ความคิดเห็นที่ 1 01 หมายเหตุ กินติสูตร เล่ม 14 ข้อ 44 http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=กินติสูตร&book=9&bookZ=33 แก้ไขเมื่อ 16 ธ.ค. 53 09:47:07 แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 11:35:31 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:34:38

ความคิดเห็นที่ 2 02 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:35:04

ความคิดเห็นที่ 3 03 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:35:32

ความคิดเห็นที่ 4 04 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:35:55

ความคิดเห็นที่ 5 05 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:36:26

ความคิดเห็นที่ 6 06 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:36:51

ความคิดเห็นที่ 7 07 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:37:16

ความคิดเห็นที่ 8 08 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:37:45

ความคิดเห็นที่ 9 09 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:38:15

ความคิดเห็นที่ 10 10 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:38:43

ความคิดเห็นที่ 11 11 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:39:09

ความคิดเห็นที่ 12 12 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:39:30

ความคิดเห็นที่ 13 จบแล้ว ขอเชิญทุกท่านแสดงความเห็นกันตามอัธยาศัย ** ลืม ว่าจะแตกกระทู้มาจากกระทู้เดิม โพสต์จนเสร็จแล้ว ** ที่มาของกระทู้นี้คือ กระทู้ http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/11/Y9915529/Y9915529.html (แก้ไขลิ้งค์ เนื่องจากกระทู้ถูกเก็บเข้าคลังกระทู้ไปแล้ว) ท่านใดอ่านไม่รู้เรื่อง คงต้องย้อนไปอ่านกระทู้ข้างบน ^ ขออภัยในความไม่ค่อยสะดวก แก้ไขเมื่อ 22 ธ.ค. 53 11:40:25 แก้ไขเมื่อ 08 ธ.ค. 53 18:51:29 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 18:42:25

ความคิดเห็นที่ 14 5555 เอามาจนได้ จากคุณ : bigjinbook เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 20:34:34

ความคิดเห็นที่ 15 ชอบจังในข้อความส่งท้ายของคุณฤทธี  ขอบคุณที่วิเคราะห์ให้ฟัง และคุณชาล้นถ้วยที่นำมาให้อ่าน จากคุณ : กัป' เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 20:41:11

ความคิดเห็นที่ 16 คุณชาล้นถ้วย... ผมเข้าใจว่า พุทธพจน์ แปลว่า "คำสอน"ของพระพุทธองค์ ไม่ได้แปลว่า"คำพูด"ของพระพุทธองค์... ถ้าจะใช้ในความหมายเป็น"คำพูด"ของพระพุทธองค์ จะใช้คำว่า"พุทธดำรัส"... ดังนั้น พระวินัยปิฎก และพระสุตันตปิฎก จึงเป็นพุทธพจน์ที่อยู่ในรูปพุทธดำรัส... ในขณะที่พระอภิธรรมปิฎก เป็นพุทธพจน์ที่"ไม่"อยู่ในรูปของพุทธดำรัส.... คือถ้านิยามไม่ตรงกัน จะเถียงกันไม่รู้จบ เพราะอีกฝ่ายบอกว่าพระอภิธรรมไม่ใช่พุทธพจน์ (คือมองว่าไม่ใช่พุทธดำรัส) ในขณะที่อีกฝ่ายยืนยันว่าพระอภิธรรมเป็นพุทธพจน์(เพราะมองว่าเนื้อหาของพระอภิธรรมคือ"คำสอน"ของพระพุทธองค์ -แม้ว่าจะไม่อยู่ในรูปพุทธดำรัสก็ตาม)... เพราะฉะนั้น การปฏิเสธพระอภิธรรมว่าไม่ใช่"คำพูด"ของพระพุทธองค์นั้นปฏิเสธได้ แต่จะปฏิเสธว่าพระอภิธรรมไม่ใช่"คำสอน"ของพระพุทธองค์นั้น เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังให้มาก... จากคุณ : pae2010 เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 21:04:01

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ : bigjinbook จุดธูปเชิญ คุณ By Jupiter มาหน่อยนะ แฟนคลับใคร แฟนคลับมัน จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 21:59:16

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ : pae2010 ความหมายของ พจน จาก พจนานุกรมราชบัณทิต ดูที่ http://rirs3.royin.go.th/word28/word-28-a1.asp http://rirs3.royin.go.th/new-search/word-18-search.asp เอ้า ดูพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ปี 2546 หน้า 163 บ้าง (เข้าเว็บไม่ได้ เปิดหนังสือเอาก็ได้ฟะ) พุทธพจน์  พระดำรัสของพระพุทธเจ้า, คำพูดของพระพุทธเจ้า แถมอีกคำ หน้า 271 สัตถุศาสตร์, สัตถุสาสน์  คำสั่งสอนของพระศาสดา หมายถึงพระพุทธพจน์; ดู นวังคสัตถุศาสน์ อย่างไรก็ตามต้องให้แต่ละฝ่ายที่ถกกันอยู่ในกระทู้ พุทธทาสชวนฉีกพระไตรปิฎก : มุมมองของพระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต) http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y9915529/Y9915529.html มาบอกเองว่า เขาหมายถึงอะไรกันบ้าง แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 11:54:56 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 53 22:16:05

ความคิดเห็นที่ 19 จะไปตีความว่า  อรรถกถา คือ สาวกพจน์ ก็ผิดนะซี  เพราะอรรถกถา  คือ ปกิณณกเทศนา  ที่มาพร้อมกับการสังคายนาครั้งแรก  เป็นคำสอนเบ็ดเตล็ดย่อยๆของพระพุทธเจ้าที่ถูกรวบรวมไว้อีกแบบหนึ่ง (ซึ่งเอาผสมในพระไตรปิฏกบ้างคือส่วนที่เป็นขุททกนิกายบางส่วน)  ไม่ได้เอามาสวดพร้อมๆกันแบบเป็นสูตรๆในตอนทำสังคายนา  พระสาวกทั้งหลาย  ไม่ได้แต่งเนื้อความในอรรถกถา   ท่านเพียงเอามาเรียบเรียงเท่านั้น  ซึ่งในตอนแรก พระอรรถถกาจารย์ท่านก็อ้างนำเป็นอารัมภบทไว้แล้วทุกๆครั้งว่า  ท่านอาราธนานำพระพุทธวจนะมาเรียบเรียง   ท่านไม่ได้แต่งเอาเอง   อีกอย่างหนึ่งต้องเข้าใจว่า  นัยะของธรรมในพระสูตร  จะมีเงื่อนแง่หลายๆแง่มุม   ในกรณีนั้นที่บอกว่า  อภิธรรมหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ นั้น  ท่านหมายถึงเฉพาะข้อความของตอนนั้นของสูตรนั้น เท่านั้น  แต่ไม่ใช่หมายถึงเป็นการสรุปตีความหมายระบุลงไปเลยจากสูตรนี้ว่า  พระอภิธรรมมีความหมายแค่นั้น   เพราะคำว่า อภิธรรม  มีความหมายครอบคลุมได้กว้างขวางไปหมด    ซึ่งคำที่เป็นคำเดียวกัน  แต่เมื่อปรากฏในกรณีต่างๆกัน ในเนื้อหาต่างๆกัน  ความหมายของคำนั้นก็ต่างกันไป     เช่น คำว่าสวรรค์  บางสูตรก็หมายถึงสวรรค์จริงๆที่เป็นภพภูมิ  แต่บางสูตรก็หมายถึงสวรรค์ทางอายตนะ  (เช่นเห็นรูปสวยก็คือสวรรค์ทางตา)    ... ดังนั้น จะเอาความหมายเฉพาะของคำนั้นๆ ในกรณีนั้นๆ  ไปตีครอบคลุมความหมายรวมไปหมด  ย่อมหลงทางจนได้    ความหมายในพระสูตร  มีเงื่อนแง่พลิกแพลงไปได้หลายๆแบบ  เพราะมีเปลือก มีอุปมาอปุมัย  มีโวหารสำนวน  ผสมมากมาย   จึงต้องระวังในการตีความ  ...ไม่ได้มีความหมายตรงๆชัดๆเป็นแก่นแบบในพระอภิธรรม แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 02:30:56 แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 02:17:40 จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 01:14:14

