ความคิดเห็นที่ 1 วัดนี้ เดิม มีวิหารที่สวยงาม มีพระยืนสององค์ ด้านหน้า คือหลวงพ่อสิน องค์เล็กกว่า อีกองค์ใหญ่กว่า อยู่ด้านหลังในมณฑปสูง ชื่อหลวงพ่อทรัพย์   ในภาพเป็นวิหารเดิมก่อนบูรณะ จะเห็นหลวงพ่อสิน มีวิหารที่สวยงาม แต่องค์หลวงพ่อมีโครงเหล็ก เพราะกันล้มเนื่องจากท่านจะล้มมาด้านหน้า จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:58:22

ความคิดเห็นที่ 2 นี้คือ แปลนที่ทางวัดได้งบมา จะทำ บูรณะ เพื่อให้เป็นแบบนี้ หลวงพ่อทรัพย์ จะอยู่ในมณฑปเดิมด้านหลัง ส่วนหลวงพ่อสิน ด้านหน้า  จะมีวิหาร สวยครอบ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 17 ก.ย. 53 23:59:35

ความคิดเห็นที่ 3 เดิม ด้านหน้าวิหารหลวงพ่อสิน ก็เป็นพื้นหินขัด ในภาพตอนนี้ มีการปูเสื่อทำพิธี บวงสรวง เพื่อที่จะบูรณะ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:00:30

ความคิดเห็นที่ 4 นี้คือวิหารหลวงพ่อสิน เดิม ในภาพ ไม่ใช่กำลังสร้าง แต่เป็นกำลังรื้อ เพื่อจะสร้างใหม่ตามแบบ ต้องรื้อหลังคาออกทุบวิหารเกือบหมด จากที่เห็น เดิมก็สวยงามดีภาพนี้ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:01:29

ความคิดเห็นที่ 5 มาเป็นภาพนี้ครับ ที่สำคัญคือเป็นอย่างนี้ มาสองสามปีแล้วไม่ได้คืบหน้า จากหลวงพ่อที่มีวิหารสวย เป็นแหว่งๆ โทรมๆ อย่างนี้นับปี ชาวบ้านท้องที่มาเห็นภาพนี้ มาชมวัด ได้ร้องไห้กันไปหลายคนแล้ว จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:02:40

ความคิดเห็นที่ 6 ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเมื่อขุดไปเจอกำแพง กรมศิลปจึงให้ขุดดูให้หมด ในภาพจะเห็นรอยขุดรอบไปหมดเลย จะเห็นคน ที่ยืนถ่ายภาพองค์พระด้วย จะได้เห็นขนาดองค์พระ ที่มีลูกศรแดง คือหลุมทั้งหมด แต่ทางวัดเอาไม้ปิดไว้ จะเห็นได้ว่า ขุดไปหมด จนรอบวิหาร รอบองค์พระเลย ทำให้อันตรายต่อดินถล่ม และวิหารพังอย่างมาก โดยเฉพาะหน้าฝนนี้ และถ้าน้ำท่วมเหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อน คงจะถล่มหมดไปแล้ว จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:03:38

ความคิดเห็นที่ 7 อีกภาพจากด้านหน้า เขานำไม้ปิดไว้ ตรงที่ไม้ปิดเป็นหลุมไปหมด จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:04:39

ความคิดเห็นที่ 8 พบแนวรั้วใต้ดินมากมาย ที่สำคัญคือ รั้วเหล่านี้ไม่แข็งแรงเลย จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:05:24

ความคิดเห็นที่ 9 ภาพนี้จะเห็นชัดว่า พระสินอยู่องค์หน้า ในวิหารแหว่ง พระทรัพย์อยู่ในมณฑป ด้านหลัง ข้างๆ  โดนขุดหมดแล้ว รอบสิ่งก่อสร้างทั้งสองเลย สิ่งก่อสร้างทั้งสอง เหมือนฟันสองซี่ บนเหงือกที่ร่นลงไปมาก จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:06:31

ความคิดเห็นที่ 10 หลังหลวงพ่อ ทรัพย์ เคยเป็นเจดีย์ หลวงพ่อได้พาไปชม จะเห็นแนวรั้วดิน เหมือนที่ขุดเจอเช่นกัน จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:07:15

ความคิดเห็นที่ 11 ปาฏิหารย์ได้เกิดตรงหน้าเรา  เมื่อเดินไป ตรงนี้ได้ถล่มลงมา ให้เห็นกับตาเลยว่า ที่แท้รั้วดินเหล่านี้ ไม่ได้มีปูนโบกประสานเลย และรั้วก็ตั้งอยู่บนดินธรรมดา ที่ถล่ม เพราะดิน ได้เปียกน้ำฝนนั่นเอง ทันทีที่ถล่ม พวกเราทุกคนตรงนั้นได้คิดเลยว่า ขนาดคนยืนยังถล่มได้ขนาดนี้ และโบสถ์วิหารสองหลังที่โดนขุดล้อมอย่างนี้ ไม่รู้จะถล่มได้เมื่อไรเช่นกันครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:08:05

ความคิดเห็นที่ 12 นี้คือแนวที่ถล่มไป จะเห็นว่าโครงสร้างอื่นๆ ที่เหลือก็อยู่บนดินธรรมดานี่เอง จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:08:47

ความคิดเห็นที่ 13 ในภาพ หลวงพ่อ พระนพดล เกษมธรรมโชติ ท่านได้ยืนชี้แนวทางให้ดู ท่านยืนชิดมณฑป หลวงพ่อ ทรัพย์ ทางขวามือของท่านคือวิหารแหว่ง ของหลวงพ่อสิน ภาพนี้แสดงให้เห็นว่า ทั้งสองก่อสร้างอยู่ชิดหลุมที่ขุดเพียงใด แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 11:57:58 จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:09:31

ความคิดเห็นที่ 14 ผมได้ปีนลงในดิน ได้เห็นภาพที่น่าตกใจ ทางซ้ายที่ลูกศรชี้คือ มณฑป หลวงพ่อทรัพย์ ส่วนคนก็ยืน อยู่บนหลุม ซึ่งเขาตีไม้ปิดไว้ คือบนที่เราคิดว่าเป็นดินรอบวิหาร มันชิดกันมาก และบางส่วนของหลุม ก็ทำท่าเซาะไปใต้วิหารด้วย ภาพนี้ผมคิดว่า มณฑปหลวงพ่อทรัพย์  มีความพร้อมจะถล่มลงมาได้ตลอดเวลา จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:10:29

ความคิดเห็นที่ 15 ผมจึงคิดว่า ทั้งสององค์พระ กำลังตกลงในอันตราย เพียงแค่สิบล้อวิ่งผ่าน หรือมีการตอกเสาเข็มใกล้ๆ พระยืนทั้งสององค์ จะพังลงมาแน่นอน ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ ก็เป็นบุญของเทวดาช่วยประคองกันเต็มที่แล้ว หลวงพ่อบอกเวลาฝนตก บางครั้งมีหลุมที่น้ำไหลวนลงไปเร็วมากที่ช่องแตกของซีเมนต์หน้าวิหาร ทางวัดก็ตกใจคิดว่า ตรงนั้นเป็นหลุมกลวง แต่เมื่อเปิดดูก็ไม่พบหลุมเลย ยังงงว่าน้ำหายไปทางรูไหน ผมได้บอกว่า พญานาคมาช่วยดูดไป ท่านว่า ท่านก็คิดทำนองนั้น แต่เราหวังพึ่งแต่เทวดาไม่ได้หรอก พระธาตุพนมยังล้มมาแล้วเลย เทวดาท่านก็คงช่วยเท่าที่ได้ นี้เป็นภาพที่ท่านเจ้าอาวาสอยากให้เห็น คือเมื่อมีวิหารที่งดงาม ก็ยังโชว์ แนวอิฐเก่า ทำนองให้รู้ว่า โบราณก็เป็นเช่นนี้ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:12:10

