|
ข่าวความคืบหน้าวัดประโชติการาม หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอังคารที่ 19 ตุลาคม พ.ศ.2553
สุญญากาศ น้ำท่วมวัดประโชติการาม
วันนี้...สถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่
แม้ว่าจะคลี่คลายไปบ้างแล้ว แต่บางพื้นที่ก็ยังโดนน้ำป่าไหลบ่าทะลักเข้าท่วมวิกฤติหนัก อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลายสิบปี
ย้อนรอย...น้ำท่วมกัดเซาะวิหารหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์ วัดประโชติการาม จังหวัดสิงห์บุรี และมณฑปโบราณสถานอายุกว่า 700 ปี ถูกเปิดประเด็นโพสต์ร้องทุกข์ไว้ในห้องศาสนา www.pantip.com ตั้งแต่กลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา
วัดประโชติการาม อยู่ทิศเหนือ ห่างตัวจังหวัด 5 กิโลเมตร ในพื้นที่ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง....เดินทางไปง่าย ใช้เส้นทางถนนสิงห์บุรี-ชัยนาท
"หลวงพ่อทรัพย์" สูง 6 วา 7 นิ้ว... "หลวงพ่อสิน" สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ด้านหลังมีซุ้มเรือนแก้วอยู่บริเวณพระเศียร ทั้งสององค์เป็นพระพุทธรูปสมัยสุโขทัย ส่วนพระพักตร์มีลักษณะของอู่ทองผสม บ่งชี้ถึงอายุการสร้างหลายร้อยปี
จัดเป็นพระอัฏฐารส ยืนซ้อนกันคู่เดียวในไทยและมีพระนามอันเป็นมงคลนามแก่ผู้ได้มาสักการะ
หน้าฝน...ผลจากน้ำท่วม บวกฝนที่ตกลงมาเซาะฐานหลวงพ่อทุกวัน องค์หลวงพ่อสินได้เอียงลงมาข้างหน้า 25 เซนติเมตร จนต้องนำเหล็กมาค้ำ...กันหลวงพ่อไม่ให้ล้ม
ล่าสุด...ผู้ว่าฯ ในฐานะหัวเรือใหญ่ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กรมศิลปากร ได้เข้ามาเร่งดำเนินการบูรณะอย่างเต็มกำลัง คาดว่าเดือนหน้านี้จะเริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น
"การบูรณะ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า...ปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นอยู่ใต้ดิน อยู่ที่ฐานรากของวิหารหลวงพ่อสิน...หลวงพ่อทรัพย์"
พระครูเกษมธรรมโชติ เจ้าอาวาสวัดประโชติการาม บอก
อย่างที่เคยกล่าวไปแล้วว่า...ขอวิงวอนให้ผู้ที่มีความรู้จริงเรื่องโบราณสถาน เข้ามาดูที่วัด พร้อมรีบก่อสร้างซ่อมแซมโดยด่วน
"งานนี้...ขุดทิ้งมาได้ปีเศษแล้วไม่มีอะไรคืบหน้าเลย อาตมาจะได้ขอคำปรึกษากับผู้ที่รู้จริง จะได้ดำเนินการแก้ไขก่อสร้างต่อไป"
พระครูเกษม เล่าว่า ที่ผ่านมา...วัดนี้มีการบูรณะวิหารหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์และมณฑป ที่เป็นพระยืนคู่บ้านคู่เมืองของชาว ต.บางกระบือ มาช้านานและเป็นพระยืนคู่เดียวมีแห่งเดียวในประเทศไทย เป็นพระปางห้ามญาติประจำคนเกิดวันจันทร์