ความคิดเห็นที่ 20 เมื่อไม่ยอมรับ พระอภิธรรมปิฏก อรรถกถา ของเถรวาทแล้ว   ก็ตามด้วย พระวินัย พระสูตร เหล่านี้ด้วย ตาม ทิฏฐิของท่านพุทธทาส จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 06:29:49

ความคิดเห็นที่ 21 เมื่อ ไม่ยอมรับสุตตะ(พระไตรปิฏก)  ทิฏฐิที่แสดงออกมาก็เลยทำลายชินจักร ดังนี้ การวิจารณ์พระอภิธรรม ของท่านพุทธทาส http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chalermsakm&month=11-2010&date=15&group=1&gblog=2 การกล่าวตู่ปฏิจจสมุปบาทธรรม ของท่านพุทธทาส http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=chalermsakm&month=11-2010&date=21&group=1&gblog=3 จากคุณ : เฉลิมศักดิ์1 เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 06:34:18

ความคิดเห็นที่ 22 วานคุณ เฉลิมศักดิ์ "แกะ" ลายมือที่สแกนหน่อยสิครับ ปวดตับ เอ้ย ปวดตา จากคุณ : hollowpig เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 07:24:18

ความคิดเห็นที่ 23 กระทู้นี้ไม่มีประเด็นเกี่ยวข้องกับท่านพุทธทาส กระทู้นี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับอภิธรรม ขอเชิญคุณเฉลิมศักดิ์ไปตั้งกระทู้เอาใหม่ และข้าพเจ้าในฐานะ จขกท. ขอใช้สิทธิกดลบ คห. 20-21 ของคุณเฉลิมศักดิ์ ท่านใดเข้ามาอ่านขอให้ช่วยกดลบ คห. คุณเฉลิมศักดิ์ด้วย เพื่อความสงบเรียบร้อยแห่งกระทู้ ที่ควรจะคุยกันด้วยปัญญา คุณเฉลิมศักดิ์กรุณาอย่ามาออกอาการแผ่นเสียงตกร่องที่กระทู้นี้เลย เดี๋ยวผู้คนเขาก็เชื่อว่าคุณเป็นโรคจิตจริงๆ หรอก 10 ปี ไม่ทำอะไร นอกจากเดินสายโจมตีท่านพุทธทาส เชิญคุณเฉลิมศักดิ์ไปที่กระทู้แนะนำของคุณ Eva ข้างบนโน่น จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 08:22:52

ความคิดเห็นที่ 24 ขออภัย ขอลบของคุณ : hollowpig ด้วยนะ เพื่อไม่ให้กระทู้รก เชิญท่าน hollowpig ที่กระทู้แนะนำของคุณ EvaAngelion ด้านบน เขาถกเรื่องนี้กันอยู่แล้ว ขอความร่วมมือทุกท่านที่เข้ามาอ่านและตอบกระทู้ ขอให้อยู่ในประเด็นด้วย แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 08:38:58 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 08:37:31

ความคิดเห็นที่ 25 ส่วนตัวไม่คอยมีความรู้เรื่อง พระไตรปิฏกครับ แต่ความคิดผมเทน้ำหนักไปทาง อภิธัมเม จากพุทธพจน์ เป็นคำจำเพาะเจาะจง ที่มีความหมายต่างจาก อภิธรรมปิฏกครับ เข้าใจว่า ธรรมอันยิ่ง คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ หมายไปในเชิงธรรม อันเป็นหนทาง เส้นทาง สำหรับผู้ที่มุ่งไปสู่เป้าหมายสู่สุดของพุทธศาสนา แต่พระพุทธเจ้า ก็ไม่ได้ละทิ้ง ผู้ที่ยังไม่เห็นว่า เป้าหมายสุงสุด เป็นสิ่งที่น่าแสวงหา อันเนื่องจาก พื้นฐานทางด้านจิตใจ ของบุคคล ที่ต่างกัน จึงยังมี ธรรมประเภทปลีกย่อย ที่แสดงให้บุุคคลเหล่านั้นใช้เป็นแนวทางประพฤติ ให้สมควรแ่ก่กำลัง สติปัญญา ของบุคคล แต่ อภิธรรมปิฏก คือ ปรมัตถรรม ได้แก่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน ที่พระพุทธเจ้าแสดงแก่พระอานนท์( หลังจากโปรดพุทธมารดา) สรุป ความเข้าใจ บาลี อภิธัมเม จากพุทธพจน์ ไม่ได้หมายถึง ปรมัตถธรรม ใน พระไตรปิฏก และ อภิธรรมปิฎก ก็เป็นคนละเรื่องกับ  พุทธพจน์ เี่กี่ยวกับโพธิปักกขิยธรรม ๓๗ ข้อโต้แย้งดังกลาว น่าจะเกิดจาก สำนวนภาษาจาก การแปลความหมายบาลี ที่ต่างกัน ผมเข้าใจว่า พุทธพจน์ ที่มาจากพระพุทธพจน์โดยตรง ไม่มีปรากฏ ในบาลี เลยเสียด้วยซ้ำ เพราะพระไตรปิฎก ล้วน เกิดจาก การถ่ายทอด พุทธพจน์ โดย สาวก ทั้งนั้น พระไตรปิฎก เกิดจากการสังคายนา หลังจาก พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันแล้ว คงจะไม่มีโอกาส ที่จะถ่ายทอดลงคำภีร์ด้วยพระองค์เอง ไม่ว่า ความจริงจะเป็นเช่นไร อภิธรรมปิฎก ที่ชาวพุทธทั่วโลกเข้าใจตรงกันว่า คือ ปรมัตถธรรม นั้น เป็นเนื้อหาที่น่าสนใจ น่าศึกษา น่าจะพิสูจน์ ทดลอง ด้วนตนเอง เป็นอย่างยิ่ง แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 10:55:05 จากคุณ : นายไวรัส เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 10:40:59