ความคิดเห็นที่ 16 นี้เป็นกุฏิท่าน ธรรมโชติ ในวัดโพธิเก้าต้น ค่ายบางระจัน ผมคิดว่า นี้คือสิ่งที่ ได้แสดงให้เห็นว่าโบราณเป็นอย่างไร บนพื้นฐานที่แข็งแกร่ง คือมีสิ่งก่อสร้างปัจจุบันที่มั่นคง แต่รักษาโบราณไว้ด้วย จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:13:19

ความคิดเห็นที่ 17 เราจากวัดมาด้วยความคิดอันหลากหลาย ผมคิดว่า ต้องรีบอัดซีเมนต์ไปรอบวิหารก่อน ที่จะพัง ก่อนจะทำอื่นทั้งหมด เพื่อนผมคิดว่า อาจจะต้องยกองค์พระก่อนด้วย ซึ่ง องค์พระ หลายร้อยปีก่อน ไม่มีเหล็กอยู่ข้างในกระมัง พระวัดเกศไชโยก็พังลงมาแล้ว พระสององค์นี้ก็เป็นปูนเปราะ  น่าจะพังแน่ หลวงพ่อไม่มีงบสำหรับเรื่องนี้ ตอนนี้การก่อสร้างก็ได้หยุดไปหมด ใครก็ได้ช่วยวัดทีครับ นำเรื่องมาลง เพื่อให้มีผู้มีความรู้ มีกำลัง มาช่วยวัดนี้กันนะครับ ตอนนี้วัดมีเงินอยู่แสนสองแสนเท่านั้น ส่วนงบ ที่จะสร้างวิหารประมาณ เจ็ดล้านได้แล้วแต่อยู่ที่จังหวัด งบและแบบไม่ได้มีเผื่อหลุมที่ขุดเหล่านี้ ไม่มีใครคิดได้อย่างจริงแท้ ( เพราะไม่มีวิศวะมาช่วย ) ว่า ทำอย่างไร องค์พระจะไม่พังไปก่อนวิหารเสร็จ หรือไม่พังไปตอนสร้างวิหารครอบ ไม่มีใครทราบว่า ควรฉีดซีเมนต์ไหม หรือควรจะทำอย่างไร วัดคงต้องการทั้งเงิน และความรู้ที่จะรักษาสิ่งนี้ไว้ หลวงพ่อก็ไม่อยากให้ทุกอย่างมาพัง ในช่วงที่ท่านดูแลอยู่ ท่านกลัวเรื่องนี้มาก พูดเรื่องนี้ท่านเศร้ามาก ท่านเป็นคนท้องที่บวชอยู่นี้ 22 พรรษาแล้ว แต่ที่สำคัญกว่าคือ องค์พระยืนโบราณที่ใหญ่โตมากและล้ำค่านี้ ได้อยู่มาหลายร้อยปีแล้วครับ ตอนนี้ผมลืมถามไปเรื่องบัญชี คิดว่า ถ้าวัดมีบัญชี จะรีบแจ้งให้ทราบนะครับ ตอนนี้คงขอความเห็น และเผื่อใครจะรู้จักใคร ช่วยวัดกันก่อนนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:15:39

ความคิดเห็นที่ 18 ร้องกรมศิลปฯ ครับ ... จากคุณ : เต๋านีโอ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 00:36:52

ความคิดเห็นที่ 19 เรื่องบัญชีมันปลายเหตุ วัดมีเงินก็ทำอะไรไม่ได้ถือเป็นเขตโบราณสถาน กรมศิลปฯต้องเข้ามาดูแลเร่งด่วน เพราะเกี่ยวข้องและต้องรับผิดชอบ 1000 % จากคุณ : มุมม่วง เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 04:28:14

ความคิดเห็นที่ 20 รูปที่ 14 ต้องรีบเทปูน-ทราย slurry หรือ ซีเมนต์ - มอลต้าร์ กำลังอักสูง ๆ  เทอุด ตรงดินทรุดก่อนครับพี่ ไม้เริ่มผุแล้ว อันตรายครับ....... มีเวลาลองเข้าไปปรึกษา บริษัทขายปูนสำเร็จรูปใหญ่ ๆ ครับ เขามีขายอยู่...... อนุโมทนาครับ.... จากคุณ : ซำเหมาพเนจร เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 06:45:18

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ พี่จักรแก้ว ที่แจ้งข่าวครับ ถ้าพี่รู้เบอร์บัญชีแล้ว รบกวน post ด้วยนะครับ อนุโมทนาบุญครับ จากคุณ : Five Precepts เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 07:57:50

ความคิดเห็นที่ 22 แสดงว่ากรมศิลปเข้าไปตรวจสอบแล้วพบแนวโบราณสถาน อาจจะต้องขุดตรวจ ทำผัง เก็บหลักฐานก่อนฮะ อย่าเพิ่งทำอะไรไปก่อนนะครับ ถ้าเป็นโบราณสถานแล้ว ไม่สามารถทำอะไรโดยพละการได้ครับ อาจมีความผิด ลองแจ้งเรื่องไปยัง สำนักศิลปากรที่ ๓ พระนครศรีอยุธยา ถนนคลองท่อ ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา 10300. โทรศัพท์ : 035-242-501 แฟกซ์ : 035-242-448 E-Mail :s_finearts3@finearts.go.th หรือ สำนักศิลปากรที่ ๔ ลพบุรี ถนนพระยากำจัด ตำบลท่าหิน อำเภอเมือง ลพบุรี 15000. โทรศัพท์ : 036-413-779 แฟกซ์ : 036-412-510 E-Mail :s_finearts4@finearts.go.th ให้สองที่เพราะไม่แน่ใจว่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยไหน จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:35:43

ความคิดเห็นที่ 23 พร้อมจะช่วยเหลือเต็มที่ครับ ทั้งกำลังกาย และกำลังทรัพย์ จากคุณ : เจตบุตร เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 08:45:00

ความคิดเห็นที่ 24 เท่าที่ทราบมาองค์พระทั้ง 2 ยังไม่จดทะเบียนขึ้นกรมศิลปากรนะครับ แต่เป็นเพราะทางรัฐเสนอการบูรณะมาท่านเจ้าอาวาสจึงเห็นควร สังเกตจากในรูปที่วิหารหลวงพ่อท่านดูสวยงามแต่ทำไมต้องรื้อ ก็เพราะจากเหตุการณ์น้ำท่วมปี 49 ทำให้เกิดรอยแตกยาวผ่ากลางวิหาร พอทางรัฐยื่นมือมาท่านเจ้าอาวาสจึงเห็นสมควรครับ แต่ปรากฎว่ายิ่งทุบวิหารก็เจอของเก่าก็ขุดๆๆ จนรอบพระวิหาร แล้วก็จากไป ส่วนงบประมาณก็มาเกิดมีปัญหาค้างไว้ ถึงได้งบตั้งแต่ปี 52 แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า (งบมีเฉพาะส่วนพระวิหารไม่รวมกลบหลุมที่มาขุดทิ้งไว้และบูรณะองค์พระ) ส่วนแบบพระวิหารตอนแรกจะแย่กว่านี้ แต่ท่านเจ้าอาวาสได้เข้าร่วมหารือ ต่อรองแบบพระวิหาร เพราะแบบเดิมเค้าจะใช้เสาโครงเหล็ก ไม่ได้หล่อตัน ซึ่งดูไม่แข็งแรง และแบบก็ทันสมัยเกินไป ซึ่งเรื่องราวก็ยังค้างมานานแล้ว สภาพพระทั้ง 2 จึงเป็นแบบปัจจุบันที่รอเวลาพังลงมา ทางวัดก็เหมือนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เพราะจะไปยุ่งตัววิหารคงเป็นเรื่องยาก แต่การทำฐานรอบองค์พระ กับการบูรณะปิดทององค์พระยังเป็นสิ่งที่วัดทำได้ครับ เลขบัญชีวัด ชื่อบัญชี พระอธิการนพดล เขมรโต (เพื่อการบูรณะโบราณสถาน) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสิงห์บุรี บัญชีเงินฝากออมทรัพย์ เลขที่บัญชี 560-248513-5 สอบถามเพิ่มเติมเบอร์โทรหลวงพ่อครับ 089-513-6491 แก้ไขเมื่อ 18 ก.ย. 53 11:00:14 จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:20:56

