กระทั่งเมื่อท่านอายุได้ 75 พรรษา ระหว่างที่ธุดงค์เร่ร่อนหลบภัยสงครามในประเทศไปอยู่ที่เมืองซึมิโยชิ
ท่านได้พบกับ"โมริ" ศิลปินขอทานตาบอด และท่านได้รับนางเป็นภรรยา
ทั้งคู่ได้ใช้ชีวิตร่วมกันคืนเดียว "โมริ" ก็หนีไปเพราะเกิดความอับอายและเกรงว่าตนจะทำให้ท่านอิ๊กคิวซังเสื่อมเสียชื่อเสียง
แต่นางก็กลับมาหาอิ๊กคิวอีกหน เพราะไม่สามารถดำรงชีวิตลำพังได้ในสภาวะสงคราม
ท่านประพันธ์โคลง "Calling My Hand Mori's Hand" ไว้ครับ
My hand, how it resembles Mori's hand.
I believe the lady is the master of loveplay;
If I get ill, she can cure the jeweled stem.
And then they rejoice, the monks at my meeting.
เมื่ออายุได้ 85 ปี จักรพรรดิทรงแต่งตั้งให้"อิ๊กคิวซัง" เป็นเจ้าอาวาสวัดไดโตะกุจิ ซึ่งเป็นวัดหลวงที่สำคัญที่สุดในสมัยนั้น เมื่อไม่สามารถขัดพระราชประสงค์ได้ อิ๊กคิวซังจึงยอมรับตำแหน่ง
แต่ท่านรับตำแหน่งเพียงแค่วันเดียวก็ลาออก และกลับไปอยู่วัดเมียวโชจิ ที่ท่านสร้าง
"อิ๊คคิวซัง" มรณภาพหลังจากกลับมาอยู่วัดเมียวโชจิได้เพียง 2 ปี
โดยท่านป่วยเป็นมาลาเรีย และละสังขารในท่านั่งสมาธิในอ้อมกอดของโมริ ภรรยาของท่าน
ในเวลา 21 พฤศจิกายน ค.ศ.1481(พ.ศ.2024)
"อิ๊คคิวซัง" มรณภาพเมื่ออายุ 88 ปี
รูปวัดไดโตะกุจิ Daitoku-ji ตามข้อมูลว่าเป็นวัดใหญ่ที่สุดทางตะวันออกเฉียงเหนือเกียวโต
แก้ไขเมื่อ 21 ต.ค. 53 23:46:30