทำหรือไม่ได้ทำมาในอดีต และเราจะพบว่าเมื่อเราใกล้ตายแล้ว เงินทอง ชื่อเสียง สถานะ เกียรติยศต่างๆ กลับไม่มีความหมาย สิ่งที่มีความหมายเมื่อใกล้ตาย คือ เรื่องของความรักและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ซึ่งหลายครั้งกลับกลายเป็นสิ่งที่เราละเลยหรือไม่สนใจในขณะที่เรามีชีวิตอยู่ นอกจากนี้ เมื่อใกล้ตาย คนเราจะพบว่าชีวิตในอดีตที่ผ่านมานั้นเรามีสิทธิที่จะเลือก แต่เราดันเลือกในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เรามีความสุข  หรือเลือกในสิ่งที่ทำให้เราต้องมาย้อนสำนึกเสียใจ เมื่อเราใกล้ตาย ดังนั้น ในขณะที่เรายังมีชีวิตอยู่และยังแข็งแรง เราจะต้องเลือกอย่างมีสติ เลือกอย่างฉลาด เลือกในสิ่งที่ถูก และเลือกในสิ่งที่ทำให้เรามีความสุขนะครับ จบค่ะ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 9 ก.ย. 53 15:54:33

ความคิดเห็นที่ 4 คงเพราะตายไปไม่ได้ใช้เงินแล้วเลยไม่ให้ความสำคัญ แต่ปฏิเสธไม่ได้หรอกค่ะว่าตอนยังไม่ตายเนี่ยเงินเป็นสิ่งจำเป็นมากขนาดไหน จากคุณ : เทพบุตรหมัดดาวหาง เขียนเมื่อ : 11 ก.ย. 53 12:30:20

ความคิดเห็นที่ 5 ขอบคุณค่ะ บทความดีมาก จากคุณ : bobby_bee เขียนเมื่อ : 12 ก.ย. 53 22:16:03

ความคิดเห็นที่ 6 บทความนี้ทำให้นึกถึงหนังสือ "โพธิสัตตวจรรยาวตาร" ของท่านศานติเทวะค่ะ ถ้าชอบแล้วจะหาอะไรที่ดีๆมาให้อ่านอีกค่ะ ขอบคุณ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 07:58:26

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพท่านศานติเทวะค่ะ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 08:09:11

ความคิดเห็นที่ 8 ปลื้มกระทู้นี้ จากคุณ : Hipeck เขียนเมื่อ : 13 ก.ย. 53 12:47:41

ความคิดเห็นที่ 9 มีเรื่องเล่าของชายชราสองคนที่แตกต่างกัน คนแรก เป็นผู้ชายที่รักครอบครัว มีภรรยาและลูกๆที่ดี ไม่มีบ้านเล็ก บ้านน้อย ทำงาน จนลูกๆเติบโต มีรายได้ที่ดี แต่ก็เป็นไปตามวัย สุขภาพเริ่มเสื่อมโทรม เป็นโรคยอดฮิต แบบ 4 โรคคลาสิก มีลูกเป็นคุณหมอ ทำหน้าที่ดูแลพ่อเป็นอย่างดี แต่ว่า พ่อก็ไม่ค่อยเชื่อลูกเท่าไร นี่เรื่องปกติเลยค่ะ ลูกบอกว่า ทานโน้นไม่ได้ ทานนี่ไม่ได้ คุณพ่อก้มักจะแอบบทานค่ะ ช่วงแรกๆก็เชื่อฟังดี แต่พอตอนหลังสุขภาพเริ่มเสื่อมไปตามสภาพ คุณพ่อก็เลยขอทานอะไรอร่อยๆ ตามที่ตนเองชอบ โดยที่คุณลูกๆ ตอนนี้ก็ไม่ว่าอะไร บ้านนี้คุณแม่เป็นคริสช่วงหลัง ทำให้คุณพ่อก็เป็นคริสตามแม่ และเป็นพุทธตามใจลูก คุณลูกก็สอนสวดมนต์คาถาหัวใจพระไภษัช แต่ว่าคุณพ่อคุ้นเคยกับพระแม่มาเรียมากกว่า เพราะรู้จักมาทั้งชีวิตและก็ไม่ได้แตกต่างกันระหว่างพระแม่มาเรียกับเจ้าแม่กวนอิม  ลมหายใจสุดท้าย คุณพ่อ บอกว่า แสงสว่างของพระแม่มาเรีย มารับ แล้วจากไปอย่างสงบ ส่วนคุณพ่ออีกคน ใช้ชีวิตแบบ เฮ้อ ไปมีเมียน้อย เมื่อสังขารไม่ไหวจึงกลับบ้าน เมื่อกลับมาก็ไม่สบายด้วย 4 โรคคลาสิก เป็นอัฒฤกต ตอนที่เป็นนั้น กลัวตายมาก คิดว่าจะไม่รอด รู้สึกสำนึกผิด ปลง คุณลูกและแม่ก็ให้อภัย เอาเงินให้ติดตัว ไว้ทำบุญ แต่พอหาย ก็เหมือนเดิม แต่พอถึงวาระสุดท้าย มีท่อสายยางเต็มไปหมด แตกต่างจากคุณพ่อคนแรกที่เล่ามาให้ฟังมากเลยค่ะ เฮอ.. นี่ล่ะชีวิต ปลงให้ตกก่อนตาย อย่าทำอะไรที่ต้องทำให้ตนเองมาเสียใจเมื่อจิตสุดท้ายจะออกจากร่าง จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 19:35:53