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นแล้ว.....สะเทือนใจมากครับ จากคุณ : มิ้มเฒ่า (ภะวันตุเม) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 09:40:54

ความคิดเห็นที่ 26 กรมศิลป์ทำเละมาหลายที่แล้ว นี่ก็ทิ้งงานงามหน้าไว้ไม่คิดหน้าคิดหลัง สาธุ อย่าให้มีอะไรเสียหายไปมากกว่านี้เลยครับ คอยติดตามข่าวเรื่อยๆครับ จากคุณ : เจ้่าชายกบ เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 10:27:58

ความคิดเห็นที่ 27 แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อไปคะ น่าเป็นห่วงจริง ๆ ต้องขอโทษด้วยนะคะ ที่ไม่สามารถช่วยเรื่องความรู้หรือหาทางแก้ปัญหาได้ คงช่วยได้แค่กำลังทรัพย์อย่างเดียว เดี๋ยวจะไปบอกบุญต่อให้ค่ะ จากคุณ : Spring Rolls เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 10:55:24

ความคิดเห็นที่ 28 ก่อนอื่นขอเล่าความเป็นมาของพระอัฏฐารส พระอัฏฐารสคือพระพุทธรูปประทับยืนที่มีความสูง 18 ศอกหรือมากกว่านั้น โดยนิยมสร้างมากในสมัยสุโขทัย ซึ่งคาดว่าได้รับคตินิยมจากพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ โดยจะสร้างไว้ประจำพระนคร หรือหัวเมืองใหญ่ เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ป้องกันความแตกแยกของคนในชาติ ให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคี และให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยั่งยืนนาน ประหนึ่งพระพุทธปฏิมากรประทับยืนสถิตสถาพรเป็นนิรันดร์ สำหรับในประเทศไทยพบว่ามีพระอัฏฐารสอยู่หลายองค์ เช่น ที่วัดมหาธาตุและวัดสะพานหิน สุโขทัย, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก, วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่, วัดสระเกศ กรุงเทพ แต่ที่มีลักษณะที่แปลกคือมีสององค์ ประทับยืนซ้อนกันในแนวขนาน มีแค่ที่วัดประโชติการามเพียงที่เดียวเท่านั้น จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:02:31

ความคิดเห็นที่ 29 หลวงพ่อทรัพย์ครับ สูง 6 วา 7 นิ้ว และ หลวงพ่อสินครับสูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว  ด้านหลังมีซุ้มเรือนแก้วอยู่บริเวณพระเศียร ทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ส่วนพระพักตร์มีลักษณะของอู่ทองผสม (นั่นหมายความว่าพระทั้งสององค์มีอายุหลายร้อยปี) จัดเป็นพระอัฏารสยืนซ้อนกันคู่เดียวในไทยและมีพระนามอันเป็นมงคลนาม แก่ผู้ได้มาสักการะ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:03:34

ความคิดเห็นที่ 30 ประวัติวัดประโชติการามหรือวัดประชดนี้สร้างมาประมาณหลายร้อยปีแล้ว สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างตั้งแต่สมัยกรุงสุโขทัย เพราะได้พิจารณาซากปรักหักพังและลักษณะการสร้างขององค์พระพุทธรูป และลวดลายฝาผนังที่ทรุดโทรม ผู้เฒ่าผู้แก่ได้เล่าขานกันต่อมาว่า หลวงพ่อสินองค์หน้านั้น ซุ้มวิหารและกำแพงพังเหลือแต่องค์หลวงพ่อสิน องค์พระเอนนอนจวนจะล้ม ในขณะนั้นมีสามเณรที่มีภูมิลำเนาอยู่ใต้วัดประชด ได้ไปจำพรรษาและเรียนภาษาบาลีที่วัดมหรรณ์ กรุงเทพฯ ได้ขึ้นมาเยี่ยมญาติโยม เห็นว่าองค์ หลวงพ่อจะล้ม จึงได้ชักชวนญาติโยม เอาไม้เสามาค้ำองค์หลวงพ่อไว้ และ ได้ตั้งสัตย์อธิฐานว่าถ้าต่อไปตนเองออกไปประกอบอาชีพอะไร ถ้าร่ำรวยจะกลับมาสร้างวิหารให้หลวงพ่อ(สามเณรองค์นั้นคือ ท่านมหาสม พ่วงภักดี) หลังจากนั้นได้ออกมาประกอบอาชีพค้าขายหนังสือพระธรรมวินัยและพระไตรปิฎก จนมีฐานะมั่นคง จึงกลับมาปฏิสังขรณ์องค์หลวงพ่อและวิหารดังที่ได้ตั้งสัตย์ไว้ ต่อมาท่านมหาสม ได้ดำเนินกิจการ(โรงพิมพ์ ส. ธรรมภักดี)เจริญรุ่งเรืองจึงได้ทำการเฉลิมฉลอง วิหารอย่างยิ่งใหญ่ในปีพ.ศ. 2482 ภาพพระวิหารและองค์พระที่ทิ้งร้างก่อนปี 2482 ที่สามเณรได้ตั้งจิตอธิษฐาน สังเกตหลวงพ่อสินที่เอียงจนใกล้จะล้ม จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:04:09