ความคิดเห็นที่ 26 คุณศิษย์พระป่า ตั้งสติ อ่าน กินติสูตร อีกครั้ง http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/sutta_name.php?name=กินติสูตร&book=9&bookZ=33 [๔๔] พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เป็นอันว่าพวกเธอมีความดำริในเราอย่าง นี้ว่า พระผู้มีพระภาคผู้อนุเคราะห์ แสวงหาประโยชน์เกื้อกูล อาศัยความ อนุเคราะห์แสดงธรรม เพราะฉะนั้นแล ธรรมเหล่าใด อันเราแสดงแล้วแก่เธอ ทั้งหลายด้วยความรู้ยิ่ง คือ สติปัฏฐาน ๔ สัมมัปปธาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ อริยมรรคมีองค์ ๘ เธอทั้งปวงพึงเป็นผู้พร้อมเพรียงกัน ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน ศึกษาอยู่ในธรรมเหล่านั้น ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็เมื่อ พวกเธอนั้นพร้อมเพรียงกัน ยินดีต่อกัน ไม่วิวาทกัน ศึกษาอยู่ จะพึงมีภิกษุ ผู้กล่าวต่างกันในธรรมอันยิ่ง เป็นสองรูป ฯ เสร็จแล้วก็อ่านตรงนี้ ทั้งนี้ ขอเตือนความทรงจำของท่านทั้งหลายเอาใว้ด้วยว่า แม้แต่อรรถกถาจารย์ ท่านยังกล่าวเป็นหลักการเอาใว้เลยทีเดียวว่า “เมื่อค้านสุตตะ ก็คือ ค้านพระพุทธเจ้า”   จำเพาะถ้อยคำส่วนนี้ ต้องถือว่าเป็นท่าทีที่สำคัญยิ่งสำหรับชาวพุทธ(เถรวาท) โดยที่ผมยังคงหวังอยู่ว่า ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นนักศึกษาพระพุทธศาสนา จะไม่คลาดเคลื่อนไปจากหลักการนี้เป็นอันขาด แล้วก็อ่านตรงนี้ ขอพ่วงหลักเกณฑ์ในการจัดลำดับความสำคัญของคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งลดหลั่นกันลงมา เป็น 4 ระดับ คือ . ๑) สุตตะ ได้แก่ พระไตรปิฎก ๒) สุตตานุโลม ได้แก่ มหาปเทส (ยอมรับอรรถกถาด้วย) ๓) อาจริยวาท ได้แก่ อรรถกถา (พ่วงฎีกา อนุฎีกาด้วย) ๔) อัตตโนมติ ได้แก่ มติของบุคคลที่นอกจากสามข้อต้น อย่าบอกนะ ว่าครูบาอาจารย์คุณไม่สอนเรื่องพวกนี้ เดี๋ยวเสียชื่อไปถึงหลวงปู่ ท. ท่านเปล่าๆ ความต่างระหว่าง "พุทธพจน์" กับ "อรรถกถา" คนโง่ๆ อย่างข้าพเจ้ายังแยกออกเลย แล้วไฉน ผู้ที่เป็นถึงขนาด "ศิษย์พระป่า" ถึงแสดงอาการปล่อยไก่ออกมาได้ว่า "อรรถกถา เป็น พุทธพจน์" หุ หุ รายละเอียด เก็บไว้ให้คุณฤทธีตอบละกัน ใจเย็นๆ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 11:14:38 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 11:08:11

ความคิดเห็นที่ 27 ในกรณีนั้นที่บอกว่า  อภิธรรมหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ นั้น  ท่านหมายถึงเฉพาะข้อความของตอนนั้นของสูตรนั้น เท่านั้น แต่ไม่ใช่หมายถึงเป็นการสรุปตีความหมายระบุลงไปเลยจากสูตรนี้ว่า  พระอภิธรรมมีความหมายแค่นั้น   เพราะคำว่า อภิธรรม  มีความหมายครอบคลุมได้กว้างขวางไปหมด อ้างจาก ศิษย์พระป่า --------------------------- เอ้า อ่านข้างล่างอีกที แล้วรีบไปหามา ว่าในระดับพระสูตร อภิธมฺเม มีความหมายอย่างอื่น อยู่ที่ไหน อย่าพูดลอยลม อย่าเอาแต่ปล่อยไก่ แสดงความไร้ปัญญาอยู่เลยท่าน แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 11:23:52 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 11:21:36

ความคิดเห็นที่ 28 คุณชาฯ  เขาจัดเป็น ๙  เรียกวัานวางคสัตถุศาสน์ ไม่ใช่แค่ ๔   ทำไมคุณเอามาแค่ ๔ ?? เอาไปทิ้งเสียที่ไหนอีก ๕  แค่นี้ก็แสดงว่าคุณมั่วแบบสุ่มๆเอาแบบอาจารย์สวนโมกข์ของคุณกระมัง   ที่คิดจะฉีกจะตัดอะไรจากตำราเก่าแก่ดั้งเดิมเอาตามความเห็นของตน ฮ่าๆๆ..(อภิธรรมจัดอยู่ใน  เวยยากรณะ ๑ ใน ๕  ซึ่งคุณไม่ยกเอามานั่นแหละ )  อรรถกถา  ไม่เคยมีอรรถกถาจารย์รูปไหนที่เรียบเรียงอรรถกถาบอกว่าตนเองเป็นผู้แต่ง   ในอารัมภบทเริ่มต้นของอรรถกถาทุกๆเรื่อง อันนี้ก็บอกชัดอยู่แล้ว  แล้วคุณยังจะไปยัดเยียดว่าอรรถกถาเป็นการแต่งเอาเองโดยมติของอรรถกถาจารย์ว่าเอาเอง    จะไปว่าแบบนั้นได้ไงกัน??..   คุณเองนั้นแหละ  ต้องอ่านให้เข้าใจ  หรือไม่เคยอ่านอรรถกถามาบ้างเลย  แค่หน้าแรกของอรรถกถาก็ไม่เคยอ่านกระมัง   ใช่ไหม ?   เรื่องโพิปักขิยธรรม  ก็บอกไปแล้ว  ว่าในสูตรนั้น ท่านหมายถึงเฉพาะว่า   โพธิปักขิยธรรม ๓๗ นั้น คืออภิธรรม  แต่ไม่ใช่อภิธรรมหมายถึงแค่โพธิปักขิยธรรม ๓๗ นั้น ..ทำนองการพูดว่า  แมวเป็นสัตว์  ก็ไม่ใช่หมายถึงว่า สัตว์เป็นได้แค่แมว เท่านั้น อย่างอื่นๆไม่อาจจะเป็นสัตว์ได้  แต่ที่จริงคือยังมีสัตว์อื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ... ก็ตรรกะเดียวกัน นั่นเอง   ก็บอกแล้วว่า  นัยะของพระสูตร  สามารถแตกไปได้หลายๆนัยะ  ไม่ใช่เจาะจงไปเฉพาะอย่างเดียว   เพราะในพระสูตรเต็มไปด้วยสำนวนโวหารเปรียบเทียบต่างๆมากมาย  ดังที่ยกตัวอย่างของความหมาย  สวรรค์ ในความเห็นข้างบนนั่นแหละ  ยังมีอื่นๆอีกมากมายทำนองนี่้ ...แต่ถ้าในพระอภิธรรม ความหมายจะชัดเจนตรงเป๊ะ ตามแก่นแท้ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 13:20:51 จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 12:06:11