ความคิดเห็นที่ 10 คุณ พยัคฆ์น้อย เข้าใจเรื่อง-ระบบ พระโพธิสัต  ก็เขียนกระทู้ออกมาได้ดีครับ ในคห.9 คุณพยัคฆ์น้อย เปรียบเทียบให้เห็นถึง  ขาว กับ ดำ ก็แน่นอนครับ ว่าขาวต้องดีกว่าดำแน่นอน แต่ว่า...ชีวิตคนปกติ  จะไม่ขาวไม่ดำสิครับ จะออกสีเทาๆกันแทบทุกคน  เทามากเทาน้อยก็แล้วแต่ละคนต่างกันไป แล้วเวลาก่อนจะตาย  ...ใกล้จะตาย แต่ละคนที่มีระดับความเทาไม่เทากัน... ระดับสติปัญญา...อัตตาก็ไม่เท่ากัน ยังไงๆ...ก็จะคิดไม่เหมือนกันครับ นอกจากนี้ยัง... ตีความสิ่งที่ตนได้ทำมา...หรือยังไม่ได้ทำ...แตกต่างกันอีกครับ คนส่วนใหญ่ก็มักจะคิดเข้าข้างตัวเอง * ผมชอบระบบคิดของทางวัชรยาน  เรื่องความตาย และหลังความตาย อีกเรื่องที่ผมไม่เห็นด้วยกับหมอคือ หมอมักจะห้ามกินโน่น  ห้ามกินนี่ ให้อายุยืนยาว ผมสงสัยว่า...แล้วจะอายุยืนยาวไปทำไม นั่นก็ไม่ได้กิน...นี่ก็กินไม่ได้ แปลกดีครับ จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 20:05:52

ความคิดเห็นที่ 11 สวัสดีค่ะ คุณstarting_over บอกข่าวล่วงหน้า วันที่ 16 มกราคม2554 ตอนบ่ายที่ ทรงธรรมกัลยาณีอาราม นครปฐม วัดของพระภิกษุณี จะจัดให้มีพิธีมนตราภิเษกพระไภษัชคุรุพุทธเจ้าที่โบสถ์ของท่านค่ะ ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ท่านพกซกริมโปเช่ สังฆราชนิกายริโวเช่ นิงมาจะมาทำพิธีค่ะ ที่นี้ล่ะค่ะ นานๆจะมีแบบนี้ที ถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลง จะแจ้งข่าวให้ทราบเป็นระยะค่ะ จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 20:32:40