ความคิดเห็นที่ 31 ตำนานการสร้างวัด ตามตำนานในอดีตกาลนานมาแล้ว ได้มีสัตว์ตัวหนึ่งมีลักษณะคล้ายสิงห์ อาศัยในถ้ำปัจจุบันสันนิษฐานว่าอยู่บริเวณวิหารพระพุทธไสยาสน์ สิงห์ตัวนี้ได้ออกหากินและวันหนึ่งได้พบบุตรีของเศรษฐีเมืองชัยนาท และเกิดหลงรักนาง จึงได้ลักพาตัวนางกลับมาที่ถ้ำของตน และได้สมสู่เป็นสามีภรรยา จนนางตั้งครรภ์ ครั้งถึงเมื่อคลอดออกมา เป็นบุตรชายรูปร่างหน้าตาเป็นมนุษย์ และ ได้รับการตั้งชื่อว่า สิงหนพานุ เด็กชายได้รับการเลี้ยงดูจากสิงห์ผู้เป็นพ่อเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยทราบว่าพ่อของตนเป็นใคร เมื่อเติบใหญ่จึงได้สอบถามมารดาเรื่องบิดาของตน และเมื่อได้รับรู้ความจริงว่า มีสัตว์ เป็นพ่อของตนจึงเกิดความเสียใจและอับอาย จึงได้คิดกระทำการปิตุฆาต บิดาตน คอยหาโอกาสที่จะฆ่าบิดาเสีย จนวันหนึ่งได้สบโอกาสจึง วางแผนพาบิดาของตนเข้าป่า และขอให้มารดาห่ออาหารให้ห่อหนึ่งและเดินทางกันเข้าป่า พร้อมกับสิงห์ผู้เป็นบิดา พบสัตว์ฝูงหนึ่งในที่ใกล้ๆต้นโพธิ์ ผู้เป็นบิดาจึง ให้บุตรชายรอยู่ที่ใต้ต้นไม้แล้วตนเองจึง ออกไปเที่ยวจับสัตว์ ฝ่ายสิงหนพานุคอยบิดาอยู่ เมื่อไม่เห็นว่าบิดากลับมา จึงขึ้นต้นโพธิ์ตะโกนร้องเรียก เมื่อบิดากลับมาถึงแล้ว จึงจัดอาหารให้ทานใต้ต้นโพธิ์ เมื่อสบโอกาสจึงได้ลอบไปข้างหลังและได้ฟันคอบิดา ตายคาที่ จากนั้นจึงตัดกิ่งโพธิ์คลุมศพไว้(ปัจจุบันนี้สถานที่นั้น คือ โพธิ์ตะโกน)และเมื่อเดินทางกลับมาที่คูหาแจ้งสิ่งที่ตนทำไว้ให้มารดาได้รับ รู้ นางเกิดความเศร้าใจ และทุกข์ใจเป็นอย่างมาก จึงได้ปรึกษากับลูกชายที่จะทำการเผาศพให้กับบิดา เมื่อเวลาผ่านไปสิงหนพานุจึงได้รับรู้ถึงความผิดพลาดอันใหญ่หลวงที่ได้กระทำ ต่อบิดา จึงได้มีการปรึกษากับพระเถระ ว่าตนเองสามารถล้างบาปได้หรือไม่ และจะกระทำอย่างไรจึงจะพ้นโทษ นั้นได้ จึงได้รับคำแนะนำให้ สร้างพระพุทธรูป และกุฏิวิหารถวายเป็นสังฆิการาม แด่พระสงฆ์ทั้งหลาย จึงจะสามารถบรรเทาสิ่งที่ตนกระทำได้ สิงห์พานุ จึงได้เริ่มก่อสร้าง พระพุทธรูปไสยาสน์ขึ้นมาหนึ่งองค์ มีทองคำยาว 1 เส้นเป็นแกนกลางองค์พระ ได้สร้างทับคูหาบิดาไว้ คือองค์พระนอนจักรสีห์ และสร้างกุฎีวิหารเป็นพระอารามสำเร็จบริบูรณ์ และ ในภายหลังได้มีการสร้างพระอารามขึ้นที่ต้นโพธิ์ ที่ตนเองได้ฆ่าบิดาลง ต่อมาเป็นวัดสละบาป และวัดกึ่งโยชน์ จากนั้นจึงได้มีการสร้าง “วัดประชด” เพื่อเป็นการชดเชย หรือ ประชดให้ และได้สร้างพระพุทธรูปยืนปางห้ามญาติขึ้นอีก 2 องค์ ได้ขนานนามพระองค์หน้าว่า หลงพ่อสิน องค์หลังขนานนามว่า หลวงพ่อทรัพย์ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:04:30

ความคิดเห็นที่ 32 ต่อมาในปี 2549 เกิดน้ำท่วมใหญ่ที่วัดประโชติการาม ทำให้น้ำท่วมเข้ามาถึงองค์พระก่อให้เกิดความเสียหาย น้ำท่วมพระบาท องค์พระเอียง หลังจากน้ำลดสิ่งที่เห็นคือรอยร้าว และความเสียหาย รอยร้าว การทรุดตัวรอบวิหารและองค์พระ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:04:54

ความคิดเห็นที่ 33 ถึงแม้ชาวบ้านจะช่วยกัน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:05:17

ความคิดเห็นที่ 34 แต่ก็ไม่ทานกระแสน้ำ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:05:38

ความคิดเห็นที่ 35 น้ำท่วมถึงพระบาทองค์หลวงพ่อ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:06:05

ความคิดเห็นที่ 36 ....... จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:06:33

ความคิดเห็นที่ 37 .... จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:06:52

ความคิดเห็นที่ 38 .......... จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:07:09

ความคิดเห็นที่ 39 เมื่อน้ำลดปรากฏรอยร้าวผ่ากลางพระวิหาร พระทรุดเอียง จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:07:42

ความคิดเห็นที่ 40 ชาวบ้านต่างร่วมกันบูรณะ น่าชื่นชม ทั้งพระ เณร เด็ก ผู้ใหญ่ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:08:15

ความคิดเห็นที่ 41 รอยยิ้มทั้งพระ และคน น่าประทับใจ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:08:39

ความคิดเห็นที่ 42 สวยงามบริบูรณ์ด้วยแรงแห่งศรัทธา จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:08:59

ความคิดเห็นที่ 43 หากแต่ฝีมือชาวบ้าน ไม่อาจจะบูรณะถึงฐานรากพระวิหารที่ทรุด เพราะขาดความรู้แต่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธา จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:09:28

ความคิดเห็นที่ 44 เวลาผ่านพ้น เหมือนฟ้ามาโปรด รัฐยื่นมือช่วย สร้างวิหารใหม่ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:09:49

ความคิดเห็นที่ 45 ยิ่งขุดลงลึก ไปถึงฐานราก เจอสิ่งมีค่า โบราณมากมาย จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:10:14

ความคิดเห็นที่ 46 ..... จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:10:33

ความคิดเห็นที่ 47 แต่แล้วผิดคาด เค้ารื้อจนรอบ แล้วก็จากไป ปล่อยให้องค์พระตากแดด ทนฝน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:11:12

ความคิดเห็นที่ 48 เวลาล่วงเลย เรื่องไม่คืบหน้า หากปล่อยไว้ช้า องค์พระคงพัง จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:11:33

ความคิดเห็นที่ 49 น้ำเริ่มมาแล้ว ได้แต่วอนฟ้า ช่วยปกปักษ์ องค์พระปฏิมา จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:11:54

ความคิดเห็นที่ 50 ขอเชิญชาวพุทธ  เปี่ยมจิตกุศล ร่วมกันแก้ไข บูรณะพระยืน นามแห่งมงคล หลวงพ่อทรัพย์-สิน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:12:23

ความคิดเห็นที่ 51 อาจเพียงเพราะไม่รู้........สิ่งที่เหลืออยู่........จึงถูกทำลาย อาจเพียงเพราะไม่มีใครอยากจะรับรู้ สิ่งที่เหลืออยู่.........จึงสูญสลาย เออหนอ...........ช่างน่าใจหาย ที่ไม่มีใคร.......อยากจะรับรู้ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:14:28

ความคิดเห็นที่ 52 ผมถึงบอกให้ไปตามเรื่องที่สำนักโบราณคดีก่อนไงครับ ว่าตกลงใตรรับผิดชอบ หรือมีโครงการทำต่ออย่างไร เผื่อได้งบเร่งด่วนในการเข้าขุดแต่งบูรณะ ผมเกรงว่าดูจากภาพแล้วอาจจะต้องปรึกษานายช่างวิศวกรและผู้เชียวชาญเรื่องการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมนะครับ เพราะโครงสร้างด้านล่าง หากรีบเสริมไปอาจจะแยกแล้วพังลงมาอีกเพราะน้ำท่วมทุกปี ใจเย็นครับ มีเวลาลองหาใครไปตามเรื่องที่สำนักนะครับ เอาภาพล่าสุดไปด้วยหรือขอให้ท่านเจ้าอาวาสทำหนังสือแนบภาพถ่ายไปเลย เอาใจช่วยครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 11:53:59

ความคิดเห็นที่ 53 ทางท่านเจ้าอาวาสเคยประชุมกับทางจังหวัดไปแล้ว ซึ่งงบที่ได้จะเป็นส่วนเฉพาะพระวิหารที่จะสร้างครอบไม่ได้รวมส่วนฐานรากที่ขุดลงไป ซึ่งทางวัดก็กำลังพยายามหาทางให้เกิดความเรียบร้อยโดยเร็ว แต่หากเกิดความจำเป็นจริงๆ ทางวัดก็คงต้องทำการบูรณะฐานรากไปก่อน ซึ่งจุดนี้ท่านเจ้าอาวาสก็ต้องอาศัยผู้ที่มีความรู้ทางสถาปัตครับ โดยในอาทิตย์หน้าจะมีการประชุมกันอีกที ถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะประชาสัมพันธ์อีกทีครับ ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆที่ร่วมกันเสนอแนวคิดอันเป็นประโยชน์ในการร่วมกันบูรณะโบราณสถานนะครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 13:23:49