ความคิดเห็นที่ 29 คุณชาฯ  เขาจัดเป็น ๙  เรียกว่านวางคสัตถุศาสน์ ไม่ใช่แค่ ๔   ทำไมคุณเอามาแค่ ๔ ?? เอาไปทิ้งเสียที่ไหนอีก ๕   แค่นี้ก็แสดงว่าคุณมั่วแบบสุ่มๆเอาแบบอาจารย์สวนโมกข์ของคุณกระมัง อ้างจาก ศิษย์พระป่า ---------------------------------------------   ก่อนจะคุยอะไรก็สัมมาวาจาก่อนนะท่าน เดี๋ยวจะว่าไม่เตือน http://www.84000.org/tipitaka/read/v.php?B=02&A=4576&Z=4905 สำรวจศีลของท่านก่อน จะได้มั่นใจว่า ผลปฏิบัติที่แสดงไว้ตามกระทู้ต่างๆ น่ะของจริง มรรคไม่ครบนะท่าน สัมมาวาจาๆๆๆๆ ทรงบัญญัติสิกขาบท             พระผู้มีพระภาคครั้นทรงติเตียนพระหัตถกะศากยบุตร โดยอเนกปริยายดังนี้แล้ว ตรัสโทษแห่งความเป็นคนเลี้ยงยาก ความเป็นคนบำรุงยาก ความเป็นคนมักมาก ความเป็นคนไม่ สันโดษ ความคลุกคลี ความเกียจคร้าน ตรัสคุณแห่งความเป็นคนเลี้ยงง่าย ความเป็นคน บำรุงง่าย ความมักน้อย ความสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัด อาการที่น่าเลื่อมใส การไม่ สะสม การปรารภความเพียร โดยอเนกปริยาย, ทรงกระทำธรรมีกถาที่สมควรแก่เรื่องนั้น ที่เหมาะสมแก่เรื่องนั้น แก่ภิกษุทั้งหลาย แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า             ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติสิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจ ประโยชน์ ๑๐ ประการ คือ เพื่อความรับว่าดีแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อความสำราญแห่งสงฆ์ ๑ เพื่อข่ม บุคคลผู้เก้อยาก ๑ เพื่ออยู่สำราญแห่งภิกษุผู้มีศีลเป็นที่รัก ๑ เพื่อป้องกันอาสวะอันจะบังเกิดใน ปัจจุบัน ๑ เพื่อกำจัดอาสวะอันจักบังเกิดในอนาคต ๑ เพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่ เลื่อมใส ๑ เพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ๑ เพื่อความตั้งมั่นแห่งพระสัทธรรม ๑ เพื่อถือตามพระวินัย ๑.             ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:- พระบัญญัติ             ๕๐. ๑. เป็นปาจิตตีย์ในเพราะสัมปชามุสาวาท. เรื่องพระหัตถกะศากยบุตร จบ. สิกขาบทวิภังค์             [๑๗๔] ที่ชื่อว่า สัมปชานมุสาวาท ได้แก่ วาจา เสียงที่เปล่ง ถ้อยคำเป็นแนวทาง การเปล่งวาจา เจตนาที่ให้เขาเข้าใจทางวาจา ของบุคคลผู้จงใจจะพูดให้คลาดจากความจริง ได้แก่ คำพูดของอนารยชน ๘ อย่าง คือ ไม่เห็น พูดว่าข้าพเจ้าเห็น ๑, ไม่ได้ยิน พูดว่าข้าพเจ้า ได้ยิน ๑, ไม่ทราบ พูดว่าข้าพเจ้าทราบ ๑, ไม่รู้ พูดว่าข้าพเจ้ารู้ ๑, เห็น พูดว่าข้าพเจ้าไม่เห็น ๑, ได้ยิน พูดว่าข้าพเจ้าไม่ได้ยิน ๑, ทราบ พูดว่าข้าพเจ้าไม่ทราบ ๑, รู้ พูดว่าข้าพเจ้าไม่รู้ ๑. บทภาชนีย์             [๑๗๕] ที่ชื่อว่า ไม่เห็น คือ ไม่เห็นด้วยตา.             ที่ชื่อว่า ไม่ได้ยิน คือ ไม่ได้ยินด้วยหู.             ที่ชื่อว่า ไม่ทราบ คือ ไม่ได้สูดดมด้วยจมูก, ไม่ได้ลิ้มด้วยลิ้น, ไม่ได้สัมผัสด้วยกาย.             ที่ชื่อว่า ไม่รู้ คือ ไม่รู้ด้วยใจ.             ที่ชื่อว่า เห็น คือ เห็นด้วยตา.             ที่ชื่อว่า ได้ยิน คือ ได้ยินด้วยหู.             ที่ชื่อว่า ทราบ คือ ได้สูดดมด้วยจมูก, ได้ลิ้มด้วยลิ้น, ได้สัมผัสด้วยกาย.             ที่ชื่อว่า รู้ คือ รู้ด้วยใจ. ----------------------------------------- อย่ามุสานะท่าน ไหน บอกมาให้ชัดๆ ว่าเห็นด้วยตา หรือ ได้ยินด้วยหู หรือรู้ด้วยใจ ซึ่งข้อความว่า แค่นี้ก็แสดงว่าคุณมั่วแบบสุ่มๆเอาแบบอาจารย์สวนโมกข์ของคุณกระมัง เป็นความจริง ไม่ใช่ความเท็จ เรื่องอื่นๆ เด๊วค่อยว่ากัน อย่าแหกพระวินัยสิท่าน แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 12:58:16 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 12:51:51

ความคิดเห็นที่ 30 อย่าเฉไฉนอกเรื่อง  ...  ตอบมาซีว่า  นวังคสัตถุศาสน์มีอยู่ 9 แล้วทำไมยกมาแค่  4   ?  ขาดไปตั้ง  5   ฮ่าๆๆๆ .....น่าตลก  แล้วยังจะเถียงอีก     แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 13:20:06 จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:09:59