การปรับภูมิทัศน์ ทำในพื้นที่บริเวณรอบองค์พระกว้าง 6 เมตร... ยาว 50 เมตร เนื้อที่ 2,000 ตารางเมตร ด้วยงบพัฒนาจังหวัด 10.49 ล้านบาท
การขุดนั้นขุดลึกลงไป 3 เมตร แนวรอบวิหารหลวงพ่อสิน และมณฑปหลวงพ่อทรัพย์ ปรากฏว่า...พบแนวกำแพงโบราณเป็นลายปูนปั้นช่อฟ้า ใบระกา
และแนวกำแพงที่เรียกว่า "ฐานไพที" ล้อมรอบอุโบสถ วิหาร หรือ มณฑป สมัยกรุงสุโขทัย โดยมีอายุกว่า 700 ปี ยาวประมาณ 20 เมตร
ฐานไพที...มี 2 ชั้น อีกชั้นหนึ่งคาดว่า เมื่อบริเวณวัดถูกน้ำท่วมบ่อยๆ ชาวบ้านก็อาจจะมาสร้างกำแพงอีกชั้นหนึ่ง นำดินมาถมอัดเพื่อไม่ให้น้ำซึมเข้ามาท่วมองค์พระ หรือขยายแนวกำแพง เพื่อที่จะขยายแนว พระจะได้เดินจงกรมได้สะดวกขึ้น
หลังแนวพระอุโบสถหลังเก่ายังพบแนวเจดีย์ เป็นปูนฐานแปดเหลี่ยม กว้าง 12 คูณ 12 เมตร สันนิษฐานว่า...เจดีย์องค์นี้ น่าจะมีความสูง 18 เมตร แต่มีร่องรอยการขุดกรุพระไปเมื่อประมาณ พ.ศ.2500
วัดประโชติการาม...น้ำท่วมทุกปี พระครูเกษมธรรมโชติ บอกว่า ถ้าน้ำเข้าก็ท่วมวัด ท่วมหลวงพ่อ ปี...2538-2539 ก็ท่วมหนัก วิหารเริ่มมีรอยร้าวให้เห็นบ้าง
แต่ปี 2545...น้ำท่วมหนักที่สุด ระดับน้ำสูงกว่า 2 เมตร ขังอยู่ในวัด เพราะน้ำระบายออกไปไหนไม่ได้ ติดแนวถนน...แนวคันดินขวางเอาไว้
มาถึงปี 2549 ก็หนัก แต่ระดับน้ำไม่สูงมากนัก ในวัดเฉลี่ยอยู่ที่ 1.7 เมตร...
หลวงพ่อในวิหารก็ยืนแช่น้ำ
"ตอนนั้น จำได้ว่า...รถใหญ่ๆวิ่งบนถนนไม่ไกลจากวัด แรงสะเทือน สั่นไหวทำให้พื้นวิหารร้าวขึ้นมาบ้างแล้ว..."
ปีนี้เอง...รอยร้าวเพิ่มมากขึ้น แตกยาวผ่ากลางวิหาร ภาครัฐจึงเสนอให้งบมาบูรณะองค์พระ ทำให้มีการรื้อ...ขุดพระวิหารในปี 2552
ต่อมา...การทำงานมีความซับซ้อนมากขึ้น เมื่อจะสร้างวิหารใหม่ก็พบแนวกำแพงโบราณอยู่ใต้องค์พระจึงมีการขุดรอบวิหาร โดยกรมศิลปากร และงบประมาณ จะถมดิน หรือปรับแต่ง ก็ไม่มีรองรับ
ทำให้...พระประธานสององค์ และมณฑปที่ครอบอยู่โดนขุดล้อมไปหมด วิหารรอบองค์พระ ก็ไม่มีดินรองรับที่หนาแน่นพอ
สภาพดินทั้งหมดบริเวณนี้จึงย่ำแย่มาก โดยเฉพาะการซับน้ำฝนเอาไว้จนอ่อนตัว มาถึงปีนี้...ต้องผ่านหน้าฝนมาสองครั้งแล้ว ชัดเจนว่าฝนปีนี้ทำให้แนวอิฐโบราณ ที่ขุดเอาไว้เป็นร่อง เริ่มพังลงมาอย่างชัดเจน
ช่วงที่ขุดทุบเพื่อจะสร้างวิหารใหม่ ปรากฏว่า...ยิ่งทุบก็ยิ่งเจอของเก่าโบราณ...ขุดจนรอบพระวิหาร แล้ว...ก็จากไป ทิ้งร่องรอยเอาไว้อย่างที่เห็นในวันนี้
"หลวงพ่อทรัพย์" สูง 6 วา 7 นิ้ว... "หลวงพ่อสิน" สูง 3 วา 3 ศอก 5 นิ้ว ถูกเรียกว่า "พระอัฏฐารส" ก็เพราะว่าเป็นพระพุทธรูปประทับยืนที่มีความสูง 18 ศอกหรือมากกว่านั้น
"พระอัฏฐารส" นิยมสร้างมากในสมัยสุโขทัย คาดว่าได้รับคตินิยมจากพุทธศาสนาแบบลังกาวงศ์ โดยจะสร้างไว้ประจำพระนคร หรือหัวเมืองใหญ่
เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขปราศจากสงคราม ป้องกันความแตกแยกของคนในชาติ ให้คนในชาติเกิดความรักความสามัคคี และให้ประเทศชาติสถิตสถาพรมั่นคงยั่งยืนนาน
ประหนึ่ง...พระพุทธปฏิมากรประทับยืนสถิตสถาพรเป็นนิรันดร์
ประเทศไทย พบว่า มีพระอัฏฐารสอยู่หลายองค์ เช่น ที่วัดมหาธาตุและวัดสะพานหิน สุโขทัย, วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ พิษณุโลก, วัดเจดีย์หลวง เชียงใหม่, วัดสระเกศ กรุงเทพฯ แต่ที่มีลักษณะที่แปลก...มีสององค์ ประทับยืนซ้อนกันในแนวขนาน มีแค่ที่วัดประโชติการาม แห่งเดียวเท่านั้น
คำบอกเล่าจากผู้ศรัทธาที่ไปสักการะหลวงพ่อสิน...หลวงพ่อทรัพย์ บอกตรงกันว่า วัดนี้...น้ำท่วมได้ง่ายมาก เมื่อไม่กี่ปีก่อนน้ำท่วมสูงเลยกำแพงที่ล้อมพระสองรูปนี้ด้วยซ้ำ
ปัญหามีว่า...เมื่อขุดไปเจอกำแพงโบราณ กรมศิลปฯจึงให้ขุดดูให้หมด ใครที่ไปเห็นสภาพพื้นที่วัดนี้แล้ว จะเห็นรอยขุดรอบไปหมด...รอบวิหาร...รอบองค์พระ ทำให้อันตรายต่อดินถล่ม และวิหารพังอย่างมาก
"หน้าฝน ถ้าน้ำท่วมเหมือนเมื่อสี่ห้าปีก่อน ก็คงจะถล่มหมดไปแล้ว"
ผู้ที่เคยไปทำบุญวัดนี้เห็นตรงกันว่า "พระหลวงพ่อสิน...หลวงพ่อทรัพย์ กำลังตกอยู่ในอันตราย" ไม่แน่ว่าเพียงแค่สิบล้อวิ่งผ่าน หรือมีการตอกเสาเข็มใกล้ๆ พระยืนทั้งสององค์ที่อยู่บนดินชุ่มน้ำที่อ่อนนุ่ม อาจจะพังลงมาได้แล้ว
ที่อยู่มาได้ทุกวันนี้ หลายคนเมื่อเห็นภาพตรงหน้าก็คิดว่า...น่าจะเป็นบุญของเทวดาช่วยประคองกันเต็มที่
ที่ได้ยินเสียงเล่าลือกันมา...เวลาฝนตกหนักๆ บางครั้งมีหลุมที่น้ำไหลวนลงไปเร็วมากที่ช่องแตกของพื้นปูนหน้าวิหาร ทางวัดก็ตกใจคิดว่า ตรงนั้นเป็นหลุมกลวง แต่เมื่อเปิดดูก็ไม่พบหลุมเลย
ถึงวันนี้ยังงงกันอยู่ว่า...น้ำหายไปทางรูไหน
ตามประสาคนไทย ก็ยิ่งพูดกันไปต่างๆนานาว่า อาจมีพญานาคมาช่วยดูดน้ำออกไปก็เป็นได้ ความเป็นจริงมีว่า...เรื่องนี้จะหวังพึ่งเทวดาไม่ได้ เพราะโบราณสถานหลายแห่งก็เสียหาย พังทลายมาแล้วนักต่อนัก ถ้าไม่ได้รับการซ่อมแซมที่ดีพอ
อย่างไรก็ตาม วันนี้ก็ได้ข้อสรุปว่า วิหารหลวงพ่อสิน หลวงพ่อทรัพย์ วัดประโชติการาม จังหวัดสิงห์บุรี และมณฑปโบราณสถานอายุกว่า 700 ปี จะได้รับการบูรณะไม่ให้พังทลาย สูญสลายไปอย่างแน่นอน
พระครูเกษมธรรมโชติ เจ้าอาวาสวัดประโชติการาม ตั้งหวังเอาไว้ว่าภาพการบูรณะที่อยากเห็นคือวิหาร (ใหม่) ที่งดงาม แข็งแรง...ภายใต้บรรยากาศเก่า แนวกำแพงอิฐโบราณล้ำค่า ที่อยู่ลึกใต้ดิน 1.5 เมตร
หน้าฝน น้ำท่วมปีหน้า จะได้เห็นความคืบหน้ามากน้อยแค่ไหน พลังศรัทธา "หลวงพ่อทรัพย์"..."หลวงพ่อสิน" มีส่วนช่วยได้มากทีเดียว.
จากคุณ |
:
เป็ดพะโล้ (เป็ดน้อยสีขาว)
|
เขียนเมื่อ |
:
19 ต.ค. 53 11:20:20
|
|
|
|
|