ความคิดเห็นที่ 54 มาช่วยกันๆๆ เข้ามาให้กำลังใจช่วยกันๆๆ เราไม่ช่วยแล้วใครจะช่วยอ่ะ ใหญ่กว่าทุกหน่วยงานก็คือน้ำใจของทุกคน จากคุณ : กก (เวลากิ้งกือ) เขียนเมื่อ : 18 ก.ย. 53 19:51:34

ความคิดเห็นที่ 55 งานนี้อยากให้แพร่หลาย หลายฝ่ายที่เป็นราชการจะได้มาช่วยกันครับ เราทำกันเอง หลวงพ่อ กับกรรมการ เกิดพระท่านพังไป อาจจะแย่กันไปหมด ทั้งโลก และธรรมเลยครับ ดูแล้วมันยากนะ ผมเริ่มเห็นด้วยว่า บางทีต้องยกองค์พระออกก่อน ด้วยวิธีที่นิ่มนวลที่สุด ก่อน จากนั้น ปรับฐานใหม่หมด ลงเข็มวางซีเมนต์ แล้วค่อยวางองค์พระ และเรียงอิฐโบราณให้สวยงาม แบบ ทำนอง กฺฏิ พระอาจารย์ธรรมโชติ จากนั้น ค่อยสร้างวิหารตามแบบ เป็นต้นครับ แต่อันนี้จะทำได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ต้องหาบริษัทผู้เชียวชาญจริงๆ เห็นมีแต่ในเมืองนอก ของพวก Discovery น่ะครับ เป็นแค่ความคิดผม ซึ่งอาจจะไม่ได้เรื่อง ต้องรอท่านอื่นอีก หรือทางราชการ เพราะเราต่อให้อัดซีเมนต์ จะอัดได้เท่าไรกันเชียว ถ้าพื้นมันนิ่มมันก็ทรุดได้อีก อาจจะอีกสักสิบปี ก็ทรุดอีกเป็นต้น น่าจะต้องตอกเข็มยาวๆ มากๆ เลย เป็นฐานน่ะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 06:58:34

ความคิดเห็นที่ 56 ความจริงเป็นพระของแผ่นดิน เป็นงานระดับประเทศก็ว่าได้ พระยืนอัฏฐารสองค์นี้เป็นปางวันจันทร์ วันประสูตรพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระยืนอัฏฐารส ผู้สร้างต้องไม่ธรรมดา ทำได้ยากมาก และที่อยู่มาเป็นร้อยปี ในเมืองไทย อย่างนี้ โดยยังไม่พัง จะมีถึงไม่น่าเกินสิบองค์ทั้งประเทศไทย ผมว่า ที่ยืนซ้อนกันสององค์ หันพระพักตร์ทางเดียวกัน ยิ่ง มีที่เดียวในโลก ถ้าทำดีๆ แม้แต่ฝรั่งยังต้องมาดูมาชมแน่นอน เป็นที่ท่องเทียว เชิดหน้าชูตา ของจังหวัดสิงห์บุรี อีกแห่ง  แน่นอน เลยครับ เป็นสมบัติล้ำค่า ของแผ่นดินไทย จริงๆ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 07:03:30

ความคิดเห็นที่ 57 ขอเอาใจช่วยให้งานใหญ่ชิ้นนี้จงสำเร็จสมดังความตั่งใจค่ะ  ขอบุญบารมีเทพยดาอารักษ์ที่ปกปักรักษาช่วยดลบันดาลให้ผู้มีบุญและกำลังทรัพย์ และทางหน่วยงานราชการเข้ามาช่วยกันบูรณะ ทำนุบำรุงให้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้สำเร็จสมความมุ่งมาดปรารถนาด้วยเทอญ อีกทั้งขอให้ปราศจากภยันตรายจากภัยธรรมชาติ ภัยมนุษย์  สามารถดำรงคงอยู่ถาวรในพระพุทธศาสนาสืบไปให้รุ่นลูกรุ่นหลานได้มากราบสักการะ ชื่นชม และควรจะอนุรักษ์ไว้เพื่อจะได้เรียนรู้ว่านี่คือประวัติศาสตร์ที่บรรพบุรุษได้เพียรสั่งสมกันมายาวนาน แก้ไขเมื่อ 19 ก.ย. 53 09:41:40 จากคุณ : ไข่หวานน้อย เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 09:41:17

ความคิดเห็นที่ 58 อนุโมทนา จากคุณ : DRENG เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 13:06:24

ความคิดเห็นที่ 59 vote ค่ะ จากคุณ : gijane เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 13:29:14

ความคิดเห็นที่ 60 โหวตมาจากอียิปต์เลยครับ สมบัติของชาติของศาสนาควรช่วยดำรงรักษาไว้ครับ จากคุณ : ปันน้ำใจ เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 14:45:07

ความคิดเห็นที่ 61 ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่ช่วยในการบูรณะซ่อมแซม  ถ้าได้ผู้มีความรู้ทางด้านนี้มาช่วยจะดีมากครับ  ผมขอบริจาคเป็นทุนทรัพย์ช่วยนะครับ   ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วยให้การบูรณะซ่อมแซมเป็นไปได้ด้วยดี ไม่มีอุปสรรคใดๆ มาขัดขวางด้วย สาธุ จากคุณ : ฤดูใบไม้ผลิ เขียนเมื่อ : 19 ก.ย. 53 21:25:07

ความคิดเห็นที่ 62 ลองติดต่อที่สมาคมสถาปนิกสยามและสมาคมวิศวกรรมสถานนะคะ สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ โทรศัพท์: 02319-6555 อีเมล์: office@asa.or.th asaisaoffice@gmail.com เว็บไซต์: www.asa.or.th สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) โทร 0-2319-2410~3 E-mail: eit@eit.or.th จากคุณ : Thumberina เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 11:12:04

ความคิดเห็นที่ 63 โหวตค้าบบบ  จากคุณ : ฮิมาวาริซซัง เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 22:42:01

ความคิดเห็นที่ 64 ร่วมโหวตด้วยคน จากคุณ : มอสคุงอะครับ เขียนเมื่อ : 20 ก.ย. 53 23:27:51

ความคิดเห็นที่ 65 ผมจะให้คนประสานไปที่ สมาคม วิศวกรรมนะครับ ท่านใด พอรู้จักนักข่าว หรือผู้ใหญ่ รบกวน ช่วยวัดนี้ ด้วยการให้ท่านรับทราบ และมีการทำข่าวให้ด้วยนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 07:27:26

ความคิดเห็นที่ 66 เอ้า โหวตสิครับ พี่น้อง จากคุณ : abhirakk เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 08:45:39

ความคิดเห็นที่ 67 อ่านคำบรรยายของคุณเป็ดพะโล้แล้ว ถึงกับน้ำตาคลอ จากคุณ : Ole- เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 09:18:56

ความคิดเห็นที่ 68 เข้ามาช่วยโหวตให้ก่อน กำลังทรัพย์จะตามมาภายหลังค่ะ จากคุณ : good thinking เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 10:08:17

ความคิดเห็นที่ 69 กำลังทรัพย์จะตามไปนะคะ นี่ถ้าได้ออกรายการสรยุทธ์ ช่องสามสักนิดนึง ข่าวสั้นๆ คงจะจี้หน่วยงานรัฐให้เข้ามาเร็วขึ้น จากคุณ : ยุ้ยหัดเขียน เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 10:34:32

ความคิดเห็นที่ 70 ช่วยๆ กัน อนุโมทนา สาธุ จากคุณ : kingkiev เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 10:35:00

ความคิดเห็นที่ 71 เห็นแล้วน่ากลัวมากเลย พื้นดินพร้อมอิฐเก่าซึ่งหมดอายุแล้ว นำไม้กระดานมาปูไว้เดิน และฐานด้านล่างองค์พระกลวงขนาดนั้น น่าวิตกมาก ยังไงกรมศิลป์ช่วยเร่งมือหน่อยครับ จากคุณ : หนุ่มรัตนะ เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 13:52:52