ความคิดเห็นที่ 31 ปั๊ดโธ่ ตะกี้มันเข้าเว็บไม่ได้ ขี้เกียจพิมพ์ มันยาว แค่เนียะนะ ถือโอกาสเอามาดิสเครดิต นวังคสัตถุศาสน์ ไม่ใช่ นวางคสัตถุศาสน์ เขียนให้มันถูกๆ หน่อย คนอื่นเขาจะได้ค้นเจอ http://www.84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=นวังคสัตถุศาสน์ นวังคสัตถุศาสน์ คำสั่งสอนของพระศาสดา มีองค์ ๙, พุทธพจน์มีองค์ประกอบ ๙ อย่าง,       ส่วนประกอบ ๙ อย่างที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า คือ           ๑. สุตตะ (พระสูตรทั้งหลาย รวมทั้งพระวินัยปิฎกและนิทเทส)           ๒. เคยยะ (ความที่มีร้อยแก้วและร้อยกรองผสมกัน ได้แก่ พระสูตรที่มีคาถาทั้งหมด)           ๓. เวยยากรณะ (ไวยากรณ์ คือความร้อยแก้วล้วน ได้แก่ พระอภิธรรมปิฎกทั้งหมด และพระสูตรที่ไม่มีคาถาเป็นต้น)           ๔. คาถา (ความร้อยกรองล้วน เช่น ธรรมบท เถรคาถา เถรีคาถา เป็นต้น)           ๕. อุทาน (ได้แก่ พระคาถาพุทธอุทาน ๘๒ สูตร)           ๖. อิติวุตตกะ (พระสูตรที่เรียกว่าอิติวุตตกะ ๑๑๐ สูตร)           ๗. ชาตกะ (ชาดก ๕๕๐ เรื่อง)           ๘. อัพภูตธรรม (เรื่องอัศจรรย์ คือพระสูตรที่กล่าวถึงข้ออัศจรรย์ต่างๆ)           ๙. เวทัลละ (พระสูตรแบบถามตอบที่ให้เกิดความรู้และความพอใจแล้ว ซักถามยิ่งๆ ขึ้นไป เช่น จูฬเวทัลลสูตร มหาเวทัลลสูตร เป็นต้น);                 เขียนอย่างบาลีเป็น นวังคสัตถุสาสน์;                 ดู ไตรปิฎก เทียบกับ หลักเกณฑ์ในการจัดลำดับความสำคัญของคัมภีร์ต่างๆ ซึ่งลดหลั่นกันลงมา เป็น 4 ระดับ คือ . ๑) สุตตะ ได้แก่ พระไตรปิฎก ๒) สุตตานุโลม ได้แก่ มหาปเทส (ยอมรับอรรถกถาด้วย) ๓) อาจริยวาท ได้แก่ อรรถกถา (พ่วงฎีกา อนุฎีกาด้วย) ๔) อัตตโนมติ ได้แก่ มติของบุคคลที่นอกจากสามข้อต้น นวังคสัตถุศาสน์ คำสั่งสอนของพระศาสดา ท่านเอามามั่วอะไรกับชนิดของคัมภีร์ 4 ชนิด คือ พระไตรปิฎก มหาปเทส อรรถกถา อัตตโนมติ ด้วยเล่า ไก่หมดเล้าหรือยังท่าน เรียกลูกศิษย์มาช่วยจับด้วยนะ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:13:39

ความคิดเห็นที่ 32 เอ้า ทีนี้ก็บอกมา อย่าพูดจาสับปลับ ศีลด่างนะท่าน ว่า เห็นด้วยตา หรือ ได้ยินด้วยหู หรือรู้ด้วยใจ ซึ่งข้อความว่า แค่นี้ก็แสดงว่าคุณมั่วแบบสุ่มๆ เอาแบบอาจารย์สวนโมกข์ของคุณกระมัง เอาแบบหลักฐานเนื้อๆ นะ น้ำลายไม่เอา เหม็น จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:16:31

ความคิดเห็นที่ 33 ประเด็นการจัดลำดับคัมภีร์   มาจัดกันเองทีหลังเพื่อความสะดวกในการเข้าใจเท่านั้น บางครั้ง  ก็จัดเป็น  บาลี   อรรถกถา  ฏีกา   อนุฏีกา     เกจิอาจารย์    อัตตโนมติ   ..  นี่ก็เป็นการจัดอีกแบบหนึ่ง แต่การจัดชั้นคัมภีร์   ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่คุยมาตอนหลังของกระทู้นี้ ประเด็นหลังๆคือ  การโจมตีทำนองว่า  พระอภิธรรม และ อรรถกถา ไม่ใช่พุทธพจน์ แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 13:39:22 แก้ไขเมื่อ 09 ธ.ค. 53 13:36:58 จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:19:03

ความคิดเห็นที่ 34 ในระดับพระสูตร อภิธมฺเม ที่แปลว่าอย่างอื่น ไม่ใช่ โพธิปักขิยธรรม อยู่ตรงไหน http://www.84000.org/ เอาหลักฐานเนื้อๆ นะ ไม่เอาน้ำลาย (ลอยลม) เหม็น อ้อ ไม่เอาอรรถกถานะ อรรถกถา ไม่ใช่พุทธพจน์ แล้วไม่ต้องมายัดเยียดข้อหาว่า ข้าพเจ้าปฏิเสธอรรถกถาด้วยนะ นี่ไม่ใช่เรื่องการปฏิเสธอะไร แต่เป็นเรื่อง คนที่พูดมั่วๆ ไร้หลักฐาน ว่า อภิธรรมหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ นั้น  ท่านหมายถึงเฉพาะข้อความของตอนนั้นของสูตรนั้น เท่านั้น แต่ไม่ใช่หมายถึงเป็นการสรุปตีความหมายระบุลงไปเลยจากสูตรนี้ว่า  พระอภิธรรมมีความหมายแค่นั้น   เพราะคำว่า อภิธรรม  มีความหมายครอบคลุมได้กว้างขวางไปหมด สูตรไหนล่ะ ยกมา หรือว่าหมดปัญญา เลยเอาสีข้างเข้าถู ขอระดับพระสูตร ที่เป็นคำอธิบายจากพระโอษฐ์ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:25:17