ความคิดเห็นที่ 12 ขอบคุณมากครับ ...สำหรับข่าว วัดนี้ผมเคยมีโอกาสไปมาครั้งหนึ่งครับ....ยังไม่มีโอกาสไปอีก ที่วัดนี้....จะมีแต่ผู้หญิงแทบทั้งวัด อย่างผม...ด้วยความที่เป็นผู้ชาย คนจะมองกันมาก...ยังกะผมเป็นตัวประหลาด ผมก็พูดคุยขอให้ทางพระภิกษุณีท่านหนึ่ง   พาไปที่วิหารของพระไภษัช ซึ่งอยู่ด้านหลัง....มองไม่เห็นจากถนน เข้าไปกราบท่าน ผมกล้าพูดได้ว่า....นี่คือองค์พระไภษัช  ที่สวยงามมากที่สุดในประเทศไทย สวยกว่าที่ วัดจีน  วัดญวณ  มากมายหลายเท่านัก และสีน้ำเงินนั้นถูกต้องที่สุดแล้ว เสียดายที่ว่า  จะมีคนได้เข้าไปกราบ  ไม่แพร่หลายนัก หลังจากที่ซื้อหนังสือจากสำนักงานมาตั้งใหญ่ (ป่านนี้ยังไม่ได้อ่าน) ผมถามพระภิกษุณีว่า  ทางวัดเคยทำพระบูชาพระไภษัชเหมือนในโบสถ์บ้างหรือไม่ ท่านบอกว่า  เคยมีรุ่นแรก  แต่แค่สร้างก็ไม่พอคนจองแล้ว เลยได้องค์ขนาดย่อมจากวัดมาแทนครับ ...ขอบคุณมากครับ...สำหรับข่าวครับ แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 22:31:31 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 22:29:18 แก้ไขเมื่อ 14 ก.ย. 53 22:05:11 จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 14 ก.ย. 53 22:03:28

ความคิดเห็นที่ 13 อ้อ ช่วงที่กำลังจะสร้างพระไภษัช ได้รับบริจาคจากผู้ศรัทธา ตอนนั้นก็ร่วมกันกับเพื่อนๆ แต่คนทั่วไปตอนแรกไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไรค่ะ ทางวัดก็มีเกณฑ์ ถ้าใครบริจาคมากเท่าไรจะมี รูปพระไภษัช องค์จำลองมอบให้ ซึ่งก็มีไม่มากนัก แต่พองานหล่อองค์เสร็จ มีโบสถ์ให้ท่านเรียบร้อย งานหล่อองค์จำลองขนาดเล็ก มีคนนอกวัดหรือนักเล่นพระเห็นก็เกิดอยากได้เป็นจำนวนมากน่ะค่ะ แต่ว่าทางวัดสร้างจำนวนจำกัด เฉพาะผู้บริจาค ไม่ได้จำหน่าย ก็เลยมีน้อย ทุกท่านที่ร่วมบริจาค จะจารชื่อใ่ส่ใบลานหรือหนังสือ ไปวางไว้หน้าองค์พระไภษัชและสวดมนต์ให้ ก่อนสร้างท่านโซนัมริมโปเชก็ได้มาทำพิธีให้ค่ะ ปกติจะปิดโบสถ์ เพราะทางวัดมีแต่ผู้หญิง คงจะกลัวขโมย  อีกอย่างทางวัดไม่เน้นวัตถุมงคล แต่เน้นให้ความรู้ผู้เข้าวัดและสอนสตรีที่เข้าวัดเรื่องธรรมะ มีการสอน โดยอ่านจากคัมภีร์ สอนเด็กๆ สตรี ค่ะ แก้ไขเมื่อ 15 ก.ย. 53 09:10:12 จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 15 ก.ย. 53 06:34:48

ความคิดเห็นที่ 14 คนนอกวัดหลายคน..ก็ไม่ทราบข้อมูล..ว่า วัดจะสร้างพระไภษัช..เป็นประธาน..ล่ะมังครับ จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 08:04:01

ความคิดเห็นที่ 15 * จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 08:05:11

ความคิดเห็นที่ 16 มาทราบอีกที ก็เป็นองค์แล้ว จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 08:06:32

ความคิดเห็นที่ 17 ข้อความนี้...ก็น่าจะเกี่ยวโยงกับหัวข้อกระทู้ได้บ้างครับ จากคุณ : starting_over เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 08:13:14

ความคิดเห็นที่ 18 เพราะพระไภษัช ท่านตั้งปณิธานไว้ว่า จะช่วยเหลือสรรพชีวิตให้แข็งแรงทางทางกายและใจ เมื่อท่องนามของท่าน ก่อนตายท่านสัญญาว่าจะมาปกป้องให้ไปเกิดที่ดี แต่จะดีได้นานขนาดไหนก็ขึ้นกับบุญ อันนี้พระลามะท่านว่าไว้งั้นค่ะ ให้จิตก่อนตายแว่บถึงท่านและกุศลจิตก่อนตาย จากคุณ : พยัคฆ์น้อย เขียนเมื่อ : 16 ก.ย. 53 08:49:27