ความคิดเห็นที่ 72 เข้ามาดูอีกครั้งครับ ... เห็นควรว่าอย่าไงไรต้องแจ้งเรื่องกับทางสำนักศิลปากรผู้รับผิดชอบก่อนนะครับ เรื่องของเรื่องผมมองว่า ก่อนการบูรณะเราไม่ทราบเรื่องโครงสร้างโบราณด้านล่าง ทีนี้พอขุดเจอมันเลยต้องวางเรื่องการก่อสร้างไว้ก่อน เพราะเจอฐานรากเก่าที่ปลูกทับซ้อนกันมา ที่สำคัญมันต้องมีเวลาในการให้ความชื้นใต้ดินได้ระเหยออกบ้างนะครับ (แต่บ้านเราคงยากเพราะน้ำท่วมซ้ำซาก) ประมาณว่ายิ่งขุดยิ่งเจอ เลยไม่จบสักที จนกระทั่งอาจจมีปัญหาเรื่องงบประมาณในการขุดค้น จึงหยุดโครงการไว้ก่อนเพื่อรอของบประมาณ (นี้คาดเดานะครับ เพราะงานของสำนักเยอะมากนะครับ โดยเฉพาะงานเร่งด่วน) ฐานรากด้านล่างนั้นสำคัญมากนะครับ เพราะมันอาจจะซุกซ่อนข้อมูลมหาศาลไว้ จำเป็นที่จะต้องขุดตรวจค้นก่อนการสร้างทับลงไปใหม่ เท่าที่ดูจากภาพองค์พระได้มีโครงสร้างเหล็กประกบไว้เพื่อกันการทรุดตัวหรือพังทะลายแต่ก็เชื่อแน่ว่าทุกท่านคงไม่ค่อยสบายใจและมีความตั้งใจในการช่วยเหลือวัดและองค์พระด้วยใจจริงๆ เอาใจช่วยครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 14:40:15

ความคิดเห็นที่ 73 ร่วมโหวตด้วยครับ อนุโมทนาสาธุครับ จากคุณ : shadee829 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 14:55:25

ความคิดเห็นที่ 74 โหวตครับ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 15:44:49

ความคิดเห็นที่ 75 ร่วมด้วย ช่วยอีกแรงค่ะ จากคุณ : หน่วยย่อย889 เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 15:52:53

ความคิดเห็นที่ 76 ช่วยโหวตครับ จากคุณ : ลุง Tom เขียนเมื่อ : 21 ก.ย. 53 17:02:49

ความคิดเห็นที่ 77 คิดว่า เป็นอย่างที่คุณ เหมียว พูดครับ ประมาณว่า เพราะมีเหตุปัจจัยนั่นแหละ ผ่านแล้ว ก็ผ่านไป มาดูเรื่องทำอย่างไรกันต่อ ให้ท่านเสร็จเร็วจะดีกว่า ผมเห็นด้วยว่า จะประสานกรมศิลป ตอนนี้มีคนรับไป จะประสานให้บ้างแล้วครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 08:27:22

ความคิดเห็นที่ 78 คิดว่าคงต้องมีการขุดค้นต่ออย่างที่คุณเหมียวกล่าว แต่อยากจะทำให้ฐานใต้องค์พระสมบูรณ์ไม่แหว่งก่อน คืออยากให้งานทั้งการขุดค้นทางโบราณคดี และงานบูรณะองค์พระ เดินไปด้วยกันได้ ไม่ทำให้อย่างใดอย่างหนึ่งเสียหายครับ เพราะผมว่าทั้งองค์พระ และโบราณวัตถุ มีความสำคัญไม่แพ้กันเลย ต่างก็มีอายุหลายร้อยปี และยังเป็นทีพึ่งทางจิตใจของชาวบ้านมาช้านาน พระยืนขนาดใหญ่ซ้อนกันที่อายุเก่าแก่แบบนี้ในประเทศไทยคงมีคู่เดียว ซึ่งก็คงเป็นสิ่งที่น่าสนใจ หากมีการศึกษาจากกรมศิลป์ เราอาจจะได้คำตอบก็ได้ว่าทำไมถึงต้องสร้างพระยืนไว้ซ้อนกัน จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 09:04:52

ความคิดเห็นที่ 79 มี Update ครับ หลวงพ่อท่านว่า จะมีการประชุมกับทางจังหวัดวันที่ 24 นี้ ผมคิดว่า เรารอการประชุมก่อน ทางจังหวัด อาจจะประสานและแก้ไขได้ก็ได้ครับ จากนั้นค่อยดูว่า เมื่อเขาเริ่มงานกัน พวกเราจะช่วยอะไรกันได้บ้าง เช่นขาดปัจจัยไหม อะไรอย่างนี้เป็นต้นครับ ตอนนี้ รอก่อน และรับฟังไปก่อน จะดีกว่าครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 09:32:09

ความคิดเห็นที่ 80  แหะ แหะ วัยรุ่นใจร้อนโอนเงินให้เรียบร้อยแล้วเมื่อวานนี้ค่ะ จากคุณ : good thinking เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 11:09:38

ความคิดเห็นที่ 81 เอาใจช่วย ครับผม จากคุณ : ว่าที่ceo เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 14:50:34

ความคิดเห็นที่ 82 อนุโมทนาครับ ที่โอนไปแล้ว วัดได้ใช้แน่นอนครับ ตอนนี้วัดมีเงินประมาณแสนกว่า การบูรณะ ที่เคยมีงบมาให้ เหลือไม่กี่ล้าน โดนใช้ไปในการขุดดิน อีก 1 ล้าน งบที่เคยมีก็น้อยลงไป แต่วัดก็จะรอรายได้จากกฐินอีก  ดังนั้น เงินก็คงต้องใช้ในการบูรณะ อีกมากมายครับ จะโอนตอนนี้หรือรอ โปรเจคอีกนิดก็ได้เช่นกันครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 14:57:03

ความคิดเห็นที่ 83 ผมโหวตให้ครับ สาธุ จากคุณ : ดุริยางคศิลปิน เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 16:16:52

ความคิดเห็นที่ 84 วันนี้ผมไปดูที่สถานที่จริงมาแล้วครับ  น่าสลดใจกับสิ่งที่ กรมศิลปากร ทำทิ้งไว้กับโบราณสถานจริงๆ   ได้ร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธาไปส่วนหนึ่ง อยากให้เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่อย่างช่อง 3 มาพบเจอ ซึ่งอาจจะช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้กระตือรือล้นบ้าง ไม่ใช่ทำงานแบบเช้ายามเย็นชามอย่างนี้ จากคุณ : GengBigboy เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 20:41:13

ความคิดเห็นที่ 85 โหวตด้วยคนค่ะ จากคุณ : หัวใจถวายวัด เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 22:41:45

ความคิดเห็นที่ 86 มาอธิบายเสริมครับ บางคนอาจเข้าใจว่างบที่ได้อยู่กับวัด แต่จริงๆแล้วงบจะเป็นของหน่วยงานที่บูรณะ แล้วจ่ายให้กับผู้รับเหมา วัดไม่ได้ถือเงิน ซึ่งสมมติว่าพระวิหารตั้งไว้ 7 ล้าน (เฉพาะพระวิหาร) แต่มีการใช้ในการขุดลงไป 1 ล้าน เท่ากับว่าวัดเหลือ งบพระวิหาร 6 ล้าน แล้วต้องหาเงินมากลบหลุมอีก ดังนั้นวัดเหมือนต้องรับภาระตรงนี้ไปครับ ซึ่งนอกจากนี้วัดยังต้องใช้เงินในการบูรณะองค์พระ (ไม่มีงบรองรับ) หรืออาจต้องสำรองไว้หากจะต้องมีการวางฐานพระวิหารใหม่ให้มั่นคง สรุปว่าหากท่านใดได้ร่วมทำบุญนั้นวัดได้ใช้แน่ๆครับ และขออนุโมทนาบุญด้วยครับ จากคุณ : เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว) เขียนเมื่อ : 22 ก.ย. 53 23:36:22