ความคิดเห็นที่ 35 อ้าว ยัดเยียดข้อหากันอีกแล้ว แถมไม่ลงทุนเลยนะ ก้อปกันมาดื้อๆ กิ๊วๆ ไม่รู้จักอาย ลำดับความสำคัญของคัมภีร์ต่างๆ ๑) สุตตะ ได้แก่ พระไตรปิฎก ๒) สุตตานุโลม ได้แก่ มหาปเทส (ยอมรับอรรถกถาด้วย) ๓) อาจริยวาท ได้แก่ อรรถกถา (พ่วงฎีกา อนุฎีกาด้วย) ๔) อัตตโนมติ ได้แก่ มติของบุคคลที่นอกจากสามข้อต้น ไหนละ ข้าพเจ้าบอกว่านี่เป็น นวังคสัตถุศาสน์ ตรงไหน มุสาทั้งเห็นๆ เลยนะท่าน อัตตโนมติ มติของบุคคลที่นอกจากสามข้อต้น (มติของอาจารย์ตน) มันจะเป็น นวังคสัตถุศาสน์  คำสั่งสอนของพระศาสดา ไปได้อย่างไร อาจริยวาท ได้แก่ อรรถกถา (พ่วงฎีกา อนุฎีกาด้วย) มันจะเป็น นวังคสัตถุศาสน์  คำสั่งสอนของพระศาสดา ไปได้อย่างไร สุตตานุโลม ได้แก่ มหาปเทส (ยอมรับอรรถกถาด้วย) ถ้าสอบแล้วลงในสูตร ลงในวินัยได้ นั่นเป็น สัตถุศาสน์ สุตตะ ได้แก่ พระไตรปิฎก อันนี้ชัดว่าเป็น สัตถุศาสน์ คำสั่งสอนของพระศาสดา ยังจะมั่วอีกมั้ยท่าน ไก่ยังไม่หมดเล้าอีกหรือท่าน หรือจะต้องให้ฟ้องพระบรมศาสดา ว่า.... จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:33:43

ความคิดเห็นที่ 36 นวังคสัตถุศาสน์ อ่านความหมาย 9 ข้อ ก็คือ พระไตรปิฎก นั่นเอง หัวขี้เลื่อยขนาดไหนก็เข้าใจน่า ซึ่งก็เท่ากับชนิดของคัมภีร์ ข้อ ๑) สุตตะ ได้แก่ พระไตรปิฎก  นั่นเอง 9 ข้อ รวมลงในข้อเดียวก็หมดแล้ว และอาจมีอยู่ในข้อ ๒) สุตตานุโลม ได้แก่ มหาปเทส (ยอมรับอรรถกถาด้วย) ก็ต้องไปสอบสวนในพระสูตร พระวินัย ว่าเป็น สัตถุศาสน์หรือไม่ ข้อ ๓) ข้อ ๔) ของคัมภีร์ ก็ชัดแจ้ง แดงแจ๋ ฎีกา อนุฎีกา เป็น สัตถุศาสน์ ???? อัตตโนมติ เป็น สัตถุศาสน์ ???? ใครมั่วกันละเนี่ย ปัดโธ่ !!!!!!!!!! ได้เปรียญเท่าไหร่แล้ว คืนเขาไปนะท่าน เรื่องแค่นี้ยังมั่วสุดๆ เอาแค่นักธรรมตรีก็พอแล้ว คุยที่ไหนจะได้ไม่อายเขา ปล่อยไก่ได้อีกหลายเล้า จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:45:18

ความคิดเห็นที่ 37 อ้าวท่าน แก้ความเห็นปล่อยไก่เสียเกลี้ยงเลย ไม่ทันเซฟสะด้วยสิ แหม่ กำลังมัน จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:47:38

ความคิดเห็นที่ 38 ง่วง  ไปนอนก่อนละ  เกือบตี ๑ แล้ว  ลุยงานมาทั้งวันด้วย   ไม่มีเวลาได้อ่านข้างบนนั้นแบบละเอียดเลย  แค่กวาดตาผ่านใน ๒ วินาที ... พรุ่งนี้ค่อยมาลุยต่อ จากคุณ : ศิษย์พระป่า เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:53:58

ความคิดเห็นที่ 39 ท่านแก้ คห. 2 รอบ ข้าพเจ้ากลายเป็นหมา ไปเลยนะเนี่ย (ยืมคำพูดท่านระนาดเอกหน่อย) ไหน ใส่ความข้าพเจ้าอยู่ยิกๆ ว่าบิดเบือนความหมายของ นวังคสัตถุศาสน์ จาก 9 ข้อ เหลือ 4 ข้อ (โดยไปยกเอาระดับคัมภีร์ 4 ชนิด มา) แล้วว่าข้าพเจ้าเอา 5 ข้อ (ที่เหลือ) ไปทิ้ง จะรับผิดชอบมั้ยท่าน หรือต้องให้ทูลฟ้องพระบรมศาสดา ว่า........ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 13:54:29

ความคิดเห็นที่ 40 กระทู้นี้น่าร่วมวงด้วยจังเลย มีปัญหาว่า ยังอ่าน คคห ของท่านอื่นๆ ไม่จบ จากที่ได้อ่านของคุณฤทธีคร่าวๆ เชื่อว่าคุณฤทธีคงอ่านหนังสือ พระอภิธรรมเป็นพระพุทธพจน์ ของ พระคันธสาราภิวงศ์ ไม่ละเอียดพอ หรืออาจจะอ่านหมดแล้ว แต่จงใจหยิบอ้างเฉพาะที่ต้องการ ไม่ทราบได้ - จึงแย้งหนังสือนั้นเสมือนว่าหนังสือกล่าวผิด ทั้งๆ ที่หนังสือก็กล่าวไว้ชัดเจนแล้ว และก็ยกบางประโยคมากล่าวอ้าง โดยไม่ได้นำ "ความ" มาทั้งหมด ผมได้เห็นลักษณะการกล่าวอ้างอย่างนี้ ของคุณฤทธี อีกแห่งในที่หนึ่งเกี่ยวกับ ภิกษุณี ที่คุณฤทธียกเฉพาะพระพุทธพจน์มาอ้าง ไม่ได้ยก "ความ" ตรงแห่งนั้นมาด้วย ว่าเหตุใดพระองค์จึงตรัสเช่นนั้น หวังว่าผมคงมีโอกาสมาแสดงทัศนะต่อข้อเขียนของคุณฤทธีเรื่องอภิธรรม ฯ ที่คุณชาล้นถ้วยยกมาแสดงในนี้ ไม่วันใดก็วันหนึ่ง จากคุณ : ระนาดเอก เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 15:50:19

ความคิดเห็นที่ 41 ยินดีต้อนรับทุกท่านที่ประสงค์จะถกกันด้วยปัญญา จะแรงไปบ้างอะไรบ้าง ก็ขอให้เป็นไปด้วยเหตุผล ด้วยหลักฐานต่างๆ แต่ถ้าใครมาป่วน บอกก่อนนะ ว่า จขกท. นี้ดุนะเฟ้ยยย จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 16:48:46