ความคิดเห็นที่ 87 รอฟังข่าวคืบหน้าเป็นระยะๆนะคะ ข่าวแบบนี้ซิ น่าออกทีวี จะได้เป้นการเร่งทางผู้เกี่ยวข้อง คนจะได้ช่วยมาทำบุญกัน จากคุณ : น้องต๋าว เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 02:03:59

ความคิดเห็นที่ 88 ผมจะให้คนประสานไปที่ สมาคม วิศวกรรมนะครับ ท่านใด พอรู้จักนักข่าว หรือผู้ใหญ่ รบกวน ช่วยวัดนี้ ด้วยการให้ท่านรับทราบ และมีการทำข่าวให้ด้วยนะครับ ------------------------------------------------ กลับไปถึงแล้วจะลองสอบถามดูให้นะครับ จากคุณ : ปันน้ำใจ เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 04:30:16

ความคิดเห็นที่ 89 โหวตให้แล้วนะคะ จากคุณ : มณีในดอกบัว เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 08:39:56

ความคิดเห็นที่ 90 อยากให้เป็ดพะโล้สรุปที่มา ปัญหา และทางออกให้หน่อยนะคะ อ่านแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ บอกต่อไม่ถนัด ขอบคุณค่ะ จากคุณ : กก (เวลากิ้งกือ) เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 17:28:17

ความคิดเห็นที่ 91 ช่วยๆกันนะครับ อนุโมทนากับทุกท่านครับ จากคุณ : รู้สึกตัว เขียนเมื่อ : 23 ก.ย. 53 20:39:49

ความคิดเห็นที่ 92 มี update ดังนี้ครับ เมื่อตอนกลางวัน ( 24 กันยานี้ )  หลวงพ่อ ได้โทรมาหาผม ท่านได้เล่าว่าท่านออกจากประชุมจังหวัดมาแล้ว ท่านเล่าว่า ทางจังหวัดยังมีงบ อยู่สำหรับการสร้างวิหารตามแบบ  ใน คคห ที่ 2 เรื่องนี้ ท่านว่าไม่ต้องห่วง (  แต่แบบนี้หลวงพ่อยังอยากให้ปรับนิดหน่อย คือหลังคายื่นมาอีกนิด ทำให้มีที่ในห้องหลวงพ่อทรัพย์ มากกว่าเดิมนิดนึง ) สอง  ท่านว่า ช่างที่เป็นของกรมศิลป ได้เสนอมาว่า ได้ติดต่อทางผู้รับเหมา ซึ่งเขาก็ชำนาญและทำให้กรมศิลปบ่อยๆ ประเมิน เขาว่า การทำฐานให้แน่นหนา และ รักษาอิฐอย่างที่หลวงพ่อบอกนั้น ใช้งบน่าจะห้าล้านบาท  และใช้การฉีดซีเมนต์รอบองค์พระด้วย รวมอยู่ในนี้ หลวงพ่อได้ถามผมว่า จะเอากันเลยมั้ย ผมได้เรียนหลวงพ่อ อย่างนี้ (ซึ่ง ผมเอง ก็ไม่แน่ใจว่า ผมหรือหลวงพ่อ เข้าใจผิดหรือเปล่านะครับ ต้องเช็คกันอีกที  ฟังกันมาเป็นต่อๆ อาจจะเคลื่อนได้ครับ ) ผมได้ถามหลวงพ่อท่านว่า  ตอนขุด ดูอิฐ จนรอบนั้น ผู้ใดให้ขุด หลวงพ่อท่านว่า ทางวัดเจอก่อนนิดนึง ได้รายงาน กรมศิลป กรมศิลป เห็นสมควรให้ขุด เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรอีกมั้ยโดยเอางบ 1ล้านมาจากจังหวัด ได้ขุดจนเป็นดังรูป จากนั้นผมได้ถามว่า แล้วหลังจากขุดนี้ กรมศิลปเขาจะทำอะไร หลวงพ่อบอกว่า ก็ช่างกรมศิลป กับผู้รับเหมา เขาว่า จะทำให้ดี ก็ห้าล้าน ผมก็ถามว่า ช่างกรมศิลปกับผู้รับเหมานี้ ถือเป็นทางการของกรมศิลปหรือไม่ครับ ท่านก็ว่าไม่ แต่ช่างเขาเคยทำ ผมจึงเรียนว่า เราควรให้ทางกรมศิลป คือทางราชการได้มาประเมินอีกทีจริงๆ และคิดทางแก้เรื่องนี้กับทางวัดและจังหวัด เพราะเกิดเราทำกันไปเอง ห้าล้าน อย่างไรก็ถือว่า ไม่ใช่ทางการ เกิดพระเสียหาย เราจะเสียหายด้วย เพราะพระและวัดน่าจะเป็นของแผ่นดิน ก็จะกลายเป็นว่า หลวงพ่อ กรรมการวัด และพวกเรานี้แหละมาช่วยกันทำแบบไม่มีหลักการ จนพระพังขึ้นมาได้ หลวงพ่อท่านก็เห็นด้วย ดังนั้นผมคิดว่า เราควรจะหาทางประสานกับกรมศิลป ที่เป็นทางการมาช่วยดูด้วยนะครับ เขาจะได้ประสานกับทางจังหวัด และขาดเหลืออะไร พวกเรา ค่อยช่วยเสริมกันดีกว่านะครับ ดังนั้นใคร พอรู้จัก ประสานกับผู้ใหญ่ได้ ก็รบกวนนิดนึงนะครับ คิดว่า ผู้ใหญ่ท่านมาช่วยดู อะไรอะไร หรืองบ ก็อาจจะผ่านได้สะดวกขึ้น และปลอดภัยกว่า น่าจะดีที่สุดกับวัด นะครับ ในคคห ผม ตอนนี้นะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 17:31:51

ความคิดเห็นที่ 93 ก็เหมือนดังที่ผมแจ้งไว้อีก ขอตอบอัพเดทอีกครั้งนะฮะ คุณ คห 92 ในที่ประชุมจังหวัดมีตัวแทนจากสำนักโบราณคดีไหมครับ ถ้าไม่มีจะทำงานกันต่อไม่ได้นะครับ ดังที่ผมเรียนแจ้งไปตั้งแต่ คห ที่ 22 แล้วนะครับ และยังติดตามความคืบหน้าอีก สอง คห  ว่าควรจะแจ้งกรมศิลปก่อนเป็นอันดับแรก พร้อมทั้งให้ที่ติดต่อไว้เสร็จสรรพ แสดงว่า คห ของผมไม่มีคนสนใจเลย แนะนำอีกครั้งให้ทางวัดโดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ทำหนังสือสอบถามไปยังสำนักโบราณคดีในพื้นที่รับผิดชอบ พร้อมทั้งแนบแปลนการก่อสร้างและภาพถ่ายปัจจุบันพร้อมรายงานผลกระทบต่างๆ ถ้าให้ดีควรจะมีรายการการประชุมกับจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมลายเซ็นของผู้เข้าร่วมประชุม ในทำนองเป็นคำร้องเพื่อติดตามผล สำนักฯ จะได้ส่งผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบหรือจัดสรรงบเร่งด่วนสำหรับโบราณคดีกู้ภัยด้วย ในส่วนของช่างและผู้รับเหมาขอเตือนให้ตรวจสอบดีๆครับควรจะมีผู้เขียวชาญจากสำนักสถาปัตยกรรม กรมศิลปร่วมตรวจสอบครับ ติดตามข่าวด้วยความเป็นห่วงเหมือนท่านอื่นๆครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:21:08