ความคิดเห็นที่ 42 พรุ่งนี้ จขกท. อาจะเข้ามาดูกระทู้ช่วงเย็นๆ หรืออาจไม่ได้เข้ามาดูเลยก็ได้ แล้วก็ 11-15 จะไปอยู่วัดยาว ใครเข้ามาก็ขอร้องให้อยู่ในประเด็นกระทู้กันด้วย อย่าทำกระทู้ให้มันเละเทะ ขอให้รับทราบด้วยว่า จขกท. ไม่อยู่ ฉะนั้นอย่าฉวยโอกาส โพสต์ได้ แต่ให้มันพอประมาณ สมเหตุสมผล ไม่ใช่พอไม่มีคนคุมกระทู้ก็ล่อเสียอย่างมันสะใจ ถ้าโต้แย้งประเด็นกระทู้แบบมีเหตุมีผล หรือยกหลักฐานมากล่าวแก้ ก็ว่ากันไปเลย จะยาวแค่ไหนก็ตามอัธยาศัย (แต่หยุดหลายวันนี่ คนน่าจะออก ตจว. เหมือนกันกระมัง) แล้วจะเอาบุญมาฝากทุกท่าน จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 19:11:50

ความคิดเห็นที่ 43 อภิธรรม คือ โพธิปักขิยธรรม (ความคิดเห็นจากคุณ Ritti Janson) อีกหลักฐาน เสริม เพิ่ม ตามภาพ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 19:51:41

ความคิดเห็นที่ 44 ภาพผิด เอาใหม่ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 19:53:39

ความคิดเห็นที่ 45 จากหนังสือเล่มนี้ โดย "เปรียญธรรม ๙ ประโยค สมัยเป็นสามเณร" (รุ่นพี่ หรือน้อง พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) ผมลืมแล้ว ผู้ทำหนังสือเล่มนี้ให้ปรากฎ ตามภาพ นะครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 19:56:22

ความคิดเห็นที่ 46 คคห 20 คุณเฉลิมศักดิ์ 1 ยัง ไม่ รีบ หาหลักฐาน มา รับริง สิ่งที่คุณเฉลิมศักดิ์ กล่าวหา ท่านพุทธทาส ตามหลักฐาน นี้ รับผิดชอบ ในสิ่ง ที่ กล่าวหา "พุทธบุตร แห่งพุทธวงศ์" ไหมครับ คุณเฉลิมศักดิื 1 จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 20:00:20

ความคิดเห็นที่ 47 ผู้ทำหนังสือนี้ให้ปรากฎ (ดังภาพใน คคห 43 44  45) เคยสนทนากันทางโทรศัพท์ฯ "ก่อน ไปหาท่านพุทธทาส" ในกรณี "ดอกไม้กับก้อนอิฐ" บทความในหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง ที่ "คุณเสฐียรพงษ์ วรรณปก" เขียน เกี่ยวกับท่านพุทธทาส ฯ กลับมา "ผมถามว่า" -- ตกลง อย่างไร? ประเด็น ที่คาใจ นั้น ได้รับคำตอบแบ สั้นๆ คือ "ไว้โอกาสหลัง" แต่หลังจากนั้น "คุณเสฐียรพงษ์ วรรณปก" ก็ ไม่ ได้เขียนบทความในหนังสือพิมพ์ฉบับนั้น (ลืมแล้วว่าฉบับไหน) เกี่ยวกับท่านพุทธทาส ฯ ใน ทางเสียหาย โดย เอา "ความรู้ ความเห็น ของตนเอง  ที่ ยัง ไม่ได้ สอบทานกับ ท่านพุทธทาส โดยตรง" เช่น เมื่อก่อนอีก ย้ำ  ---- ใน ทาง เสียหายแก่ ท่านพุทธทาส โดย อ้าง รักพระพุทธเจ้า ยิ่งกว่า พระไตรปิฎก -- หมายเหตุ ๑ คุณเฉลิมศักดิ์ 1  รีบๆๆๆๆๆ หาหลักฐาน มา ยืนยัน "คำกล่าวหาของตน"  เสีย ที นะครับ หมายเหตุ ๒ แด่ นักอภิธรรม (มัตถสังคหะ) นิยม ---  นะครับ พระพุทธองค์ ตรัส คำว่า  อภิเจตสิก ไว้ พระเถระครั้งปฐมสังคายนา ท่านรักษา อยู่ในพระไตรปิฎก เล่มไหน ---- ทราบไหมครับ แล้ว เจตสิก ๕๒ -- ตรัสไว้ ใน พระสูตรไหนครับ ? สรุป เห้นด้วยว่า -- อภิธรรม คือ โพธิปักขิยธรรม (ความคิดเห็นจากคุณ Ritti Janson)  ครับ จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 20:12:13

ความคิดเห็นที่ 48 อภิธรรม คำที่ตรัสออกจากพระโอษฐ์ (พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา) ได้แก่ "อภิธมฺเม คือ โพธิปักขิยธรรม ๓๗ (อันเกิดจาก พุทธปัญญา) อภิเจตสิก คำที่ตรัสออกจากพระโอษฐ์ (พระเถระครั้งปฐมสังคายนา รักษามา) ได้แก่ "?" --- นักอภิธรรมนิยม หาเอง นะครับ สหายนักอภิธรรม ที่ผม รู้จัก (ที่ไม่รู้จัก และ ไม่ จำเป้นต้องรู้จักก้มี ครับ) เขา ไม่กล้า ค้านพระพุทธวจนะ =  ไม่ค้านพระสุตร (พระสุตันตะฯ) แต่ ลีลา อาการ ถ้า เขา --- เอาอะไรๆ ที่ มากกกก เฟ้ออออ เกินนน "ที่ไม่อยู่ในรูป เป็นพระพุทธวจนะ"  "ตามที่ "พระเถระครั้งปฐมสังคายนา" "ท่านรักษามา" มา กล่าว มาแสดง ใน ลักษณะ ที่ ทำให้ พระพุทธวจนะ ๕ อาคม  (คือ  ที มะ สัง อัง ขุ. คือ พระสุตตันตะ) --- ทีหลัง "อภิธรรม ตามที่เขาว่า นั้น" แปลว่า ???? ครับ วิญญูชนชาวพุทธ ? ลอง พินิจ + วินิจฉัย นะครับว่า ใคร ที่เอา "ไม่อยู่ในรูปเป็นพระพุทธวจนะ"  มา บดบัง "ที่เป็นพระพุทธวจนะ" "ณ ปัจจุบันขณะ ที่ กล่าว ฯ อันมี ลีลลาคือ เอามาบดบัง เข้าข่าย ทำให้ พระพุทธวจนะ ๕ อาคม  (คือ  ที มะ สัง อัง ขุ. คือ พระสุตตันตะ) --- ทีหลัง "อภิธรรม ตามที่เขาว่า นั้น" มี อภิเจตสิก ตาม ที่ตรัสไว้ไหม ? หรือ มีแค่ เจตสิก (แบบที่ อ้างตำราใดนั้น) จึงมี ลีลา อาการ เช่นนั้น (กล่าวแบบนั้น ในกรณีนั้นฯ) จากคุณ : เซนเถรวาทปฐมสังคายนานิยม (F=9b) เขียนเมื่อ : 9 ธ.ค. 53 20:37:49

ความคิดเห็นที่ 49 เข้ามาดูกระทู้ จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : วันรัฐธรรมนูญ 53 15:28:11