ความคิดเห็นที่ 94 เผื่อจะได้ไม่ต้องย้อนขึ้นไปครับ ลงรูปไว้  จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 18:41:55

ความคิดเห็นที่ 95 ไม่ใช่ไม่ได้ฟังคุณเหมียวนะครับ แต่หลวงพ่อ ท่านว่าจะรอทางจังหวัดคือวันนี้อย่างไรล่ะครับ ทางกรมศิลปไม่ใช่ไม่ประสาน ประสานจนเขามาขุด ไว้ได้เกือบสองปีนี้แล้วไงครับ ทางจังหวัดก็ย่อมรู้ และวันนี้ทางจังหวัดได้เชิญหลวงพ่อท่านเข้าไป ท่านไปประชุมแล้วก็มาเล่า เรื่องนี้พวกเราต้องอดทน มันไม่ได้ง่ายๆ เพราะคุณ เหมียวและผม ก็ไม่ใช่เจ้าอาวาส ผมก็ไม่มีสิทธิ ไปเข้าประชุม เราเป็นเพียง ชาวบ้าน ผู้อยากจะช่วยวัดเท่านั้น หลวงพ่อ ท่านก็ไม่ทราบว่าที่ประชุมเป็นใครบ้าง ตอนแรกท่านคาดว่า เป็นท่านผู้ว่าราชการจังหวัดจัด เพราะท่านว่าท่านได้เคยคุยกับท่านผู้ว่า คนก่อนๆ มาแล้ว เรื่องวัดนี้ ดังนั้น เมื่อเป็นแบบนี้ เราก็ต้องให้ท่านประชุมวันนี้ก่อน เพราะคิดกันว่า ท่านผู้ว่า อาจจะประสานงานให้หมด ท่านเป็นซีอีโอ ถึงวันนี้ ผมก็ยังไม่เคลียร์คัท ว่าตกลงใครบ้างนี่ที่ประชุม จะถามท่านทางโทรศัพท์ก็เกรงใจ และก็ไม่แน่ใจว่าท่านจะรู้ว่าใครบ้าง ตำแหน่งอะไรบ้าง ด้วยครับ คิดแล้วเหนื่อยใจจริงๆ เหมือนกัน ไว้ผมจะมีโอกาสอาจจะเดินทางไปถามท่านอีกทีนะครับ ที่ผมได้ข้อมูลมาเล่า  ใน คคห 92  ผมก็คาดการณ์เอา จากการถามท่าน หลวงพ่อท่านก็คิดว่าอย่างนั้น ของจริงจะเป็นอีกอย่างหรือเปล่าก็ยังไม่ชัดเจนเลยครับ ยังมีบางเรื่องก็ไม่สมควรเล่าในกระทู้นี้ มันจะวุ่นวายไปหมด เอาเป็นว่า เราต่างก็ปรารถนาดีกับทางวัด และเอาใจช่วยวัดกับจังหวัดกันเต็มที่ และก็อยากให้มีผู้ใหญ่มารับรู้กันมากๆ หวังว่าทุกอย่างจะได้ราบรื่นนะครับ ทางที่ดี คุณเหมียว ไปคุยกับท่านเจ้าอาวาสเองเลยก็ได้นะครับ โทรไปก็ได้ครับ จะได้ทราบมากขึ้น ส่วนผมก็จะตามเรื่อยๆ และจะมารายงานเป็นระยะ และจะพยายามสานไปให้มากที่สุดนะครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 24 ก.ย. 53 20:40:41

ความคิดเห็นที่ 96 กราบขออภัยพระเดชพระคุณหลวงพ่อและคุณจักรแก้วมา ณ ที่นี้ด้วยครับหากข้อเขียนผมมันดูไม่ดี ถ้าตามที่คุณจักรแก้วว่ามาก็ต้องรออย่างที่หลวงพ่อท่านว่าละครับ ทีนี้ก็ได้ร้องเพลงรอกันไปเพราะผมเชื่อว่าถึงแม้จะเป็นกรณีเร่งด่วนแต่กว่าจะรอทั้งหลายฝ่ายมารวมตัวประชุมหาข้อสรุปกันได้ ค่อนข้างยากครับ ผมลองโทรสอบถามให้แต่ยังเงียบๆอยู่ครับ ผมไม่มีโอกาสได้ไปแถวนั้นเลยครับ ไม่รู้ว่าจะได้เดินทางไปดูที่จริงไหม ยังไงตอนนี้ทำได้แต่ติดตามข่าวจากหน้าเวบนี่แหละครับ จากคุณ : เหมียวออก้า (orcahappy) เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 12:48:30

ความคิดเห็นที่ 97 ขออนุญาตกรมศิลป์ซ่อมแซมเองได้ไหมคะ เราก็ไม่รู้อะไรมาก เกี่ยวกับระบบราชการ รู้แต่ว่าปัญหาเรื่องฐานรากนี้แก้ไม่ยาก ถ้ามีผู้เชี่ยวชาญมาดู ซึ่งเราติดต่อที่มหาลัยได้ค่ะ บริการที่ปรึกษาฟรี  เพราะมีโครงการแก้ไขให้วัดๆหนึ่งอยู่ ก็ฟรีค่ะ ผู้เชี่ยวชาญไม่คิดค่าตัวเพราะเป็นงานกุศล แต่ว่าค่าซ่อมแซมต้องออกเอง อันนี้พอมีแบบแก้ไขแล้วก็เราเรี่ยไรกันได้ค่ะ ยังไงหลังไมค์มานะคะ จะลองติดต่อให้ค่ะ จากคุณ : Chompuly เขียนเมื่อ : 25 ก.ย. 53 19:20:24

ความคิดเห็นที่ 98 เป็นกำลังใจและเอาใจช่วย ขอให้มีวิธีที่จะทำนุบำรุงของล้ำค้าของทางวัด ไว้ให้ได้นะค่ะ จากคุณ : พันธุ์ไม้ใหญ่ เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 00:24:35

ความคิดเห็นที่ 99 ในคคหผม การซ่อม ต้องมีทางราชการ เป็นผู้วางแผน และให้แนวทางละเอียด หรือวางแบบ น่าจะดี ราชการน่าจะมีกรมศิลป และวิศวของจังหวัดประมาณนี้ เพราะกรณี เกิดซ่อมแล้วเสียหายไม่เป็นดังใจ จะได้ไม่ว่า วัดและกรรมการทำกันเอง โดยไม่มีความรู้ ไม่ปรึกษาราชการ อย่างนี้น่ะครับ ถ้ามีแล้ว เรื่องปัจจัย ถ้าขาด เราก็ช่วยกันเรี่ยไรน่าจะได้ครับ สักอาทิตย์หน้า ผมจะพยายามไปกราบพบท่านอีกทีครับ จากคุณ : จักรแก้ว เขียนเมื่อ : 26 ก.ย. 53 08:36:50

ความคิดเห็นที่ 100 โมทนา ด้วยค่ะ สาธุ จากคุณ : เป็ดน้อยสีขาว เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 01:49:02

ความคิดเห็นที่ 101 เพิ่งเปิดมาเจอ ขอร่วมVOTEและขออนุโมทนาด้วยครับ จากคุณ : กอบัวทอง (กอบัวทอง) เขียนเมื่อ : 30 ก.ย. 53 10:48:22

ความคิดเห็นที่ 102 เรียนคุณจักรแก้วและคุณเป็ดพะโล้ ขออนุโมทนาบุญแก่คุณทั้งสองค่ะ ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับทางวัด จะขออนุญาตนำข้อมูล และภาพถ่ายจากกระทู้ของทั้ง 2 ท่านไปบอกต่อเพื่อบอกบุญแก่คนอื่นๆ ในการช่วยบริจาคเงินให้กับทางวัด ในงานกฐินวันที่ 30 ตุลาคมนี้ค่ะ ขอขอบคุณมาล่วงหน้าค่ะ จากคุณ : ตุ้ม (o-wee) เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 09:49:40