ความคิดเห็นที่ 50 เทศกาลเจริญสติ รับปีใหม่...ชีวิตใหม่ ปีใหม่มี สำหรับดี กว่าปีเก่า พืชมีเหง้า ครบปี ทวีหัว ทั้งขนาด และจำนวน ล้วนเกินตัว แต่คนชั่ว กลับถอยถด ดีลดลง คือปีหน้า เลวลงกว่า ในปีนี้ ไม่กี่ปี จะหมดดี เพราะมีหลง รู้สึกตัว ละชั่ว เพราะเห็นตรง ดีจะคง ดีขึ้นไป ชื่นใจเอย.   กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และ สวนโมกข์ กรุงเทพ /หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ กับ เครือข่ายธรรมภาคี จึงร่วมกันจัดให้มี เทศกาลเจริญสติรับปีใหม่...ชีวิตใหม่ขึ้น ในวันที่ ๑๖- ๒๑ ธันวาคม ๒๕๕๓ ตั้งแต่ ๐๘.๐๐ – ๒๐.๐๐ น. เพื่อเชิญชวนทุกท่านได้ใช้โอกาสพิเศษที่เวียนมาอีกรอบ เป็นหมุดหมายแห่งการพิจารณามุ่งมั่นพยายามพัฒนาชีวิต จิตใจ และ สติปัญญาให้ก้าวหน้าดีงาม สงบ เย็นและเป็นประโยชน์ยิ่งๆ ขึ้นทั้งที่เคหสถานบ้านเรือน วัดวาอาราม สถานประกอบการ ชุมชน ท้องถิ่น จังหวัดให้กว้างขวางทั่วทั้งประเทศ ในช่วงแห่งเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ พร้อมกับการปรารภเป็นพุทธบูชาถึงปี ๒๕๕๕ อันเป็นมหามงคลยิ่งที่กำลังจะมาถึง คือเป็นวาระการครบรอบ ๒๖๐๐ ปีแห่งการตรัสรู้ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นอาจาริยบูชาในวาระครบรอบชาตกาล ๑๐๐ ปี แด่พระพรหมมังคลาจารย์ - ปัญญานันทะภิกขุ และ พระพรหมคุณาภรณ์ – ป.อ. ปยุตฺโต ในวาระเจริญอายุ ๖ รอบ และ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในมหามงคลสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ๗ รอบ ในปี ๒๕๕๔ นี้ กิจกรรมที่ทำ สมโภชภาพจิตรกรรมฝาผนัง ปริศนาธรรมประจำสวนโมกข์กรุงเทพ ชุดใหญ่ ติดตั้งภาพปริศนาธรรมประดับฝาผนังขนาดใหญ่หลายร้อยภาพ วาดถวายโดยกลุ่มจิตรกรไทย ผู้เคยร่วมกันวาดภาพฝาผนังถวายวัดพุทธประทีปในกรุงลอนดอน ( ตั้งแต่ ๑๖ ธค.๕๓ เป็นต้นไป ) แสดงภาพชุด “งอกเงยด้วยธรรม งดงามด้วยศิลป์” ของกลุ่มจิตรกรไทย ( ๑๖ ธค.๕๓ – ๓๑ มค.๕๔ ) แนะนำ ๕๐ สถานปฏิบัติธรรมทั่วไทย ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) (๑๖ ธค.๕๓ –๑๙ ธค.๕๔) ภาวนาเจริญสติ นำภาวนาเจริญสติ สมถวิปัสสนา โดยนานาครูบาอาจารย์ ( ๑๖ – ๒๑ ธค. ๒๕๕๓ ) พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต ชัยภูมิ ( ๑๖ ธค. ๕๓ เวลา ๑๗.๐๐ ) พระอาจารย์โสภณ ฉันทธัมโม สวนธรรมสากล สงขลา ( ๑๗ ธค. ๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ ) พระอาจารย์เมธี สุเมธโส สวนโมกข์ สุราษฎร์ธานี ( ๑๗ ธค. ๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ ) พระศรีญาณโสภณ (ปิยโสภณ) วัดพระราม๙ กาญจนาภิเษก กทม. ( ๑๘ ธค. ๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ ) พระครูปลัดสุวัฒนพรหมคุณ วัดญาณเวศกวัน นครปฐม ( ๑๘ ธค. ๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ ) กิจกรรม วันแห่งสติ กับ หมู่บ้านพลัม ( ๑๙ ธค. ๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ ) พระคัมภีรญาณ อภิปุญโญ วัดป่าสุญญตา ประจวบคีรีขันธ์ ( ๑๙ ธค. ๕๓ เวลา ๑๔.๐๐ ) พระราชปัญญาวิสารัท (หลวงพ่อเหลือง) วัดกระดึงทอง บุรีรัมย์ ( ๒๐ ธค. ๕๓ เวลา ๑๒.๐๐ ) พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี (ว.วชิรเมธี) สถาบันวิมุตตยาลัย กรุงเทพฯ ( ๒๑ ธค. ๕๓ เวลา ๐๖.๓๐ ) ธรรมะ บุ๊ค แฟร์ งานออกร้านหนังสือธรรมะจากนานาสำนักศึกษาและส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ตลอดจนสำนักพิมพ์และกลุ่มต่างๆ เพื่อส่งเสริมการใช้หนังสือและสื่อธรรมเป็นของขวัญปีใหม่ให้ตนเองและกัลยาณมิตร (๑๖ – ๑๙ ธค. ๕๓) เสวนา อภิปราย ดนตรี การแสดงและละคร เพื่อการสร้างเสริมสติปัญญาต่าง ๆ ๐๙.๐๐น.-๑๘.๐๐ น. (๑๖ – ๑๙ ธค. ๕๓) ร่วมทำบุญหนังสือดีให้น้องน้อย ในพื้นที่ประสบอุทกภัยทั่วไทย กับ เครือข่ายแผนงานสร้างเสริม วัฒนธรรมการอ่าน (๑๖ –๑๙ ธค. ๕๓) ร่วมทำบุญหนังสือธรรมะแก่ห้องหนังสือประจำวัด ชุมชน โรงเรียนฯ กับ สวนโมกข์กรุงเทพ (ตั้งแต่ ๑๖ ธ.ค. เป็นต้นไป)   เรื่องและภาพจาก แก้ไขเมื่อ 17 ธ.ค. 53 12:36:29 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 12:29:41

ความคิดเห็นที่ 51 ลิ้งค์ไม่มา อิอิ เอาใหม่ http://www.bia.or.th/index.php/th/the-news/58-2010-12-09-05-03-46.html จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 17 ธ.ค. 53 12:34:11

ความคิดเห็นที่ 52 . แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 13:26:33 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 13:25:52

ความคิดเห็นที่ 53 .. แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 53 13:27:11 จากคุณ : ชาล้นถ้วย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 53 13:26:41